Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 60 ชูร่าเขาทอง
Super God Gene – ตอนที่ 60 ชูร่าเขาทอง

หลังจากแยกที่กับหลินเผ้ยเฟิงแล้ว หานเซิ่นอธิบายเรื่องราวต่างๆให้ซานตันเฟิงฟัง   หานเซิ่นรู้จักซานตันเฟิงดี เขาเลยไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับหานฮ่าวมาก เพราะถ้าซานตันเฟิงรู้เรื่องที่หานฮ่าวทำ เขาคงไม่ปล่อยหานฮ่าวไปง่ายๆแน่ ซานตันเฟิงเห็นว่าหานเซิ่นเป็นเหมือนพี่น้องที่โตมาด้วยกัน เขาคงยอมรับไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่หานฮ่าวทำ   บนรถไฟฟ้าระหว่างทางกลับบ้าน หานเซิ่นกำลังคิดเกี่ยวกับหนองน้ำแห่งความมืด ที่แทบจะไม่มีมนุษย์เข้าไปที่นั้นเลย ทำให้เขาสามารถใช้วิญญาณอสูรได้อย่างเต็มที่ รวมถึงปีกวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิด้วย ที่จะทำให้เขาไม่ต้องเสี่ยงอันตรายมาก   ทันใดนั้นหานเซิ่นได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คน เขาหันไปมองด้วยความประหลาดใจ และเห็นบางอย่างคล้ายอุกกาบาตตกลงมาจากฝากฟ้า   “คำเตือน คำเตือน ตรวจพบ UFO” ตูม! เสียงสัญญาณเตือนภัยจากระบบป้องกันของดวงดาวดังขึ้น ลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งชนกับตึกสูง ทำให้เกิดระเบิดเสียงดัง พื้นดินโดยรอบสั่นสะเทือน และระบบไฟฟ้าในบริเวณนั้นหยุดทำงาน   หานเซิ่นมองไปที่ตึกบริเวณที่ยุบตัวลงไปเนื่องจากถูกชน และเห็นยานเหาะทรงกลมรูปร่างแปลกๆ ที่ครึ่งหนึ่งของยานเหาะปักเข้าไปในตึก และกำลังมีเปลวไฟลุกลามไปทั่ว   ผู้คนส่งเสียงกรีดร้องแตกตื่น และวิ่งไปทั่ว บริเวณนี้คือเขตโรงเรียน และตึกที่เพิ่งจะโดนพุ่งชนเป็นตึกหลักของโรงเรียน เด็กที่กำลังวิ่งหนีออกจากตึกเกือบทั้งหมดเป็นเด็กอายุประมาน 10 ขวบ   เนื่องจากเป็นโรงเรียนรัฐบาล มันจึงไม่มีระบบป้องกันภัยที่ดี ทำให้ไม่สามารถตอบสนองได้ทันการ หลังจากเกิดการระเบิด ไฟฟ้าทั้งหมดถูกตัดด้วยเหตุผลบางอย่าง และระบบป้องกันไฟอัตโนมัติใช้การไม่ได้ ท่ามกลางความมืดผู้คนสามารถเห็นแค่แสงจากไฟที่กำลังลุกไหม้   หลังจากที่เห็นรูปร่างของยานเหาะที่พุ่งชนตึก หานเซิ่นก็กำหมัดแน่นทันที เขาเคยเห็นมันมาก่อน ยานเหาะรูปร่างทรงกลมมันอยู่เหนือเทคโนโลยีของมนุษย์ในปัจจุบัน และเผ่าพันธุ์ที่จะสามารถผลิตมันขึ้นมาได้ก็เป็นศัตรูกับมนุษยชาติ – ชูร่า   ชูร่า คือชื่อที่มนุษย์ใช้เรียกพวกมัน ชูร่าดูคล้ายๆมนุษย์ แต่บริเวณศีรษะของพวกเขาจะมีเขางอกออกมา โดยเพศผู้จะมี 1 เขา ส่วนเพศเมียจะมี 2 เขา และทั้งชูร่าเพศผู้ และเพศเมียจะสวมหน้ากากมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ซึ่งหน้ากาก และเขาของพวกเขาจะเป็นสัญลักษณ์แทนแต่ละบุคคล   มนุษยชาติต่อสู้กับพวกชูร่ามานานหลายร้อยปีในอวกาศ ในยุคแรก พวกชูร่ามีร่างกายที่แข็งแกร่ง และเทคโนโลยีที่เหนือกว่ามนุษย์มาก ทำให้มนุษย์พ่ายแพ้ในทุกสมรภูมิ   แต่เกือบ 200 ปีก่อน มนุษยชาติได้ค้นพบก็อตแซงชัวรี่ และเริ่มได้รับจีโนพ้อย ทำให้ร่างกายของมนุษย์พัฒนาขึ้น ตั้งแต่นั้นมาทำให้มนุษย์เริ่มสามารถต่อกรกับพวกชูร่าได้   ดาวรูก้าเป็นดาวแห่งการค้า และอยู่ไกลจากเขตสงคราม ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจมาก เมื่อเห็นพวกมันที่นี่ ตั้งแต่เล็กหานเซิ่นเคยเห็นพวกมันแค่ในทีวีหรือในเน็ตเท่านั้น   เมื่อหานเซิ่นจ้องมองไปที่ตึกนั้น เขาเห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาน 7 ขวบติดอยู่บนซากตึก และกำลังจะตกลงมาข้างล่าง เสื้อผ้าของเด็กคนนั้นติดอยู่กับเหล็ก ทำให้เธอไม่สามารถหนีไปไหนได้ เด็กคนนั้นพยายามปีนขึ้นไป เพื่อเอาเหล็กออก แต่เธอไม่แข็งแรงพอ ยิ่งเธอพยายามดิ้นร่นเท่าไรเสื้อผ้าของเธอที่ถูกเหล็กทับอยู่ก็เริ่มฉีกขาด   ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา และมือของเธอเต็มไปด้วยเลือดที่มาจากบาดแผล เธอเกือบจะสิ้นหวัง เพราะต่อให้เธอปีนขึ้นไปได้ ก็มีไฟกำลังลุกไหม้อยู่ทุกที่ ไม่มีทางที่เธอจะรอดชีวิตไปได้   เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเริ่มหมดแรง เสื้อผ้าของเธอก็กำลังขาดอย่างช้าๆ จากความสูงขนาดนี้ แม้แต่ผู้ใหญ่ที่มีจีโนพ้อยเยอะๆยังอาจจะตายได้ ไม่ต้องพูดถึงเด็กตัวเล็กๆ   ถัดจากเด็กคนนั้น ทันใดนั้นประตูของยานเหาะก็เปิดออก และมีชูร่าที่มีเขาสีทอง 1 เขาบนหัวเดินออกมา บนใบหน้าของมันมีหน้ากากสีขาวปกคลุมทั้งใบหน้า ยกเว้นแค่ส่วนตา   ชูร่าในชุดเกราะอัลลอยที่มีสภาพพังยับเยิน และมีเลือดสีเขียวๆเปรอะเปื้อนไปทั่ว เลือดของชูร่านั้นต่างจากมนุษย์เลือดของชูร่านั้นมีสีเขียว   หานเซิ่นช็อค เมื่อเห็นชูร่าตัวนี้ ดูจากรูปทรงและวัสดุที่นำมาทำเป็นหน้ากาก ซึ่งมีความหมายในตัวของมัน แต่หานเซิ่นไม่มีความรู้เกี่ยวกับชูร่ามาก อย่างไรก็ตาม แค่มองดูที่เขาสีทองของมัน หานเซิ่นก็พอจะบอกได้ว่าชูร่าตัวนี้ไม่ธรรมดา   เขาของพวกชูร่าเป็นสัญลักษณ์แสดงตัวตนที่โดดเด่นที่สุด เขาของพวกมันมีทั้งหมด 4 สี : ดำ ขาว ทอง และม่วง ซึ่งสีดำคือพลเมืองทั่วไป สีขาวคือชนชั้นสูง สีทองคือระดับขุนนาง และสีม่วงคือพวกราชวงศ์ การที่มีชูร่าระดับขุนนางปรากฏตัวออกมา ทำให้หานเซิ่นรู้สึกช็อค   ในมือของชูร่าตัวนี้ถือดาบซามูไรสีดำ พวกชูร่าทุกตัวมีพลังกำลังที่สูงกว่ามนุษย์มาก พวกชูร่าผู้ใหญ่สามารถสู้กับมนุษย์ที่วิวัฒนาการแล้วได้   ชูร่าเดินออกมาจากยานเหาะ และหันมองเด็กผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ด้วยแววตาโหดเหี้ยม มันยกดาบซามูไร และฟันไปที่เด็กผู้หญิงคนนั้น   หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรด้วงทมิฬ นักฆ่ากระหายเลือด และมังกรปีกม่วงทั้งหมดออกมา ตอนนี้เขาเหมือนอสูรขนาดใหญ่ที่มีปีก และสวมชุดเกราะสีทองที่ห่อหุ้มไปทั้งตัว   ตูม! ด้วยปีกอันทรงพลัง ทำให้เขาไปถึงตึกได้ทันท่วงที เขาอุ้มเด็กผู้หญิงด้านมือข้างหนึ่ง และจับไปที่ดาบของชูร่าด้วยมืออีกข้าง เลือดของหานเซิ่นไหลไปตามดาบของชูร่า     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 167 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 59 คนโชคดี
Super God Gene – ตอนที่ 59 คนโชคดี

“ดูเหมือนว่าอาหญิงของนายจะโกรธมากนะ” ซานตันเฟิงรู้สึกแย่ เพราะเขาเป็นคนชวนหานฮ่าวมาเอง   “ช่างมันเถอะ สำหรับฉันพวกเขาก็เป็นแค่คนแปลกหน้า” หานเซิ่นพูดแบบไม่ทุกข์ร้อน จากนั้นเขาก็ถามด้วยความสงสัย “แล้วหลินเป้ยเฟิงที่เขาพูดถึงเป็นใครกัน?”   หานเซิ่นคิดว่าหลินเป้ยเฟิงที่พูดถึง น่าจะเป็นคนเดียวกับที่เขาเจอที่ภูเขา และกลับไปที่สตีลอาเมอร์ด้วยกัน   “ก็แค่คนโชคดีน่ะ” ซานตันเฟิงเริ่มพูดให้หานเซิ่นฟังเกี่ยวกับบริษัทซันไลท์   บริษัทซันไลท์เคยเป็นบริษัทเล็กๆที่ครอบครองเหมืองหลายแห่ง และภายหลังพวกเขาซื้อดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง เพื่อใช้ในการเก็บขยะของพวกเขา แต่พวกเขากลับพบแร่ธาตุที่ล้ำค่าในดาวดวงนั้น   ภายในช่วง 20 ปีที่ผ่าน ด้วยการขายแร่ธาตุหายากพวกนั้น ทำให้บริษัทซันไลท์กลายเป็นบริษัทที่โดดเด่น และร่ำรวยมากบริษัทหนึ่งในกาแลคซี่ และประธานบริษัทก็คือพ่อของหลินเป้ยเฟิง   หลินเป้ยเฟิงพึ่งจะเข้ามาในก็อตเเซงได้ไม่นาน แต่หลายคนก็รู้จักเขา เพราะเขาเป็นคนใจกว้าง คนจำนวนมากพยายามผูกมิตรกับเขาเพื่อหวังผลประโยชน์   “แหม่ มันช่างโชคดีจริงๆ” หานเซิ่นถอนหายใจ   “แต่พวกเขาไม่ได้อยู่บนดาวรูก้า ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขามาทำอะไรที่นี่” … ห้องจัดเลี้ยงในตึกเดียวกัน พวกคนที่มีหน้ามีตาในสังคมต่างพูดคุยสังสรรค์กันอยู่ หลายคนที่นี่อยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 กันหมดแล้ว อายุของพวกเขาส่วนมาก 30+ แต่ทว่ากลุ่มที่น่าจับตามองในงานเลี้ยงนี่คือพวกอายุประมาน 16 ปี   หลินเป้ยเฟิงให้ความบันเทิงกับแขกผู้ร่วมงาน ด้วยมารยาทที่ดีของเขา ทำให้ทุกคนประทับใจมาก เขาดูไม่เหมือนพวกเศรษฐีใหม่เลย หานยู่เหมยต้องการให้หานฮ่าวเข้าไปคุยกับหลินเป้ยเฟิง แต่พวกเขาหาโอกาสไม่ได้ เนื่องจากในงานมีคนเยอะมาก ซึ่งแต่ละคนก็ต้องการจะคุยไปคุยกับเขาทั้งนั้น และแต่ละคนก็เป็นพวกมีหน้ามีตาในสังคมทั้งนั้น ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะแซงคิวเข้าไปคุยกับหลินเป้ยเฟิง   เมื่องานเลี้ยงจบลง หลินเป้ยเฟิงเดินออกมาจากตึก ในที่สุดหานยู่เหมยก็เจอโอกาสที่จะให้หานฮ่าวเข้าหาเขา แต่ในเวลานั้นหานเซิ่นกับซานตันเฟิงก็เดินมาพอดี เนื่องจากซานตันเฟิงต้องการจะเขาไปทักทายหานฮ่าว หานเซิ่นเลยต้องเดินตามมา   ก่อนที่ซานตัลเฟิงจะได้พูดอะไร หานยู่เหมยผลักพวกเขาทั้ง 2 ออกไปข้างๆ และพูดว่า “พวกเธอทั้ง 2 คนออกไปห่างๆลูกชายของฉัน โดยเฉพาะหานเซิ่น ได้ยินว่าแกทำเรื่องแย่ๆไว้ที่สตีลอาเมอร์ ดังนั้นอย่าเข้ามาใกล้ลูกชายของฉัน อย่าแม้แต่จะบอกว่ารู้จักกับเขา” หานยู่เหม่ยรีบพาหานฮ่าวตรงเข้าไปหาหลินเป้ยเฟิง   ซานตันเฟิงอึ้งไปสักพัก และถามหานเซิ่น “อะไรกัน? นายอยู่เมืองเดียวกับหานฮ่าวงั้นหรอ?”   หานเซิ่นพยักหน้า “ไปที่เงียบๆ เดียวฉันจะอธิบายให้นายฟัง” เมื่อได้ยินที่หานยู่เหม่ยพูด ทำให้หานเซิ่นรู้ว่าหานฮ่าวจะต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสตีลอาเมอร์ให้แม่ของเขาฟัง   ในที่สุดหานยู่เหม่ยกับหานฮ่าวก็เข้าหาหลินเป้ยเฟิงได้สำเร็จ บังเอิญหลินเป้ยเฟิงหันมาพอดี หานยู่เหม่ยรีบพูดกับเขาทันที “คุณหลิน นี่คือลูกชายของดิฉันเอง หานฮ่าว เขาอยู่เมืองเดียวกับคุณ…”   หลินเป้ยเฟิงทำเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงของเธอ และเดินผ่านเธอไป หานยู่เหม่ยมองหลินเป้ยเฟิงอย่างตกตะลึง   หลินเป้ยเฟิงเดินตรงเข้าไปหาพวกหานเซิ่นที่กำลังจะเดินจากไป เขาเข้าไปจับแขนของหานเซิ่นไว้ และพูด “เซิ่น ในที่สุดฉันก็ได้พบนายสักที น้องชาย ฉันคิดถึงนายจริงๆ” หลินเป้ยเฟิงเข้าไปกอดหานเซิ่น   ทั้งหานยู่เหม่ยและหานฮ่าวต่างช็อค ที่หลินเป้ยเฟิงรู้จักกับหานเซิ่น แถมยังเรียกเขาว่าน้องชาย   หานเซิ่นขมวดคิ้วและพูด “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”   หลินเป้ยเฟิงไม่ได้รีบตอบ เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมา และส่งให้หานเซิ่นกับซานตันเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับพูดอย่างตื่นเต้น “ฉันมาเพื่อเจอนายไง ฉันได้ยินว่านายอยู่ดาวรูก้า ฉันเลยตั้งใจมาที่นี่ แต่ฉันไม่รู้ที่อยู่ของนาย… แต่ในที่สุดฉันก็เจอนายสักที”   หานเซิ่นเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เขา เขาเลยพูดกับหลินเป้ยเฟิง “อย่าพูดกันที่นี่เลย เดียวผมจะไปหานายวันหลังนะ”   หานเซิ่นพาซานตันเฟิงเดินออกไป แต่หลินเป้ยเฟิงรีบตามพวกเขามา “ยานเหาะของฉันจอดอยู่ข้างๆเอง เดียวฉันพาพวกนายไป”   หานยู่เหม่ยกับหานฮ่าวยืนมองหลินเป้ยเฟิงที่กำลังคุยหานเซิ่น ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น   “ฮ่าว นั่นมันหานเซิ่นจริงหรอ ที่กำลังคุยกับหลินเป้ยเฟิง?” หานยู่เหม่ยไม่อยากจะเชื่อสายตา เลยหันถามหานฮ่าวให้แน่ใจ   หานฮ่าวกัดฟันและพูด “ใช่ นั่นคือเขาจริงๆ”   “แล้วมันเรื่องบ้าอะไร ที่คุณหลินถึงรู้จักกับมัน และทำตัวสนิทกันซะขนาดนั้น?” หานยู่เหว่ยถาม   “ผมว่าหานเซิ่นคงต้องใช้ผู้หญิงไปหลอกล่อเขาแน่ๆ” หานฮ่าวพยายามจะทำให้หานเซิ่นดูแย่ลง เขากำลังอิจฉาหานเซิ่นอย่างมาก   “อ่าว แล้วไหนลูกบอกว่ามันกำลังใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในสตีลอาเมอร์ไง?”   “เขาต้องเป็นกิ๊กของซินเสวียนแน่ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่มีทางรู้จักกับหลินเป้ยเฟิงได้” หานฮ่าวพูดอย่างขมขื่น   “มันกล้าใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือเชียวหรอเนี่ย ช่างน่าอับอายแก่วงตระกูลของเรา…” หานยู่เหม่ยพูด   คู่แม่ลูกเดินออกจากที่นั้นด้วยความโกรธและอิจฉา เมื่อเห็นหลินเป้ยเฟิงเปิดประตูยานเหาะให้หานเซิ่นกับซานตัลเฟิงด้วยตัวเอง     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 164 แล้วครับ