Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 451 การเลือกวิชาไฮเปอร์จีโน
Super God Gene – ตอนที่ 451 การเลือกวิชาไฮเปอร์จีโน

ก่อนจะมารายงานตัวที่แดฟเน่ หานเซิ่นยังไม่ได้ซื้อวิชาไฮเปอร์จีโนสำหรับผู้วิวัฒนาการเลย เพราะเขาไม่คิดว่าจะต้องมาอยู่ในที่ห่างไกลแบบนี้ ตอนนี้เขาไม่สามารถทำการซื้อขายกับสถาบันเซนท์ได้อีกต่อไป     ถึงยานแดฟเน่จะมีวิชาไฮเปอร์จีโนไว้ให้ทหารได้ฝึกแบบฟรีๆ แต่หานเซิ่นไม่สนใจพวกวิชาระดับพื้นฐาน     ใบอนุญาตที่หานเซิ่นได้มาเป็นรางวัลในการฝึกสปริ้นท์ มันต่างจากใบอนุญาตทั่วๆไป เขาสามารถใช้มันเพื่อแลกวิชาไฮเปอร์จีโนและยาปรับปรุงพันธุกรรมที่เก็บไว้บนยานแดฟเน่เท่านั้น     หานเซิ่นไม่ลังเลที่จะเลือกวิชาไฮเปอร์จีโน แต่ตอนที่เขากำลังเลือก เขาก็แอบเซ็งๆนิดหน่อย     เพราะบนยานแดฟเน่ไม่เหมือนกับสถาบันเซนท์ ที่นี่มีวิชาระดับSให้เลือกฝึกแค่ 4 วิชาเท่านั้น     โดยทั่วไปแล้ววิชาไฮเปอร์จีโนสำหรับผู้วิวัฒนาการจะมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเซลล์ในร่างกาย     มีทั้งวิชาที่เปลี่ยนโครงสร้างเฉพาะส่วนเช่นหมัด ขาและลำตัว รวมถึงก็มีวิชาที่สามารถเปลี่ยนเซลล์ได้ทั่วตัวด้วยเช่นกัน     การฝึกวิชาไฮเปอร์จีโนที่เปลี่ยนโครงสร้างเซลล์เฉพาะส่วนนั้นจะทำได้ง่ายกว่า แต่กระนั้นนอกเหนือจากส่วนนั้นแล้ว ส่วนอื่นๆของร่างกายจะกลายเป็นจุดอ่อนที่สำคัญ     ขณะที่วิชาที่เปลี่ยนโครงสร้างเซลล์ได้ทั้งตัวจะสมดุลมากกว่า แต่ข้อเสียก็คือต้องใช้เวลาฝึกนานกว่า มีหลายๆวิชาที่ต้องการเวลาฝึกถึง 3-5 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้น     ที่สำคัญร่างกายของผู้วิวัฒนาการยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทนการเปลี่ยนแปลงเซลล์เป็นเวลานานๆได้ เมื่อใช้วิชาประเภทนี้ พวกเขาจะมีช่วงที่ต้องหยุด ไม่สามารถใช้อย่างต่อเนื่องได้     แน่นอนว่าคนที่มีระดับความแข็งแกร่งมากกว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเซลล์ได้นานกว่า หานเซิ่นเป็นคนที่รู้เรื่องขีดจำกัดของร่างกายดี     บนยานเเดฟเน่มีวิชาไฮเปอร์จีโนระดับSสำหรับผู้วิวัฒนาการอยู่ 4 วิชา หานเซิ่นสนใจอยู่ 3 วิชา ส่วนอีกวิชาเป็นวิชาที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเซลล์แผนหลัง ซึ่งหานเซิ่นไม่สนใจ     ขณะที่อีก 3 วิชาคือหมัดหยก ขาเหล็ก และไมโครคริสตัล ซึ่งล้วนแล้วแต่เน้นเปลี่ยนแปลงเฉพาะส่วน ทำให้หานเซิ่นลังเลอยู่สักพัก     หมัดหยกคือวิชาไฮเปอร์จีโนที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของหมัด มันสามารถเปลี่ยนแปลงกล้ามเนื้อกระดูกของฝ่ามือให้แข็งพอที่จะชกแผ่นโลหะให้แหลกได้ด้วยมือเปล่า ซึ่งดูแล้วมันก็เป็นวิชาที่น่าสนใจวิชาหนึ่ง     ที่สำคัญวิชานี้ยังฝึกได้ค่อนข้างไว ใช้เวลาแค่ 1-2 เดือนก็สามารถนำมันไปใช้งานจริงได้ทันที     ขาเหล็กเป็นวิชาที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างส่วนขา มันสามารถเปลี่ยนแปลงขาของผู้ใช้ให้เป็นโลหะหนักๆ เมื่อใช้มันได้อย่างชำนาญ ขาของผู้ใช้ก็เป็นเหมือนกับอาวุธร้ายแรงอย่างหนึ่ง มันสามารถเตะทุกอย่างให้แหลกเป็นชิ้นๆได้ แต่กระนั้นวิชานี้ก็ต้องการเวลาในการฝึกที่ยาวนานกว่า ผู้ใช้จะต้องเปลี่ยนขาทั้ง 2 ข้างให้เป็นโลหะ มันจึงต้องใช้เวลาฝึกอย่างน้อย 6 เดือน     ขณะตัวเลือกที่ 3 ไมโครคริสตัล เป็นวิชาไฮเปอร์จีโนที่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างได้ทั้งตัว ถ้าฝึกมันได้อย่างชำนาญ ผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนร่างกายให้กลายเป็นคริสตัลได้ทั่วทั้งร่าง ไม่มีอาวุธอะไรจะทำอันตรายผู้ใช้ได้ แม้แต่อาวุธที่ทันสมัยยังไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่ฝึกไมโครคริสตัลได้ถึงขั้นสูงสุด     แน่นอนว่าการฝึกวิชาไมโครคริสตัลยากมาก ถ้าไม่ให้เวลากับมัน 3-5 ปี ผู้ใช้ก็แทบจะไม่สามารถเอามันไปใช้งานได้เลย เเละการที่จะใช้ให้ได้ชำนาญคงจะต้องใช้เวลาฝึกเป็นสิบๆปี     เหตุผลที่ยานแดฟเน่เอาวิชาไมโครคริสตัลมาไว้เป็นตัวเลือกก็เพราะถ้าพวกลูกเรือฝึกวิชานี้ได้ ร่างกายของพวกเขาจะสามารถทนทานต่ออาวุธของพวกคริสตัลไลเซอร์ได้     คนส่วนมากที่ทำหน้าที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับซากโบราณสถานของพวกคริสตัลไลเซอร์ มักจะฝึกวิชาไมโครคริสตัล พวกนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญส่วนมากก็จะเชี่ยวชาญวิชานี้ เนื่องจากพวกเขาฝึกมันมา 20-30 ปีแล้วหรือบางคนอาจจะนานกว่านี้     ถ้าดูจากระยะเวลาการฝึก วิชาหมัดหยกน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะมันใช้เวลาฝึกแค่ 1-2 เดือนเท่านั้น แต่พอคิดไปคิดมา หานเซิ่นก็ตัดสินใจซื้อวิชาไมโครคริสตัล     การสำรวจโบราณสถานคริสตัลไลเซอร์แค่สถานที่เดียวก็ต้องใช้เวลาเป็นปีๆ บางภารกิจอาจจะต้องใช้เวลาถึง 10 ปี หานเซิ่นไม่รู้ว่าเขาจะต้องทำภารกิจนี้ไปอีกนานแค่ไหน ดังนั้นการฝึกวิชาไมโครคริสตัลก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี และวิชานี้ยังเป็นวิชาที่ขายให้พวกที่ทำภารกิจเกี่ยวกับพวกคริสตัลไลเซอร์เท่านั้น เขาจะไม่สามารถซื้อมันจากที่อื่นได้     ที่สำคัญหานเซิ่นอยากจะลองฝึกวิชาที่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างได้ทั้งตัวมากกว่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลือกวิชาไมโครคริสตัล     ขณะที่วิชาไฮเปอร์จีโนอื่นๆ เขาเชื่อว่าสามารถไปหาซื้อทีหลังได้ เนื่องจากตอนนี้เขามีใบอนุญาตอยู่จำนวนมาก และเขายังสามารถหาใบอนุญาตได้ง่ายๆ     หลังจากที่หานเซิ่นเลือกวิชาไมโครคริสตัล หวังโฮว่ก็รู้ข่าวนี้เร็วมาก เขาคิด ‘เลือกไมโครคริสตัลมาคิดว่าจะเอาไปทำอะไรได้? คิดหรือว่านายจะอยู่ได้เกิน 3-5 ปี ยังไงนายก็ไม่มีวันได้ใช้มัน’     หวังโฮว่คิดว่าหานเซิ่นเลือกได้โง่มาก คนที่เลือกแบบนี้มักจะเป็นพวกที่ต้องการทำอะไรให้สมบูรณ์แบบ หรือไม่ก็ว่างจัดจนไม่มีอะไรทำ     ถึงอนาคตเหมือนจะเป็นอะไรที่สวยหรูหลังจากที่ฝึกสำเร็จ แต่กับเวลาที่สูญเสียไปมันดูไม่คุ้มกัน สำหรับเขาวิชาไมโครคริสตัลก็ไม่ได้มีประโยชน์ไปมากกว่าหมัดหยก     หานเซิ่นไม่ได้รู้เรื่องที่หวังโฮว่กำลังคิด หลังจากเขาได้วิชาไมโครคริสตัลมาแล้ว เขาก็เริ่มเรียนรู้วิชานี้ทันที เขาดูภาพโฮโลแกรมสอนวิชา 3 ครั้งติดต่อกัน     หลังจากที่เข้าใจหลักการของมันแล้ว หานเซิ่นก็ดื่มยาปรับปรุงพันธุกรรมสำหรับวิชาไมโครคริสตัล และเริ่มฝึกมัน     ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังถูกกระตุ้น ภายใต้ผลของวิชาไมโครคริสตัล ทำให้หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจ     ในคำอธิบายที่เขาดู บอกว่าถ้าเขารู้สึกแบบนี้หลังจากดื่มยาและเริ่มฝึก นั่นหมายความว่าวิชานี้เหมาะสมกับเขา แต่กระนั้นถ้าเขาไม่ใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปี การฝึกก็ยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน มันเป็นวิชาไฮเปอร์จีโนที่ต้องใช้เวลาในการฝึกยาวนาน เพราะถ้ามันก้าวหน้าเร็วเกินไป ร่างกายจะไม่สามารถทนรับสภาพที่เซลล์เปลี่ยนแปลงไปอย่างทันทีทันใดได้ และมันจะส่งผลเสียร้ายแรงกับผู้ฝึก     หานเซิ่นดูทุกรายละเอียดที่วิดีโอสอนมา จากนั้นเขาก็ลองใช้วิชานี้ทั่วร่างกาย เมื่อเขาเตรียมที่จะลองมันเป็นครั้งที่ 2 อยู่ๆก็มีบางสิ่งเกิดขึ้น     วิชากายหยกที่หานเซิ่นฝึกมาตลอด อยู่ๆมันก็ตื่นขึ้นมา และผสานกับไมโครคริสตัล มันผสานกันได้อย่างลงตัว มันกลืนไมโครคริสตัลเข้าไป และทำให้ไมโครคริสตัลกลายเป็นส่วนหนึ่งของความเย็นที่มันสร้างขึ้นมา     VIPถึงตอนที่ 1385 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/

Super God Gene – ตอนที่ 450 เหมือนโชว์สาธิต
Super God Gene – ตอนที่ 450 เหมือนโชว์สาธิต

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ทหารเกือบทุกคนก็ต้องเบิกตากว้าง     หานเซิ่นกระโดดขึ้นลง บนกำแพงที่ถูกจัดวางไว้อย่างรวดเร็ว หานเซิ่นสามารถจัดการการเคลื่อนไหวของตัวเองได้อย่างไร้ที่ติ เขาเหยียบไปบนกำแพงที่วางเฉียงๆหรือวางกลับหัวไว้ได้อย่างราบลื่น ทำให้ทุกคนแทบจะลืมไปเลยว่านี่คือสปริ้นท์ระดับ 10     เมื่อได้ดูคนที่กำลังทดสอบในระดับที่ยากขนาดนี้ แต่ก็ยังรักษาความเร็วไว้ได้ ทุกคนแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาผ่านส่วนที่ท้าทายไปอันแล้วเอาเล่า ทำให้คนที่ดูเลือดร้อนขึ้นมา พวกเขาปรารถนาจะทำให้ได้แบบหานเซิ่นบ้าง     “ยอดไปเลยหานเซิ่น!” หัวหน้าห้องครัวทั้งตื่นเต้นเเละอึ้ง ด้วยฟอร์มระดับนี้ต่อให้หานเซิ่นไม่ผ่าน มันก็ถือว่าเขาได้สร้างชื่อให้กับทหารในห้องครัวมากแล้ว ต่อไปจะไม่มีใครกล้าว่าทหารในห้องครัวอีก     แววตาของหวังโฮว่ยังคงเยือกเย็น เขาแอบหัวเราะอยู่ในใจ ‘หมอนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ แต่เหมือนเขาจะไร้เดียงสาเกินไปที่แสดงความสามารถทั้งหมดออกมาตอนนี้ เชิญทำต่อไปบอกพวกเรามาให้หมดว่านายมีดีอะไรบ้าง ในอนาคตเราจะได้กำจัดนายง่ายขึ้น”     ในฐานะที่เป็นผู้เป็นเลิศ เฉินโซ่วซานมองได้ละเอียดกว่าหวังโฮว่ ฟอร์มของหานเซิ่นสร้างความประหลาดใจให้เขา ไม่ใช่เพราะว่าหานเซิ่นมีระดับความแข็งแกร่งและความเร็วที่สูงเท่านั้น แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือความสามารถในการมองภาพรวม และตัดสินใจ รวมถึงการวางแผนการเคลื่อนไหว     ความสามารถทุกอย่างของหานเซิ่นเหนือความคาดหมายของเฉินโซ่วซานทั้งหมด หานเซิ่นไม่พลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว หานเซิ่นทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังดูภาพสาธิตอยู่     “ทหารใหม่คนนี้ไม่ธรรมดาเลย” การที่เขาเป็นคนใกล้ชิดกับตระกูลจี เฉินโซ่วซานมีความสุขมากที่เห็นฟอร์มแบบนี้ของหานเซิ่น     นายทหารฝ่ายพลาธิการจ้าวผิงพยักเช่นกันและพูด “ยอดเยี่ยมจริงๆ”     ผู้บัญชาการหลินไห่เฟิงพูด “เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงมาก น่าเสียดายที่เขาถูกส่งไปทำงานในครัว ด้วยพรสวรรค์ขนาดนี้มันน่าเสียดายจริงๆ”     ในตอนนี้หานเซิ่นผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว โดยที่เขายังไม่ได้ลดความเร็วลงเลย เขามุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าเขาไม่สามารถหยุดตัวเองได้แล้ว     ทหารทุกคนตื่นเต้นและลุ้นระทึกมาก ด้วยการนับของหัวหน้าห้องครัว พวกเขาเริ่มปรบมือเชียร์หานเซิ่น     ขณะที่พวกเขาปรบมือ พวกเขาก็รู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของหานเซิ่นดูจะเป็นจังหวะมากขึ้น ทำให้พวกเขายิ่งดูสนุกขึ้น     “นี่มันไม่เรียกว่าการฝึกซ้อมแล้ว นี่มันเป็นการแสดงโชว์มากกว่า” ชิวเฉิงตื่นเต้นจนเขาตะโกนออกมา     ทหารหลายๆคนก็รู้สึกเหมือนกับชิวเฉิง ก่อนที่หานเซิ่นจะเข้าร่วม พวกเขายังรู้สึกเหมือนเป็นการฝึกซ้อมอยู่เลย แต่พอถึงตาหานเซิ่น มันก็เหมือนเป็นการแสดงโชว์สาธิตซะมากกว่า     เมื่อหานเซิ่นเสร็จสิ้นการฝึกสปริ้นท์ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาทันที ทหารหลายคนลุกขึ้นยืนและปรบมือให้เขา     แม้แต่เฉินโซ่วซาน หลินไห่เฟิงและจ้าวผิงก็ลุกขึ้นมาปรบมือให้หานเซิ่นเช่นกัน พวกทหารมักจะเป็นคนที่ตรงๆแบบนี้ เมื่อเห็นคนที่มีความสามารถ พวกเขาก็จะไม่เก็บซ่อนอารมณ์ของตัวเอง พวกเขาพร้อมที่จะกล่าวชมเชย     “มหัศจรรย์จริงๆ ทำได้ดีมากพันตรี คุณสมควรได้รับใบอนุญาตระดับS” เฉินโซ่วซานเดินเข้าไปหาหานเซิ่น และมอบใบอนุญาตให้กับเขา     “ขอบคุณครับ รองกัปตัน” หานเซิ่นรับใบอนุญาตมา และทำความเคารพ     “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ คุณสมควรจะได้รับมันแล้ว” เฉินโซ่วซานเอามือตบไหล่ของหานเซิ่นพร้อมกับยิ้ม “พันตรี การเคลื่อนไหวของคุณสมบูรณ์แบบมาก คุณเคยฝึกมันมาก่อนรึเปล่า?”     “ครับ การฝึกแบบนี้เรียกว่าสปริ้นท์ มันเป็นสิ่งที่ศาสตราจารย์เหยียนจากเหยี่ยวดำคิดค้นขึ้นมา ผมเป็นนักเรียนของเขาเลยได้มีโอกาสเป็นผู้ช่วยวิจัย และได้ทดสอบระบบนี้ด้วย” หานเซิ่นพูดความจริงไป     “อย่างนี้นี่เอง คุณเป็นนักเรียนของอาจารย์ที่มีชื่อเสียง งั้นช่วยเล่าให้เราฟังเกี่ยวกับระบบการฝึกนี้หน่อย” เฉินโซ่วซานพูด     ตัวเฉินโซ่วซานเองก็เป็นนักเรียนของอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเช่นกัน ดังนั้นเขาชอบคนที่เป็นนักเรียนดีเด่นอย่างหานเซิ่น ที่สำคัญหานเซิ่นยังเป็นคนที่จีเหยียนหรันเลือกมาเองอีกด้วย     แต่กระนั้นถ้าตัวหานเซิ่นไม่ดีพอล่ะก็ เฉินโซ่วซานก็จะไม่ยอมรับเขาเช่นกัน     แต่ความสามารถของหานเซิ่นเหนือกว่าที่เขาคิดไว้มาก ทำให้เขาต้องมองหานเซิ่นใหม่ ตอนนี้เขารู้สึกชอบหานเซิ่น และไม่ได้สนใจเรื่องที่จีเหยียนหรันใช้เส้นสายเพื่อดึงเขาเข้ามาบนยานอีกต่อไป     หานเซิ่นเริ่มอธิบายเกี่ยวกับสปิร้นท์ให้ทหารคนอื่นๆฟัง เขาบอกว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่ได้ทดสอบระบบนี้ตั้งแต่ตอนที่ยังเริ่มพัฒนาใหม่ๆ ดังนั้นเขาจึงรู้ทุกรายละเอียดของระบบการฝึกสปริ้นท์ หลังจากหานเซิ่นอธิบาย พวกทหารก็มีใจอยากจะฝึกมากขึ้น     หลังจากที่หานเซิ่นอธิบายเสร็จ พวกทหารที่เครื่องร้อนก็ขอเฉินโซ่วซานว่าพวกเขาอยากจะลองบ้าง ซึ่งเฉินโซ่วซานก็อนุญาตให้พวกเขาลองฝึกได้ตามใจชอบ จากนั้นเขาก็เห็นว่าพวกเขาพัฒนากว่าก่อนที่หานเซิ่นจะอธิบายมาก 5 คนแรกที่ลองฝึกมีคนหนึ่งเกือบจะผ่าน     หานเซิ่นอธิบายเกี่ยวกับการฝึกได้ดีมาก ซึ่งมันทำให้เฉินโซ่วซานรู้สึกชอบหานเซิ่นขึ้นไปอีก เขาพยักหน้าและพูด “อืมม สมแล้วที่เขาจบมาจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงและได้อาจารย์ที่ดี”     หวังโฮว่จ้องหานเซิ่นที่ได้รับคะแนนนิยมจากพวกทหารจำนวนมาก ตอนนี้ดูเหมือนทุกคนจะยอมรับเขาแล้ว หวังโฮว่เบ้ปากและพูดอย่างดูถูก “ไอ้โง่ โชว์เข้าไปเถอะ ยิ่งนายโชว์ฝีมือมากเท่าไหร่ นายยิ่งจะตายเร็วขึ้น”     หวังโฮว่คิดว่าตอนนี้เขารู้ระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่นแล้ว ในสายตาของหวังโฮว่ที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 80 ระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่นน่าจะอยู่ที่ 40-50 ซึ่งยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา     แต่เนื่องจากเขาถูกสอนมาเป็นอย่างดี และนิสัยที่รอบครอบของเขา ทำให้หวังโฮว่ยังคงสังเกตหานเซิ่นต่อไป เพื่อพยายามหาจุดอ่อนของหานเซิ่น     แม้หานเซิ่นจะไม่ได้หันมามองหวังโฮว่ แต่มันก็ง่ายมากที่เขาจะเดาออกว่าตอนนี้หวังโฮว่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่หานเซิ่นก็ไม่ได้สนใจมากนัก     บางทีในสายตาของหวังโฮว่ เขาคงคิดว่าหานเซิ่นใช้ความสามารถทั้งหมดออกมาแล้ว แต่สำหรับหานเซิ่นแล้วนั้นมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ความแข็งแกร่งจริงๆของเขามันเหนือกว่าที่หวังโฮว่จินตนาการไว้มาก     ถ้าหวังโฮว่ต้องการจะเล่นงานเขาให้ได้จริงๆ หานเซิ่นเองก็ชักจะตื่นเต้นแล้ว เขาอยากที่จะเห็นปฏิกิริยาของหวังโฮว่ ตอนที่ได้เห็นฝีมือจริงๆของเขา     ‘ระดับความแข็งแกร่งของหมอนั้นคงจะใกล้ๆ 100… ดูเหมือนจะเล่นด้วยยาก เราคงต้องรีบเก็บจีโนพ้อยเร็วๆซะแล้ว อย่างน้อยๆเราก็ควรจะเก็บจีโนพ้อยสามัญและโบราณให้เต็ม ถ้าได้กลายพันธ์เต็มด้วยก็ยิ่งดี ถึงตอนนั้นระดับความแข็งแกร่งของเราน่าจะเกิน 100’     หานเซิ่นคิด ‘เราคงต้องยึดเมืองสปิริตให้เร็วที่สุด ถ้ามีเมืองเป็นของตัวเอง เราจะสามารถรวบรวมคนได้ ถ้าเราได้ความภักดีจากสปิริตขุนนางด้วยก็ยิ่งดี สงสัยเหมือนกันว่าคิงสปิริตจะทำได้เหมือนคำบรรยายที่บอกไว้หรือเปล่า’     VIPถึงตอนที่ 1385 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/