Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 674 ความลับของผนึกพลังชีวิต
Super God Gene – ตอนที่ 674 ความลับของผนึกพลังชีวิต

  หานเซิ่น หวังอวี่ฮังและหลี่ชิงหลุนนั่งเป็นรูป 3 เหลี่ยมอยู่ที่ถ้ำน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ที่กลางวงมีผลึกพลังชีวิตขนาดเท่ากับฝ่ามือตั้งอยู่   หวังอวี่ฮังกลืนน้ำลายก่อนจะถาม “นี่คือผลึกพลังชีวิตจริงๆหรอ?”   หลี่ชิงหลุนไม่อยากเชื่อว่าจะมีวันนี้ “พวกเราฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้จริงๆหรอ? พวกเราคือคนกลุ่มแรกที่ล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ใช่ไหม?”   “ว่าไงหัวหน้าอยากจะขายผลึกพลังชีวิตอันนี้ไหม? ตามสัญญาที่ระบุไว้ ฉันควรจะได้รับส่วนแบ่ง 30% ถ้านายต้องการจะขาย ฉันจะจ่ายที่เหลืออีก 70% เพื่อซื้อมันทั้งหมด” หวังอวี่ฮังถามหานเซิ่น   ตามสัญญาของพวกเขา มันระบุไว้ว่าหานเซิ่นจะได้รับส่วนแบ่ง 50% หวังอวี่ฮังจะได้รับ 30% และหลี่ชิงหลุนจะได้ 20%   ด้วยสัดส่วนนี้ ถ้าเกิดหานเซิ่นตัดสินใจไม่เอามัน หวังอวี่ฮังก็จะมีสิทธิในการครอบครองมันมากที่สุด   “ฉันต้องการมันแน่นอน ใครๆก็อยากได้จีโนพ้อยทั้งนั้น” หานเซิ่นตอบอย่างหนักแน่น ไม่มีทางที่เขาจะยอมปล่อยสมบัติที่ล้ำค้าแบบนี้   หวังอวี่ฮังไอก่อนจะพูด “หัวหน้า จากที่ฉันได้ยินมา หลังจากที่ตระกูลจีได้ผลึกพลังชีวิต แต่พวกเขาก็กินมันไม่ได้ ถึงพวกเขาจะลองพยายามทุกวิธีแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับจีโนพ้อยขั้นสุดยอด ถ้านายต้องการเอามันไปลองใช้เอง ฉันคิดว่าผลมันก็คงไม่ต่างจากพวกเขา ถ้ายังไงขายให้ฉันดีกว่า ฉันจะเอามันไปให้ตระกูลหวังวิจัยและหาวิธีกินมันให้ได้ ถ้าพวกเราไขความลับของมันได้แล้ว มันจะเป็นประโยชน์กับเราในการเก็บจีโนพ้อยขั้นสุดยอดในอนาคต”   “อ่าว ผลึกพลังชีวิตของตระกูลจียังไม่ได้ถูกกินอีกหรอ?” หานเซิ่นประหลาดใจมาก ตอนแรกเขาคิดว่าตระกูลจีคงจะให้คนกินมันเข้าไปตั้งนานแล้ว เขาไม่คิดว่ามันจะต้องมีอะไรที่ต้องวิจัยกันอีก เพราะการจะได้จีโนพ้อยก็แค่กินมันเข้าไปตรงๆก็หมดเรื่อง   “ใช่ พวกเขาลองพยายามหลายวิธี แต่ก็ไม่สำเร็จเลย ผลึกพลังชีวิตแข็งเหมือนกับก้อนหิน มันไม่ละลาย ไม่ไหม้ไฟและก็ไม่จมน้ำด้วย” หวังอวี่ฮังพูด   หลี่ชิงหลุนพูดบ้าง “ที่เขาพูดมาเป็นความจริง ฉันแฮกเข้าไปในระบบของตระกูลจี และก็พบข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองของพวกเขา พวกเขาลองใช้วิธีการนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่ได้ผลเลย เหมือนพวกเขาจะจนปัญญาแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ถึงจะได้จีโนพ้อยขั้นสุดยอด พวกเขาถึงขั้นไปเชิญผู้เชี่ยวชาญจากรัฐบาลส่วนกลางมาช่วย แต่ก็ยังไม่คืบหน้าเลย นั่นคงจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่รัฐบาลยังไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ออกไปอย่างเป็นทางการ”   “ทำไมพวกเขาถึงไม่ลองกลืนมันเข้าไปเลย?” หานเซิ่นถาม   “พวกเขาลองแล้ว แต่หลังจากที่กลืนมันเข้าไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย มันก็ยังอยู่เป็นก้อนเหมือนเดิม ไม่ย่อยสลายเลยสักนิด” หลี่ชิงหลุนพูด   หานเซิ่นขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยิน มันแตกต่างจากความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับผลึกพลังชีวิต ในตอนที่อยู่ก็อตแซงชัวรี่เขต 1 เขาก็แค่เลียมันจนหมดก้อน แล้วทำไมของที่ตระกูลจีถึงได้ต่างออกไป?   ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย แต่มันก็ชวนให้สงสัยอยู่ เพราะผลึกพลังชีวิตแต่ละอันที่หานเซิ่นได้จากก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ก็ยังกินไม่ได้เช่นเดียวกัน พวกมันดูจะต่างไปจากอันที่หานเซิ่นเคยได้ตอนอยู่ก็อตแซงชัวรี่เขต 1   ‘ถ้าผลึกพลังชีวิตของตระกูลจีกินไม่ได้จริงๆ เรื่องนี้มันก็ชักจะยังไงๆแล้ว’ หานเซิ่นคิด เขาเชื่อว่ามันน่าจะมีปัญหาอยู่ตรงไหนสักแห่ง   “หัวหน้าลองคิดเกี่ยวกับมันให้ดีๆ! ถ้าไม่ขายยังไงก็ให้ฉันยืมไปลองให้ตระกูลหวังวิจัย ฉันขอรับประกันเลยว่าพวกเขาจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อไขความลับของมันให้ได้ ถ้าไขความลับได้แล้ว ฉันจะเอามาบอกนายเป็นคนแรกเลย!” หวังอวี่ฮังพูด   “นี่เป็นอันแรกที่ผมได้มา ผมก็อยากจะลองทดลองมันด้วยตัวเองก่อน คุณอยากจะเอาส่วนแบ่งตอนนี้เลยหรือว่าจะเอาไว้แบ่งทีหลัง?” หานเซิ่นไม่ต้องการให้ตระกูลหวังเป็นคนวิจัย หานเซิ่นคิดว่าคนที่น่าจะเข้าใจผลึกพลังชีวิตมากที่สุดก็คือตัวเขาเอง   “งั้นเก็บมันไว้ก่อน” หวังอวี่ฮังและหลี่ชิงหลุนพูดพร้อมๆกัน   พวกเขาเองก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน พวกเขาไม่ต้องการผลตอบแทนเป็นตัวเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจเก็บมันไว้แบบนี้ก่อน   หานเซิ่นเป็นคนเอาผลึกพลังชีวิตของหมียักษ์เหมันต์ไปทดลอง ผลึกพลังชีวิตอันนี้มีความเย็นแพร่กระจายออกมา มันดูจะเป็นขั้วตรงข้ามกับผลึกพลังชีวิตของทีเร็กซ์เกล้ดอัคคี แต่เพราะหานเซิ่นฝึกกายหยก ทำให้เขาไม่กลัวพลังความเย็น   เมื่อหานเซิ่นเข้ามาในห้องของเขาแล้ว เขาก็เริ่มเลียมันทันที แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามเลียมันยังไงก็ตาม มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย   “ทำไมเราถึงกินมันไม่ได้นะ? แล้วต้องทำยังไงถึงจะเปลี่ยนมันเป็นจีโนพ้อยขั้นสุดยอดได้?” หานเซิ่นถือผลึกพลังชีวิตและสังเกตมันต่อไป “หรือมันจะเป็นเหมือนกับพวกนิยายแฟนตาซี? ที่เราจะต้องฝึกให้ร่างกายมีธาตุเดียวกับมันก่อนถึงจะดูดซับได้?”   ขณะที่ถือผลึกพลังชีวิตอยู่ในมือ หานเซิ่นก็เริ่มใช้วิชากายหยก เขาเคยดูดซับพลังน้ำแข็งจากเสวียอี้ขวง ถ้าสมมุติฐานของเขาถูก เขาก็น่าจะดูดซับพลังของผลึกพลังชีวิตนี้ได้   แต่ไม่ว่าหานเซิ่นจะใช้กายหยกหรือพยายามยังไงก็ตาม แต่มันก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย   “แปลกมาก เป็นเพราะอะไรกันแน่? ถ้าตระกูลจีไม่สามารถกินผลึกพลังชีวิตของพวกเขาได้ งั้นก็แสดงว่าผลึกพลังชีวิตของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 กับเขต 2 ก็เหมือนๆกัน? แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นแล้วทำไมเราถึงกินมันได้ตอนที่อยู่ก็อตแซงชัวรี่เขต 1?” ยิ่งคิดหานเซิ่นก็ยิ่งงง   ตอนนี้หานเซิ่นอยากจะให้คนในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดให้ได้อีกสักตัว มันจะได้เป็นเครื่องยืนยันว่าผลึกพลังชีวิตของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 กินได้หรือไม่ได้   หานเซิ่นใช้เวลาในการทดลองผลึกพลังชีวิตต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งข่าวลือเรื่องที่เขาฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ก็เริ่มแพร่กระจายออกไปแล้ว เพราะยังไงก็มีพยานหลายคนเห็น ในหมู่พวกเขามีบางคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดด้วย พวกเขาจึงเชื่อว่าหานเซิ่นฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้แล้ว   “หานเซิ่นเป็นคนที่พิเศษจริงๆ” เมื่อคนของตระกูลหวังได้ยินข่าวนี้จากหวังอวี่ฮัง พวกเขาก็ช็อคกันหมด   “สมกับเป็นลูกของหัวหน้าหาน เขาเพิ่งจะเข้าไปในก็อตเแซงชัวรี่เขต 2 ได้ปีกว่าๆ แต่เขาก็สามารถฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้…” คนจากตระกูลหนิงเองก็ได้ยินข่าวนี้ด้วย พวกเขายิ่งอย่างเชื่อสนิทใจว่าหานเซิ่นสืบเชื้อสายมาจากหานจิงจื่อจริงๆ   “บ้าเอ้ย! ตระกูลจีนำพวกเราไปอีกก้าวแล้ว” บรรดาคู่แข่งของตระกูลจี หลังจากได้ยินข่าว พวกเขาก็รู้สึกว่าควรจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ซึ่งที่พวกเขาคิดแบบนั้นก็เป็นเพราะพวกเขาคิดว่าหานเซิ่นเป็นคนของตระกูลจี   แต่คนในตระกูลจีค่อนข้างสับสนกับข่าวนี่ พวกเขายังไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของแฟนจีเหยียนหรัน พวกเขาไม่รู้จะนับหานเซิ่นเป็นญาติได้รึเปล่า นอกจากนี้แล้วยังมีบางคนในตระกูลจีที่ไม่ค่อยชอบหานเซิ่นด้วย แต่หลังจากที่ได้ยินข่าวลือเรื่องนี่ก็ทำให้พวกเขาสนใจหานเซิ่นมากขึ้น   หลังจากได้ยินข่าวลือในตอนแรก ตระกูลจีก็ยังไม่เชื่อมัน เพราะพวกเขาต้องทุ่มงบประมานมหาศาลกว่าจะช่วยให้จีชิงฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ได้   แต่ข่าวลือที่พวกเขาได้ยินมา เหมือนหานเซิ่นจะฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดด้วยตัวคนเดียวเลย ที่สำคัญมันคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 มันยากที่จะเชื่อจริงๆ  

Super God Gene – ตอนที่ 673 หัวหน้าจงเจริญ
Super God Gene – ตอนที่ 673 หัวหน้าจงเจริญ

  พวกคนที่วิ่งเข้ามาถูกหมียักษ์ฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ร่างของพวกแหลกเป็นชิ้นๆบนพื้นหิมะ ส่วนคนอื่นๆที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ พวกเขาหน้าซีด และก็วิ่งหนีไปสุดชีวิต   เหมือนว่าสมองของหมีจะเสียหายหนักจริงๆ ตอนนี้มันไม่สนใจอะไรอีกต่อไป มันพยายามไล่ฆ่าพวกคนที่อยู่ข้างหน้ามัน มีศพคนนอนตายเกลื่อนไปหมด ตอนนี้คงไม่มีใครรู้ว่าหมีตัวนี้กำลังสนุกกับการไล่ฆ่าคนมากขนาดไหน   แม้หานเซิ่นต้องการจะหยุดมัน แต่ตอนนี้เขาไม่มีแรงเหลือพอจะทำได้ เรี่ยวแรงของเขายังไม่ฟื้นกลับมาหลังจากที่ใช้ท่าเอเลเฟ่นเร็กซ์สไตล์ไป ดังนั้นตอนนี้เขายังใช้มันอีกครั้งไม่ได้ ส่วนการโจมตีแบบธรรมดาๆก็ทำอะไรหมีที่กำลังบ้าคลั่งตัวนี้ไม่ได้   หานเซิ่นได้แต่หวังว่าพละกำลังของเขาจะฟื้นกลับมาไวๆ ถ้าเขาสามารถใช้ท่าเอเลเฟ่นเร็กซ์สไตล์โจมตีมันได้อีกครั้ง เขาก็น่าจะฆ่ามันได้   “โอ้ไม่! มันกำลังมุ่งหน้าไปทางเมืองระดับอัศวิน” หลี่ชิงหลุนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขารีบหันไปทางหวังอวี่ฮัง “อาเล็ก คุณรีบไปล่อมันออกมาที!”   หวังอวี่ฮังพูดด้วยใบหน้าที่หดหู่ “ฉันไม่แน่ใจว่าจะทำได้ไหม แต่ฉันจะลองพยายามดู ตอนนี้เหมือนสมองของมันจะมีปัญหา ไม่รู้ว่ามันจะสนใจฉันเหมือนปรกติไหม”   ตาของหลี่ชิงหลุนเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาพยายามที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของหมี   ถ้าหมีเห็นเมืองแล้ว มันก็คงเลือกที่จะวิ่งเข้าไปทางนั้นทันที ซึ่งคนที่อยู่ภายในเมืองก็คงไม่มีเวลาพอที่จะหนีเอาชีวิตรอดได้   มันเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มักจะมีคนมาทำการค้าขายกัน ทำให้เมืองนี้มีประชากรค่อนข้างหนาแน่น ซึ่งคนส่วนมากภายในเมืองก็เป็นพวกที่ไม่ค่อยมีความสามารถในการต่อสู้ ถ้าหมียักษ์วิ่งเข้าเมืองไปได้ มันก็คงจะเกิดการนองเลือดขึ้น   มีหลายคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ที่หมีตัวนี้ไล่ฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยม เมื่อพวกเขากลับเข้าไปในเมือง พวกเขาก็เอาข่าวไปบอกคนอื่นๆทันที ทำให้ผู้คนในเมืองตอนนี้ดูตื่นตระหนกมาก   หลี่ชิงหลุนยังคงยิงธนูไฟใส่บาดแผลของหมีต่อไปเรื่อยๆ แต่มันก็แค่ทำให้หมีโกรธยิ่งขึ้นกว่าเดิม มันดูจะบ้าคลั่งและป่าเถื่อนมากขึ้น บางทีนี่อาจจะเป็นพฤติกรรมของมอนสเตอร์ที่กำลังใกล้จะตาย มันอาจจะต้องการฆ่าให้มากที่สุดก่อนที่มันจะตายก็ได้   หานเซิ่นขมวดคิ้ว แม้เมืองนั่นจะเป็นเมืองใต้การดูแลของหลี่ชิงหลุน แต่ทุกเมืองในเขตทุ่งน้ำแข็งก็จ่ายภาษีให้เขาทั้งนั้น และที่สำคัญเมืองนี้คือหนึ่งในเมืองที่สร้างรายได้ให้เขามากที่สุด   หานเซิ่นไม่ต้องการให้รายได้ลดลง และเขาก็ไม่อยากจะเห็นคนถูกฆ่าด้วย แต่พลังงานของเขาก็ยังไม่กลับมา เขาไม่สามารถใช้เอเลเฟ่นเร็กซ์สไตล์ได้   หมียักษ์เข้าไปปะชิดตัวเมือง จากนั้นมันก็พุ่งเข้าใส่กำแพงทันที มันใช้กรงเล็บของมันตะปบทุกอย่างที่ขวางหน้า อุ้งมือของมันสามารถสร้างรอยขวนลึกบนกำลังเมืองได้ ตอนนี้มันปลดปล่อยไอเย็นออกมา และพยายามปีนข้ามกำแพงเมืองไป   คนที่อยู่บนกำแพงเมืองกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว ตอนนี้กำแพงเมืองใกล้จะพังลงมาแล้ว พวกเขามองเห็นหมียักษ์กำลังปีกข้ามกำแพงเมือง แผลที่เปิดจนเห็นกะโหลกและเลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาช่วยเพิ่มความน่ากลัวของมันขึ้นไปอีก เหมือนมันจะกระหายเลือดมาก หลังจากที่มันข้ามกำแพงมาได้ มันก็เตรียมที่จะไล่ฆ่ามนุษย์ภายในเมืองทันที   เมื่อหานเซิ่นเห็นว่าหมีข้ามกำแพงไปได้แล้ว เขาก็กัดฟันและกระพือปีกเพื่อเพิ่มความเร็ว เขาบินตรงไปที่หมียักษ์ทันที   ทุกคนเห็นหานเซิ่นกำลังดิ่งลงมาจากท้องฟ้า พร้อมกับอาวุธขนาดใหญ่ในมือ มันดูเหมือนกับสว่านขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังหมุนด้วยความเร็วที่สูงมาก   “ไปลงนรกซะ! มาชิมท่าทะลวงตูดของฉันหน่อยเป็นไง” หานเซิ่นส่งเสียงร้องคำราม เขาใช้เร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีแทงเข้าไปที่ตูดของหมียักษ์ หมียักษ์หันหน้าไปในเมือง มันไม่ได้สนใจหานเซิ่น ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นสามารถแทงเข้าไปในตูดของมันได้   ทั้งเปลวไฟและเลือดทะลักออกมา อาวุธที่ยาวกว่า 2 เมตรของหานเซิ่นแทงลึกเข้าไปในตูดของหมี   หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัวราวกับเครื่องยนต์ กระดูกของเขาส่งเสียงครวญครางออกมา เนื่องจากหานเซิ่นใช้แรงที่หมาศาลของช้างอีกครั้ง เขาเร่งพลังจนถึงขีดสุด เขาใช้มือทั้ง 2 ข้างจับที่อาวุธและพยายามดันมันให้เข้าไปลึกที่สุด   ตอนนี้เร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีแทงเข้าไปลึกกว่าครึ่งอันแล้ว เลือดของหมีทะลักออกมาเป็นสายน้ำ   ทุกคนที่กำลังดูสิ่งที่เกิดขึ้นยืนอึ้งกันหมด การโจมตีอันรุนแรงที่พวกเขาเห็น ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขมาก หลายๆคนรู้สึกเจ็บปวดแทนหมีตัวนั้นจริงๆ บางคนดึงกับเอามือจับตูดของตัวเอง   โฮก! หมียักษ์ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มันพยายามจะหันกลับไปคว้าตัวหานเซิ่น แต่หานเซิ่นก็ปล่อยเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคี และหลบการโจมตีของมัน หลังจากที่เขาหลบได้แล้ว เขาก็เตะไปที่ด้ามของเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีด้วย 7 สังหาร การเตะแต่ละครั้งก็เหมือนกับค้อนที่ตอกลงไปบนตะปู ทำให้มันแทงลึกเข้าไปเรื่อยๆ   หลังจากเตะครบ 7 ครั้ง หานเซิ่นก็ส่งเสียงคำรามออกมา เขารวบรวมแรงทั้งหมด และชกไปที่ด้ามของเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคี ซึ่งเป็นแค่ส่วนเดียวที่ยังไม่ได้เข้าไปในตูดของหมี หลังจากที่เขาชก เร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีทั้งอันก็แทงเข้าไปในตัวของหมีจนหมด   เลือดจำนวนมากทะลักออกมา หมีส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน แต่ไม่นานร่างขนาดใหญ่ของมันก็ล้มไปบนพื้น ทำให้เมืองทั้งเมืองสั่นสะเทือน   “หมียักษ์เหมันต์ขั้นสุดยอดถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เนื้อไม่สามารถกินได้ เมื่อกินผลึกพลังชีวิตของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยขั้นสุดยอด”   เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น เขารู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้วิญญาณอสูร แต่เขาก็รู้ดีว่าจะหวังมากไม่ได้ โอกาสที่จะได้วิญญาณอสูรมันก็น้อยอยู่แล้ว แต่ปรกติแล้วถ้าเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดโอกาสที่หานเซิ่นจะได้วิญญาณอสูรค่อนข้างสูง ดังนั้นก่อนที่จะฆ่ามัน เขาเลยมีความหวังเต็มเปี่ยม   ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความช็อค พวกเขามองดูหานเซิ่นที่บินกลับขึ้นไปบนฟ้าราวกับเทพ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ ทั้งบริเวณนั้นเงียบราวกับป่าช้า   แต่หลังจากนั้นแค่ชั่วอึดใจความเงียบก็หายไป ทุกคนในเมืองโห่ร้องฉลองชัยชนะ มีบางคนตะโกนว่า “หัวหน้าจงเจริญ!”   คนอื่นๆที่เพิ่งจะรอดจากความตายมาได้ก็ช่วยกันตะโกน “หัวหน้าจงเจริญ!”   “เทพเจ้าแห่งการทะลวงตูดจงเจริญ!” มีบางคนพยายามจะตะโกนเพื่อนำให้คนอื่นเปลี่ยนคำสรรเสริญ   มีคนจำนวนมากที่ตะโกนตามเขา “เทพเจ้าแห่งการทะลวงตูดจงเจริญ!”   เสียงมันดังจนไปถึงท้องฟ้า ซึ่งทำให้หานเซิ่นเกือบจะล่วงลงมาหลังจากที่ได้ยินคำสรรเสริญแบบนั้น เขารู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าอาย ถ้าเขายังมีแรงพอ เขาก็อยากที่จะบินลงไปข้างล่าง และหาตัวคนที่ตะโกนคำสรรเสริญที่น่าอายแบบนั้นออกมา   ร่างของหมียักษ์เหมันต์สลายไป หานเซิ่นรีบเก็บผลึกพลังชีวิตของมัน และบินจากไปทันที   ข่าวเรื่องที่หานเซิ่นเอาชนะหมียักษ์ที่บ้าคลั่งได้แพร่กระจายไปทั่วทุ่งน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากข่าวเรื่องที่จีชิงฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ยังไม่ได้เป็นที่รู้กันทั่วไป ทำให้คนธรรมดาๆยังไม่รู้ว่ามีมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอยู่ด้วย พวกเขาจึงเชื่อว่าหานเซิ่นฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิระดับท็อปได้   แต่คนที่เห็นการต่อสู้ในวันนั้นได้เอาเรื่องไปเล่าให้คนอื่นฟังต่อไปกันว่าหานเซิ่นทะลวงตูดของหมีนับครั้งไม่ถ้วน เรื่องเล่าของพวกเขามีชื่อเรื่องว่า ‘เทพเจ้าแห่งการทะลวงตูด’ ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ยินชื่อเรื่อง พวกเขาก็อยากที่จะฟังเนื้อเรื่องต่อทันที . . ฝากกดติดตามหรือกดLikeเพจด้วยครับ >>> SSG (ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอนที่ 2145 แล้วครับ)

Super God Gene – ตอนที่ 672 เอเลเฟ่นเร็กซ์สไตล์
Super God Gene – ตอนที่ 672 เอเลเฟ่นเร็กซ์สไตล์

  ขนอีกาทั้ง 6 พุ่งเข้าใส่หน้าของหมียักษ์ หมียักษ์พยายามจะหันหน้าไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนดวงตาของมัน แต่มันก็สายเกินไปแล้ว มันอยู่ใกล้หน้าไม้ของหานเซิ่นเกินกว่าที่จะตอบสนองได้ทัน มีขนอีกาเส้นหนึ่งแทงทะลุเข้าไปในดวงตาของมัน ทำให้มีเลือดไหลออกมา   หมียักษ์โกรธจนถึงขีดสุด มันลุกขึ้นยืนในท่า 2 ขา และปลดปล่อยไอเย็นจำนวนมากออกมา มันพยายามจะใช้อุ้งมือตะปบหานเซิ่น   หานเซิ่นเก็บหน้าไม้นกยูง และรีบหลบการโจมตีของหมี เขากระโดดขึ้นไปบนอากาศ และเรียกเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีออกมา   ปัง! ทั้งไฟและเลือดสาดกระจายออกไปทั่ว หานเซิ่นฟาดไปหัวของหมีแบบเต็มๆ   เสียงคำราม! แต่บาดแผลแค่นี้ก็ยังไม่พอที่จะเอาชีวิตมอนสเตอร์ตัวนี้ได้ แต่มันยิ่งทำให้หมีตัวนี้โกรธมากขึ้นกว่าเดิม หานเซิ่นคือจุดสนใจของมันในตอนนี้ มันพยายามไล่โจมตีหานเซิ่นแบบเอาเป็นเอาตาย   หานเซิ่นพยายามหลบการโจมตีของหมีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันอยู่ใกล้เกินไป ถึงเขาจะหลบได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกเจ็บที่แขน เมื่อเขามองดูก็พบว่ามีเลือดไหลออกมาจากรอยบากของชุดเกราะ   หานเซิ่นถอยหลังเต็มตัว ความเย็นของมันกำลังกัดกินเข้าอยู่ โชคยังดีที่คนโดนเป็นหานเซิ่น ไอเย็นของหมีไม่สามารถที่จะเอาชีวิตเขาได้ แต่ถ้าคนที่โดนเป็นหวังอวี่ฮังหรือหลี่ชิงหลุน พวกเขาคงไม่รอดแน่   “ไอ้หมียักษ์หน้าโง่ มาทางนี้!” ตอนนี้หวังอวี่ฮังหนีไปในระยะที่ไกลพอสมควรแล้ว เมื่อเขาเห็นว่าหานเซิ่นกำลังอยู่ในอันตราย เขาก็รีบยั่วยุหมีทันที   ตามปรกติแล้ววิธีการแบบนี้จะใช้ได้ผลแค่ครั้งเดียว แต่ทว่ามันกับใช้ได้ผลอยู่เรื่อยๆอย่างน่าประหลาด ถึงหมีจะแค้นหานเซิ่นมาก แต่มันก็หันไปสนใจที่หวังอวี่ฮังอีกแล้ว ราวกับว่าหวังอวี่ฮังไปฆ่าพ่อมันมา   หานเซิ่นคิดว่าถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาคงจะไม่ชนะมันแน่ แม้เร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีจะทรงพลังพอที่จะทำให้หมีตัวนี้บาดเจ็บได้ แต่ระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่นยังไม่พอ ถึงอาวุธจะดีแต่เขาก็ยังไม่สามารถทำให้หมีถึงตายได้   แต่ดูเหมือนหานเซิ่นรู้ว่าจะต้องทำยังไง เขารีบวิ่งตามหมีไปโดยไม่พูดอะไร ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้ศาสตร์ตงเสวียนเลียนแบบพลังของช้าง   ร่างกายของหานเซิ่นเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาลของช้าง เขาสั่นไปทั้งตัว ร่างกายของเขาเหมือนจะทนรับพลังขนาดนี้ไม่ไหว ตอนนี้กล้ามเนื้อและกระดูกของเขากำลังส่งเสียงร้อง แต่เขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมมันไว้   หวังอวี่ฮังวิ่งหนีต่อไป ส่วนหลี่ชิงหลุนก็ยังคงยิงธนูไฟต่อไปเรื่อยๆเพื่อช่วยซื้อเวลาให้คนอื่นๆ แต่ธนูไฟของเขาก็ไม่ทรงพลังพอที่จะทำให้อะไรหมีได้ หมียักษ์ไล่ตามหวังอวี่ฮังไปติดๆ   หานเซิ่นเร่งพลังจนถึงขีดจำกัดสูงสุดเท่าที่เขาจะรับไหว ตอนนี้กระดูกของเขากำลังส่งเสียงกรีดร้องออกมา ขณะที่หมียักษ์กำลังไล่ตามหวังอวี่ฮังอยู่ หานเซิ่นกระโดดขึ้นไปบนอากาศ เขาเอามือทั้ง 2 ข้างจับที่ด้ามของเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคี และฟันมันลงมาด้วยพลังทั้งหมดที่มี   ราวกับว่ามิติจะฉีกขาดจากการโจมตี อากาศถูกฉีกออกเป็น 2 ซีก ทำให้เกิดเสียงที่น่ากลัว   ปัง! เร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีปลดปล่อยเปลวไฟออกมาในจังหวะที่กระแทกกับหัวของหมีอย่างรุนแรง เกิดบาดแผลลึกจนถึงกะโหลกของหมี เปลวไฟลุกไหม้ขนของหมีทั้งหัว   หลังจากโจมตีครั้งนี้เสร็จ หานเซิ่นก็เรียกปีกวิญญาณอสูรออกมาและบินขึ้นฟ้าทันที พลังงานของเขาถูกใช้ออกไปจนเกือบหมดในครั้งเดียว ถ้าหมีไม่ถูกฆ่าด้วยการโจมครั้งนี้ เขาก็ไม่มีแรงพอที่จะหลบการโจมตีของมันได้แล้ว   หานเซิ่นมองลงไปข้างล่าง เขาสังเกตเห็นว่าหมีหยุดเคลื่อนไหวไปแล้ว มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่ลึกจนถึงกะโหลกของมัน   เสียงคำราม! หมียักษ์ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นช็อค จากนั้นหมียักษ์ก็วิ่งหนีไปทันที   หานเซิ่นเริ่มที่จะยิ้มออก เขารู้ว่าเอเลฟเฟ่นเร็กซ์สไตล์คงจะทำความเสียหายให้มันได้มากจริงๆ ไม่งั้นแล้วมันก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนี   “ตามมันไปเร็ว! พวกเราจะให้มันหนีรอดไปไม่ได้!” หานเซิ่นตะโกนบอกคนอื่นๆ ขณะที่เขาบินตามหมีไป   ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกอ่อนเพลียมาก เขาคงจะไม่สามารถโจมตีหมีได้อีกสักพัก ยังดีที่ปีกวิญญาณอสูรไม่จำเป็นต้องพึ่งพลังในร่างกาย ถึงเขาจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม แต่ปีกก็ยังสามารถบินได้เร็วตามความสามารถของมัน   หวังอวี่ฮังและหลี่ชิงหลุนทำตามคำสั่งของหานเซิ่น พวกเขารีบวิ่งตามมันไปทันที พวกเขาพยายามจะหยุดการเคลื่อนไหวของมันและพยายามจะโอบล้อมมันไว้ แต่ก็ไม่สำเร็จ พวกเขาไม่มีอาวุธวิญญาณอสูรขั้นสุดยอด ความเสียหายที่พวกเขาสร้างได้ไม่เป็นผลกับหมี   แต่ดูแล้วสมองของหมีคงจะได้รับความเสียหายที่หนักเอาการ ดูจากการตัดสินใจและความเร็วที่ตกลง ตอนนี้มันไม่ได้พยายามจะกระโดดหนีลงไปในทะเล แต่มันเลือกที่จะวิ่งหนีต่อไปบนทุ่งน้ำแข็ง แม้ความเร็วจะยังคงที่อยู่ แต่การเคลื่อนไหวของมันค่อนข้างสะเปะสะปะ   “โจมตีซ้ำไปที่แผลของมัน!” หลี่ชิงหลุนตะโกน พร้อมกับยิงธนูไฟไปที่บาดแผลบนหัวของมัน หลังจากที่เขายิงโดนบริเวณนั้นก็ทำให้เลือดของมันไหลออกมามากขึ้น มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน   หวังอวี่ฮังก็พยายามจะโจมตีที่บาดแผลของมันเหมือนกัน แต่เนื่องจากเขามีแค่ดาบวิญญาณอสูรในมือ และเขาก็ไม่สามารถวิ่งตามมันได้ทัน ทำให้เขาทำอะไรไม่ได้   หมียักษ์เพิ่มความเร็วขึ้นอีก ถึงมันจะเจ็บหนัก แต่มันก็อดทนมาก พวกเขา 3 คนพยายามไล่ตามไปเต็มที่แล้ว แต่ในที่สุดมันก็วิ่งไปไกลจนคาดสายตาพวกเขาไป   แต่ยังดีที่สมองของมันเสียหายหนัก ทำให้มันตัดสินใจอะไรได้ไม่ดีนัก หมีไม่ได้วิ่งเปลี่ยนทิศทาง แต่มันเลือกที่จะวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว ซึ่งทำให้พวกเขา 3 คนยังคงตามมันต่อไปได้   หมียักษ์วิ่งหนีไปตามทุ่งน้ำแข็ง ในที่สุดความเร็วของมันก็เริ่มช้าลงเรื่อยๆ   “วิ่ง! วิ่ง!” หลี่ชิงหลุนควบสัตว์อสูรตามไป ขณะที่เขาตะโกนบอกให้คนอื่นๆที่อยู่ในบริเวณนั้นถอยออกไป ไม่งั้นถ้าพวกเขาไปขวางทางวิ่งของหมี พวกเขาคงจะไม่รอดแน่   คนส่วนมากเลือกที่จะหลีกเลี่ยงมีก็จริง แต่มีคนกลุ่มหนึ่งไม่ยอมทำตาม พวกเขาเลือกที่จะวิ่งตรงเข้าไปหาหมีแทน เหมือนพวกเขาต้องการจะฉวยโอกาสเล่นงานมอนสเตอร์ที่กำลังบาดเจ็บ   “ฮาฮา! ทำไมพวกเราจะเข้าไปหามันไม่ได้ล่ะ? ใครก็มีสิทธิฆ่ามันทั้งนั้น ที่ตัวหมีไม่เห็นจะมีชื่อของนายเขียนเอาไว้เลย จริงไหม?” หัวหน้าของคนกลุ่มนั้นพูด   หลี่ชิงหลุนมองไปที่คนกลุ่มนั้น และเห็นว่าพวกเขาคือลูกน้องของชีซิวเหวินจากกองกำลังแบล็คก็อต ถึงพวกเขาจะถือว่าเป็นพันธมิตรกัน แต่เนื่องจากพวกเขาแยกออกเป็น 4 กองกำลัง ทำให้หลี่ชิงหลุนไม่มีอำนาจในการสั่งการพวกเขาได้   หลังจากที่พวกเขาวิ่งเข้าไปหาหมีแล้ว คนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆก็เห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะฆ่ามอนสเตอร์ตัวนี้ได้ง่ายๆ พวกเขาลองเสี่ยงที่จะวิ่งตรงเข้าไปบ้าง ในตอนนี้ทุกคนคิดว่าหลี่ซิงหลุนกำลังไล่ล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์อยู่ ซึ่งตอนนี้มันก็บาดเจ็บหนักมากแล้ว ไม่ว่าใครที่เข้ามาเล่นงานมันก็มีโอกาสได้วิญญาณอสูรแบบง่ายๆ   มันสายเกินไปที่หานเซิ่นจะหยุดพวกเขา เขาทำได้แค่เฝ้ามองดูคนพวกนั้นวิ่งเข้าไปฆ่าหมีจากระยะไกล ทันทีที่หมียักษ์เห็นคนพวกนั้นเข้ามาขวางทาง มันก็ปลดปล่อยออร่าน้ำแข็งออกมาทันที และมันก็สะบัดตัวเพื่อปล่อยน้ำแข็งออกไปรอบๆ เศษน้ำแข็งจำนวนมากพุ่งทะลุตัวคนที่เข้าไปโจมตี และคนจำนวนมากก็ถูกแช่แข็ง   คนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนที่จะเข้าไปฆ่าหมีนั้นมีระดับความแข็งแกร่งประมาน 100 พวกเขายังไม่ได้ปลดล็อคยีน ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะได้โจมตีเลยด้วยซ้ำ   หมีใช้อุ้งมือตะปบพื้นทำให้น้ำแข็งกระจายไปรอบๆ มันวิ่งต่อไปพร้อมกับตะปบทุกคนที่ขวางหน้า ทุกคนถูกบดขยี้ แม้แต่ร่างของพวกเขาก็เละจนไม่เหลือชิ้นดี  

Super God Gene – ตอนที่ 671 หน้าไม้นกยูงเบอร์เซิร์ก
Super God Gene – ตอนที่ 671 หน้าไม้นกยูงเบอร์เซิร์ก

  มนุษย์และหมีจ้องหน้ากันอยู่หลายวินาที จากนั้นหวังอวี่ฮังก็กรีดร้องออกมา เขาหันหลังและรีบวิ่งหนีไปทันที หมียักษ์เลือกที่จะไล่ตามคนที่หนีไปโดยไม่สนใจหานเซิ่นและหลี่ซิงหลุนเลย   “อาเล็กคนนั่น…” หลี่ซิงหลุนอ้าปากค้าง ขณะมองหวังฮวี่ฮังถูกหมีวิ่งไล่   หานเซิ่นเรียกหน้าไม้นกยูงออกมาเรียบร้อย เขาบรรจุขนอีกาทั้ง 7 เส้นลงไปและรีบเล็งไปที่หมีโดยไม่รอช้า   หวังอวี่ฮังร้องลั่นไปตลอดทางขณะที่เขาวิ่ง เขาดูตื่นกลัวมาก “พวกนายมัวทำอะไรกันอยู่? ช่วยฉัน! ถ้าพวกนายไม่รีบทำอะไร ฉันจะต้องเป็นอาหารของหมีแน่”   หมียักษ์สูงกว่า 8 เมตรวิ่งไปกระโดดไปเพื่อไล่ตามหวังอวี่ฮัง มันพยายามจะตะครุบทุกครั้งที่มีโอกาส เมื่ออุ้งมือของมันปะทะกับพื้นน้ำแข็งก็ทำให้พื้นน้ำแข็งแยกออก เศษน้ำแข็งกระเด็นไปไกลเป็นสิบๆเมตร   พวกเศษน้ำแข็งกระเด็นใส่หวังอวี่ฮังไปหลายครั้ง ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกกลัวจนตัวสั่น หน้าของเขาซีดเป็นไก่ต้ม เท่านั้นยังไม่พอไอเย็นที่หมีปล่อยออกมาก็ทำให้หลังของเขาเริ่มมีน้ำแข็งเกาะแล้ว   สถานการณ์ของเขาดูสิ้นหวังมาก ตอนนี้ข้อต่อและขาของเขาเริ่มช้าลงเรื่อยๆจากผลของความเย็น   เมื่อเห็นหวังอวี่ฮังอยู่ในอันตราย หานเซิ่นเลยไม่สามารถที่จะรอช้าได้อีก ถึงเขาจะยังหาตำแหน่งที่เป็นจุดอ่อนของหมีไม่ได้ก็ตาม แต่เขาก็ต้องยิงขนอีกาออกไปเพื่อช่วยหวังอวี่ฮัง   ขนอีกาพุ่งออกไปประมาน 40 เมตร ก่อนที่จะไปปักตรงขาของหมี ส่วนปลายของขนอีกาเจาะเข้าไปข้างใน ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ   เขารู้อยู่แล้วว่าผิวหนังและกล้ามเนื้อของหมีตัวนี้จะต้องแข็งและหนามากแน่ แต่การที่ขนอีกาสามารถเจาะทะลุเข้าไปได้ มันก็พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังทำลายของหน้าไม้นกยูงที่เพิ่งจะอัพเกรดเสร็จ มันคุ้มค่ากับที่เขาลงทุนไปจริงๆ มันมีพลังเพียงพอที่จะใช้ฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้แล้ว   แต่มันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะขนอีกามีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดของหมี ถ้าไม่ได้ยิงไปที่จุดอ่อนล่ะก็ มันก็ยากที่จะทำให้หมีบาดเจ็บได้ หมียักษ์คำรามออกมา มันดึงขนอีกาที่ปักอยู่ตรงขาออกมา จากนั้นมันก็หักทิ้ง   เมื่อเห็นแบบนั้นมันก็เหมือนกับมีคนเอามีดมากรีดที่หัวใจของหานเซิ่น ตอนนี้เขาเหลือขนอีกาอีกแค่ 6 เส้น   หมียักษ์เลิกไล่ตามหวังอวี่ฮังแล้ว มันหันมาหาหานเซิ่น แววตาของมันเต็มไปด้วยความโกรธ มันไม่ต้องการอะไร นอกจากจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ   หานเซิ่นเรียกเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีออกมา ขณะที่หมีกำลังวิ่งตรงมา เขาก็ใช้กระบวนท่าจากวิชามังกรพิษทะยาน   อาวุธที่ยาวกว่า 2 เมตรหมุนเหมือนกับพายุทอร์นาโด และแทงเข้าที่หน้าอกของหมี   เสียงคำราม! หน้าอกของหมีถูกแทงทะลุเข้าไปจนเกิดบาดแผล ถึงบาดแผลจะไม่ได้ลึกมาก แต่ก็มีเลือดไหลออกมาตามใบมีด เปลวไฟจากเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีกำลังลุกไหม้ตรงบาดแผลของมันอยู่   มันเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้หานเซิ่นพอใจมาก เขารู้สึกมั่นใจขึ้นมา เขาพยายามจะดันให้อาวุธของเขาแทงลึกเข้าไป แต่หมียักษ์ก็ใช้อุ้งมือตะปบเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีออกไปก่อน   เคร็ง! หานเซิ่นรู้สึกว่ามีแรงมหาศาลมาปะทะกับเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคี จนหานเซิ่นไม่สามารถถือมันไว้ได้ เร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีกระเด็นหลุดออกจากมือของหานเซิ่น เมื่อมันล่วงลงมาพื้น น้ำแข็งบริเวณนั้นก็แตกกระจายออก ทำให้เร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีล่วงลงไปใต้น้ำทะเล   มือของหานเซิ่นมีเลือดไหลออกมา บาดแผลบนมือของเขาค่อนข้างลึก พละกำลังของหมียักษ์ตัวนี้มหาศาลมาก   หลี่ซิงหลุนยิงธนูไฟตรงไปใส่หมี ซึ่งทำให้หมีตรงก้มลงมาเพื่อดับไฟบนตัวของมัน หานเซิ่นรีบใช้โอกาสนี้หนีออกมาทันที และเรียกเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีกลับมา เขาคิดว่าไม่ควรเข้าไปสู้กับหมีซึ่งๆหน้าอีก หานเซิ่นเน้นหลบการโจมตีของหมีไปเรื่อยๆ เพื่อรอคอยโอกาสที่เหมาะ   หมียักษ์สะบัดตัว จากนั้นเศษน้ำแข็งจำนวนมากก็พุ่งออกไปรอบๆ ตอนนี้ไฟที่ลุกไหม้ตัวหมีอยู่ดับไปหมดแล้ว และมันยังทำให้เกิดหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณนี้   ยังดีที่หานเซิ่นปลดล็อคยีนขั้นแรกของวิชากายหยกแล้ว ทำให้เขาสามารถต้านทานพลังธาตุน้ำแข็งได้   หมียักษ์ตัวนี้ถือว่าเคลื่อนไหวได้ช้ากว่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวอื่นๆพอสมควร แต่หานเซิ่นก็ยังต้องทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะหลบการโจมตีของมัน   ซึ่งยิ่งเวลาผ่านไปสถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ พวกเขาประเมินพลังของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดต่ำเกินไป มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดที่โตเต็มวัยจะมีระดับความแข็งแกร่งสูงถึง 300 โดยประมาน   ส่วนระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่นอยู่ที่ 170 เท่านั้น ด้วยวิชาไฮเปอร์จีโนทั้งหมดที่เขามี ทำให้เขาเพิ่มระดับความแข็งไปอยู่ที่ 200 ได้ แต่มันก็ยังห่างไกลกับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอยู่   ในด้านของพละกำลังหมียักษ์ตัวนี้ก็กินหานเซิ่นขาด แต่ในด้านความเร็วของมันยังไม่ได้สูงพอที่จะทำให้หานเซิ่นหมดโอกาส หานเซิ่นยังพอมีโอกาสในการโต้กลับบ้าง   หลี่ชิงหลุนปลดล็อคยีนเเละยิงลูกธนูจำนวนมากไปที่หมียักษ์ มีลูกธนูเลือดศักดิ์สิทธิ์ดอกหนึ่งไปถูกหูของมันเข้า ทำให้มันโกรธมาก หมียักษ์เปลี่ยนเป้าหมายอีกครั้ง มันหันไปไล่หลี่ชิงหลุนแทน   ฟุตเวิร์คของหลี่ชิงหลุนค่อนข้างดีเลยทีเดียว เขาอาจจะไม่ได้เร็วและคล่องแคล่วเท่ากับหานเซิ่น แต่ความเร็วของเขาก็อยู่ในระดับแนวหน้าของผู้วิวัฒนาการแล้ว หลี่ชิงหลุนพยายามหนีสุดกำลัง แต่โชคร้ายที่หมีไม่ได้ช้าจนถึงขนาดไล่ตามเขาไม่ทัน ตอนนี้มันกำลังเข้าใกล้เขาเรื่อยๆแล้ว   ในตอนนี้สภาพร่างกายของหวังอวี่ฮังเริ่มดีขึ้นแล้ว เขารีบหยิบก้อนน้ำแข็งและขว้างใส่หมีทันที เพื่อดึงความสนใจของมันมาที่เขาอีกครั้ง   หมียักษ์เลิกที่จะไล่ตามหลี่ชิงหลุน และกลับไปไล่ตามหวังอวี่ฮังเหมือนเดิม   หานเซิ่นยิงขนอีกาไปปักที่คอของหมี แต่ครั้งนี้มันไม่ได้หันกลับมาหาเขา มันยังคงไล่ตามหวังอวี่ฮังต่อไป   “โอ้พระเจ้า ฉันยื้อนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ใครก็ได้ช่วยฉันที!” หวังอวี่ฮังลื่นล้ม แต่นั่นมันก็ช่วยให้เขาหลบการตะปบของหมีได้พอดี เขามีเวลาคิดเพียงเสี้ยววินาที เขาเอาเท้าดันพื้นด้วยแรงทั้งหมดเพื่อหลบการโจมตีของหมี แต่ครั้งต่อไปยากที่เขาจะหลบการโจมตีของหมีได้แล้ว เขาพยายามลุกขึ้นและวิ่งหนีต่อไป แต่ร่างกายของเขามีน้ำแข็งเกาะอยู่ ทำให้ความเร็วของเขาตกลงมาก ความตายกำลังเข้าใกล้หวังอวี่ฮัง   “วิ่งมาหาฉัน!” หานเซิ่นตะโกน เขาเล็งหน้าไม้นกยูงไปที่หมี ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก   หวังอวี่ฮังพยายามวิ่งเข้าไปหาหานเซิ่น พร้อมกับร้องตะโกนให้หานเซิ่นรีบๆยิงหน้าไม้   แต่หานเซิ่นก็ไม่ขยับเลยสักนิด เขารอให้หวังอวี่ฮังล่อหมีมาใกล้ๆกว่านี้ หมีไล่มาจนเกือบจะติดกับหลังของหวังอวี่ฮังอยู่แล้ว มันอ้าปากกว้าง และยื่นลิ้นออกมาจากปาก มันพยายามจะเลียหวังอวี่ฮัง   ยังดีที่หวังอวี่ฮังแข็งแกร่งอยู่แล้ว ถึงจะมีน้ำแข็งเกาะ แต่เขาก็กัดฟันวิ่งต่อไปได้โดยที่ยังไม่ถูกหมีกินเข้าไป   หลี่ชิงหลุนยังคงยิงธนูไฟต่อไปจากระยะไกล เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกดดันให้หมีเลิกตามหวังอวี่ฮัง   ตาของหลี่ชิงหลุนเปล่งแสงเหมือนกับแสงของดวงดาว ลูกธนูแต่ละดอกที่เขายิงออกไปจะมีไฟห่อหุ้มเอาไว้ ซึ่งหลังจากโดนเป้าหมายไฟก็จะลุกไหม้ขึ้นมา ถึงมันจะสร้างความเสียหายให้หมีไม่ได้ แต่เขาก็ยิงถูกตาของหมีไป 2-3 ครั้งแล้ว ซึ่งมันก็พอช่วยซื้อเวลาให้หวังอวี่ฮังได้บ้าง   ในที่สุดหวังอวี่ฮังก็วิ่งมาถึงจุดที่หานเซิ่นยืนอยู่ เขากลิ้งไปตามพื้นน้ำแข็งเพื่อหลบการโจมตีครั้งสุดท้าย   หานเซิ่นเผชิญหน้ากับหมี ตอนนี้มันอยู่ห่างจากเขาแค่ 1 เมตรเท่านั้น เขาเหนี่ยวไกและยิ่งขนอีกาทั้งหมดออกไปในรวดเดียว . . ฝากกดติดตามหรือกดLikeเพจด้วยครับ >>> SSG (ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอนที่ 2103 แล้วครับ)

Super God Gene – ตอนที่ 670 หมียักษ์น้ำแข็ง
Super God Gene – ตอนที่ 670 หมียักษ์น้ำแข็ง

  มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดที่หลี่ซิงหลุนพูดถึง คือหมีสีขาวขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเขตทุ่งน้ำแข็ง   จากที่หลี่ซิงหลุนสังเกตมา หมีน้ำแข็งตัวนี้ถึงขนาดตัวจะใหญ่จนน่ากลัว แต่พลังของมันก็ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ถ้าเทียบกับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวอื่น แถมความเร็วของมันยังค่อนข้างต่ำ หมีน้ำแข็งตัวนี้ถือว่าล่าได้ไม่ยากเท่าไหร่   หลังจากที่หานเซิ่นได้ฟังข้อมูลหมีน้ำแข็งที่หลี่ซิงหลุนรวบรวมมา เขาก็รู้สึกอยากไปล่ามันมาก พลังน้ำแข็งสำหรับเขาแล้วมันไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ หลังจากที่เขาปลดล็อคยีนขั้นแรกของวิชากายหยกได้ พลังธาตุน้ำแข็งก็ทำอะไรร่างกายของเขาไม่ได้มาก   ที่สำคัญเนื่องจากมันเป็นหมีขนาดใหญ่ และยังเคลื่อนที่ได้ค่อนข้างช้า ทำให้มันเป็นเป้าหมายที่วิเศษมาก เพราะถ้าพวกเขาพลาด อย่างน้อยพวกเขาก็ยังหนีเอาชีวิตรอดได้   หลังจากหารือกับหลี่ซิงหลุนเสร็จเรียบร้อย หานเซิ่นก็รู้สึกตื่นเต้นมาก พวกเขาตัดสินใจว่าจะไปลองล่าหมีตัวนี้ด้วยกัน   หลังจากที่หานเซิ่นกลับมาที่เมืองเทพธิดา เขาก็ได้ยินข่าวของหลูฮุยและผู้ครองดินแดนทางเหนือที่ร่วมมือกันออกล่าราชาหมาป่า ผลปรากฏว่าพวกเขาพ่ายแพ้ยับเยิน และเสียหายค่อนข้างหนัก พวกเขาต้องดิ้นร่นกว่าจะเอาชีวิตรอดมาได้   จากข้อมูลที่หานเซิ่นได้มาบอกว่า พวกเขาได้เปรียบในช่วงแรก จนกระทั่งฝูงเพกาซัสปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือพวกหมาป่า พวกมันร่วมมือกับบดขยี้กองกำลังของมนุษย์ ทำให้พวกเขาต้องล่าถอยไป   ‘ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ต้องแพ้อยู่แล้ว’ หานเซิ่นถอนหายใจ ตัวเขาเองได้เห็นความสามารถของพวกมันมากับตา ทำให้หานเซิ่นไม่กล้าที่จะไปยุ่งกับพวกมัน หลังจากที่ได้เห็นแบบนั้นแล้ว เขาก็คิดว่าล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดที่อยู่ตัวเดียวน่าจะดีกว่า   เขานัดพบกับหลี่ซิงหลุนและหวังอวี่ฮังเพื่อเตรียมตัวสำหรับการออกล่าหมียักษ์สีขาว   หานเซิ่นไม่ได้พาจิ้งจอกสีเงินไปด้วย เนื่องจากเขาอยากจะล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ในระหว่างการเดินทางด้วย   หลี่ซิงหลุนบอกหานเซิ่นว่าที่ที่พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไปมีมอนสเตอร์ที่เหมือนกับเพนกวิน พวกมันตัวค่อนข้างเล็ก พวกเขาสามารถกินเนื้อมันหมดได้ง่ายๆ ทำให้พวกเขาสามารถได้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิจำนวนมากในเวลาอันสั้น   หมียักษ์สีขาวอาศัยอยู่ใกล้ๆกับชายหาดน้ำแข็ง น้ำทะเลบริเวณนั้นจะจับตัวกันเป็นน้ำแข็ง ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าหมียักษ์สีขาวจะอยู่บริเวณนั้น   เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั้น ไม่นานพวกเขาก็เจอมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์   พวกเขามองเห็นมันจากระยะไกล มันคือนกตัวสีขาวขนาดใหญ่ มันกำลังยืนทำความสะอาดขนของมันอยู่ มันดูเหมือนนกกระเรียน มอนสเตอร์ตัวอื่นๆดูเหมือนหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้มัน พวกเขาคิดว่านกกระเรียนตัวนี้คงจะมีนิสัยที่ดุร้ายแน่   “ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาแบ่งเนื้อมอนสเตอร์แบบนั้น เอางี้ดีไหม? ใครที่ฆ่ามันได้ก็เอาเนื้อไปเลย” หวังอวี่ฮังแนะนำ   “แน่นอนไม่มีปัญหา” หานเซิ่นยิ้ม   หานเซิ่นรู้สึกว่าถึงอาเล็กคนนี้จะไม่มีโชคเอาซะเลย แต่เขาก็มีนิสัยชอบเดิมพัน ซึ่งมันค่อนข้างแปลก ที่สำคัญหานเซิ่นยังไม่เคยเห็นเขาชนะเลย   “โอเคเอาตามนั้น” หลี่ซิงหลุนต้องการร่วมสนุกด้วย เขาเพิ่งจะปลดล็อคยีนได้ นี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้ลองทดสอบพลัง   “งั้นพวกเรามายืนเรียงแถวกัน ถ้านับถึง 3 เมื่อไหร่ก็ออกตัวพร้อมๆกัน หลังจากนั้นก็ตัวใครตัวมัน” หวังอวี่ฮังพูด หลังจากนั้นพวกเขาก็ยืนเรียงแถวหน้ากระดานทันที   หวังอวี่ฮังนับ 1-3 หลังจากที่เขานับเสร็จ คนที่วิ่งออกไปก็มีแค่หวังอวี่อํงกับหลี่ซิงหลุน ส่วนหานเซิ่นนั้นไม่ได้วิ่งไปด้วย   ในสายตาของหลี่ซิงหลุน ตอนนี้เหมือนกับว่ากาแล็กซี่กำลังหมุนอยู่ ความเร็วในการวิ่งของเขาสูงอย่างไม่น่าเชื่อ แค่พริบตาเขาก็วิ่งไปเกือบถึงนกกระเรียนแล้ว   หวังอวี่ฮังไม่ยอมแพ้ เขาคำรามออกมา จากนั้นเขาก็เพิ่มความเร็วขึ้น เขาวิ่งตามหลี่ซิงหลุนไปติดๆ พวกเขา 2 คนดูเหมือนกับลูกอุกกาบาตที่กำลังจะพุ่งเข้าชนเป้าหมาย   หานเซิ่นยกหน้าไม้นกยูงที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นการอัพเกรดเป็นเบอร์เซิร์กขึ้นมาอย่างช้าๆ เขาเล็งไปที่นกกระเรียน จากนั้นเขาก็เหนี่ยวไกทันที   สวบ! แสงสีดำพุ่งไปด้วยความเร็วสูง มันพุ่งไปได้ไกลเป็นไมล์ในชั่วพริบตา มันพุ่งผ่านหลี่ซิงหลุนกับหวังวอวี่ฮังไปทะลุร่างของนกกระเรียน   “ปักษาเหมันต์เลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ์”   เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาในหัวของหานเซิ่น เขาหัวเราะออกมา จากนั้นเขาก็วิ่งไปหาหลี่ซิงหลุนและหวังอวี่ฮัง พร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณมาก!”   “บ้าเอ้ย! โกงนิหว่าแบบนี้! ใช้อาวุธแบบนั้นมันก็ไม่ยุติธรรมสิ” หลี่ซิงหลุนและหวังอวี่ฮังพูดเกือบๆจะพร้อมกัน   “ไม่มีกฎว่าห้ามใช้อาวุธแบบนี้นิน่า พวกคุณเองจะใช้อาวุธระยะไกลก็ได้ถ้าต้องการ” หานเซิ่นพูด เขาเก็บร่างของปักษาเหมันต์ขึ้นมาใส่กระเป๋าเป้ เขาจะเอามันออกมากินในช่วงที่หยุดพัก   “ฉันก็อยากจะใช้อยู่ แต่อาวุธของฉันมันไม่มีพลังมากพอ แล้วนายไปเอาหน้าไม้นั่นมาจากไหน? ทำไมมันถึงได้มีพลังขนาดนั้น?” หวังอวี่ฮังถาม   ในตอนที่พวกเขาล่าทีเร็กซ์เกล็ดอัคคี หวังอวี่ฮังเคยเห็นหน้าไม้นกยูงมาครั้งหนึ่งแล้ว เขารู้ว่ามันเป็นอาวุธที่ทรงพลังมาก แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะทรงพลังขนาดยิงมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ทีเดียวตาย ทั้งๆที่มันอยู่ห่างออกไปเป็นไมล์   หานเซิ่นคิด’ แน่นอนมันต้องทรงพลังอยู่แล้ว มันคือหน้าไม้ขั้นสุดยอดเบอร์เซิร์ก ส่วนลูกธนูก็ทำจากขนของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดด้วย ถ้ามันใช้ฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ก็เอามันไปทำฟืนดีกว่า’   หลังจากเหตุการณ์นั้น หวังอวี่ฮังก็ไม่กล้าเสนอความคิดที่จะให้แข่งกันล่าอีก เพราะหานเซิ่นมีหน้าไม้ที่ทรงพลังอยู่   แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เจอกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์เลยสักตัว พวกเขาพบกับฝูงเพนกวินที่หลี่ซิงหลุนพูดถึง แต่เท่าที่ดูก็ไม่เห็นจะมีตัวไหนที่น่าจะเป็นระดับเลือดศักดิ์สิทธิ์เลย   เนื่องจากจีโนพ้อยระดับกลายพันธ์ของพวกเขาทั้ง 3 คนเต็มหมดแล้ว เลยไม่มีเหตุผลจะต้องล่าพวกมัน พวกเขาตัดสินใจเดินทางกันต่อโดยไม่สนใจพวกมัน   หลี่ซิงหลุนและหวังอวี่ฮังต้องมาทนดูหานเซิ่นแบกร่างมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ไปตลอดทาง พวกเขาคิดว่ามันไม่ยุติธรรม ทำให้พวกเขาแอบด่าหานเซิ่นไปตลอดทาง   พวกเขาเริ่มเข้าใกล้พื้นที่ที่หลี่ซิงหลุนบอกไว้แล้ว ซึ่งเป็นจุดที่หมียักษ์สีขาวน่าจะอาศัยอยู่ ทำให้พวกเขาเพิ่มความระมัดระวังขึ้น พื้นน้ำแข็งบริเวณนี้ค่อนข้างบางทำให้สามารถมองเห็นน้ำทะเลสีฟ้าที่อยู่ด้านล่างได้ชัด   “นายแน่ใจว่าเป็นที่นี่แน่ใช่ไหม? ไม่เห็นมีหมียักษ์สีขาวเลย?” หลังจากที่เขาเดินทางมาครึ่งวันแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เจอหมีเลยสักตัว ทำให้หวังอวี่ฮังต้องเอ่ยถามหลี่ซิงหลุน   แต่ในตอนที่หลี่ซิงหลุนกำลังจะตอบ ก็มีน้ำกระเพื่อมขึ้นมาจากใต้น้ำแข็ง หมียักษ์สีขาวกำลังว่ายน้ำ ตอนนี้มันกลับขึ้นมาบนพื้นน้ำแข็งแล้ว พร้อมกับปลาที่ยาวกว่า 1 เมตรในปาก หมียักษ์สีขาวอยู่ห่างจากหวังอวี่ฮังเพียงแค่ 2 เมตรเท่านั้น ตอนนี้มันกำลังจ้องตากับเขาอยู่  

Super God Gene – ตอนที่ 669 จำลองพลังของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด
Super God Gene – ตอนที่ 669 จำลองพลังของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด

  ฮุ่ยไห่เฟิงรับคำขอเป็นเพื่อนของหานเซิ่น หลังจากนั้นเขาส่งข้อความไปถามหานเซิ่น “วิชาที่ใช้เมื่อกี้มีชื่อว่าอะไร?”   หานเซิ่นนั่งคิดคำตอบอยู่ประมาน 1 นาที จากนั้นเขาก็ตอบไปว่า “อีเลฟเฟ่นเร็กซ์สไตล์” หานเซิ่นไม่ค่อยมีพรสวรรค์ในด้านการตั้งชื่อ สำหรับชื่อนี้เขาใช้กฎง่ายๆในการตั้งมันขึ้นมา เขาเอาส่วนประกอบของท่านี้มาตั้งชื่อให้มัน คำหนึ่งมาจากเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคี ส่วนอีกคำก็มาจากช้าง   “อีเลฟเฟ่นเร็กซ์สไตล์เป็นวิชาที่ทรงพลังจริงๆ ดูจากชื่อแล้วมันคงจะได้รับพลังมาจากช้างและทีเร็กซ์” ฮุ่ยไห่เฟิงคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะถาม “คุณเป็นทหารรุ่นเก่าใช่ไหม”   “ใช่” หานเซิ่นตอบ เขาอยู่ในกองทัพมา 1 ปีแล้ว ดังนั้นเขาก็เลยคิดว่าน่าจะเรียกว่าทหารรุ่นเก่าได้เช่นกัน   น่าเสียดายที่หานเซิ่นไม่รู้ความหมายจริงๆของคำว่า ‘ทหารรุ่นเก่า’ ซึ่งมันทำให้ฮุ่ยไห่เฟิงเข้าใจผิด และคิดว่าหานเซิ่นเป็นทหารรุ่นเก่าจริงๆ   “คุณกำลังฝึกใช้อาวุธแปลกๆนั้นอยู่ใช่ไหม?” ฮุ่ยไห่เฟิงถาม   “ใช่ ผมกำลังฝึกอยู่ ผมดันไปได้อาวุธวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กมา ซึ่งผมก็ชอบมันมากด้วย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีวิชาที่เหมาะกับมัน” หานเซิ่นตอบ   “อาวุธเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กงั้นหรอ? นั่นโชคดีสุดๆไปเลย ดูมันเป็นอาวุธเฉพาะทางมากๆ คุณคงจะต้องคิดค้นวิชาขึ้นมาเอง พวกเรามาฝึกกันอีกสักครั้งดีกว่า!” ฮุ่ยไห่เฟิงส่งคำชวนต่อสู้ให้หานเซิ่น   “พี่ชาย ผมก็อยากจะต่อสู้เหมือนกัน แต่ผมคงจะสู้อีกไม่ได้ หลังจากที่ใช้อีเลฟเฟ่นเร็กซ์สไตล์ พลังงานของผมก็เกือบจะหมดแล้ว ผมคงจะต่อสู้อีกไม่ได้ กระดูกของผมเหมือนจะแหลกอยู่แล้ว” หานเซิ่นพูด   เนื่องจากอีกฝ่ายมีฝีมือสูงมาก เขาเสียเปรียบตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าจะต้องมาต่อสู้กันในสภาพหมดพลังแบบนี้ หานเซิ่นคิดว่าเขาไม่น่าจะได้ประโยชน์จากการฝึกซ้อมครั้งนี้   “ไม่เป็นไร พวกเราแอดเพื่อนกันไว้แล้ว ถ้าคุณต้องการคู่ซ้อมเมื่อไหร่ก็ทักมาหาผมได้” ฮุ่ยไห่เฟิงตอบอย่างมีความสุข   “แน่นอนครับ ขอบคุณมาก” หานเซิ่นพูด   “ด้วยความยินดี ผมสนใจอาวุธของคุณมากจริงๆ” ฮุ่ยไห่เฟิงพูด   หลังจากหานเซิ่นออกจากเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพ ในหัวของเขาก็คิดแต่เรื่องของพลังช้าง   ถ้าศาสตร์ตงเสวียนสามารถลอกเลียนแบบพลังภายในของช้างได้ งั้นก็หมายความว่ามันจะต้องเลียนแบบพลังภายในของหมีสีดำ จิ้งจอกสีเงินหรือแม้แต่ผลน้ำเต้าได้ด้วยสิ?   หลังจากคิดได้แบบนั้น มันก็ทำให้หานเซิ่นตื่นเต้นมาก เพราะหลังจากที่เขาเลียนแบบพลังภายในของช้าง เขาก็มีพละกำลังที่ดิบเถื่อนและมหาศาลมาก เขาสงสัยว่าเขาจะได้พลังแบบไหนถ้าไปเลียนแบบพลังของมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ   ‘ถ้าเราเลียนแบบพลังภายในของจิ้งจอกสีเงิน เราจะปล่อยพลังไฟฟ้าได้รึเปล่า?’ หานเซิ่นเริ่มคิด   ถ้าความคิดของเขาถูกต้องล่ะก็ หานเซิ่นเชื่อว่าตอนนี้เขาโชคดียิ่งกว่าถูกล็อตตารี่ ถ้าเขาสามารถเลียนแบบพลังภายในของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ เขาก็จะสามารถทำอะไรได้อีกหลายอย่าง เขาจะกลายเป็นมนุษย์ที่ไร้เทียมทาน   ขณะที่กำลังตื่นเต้น หานเซิ่นก็ลองพยายามเลียนแบบพลังภายในของจิ้งจอกสีเงินดู หลังจากเลียนแบบแล้ว ถึงเขาจะรู้สึกว่าพลังเพิ่มขึ้น แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยไฟฟ้าอะไรออกมาได้เลย   “แปลกแหะ ทำไมใช่ไฟฟ้าไม่ได้? ถ้าเราเลียนแบบได้จริงก็น่าจะต้องใช้ไฟฟ้าได้” ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา “มันคงเป็นเพราะเรายังไม่ได้ปลดล็อคยีนขั้นแรกของศาสตร์ตงเสวียน เราเลยยังไม่สามารถเรียกใช้พลังธาตุได้”   แม้จะเป็นแค่สมมุติฐาน แต่มันก็มีโอกาสที่จะเป็นจริงสูงมาก ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นอยากที่จะฝึกศาสตร์ตงเสวียนให้สำเร็จขั้นแรกไวๆ เพื่อที่เขาจะได้ดูให้เห็นกับตาว่าเขาจะสามารถใช้พลังธาตุได้จริงๆรึเปล่า   แต่ในตอนนี้ศาสตร์ตงเสวียนดูจะพัฒนาไปอย่างเชื่องช้ามาก หลังจากที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่เขาฝึกมันใต้ต้นพีชยักษ์์ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเขาใกล้จะสำเร็จขั้นแรกเต็มทีแล้วก็ได้ เขาอาจจะต้องหาวิธีการบางอย่างเพื่อช่วยให้เขาสำเร็จขั้นแรกให้ได้   “กลิ่นของดอกพีชทำให้ศาสตร์ตงเสวียนของเราพัฒนาไปมาก ถ้าเราไปเก็บลูกพีชจากต้นต้นนั้น บางทีเราอาจจะสามารถปลดล็อคขั้นแรกได้” หานเซิ่นกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก   แต่ถ้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีๆ มันก็ยังเร็วไป เพราะมันจะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะที่ลูกพีชจะออกผล และยังต้องรอเวลาให้มันสุกจนสามารถกินได้ด้วย   หานเซิ่นพักผ่อนอยู่หนึ่งวันเต็มๆ จากนั้นเขาก็เข้าไปพบกับฮุ่ยไห่เฟิงในเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพอีกครั้ง หานเซิ่นขอให้ฮุ่ยไห่เฟิงช่วยมาเป็นคู่ซ้อมให้ ซึ่งฮุ่ยไห่เฟิงก็รีบตอบตกลงทันที   หานเซิ่นค่อยๆซึมซับวิชาหอกของฮุ่ยไห่เฟิง แต่วิชาหอกของฮุ่ยไห่เฟิงต้องการวิชาไฮเปอร์จีโนบางอย่างเพื่อสนับสนุน ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นไม่สามารถเลียนแบบได้อย่างสมบูรณ์ แต่กระนั้นเขาก็ยังประยุกต์เพื่อเอามาดัดแปลงมังกรพิษทะยานได้ ในตอนนี้วิชานี้ดูจะทรงพลังกว่าตอนที่เขาซื้อมาใหม่ๆมาก และมันก็ถูกดัดแปลงให้เข้ากับเร็กซ์สไปค์มากยิ่งขึ้นด้วย   ในช่วง 3-4 วันนี้ หานเซิ่นใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับการฝึกใช้เร็กซ์สไปค์ จนเขารู้สึกว่ามันน่าจะใช้การได้จริงๆแล้ว   ตอนนี้หานเซิ่้นคิดว่าใกล้ถึงเวลาที่ควรจะออกไปล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดแล้ว เป้าหมายของเขาจะเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดที่อยู่ตัวเดียว เพื่อการนี้เขาจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อน   ถ้าหานเซิ่นให้คริสตัลสีดำกับนกยูงเนตรมรณะ มันจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนสำหรับการอัพเกรด หลังจากอัพเกรดแล้ว หานเซิ่นเชื่อว่าความรุนแรงและความเร็วในการส่งลูกธนูออกไปจะต้องสูงขึ้นแน่ ซึ่งมันจะช่วยเขาได้มากในการล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดในอนาคต   หลังจากที่หานเซิ่นออกจากเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพ คอมของเขาก็ดังขึ้นมา มีเบอร์แปลกๆที่เขาไม่รู้จักโทรมา ซึ่งมันทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว นี่มันเป็นอุปกรณ์สื่อสารของกองทัพ โดยปรกติคนธรรมดาจะไม่สามารถโทรมาหาเขาได้ คนที่โทรมาจะต้องเป็นคนในหน่วยงาน   เขากดรับสาย และภาพโฮโลแกรมที่ปรากฏออกมาก็ทำให้หานเซิ่นต้องช็อค เขาก็คือหลี่ซิงหลุน   “ทำไมนายถึงดูประหลาดใจขนาดนั้น? ฉันคือแฮกเกอร์ระดับสูง การจะเจาะเข้าระบบป้องกันของพวกนายมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก และการหาข้อมูลเบอร์ของนายก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย” หลี่ซิงหลุนพูด   “งั้นนายก็คงรู้ว่าการพูดคุยครั้งนี้จะต้องถูกดัดฟังใช่ไหม?” หานเซิ่นตอบ พร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น   “ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง จะมีแฮกเกอร์คนไหนทำพลาดเรื่องแค่นี้? ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครดักฟังเราได้ทั้งนั้น และจะไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำว่านายรับโทรศัพท์” หลี่ซิงหลุนพูดอย่างมั่นใจ   “นายมาหาฉันที่เมืองก็ได้นิ แล้วทำไมถึงต้องโทรมาด้วยล่ะ?” หานเซิ่นยักไหล่ เขารู้สึกไม่ค่อยดีเพราะนี่มันเป็นการทำผิดกฎหมาย   หานเซิ่นคิดว่าถ้ามีคนรู้เรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องแน่ๆ เขาอาจจะต้องขึ้นศาลทหาร ส่วนระบบป้องกันของกองทัพก็ไม่น่าจะหละหลวมขนาดนั้น ยังไงพวกเขาก็น่าจะตามรอยได้ ถ้าเกิดว่าหลี่ซิงหลุนไม่ใช่สุดยอดแฮกเกอร์อย่างที่เขากล่าวอ้างจริงๆล่ะ งานนี้แย่แน่   “ที่ฉันต้องติดต่อนายแบบนี้ก็เพราะมันเป็นเรื่องด่วน เนื่องจากนายหายไปจากเมืองหลายวันแล้ว ฉันเลยไม่รู้ว่าจะติดต่อนายยังไง” หลี่ซิงหลุนอธิบาย แต่เมื่อมองดูท่าทางของหลี่ซิงหลุนแล้ว มันดูไม่เหมือนกับคนกังวลสักเท่าไหร่ หานเซิ่นเลยไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องด่วนอะไรขนาดถึงกับต้องแฮกระบบของกองทัพ แต่มันก็ดูเหมือนเป็นเรื่องปรกติสำหรับหลี่ซิงหลุน อารมณ์และท่าทางในการพูดของหลี่ซิงหลุนดูไม่ได้เกรงกลัวเลย   “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม   “ฉันปลดล็อคยีนได้แล้ว!” หลี่ซิงหลุนพูดขณะเชิดหน้าขึ้น   “ยินดีด้วย แต่แล้วมันยังไงหรอ?” หานเซิ่นมองหลี่ซิงหลุนด้วยสายตาแปลกๆ เขายังไม่เชื่อว่าหลี่ซิงหลุนจะแฮคระบบเพื่อบอกเขาแค่นี้   “ฉันได้ยินว่านายสร้างทีมขึ้นมาเพื่อล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอด และฉันก็อยากจะร่วมทีมของนาย ซึ่งฉันก็รู้ด้วยว่าเราจะไปหามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ที่ไหน” หลี่ซิงหลุนพูด . . ฝากกดติดตามหรือกดLikeเพจด้วยครับ >>> SSG (ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอนที่ 2087 แล้วครับ)

Super God Gene – ตอนที่ 668 พลังช้าง
Super God Gene – ตอนที่ 668 พลังช้าง

  ตอนนี้หานเซิ่นอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เนื่องจากถูกหอกของฮุ่ยไห่เฟิงกระหน่ำโจมตี ความเร็วในการโจมตีของคู่ต่อสู้สูงเกินกว่าที่หานเซิ่นจะใช้เร็กซ์สไปค์ตอบโต้ได้   ถ้าหานเซิ่นใช้วิชาดาบคู่ ป่านนี้เขาก็คงจะชนะคู่ต่อสู้คนนี้ไปตั้งนานแล้ว แต่ในเมื่อหานเซิ่นมาที่นี่เพื่อฝึกใช้เร็กซ์สไปค์ เขาก็ต้องพัฒนาวิชามังกรพิษทะยานให้มากที่สุด เขาต้องลืมวิชาดาบคู่ไปก่อน และมุ่งมั่นกับการดัดแปลงวิชาต่อไป   คู่ต่อสู้คือยอดฝีมือหอก เขาสามารถใช้กระบวนท่าที่รุนแรงเกรี้ยวกราดและยังสามารถใช้กระบวนท่าที่พลิ้วไหวนุ่มนวลได้ ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นต้องตั้งรับไปถอยไป   วิชาที่ดูนุ่มนวลนี้ยังคงรุกไล่หานเซิ่นต่อไปด้วยความเร็วของมัน พวกมันทั้งแม่นยำและรวดเร็ว เนื่องจากขนาดและรูปทรงของเร็กซ์สไปค์เป็นอุปสวรรค์ ทำให้หานเซิ่นไม่สามารถใช้มันโต้ตอบการโจมตีของอีกฝ่ายได้เลย   ยังดีที่ฟุตเวิร์คและการเคลื่อนไหวส่วนอื่นๆของหานเซิ่นเหนือชั้นกว่าอีกฝ่าย ทำให้เขายังสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีได้ แต่ตั้งแต่ที่คู่ต่อสู้เปลี่ยนรูปแบบการโจมตี เขาก็ถูกคู่ต่อสู้โจมตีโดนตัวหลายครั้งแล้วเหมือนกัน HP ของเขาลดลงไปทีนิดๆ ตอนนี้มันเหลือไม่ถึง 20% แล้ว   ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกว่าเขากำลังเข้าตาจน แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะเลิกใช้เร็กซ์สไปค์ เพราะถ้าเขาต้องการใช้มันต่อสู้ในอนาคตจริงๆ เขาก็ต้องทนรับสถานการณ์ตอนนี้ให้ได้ การที่เขาถูกไล่ต้อนตอนนี้ก็ยังจะดีกว่าต้องไปถูกไล่ต้อนในการต่อสู้จริง ซึ่งอาจจะทำให้เขาถึงตายได้   หานเซิ่นดึงสติกลับมา เขาพยายามคิดว่าวิธีที่ทำลายการกระหน่ำโจมตีของคู่ต่อสู้ แต่มันเป็นเรื่องที่ยากมาก วิชาหอกที่คู่ต่อสู้ใช้มันรวดเร็วเกินไปสำหรับเร็กซ์สไปค์   ยิ่งต่อสู้หานเซิ่นก็ยิ่งเสียเปรียบมากขึ้น เขาถูกไล่ให้ถอยหลังไปเรื่อยๆจบเกือบที่จะชนกำแพงของสนามประลองแล้ว แต่เขาก็ยังหาวิธีที่จะพลิกสถานการณ์ไม่ได้   ตอนนี้ HP ของเขาเหลือไม่ถึง 10% และเขาก็ไม่สามารถหลบได้อีกแล้วด้วย สถานการณ์ตอนนี้มันเท่ากับว่าเขาแพ้เรียบร้อยแล้ว   หอกแชมเปี้ยนส์ของฮุ่ยไห่เฟิงกลายเป็นลำแสงในชั่วพริบตา มันพุ่งเข้ามาหาหานเซิ่นด้วยความเร็วที่สูงมาก   แม้ฮุ่ยไห่เฟิงจะชื่นชมหานเซิ่น แต่ในเมื่อหานเซิ่นยืนกรานที่จะใช้อาวุธนั้นต่อไป โดยไม่ยอมแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา ฮุ่ยไห่เฟิงก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องจบการต่อสู้ครั้งนี้   หานเซิ่นมองดูลำแสงที่พุ่งเข้ามา นี่มันดูไม่ยุติธรรม การจะต้องมาแพ้แบบนี้ ทำให้เขารู้สึกเซ็งมากๆ   แต่เขามาที่นี่ก็เพื่อฝึกเร็กซ์สไปค์ เพื่อการนั้นเขาจะมายอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้   หานเซิ่นไม่ต้องการแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ ในเมื่อไหนๆก็จะแพ้อยู่แล้ว หานเซิ่นเลยคิดว่าจะลดการป้องกันตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไร เขายกเร็กซ์สไปค์ขึ้นสูง จากนั้นเขาก็ฟันไปที่หัวของคู่ต่อสู้   หานเซิ่นใส่พลังความโกรธ ความอึดอัดทั้งหมดลงไปในการโจมตีนี้ แม้มันมีโอกาสสูงที่คู่ต่อสู้จะหลบการโจมตีได้ก็ตาม แต่อย่างน้อยๆเขาก็ได้โจมตีสวนกลับไปสักครั้ง เพราะยังไงก็ต้องแพ้อยู่แล้ว สู้แพ้แบบมีศักดิ์ศรีจะดีกว่า ในขณะเขาที่ทำการโจมตี หานเซิ่นนึกถึงภาพตอนที่โครงกระดูกช้างโจมตีจนทำให้ก้อนหินใหญ่แยกอออกเป็น 2 ซีก   ในตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกอยากจะเป็นช้างขึ้นมาเหมือนกัน เขาจะได้โจมตีฮุ่ยไห่เฟิงอย่างรุนแรงจนแหลกเป็นชิ้นๆ   แต่ในเวลานั้นเอง หานเซิ่นก็รู้สึกว่าศาสตร์ตงเสวียนของเขาทำงานขึ้นมา แต่ลมปราณมันไม่ได้ไหลตามแบบปรกติที่ควรจะเป็น แต่มันกับไหลไปตามกระแสพลังของช้าง ซึ่งหานเซิ่นจดจำมันได้ตอนที่อยู่ใต้ต้นพีช   บดขยี้! นั่นเป็นคำเดียวที่มีอยู่หัวของหานเซิ่นตอนนี้ ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเขามีพลังแบบช้างตัวนั้นจริงๆ พลังงานอันมหาศาลไหลผ่านเส้นเลือดของเขา มันส่งไปทั่วร่าง และมันก็ไหลเข้าไปในเร็กซ์สไปค์ด้วย   ฮุ่ยไห่เฟิงเห็นว่าหานเซิ่นหมดหมดหวังที่จะชนะแล้ว เขาไม่ได้ตั้งการ์ดป้องกัน เขาฝากความหวังไว้ที่การโจมตีครั้งสุดท้าย แต่เขารู้ดีว่ายังไงการโจมตีนั้นจะต้องไม่โดนตัวเขาแน่   อาวุธที่ใหญ่และหนักขนาดนั้นมันช้าเกินไป ยังไงหอกแชมเปี้ยนส์ของเขาจะต้องแทงทะลุหัวใจของหานเซิ่นก่อนแน่ จากนั้น hp ของหานเซิ่นก็จะหมดก่อนที่เขาจะโดนการโจมตี   ฮุ่ยไห่เฟิงถือหอกแชมเปี้ยนส์ไว้แน่น เขายังคงใช้รูปแบบการโจมตีที่รวดเร็วและแม่นยำ หัวใจของคู่ต่อสู้ก็ต้องเป็นรูจากการโจมตีของเขา   แต่ในตอนที่อาวุธของเขาเกือบจะถึงหัวใจของหานเซิ่น สีหน้าของฮุ่ยไห่เฟิงก็ต้องเปลี่ยนไป เพราะอาวุธของหานเซิ่นเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างมหาศาล   สวบ! อาวุธขนาดใหญ่ฉีกอากาศออกเป็น 2 ซีก มันทำให้ฮุ่ยไห่เฟิงรู้ว่าราวกับว่าโลกจะถล่มลงมา อาวุธขนาดใหญ่บดบังการมองเห็นของเขาจนหมด   ฮุ่ยไห่เฟิงช็อค เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไม่อยู่ๆการโจมตีของคู่ต่อสู้ถึงได้กลายเป็นการโจมตีที่น่ากลัวขนาดนี้ แต่ตอนนี้มันไม่มีเวลาที่จะให้เขาคิดอะไรแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือพยายามป้องกันการโจมตีที่รุนแรงนี้ให้ได้ เขาถือหอกด้วยมือทั้ง 2 ข้าง และใช้มันรับการโจมตีที่เข้ามา   มันเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างวัดใจ เขาเลือกที่จะหยุดการโจมตีแล้วหันมาป้องกันแทน ในขณะที่หานเซิ่นไม่ได้คิดเรื่องป้องกันเลย เขาต้องการจะฟันคู่ต่อสู้ให้แหลกเป็นชิ้นๆ   ตูม! พลังที่รุนแรงจากเร็กซ์สไปค์ทำให้หอกแชมเปี้ยนส์หนาๆแหลกเป็นชิ้นๆ ขณะที่เร็กซ์สไปค์ก็ไม่ได้ลดความเร็วลงเลย มันยังเคลื่อนที่ต่อไป   ฮุ่ยไห่เฟิงไม่คิดไม่ฝันเลยว่าคู่ต่อสู้จะโจมตีได้รุนแรงถึงขนาดนี้ ตอนนี้เขาหลบมันไม่ได้แล้ว   อาวุธถูกระบบจำลองขึ้นมา เพราะฉะนั้นอาวุธของทั้ง 2 ฝ่ายจะแข็งเท่าๆกัน เพื่อความยุติธรรมในการต่อสู้   แต่อาวุธของเขากับแหลกเป็นชิ้นๆ เหตุผลเดียวที่เขาพอจะคิดได้ก็คือคู่ต่อสู้มีพลังเหนือกว่าเขามากมายนัก คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป   ปัง! ฮุ่ยไห่เฟิงถูกฟันขาดเป็น 2 ซีกง่ายๆเหมือนกับกระดาษ HP ของเขาหายไปทั้งหมดในเสี้ยววินาที จากนั้นเขาก็ถูกส่งออกจากสนามประลอง   “บ้าไปแล้ว! หมอนั้นแฮคระบบรึป่าวเนี่ย? ผู้วิวัฒนาการจะมีพลังขนาดนั้นได้ไง?” หลังจากที่ฮุ่ยไห่เฟิงออกมาจากสนามประลอง เขาก็ยังรู้สึกอึ้งอยู่ เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น   หานเซิ่นเองก็อึ้งไม่ต่างกัน หานเซิ่นก็แค่คิดว่าอยากจะได้พลังแบบช้าง แต่เขาไม่คิดเลยว่าร่างกายของเขาจะจำลองพลังของช้างขึ้นมา ซึ่งการทำแบบนั้น ทำให้เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว   “ด้วยพลังแบบนั้น บวกกับเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคี ไม่มีทางเลยที่เราจะแพ้มอนสเตอร์ขั้นสุดยอด” หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขมาก แต่ทันใดนั้นอยู่ๆร่างกายของเขาก็อ่อนเพลียอย่างฉับพลัน   การโจมตีด้วยพลังช้างนั้นรุนแรงมาก มันเลยดูดพลังภายในร่างกายของเขาไปจนหมด ถ้าหานเซิ่นไม่ได้ฝึกมนตรานอกรีตกับตะวันหยกมา ตอนนี้เขาอาจจะหมดสติไปแล้วก็ได้   หานเซิ่นลองแอดเพื่อนฮุ่ยไห่เฟิงไป พลังของช้างนั้นมหาศาลก็จริง แต่มันเหมือนกับเป็นการโจมตีที่ทุ่มสุดตัว การจะเอามันไปใช้คงจะต้องดูสถานการณ์ให้ดี เพราะมันจะทำให้เขาอ่อนพลังลงด้วย   หานเซิ่นไม่กล้าจะใช้มันสุ่มสี่สุ่มห้า เขาคิดว่าฝึกใช้เร็กซ์สไปค์แบบธรรมดาๆไปก่อนจะดีกว่า เขาจะใช้พลังช้างก็ต่อเมื่อมีโอกาสที่เหมาะจริงๆเท่านั้น   ฮุ่ยไห่เฟิงคือยอดฝีมือหอก ถ้าเขาสามารถจับคู่ฝึกซ้อมกับคนคนนี้ได้ หานเซิ่นคิดว่าจะสามารถดัดแปลงวิชามังกรพิษทะยานได้ง่ายขึ้น  

Super God Gene – ตอนที่ 667 หอกพิชิตตะวัน
Super God Gene – ตอนที่ 667 หอกพิชิตตะวัน

  หานเซิ่นกวัดแกว่งเร็กซ์สไปค์ และวิ่งตรงเข้าไปหาฮุ่ยไห่เฟิง เร็กซ์สไปค์ในมือหานเซิ่นเริ่มหมุน ซึ่งมันคือเทคนิคอย่างหนึ่งในวิชามังกรพิษทะยาน ที่ใช้พลังในการหมุนเข้ามาร่วมด้วย แต่เทคนิคแบบนี้จะใช้ได้เฉพาะคนที่มีระดับความแข็งแกร่งสูงๆเท่านั้น   เร็กซ์สไปค์ทั้งแข็งและหนัก ถ้าใช้มันปะทะกับโล่ละก็ โล่อันนั้นอาจจะแตกเป็นเสี่ยงๆเลยก็ได้   ฮุ่ยไห่เฟิงยกหอกของเขาขึ้นมา จากนั้นเขาก็ใช้หอกของเขากระแทกกับเร็กซ์ไสปค์ที่กำลังหมุน เพื่อหยุดการโจมตีของหานเซิ่น น่าเสียดายที่การกระบวนท่านี้ไม่ได้มีประสิทธิภาพอย่างที่หานเซิ่นหวังเอาไว้   หอกของฮุ่ยไห่เฟิงพุ่งเข้าใส่หานเซิ่นราวกับมังกรที่บ้าคลั่ง มันเลื้อยผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการโจมตีที่รุนแรง หานเซิ่นไม่มีทางเลือกนอกจากต้องดึงอาวุธของเขากลับมา และใช้มันป้องกันการโจมตี   เคร็ง! หอกและเร็กซ์สไปค์ปะทะกัน ซึ่งทำให้หานเซิ่นต้องถอยหลังไป 2 ก้าว เขาขมวดคิ้วออกมาทันที   เนื่องจากเร็กซ์สไปค์เป็นอาวุธที่สร้างขึ้นมาจากการสแกน มันจึงไม่ได้มีพลังไฟเหมือนกับของจริง และความแข็งแกร่งของมันก็ยังห่างกับของจริงมาก มันเหมือนกับจริงก็เพียงแค่รูปร่างและน้ำหนักเท่านั้น   เท่าที่ดูด้วยสายตายังไงเร็กซ์สไปค์ก็น่าจะหนักกว่าหอกแชมเปี้ยนส์ การที่เขาถูกทำให้ถอยหลังมา 2 ก้าวได้ แสดงว่าระบบตัดสินว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่าเขา   แต่นั่นไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าฮุ่ยไห่เฟิงเป็นผู้วิวัฒนาการที่เก็บจีโนพ้อยได้เต็ม ความแข็งแกร่งของเขาก็ควรไม่เกิน 150 ซึ่งหานเซิ่นเลยระดับนั้นไปแล้ว   อาวุธของเขาหนักกว่า และความแข็งแกร่งของเขาก็มากกว่า แต่เขากับต้องถอยหลังมาจากการปะทะ ส่วนฮุ่ยไห่เฟิงไม่ได้ถอยหลังไปเลย หานเซิ่นเลยอยากจะลองโจมตีดูอีกครั้ง   ‘วิชาหอกของคนคนนี้แปลกจริง’ หานเซิ่นมองไปที่หอกในมือฮุ่ยไห่เฟิง ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ และเขาก็ดูไม่ออกด้วยว่าคู่ต่อสู้ใช้วิชาแบบไหน   เคร็ง! เมื่ออาวุธทั้ง 2 ปะทะกันอีกครั้ง หานเซิ่นก็ต้องถอยไปหลังจากแรงปะทะ ระบบคำนวณไม่เคยพลาด ดูแล้วยังไงการโจมตีของฮุ่ยไห่เฟิงก็คงจะรุนแรงกว่าของเขาจริงๆ ฮุ่ยไห่เฟิงกวัดแกว่งหอก และโจมตีเข้าใส่หานเซิ่นอีกครั้ง หานเซิ่นยกเร็กซ์สไปค์ขึ้นในแนวนอน และใช้มันป้องกันหอกที่พุ่งเข้ามา   เคร็ง! หานเซิ่นไม่สามารถต้านแรงจากการโจมตีได้ ครั้งนี้เขาต้องถอยหลังไปหลายก้าว การโจมตีของคู่ต่อสู้ทรงพลังจริงๆ เขารู้สึกว่าเร็กสไปค์เกือบจะหลุดมือของเขาไปด้วยซ้ำ   แม้เขาพยายามจะใช้มังกรพิษทะยานสู้กับฮุ่ยไห่เฟิง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าวิชาของเขายังห่างชั้นกับคู่ต่อสู้มาก คู่ต่อสู้คือผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้หอกแชมเปี้ยนส์ตัวจริง   วิชาหอกของเขาทรงพลังมาก การโจมตีแต่ละครั้งของเขาเหมือนกับมังกรที่เกรี้ยวกราด เมื่อเขาแทง มันก็เหมือนกับการกัดของงูที่อยู่ในที่ลับตา มันเป็นการโจมตีที่รวดเร็วและยังคาดเดาได้ยาก   หานเซิ่นถูกกระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขาไม่มีโอกาสได้โต้ตอบเลย เมื่อฮุ่ยไห่เฟิงเริ่มเครื่องร้อน การโจมตีของเขาก็ถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นทะเล   ฮุ่ยไห่เฟิงรู้สึกผิดหวังในตัวคู่ต่อสู้เล็กน้อย ตอนแรกเขาคิดว่าอาวุธของหานเซิ่นจะต้องเป็นอาวุธที่พิเศษ แต่ตอนนี้ดูแล้วก็ไม่เท่าไหร่ มันก็แค่ใหญ่อย่างเดียวเท่านั้น นอกเหนือจากการโจมตีที่ใส่พลังหมุนแล้วกระบวนท่าอื่นๆก็ดูธรรมดาๆ   แม้หานเซิ่นจะถูกกดดันอย่างหนัก แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก วิชาหอกของคู่ต่อสู้ทรงพลังก็จริง แต่ระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่นสูงกว่า มันยังยากที่ฮุ่ยไห่เฟิงจะได้รับชัยชนะ   ขณะที่หานเซิ่นตั้งรับการโจมตีไปเรื่อยๆ เขาก็กำลังวิเคราะห์วิชาของคู่ต่อสู้ไปด้วย เขาต้องการเรียนรู้เทคนิคที่คู่ต่อสู้กำลังใช้ เพราะมันน่าสนใจมาก หอกแชมเปี้ยนส์ที่คู่ต่อสู้ใช้ก็มีแนวคิดที่คล้ายๆกับอาวุธของเขา ถ้าเขาเรียนรู้วิชาของคู่ต่อสู้ บางทีเขาอาจจะสามารถเอามันมาดัดแปลงกับวิชามังกรพิษทะยานของเขาได้   หลังจากสังเกตมาสักพัก ในที่สุดหานเซิ่นก็เริ่มที่จะเข้าใจเหตุผลที่การโจมตีของคู่ต่อสู้รุนแรงกว่าการโจมตีของเขา นั่นก็เพราะวิชาไฮเปอร์จีโนที่คู่ต่อสู้กำลังใช้อยู่เป็นตัวสนับสนุน มันไม่ใช่เพราะวิชาหอกของเขาเพียงอย่างเดียว ถ้าหานเซิ่นมองไม่เห็นกระแสพลังของคู่ต่อสู้ ยังไงเขาก็ไม่สามารถเรียนรู้อะไรจากคู่ต่อสู้คนนี้   ตอนนี้ฮุ่ยไห่เฟิงกำลังโจมตีอย่างสุดกำลัง เขาต้องการจะจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด นอกเหนือจากอาวุธที่หานเซิ่นใช้ดูแปลกแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขา ดังนั้นเขาเลยเริ่มเบื่อการต่อสู้นี้แล้ว   แต่หลังจากต่อสู้ไปพักใหญ่ๆ สีหน้าของฮุ่ยไห่เฟิงก็เริ่มเปลี่ยนไป แม้วิชาการต่อสู้ของหานเซิ่นจะธรรมดา แต่พละกำลังของเขาเหมือนไร้ขีดจำกัด ยิ่งกว่านั้นฟุตเวิร์คและการเคลื่อนที่ของเขาก็ดูแปลกๆ   แม้ฮุ่ยไห่เฟิงจะโจมตีอย่างหนักหน่วงและรุกไล่อย่างหนัก แต่เขาก็ยังไม่ใกล้เคียงกับชัยชนะเลย   ‘น่าสนใจจริงๆ’ ฮุ่ยไห่เฟิงเปลี่ยนความคิดแล้ว แม้ฝีมือในการใช้อาวุธของคู่ต่อสู้จะธรรมดา แต่สภาพร่างกายของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก เขาสามารถต่อสู้ได้โดยที่แรงไม่ตกลงเลย   ภายใต้การโจมตีของฮุ่ยไห่เฟิง ตอนนี้หานเซิ่นไม่ต้องถอยหลังอีกต่อไป เขาป้องกันการโจมตีจากฮุ่ยไห่เฟิงแบบสุดฝีมือ เนื่องจากการตั้งรับใช้พลังงานไม่มากเท่าไหร่ ทำให้เขาสามารถต่อสู้ต่อไปได้แบบสบายๆ เขาสงบและดูผ่อนคลายมากจนฮุ่ยไห่เฟิงต้องประหลาดใจ   แม้ฮุ่ยไห่เฟิงจะยศพันเอก แต่ถ้าวัดกันที่วิชาหอกอย่างเดียว เขาก็อยู่ในระดับแนวหน้าในหน่วยงาน ที่สำคัญเขาไม่ได้มีดีแค่วิชาหอกอย่างเดียว แต่ความสามารถในการอ่านเกมของเขาก็เหนือกว่าทหารคนอื่นๆ   จากที่ดูฮุ่ยไห่เฟิงสามารถบอกได้เลยว่าคู่ต่อสู้น่าจะเป็นทหารในระดับใกล้เคียงกับเขา และยังต้องมีอายุพอสมควร ไม่งั้นแล้วไม่มีทางที่เขาจะดูสงบได้ถึงขนาดนี้ การจะสงบเยือกเย็นในการต่อสู้ได้คนคนนั้นจะต้องผ่านการต่อสู้แบบเสี่ยงตายมานับครั้งไม่ถ้วน เรื่องแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะมานั่งเรียนในห้องเรียนได้   ถ้าคุณมีสมาธิแน่วแน่และควบคุมอารมณ์ได้ดี คุณก็จะสงบ นี่เป็นสิ่งที่ฮุ่ยไห่เฟิงได้รับการสั่งสอนมาเมื่อปีก่อนหลังจากที่เขาได้ยศพันเอก ถ้าคู่ต่อสู้เองก็ได้เรียนรู้หลักสูตรเดียวกันแสดงว่าคู่ต่อสู้ก็ไม่น่าจะเป็นมือใหม่   เท่านั้นยังไม่พอเขาสังเกตว่าวิชาของหานเซิ่นเริ่มที่จะพัฒนาขึ้นทีนิดๆระหว่างการต่อสู้   ‘ไม่ผิดแน่ คนคนนี้กำลังพยายามสร้างวิชาที่เหมาะกับอาวุธแปลกๆนั่น เขากำลังสร้างมันในระหว่างการต่อสู้ ถึงว่าทำไมการเคลื่อนไหวของเขาถึงได้ดูแปลกๆในช่วงเริ่มการต่อสู้ ในช่วงแรกเขากำลังพยายามนำวิชาของอาวุธชนิดอื่นเข้ามาใช้ แต่พอเวลาผ่านไปเขาก็ดัดแปลงมันเพื่อให้เหมาะสมกับอาวุธแปลกๆอันนี้’   ตอนนี้ฮุ่ยไห่เฟิงเข้าใจจุดประสงค์ของหานเซิ่นแล้ว เมื่อเขารู้ตัวอีกทีวิชาต่อสู้ของหานเซิ่นก็เหมือนกับวิชาของเขาราวกับเงา   ‘ถ้าหอกพิชิตตะวันของฉันมันเรียนกันได้ง่ายๆ มันก็คงจะไม่ได้เป็นหนึ่งในวิชาหอกที่ดีสุดในตอนนี้’ ฮุ่ยไห่เฟิงดูจะเลือดร้อนขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาเริ่มเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนไหว   วิชาหอกที่ดูหนักแน่นรุนแรงก่อนหน้านี้ อยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นวิชาหอกที่ดูอ่อนไหวนุ่มนวล ตอนนี้หอกแชมเปี้ยนส์เป็นเหมือนกับมือของหญิงสาว ทุกๆการโจมตีของเขาดูรวดเร็วและแม่นยำขึ้นมาก   หานเซิ่นต้องขยับถอยออกมา เขารู้สึกประหลาดใจที่คู่ต่อสู้เปลี่ยนการเคลื่อนไหวแบบทันทีแบบนี้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญที่น่าตกใจก็คือการโจมตีของคู่ต่อสู้ดูสมบูรณ์แบบมาก เขาแทบจินตนาการไม่ออกเลยว่า จะต้องมีระดับความแข็งแกร่งมากแค่ไหนถึงจะสามารถใช้อาวุธหนักๆแบบนั้นได้อย่างคนคนนี้   เร็กสไปค์เองก็เป็นอาวุธหนักเหมือนกัน แต่เขาไม่สามารถใช้มันได้อย่างพลิ้วไหวเหมือนกับคู่ต่อสู้ สไตล์การต่อสู้แบบนั้นไม่สามารถนำเอามาใช้กับอาวุธของเขาได้ ดูเหมือนสถานการณ์การต่อสู้จะพลิกกลับซะแล้ว  

Super God Gene – ตอนที่ 666 หอกแชมเปี้ยนส์
Super God Gene – ตอนที่ 666 หอกแชมเปี้ยนส์

  เมื่อหานเซิ่นเห็นราชาเพกาซัส สิ่งแรกที่เขาคิดก็คือต้องรีบวิ่งหนีไป เขาก้าวขาออกไปและวิ่งหนีทันที แต่ทว่าเขาก็ทำไม่สำเร็จ ความเร็วของเขาไม่ได้ครึ่งของราชาเพกาซัสเลยด้วยซ้ำ มันสามารถไล่ตามเขาได้ในพริบตา และมันก็บินลงมาดักหน้าของเขา   ลูกม้าสีแดงกระโดดลงจากหลังของราชาเพกาซัส และมันก็วิ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่นอย่างมีความสุข มันเอาหัวถูกับขาของหานเซิ่น จากนั้นมันก็คายอะไรบางอย่างออกมาจากปาก   หานเซิ่นมองดูมันใกล้ๆ มันดูเหมือนกับก้อนคริสตัลสีม่วงคล้ำขนาดเท่ากับฝ่ามือ ลูกม้าสีแดงเอาหัวดันคริสตัลไปใกล้ๆหานเซิ่น   “นี่..ให้ฉันงั้นหรอ?” หานเซิ่นมองที่คริสตัลด้วยความช็อค เขาไม่อยากจะเชื่อเลย เขาไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเขา   สำหรับหานเซิ่นแค่มองแวบเดียว เขาก็รู้แล้วว่ามันคือผลึกพลังชีวิต ซึ่งดูแล้วคงจะเป็นของมอนสเตอร์ที่อยู่ใต้ดิน การที่ลูกม้าสีแดงเอามันมาให้เขา ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อเลย หานเซิ่นรู้สึกว่านี่มันยิ่งกว่าถูกล็อตตารี่รางวัลที่ 1   ลูกม้าสีแดงไม่เข้าใจคำถามของหานเซิ่น เมื่อเขาไม่ยอมเอามันไป ลูกม้าสีแดงก็เอาปากคาบมัน และก็เอามันไปคายใส่มือของหานเซิ่น   “แกใจดีกับฉันมาก จริงๆแกไม่จำเป็นต้องมอบมันให้ฉันก็ได้” แม้ปากของเขาจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในใจของเขาก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก   ลูกม้าสีแดงเอาหัวถูกับขาของหานเซิ่นอยู่สักพัก จนกระทั่งราชาเพกาซัสส่งเสียงเรียกมันกลับไป ลูกม้าสีแดงกระโดดขึ้นไปบนหลังของราชาเพกาซัส มันมองมาที่หานเซิ่นและส่งเสียงร้อง ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นคำบอกลา   ราชาเพกาซัสกระพือปีกอันสง่างาม จากนั้นมันก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า และหายลับไปในไม่กี่วินาที   “ลาก่อนม้าน้อย ฉันคิดว่าการล่าครั้งนี้จะต้องคว้าน้ำเหลวซะแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะกลายเป็นการออกล่าที่วิเศษแบบนี้!” หานเซิ่นถือคริสตัลสีม่วงอยู่ในมือ ดูแล้วมันไม่ได้มีอะไรพิเศษ มันไม่เหมือนกับผลึกพลังชีวิตของทีเร็กซ์เกล็ดอัคคีที่จะเผามือของเขาถ้าไปสัมผัสโดน   “ครั้งนี้เราน่าจะกินมันได้โดยไม่มีปัญหา” หานเซิ่นเลียมัน แต่ทว่ามันไม่ยอมละลายเหมือนกับตอนอยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 คริสตัลสีม่วงนี้เหมือนกับคริสตัลสีแดงอันก่อนหน้า มันแข็งมาก   “แปลกมาก ทำไมเราถึงกินมันไม่ได้? มันไม่ใช่ผลึกพลังชีวิตงั้นหรอ?” หานเซิ่นลองเลียมันอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น   “ดูเหมือนการกินผลึกพลังชีวิตของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 จะมีวิธีที่ต่างไปจากเขต 1” หานเซิ่นยังไม่กล้าที่จะกลืนมันเข้าไปทั้งลูก เพราะตอนนี้เขายังไขปริศนาของมันไม่ได้ การกลื่นมันลงไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ใช่เรื่องดีแน่ ทั้งราชาเพกาซัสและราชาหมาป่าต่างก็ไม่ต้องการมัน ถึงเขาจะมั่นใจว่ามันคือผลึกพลังชีวิตแน่ แต่มันก็ยังน่าสงสัยอยู่   หานเซิ่นมีข้อสงสัยหลายอย่างที่ยังไม่แน่ใจ เขาต้องรอไปก่อนจนกว่าที่เขาจะหาคำตอบได้   เขาเก็บผลึกพลังชีวิตและออกเดินทางต่อ เขากลับไปที่เมืองปีศาจเพื่อดูว่าที่นั่นมีข่าวอะไรใหม่ๆบ้าง   หานเซิ่นได้ยินว่าหลูฮุยตกลงกับผู้ครองดินแดนทางเหนือได้แล้ว พวกเขาจะร่วมมือกันล่าราชาหมาป่า หานเซิ่นเตรียมสวดภาวนาให้พวกเขาแล้ว เพราะถ้าพวกเพกาซัสเข้าไปช่วยพวกหมาป่าล่ะก็ คงไม่มีมนุษย์หน้าไหนเอาชนะพวกมันได้แน่   หานเซิ่นได้เห็นความแข็งแกร่งของพวกมันมากับตา หานเซิ่นคิดว่าถึงเขาจะมีอาวุธที่ทรงพลังอย่างเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคี แต่ถ้าต้องสู้กับมอนสเตอร์อย่างราชาหมาป่า แม้จะเป็นแบบตัวต่อตัวมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆอยู่ดี   ระดับความแข็งแกร่งของมันยังไงก็สูงกว่ามนุษย์มากมายนัก แค่ดูจากความเร็วของมัน เขาก็ไม่คิดว่าเขาจะมีโอกาสใช้เร็กซสไปค์เพลิงอัคคีโจมตีโดนมันได้เลย แม้ราชาหมาป่าจะมีความแข็งแกร่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดโดยทั่วไปแล้วก็ตาม   ‘ดูเหมือนเรายังแข็งแกร่งไม่พอที่จะล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้’ หานเซิ่นบอกกับตัวเอง   แม้หานเซิ่นจะยังไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง แต่อย่างน้อยๆเขาก็สามารถพัฒนาวิชามังกรพิษทะยานได้ เนื่องจากวิชานี้ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะใช้รับมือกับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด ดังนั้นเขาจะต้องดัดแปลงมัน และทำให้มันอยู่ในระดับเดียวกับวิชาระดับS ถ้าทำได้เขาก็จะมีโอกาสฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้   วิธีที่ดีที่สุดในการดัดแปลงและพัฒนาวิชาก็คือต้องหาประสบการณ์จากการต่อสู้ ดังนั้นหานเซิ่นเลยใช้เครื่องสแกนสแกนเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีเพื่อจำลองมันขึ้นมา เขามีแผนที่จะฝึกมันในเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพ   หานเซิ่นล็อคอินเข้าเซิร์ฟเวอร์ต่อสู้จำลองของกองทัพ จากนั้นเขาก็ดูที่รายชื่อเพื่อนทันที เขาเห็นว่าซินเสวียนไม่ได้ออนไลน์ ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจค้นหาคู่ต่อสู่แบบสุ่ม   เมื่อเร็วๆฮุ่ยไห่เฟิงเพิ่งจะได้ที่ 1 จากการประลองวิชาหอกของกองทัพ ถึงมันจะเป็นแค่การประลองวิชาหอกที่จัดขึ้นเพื่อกระชับมิตรก็ตาม แต่การจะได้แชมป์ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ฮุ่ยไห่เฟิงฝึกวิชาหอกมาหลายปีแล้ว ซึ่งเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก   เขาล็อคอินเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพ เขากำลังเตรียมที่จะฝึกฝนวิชาการต่อสู้ระยะใกล้ดูบ้าง เขาหวังจะได้แชมป์ในการแข่งขันระดับสูงๆขึ้นไป   หลังจากกดค้นหาคู่ต่อสู้ได้ไม่นาน ฮุ่ยไห่เฟิงก็ถูกระบบจับคู่ต่อสู้ให้แล้ว ชื่อของอีกฝ่ายก็คือ ‘ทหารคนหนึ่งบนยานรบ’ ระดับคะแนนของอีกฝ่ายดูจะธรรมดาๆ   หลังจากที่เข้ามาในสนามประลอง ฮุ่ยไห่เฟิงก็ชะงักไปชั่วครู่ เมื่อเห็นอาวุธที่คู่ต่อสู้เลือกใช้ มันคืออาวุธที่มีรูปร่างแปลกๆ มันยาวประมาณ 2 เมตรและเป็นอาวุธที่ดูคมมาก   มันดูเหมือนกับร่มคันใหญ่ๆที่หุบเอาไว้ ด้ามจับของมันยาวถึง 50 เซนติเมตร ส่วนคมของมันยาวประมาน 150 เซนติเมตร มันดูเป็นอาวุธที่แปลก แต่ก็ดูน่ากลัวมาก   ‘อาวุธนั่นมันอะไรกัน? มันเป็นพวกดาบใหญ่หรือว่าจะเป็นพวกหอกสมัยโบราณ? แต่ดูแล้วมันน่ากลัวเอาเรื่องเลย แต่อาวุธแปลกแบบนั้นไม่ใช่ว่าจะใช้กันได้ง่ายๆ แถมเขายังถือด้วยมือข้างเดียวอีก’ ฮุ่ยไห่เฟิงมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น   แม้หอกก็สามารถถือได้ด้วยมือข้างเดียวเช่นกัน แต่เมื่อเอามันมาใช้งานจริงๆ การถือด้วยมือข้างเดียวจะทำให้ความเร็วและพลังในการแทงของหอกตกลงไป สำหรับผู้เชี่ยวชาญหอกแล้ว อาวุธที่ถือมือเดียวจะเป็นอาวุธที่พวกเขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ พวกเขาคิดว่ามันไม่ค่อยมีประโยชน์   สำหรับผู้เชี่ยวชาญหอกอย่างเขา เขาคิดว่าอาวุธที่หานเซิ่นใช้ดูใหญ่เกินไป ยังไงประสิทธิภาพของมันก็ไม่สามารถเทียบกับหอกได้เลย แต่ดูเหมือนมันก็น่าจะใช้เป็นดาบได้เหมือนกัน แต่ด้วยขนาดและรูปร่างของมันทำให้มีวิชาจำนวนน้อยมากที่เอามาใช้กับมันได้   มันเป็นอาวุธที่ฮุ่ยไห่เฟิงสนใจเป็นอย่างมาก เขาชักอยากจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะใช้วิชาแบบไหนกับอาวุธแบบนั้นกันแน่   ในตอนแรกฮุ่ยไห่เฟิงมาที่นี่เพื่อฝึกการต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่เมื่อเห็นอาวุธแปลกแบบนั้น มันก็ทำให้เขาต้องเรียกหอกออกมา หอกของเขามีขนาดที่ใหญ่มาก มันยาวกว่า 2 เมตร ส่วนความหนาของมันพอๆกับแขนของมนุษย์เลยทีเดียว ส่วนหัวของหอกมีความยาว 1 ฟุต และทำจากโลหะพิเศษ หอกนี้ถูกเรียบกว่า ‘หอกแชมเปี้ยนส์’   มีหลายคนที่สามารถใช้หอกแชมเปี้ยนส์ได้ก็จริง แต่มีน้อยคนมากที่จะเชี่ยวชาญมัน เพราะหอกแชมเปี้ยนส์เป็นหอกที่ขาดความคล่องแคล่ว เนื่องจากมันมีขนาดที่ใหญ่ แต่มันก็มีพลังในการโจมตีสูงขึ้นมาแทน   เมื่อหานเซิ่นเห็นว่าคู่ต่อสู้ใช้หอกแชมเปี้ยนส์ เขาก็ยิ้มออกมา เพราะเทคนิคที่ใช้ในการแทงของเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีก็ใช้หลักการเดียวกับการแทงของหอก . . ฝากกดติดตามหรือกดLikeเพจด้วยครับ >>> SSG (ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอนที่ 2077 แล้วครับ)

Super God Gene – ตอนที่ 665 การต่อสู้สุดช็อค
Super God Gene – ตอนที่ 665 การต่อสู้สุดช็อค

  เมฆที่อยู่รอบๆตัวเพกาซัสเริ่มกระจายตัวออกไป เมฆจำนวนมากพุ่งลงไปหามอนสเตอร์ที่อยู่ใต้ดิน พวกมันลอยไปติดอยู่กับหนวดของมอนสเตอร์เหมือนกับกาว   เมฆมันทั้งเหนียวและหนา ทำให้มอนสเตอร์ที่อยู่ใต้ดินไม่สามารถขยับหนวดของมันได้อย่างอิสระ มันพยายามดิ้นร่นโดยการใช้หนวดหวดไปหวดมาอย่างบ้าคลั่ง   เนื่องจากมอนสเตอร์ตัวนี้มีขนาดใหญ่และยังทรงพลังมาก หลังจากที่มันเอาตัวดันพื้นแรงๆ มันก็สามารถที่จะฉีกก้อนเมฆสีขาวๆได้ หลังจากนั้นมันก็ไล่ตามหานเซิ่นและลูกม้าสีแดงต่อไป   เพกาซัสและราชาเพกาซัสไม่สนใจหานเซิ่น พวกมันพยายามจะเบี่ยงเบนความสนใจของมอนสเตอร์ที่อยู่ใต้ดิน พวกมันกระหน่ำโจมตีแทบจะทุกส่วน ทั้งลำตัว หนวดและขา   บรู๊ววว! เสียงหอนที่น่าขนลุกดังขึ้นมาจากฝั่งหมาป่า มีหมาป่าตัวหนึ่งกำลังวิ่งตรงมายังจุดที่มีการต่อสู้ด้วยความเร็วสูง   ข้างหลังของมันมีฝูงหมาป่าวิ่งตามมาราวกับคลื่นสึนามิ รอยตรงหน้าผากของราชาหมาป่าส่องแสงสีฟ้าออกมา ทำให้ขนของหมาป่าตัวอื่นๆส่องแสงสีฟ้าออกมา และดวงตาของพวกมันก็ดูเหมือนกับไพลิน   หานเซิ่นช็อค เขาคิดว่าฝูงหมาป่าจะต้องมาโจมตีพวกเพกาซัสแน่ แต่ทว่าฝูงหมาป่ากับเข้าไปโจมตีมอนสเตอร์ที่กำลังต่อสู้อยู่กับเพกาซัส ดูเหมือนพวกมันจะมาช่วยพวกเพกาซัสมากกว่า   ราชาหมาป่าส่งเสียงหอนอีกครั้ง รอยสีฟ้าบนหน้าผากของมันส่องแสงออกมา ซึ่งมันดูสว่างที่สุดเท่าที่หานเซิ่นเคยเห็น แสงพวกนั้นส่องไปที่พวกเพกาซัส ดูเหมือนมันจะช่วยเพิ่มพลังให้กับพวกเพกาซัสด้วย พวกเพกาซัสดูจะแข็งแกร่งและรวดเร็วขึ้นในทันที   ราชาเพกาซัสกระพือปีกอย่างรวดเร็ว มันบินวนไปรอบๆ จากนั้นมันก็ยิงลำแสงสีขาวๆลงมาด้านล่างราวกับห่าฝน ลำแสงพวกนั้นพุ่งไปปักบนหนวดและขาของมอนสเตอร์ที่อยู่ใต้ดิน   ฝูงหมาป่าและเพกาซัสรุมโจมตีมอนสเตอร์ตัวนั้นโดยไม่เกรงกลัว ซึ่งมันทำให้มอนสเตอร์ตัวนั้นโกรธมาก มันอ้าปากและเขมือบเพกาซัสและหมาป่าเข้าไปหลายตัว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้พวกหมาป่าและเพกาซัสเสียขวัญ พวกมันร่วมมือกันหนักแน่นยิ่งกว่าเดิม   ตอนนี้บนตัวของมอนสเตอร์ตัวนั้นเต็มไปด้วยหมาป่าและเพกาซัส ซึ่งทำให้มันเคลื่อนไหวได้ลำบาก มันเริ่มรู้สึกรำคาญจากการโดนหมาป่าและเพกาซัสกัดนับครั้งไม่ถ้วน   แต่การโจมตีของพวกหมาป่าและเพกาซัสก็ยังทำอะไรมันไม่ได้มาก แต่เนื่องจากลูกน้องของพวกมันเข้าไปก่อกวนมอนสเตอร์ตัวนั้นเองต่อเนื่อง ทำให้ราชาหมาป่าและราชาเพกาซัสต่อสู้ได้อย่างสะดวกมากขึ้น   หานเซิ่นอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้เขาค่อยๆบินลงจากท้องฟ้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการต่อสู้ของมอนสเตอร์ที่มีจำนวนมากมายขนาดนี้   ที่สำคัญการที่มอนสเตอร์ทั้ง 2 ชนิดมาร่วมมือกัน เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ ส่วนเรื่องที่พลังของราชาหมาป่าช่วยสนับสนุนพวกเพกาซัสนี้ก็ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจมาก เขาคิดว่าราชาหมาป่ามีความสามารถที่ค่อนข้างพิเศษ   แม้ตัวราชาหมาป่าเองจะมีระดับความแข็งแกร่งที่ถือว่าด้อยกว่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวอื่นๆ แต่พลังในการสนับสนุนของมันก็น่าประทับใจมาก   ฝูงหมาป่าไม่สามารถบินได้ แต่ด้วยพลังสนับสนุนที่ราชาหมาป่าส่งให้ตัวอื่นๆ ทำให้พวกมันล่อนอยู่ในอากาศได้ค่อนข้างนาน นี่เป็นความสามารถที่วิเศษจริงๆ   “น่าคิดจริงๆ วิญญาณอสูรของราชาหมาป่าตัวนี้จะต้องเป็นวิญญาณอสูรออร่าแน่” หานเซิ่นสงสัย   พลังของราชาเพกาซัสก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าราชาหมาป่า ระดับความแข็งแกร่งของมันเองก็ถือว่าด้อยกว่าค่าเฉลี่ยของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด แต่เมฆสีขาวที่มันปล่อยอกไปมีลักษณะเหมือนกับกาว มันใช้ได้ผลดีในการยึดตัวมอนสเตอร์เอาไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ได้   นี่ค่อนข้างเป็นความสามารถที่พิเศษเช่นกัน ดูมันเป็นพลังเฉพาะทาง หานเซิ่นเลยบอกไม่ได้ว่ามันเป็นธาตุอะไร   ตอนนี้กรงเล็บของราชาหมาป่าแทงทะลุเข้าไปเปลือกของมอนสเตอร์ตัวนั้นแล้ว ทำให้มันสั่นด้วยความเจ็บปวด   ราชาเพกาซัสบินลงมาจากท้องฟ้า และเริ่มโจมตีไปที่บริเวณท้องของมอนสเตอร์ตัวนั้น มันใช้เขาบนหัวของมันแทงเข้าไปจนมิด ดูแล้วน่าจะทำให้เกิดบาดแผลลึก   มอนสเตอร์ตัวนั้นดูจะโกรธจนถึงขีดสุด แต่ภายใต้การรุมโจมตีจากทั้งหมาป่าและเพกาซัส ทำให้มันไม่สามารถทำอะไรได้มาก มันกำลังจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ มันพยายามอย่างหนักที่จะกลับลงรูไปให้ได้   ราชาเพกาซัสเรียกเมฆออกมาเพื่อปิดกั้นรูบนพื้นเอาไว้ เนื่องจากกรงเล็บของมอนสเตอร์ตัวนั้นไม่ได้แหลมคม ทำให้มันไม่สามารถเจาะเมฆของราชาเพกาซัสเพื่อลงไปใต้ดินได้   แต่ทว่ามอนสเตอร์ตัวนั้นก็พยายามจะขุดรูอื่นแทน แต่เนื่องจากรูมีเล็กเกินไปทำให้ตัวของมันติดอยู่ การที่มันทำแบบนี้ยิ่งทำให้ราชาเพกาซัสและราชาหมาป่าสู้ได้ง่ายขึ้นอีก   ราชาหมาป่าวิ่งไปบนตัวของมัน จากนั้นก็ใช้กรงเล็บโจมตีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าส่วนไหนก็ตามที่กรงเล็บของราชาหมาป่าไปสัมผัสโดนก็จะถูกฉีกขาด   เขาของราชาเพกาซัสเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากรงเล็บของราชาหมาป่า แต่ละครั้งที่มันแทงเข้าไป ทำให้มอนสเตอร์ตัวนั้นส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด   “ดูเหมือนยังไงจำนวนเยอะกว่าก็ได้เปรียบ ถ้าสู้กันตัวต่อตัวยังไงพวกมันคงจะเอาชนะมอนสเตอร์ตัวนั้นไม่ได้แน่” หานเซิ่นยืนสังเกตการณ์จากระยะไกล   ลูกม้าสีแดงยังนอนพักอยู่ในอ้อมแขนของหานเซิ่น มันมองดูการต่อสู้ด้วยแววตาที่ตื่นเต้น   แววตาของหานเซิ่นเปลี่ยนไปทันที “ในเมื่อราชาเพกาซัสกำลังต่อสู้อยู่ นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะหนีไป แล้วค่อยมาคิดอีกทีว่าจะเอายังไงกับลูกม้าตัวนี้ดี ถ้าเอามันไปเลี้ยงได้แบบจิ้งจอกสีเงินก็น่าจะดีไม่น้อย”   หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้น เขาหันหลังเตรียมที่จะหนีออกจากที่นี่ แต่ขณะที่เขากำลังจะหนี เขาก็พบว่าไม่ไกลจากเขามีกลุ่มของเพกาซัสเลือดศักดิ์สิทธิกำลังยืนอยู่แถวนั้น พวกมันกำลังจ้องมองมาที่เขาตลอดเวลา   แค่กๆ! หานเซิ่นต้องยกเลิกแผนการที่จะลักพาตัวลูกม้าสีแดงในทันที ฝูงของเพกาซัสมันใหญ่เกินกว่าที่เขาจะเอาชนะได้ ถ้าเขาต้องการจะขโมยลูกม้าจริงๆ ดูแล้วเขาก็ไม่น่าจะหนีจากการไล่ตามของพวกมันได้ เพราะถ้าราชาเพกาซัสไล่ตามเขาทันเมื่อไรทุกอย่างก็จบ   หานเซิ่นวางลูกม้าสีแดงลง จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและเริ่มเดินหนีไปอย่างช้าๆ   ฝูงเพกาซัสก็บินลงมาล้อมลูกม้าสีแดงเอาไว้ทันที หานเซิ่นพยายามจะหนีไป แต่ก็มีเพกาซัสหลายตัวเข้ามาขวางทางเขาเอาไว้   ลูกม้าสีแดงส่งเสียงร้องไปทางหานเซิ่น จากนั้นพวกเพกาซัสที่ขวางทางหานเซิ่นอยู่ก็เปิดทางให้เขาทันที   หานเซิ่นประหลาดใจมาก หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ เขาก็ตระหนักได้ถึงจิตใจของพวกมอนสเตอร์ว่ามันต่างจากความเชื่อเดิมๆของเขา เขาหันหลังกลับไปมองที่ลูกม้าสีแดงและโบกมือลา ก่อนที่เขาจะเดินจากไป   ในตอนนี้มอนสเตอร์ตัวนั้นใกล้จะตายเต็มทีแล้ว หานเซิ่นกลัวว่าหลังจากมันตายแล้ว ราชาหมาป่าและราชาเพกาซัสจะมาจัดการเขา ดังนั้นเขาไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่นาน   ฝูงของเพกาซัสมีขนาดใหญ่มาก จำนวนของมันมีหลายหมื่นตัว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมมอนสเตอร์ตัวนั้นถึงต้องซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน และเหตุผลที่มันยอมออกมาก็คงเป็นเพราะลูกม้าสีแดงหนีออกมาจนห่างจากฝูง เมื่อมันเห็นลูกม้าอยู่ตัวเดียว มันก็พยายามจะเล่นงานทันที แต่มันก็ทำไม่สำเร็จ ตอนนี้มันกำลังโดนราชาเพกาซัสและราชาหมาป่ารุมอยู่ อีกไม่นานมันก็น่าจะตาย   หานเซิ่นคิดว่าแผนที่จะฆ่าราชาหมาป่าของหลูฮุยมันน่าขำสิ้นดี ถึงจะไม่นับราชาหมาป่าแค่ฝูงหมาป่าก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว เท่านั้นยังไม่พอถ้าเพกาซัสให้ความช่วยเหลือพวกมันอีก พวกเขายังจะไม่โอกาสอยู่อีกหรอ?   ออร่าสนับสนุนของราชาหมาป่าเป็นอะไรที่วิเศษมาก พลังที่เพิ่มให้กับลูกสมุนของมันสูงเกินกว่าจินตนาการ หานเซิ่นไม่เชื่อว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนมาฆ่าราชาหมาป่าได้ ตราบใดที่มันยังมีลูกสมุนอยู่   เมื่อหานเซิ่นได้ยินเสียงกรีดร้องสุดท้ายของมอนสเตอร์ตัวนั้น หานเซิ่นก็เพิ่มความเร็วในการวิ่งขึ้นทันที เขาต้องการจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้   หลังจากวิ่งหนีมาทั้งวัน ในที่สุดหานเซิ่นก็ออกห่างจากอาณาเขตของพวกมันจนได้ แต่ทันใดนั้นอยู่ๆก้อนเมฆก็ปรากฏออกมารอบๆ ราชาเพกาซัสบินออกมาจากเมฆ พร้อมกับลูกม้าสีแดง ลูกม้าสีแดงเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ