Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 496 เมืองสปิริตราชวงศ์
Super God Gene – ตอนที่ 496 เมืองสปิริตราชวงศ์

  โชคร้ายที่หานเซิ่นไม่มีวิญญาณอสูรกลายพันธ์ของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ดังนั้นเขาเลยไม่สามารถทดสอบได้ว่ามันต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการอัพเกรด   แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ลองประมาณคราวๆดู เขาเดาว่าเหตุผลที่การอัพเกรดบลัดสเนลใช้เวลานานก็เพราะมันคือวิญญาณอสูรของก็อตแซงชัวรี่เขต 1   วิญญาณอสูรของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ไม่มีรูปแบบที่เป็นเบอร์เซิร์กโดยธรรมชาติ คริสตัลสีดำจะต้องเพิ่มความเป็นเบอร์เซิร์กให้มัน ซึ่งมันถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยุ่งยากกว่าเลยต้องใช้เวลานาน   เหตุผลที่การอัพเกรดอาร์ดแเองเจิลใช้เวลาเร็วกว่าก็อาจจะเพราะของเธอคือการวิวัฒนาการ ซึ่งมันน่าจะง่ายกว่าการอัพเกรดเป็นเบอร์เซิร์ก   แน่นอนว่านี่เป็นแค่การคาดเดาของหานเซิ่น เขายังต้องทดลองอีกมากกว่าจะรู้ว่าจริงๆมันเป็นยังไง   หานเซิ่นลังเล และป้อนคริสตัลสีดำให้กับวิญญาณอสูรอีวิลบลัดคอนดอร์ การ์กอยเบอร์เซิร์กไม่ได้แสดงท่าทีว่าต้องการคริสตัลสีดำเลย คล้ายๆกับอาร์คเเองเจิล และบลัดสเนลที่ได้ใช้คริสตัลสีดำไปแล้ว   หานเซิ่นกำลังออกล่าและหาเหยื่อในทุ่งน้ำแข็ง แต่เขาไม่พบอะไรเลย ในช่วงหลายวันมานี้ หานเซิ่นไม่เจอแม้แต่มอนสเตอร์กลายพันธ์ จะเจอก็แค่มอนสเตอร์ระดับโบราณ ทำให้เขาได้จีโนพ้อยโบราณมาบ้าง   หลี่ซิงหลุนพูดถูก ทรัพยากรบนทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ไม่เพียงพอต่อการวิวัฒนาการของมนุษย์จำนวนมาก ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ภูเขารอบๆเมืองเทพธิดายังจะมีมอนสเตอร์เยอะกว่านี้   แต่กระนั้นพื้นที่แถบภูเขาไม่ได้เหมาะกันการล่ามากนัก ไม่เหมือนกับพื้นที่ราบ   ถ้าพวกเขาไม่ต้องการเสี่ยงชีวิตไปล่าในภูเขา พวกเขาก็ต้องยึดเมืองสปิริตราชวงศ์ และเปิดเส้นทางติดต่อกับโลกภายนอกให้ได้ ไม่งั้นพวกเขาก็ต้องติดอยู่ที่นี่   หานเซิ่นตัดสินใจที่จะไปสอดแนมเมืองสปิริตสักหน่อย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบุกยึดในอนาคต   หลังจากที่เดินทางกว่า 2 วัน อีวิลบลัดคอนดอร์ก็กลายเป็นวิญญาณอสูรเบอร์เซิร์กเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ตามหานเซิ่นก็ยังไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไรได้ มันไม่ได้ดูออกง่ายๆหรือชัดเจนเหมือนกับกรีฟของการ์กอย   เนื่องจากหานเซิ่นไม่มีวิญญาณอสูรของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ดวงอื่น เขาเลยตัดสินใจให้โกลเด้นโกรวเลอร์กินคริสตัลสีดำ   ขณะที่วิ่งไปบนพื้นน้ำแข็ง หานเซิ่นก็ใช้เหยียบเมฆาไปตลอดทาง เนื่องจากไม่มีเซเว่นทวิสต์ เขาเลยต้องพึ่งเหยียบเมฆา   ยังดีที่ประสิทธิภาพของวิชาเหยียบเมฆาดีกว่าที่หานเซิ่นคิดเอาไว้ มันสามารถเพิ่มความเร็วให้เขา และยังเป็นวิชาที่เข้าใจง่าย หานเซิ่นชอบมันมากกว่าสปาติเคิล   “ตระกูลเฉินเป็นตระกูลที่เด่นด้านฟุตเวิร์คอย่างที่ลื่อกันจริงๆ หวังว่าสักวันเราคงจะได้วิชาเซเว่นทิสต์มาด้วย” หานเซิ่นบอกกับตัวเอง   200-300 ไมล์ห่างจากเมืองสปิริตราชวงศ์ หานเซิ่นก็เห็นสปิริตผมสีเงินกำลังขี่หลังมังกรอยู่บนทุ่งน้ำแข็ง โดยที่มีมอนสเตอร์ติดตามเป็นจำนวนมาก หานเซิ่นไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดจะไปที่ไหน   เมื่อเห็นว่ามีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธ์รวมอยู่ในกลุ่มด้วย หานเซิ่นเลยไม่คิดจะเข้าไปลอบโจมตี ที่นี่เขาไม่ได้มีคนคอยสนับสนุนเหมือนกับที่เมืองสตาร์วีล และตอนนี้สปิริตเองก็น่าจะระวังมากขึ้นด้วย ถ้าเขาเข้าไปคนเดียวมันก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย   แต่ถ้าคิดดีๆการที่สปิริตทิ้งเมืองไปแบบนี้ ก็เท่ากับว่าเธอเปิดโอกาสให้หานเซิ่นเข้าไปขโมยสปิริตสโตน   แต่ยังไงก็คงต้องมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิเฝ้าเมืองไว้แน่นอน แต่นี่มันก็เป็นโอกาสที่หาไม่ได้แล้ว ถึงโอกาสจะไม่ได้มาก แต่มันก็คุ้มที่จะลองเสี่ยง   หลังจากที่หานเซิ่นเดินทางไปถึงเมืองสปิริต เขาก็ต้องประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น   แม้เขาจะได้อ่านคำบรรยายเกี่ยวกับเมืองสปิริตราชวงศ์มาแล้วก็ตาม แต่มันก็เกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้   มันไม่ได้ได้เหมือนกับปราสาท แต่มันคือมหานครขนาดใหญ่ ตอนที่มองแวบแรก เขาแทบมองไม่เห็นขอบเขตของเมืองเลย มันกว้างใหญ่มาก บนท้องฟ้ามีมอนสเตอร์ขนาดใหญ่และฝูงนกแปลกๆกำลังบินอยู่ และภายในมีมอนสเตอร์จำนวนมากอยู่ แม้แต่สนามหญ้าหน้าเมืองสปิริตก็ยังมีมอนสเตอร์อยู่หนาแน่น   ตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ายังไงมันก็น่าจะมีช่องโหว่ให้เขาลอบเข้าไปได้บ้าง แต่ตอนนี้เท่าที่ดู เขาคิดว่าไม่น่าจะมีโอกาสที่จะลอบเข้าไปได้เลย และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าสปิริตสโตนมันตั้งอยู่ที่ไหน   การหาสปิริตสโตนที่มีขนาดเท่าก้อนหินก้อนหนึ่งในเมืองขนาดใหญ่แบบนี้ มันก็ไม่ได้ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทร ถ้าไม่นำคนจำนวนมากบุกเข้ามายึดเมือง มันก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหาสปิริตสโตนเจอ   ‘ถ้าเราสามารถยึดเมืองที่ใหญ่แบบนี้ได้ แค่เก็บค่าคุ้มครองและค่าเช่าก็คงรวยเละ วันๆแค่นั่งนับเงินก็คงเหนื่อยแย่แล้ว’ หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเขาสามารถยึดเมืองสปิริตราชวงศ์ได้ เขาก็จะเป็นใหญ่ในพื้นที่แทบนี้ ยิ่งกว่านั้นถ้าเขาได้สปิริตราชวงศ์มาเป็นข้ารับใช้ เขาก็มีพลังพอที่จะปกครองพื้นที่แทบนี้ได้โดยไม่มีใครกล้าต่อต้านเขา แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหาอยู่ก็คือเขายังไม่มีกำลังพอที่จะยึดเมืองนี้ได้   ‘ดูเหมือนจะไม่ง่าย เราคงต้องรีบหาทางทำให้ 2 เมืองใหญ่หันมาร่วมมือกัน และช่วยกันยึดเมืองนี้ให้ได้ แค่เราได้สปิริตราชวงศ์มาก็ดีเกินพอแล้ว ส่วนเรื่องเมืองสปิริต ถ้าเรามีกำลังมากพอ เดี๋ยวค่อยหาเอาทีหลังก็ได้’ หานเซิ่นคิด   เขาไม่กล้าจะล่ามอนสเตอร์แถวนี้ เมื่อเห็นจำนวนมอนสเตอร์ภายในเมืองแล้ว หานเซิ่นก็ต้องรีบถอยกลับก่อน   โชคดีที่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาหานเซิ่นล่ามอนสเตอร์ขนาดเล็กได้จำนวนมาก ซึ่งทำให้เขาได้จีโนพ้อยโบราณมาค่อนข้างมาก ตอนนี้เขามีจีโนพ้อยโบราณ 63 จีโนพ้อยแล้ว ขณะที่จีโนพ้อยสามัญเขาเก็บได้เต็มแล้ว   ตอนนี้ระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่นอยู่ราวๆ 100 หลังจากที่เขาใช้มนตรานอกรีตและโอเวอร์โหลด ระดับความแข็งแกร่งของเขาก็จะสามารถทะลุ 100 ได้ง่ายๆ   ‘ระดับความแข็งแกร่งขนาดนี้ บวกกับคลื่นหยินหยางก็น่าจะพอที่จะเอาชนะทหารเสือของบูลบลัดได้แล้ว’ หานเซิ่นลองประเมินตัวเองดู มันใกล้ถึงเวลาที่การแข่งขันจะจัดขึ้นแล้ว เขาเลยต้องรีบกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว   การแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่การแข่งระดับทั้งสหพันธ์ดวงดาว แต่มันเป็นแค่การแข่งของกาแล็กซี่ที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ที่ยานแดฟเน่จอดอยู่ ทหารเกือบทุกคนที่สังกัดอยู่ในกาแล็กซี่ตะวันตกเฉียงใต้จะถูกส่งมาเข้าร่วมการแข่งด้วย   ตามหลักแล้วหน่วยพิเศษบูลบลัดจะไม่มาเข้าร่วมการแข่งของกาแล็กซี่ตะวันตกเฉียงใต้ แต่เพราะนี่เป็นการคัดเลือกบอดี้การ์ดของจีเหยียนหรันด้วย หน่วยบูลบลัดเลยส่งสมาชิกมาเข้าร่วมการแข่งด้วย   หน่วยพิเศษบูลบลัดมักจะทำผลงานได้ดีเสมอ ซึ่งเป็นธรรมดาที่มันจะทำลายกำลังใจของทหารที่เข้าแข่ง ตอนนี้พวกเขามีโอกาสที่จะได้ต่อสู้กับหนึ่งในทหารที่ดีที่สุดของสหพันธ์ดวงดาว เพราะฉะนั้นพวกเขาจะต้องทำผลงานให้ดีเพื่อพิสูจน์ตัวเอง    

Super God Gene – ตอนที่ 495 การใช้คริสตัลสีดำ
Super God Gene – ตอนที่ 495 การใช้คริสตัลสีดำ

  หานเซิ่นเล่ารายละเอียดให้หวงฟูผิงชิงฟัง เหตุผลที่เขาอธิบายเรื่องนี้ก็เพราะเขาไม่ต้องการมีปัญหาทีหลัง ถ้าเขาเอาวิชานี้ไปใช้ในอนาคต   หวงฟูผิงชิงประหลาดใจ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวจากหานเซิ่น “เรื่องเป็นแบบนั้นสินะ งั้นนายก็คงเป็นอัจฉริยะจริงๆ หล่อนถึงปฏิบัติกับนายต่างจากคนอื่น”   “น่าเสียดายที่ผมยังเรียนรู้มาได้แค่ส่วนน้อยเท่านั้น” หานเซิ่นเลียริมฝีปากของตัวเองและพูด   “แค่นั้นก็ถือว่าดีมากแล้ว ถ้าไม่มีพรสวรรค์ก็ไม่มีทางเรียนรู้อะไรได้เลย วิชาหมากล้อมสวรรค์คือ 1 ใน 10 อันดับวิชาไฮเปอร์จีโนที่ดีที่สุดในยุคนี้ มันดีกว่าวิชาซุปเปอร์ไดมอนซะอีก” หวงฟูผิงชิงพูด   “ทำไมคุณย่าถึงไม่สอนให้คุณ?” หานเซิ่นถาม   “ย่าของฉันบอกว่า บุคลิก นิสัยและก็พรสวรรค์ของฉัน ไม่เหมาะที่จะฝึกวิชาหมากล้อมสวรรค์ ถ้าฉันฝืนฝึกมันไป มันจะกลายเป็นผลเสียกับตัวฉันเอง จริงๆแล้วไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว ไม่มีใครเลยในตระกูลที่ได้เรียนหมากล้อมสวรรค์ คนที่ได้เรียนมีเพียงควีนคนเดียว” หวงฟูผิงชิงพูดอย่างขมขื่น “ดังนั้นฉันเลยอิจฉานายมากที่มีพรสวรรค์แบบนั้น”   “ที่ย่าคุณพูดถูกต้องแล้ว ถ้าเรียนไปและเอาไปใช้โดยไม่เชี่ยวชาญจะทำให้มีโอกาสตายสูงขึ้นจริงๆ” หานเซิ่นเห็นด้วย   เทคนิคการไคท์ติ้งต้องพึ่งการคำนวณและการคาดการ ผู้ใช้ต้องพึ่งพลังสมองเยอะมาก ถ้าคาดการหรือคำนวณผิดพลาด อาจจะทำให้ผู้ใช้ถึงตายได้ง่ายๆ   ตัวอย่างเช่นตอนที่หานเซิ่นสู้กับควีน ถ้าเขาใช้เทคนิคนี้อาจจะทำให้เขาแพ้เร็วยิ่งกว่าเดิม นั่นก็เพราะควีนมีความสามารถในการคำนวณและการอ่านทางที่ดีกว่าเขา หล่อนสามารถเปลี่ยนการคำนวณของเขาให้ย้อนกลับมาทำร้ายเขาได้   “บางที่นายอาจจะ… ฉันต้องไปแล้ว… ไว้คุยกันวันหลัง..” เหมือนหวงฟูผิงชิงเกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา เธอพึมพำบางคำออกมาก่อนที่เธอจะวางสายไป   หานเซิ่นงง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหวงฟูผิงชิง เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อน   ขณะที่หานเซิ่นเตรียมจะเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพ อยู่ๆหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงปริแตกดังมาจากภายในจิตของเขา บลัดสเนลที่กินคริสตัลสีดำเข้าไปใช้เวลาในการวิวัฒนาการหลายเดือน ในที่สุดมันก็พังรังไหมออกมา   หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้นมาก ตอนแรกเขาคิดว่าวิญญาณอสูรจะใช้เวลาในการวิวัฒนาการประมาน 1 เดือน แต่ดูเหมือนวิญญาณอสูรแต่ละดวงจะมีระยะเวลาในการวิวัฒนาการที่แตกต่างกัน บลัดสเนลต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะวิวัฒนาการเสร็จ   หลังจากวิวัฒนาการมาแล้ว บลัดสเนคก็ดูแตกต่างไปจากเดิม มันเคยมีกระดองสีหยกและเนื้อสีแดง ดูเหมือนกับกระดองหอยทากกำลังลอยอยู่บนก้อนเมฆสีแดง แต่ตอนนี้ทั้งตัวของบลัดสเนลเปลี่ยนเป็นสีแดง กระดองของมันดูเหมือนกับคริสตัลสีแดง ถ้ามองจากระยะไกลมันดูเหมือนกับเปลวไฟไม่มีผิด   ประเภทของวิญญาณอสูรบลัดสเนลขั้นสุดยอดเบอร์เซิร์ก : เกราะสัตว์เลี้ยง   คำอธิบายของบลัดสเนลไม่เปลี่ยนแปลงจะมีก็แค่คำเพิ่มมาหนึ่งคำ ก็คือเบอร์เซิร์ก หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมัน ในขณะที่เข้าไปในห้องฝึกซ้อม จากนั้นเขาก็เรียกวิญญาณอสูรร็อคเวิร์มออกมา และสวมชุดเกราะขั้นสุดยอดให้มัน ชุดเกราะสีแดงเปลี่ยนร็อคเวิร์มให้ดูราวกับรถถังสีแดง   หานเซิ่นลองใช้พลัง 30% โจมตีไปที่สัตว์เลี้ยงของเขาดู แม้ตัวของร็อคเวิร์มจะถอยหลังไปนิดหน่อย แต่ชุดเกราะก็ยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ดี หานเซิ่นกระโดดด้วยความดีใจ เขาลองโจมตีมันอีกครั้งโดยใช้แรง 60% และก็พบว่าสัตว์เลี้ยงของเขาก็ยังสบายดี   หานเซิ่นค่อยๆเพิ่มแรงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ร็อคเวิร์มที่สวมชุดเกราะสีแดงก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ดูแล้วยังไงเขาก็ยังไม่สามารถทำอันตรายมันได้   จนสุดท้ายหายเซิ่นต้องโจมตีแบบเต็มแรง แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ทำให้มันกระเด็นไป ด้วยพลังป้องกันของชุดเกราะ สัตว์เลี้ยงของเขาดูจะไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไหร่ และชุดเกราะก็มีเพียงแค่รอยบุ๋มลงไปเท่านั้น   ผลลัพธ์ทำให้หานเซิ่นทั้งประหลาดใจและผิดหวัง บลัดสเนลไม่ได้เปลี่ยนเป็นวิญญาณอสูรของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 เหมือนกับอาร์คแองเจิล ดูเหมือนวิญญาณอสูรไม่ใช่จะวิวัฒนาการได้เหมือนกันหมด   คริสตัลสีดำทำได้แค่เปลี่ยนวิญญาณอสูรธรรมดาให้กลายเป็นเบอร์เซิร์กเท่านั้น แต่กระนั้นวิญญาณอสูรขั้นสุดยอดเบอร์เซิร์กของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ก็น่าจะมีพลังพอๆกับวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิของก็อตแซงชัวรี่เขต 2   นี่ก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับหานเซิ่น ตอนนี้หานเซิ่นมีความคิดใหม่ ‘ถ้าเราอัพเกรดวิญญาณอสูรของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 อยากรู้ว่ามันจะเปลี่ยนเป็นแบบเบอร์เซิร์กได้เหมือนกันหรือเปล่า ถ้ามันได้ล่ะก็เราจะสามารถทำเงินได้มหาศาล’   สำหรับวิญญาณอสูรแบบเดียวกัน วิญญาณอสูรที่เป็นเบอร์เซิร์กจะมีมูลค่าสูงกว่าแบบธรรมดาหลายเท่า หรือบางทีอาจจะเป็นสิบเท่าเลยก็ได้   ถ้าเขาสามารถผลิตวิญญาณอสูรเบอร์เซิร์กได้ เขาก็สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล   ยิ่งกว่านั้น ถ้าเขาสามารถเปลี่ยนวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 เป็นแบบเบอร์เซิร์กได้ มันจะช่วยหานเซิ่นในการล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้ในอนาคต แน่นอนว่าหานเซิ่นยังคงกังวลว่าต้องใช้เวลาในการอัพเกรดนานเท่าไหร่ อาร์คแองเจิลใช้เวลาเพียงแค่ 1 เดือน ขณะที่บลัดสเนลใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะกลายเป็นเบอร์เซิร์ก หานเซิ่นยังไม่ค่อยเข้าใจหลักการของมัน   ตอนนี้หานเซิ่นไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเข้าไปต่อสู้ในเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพอีกแล้ว เขาตรงไปที่เครื่องเทเลพอร์ตทันที และเข้าไปที่เมืองสตาร์วีล   ที่ตลาดภายในเมืองสตาร์วีล หานเซิ่นไปซื้อวิญญาณอสูรสามัญมา ซึ่งมันน่าจะอ่อนแอที่สุดแล้ว และเขาก็ลองใช้คริสตัลสีดำกับมันดู   มันคือลูกแมวตัวสีขาว เป็นมอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุดบริเวณเขตทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้แล้ว โอกาสที่จะได้วิญญาณอสูรจากการฆ่ามอนสเตอร์ชนิดนี้มีค่อนข้างสูง วิญญาณอสูรของมันคือผ้าคลุมที่สามารถป้องกันคนจากอากาศหนาวได้   หลังจากที่ลูกแมวหิมะกลืนคริสตัลสีดำเข้าไป มันก็เข้าไปอยู่ในรังไหมที่เกิดจากแสง เหมือนกับที่หานเซิ่นเคยเห็นก่อนหน้านี้   หลังจากเวลาภายไปเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมง รังไหมก็เริ่มมีรอยแตก ลูกแมวหิมะที่เคยมีขนสีขาวก็เปลี่ยนเป็นขนสีเงินแทน   ประเภทของวิญญาณอสูรลูกแมวหิมะเบอร์เซิร์ก : ผ้าคลุม   หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้นมาก มันเกือบจะเหมือนสิ่งที่เขาคิดไว้ คริสตัลสีดำสามารถเปลี่ยนวิญญาณอสูรธรรมดาให้เป็นแบบเบอร์เซิร์กได้ และมันยังใช้เวลาไม่นานด้วย ถ้าเป็นวิญญาณอสูรระดับสามัญ   แต่กระนั้นการอัพเกรดวิญญาณอสูรระดับสามัญไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ อย่างน้อยถ้าจะให้ดี เขาต้องอัพเกรดระดับกลายพันธ์หรือเลือดศักดิ์สิทธิ   หานเซิ่นกัดฟัน และให้เฟอเรทโกสพาวใช้คริสตัลสีดำ เขาจะลองทดสอบดูว่ามันจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการเปลี่ยนวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิแบบธรรมดาให้กลายเป็นแบบเบอร์เซิร์ก   ผลของมันทำให้หานเซิ่นประหลาดใจมาก มันใช้เวลาไม่ถึง 3 วัน เฟอเรทโกสพาวก็ออกมาจากรังไหม และก็กลายเป็นวิญญาณอสูรเบอร์เซิร์ก   กรงเล็บของเฟอเรทโกสพาวมีสีเข้มขึ้น และดูคมขึ้นมาก ดูเหมือนกับทำมาจากสแตนเลส หานเซิ่นดูแล้วคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์มากกว่าเดิม   “มหัศจรรย์มาก เรานี่โชคดีจริงๆ..” หานเซิ่นตื่นเต้นมาก  

Super God Gene – ตอนที่ 494 กระแสดอลลาร์กำลังมา
Super God Gene – ตอนที่ 494 กระแสดอลลาร์กำลังมา

  หานเซิ่นเอาชนะได้ทุกแมท เนื่องจากมีพวกแฟนคลับพยายามจะจับคู่แบบสุ่มมาเจอเขา ทำให้คู่ต่อสู้ที่เขาเจอมากกว่าครึ่งเป็นพวกแฟนคลับ ในบรรดาพวกนั้นมีสาวๆมาขอลายเซ็นเขาด้วย   “เอ่อนี่เป็นแพลตฟอร์ม เกรงว่าผมจะทำแบบนั้นไม่ได้” หานเซิ่นต้องรีบล็อคเอ้าท์ออกจากแพลตฟอร์มทันที ถึงเขายังสู้ต่อไปต่อไปก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร   ข่าวการกลับมาของดอลลาร์แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว หลายๆคนกำลังถกเถียงกันว่าสังหารดอลลาร์ใช่ดอลลาร์ตัวจริงหรือเปล่า และอีกหลายๆคนก็รอให้ดอลลาร์เข้ามาสู้ในแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการอีกครั้ง   ช่วงนี้หานเซิ่นไม่ได้เข้าไปในแพลตฟอร์มอีกเลย เพราะทุกคนกำลังรอให้เขาเข้าไป ตอนนี้ไม่มีทางที่เขาได้สู้แบบจริงๆจังๆ เขาต้องการเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งไม่ใช่พวกแฟนคลับ   ขณะกำลังนอนพักผ่อน หานเซิ่นก็ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพแทน   เนื่องจากมีเรื่องให้คิดเยอะทำให้หานเซิ่นนอนไม่หลับ เขาโทรไปหาจีเหยียนหรัน ไม่นานจีเหยียนหรันก็รับสาย   “ดึกขนาดนี้เธอยังทำงานอยู่อีกหรอ?” หานเซิ่นถาม   “ไม่ ฉันกำลังอยู่ในแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการ” จีเหยียนหรันพูดอย่างตื่นเต้น “ดอลลาร์ปรากฏตัวอีกครั้ง เขาชนะ 40 แมทรวดโดยไม่แพ้ใครเลย เขาสุดยอดไปเลย! ฉันอยากจะดูเขาสู้แบบสดๆ…”   “เธอก็เข้าไปเพื่อดูดอลลาร์ด้วยหรอ? เธอเป็นแฟนคลับของเขางั้นหรอ?” หานเซิ่นเองยังไม่รู้มาก่อนเลยว่าจีเหยียนหรันเป็นแฟนคลับดอลลาร์เหมือนกัน   “ใช่ ฉันเป็นแฟนคลับของเขา มีใครที่จะไม่ชอบฮีโร่บ้างล่ะ? เขาเคยช่วยชีวิตเด็กๆเอาไว้จากชูร่าเขาทอง และยังมีอีกนะ…” จีเหยียนหรันเต็มไปด้วยความชื่นชมที่มีต่อดอลลาร์   “เธอกำลังคุยกับแฟนของเธออยู่นะ ให้มันน้อยๆหน่อย” หานเซิ่นเบ้ปากและพูด   “หะ นายหึงเขางั้นหรอ? ไอดอลแตกต่างจากแฟน ฉันแค่ชื่นชมเขาในฐานะที่เป็นไอดอล แต่แฟนของฉันคือคนที่ฉันรักที่สุดในโลก คนที่ฉันพร้อมจะมอบทุกอย่างให้” จีเหยียนหรันพูดพร้อมกับยิ้ม   “ถึงจะแบบนั้น ฉันก็รู้สึกว่ามันยังไม่พอ เธอจะชื่นชมแฟนของเธอไม่ได้หรอ? แฟนของเธอเองก็น่าชื่นชมเหมือนกัน” หานเซิ่นพูดอย่างลังเล   “นั่นมันต่างกัน ในความคิดของฉันนายยอดเยี่ยมที่สุด แต่ดอลลาร์คือฮีโร่ของทุกคน ฉันเอาทั้ง 2 คนมาเปรียบเทียบกันไม่ได้จริงๆ” จีเหยียนหรันพูด   “งั้นเธอก็รอดูฮีโร่ของเธอไปละกัน สำหรับคนธรรมดาอย่างฉันขอตัวไปนอนก่อน” หานเซิ่นแสร้งทำเป็นจะวางสาย   “ที่รัก อย่าทำแบบนั้น ถ้านายไม่ชอบ ฉันก็จะไม่ดูเขาอีกแล้ว เทพดอลลาร์อะไรกัน? เขาจะต้องแพ้อย่างแน่นอนถ้าต้องมาเจอกับอัจฉริยะอย่างหานเซิ่น ดอลลาร์ 100 คนยังเทียบนายไม่ได้เลย อัจฉริยะยกโทษให้ฉันด้วย!” จีเหยียนหรันพยายามพูดเพื่อไม่ให้หานเซิ่นวางสายไป   เมื่อเขาเห็นเธอพยายามขนานนั้น หานเซิ่นก็เลิกคิดจะวางสาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้โกรธจริงๆอยู่แล้ว เขาไม่บ้าพอจะมานั่งอิจฉาตัวเอง   ขณะกำลังนอนอยู่บนเตียงและคุยกับแฟนของเขา ในที่สุดหานเซิ่นก็เริ่มง่วงและหลับไปในที่สุด หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา คอมของเขาก็ยังเปิดอยู่ จีเหยียนหรันเองก็ดูเหมือนจะคุยจนหลับไปเหมือนกัน และเธอก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย   เนื่องจากเขาไม่ต้องการรบกวนเธอ หานเซิ่นปิดคอมของเขา หลังจากล้างหน้าแปรงฟันแล้ว หานเซิ่นก็ออกไปหาอะไรกินเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปสู้ในแพลตฟอร์มของกองทัพ แต่ทว่าอยู่ๆคอมของเขาก็ดังขึ้นมา   หานเซิ่นคิดว่าน่าจะเป็นจีเหยียนหรัน เขาเลยรีบรับสายทันที แต่ทว่าภาพโฮโลเเกรมที่ปรากฏออกมาก็คือหวงฟูผิงชิง   “คุณหวงฟู อยู่ๆทำไมวันนี้ถึงได้โทรมา” หานเซิ่นพูด เนื่องจากค่อนข้างคุ้นเคยกันอยู่แล้ว เขาเลยไม่เสียเวลาทักทาย   “นายรู้เรื่องที่ดอลลาร์ปรากฏตัวแล้วใช่ไหม?” หวงฟูผิงชิงเข้าเรื่องทันที   “ผมคิดว่าผู้วิวัฒนาการเกือบทุกคนน่าจะรู้เรื่องนี้หมดแล้ว” หานเซิ่นพูด เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าการที่ใช้ชื่อไอดีแบบนั้นจะทำให้คนคิดกันได้ว่าดอลลาร์ตัวจริงกลับมา   “นายคิดว่าคนคนนั้นเป็นดอลลาร์ตัวจริงหรือเปล่า?” หวงฟูผิงชิงถาม   “ผมคิดว่าใช่” หานเซิ่นตอบ   “ทำไม?” หวงฟูผิงชิงถาม เหมือนเธอจะประหลาดใจ   “สัญชาตญาณ” หานเซิ่นตอบ แต่ในใจเขาคิด ‘ก็นั่นมันฉันเอง แน่นอนว่าฉันต้องรู้อยู่แล้ว’   หวงฟูผิงชิงครุ่นคิดและพูด “ฉันเองก็คิดว่าน่าจะใช่เหมือนกัน ดอลลาร์ฝีมือพัฒนาขึ้นมาก ฉันอยากรู้จริงๆว่าเขาอยู่ที่เมืองไหน”   “ขนาดคุณยังไม่รู้แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง ทำไมคุณถึงได้สนใจเขาล่ะ? หรือว่าเซินเทียนจื่อต้องการจะไปเล่นงานเขา?” หานเซิ่นถามลองเชิงไป   “แม้เซินเทียนจื่อจะเกลียดดอลลาร์มาก แต่เขาก็ไม่ได้ว่างถึงขนาดไปไล่ตามหาคนที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนหรอก เหตุผลที่ฉันอยากจะหาตัวเขาก็เพราะฟุตเวิร์คที่เขาใช้มันเหมือนกับหมากล้อมสวรรค์” หวงฟูผิงชิงพูดอย่างเคร่งขรึม   “แม้ฟุตเวิร์คที่เขาใช้คือหมากล้อมสวรรค์แล้วมันมีอะไรงั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความงง   “ตอนนี้ทั้งสหพันธ์ดวงดาวน่าจะมีแค่ 2 คนที่ฝึกหมากล้อมสวรรค์ได้สำเร็จ คนแรกก็คือคุณย่าของฉัน ส่วนอีกคนก็คือลูกศิษย์ของคุณย่า การที่มีคนอื่นนอกเหนือจากนี้สามารถใช้หมากล้อมสวรรค์ได้ ทางสถาบันเอเรสจะต้องทำการสืบสวนเรื่องนี้”   เมื่อได้ยินสิ่งที่หวงฟูผิงชิงพูด หานเซิ่นก็อึ้งไปเลย เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูด “ศิษย์ของคุณย่าที่ว่าก็คือควีนใช่ไหม คนที่เคยสู้อยู่ในภัตตาคาร?”   “นายรู้เรื่องนั้นได้ยังไง?” หวงฟูผิงชิงมองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ และหน้าอกของเธอก็ขยับขึ้นลง   ‘หวงฟูผิงชิงนี่แหละสุดยอด แม้ผู้หญิงคนนั้นจะมีหน้าอกใหญ่กว่าก็เถอะ แต่รูปทรงก็ไม่ได้เพอร์เฟคเหมือนกับหวงฟูผิงชิง’ เมื่อเห็นมันก็ช่วยไม่ได้ที่หานเซิ่นจะมีความคิดเช่นนี้   “ผมเคยเจอควีนในกลาดิเอเตอร์มาก่อน และได้เรียนรู้เทคนิคการไคท์ติ้งมาจากหล่อนด้วย มันช่วยผมได้มากเลย แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันเรียกว่าหมากล้อมสวรรค์รึเปล่า” หานเซิ่นพูด   “เรื่องนั้นเป็นความจริงรึเปล่า” หวงฟูผิงชิงช็อค เธอขอให้หานเซิ่นโชว์เทคนิคที่เขาบอกให้ดู   หานเซิ่นเพียงแค่สาธิตเทคนิคที่เขาเรียนมาจากควีนเท่านั้น เขาไม่ได้เปิดเผยฟุตเวิร์คที่เขียนอยู่ในคัมภีร์ตงเสวียน   หวงฟูผิงชิงประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่ได้ดูการสาธิตของหานเซิ่นแล้ว เธอก็มองหานเซิ่นด้วยสีหน้าแปลกๆ “ควีนเป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองและหยิ่งทะนงมาก ยกเว้นคุณปู่กับคุณย่าแล้ว เธอไม่เคยสนใครเลย แม้แต่ฉันยังถูกเธอเมินเป็นประจำ เธอไม่แม้แต่จะชายตามองคนธรรมดาๆ การที่นายบอกว่าเธอสอนหมากล้อมสวรรค์ให้นายเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ และถึงจะสอนเธอก็ไม่น่าจะสอนมากขนาดนี้ บอกฉันมาว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?”  

Super God Gene – ตอนที่ 493 สับหลอก
Super God Gene – ตอนที่ 493 สับหลอก

  เหมือนๆกับหวังชุน เธอเองก็ไม่ได้ตามข่าวเกี่ยวกับดอลลาร์ เธอเลยไม่ได้คาดคิดว่าจะมีคนเข้ามาดูมากมายขนาดนี้   แต่อย่างไรก็ตามคนที่ถูกจับคู่มาสู้กับหานเซิ่นก็ไม่มีใครเลยที่อ่อนแอ หลังจากประหลาดอยู่ชั่วครู่ ฉันไม่เข้าใจก็เริ่มสงบเยือกเย็น และตั้งท่าป้องกัน เธอกำลังรอให้คู่ต่อสู้เข้ามาโจมตีก่อน เหมือนว่าเธอจะไม่ได้มีความกังวลอะไรเลย   ผู้ที่เข้าไปชมการต่อสู้ในสนาม และคนที่ชมผ่านทางรายการของเฟิงหมิงเฉวียนต่างก็ประหลาดใจกับสาวหน้าอกใหญ่คนนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ มันไม่ง่ายเลยที่จะสงบเยือกเย็นอยู่ได้   “หนักแน่นเหมือนขุนเขา นี่คือวิชามวยกำแพงเหล็กของไท่โซวหวัง” เฟิงหมิงเฉวียนจำวิชาที่ผู้หญิงคนนั้นใช้ได้ เขาเริ่มอธิบายด้วยความตื่นเต้น “ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนน่าจะคุ้นชื่อของไท่โซ่วหวังดี เขาคือหนึ่งในวุฒิสมาชิก และเป็นกึ่งเทพ มวยกำแพงเหล็กเป็นวิชาที่มีชื่อเสียงด้านการป้องกันมากที่สุดวิชาหนึ่ง วันนี้พวกเราน่าจะได้เห็นการต่อสู้ที่สุดยอด อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป? พวกเรามารอดูกัน”   “ว้าว สาวสวยคนนี้เป็นคนตระกูลไท่โซ่วหรอเนี่ย!” “ดูที่หน้าอกของเธอสิ ถ้าเป็นฉัน ฉันคงยอมแพ้ตั้งแต่เห็นมันแล้ว ไม่ถึงขั้นต้องเจอมวยกำแพงเหล็กหรอก” “ถ้าเป็นฉันคงจะต้องคุกเข่าขอยอมแพ้แน่” “ฉันคิดว่าครั้งนี้ดอลลาร์น่าจะลำบากแล้ว มวยกำแพงเหล็กเป็นสุดยอดวิชา ฉันเคยเห็นมันมาแล้ว ผู้วิวัฒนาการที่ฝึกวิชานี้ถึงเขาจะถูกล้อมด้วยคน 6 คน เขาก็สามารถรับมือได้อย่างสบาย” “เยี่ยมเลย วันนี้เราน่าจะได้ดูการต่อสู้ที่สนุก”   เมื่อเห็นวิชาป้องกันของสาวสวย ตาของหานเซิ่นก็ลุกเป็นไฟ หลังจากที่สู้มา 20 กว่าคน เขายังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่เป็นสไตล์ตั้งรับมาก่อนเลย   หานเซิ่นออกหมัดชกไปที่เธอโดยไม่ลังเล ไม่มีวิชาไหนในโลกที่ป้องกันได้สมบูรณ์แบบ มันก็คล้ายกับการโจมตีของหานเซิ่นที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่   ถ้าคน 2 คนที่มีระดับความแข็งแกร่งพอๆกันต่อสู้กัน คนที่ทำพลาดน้อยกว่าก็มักจะเป็นผู้ชนะ การไม่เคลื่อนที่ก็เท่ากับว่าความผิดพลาดจะน้อย คนที่ออกหมัดก่อนมักจะทำพลาดได้ง่าย และอาจจะทำให้เขาแพ้ไปเลยก็ได้   มวยกำแพงเหล็กเป็นวิชาที่มีแนวคิดเช่นนั้น มันเป็นมากกว่าแค่วิชาป้องกัน มันยังเป็นวิชาที่ใช้โต้กลับได้ดี   สาวสวยเข้าใจหลักการของวิชานี้ดี ดังนั้นเมื่อเธอเห็นหานเซิ่นเริ่มเคลื่อนไหวก่อนโดยไม่ได้ระวัง ทำให้เธอรู้สึกว่าคู่ต่อสู้ของเธอประมาทเกินไป   แต่กระนั้นสาวหน้าอกใหญ่ก็ยังระมัดระวังตัวมาก เนื่องจากความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในการป้องกันก็คือการไม่ระวัง เธอจะไม่ทำผิดพลาดแบบนั้น   สาวสวยใช้มวยกำแพงเหล็กป้องกันการโจมตีของหานเซิ่นทั้งหมด เมื่อหมัดของพวกเขาปะทะกัน พวกเขาทั้ง 2 คนก็ต้องช็อค หานเซิ่นไม่ได้เป็นต่อเลย ระดับความแข็งแกร่งของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา   แต่อย่างไรก็ตามหานเซิ่นก็ไม่ได้มีแผนที่จะเอาชนะเธอด้วยกำลังอยู่แล้ว เป้าหมายของเขาก็คือการฝึกเทคนิคในคัมภีร์ตงเสวียน การที่เขาใช้พลังกดดันคู่ต่อสู้มากเกินไปจะไม่ได้ประโยชน์ในการฝึก   หลังจากหมัดแรกจบไป หานเซิ่นก็กระหน่ำชกไปที่สาวสวยอย่างต่อเนื่อง สาวสวยใช้หมัดของเธอป้องกันหมัดของหานเซิ่น แต่ที่เธอป้องกันได้นั้นเป็นเพียงแค่หมัดหลอกเท่านั้น   ถ้าเขาเราใส่พลังทั้งหมดลงไปในหมัด มันจะยากที่เขาจะหยุดหรือเปลี่ยนทิศทางหมัด ตรงกันข้าม ถ้าเขาอ้อมแรงไว้ และใช้แรงแค่บางส่วนในการควบคุมหมัด เขาจะสามารถเปลี่ยนทิศทางการโจมตีได้ง่ายกว่า นี่เป็นการประยุกต์ใช้มวยขาวและดำในการต่อสู้จริง ขณะที่กำลังป้องกัน สาวสวยคิดว่าเธอสามารถป้องกันหมัดของหานเซิ่นได้ แต่เธอก็พบว่ามันเป็นแค่หมัดหลอก เมื่อหมัดของพวกเขาจะปะทะกัน หมัดของหานเซิ่นก็เปลี่ยนทิศทางไปเรียบร้อยแล้ว   ถ้าเป็นคนอื่นเจอแบบนี้เข้า พวกเขาก็คงจะไม่มีทางป้องกันการโจมตีที่รวดเร็วขนาดนี้ได้ แต่ทว่าสาวสวยคนนี้ก็ก้าวถอยออกมา เธอบิดเอว และใช้แขนป้องกันหมัดของหานเซิ่นที่ตรงเข้ามา   แต่ปรากฏว่าหมัดที่ 2 ของหานเซิ่นก็ยังเป็นหมัดหลอกอยู่ดี มันไม่แม้แต่จะไปสัมผัสกับแขนของสาวสวย หมัดของหานเซิ่นเคลื่อนไหวราวกับงู และชกเข้าที่ท้องของสาวสวย   มวยกำแพงเหล็กคือวิชาที่สมควรจะถูกเรียกว่าสุดยอดวิชาป้องกันจริงๆ สาวสวยใช้ศอกแทงลงมาที่แขนของหานเซิ่นแทบจะทันที   แต่ทว่าหมัดนั้นของหานเซิ่นก็ยังเป็นแค่หมัดหลอก หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วอีกครั้ง   มันเป็นการต่อสู้ที่ทำให้คนดูต้องอ้าปากค้าง “ดอลลาร์ถนัดใช้หมัดหลอกหรอเนี่ย ฉันดูไม่ออกเลยว่าเขาใส่แรงไปในแต่ละหมัดมากแค่ไหน ตอนแรกฉันคิดว่าเขาน่าจะใส่แรงทั้งหมดไปทั้ง 3 หมัดเลย ฉันถ้าเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ฉันน่าจะตายไปนานแล้ว” “โจมตีเก่งเจอกับป้องกันเก่ง ครั้งนี้ยังไงดอลลาร์ก็ชนะไม่ง่ายแน่” “ยอดไปเลย มวยกำแพงเหล็กป้องกันได้สมบูรณ์แบบมาก ขนาดเจอหลอกไปตั้งหลายครั้งก็ยังป้องกันได้” “เป็นการต่อสู้ที่สุดยอดจริงๆ!”   แต่อย่างไรก็ตามความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่ผู้ชมเห็น ตอนนี้สาวสวยเริ่มหัวร้อนแล้ว เธอรู้สึกว่าคู่ต่อสู้กำลังกวนประสาทเธอ เห็นได้ชัดว่าคู่ต่อสู้รู้ว่าเธอมีทักษะในการป้องกันสูง เลยพยายามใช้การโจมตีหลอกมารัวๆ เหมือนกับคิดว่าเธอเป็นของเล่น แม้จะเชื่อเช่นนั้นแต่เธอก็พยายามสงบใจเอาไว้ และป้องกันต่อไปโดยไม่ได้รีบร้อน เธอยังคงหาจังหวะเหมาะๆที่จะโต้ตอบกลับไป ตามหลักการของวิชาที่เธอเรียนรู้มา   แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ยังโจมตีหลอกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันเริ่มทำให้เธอหมดความอดทน   “วิชามวยกำแพงเหล็กของตระกูลฉันไม่ได้มีดีแค่ป้องกัน” สาวสวยฟิวส์ขาดเเเล้ว เธอจ้องมองหานเซิ่นอย่างละเอียด เตรียมพร้อมที่จะโจมตีสวนกลับทันที ถ้าเขายังกล้าใช้หมัดหลอกอีกครั้ง   แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ทำให้เธอรู้สึกอับอายจนเธออยากจะร้องไห้ออกมา   หานเซิ่นใช้หมัดหลอกติดต่อกัน 18 หมัด ในขณะที่สาวสวยไม่มั่นใจเลยว่ามันเป็นหมัดหลอกจริงๆหรือเปล่า ทำให้เธอยังไม่ได้โจมตีกลับเลยแม้แต่ครั้งเดียว   ในตอนนี้สาวสวยสติหลุดไปแล้ว หลังจากที่โดนหานเซิ่นหลอก 18 หมัดติดต่อกัน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจแล้วว่าจะตอบโต้แน่ ถ้าหานเซิ่นชกมาอีกครั้ง เธอจะโต้กลับโดยไม่ลังเล   ปัง! ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ หัวเสีย หงุดหงิด ตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ซึ่งมันเกือบจะไหลออกมา   ในตอนที่เธอคิดว่าจะโต้กลับจริงๆ กลับกลายเป็นว่าคู่ต่อสู้ใช้หมัดจริงๆมา หมัดของเขาใส่มาเต็มแรง มันทั้งเฉียบขาดและรวดเร็วเกินกว่าที่เธอจะทำอะไรได้ ก่อนที่หมัดของเธอจะพุ่งออกไป เธอก็ถูกชกไปก่อนแล้ว   แม้แต่ผู้ชมยังช่วยกันประนามหานเซิ่น เพราะเขาใช้วิธีการต่อสู้ที่ถือว่าทำร้ายจิตใจฝ่ายตรงข้ามจริงๆ เขากล้าดียังไงมารังแกสาวสวยที่หน้าอกใหญ่ขนาดนี้?   แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เขาแค่ต้องการหาทางทำลายการป้องกันที่เกือบจะสมบูรณ์แบบของเธอ วิชานี้ถือว่าสมบูรณ์มาก มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะโจมตีเธอได้ ถ้าเล่นกันซึ่งๆหน้า ดั้งนั้นเขาเลยต้องใช้การหลอกล่อให้คู่ต่อสู้หัวร้อน และโต้กลับมา   ถ้าจิตใจของเธอเข็มแข็งพอ และตั้งหน้าตั้งตาป้องกันต่อไปเรื่อยๆ ไม่นานหานเซิ่นก็อาจจะทำผิดพลาดเองก็ได้ เพราะยังไงวิธีการโจมตีของหานเซิ่นก็ถือว่าค่อนข้างเสี่ยง ถ้าใช้ต่อเนื่องนานๆมันเสี่ยงที่คู่ต่อสู้จะดูออก ถ้าเธอยังใช้กลยุทธ์เดิมต่อไป เธอก็มีโอกาสชนะไม่น้อยเลย   เมื่อผิดพลาดไปครั้งหนึ่งแล้ว มันก็ยากที่เธอจะรักษาท่าการป้องกันที่สมบูรณ์แบบได้ ทำให้เธอถูกหานเซิ่นจัดการในที่สุด   ในห้อง สาวสวยออกจากอุปกรณ์จำลองโฮโลแกรมมา ตาของเธอแดง สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป น้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมา  

Super God Gene – ตอนที่ 492 ดาบพระจันทร์
Super God Gene – ตอนที่ 492 ดาบพระจันทร์

  ผู้วิวัฒนาการที่จับคู่มาสู้กับหานเซิ่นถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก หลังจากที่เข้ามาในสนามประลอง เขาก็เห็นคนนั่งกันแน่นสแตนด์ไปหมด หวังชุนไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น   แม้เขาจะรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิที่มีชื่อเสียงอยู่ในระดับหนึ่ง แต่เขาก็ไม่เคยมีคนดูมากขนาดนี้ ความจุสูงสุดของผู้ชมคือหลายล้านคน ซึ่งมันน่าประหลาดใจมากที่มีคนเข้ามาดูเต็มความจุ   “นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย? หรือมีใครพบคอลเลกชันหนัง AV ที่เราเก็บสะสมไว้แล้ว? ไม่น่าใช่ ยังไงคนมันก็ไม่น่าจะมากขนาดนี้!” ขณะที่หวังชุนกำลังงงอยู่ การนับถอยหลังก็สิ้นสุดลง   หลังจากที่เข้ามาในสนามประลอง หวังชุนก็คิด ‘หรือว่าคู่ต่อสู้ของเราจะเป็นคนมีชื่อเสียง? ต้องใช่แน่ ไม่งั้นจะมีคนมากขนาดนี้ได้ยังไง?’   เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังชุนก็รีบเช็คข้อมูลของคู่ต่อสู้ทันที สถิติของคู่ต่อสู้คือ เขาสู้มาทั้งหมด 20 ครั้ง อัตราการชนะคือ 100%   ‘ชนะรวดเลยงั้นหรอ เขาต้องเป็นคนดังแน่นอน นี่เป็นโอกาสของเราแล้ว ถ้าเราเอาชนะเขาได้ เราก็จะกลายเป็นคนมีชื่อเสียง’ หวังชุนรู้สึกตื่นเต้น เขาชักดาบทั้ง 2 เล่มของเขาออกมา และวิ่งเข้าไปโจมตีคู่ต่อสู้สุดกำลัง   ดาบของเขาเป็นแบบรูปทรงเสี้ยวพระจันทร์ และวิชาดาบของเขามีพลังหมุนที่รุนแรง มันคือวิชา ‘ดาบพระจันทร์’ ในหมู่วิชาดาบสำหรับผู้วิวัฒนาการ วิชานี้ถือเป็นวิชาที่ฝึกได้ยากมาก   ดาบพระจันทร์ต้องการคนที่มีพรสวรรค์สูงในการฝึก และยังต้องการคนที่ถนัดทั้ง 2 มือเท่าๆกัน ซึ่งเป็นเงื่อนไขการฝึกที่พบได้ยาก   คนปรกติจะถนัดมือข้างใดข้างหนึ่ง ไม่ซ้ายก็ขวา ถึงจะจงใจฝึกให้ถนัดทั้ง 2 มือ แต่โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์ก็จะมีมือข้างที่ถนัดเพียงข้างเดียวอยู่ดี   มีคนจำนวนน้อยมากที่เกิดมาถนัด 2 มือเท่าๆกัน ดังนั้นคนที่จะฝึกวิชาดาบพระจันทร์ได้จึงมีน้อยมาก ซึ่งคนที่จะฝึกสำเร็จได้ก็ยิ่งมีน้อยลงไปอีก   แต่กระนั้นวิชาดาบพระจันทร์ก็เป็นวิชาที่ทรงพลังมาก ผู้ที่ใช้วิชาดาบพระจันทร์จะแข็งแกร่งพอๆกับคน 2 คน ซึ่งในการต่อสู้แบบ 1-1 ผู้ใช้วิชาดาบพระจันทร์ก็จะได้เปรียบมาก เหมือนกับ 2 รุม 1 เลยก็ว่าได้   ด้วยระดับความแข็งแกร่งพอๆกัน ยากที่จะมีใครเอาชนะผู้ที่สำเร็จวิชาดาบพระจันทร์ได้ แม้คู่ต่อสู้จะใช้วิชาดาบคู่ ดาบพระจันทร์ก็ยังเหนือกว่า   ผู้ที่เข้ามาชมการต่อสู้ ไม่ได้คาดคิดว่าดอลลาร์จะถูกสุ่มมาเจอกับคนที่สำเร็จวิชาดาบพระจันทร์ที่โด่งดัง   แต่ไม่นานทุกคนก็เข้าใจ เพราะตัวดอลลาร์เองก็เป็นผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิ ดังนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถูกจับคู่ไปเจอกับคู่ต่อสู้อ่อนๆ ถึงดอลลาร์จะแข็งแกร่งมาก แต่คู่ต่อสู้เองก็เป็นผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิเช่นเดียวกัน   “พวกนายคิดว่าดอลลาร์จะชนะได้ไหม?” “ยังจะต้องถามอีกหรอ ยังไงดอลลาร์ก็ชนะ” “ฉันไม่คิดว่าดอลลาร์จะรับมือกับคนที่ฝึกดาบพระจันทร์ได้ง่ายนักหรอก ยังไงเขาก็เพิ่งจะเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้ไม่นาน” ผู้ชมจำนวนมากเริ่มพูดคุยกัน ขณะที่หวังชุนก็บุกเข้าไปโจมตีหานเซิ่นเรียบร้อยแล้ว   แต่การตอบสนองของคู่ต่อสู้ทำให้หวังชุนชะงักไปเลย เขาไม่เคยเจอคนที่พยายามจะโจมตีตอนที่เขากำลังใช้ดาบพระจันทร์อยู่เลย ยิ่งกว่านั้นคู่ต่อสู้ก็ไม่ได้ใช้อาวุธอะไรด้วย   “เฮ้ กล้ามาดูถูกกันหรอ? เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะสั่งสอนนายเอง ฉันจะแสดงให้ดูว่าดาบพระจันทร์มันเป็นยังไง” หวังชุนใส่พลังทั้งหมดไปที่ดาบ เขาต้องการจะฆ่าคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ซึ่งมันจะทำให้เขากลายเป็นคนมีชื่อเสียง เพราะตอนนี้มีคนนับล้านกำลังดูอยู่   แต่ทว่าก่อนที่ดาบของเขาจะสัมผัสกับร่างกายของหานเซิ่น หานเซิ่นก็เคลื่อนที่หลบไปด้านข้าง แต่ถึงตัวของเขาจะหลบไปแล้ว แต่มือของเขาก็ยังพุ่งไปข้างหน้า การเคลื่อนไหว และการยืนตำแหน่งของหานเซิ่นมันแปลกๆ ทำให้หวังชุนไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงดี   ‘หมอนี่แปลกมาก เราต้องทำให้การต่อสู้มันดูช้าลงหน่อย’ หวังชุนคิด จากนั้นเขาก็รีบถอยออกมาทันที เขาต้องการจะเข้าใจให้ได้ก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น   แต่เขาก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว หมัดของหานเซิ่นกระหน่ำชกมาที่เขาไม่หยุด มันเป็นการโจมตีที่ต่อเนื่อง และถูกจัดระเบียบมาอย่างดี ทำให้หวังชุนต้องป้องกันตัวก่อน   ปัง! หวังชุนไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ สุดท้ายเขาก็ถูกหานเซิ่นจัดการ   หวังชุนทั้งรู้สึกเสียใจและเซ็ง เขารู้สึกว่าไม่ควรถอยออกมาตั้งแต่จังหวะแรก เขาควรจะโจมตีต่อเนื่องไปเลย ไม่งั้นเขาก็คงไม่ต้องมาจบแบบนี้   “ฮาฮา! เขาคือดอลลาร์ตัวจริงแน่นอน ฝีมือเขาสุดยอดมาก” “ดูเหมือนกับวิดีโอที่อัพลงในเน็ตเลย นี่เป็นการต่อสู้แบบสุ่ม ดังนั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะเตี๊ยมกันไว้ก่อนแน่” “ราชาแข็งแกร่งจริงๆ” “เป็นการต่อสู้ที่สุดยอดมาก มีแค่ดอลลาร์เท่านั้นที่จะทำแบบนี้ได้” …   หานเซิ่นไม่สนใจปฏิกิริยาของผู้ชม เขาเลือกที่จะใช้ระบบสุ่มจับคู่อีกครั้ง   ขณะที่เขาเริ่มจับคู่ พวกผู้ชมเองก็กดจับคู่แบบสุ่มเช่นเดียวกัน พวกเขาหวังว่าจะได้เป็นคู่ต่อสู้ของดอลลาร์   เมื่อการต่อสู้ของหานเซิ่นเริ่มต้นอีกครั้ง คนที่ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ก็กลายมาเป็นผู้ชม ในชั่วพริบตาจำนวนผู้ชมก็เต็มความจุเหมือนเดิม   ครั้งนี้เฟิงหมิงเฉวียนที่ได้รับข่าวด่วนมาก็ได้เข้ามาชมการต่อสู้ และเตรียมที่จะถ่ายทอดสดการต่อสู้ด้วย   ถึงมันจะเป็นแค่การต่อสู้ธรรมดาๆบนแพลตฟอร์ม แต่กระนั้นจำนวนผู้ชมก็พุ่งขึ้นด้วยความเร็วที่สูงมาก ผู้ชมทางออนไลน์พุ่งขึ้นสูงถึง 10 ล้านในเวลาไม่กี่วินาที และมันก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนว่าอีกไม่นานจำนวนคนดูน่าจะพุ่งเกิน 100 ล้าน   “ในที่สุดฉันก็ได้ดูดอลลาร์สู้แบบสดๆ” “พวกคุณก็เข้าห้องไม่ทันใช่ไหม?” “ใช่ มีหลายคนพยายามสแปมกันเข้าห้อง” “ฮาฮา เมื่ออตอนที่พวกเขาอยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ดอลลาร์ก็เหมือนกับเทพของพวกเขา และตอนนี้ทุกคนก็วิวัฒนาการกันหมดแล้ว แต่เขาก็ยังไร้เทียมทานเหมือนเดิม” “ฉันรู้สึกสนุกมากที่ได้ดูเขาเอาชนะคู่แข่งได้” “สังหารดอลลาร์ น่าจะเป็นชื่อที่ดอลลาร์ต้องการบอกใบ้พวกเรา มีแค่ดอลลาร์ตัวจริงเท่านั้นที่จะสามารถสังหารดอลลาร์ได้” “ดูที่คู่ต่อสู้ของดอลลาร์สิ” “เอ่อ! หล่อนจะต้องไปศัลยกรรมมาแน่นอน” “โอ้พระเจ้า! ใหญ่โตจริงๆ!” “นั่นมันลูกแตงโมชัดๆ!” …   ฝั่งตรงข้ามหานเซิ่นมีผู้หญิงตัวสูงเดินออกมา นอกจากขาของเธอจะยาวแล้ว หน้าอกของเธอยังใหญ่โตเหมือนกับผลแตงโมไม่มีผิด แค่แวบแรกทุกคนก็ถูกผู้หญิงคนนี้ดึงดูดไป ทุกคนมองไปที่เธอเป็นสายตาเดียว เนื่องจากหน้าอกของหล่อนเด็ดมาก มันเลยต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าคนอื่นๆจะสังเกตว่าส่วนอื่นๆของเธอก็น่ารักเช่นกัน   หานเซิ่นมองคู่ต่อสู้ และเขาก็ถูกรูปร่างของเธอดึงดูดทันที เขาเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เจอแบบนี้เขาก็ต้องมองเป็นธรรมดา จากนั้นเขาก็เช็คดูข้อมูลของเธอ และพบว่าชื่อไอดีของเธอคือ ‘ฉันไม่เข้าใจ’  

Super God Gene – ตอนที่ 491 การกลับมาของราชา
Super God Gene – ตอนที่ 491 การกลับมาของราชา

  หลังจากที่หวังตงหยุนมีความคิดเช่นนั้น เขาก็ตามดูการต่อสู้ของสังหารดอลลาร์ทุกแมท รวมทั้งอัดวิดีโอเอาไว้ด้วย   หลังจากที่หวังตงหยุนดูการต่อสู้ไปหลายแมท อยู่ๆสังหารดอลลาร์ก็ล็อคเอ้าท์ออกจากแพลตฟอร์ม หลังจากที่สังหารดอลลาร์ออกไปแล้ว หวังตงหยุนก็มานั่งดูสิ่งที่เขาบันทึกมา   ยิ่งหวังตงหยุนดูมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งทึ่งในความสามารถของสังหารดอลลาร์ ทุกการต่อสู้สังหารดอลลาร์ชนะได้อย่างขาดลอย คู่ต่อสู้ของเขาไม่มีโอกาสจะได้ตอบโต้เลย   ‘หนุ่มคนนี้อาจจะเป็นดอลลาร์ตัวจริงก็ได้..’ หวังตงหยุนยิ่งตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ แม้ในบรรดาผู้วิวัฒนาการจะมียอดฝีมืออยู่เป็นจำนวนมาก แต่เขาไม่คิดว่าจะมียอดฝีมือคนนั้นใช้ชื่อแบบนี้อีกแล้ว นอกจากดอลลาร์เอง   แต่กระนั้นหวังตงหยุนก็ยังไม่แน่ใจว่าความคิดของเขาถูกต้องหรือไม่ เขาลังเลอยู่นานก่อนจะอัพวิดีโอลงไปในฟอรั่มอย่างเป็นทางการ โดยใช้ชื่อว่า ‘ดอลลาร์กลับมาแล้ว?’   เนื่องจากไม่ได้มีข่าวเกี่ยวกับดอลลาร์มานานแล้ว วิดีโอของเขาจึงไม่ได้รับความสนใจมากนักในช่วงแรกๆ   แต่กระนั้นก็มีอยู่คนหนึ่งที่เฝ้าจับตามองข่าวเกี่ยวกับดอลลาร์อย่างใกล้ชิด ซึ่งเขาก็คือเฟิงหมิงเฉวียน   ในตอนนี้เฟิงหมิงเฉวียนกลายเป็นหัวหน้าที่ดูแลผู้ดำเนินรายการทั้งหมดของสถานีชิงหัว เกือบจะทุกรายการที่เขาเป็นผู้ดำเนินรายการเองจะมีเรตติ้งที่ยอดเยี่ยมเสมอ หนึ่งในรายการพวกนั้นมียอดผู้ชมสุดมากกว่า 100 ล้านคนทั่วสหพันธ์ดวงดาว   เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเขาในอดีต ตอนนี้เขามีช่วงเวลาที่ดีมาก เขากำลังสนุกกับชีวิตในฐานะคนที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง   อย่างไรก็ตามเฟิงหมิงเฉวียนไม่เคยลืมดอลลาร์ที่เป็นคนทำให้เขามีทุกวันนี้ เขามักจะเฝ้าจับตามองข่าวเกี่ยวกับดอลลาร์อยู่เสมอๆ   แต่โชคร้ายช่วงที่ผ่านมา หานเซิ่นไม่เคยปรากฏตัวในฐานะดอลลาร์เลย แม้เฟิงหมิงเฉวียนจะต้องการข่าวของดอลลาร์มากแค่ไหน แต่เนื่องจากตัวจริงไม่ยอมปรากฏตัว เขาเลยไม่ได้ข่าวอะไรเลยในช่วงที่ผ่านมา   ในวันนี้ขณะที่เฟิงหมิงเฉวียนกำลังค้นหาข่าวเกี่ยวกับดอลลาร์เหมือนกับทุกๆวัน เฟิงหมิงเฉวียนคิด ‘ดอลลาร์ คุณควรจะอยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 มาได้ 2-3 ปีแล้ว ด้วยความสามารถของคุณ คุณน่าจะได้จีโนพ้อยมาเยอะแล้ว ออกมาเถอะ มันถึงเวลาของคุณแล้ว’   ทันใดนั้นเฟิงหมิงเฉวียนก็เห็นวิดีโอชื่อ ‘ดอลลาร์กลับมาแล้ว?’ เขาคลิกเข้าไปดูวิดีโอทันที   ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีบทความหรือวิดีโอชื่อแบบนี้จำนวนมาก แถมยังมีหลายชื่อที่ดูจะดราม่ายิ่งกว่าชื่อนี้ด้วย อย่างเช่น ‘ความจริงของการหายตัวไปของดอลลาร์’ ‘ผู้หญิงปริศนาบนเตียงของดอลลาร์’ เป็นต้น แต่ไม่มีบทความไหนเลยที่ดูจะน่าเชื่อถือ   หลังจากเริ่มดูวิดีโอไปได้ไม่นาน สีหน้าของเฟิงหมิงเฉวียนก็เปลี่ยนไปทันที หน้าของเขาดูเคร่งเครียดมาก แต่พอยิ่งดูไปเรื่อยๆเขาก็เริ่มตื่นเต้นถึงขนาดตัวสั่นเลยทีเดียว   แม้คนในวิดีโอจะใช้ฟังก์ชั่นเบลอหน้า และทุกอย่างที่พอจะรู้เกี่ยวกับเขาก็แค่ชื่อไอดี แต่เฟิงหมิงเฉวียนรู้สึกว่าคนคนนี้คือดอลลาร์ตัวจริง หลังจากดูวิดีโออย่างจริงจัง เฟิงหมิงเฉวียนก็ประหลาดใจ ‘นี่ต้องเป็นดอลลาร์ตัวจริงแน่ แม้แต่ในหมู่ผู้วิวัฒนาการ เขาก็ยังอยู่ในระดับท็อป ฉันยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน’   เฟิงหมิงเฉวียนเริ่มตัดต่อและปรับแต่งวิดีโอทันที เขาจะทำให้มันดูกระชับ และน่าตื่นเต้นมากขึ้น ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกมีไฟเหมือนเมื่อก่อน   ‘ลิ่ว จัดการผังรายการใหม่ เลื่อนหัวข้อในรายการวันนี้ไปเป็นวันอื่นก่อน’ เฟิงหมิงเฉวียนเรียกเลขาของเขามา   ลิ่วรู้สึกงงว่าทำไมอยู่ๆเฟิงหมิงเฉวียนถึงได้ต้องการเปลี่ยนแปลงหัวข้อ ทั้งๆที่หัวข้อในรายการวันนี้เขาเตรียมการมาเป็นเดือนๆ แต่อย่างไรก็ตามทุกวันนี้เฟิงหมิงเฉวียนคือบุคคลที่สำคัญ และมีอำนาจมากภายในสถานี แม้แต่เจ้าของสถานียังต้องเรียกเขาว่า พี่เฟิง เฟิงหมิงเฉวียนมีอิทธิพลมากพอที่จะเปลี่ยนหัวข้อรายการได้ทันที โดยไม่ต้องปรึกษาใครหรือขออนุญาต   “คุณเฟิง งั้นวันนี้พวกเราควรจะยกหัวข้ออะไรขึ้นมาพูดในรายการดีครับ?” หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ลิ่วก็มาถามเฟิงหมิงเฉวียน   “ดอลลาร์” เฟิงหมิงเฉวียนพูดออกมาแค่คำเดียว   เฟิงหมิงเฉวียนเปิดวิดีโอในเวอร์ชั่นของเขากลางรายการ และประกาศอย่างมั่นใจว่าดอลลาร์กลับมาแล้ว ซึ่งมันเหมือนกับลูกระเบิดลูกใหญ่ที่ถูกทิ้งลงไปในสหพันธ์ดวงดาว หลังจากที่เฟิงหมิงเฉวียนพูดอย่างมั่นใจก็มีคนจำนวนมากเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที ผู้ชมรายการสดกว่า 100 ล้านคนในรายการของเฟิงหมิงเฉวียน แสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก   “นี่เรื่องจริงหรอ? เขาคือดอลลาร์จริงๆ?” “ชื่อของเขาคือสังหารดอลลาร์ ดูแล้วน่าจะเป็นศัตรูกับดอลลาร์มากกว่านะ” “หมัดของเขามหัศจรรย์มาก เขาทำแบบนั้นได้ยังไง?” “ดอลลาร์หล่อมาก” “ราชาของฉันในที่สุดก็กลับมา โปรดรับความภักดีของฉันด้วย ฉันรอคุณมานานมากแล้ว” “ราชาอะไร? ในตอนที่เขายังไม่วิวัฒนาการ ยังไม่แน่ว่าเขาจะเอาชนะหลินเฟิงได้เลย ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เขายังเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้ไม่นาน เขาจะแข็งแกร่งได้สักแค่ไหน? มีผู้วิวัฒนาการจำนวนมากที่สามารถเอาชนะเขาได้” “หุบปากน่า ดอลลาร์ไร้เทียมทานอยู่แล้ว นายจะไปรู้อะไร?” “แค่ดูวิดีโอก็เห็นได้ชัดแล้วว่าดอลลาร์แข็งแกร่งขนาดไหน คู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิทุกคน แต่พวกเขาก็ยังพ่ายแพ้ดอลลาร์” “ใช่แล้ว ความแข็งแกร่งของราชามันเห็นชัดๆกันอยู่แล้ว” “ฉันอยากจะเห็นเขาสู้อีกจัง” “หลังจากที่รอมานาน ในที่สุดราชาก็ปรากฏตัว” “ดอลลาร์ ฉันอยากเป็นแฟนคุณ” “พูดกันไปต่างๆนานา พวกเรายังไม่ชัวร์เลยด้วยซ้ำว่าเขาใช่ดอลลาร์รึเปล่า” “มันคือแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการ ดังนั้นพวกเขาน่าจะเช็คข้อมูลอะไรได้บ้างนะ ดูเหมือนเขาจะสู้ไปหลายแมทแล้วด้วย” …   หลังจากรายการนี้จบลง คนจำนวนมากก็หลั่งไหลเข้าไปในแพลตฟอร์มการต่อสู้อย่างเป็นทางการ และพวกเขาก็ส่งคำขอเป็นเพื่อนไปหาสังหารดอลลาร์กันรัวๆ   เมื่อเห็นหานเซิ่นล้อคอินเข้าไปในแพลตฟอร์มอีกครั้ง เขาก็ได้ยินเสียงเตือนที่บอกว่ามีคนขอเป็นเพื่อนแบบรัวๆ   หานเซิ่นลองเช็คดู และเห็นว่ามีคนส่งคำขอเป็นเพื่อนมาไม่ต่ำกว่า 10 ล้านไอดี ซึ่งมันทำให้เขาช็อคมาก เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น   แต่อย่างไรก็ตามไม่มีทางที่เขาจะสามารถไล่เช็คข้อมูลของทุกไอดีที่ส่งคำขอมาได้ ดังนั้นเขาจึงต้องตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้เป็นแบบปฏิเสธทุกคนที่ขอเป็นเพื่อน และโลกของเขาก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง   “มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?” หานเซิ่นลองเช็คข่าวในเน็ต และพบสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้สึกประหลาดใจและขบขัน เหมือนว่าเฟิงหมิงเฉวียนจะต้องเป็นคนที่ถูกชะตากับเขามากๆ ถึงสามารถบอกได้ว่าเขาคือดอลลาร์ในสถานการณ์แบบนั้น   หานเซิ่นไม่อยากสนใจเรื่องที่เกิดขึ้น เขาเลือกให้ระบบสุ่มคู่ต่อสู้ และไม่นานเขาก็เจอคู่ต่อสู้ ซึ่งผู้ที่เข้ามาสังเกตการณ์ก็เต็มความจุอย่างไม่ต้องสงสัย มีคนจำนวนมากกำลังนั่งดูการต่อสู้ของเขา เมื่อทุกคนเห็นเขาเข้าไปในห้องต่อสู้ก็คลิกพร้อมๆกัน จนทุกคนเข้ากันไปเกินความจุเลยก็ว่าได้  

Super God Gene – ตอนที่ 490 สังหารดอลลาร์
Super God Gene – ตอนที่ 490 สังหารดอลลาร์

  หานเซิ่นพยายามอยู่หลายครั้ง แม้แต่ชื่อ ดอลลาร์9527 ก็ยังถูกใช้ไปแล้ว หลังจากที่เขารู้สึกเซ็งว่าใครๆก็ใช้ชื่อดอลลาร์ ทำให้เขาลองตั้งว่า สังหารดอลลาร์ ปรากฏว่าใช้ได้   หลังจากเข้ามาในแพลตฟอร์ม บนหน้าอกของหานเซิ่นก็มีเหรียญตราที่มีรูปทรงเหมือนกับโล่สีม่วงติดอยู่ ซึ่งมันแสดงว่าเขาเป็นผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิ ดังนั้นเลยมีคนจำนวนมากมองมาที่เขาด้วยสายตาที่อิจฉา   แม้ในยุคนี้จะมีผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิมากกว่าแต่ก่อนมาก แต่สัดส่วนของผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิก็ยังถือว่าต่ำมาก   หานเซิ่นเลือกจับคู่แบบสุ่ม และไม่นานเขาก็ได้คู่ต่อสู้ เมื่อเห็นเหรียญตราผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิบนอกคู่ต่อสู้ หานเซิ่นก็ค่อนข้างพอใจ   หวังตงหยุนเช็คข้อมูลคู่ต่อสู้ และพบว่าชื่อไอดีของฝ่ายตรงข้ามคือ ‘สังหารดอลลาร์’ หวังตงหยุนเบ้ปาก เขารู้สึกขำที่เห็นสถิติของคู่ต่อสู้คือชนะ 0 แพ้ 0   ‘สังหารดอลลาร์? มือใหม่อย่างนายยังไม่คู่ควรจะถูกดอลลาร์สังหารด้วยซ้ำ’ หวังตงหยุนเบ้ปาก เขากำลังคิดอยู่ว่าจะสั่งสอนมือใหม่คนนี้ยังไง ‘ดอลลาร์คือคนที่มีชื่อเสียง ดังนั้นจะเอาชื่อเขามาตั้งมันก็ไม่แปลก แต่อย่าอวดดีเกินไป อย่างนายน่ะหรอจะสังหารดอลลาร์?’   หวังตกหยุนเพิ่งจะเป็นผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิได้ไม่นาน ดังนั้นเขาต้องรู้จักชื่อดอลลาร์อยู่แล้ว สำหรับคนที่มีชื่อเสียงมากขนาดนั้น ยากที่เขาจะไม่รู้จัก   หวังตงหยุนถือเป็นแฟนคลับคนหนึ่งของดอลลาร์ ดังนั้นเขารู้สึกหัวเสียมาก เมื่อเห็นชื่อไอดีของหานเซิ่น   หลังจากสัญญาณเริ่มต่อสู้ดัง หวังตงหยุนก็ออกหมัดรุนแรงที่สุดเท่าที่เขาทำได้ เขาพร้อมที่จะจัดการมือใหม่ที่กล้ามาลบหลู่ดอลลาร์   แต่ทว่าเมื่อหมัดของเขาไปได้แค่ครึ่งทาง เขาก็เห็นว่าคู่ต่อสู้เหวี่ยงหมัดออกมาเช่นกัน ถึงมันจะดูไม่ได้รวดเร็วมาก แต่หวังตกหยุนก็ต้องถอยออกมา ไม่งั้นเขาน่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามชกโดนก่อน   หวังตงหยุนต้องดึงหมัดกลับมา และถอยหลังไปเตรียมที่จะเล่นงานมือใหม่คนนี้ในจังหวะต่อไป   แต่ทว่าหลังจากหมัดนี้ หวังตงหยุนก็ต้องช็อค เขาพบว่าเขาไม่มีโอกาส ได้โจมตีอีกเลย การโจมตีของคู่ต่อสู้ต่อเนื่องไม่หยุด ทำให้เขาต้องหลบหรือไม่ก็ต้องป้องกันทุกหมัดของคู่ต่อสู้ ไม่มีโอกาสที่เขาจะโต้กลับได้เลย   ขณะที่เขาป้องกันและหลบหมัด หวังตงหยุนก็ถูกไล่ไปที่มุมสนามโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเลย หลังจากที่ไม่มีที่ให้หลบอีกต่อไป เขาก็ถูกคู่ต่อสู้จัดการ   หลังตงหยุนไม่อยากเชื่อว่าเขาจะไม่สามารถโต้กลับไปได้เลยแม้แต่หมัดเดียวทั้งๆที่คู่ต่อสู้เป็นแค่มือใหม่ เขาไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์แบบนี้ได้ เขารีบส่งคำท้าไปให้คู่ต่อสู้อีกครั้ง   คู่ต่อสู้ตอบตกลง ครั้งนี้แม้หวังตงหยุนจะพยายามอย่างเต็มที่ตั้งแต่เริ่มสู้ แต่เขาก็ถูกจัดการอย่างรวดเร็ว ในสถานการณ์ที่คล้ายๆกับรอบที่แล้ว เขาไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เลย   หวังตงหยุนส่งคำชวนไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คู่ต่อสู้เลือกที่จะปฏิเสธ หวังตงหยุนยังคงยืนกราน และกดส่งคำท้าไปอีกครั้ง แต่คู่ต่อสู้เข้าไปสู้ในแมทต่อไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขากดสุ่ม และได้คู่ต่อสู้คนใหม่ไปแล้ว   หวังตงหยุนค้นหาห้องของพวกเขา และกดเข้าไปดู เขาอยากจะรู้ว่าทำไมสังหารดอลลาร์ถึงสามารถเอาชนะเขาได้ ด้วยวิธีแปลกๆแบบนั้น   ทั้งความเร็วและความแข็งแกร่งของสังหารดอลลาร์ก็ไม่ได้สูงอะไร แต่ทว่าเขากลับแพ้อย่างหมดรูป ซึ่งมันทำให้เขาไม่อยากที่จะยอมรับ หวังตงหยุนเช็คข้อมูลของคู่ต่อสู้ที่สังหารดอลลาร์เจอ เขาชื่อว่า ‘ฉันคือยอดนักดาบ’ สถิติของเขาก็คือชนะมากกว่า 1000 และแพ้ 800 กว่าครั้ง นี่เป็นสถิติที่แสดงว่าเขาคือคนที่สู้อยู่ในนี้เป็นประจำ ยังไงฝีมือของเขาจะต้องไม่แย่อย่างแน่นอน   ทันทีที่ฉันคือยอดนักดาบเคลื่อนไหว หวังตงหยุนเห็นว่าทักษะการใช้ดาบของคนนี้ทั้งรวดเร็วและรุนแรง แค่ดูจากการเคลื่อนไหว หวังตงหยุนก็บอกได้เลยว่าคนคนนี้ทุ่มเททุกอย่างไปกับการฝึกวิชาดาบ   ถ้าหวังตงหยุนต้องมาสู้กับคนคนนี้ เขาคงจะต้องเลือกที่จะถอยออกมาก่อน และตั้งรับรอจังหวะโต้กลับ   แต่ทว่าสิ่งที่สังหารดอลลาร์ทำ ทำให้หวังตงหยุนต้องเบิกตากว้าง สังหารดอลลาร์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า เขาพยายามจะชกไปที่ฉันคือยอดนักดาบ ซึ่งหมัดของเขาไม่ได้รุนแรงหรือรวดเร็วอะไร   ในสายตาของหวังตงหยุน ฉันคือยอดนักดาบคงจะฟันสังหารดอลลาร์เป็นชิ้นๆด้วยดาบของเขาแน่ แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆฉันคือยอดนักดาบถึงได้เลือกที่จะถอยกลับไป และหลบหมัดของคู่ต่อสู้   หลังจากนั้นเขาก็เหมือนกับย้อนดูแมทการต่อสู้ของตัวเอง ฉันคือยอดนักดาบเลือกทำแบบเดียวกับเขา เขาไม่มีโอกาสโต้กลับ และก็ถูกสังหารดอลลาร์เล่นงานจนแพ้ไปในที่สุด   “บ้าน่า…ไม่มีทาง…” หวังตงหยุนเกือบจะกระโดดขึ้นมา เขาไม่เข้าใจเลยว่าฉันคือยอดนักดาบจะถอยออกมาทำไม และเขาก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมฉันคือยอดนักดาบถึงได้แพ้แบบหมดรูปขนาดนั้น ในสายตาของเขามีโอกาสที่ฉันคือยอดนักดาบจะโต้ตอบได้ตั้งหลายครั้ง   ยิ่งกว่านั้นหมัดของสังหารดอลลาร์ยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบมาก จริงๆแล้วหมัดของเขามีข้อบกพร่องอยู่ค่อนข้างมาก ‘ถ้าฉันเป็นฉันคือยอดนักดาบนะ ฉันจะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ และน่าจะพลิกสถานการณ์ได้ ทำไมเขาถึงไม่ยอมทำมันนะ?’   ‘บางทีฉันคือยอดนักดาบอาจจะฝีมือห่วยเองก็ได้ ใช่.. มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ’ หวังตงหยุนคิดว่าปัญหาน่าจะเกิดจากฉันคือยอดนักดาบที่ไม่สามารถใช้จุดอ่อนของคู่ต่อสู้โต้ตอบกลับไปได้ แม้ฝีมือดาบของเขาจะสุดยอดมาก แต่เขากลับไม่ฉลาดเท่าไหร่ หวังตงหยุนเหมือนจะลืมไปเลยว่าตัวเขาเองก็เลือกทำแบบเดียวกัน   ฉันคือยอดนักดาบเองก็ไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ได้เช่นกัน เขาส่งคำท้าสู้ไปให้สังหารดอลลาร์ แต่ทว่าหานเซิ่นไม่ได้ตอบตกลงรับคำท้าของเขา เขากำลังฝึกเทคนิคในคัมภีร์ตงเสวียนอยู่ ดังนั้นมันดูไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไร ถ้าเขาต้องสู้กับคนที่แพ้เขาแบบหมดรูปไปแล้ว เขาต้องการหาจุดอ่อนของตัวเอง เพราะฉะนั้นเขาจะต้องสู้กับคู่ต่อสู้หลายๆคน   หลังจากที่ลอบสังหารสปิริตราชวงศ์ หานเซิ่นก็เข้าใจหลักการของศาสตร์ตงเสวียนลึกซึ้งมากขึ้น มันเป็นเทคนิคที่ไม่ต้องการคำว่าสมบูรณ์แบบ จุดบกพร่องไม่ใช่ข้อเสียเสมอไป   ถ้าการเอาชนะคนที่แข็งแกร่งกว่าเราได้ คือต้องใช้พลังทั้งหมดโจมตีไปที่จุดอ่อนของคู่ต่อสู้ การโจมตียังไงให้ถูกจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ คือสิ่งที่หานเซิ่นกำลังให้ความสนใจอยู่ในตอนนี้   ถ้าเราแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ การเอาชนะก็จะเป็นง่าย แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องโชว์ความแข็งแกร่งออกมาเพื่อข่มคู่ต่อสู้โดยใช้จุดอ่อนของอีกฝ่ายเป็นเครื่องมือ เราต้องทำให้คู่ต่อสู้คิดว่าเราแข็งแกร่งกว่าเขา แล้วคู่ต่อสู้ก็จะถอยหนีไปเอง   หวังตงหยุนตัดสินใจดูการต่อสู้ของหานเซิ่นต่อไปเรื่อยๆ ไม่นานเขาก็พบว่าเหตุผลที่เขาและฉันคือยอดนักดาบแพ้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาอ่อนแอ แต่เป็นเพราะสังหารดอลลาร์แข็งแกร่งเกินไป   ในการต่อสู้ 10 กว่าแมทที่ผ่านมา สังหารดอลลาร์บดขยี้คู่ต่อสู้ด้วยวิธีแบบเดิมๆ ซึ่งมันแปลกมาก   ‘หรือว่าเขาคือดอลลาร์ตัวจริง?’ มีความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมาในหัวของหวังตงหยุน  

Super God Gene – ตอนที่ 489 แพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการ
Super God Gene – ตอนที่ 489 แพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการ

  โชคดีที่เนื้อของเฟอเรทโกสพาวมันหวานและอร่อยมาก แถมยังไม่ค่อยมีกลิ่นคาว ด้วยซอสสูตรพิเศษของหานเซิ่น ทำให้มันยิ่งอร่อยมากแม้จะไม่ได้ทำให้สุกก็ตาม   “เนื้อของเฟอเรทโกสพาวถูกกิน คุณได้รับ 1 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ”   เมื่อได้ยินเสียงในหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก หานเซิ่นก็รู้สึกมีความสุขมาก ถ้าประมาณอย่างหยาบๆ จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ 2 พ้อยจะเพิ่มระดับความแข็งแกร่งได้ 1 ถ้าเฟอเรทโกสพาวตัวนี้เพิ่มจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิให้เขาได้ 10 ระดับความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นประมาน 5   หลังจากกินเฟอเรทโกสพาวหมดไปบางส่วน หานเซิ่นก็เห็นใครบางคนกำลังขี่สัตว์อสูรตรงมาทางที่เขาอยู่ ไม่นานเขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นคือชายที่รับมือกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิหลายตัวได้ในเมืองสตาร์วีล   หานเซิ่นไม่รู้ว่าทำไมคนคนนี้ถึงได้มาที่นี่ ขณะที่เขากำลังงง เขาก็เห็นว่าชายคนนั้นกำลังเช็ครอยเลือดตรงจุดที่หานเซิ่นฆ่าการ์กอย และเขาก็ตามรอยเลือดมา   หานเซิ่นระวังตัวทันที เขาจ้องมองชายที่กำลังเดินมาตรงจุดที่เขาอยู่   “เพื่อน อย่าเข้าใจผิดที่ผมตามมาไม่ใช่เพราะจะมาทำอันตราย เพียงแค่อยากจะมาทำความรู้จักเท่านั้น” เมื่อเห็นหานเซิ่น หลี่ซิงหลุนก็ยิ้มและพูด   “ถ้าจะมาขอบคุณ ก็ไม่จำเป็นหรอก” หานเซิ่นพูด   “ถ้าผมมาแค่ขอบคุณ ผมคงไม่ไล่ตามมาไกลถึง 300 ไมล์หรอก” หลี่ซิงหลุนพูด   “แล้วทำไมคุณถึงได้พยายามถึงขนาดนั้น?” หานเซิ่นมองที่หลี่ซิงหลุนด้วยความสงสัย   “มันหายากที่จะมีคนคล้ายๆกับผม และผมอก็ยากจะเป็นเพื่อนกับคุณ” หลี่ซิงหลุนพูดอย่างจริงจัง   “แค่พูดอย่างเดียว คุณไม่สามารถทำให้ใครกลายเป็นเพื่อนคุณได้หรอก” หานเซิ่นพูดหลังจากกินเนื้ออีกชิ้น “แต่ก่อนจะเป็นเพื่อนได้ ผมก็ต้องรู้จักคุณก่อนจริงไหม?” “นั่นมันก็จริง”   หลี่ซิงหลุนนั่งลงข้างๆหานเซิ่น และพวกเขา 2 คนก็เริ่มพูดคุยกัน หลังจากคุยไปได้สักพัก หานเซิ่นก็รู้สึกว่าคนคนนี้น่าสนใจทีเดียว เขาเป็นคนฉลาด สุภาพและยังกล้าหาญ คนประเภทนี้มักจะทำให้คนอื่นๆไว้วางใจได้ง่ายๆ   แม้หานเซิ่นจะระมัดระวังตัวมาก แต่มันก็ช่วยได้ไม่ที่เขาจะรู้สึกประทับใจในความรู้และมารยาทของหลี่ซิงหลุน เขาจะต้องมาจากครอบครัวที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน   ต้องขอบคุณหลี่ซิงหลุนที่ทำให้หานเซิ่นพอจะรู้สถานการณ์พื้นที่บริเวณนี้คราวๆแล้ว บนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งแห่งนี้มีเมืองมนุษย์อยู่ประมาน 20-30 เมือง   แต่อย่างไรก็ตามเมืองส่วนมากก็เป็นแค่เมืองสปิริตระดับทหารรับใช้และอัศวิน มีเพียงแค่ 3 เมืองที่ถูกยึดมาจากสปิริตขุนนาง และ 3 เมืองนั้นถูกปกครองโดยคนละคนกัน โดย 3 คนที่ว่านั่นถือเป็นคนที่มีอิทธิพลที่สุดในแผ่นดินน้ำแข็งแห่งน้ำ เมืองเล็กๆทั้งหมดเกือบจะตกอยู่ใต้การควบคุมของ 3 ขั้วอำนาจนี้ ซึ่งเมืองสตาร์วีลที่ถูกปกครองโดยหลี่ซิงหลุนก็คือหนึ่งใน 3 เมืองที่ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินน้ำแข็ง เส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินน้ำแข็งกับข้างนอก ถูกขวางกั้นด้วยเมืองสปิริตราชวงศ์ แม้สถานการณ์ของพื้นที่แถบนี้จะดูดีกว่าเมืองเทพธิดาของหานเซิ่น แต่มันก็ยังถือว่าโดดเดี่ยวจากโลกภายนอก พวกเขายังไม่สามารถเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ และประชากรส่วนมากของมนุษย์ได้   หลี่ซิงหลุนต้องการจะบุกตีเมืองสปิริตราชวงศ์ และขยายเขตการล่าให้ไกลออกไป ไม่งั้นถ้ายังถูกจำกัดอยู่แค่พื้นที่แถบนี้ มันจะยากที่พวกเขาจะเก็บจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิได้เต็ม   อย่างไรก็ตาม ถ้าแค่ความสามารถของเมืองสตาร์วีลอย่างเดียว ก็ไม่มีทางที่จะตีเมืองสปิริตราชวงศ์ได้ ที่สำคัญเมืองของมนุษย์ในพื้นที่แถบนี้แข่งขันช่วงชิงอำนาจกันมาหลายปีแล้ว ดังนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะร่วมมือกันเพื่อยึดครองเมืองสปิริตราชวงศ์   แม้หลี่ซิงหลุนจะพยายามทำให้ทุกเมืองร่วมแรงร่วมใจกัน ตั้งแต่ตอนที่เขาเป็นผู้ปกครองเมืองสตาร์วีล แต่เนื่องจากความเกลียดชัง และการต้องการชิงดีชิงเด่นที่ฝังรากลึกมาเป็นศตวรรษแล้ว ทำให้มันไม่ง่ายที่จะแก้ปัญหาได้   หานเซิ่นชื่นชมกลยุทธ์และแนวคิดของหลี่ซิงหลุนมาก ดังนั้นเขาตกลงจะช่วยหลี่ซิงหลุนทำให้อีก 2 เมืองใหญ่ยอมมาร่วมมือกันยึดเมืองสปิริตราชวงศ์   หานเซิ่นเองก็มีแผนเหมือนกัน ถึงเขาจะฆ่าสปิริตราชวงศ์ไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่นั่นเป็นการลอบโจมตี ซึ่งมันจะใช้ได้ผลแค่ครั้งแรกเท่านั้น ครั้งหน้าสปิริตราชวงศ์จะระวังตัวมากขึ้น   ถ้าสู้กันซึ่งซึ่งหน้า เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ ที่สำคัญยังมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิจำนวนมากภายในเมืองสปิริตราชวงศ์ หานเซิ่นสามารถรับมือได้เต็มที่ก็ 1-2 ตัวเท่านั้น ถ้ามีมากกว่านั้น เขาก็คงจะต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอด   ดังนั้นไม่มีทางเลยที่เขาจะยึดเมืองสปิริตได้ด้วยตัวเอง ถ้าหลี่ซิงหลุนสามารถทำให้ 3 เมืองใหญ่รวมพลังกันไปยึดเมืองสปิริตราชวงศ์ได้ หานเซิ่นก็จะไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะเข้าไปมีส่วนแบ่งในผลประโยชน์   ที่สำคัญขอแค่เขาได้สปิริตสโตนมา เขาก็จะได้รับความภักดีจากสปิริตราชวงศ์อย่างแน่นอน ซึ่งมันคือสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าเมืองเสียอีก   หานเซิ่นรู้แล้วว่าพื้นที่แถวนี้ถูกแบ่งออกเป็นเขตอิทธิพลของแต่ละเมือง ดังนั้นมอนสเตอร์ที่เหลือให้เขาล่าจะมีไม่มาก การจะหามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิให้เจอยังยาก แผนการเพิ่มจีโนพ้อยในเวลาสั้นของเขาคงจะต้องหยุดพักไว้ก่อน หานเซิ่นครุ่นคิด จากนั้นเขาก็ตัดสินใจจะหยุดล่าก่อน เขาตามหลี่ซิงหลุนกลับไปที่เมืองสตาร์วีล และเทเลพอร์ตกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว โดยใช้เครื่องเทเลพอร์ตภายในเมือง   เฟอเรทโกสพาวให้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ 10 พ้อยอย่างที่เขาหวังไว้จริงๆ ด้วยจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ 2 พ้อยที่เขามีอยู่ก่อนหน้า ทำให้ตอนนี้เขามีทั้งหมด 12 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิแล้ว   ด้วยสิ่งที่เขาได้รับมา ทำให้หานเซิ่นมีความสุขและพอใจกับการออกล่าครั้งนี้มาก เขาไม่ได้หวังว่าจะล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิตัวเล็กๆได้ง่ายๆแบบนี้ ซึ่งถือว่าเขาโชคดีมาก   เนื่องจากเขาไม่สามารถเพิ่มจีโนพ้อยได้ในระยะเวลาสั้นๆ หานเซิ่นจึงตัดสินใจไม่ออกล่าอีกต่อไป ก่อนที่จะถึงการแข่งขันประจำปีของกองทัพ เขาจะต้องเน้นฝึกเทคนิคในคัมภีร์ตงเสวียน   หลังจากที่สู้กับสปิริตราชวงศ์ หานเซิ่นก็เข้าใจอะไรใหม่ๆเกี่ยวกับศาสตร์ตงเสวียนมากขึ้น และเขาก็หวังว่าจะได้คู่ซ้อมดีๆเพื่อฝึกฝนและพัฒนาวิชา   หานเซิ่นครุ่นคิดและล็อคอินเข้าไปในแพลตฟอร์มสำหรับต่อสู้อย่างเป็นทางการ เมื่อก่อนที่เขาต้องเข้าไปสู้ในกลาดิเอเตอร์ก็เพราะเขายังไม่เป็นผู้วิวัฒนาการ ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปสู้ในส่วนของผู้วิวัฒนาการได้   ตอนนี้เขาเป็นผู้วิวัฒนาการอย่างเป็นทางการแล้ว เขาสามารถสมัครแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการ และต่อสู้กับผู้วิวัฒนาการจากทั่วสหพันธ์ดวงดาวได้   ที่สำคัญแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการมีประโยชน์หลายอย่าง แม้ข้อมูลในแพลตฟอร์มจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล และถูกปกป้องตามกฎหมาย แต่สถานะผู้มีเกียรติจะโชว์ขึ้นมา เมื่อเข้าไปในแพลตฟอร์ม   ผู้มีเกียรติแต่ละระดับก็มักจะถูกจับคู่ให้สู้กับผู้มีเกียรติระดับเดียวกัน   หานเซิ่นคือผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิ ซึ่งมีแสดงอยู่ถัดจากชื่อไอดีของเขาบนแพลตฟอร์ม ถ้าเขาสู้ที่นี่คู่ต่อสู้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิเหมือนๆกับเขา   นั่นก็หมายความว่าหานเซิ่นง่ายที่จะเจอกับคนที่มีฝีมือสูงบนแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่เขาเลือกที่จะทิ้งกลาดิเอเตอร์ และเข้ามาสู้ที่นี่แทน   ขณะที่กำลังจะสมัคร หานเซิ่นก็ครุ่นคิดอยู่นานว่าจะใช้ชื่ออะไรดี และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจใช้ชื่อว่า ดอลลาร์ แต่ทว่าหลังจากกด Enter เขาก็พบว่าชื่อนี้ถูกใช้ไปแล้ว หานเซิ่นเพิ่มคำเข้าไป และเปลี่ยนเป็นชื่อ ฉันคือดอลลาร์ แต่มันก็ยังถูกใช้ไปแล้ว  

Super God Gene – ตอนที่ 488 การ์กอยโหมดเบอร์เซิร์ก
Super God Gene – ตอนที่ 488 การ์กอยโหมดเบอร์เซิร์ก

  บาดแผลบนหน้าอกของหานเซิ่นเลือดหยุดไหลแล้ว แม้มันจะเป็นแค่การตัดสินใจเฉพาะหน้า แต่หานเซิ่นก็ทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบ   แม้ดาบของสปิริตจะแทงทะลุร่างกายของเขาได้ แต่หานเซิ่นก็สามารถหลบเลี่ยงอวัยวะภายในที่สำคัญๆได้ ดาบแทงมาที่ช่องว่างระหว่างหัวใจและปอดของเขา ซึ่งหัวใจคืออวัยวะภายในที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายของหานเซิ่น ด้วยการที่เขาฝึกมนตรานอกรีตมา มันแข็งยิ่งกว่ากล้ามเนื้อของเขาซะอีก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำให้หานเซิ่นถึงกล้าเสี่ยงขนาดนี้ แม้มันจะดูน่ากลัว แต่ถ้าไม่ยอมเสี่ยงอันตรายก็จะไม่มีทางได้ผลลัพธ์ที่ดีขนาดนี้   ถ้าเป็นสถานการณ์ปรกติ สปิริตจะระวังตัวมากกว่านี้ ซึ่งหานเซิ่นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ ถ้าสู้กันโดยไม่มีกลยุทธ์พิเศษ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะฆ่าเธอได้เร็วขนาดนี้   การลอบโจมตีในลักษณะนี้ โดยไม่มีการสูญเสียใดๆ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คนอ่อนแอจะเอาชนะคนที่แข็งแกร่งกว่าได้   หลังจากที่หานเซิ่นฆ่าสปิริตได้ กองทัพมอนสเตอร์ก็เริ่มตกอยู่ในความโกลาหลทันที คนในเมืองสตาร์วีลส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น พวกเขาเริ่มโจมตีพวกมอนสเตอร์แทนที่จะตั้งรับเหมือนเดิม   ในชั่วพริบตาสถานการณ์ก็พลิกกลับ กองทัพมอนสเตอร์วิ่งหนีกระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง ขณะที่พวกผู้วิวัฒนาการก็วิ่งไล่หลังพวกมันไป   หานเซิ่นไม่สนใจบาดแผลบนหน้าอก เขาเริ่มเปิดฉากโจมตีการ์กอยเลือดศักดิ์สิทธิที่อยู่ใกล้เขาที่สุดทันที   สปิริตสามารถเกิดขึ้นมาใหม่ได้ด้วยสปิริตสโตน เท่ากับว่าตอนนี้หานเซิ่นยังไม่ได้อะไรเลย ถ้าเขาไม่สามารถใช้จังหวะนี้ฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิสักตัว 2 ตัว ก็เท่ากับว่าเขาเสี่ยงชีวิตฟรีๆ   หลังจากที่โดนหานเซิ่นโจมตี การ์กอยก็ไม่ได้เลือกที่จะหนี มือที่แข็งเหมือนกับหินของมันปะทะกับกรงเล็บของหานเซิ่นอย่างต่อเนื่อง แม้หานเซิ่นจะโจมตีโดนผิวหนังของมัน แต่กรงเล็บก็ทำได้แค่ทิ้งรอยแผลตื้นๆไว้เท่านั้น   แต่กระนั้นเลือดที่ไหลออกมาจากผิวหนังของมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว และไม่นานมันก็กลายเป็นสีดำ กรงเล็บของเฟอเรทโกสพาวถูกเคลือบด้วยพิษที่ร้ายแรง ซึ่งมันเกือบจะสามารถเอาชนะกายหยกได้ เห็นได้ชัดว่าการ์กอยตัวนี้ไม่มีความสามารถที่จะต้านพิษได้   หานเซิ่นรู้สึกดีที่เขาได้อาวุธที่ดีขนาดนี้ วิญญาณอสูรเฟอเรทโกสพาวเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในการล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ พิษเป็นอะไรที่มีประโยชน์และใช้ได้ผลดี   ขณะที่หานเซิ่นกำลังรู้สึกตื่นเต้น การ์กอยก็ยกหัวของมันขึ้นและคำราม ผิวหนังที่แข็งเหมือนกับหินของมันบีบอัดเข้าไป และเปลี่ยนไปเป็นสีที่เหมือนกับเหล็ก มันดูแข็งกว่าเดิมมาก หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเข้าโหมดเบอร์เซิร์กได้   เคร็ง เคร็ง เคร็ง! หานเซิ่นใช้กรงเล็บฟันไป 3 ครั้งติดต่อกัน แต่กลับไม่สามารถทำอะไรผิวหนังของมันได้เลย การ์กอยเลิกคิดที่จะสู้ มันหันหลังและเริ่มวิ่งหนีทันที   มันไม่ง่ายที่หานเซิ่นจะมีโอกาสฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ ดังนั้นมันไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้มันหนีไปได้ หานเซิ่นเริ่มไล่ตามการ์กอยด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่ขาของเขารับไหว   หลังจากวิ่งไปได้ไม่นาน หานเซิ่นก็เห็นผิวหนังของการ์กอยเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที การ์กอยยังไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้ ถึงมันจะเข้าโหมดเบอร์เซิร์กแล้วก็ตาม   ตอนนี้หานเซิ่นกำลังวิ่งไล่มันสุดฝีเท้า การ์กอยตัวนี้คงยากที่จะรอดพ้นมือของเขาไปได้ สิ่งเดียวที่หานเซิ่นเป็นกังวลก็คือ ถ้าเขาฆ่ามันด้วยพิษ เนื้อของมันอาจจะกินไม่ได้อีก   อย่างไรหานเซิ่นก็ไม่ได้กังวลมาก ขอแค่ฆ่ามันได้แล้วค่อยไปหาวิธีเอาพิษออกทีหลังก็ยังได้ ที่สำคัญเขายังมีกายหยกอยู่ต่อให้ต้องกินเนื้อที่มีพิษ ถ้าได้จีโนพ้อย เขาก็คงต้องยอม   เมื่อพวกผู้วิวัฒนาการออกมาจากเมือง หานเซิ่นก็วิ่งไล่การ์กอยไปไกลแล้ว ยกเว้นกวนถงไม่มีใครรู้ว่าหานเซิ่นคือใคร   “ทุกคนมีใครรู้จักสหายคนที่ฆ่าสปิริตบ้าง?” มอนสเตอร์ตัวที่วิ่งหนีไม่ทันถูกฆ่าตายเกือบทั้งหมด หลังจากที่ทุกอย่างสงบแล้ว หลี่ซิงหลุนก็ตะโกนถาม   ทุกคนมองหน้ากัน พวกเขารู้สึกสับสน พวกเขาก็อยากจะรู้เหมือนกับว่าคนคนนั้นเป็นใคร เขาช่วยเมืองสตาร์วีลเอาไว้ ทั้งความกล้าหาญ และพลังที่สามารถตัดหัวของสปิริตราชวงศ์ได้ ทำให้ทุกคนยำเกรงเขามาก “มีคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นอยู่ในเมืองสตาร์วีลด้วยหรอ?” “ฉันไม่รู้ ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อน” “ดูเหมือนเขายังหนุ่มมากเลยนะ” “ใช่ แถมเขายังหล่อมาก” “…”   กวนถงไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้ เธออยากจะตะโกนออกไปว่าเธอรู้จักหานเซิ่น แต่เมื่อเธอคิดอีกที เธอยังไม่แม้แต่จะรู้จักชื่อของเขา และไม่รู้ด้วยว่าเขามาจากที่ไหน ถึงเธอจะอ้าปาก แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรออกมา   เมื่อเห็นว่าไม่มีใครรู้จักหานเซิ่น หลี่ซิงหลุนก็เรียกวิญญาณอสูรสัตว์ขี่ของเขาออกมา และตรงไปทางที่หานเซิ่นวิ่งไล่การ์กอยไป   หลังจากที่หานเซิ่นไล่การ์กอยโหมดเบอร์เซิร์ก บนทุ่งน้ำแข็งที่กว้างใหญ่กว่า 300 ไมล์ ในที่สุดการ์กอยก็หมดแรง หานเซิ่นเดินเข้าไปใกล้ๆ และใช้กรงเล็บกระหน่ำฟันไปที่มันทันที เขาตัดหัวของมันได้หลังจากที่โจมตีไปกว่า 100 ครั้ง   ที่หานเซิ่นทำสำเร็จได้ก็เพราะร่างกายของมันอ่อนแอจากพิษ ไม่งั้นแล้วถึงจะใช้อาวุธเลือดศักดิ์สิทธิ เขาก็จะไม่สามารถตัดหัวของมันได้อย่างแน่นอนถ้ามันเข้าโหมดเบอร์เซิร์กแล้ว   “อีวิลการ์กอยเบอร์เซิร์กเลือดศักดิ์สิทธิถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรอีวิลการ์กอยเบอร์เซิร์ก เนื้อไม่สามารถกินได้”   เสียงในหัวทำให้หานเซิ่นหัวเราะออกมาเสียงดัง เทพีแห่งโชคลาภมักจะยืนอยู่เคียงข้างเขาเสมอ หลังจากเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 เขาก็ได้รับวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิมา 3 ดวงแล้ว   “อีวิลการ์กอย ขอให้เป็นเกราะทีเถอะ ถ้ามีทั้งอาวุธและชุดเกราะ ฉันก็จะไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว” หานเซิ่นรีบเช็คดูในจิตของเขาทันที และเห็นอีวิลการ์กอยกำลังนั่งย่องๆอยู่เงียบๆ   ประเภทของวิญญาณอสูรอีวิลการ์กอยเบอร์เซิร์ก : กรีฟ   “กรีฟอีกแล้วหรอ?” หลังจากที่หานเซิ่นดู เขาก็ต้องอึ้ง ตอนนี้เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิญญาณอสูรอีวิลบลัดคอนดอร์ทำอะไรได้ ตอนนี้เขากลับได้วิญญาณอสูรประเภทกรีฟอีกดวงหนึ่งแล้ว   หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรอีวิลการ์กอยออกมา และรอยสักประหลาดสีเงินก็ปรากฏบนร่างกายของเขาทันที หลังจากที่มีรอยสักปรากฏขึ้นมา หานเซิ่นก็พบว่าผิวหนังของเขาส่องแสงออกมาเหมือนกับโลหะทังสเตน   หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรเฟอเรทโกสพาวออกมา และลองใช้มันฟันแขนของตัวเอง เกิดเสียงเหมือนกับโลหะกระทบกัน แขนที่เหมือนกับโลหะของเขามีเพียงแค่รอยข่วนสีขาวๆเท่านั้น   “ฮาฮา เยี่ยมมาก… สุดยอดไปเลย…” หลังจากลองไป 3-4 ครั้ง เขาก็พบว่าผลลัพธ์เหมือนๆกัน ทำให้เขารู้สึกดีใจมาก   วิญญาณอสูรกรีฟของการ์กอยดีกว่าของอีวิลบลัดคอนดอร์มาก เพราะการใช้งานมันค่อนข้างชัดเจน วิญญาณอสูรกรีฟดวงนี้มีค่าเทียบเท่ากับวิชาไฮเปอร์จีโนที่ใช้ในการป้องกัน ด้วยการใช้วิญญาณอสูรกรีฟ เขายังสามารถใช้เกราะวิญญาณอสูรได้อีกชั้น ซึ่งเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก   แม้หานเซิ่นจะยังไม่ได้วิญญาณอสูรชุดเกราะอย่างที่เขาหวังไว้ก็ตาม แต่เขาก็รู้สึกดีใจกับผลลัพธ์ตอนนี้   หานเซิ่นหาที่หลบ จากนั้นเขาก็เอาซากของเฟอเรอโกสพาวลงมาจากหลัง เขาทำความสะอาดมันด้วยหิมะ และก็แร่เนื้อนุ่มๆของมันออกมา เขาหยดซอสลงไป และก็เอามันใส่ปาก   จุดที่หานเซิ่นอยู่ตอนนี้ไม่มีหญ้าขึ้นสักต้น เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สามารถก่อไฟได้  

Super God Gene – ตอนที่ 487 โชว์เดี่ยว
Super God Gene – ตอนที่ 487 โชว์เดี่ยว

  หลังจากที่ดูดซับพลังจากคริสตัลสีแดงมาแล้ว สมองของหานเซิ่นก็มีพลังเพิ่มขึ้นมาก ถึงขั้นที่เขาสามารถใช้พลังจิตขยับสิ่งของได้ ถึงมันจะดูไม่ค่อยมีประโยชน์ก็ตาม   ทุกรายละเอียดในสนามรบอยู่ในหัวของหานเซิ่นหมดแล้ว เขามองเห็นทุกอย่างได้ชัด ซึ่งมันทำให้เขาสามารถคาดการ และวางแผนได้อย่างแม่นยำ   ตั้งแต่ที่เขาก้าวออกมาก้าวแรก หานเซิ่นก็คำนวณเส้นทางไว้หมดแล้วว่าจะก้าวต่อไปข้างหน้ายังไง รวมถึงการตอบสนองของพวกมอนสเตอร์ด้วย   แม้มันจะไม่ถูกต้องแน่นอน 100% แต่อย่างน้อยหานเซิ่นก็สามารถเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดได้   ผู้วิวัฒนาที่กำลังสู้อยู่ต่างก็ให้ความสนใจชายหนุ่มที่บุกเข้าไปในกองทัพมอนสเตอร์ พวกเขาอยากให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น   ในตอนนี้โชว์ของหานเซิ่นมันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ในตอนที่เขาลุยเข้ามาในกองทัพมอนสเตอร์ ทั้งสนามรบก็กลายเป็นกระดานหมากรุกขนาดใหญ่ของหานเซิ่น   มอนสเตอร์ทุกๆตัวรวมทั้งสปิริตราชวงศ์ต่างก็เป็นตัวหมาก เป้าหมายของหานเซิ่นคือต้องเด็ดหัวหมากที่เป็นตัวแทนของสปิริตราชวงศ์ให้ได้   มอนสเตอร์จำนวนมากเข้ามาโจมตีหานเซิ่นอย่างบ้าคลั่ง แต่สายตาของเขายังสงบนิ่งเหมือนกับสายน้ำ เขาขยับขาอย่างรวดเร็ว และวิ่งตรงไปข้างหน้าตามเส้นทางที่เขาออกแบบไว้   มอนสเตอร์ทั้งโจมตีไม่โดน และก็โจมตีโดนพวกเดียวกันเอง สถานการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ หานเซิ่นกับทำให้มันเป็นไปได้ มันเป็นฉากที่เหลือเชื่อมากในสายตาของคนอื่นๆ มอนสเตอร์นับพันที่เป็นเหมือนกับคลื่นทะเล แทบไม่มีช่องว่างในสายตาของพวกเขา ถ้าไม่กวาดล้างมอนสเตอร์ทั้งหมด มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าไปถึงตัวสปิริตราชวงศ์   แต่กระนั้นหานเซิ่นก็กำลังจะไปตรงนั้นแล้ว เขาเคลื่อนไหวไปทางซ้ายและขวาด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ แค่เขาขยับมือนิดเดียวก็มีมอนสเตอร์ตัวแล้วตัวเล่ามีเลือดออกจำนวนมาก และหลายๆตัวถูกตัดหัว แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าตกใจที่สุด   สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือ จริงๆแล้วมีมอนสเตอร์ขวางทางหานเซิ่นอยู่จำนวนมาก แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไร ดูเหมือนพวกมันจะขยับตัวเปิดทางให้หานเซิ่นผ่านไป   ในฝูงมอนสเตอร์ที่บ้าคลั่ง หานเซิ่นเหมือนกับผีเสื้อเต้นระบำ ถึงเขาจะอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย และน่ากลัวก็ตาม แต่มันก็ไม่มีผลกับท่วงท่าที่ยังงดงามของเขา   สิ่งที่ไม่น่าเชื่อได้เกิดขึ้นแล้ว หานเซิ่นผ่านกองทัพมอนสเตอร์นับพันไปได้ เขาเข้าไปใกล้สปิริตราชวงศ์ที่กำลังขี่มังกรอยู่   ตอนนี้คนจำนวนมากตกตะลึง มันเหมือนกับฉากในหนัง ทั้งเลือดและจังหวะแปลกๆ ทำให้หัวใจของทุกคนเต้นรัว   ตูม! ในตอนที่หานเซิ่นไปถึงหน้าของมังกร สปิสิตสาวผมสีเงินก็ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น ก้อนหินที่อยู่ใต้เท้าของหานเซิ่นแตกออก การ์กอยสีดำโผล่ออกมาจากใต้ดิน และใช้มือเย็นๆของมันจับขาของหานเซิ่น   ในเวลาเดียวกันมังกรขนาดใหญ่ก็อ้าปากกว้าง มันต้องการจะเขมือบหานเซิ่นเข้าไป   “บ้าเอ้ย สปิริตเจ้าเล่ห์มาก หล่อนแอบซ่อนการ์กอยเลือดศักดิ์สิทธิไว้ใต้ดิน” “จบแล้วสินะ..” ตอนนี้ความหวังของทุกคนแทบจะพังทลาย ด้วยการโจมตีจากมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิทั้ง 2 ตัว และยังถูกล้อมด้วยมอนสเตอร์จำนวนมาก ยังไงหานเซิ่นก็ไม่มีทางหนีไปไหนได้   ตาของหานเซิ่นเป็นประกาย เขาไม่สนใจการ์กอย และเขาก็กระโดดไปทางปากของมังกรขนาดใหญ่   ทุกคนที่ได้เห็นฉากนี้รู้สึกเศร้า ความหวังของทุกคนพังลงไป นี่ดูเป็นการตัดสินใจที่สิ้นคิด แต่ทว่ามังกรตัวนี้ตัวใหญ่มากพอที่จะกลืนคนลงไปได้ง่ายๆ กรงเล็บของหานเซิ่นไม่สามารถทำอันตรายมอนสเตอร์ที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ ถึงเขาจะโจมตีมันโดน แต่มันก็คงจะได้แค่แผลตื้นๆเท่านั้น   ขณะที่หานเซิ่นเกือบจะถูกมังกรเขมือบ ร่างกายของเขาก็หยุดกลางอากาศ จากนั้นเขาก็พุ่งขึ้นไปสูงอีก 2 ฟุต เขาเหยียบจมูกของมังกร และกระโดดขึ้นไปหาสปิริรตราชวงศ์ที่ยืนอยู่บนหัวมังกรด้วยความเร็วสูง   สปิริตขยับไม้เท้า มีแสงสีเงินปกคลุมทั่วตัวของเธอ และเปลี่ยนเธอเป็นนักรบในชุดเกราะสีเงินและไม้เท้าก็เปลี่ยนมาเป็นดาบขนาดเล็ก   จากนั้นดาบบางๆของเธอก็แทงตรงมาที่หน้าผากของหานเซิ่น ราวกับสายฟ้า   การโจมตีของเธอไวมากจนไม่น่าเชื่อ หานเซิ่นไม่มีเวลาพอจะตอบโต้ ด้านหลังการ์กอยเลือดศักดิ์สิทธิก็ตามเขามาเหมือนกับเงา มือของมันกำลังจะจับขาของหานเซิ่น   ส่วนมังกรก็แลบลิ้น 3 แฉกของมัน และฟาดมาที่เอวของหานเซิ่น   ในสายตาของคนอื่นๆหานเซิ่นกำลังเข้าตาจนแล้วจริงๆ แต่ในมุมมองของหานเซิ่นนี้คือโอกาสของเขา   แผนการทั้งหมดที่เขาวางมา และการกระทำทั้งหมดของเขาก็เพื่อช่วงเวลานี้   หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับเครื่องยนต์ หานเซิ่นใช้มนตรานอกรีตและใช้โอเวอร์โหลดจนถึงขีดจำกัด กระดูกของเขาส่งเสียงร้องออกมา ชุดเกราะสีแดงปรากฏบนตัวของหานเซิ่น ผมของเขาเปลี่ยนเป็นผมยาวสีบรอนด์ พร้อมกับมีมุงกุฎบนหัว   หลังจากที่เปลี่ยนร่างเป็นเเฟรี่ควีน ทุกอย่างก็ดูช้าลงไปในสายตาของหานเซิ่น การลอบโจมตีของการ์กอย ลิ้นที่คมเหมือนมีดของมังกร ดาบบางๆของสปิริตและมอนสเตอร์นับไม่ทั่วที่กำลังกระโจนมาที่เขา ทุกอย่างเหมือนกับภาพโฮโลแกรมในหัวของหานเซิ่น   หานเซิ่นไม่ได้ขยับหนีไปไหน เขาเลือกที่จะปล่อยให้ดาบของสปริตสาวแทงทะลุเข้ามาที่หน้าอกของเขาโดยไม่ลังเล ในเวลาเดียวกันเขาก็พุ่งตรงเข้าไปหาสปิริต   พวกเขาอยู่ใกล้กันมากจนหน้าของหานเซิ่นเกือบจะสัมผัสกับใบหน้าของเธอ   หานเซิ่นยิ้ม เขาใช้กรงเล็บสีม่วง 3 แฉกฟันลงไปที่ใบหน้าอันงดงามของสปิริตสาว หัวของเธอถูกตัดเป็น 4 ส่วนทันที   ร่างของสปิริตสาวเปลี่ยนเป็นแสงระยิบระยับ และก็สลายไป   ทันใดนั้นทั้งสนามรบก็ราวกับถูกแช่งแข็ง ทั้งมนุษย์และมอนสเตอร์หยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด   สายตาของทุกคนกำลังจ้องมองมาที่ชายหนุ่ม ชุดเกราะและมงกุฎสีแดงของเขากำลังส่องแสงท่ามกลางแสงอาทิตย์ มันช่างเจิดจ้าในสายตาของทุกๆคน