Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 449 ทหารใหม่กับการฝึกสปริ้นท์
Super God Gene – ตอนที่ 449 ทหารใหม่กับการฝึกสปริ้นท์

หัวหน้าห้องครัวหน้าซีดทันที มีทหารเก่งๆหลายคนที่ลองอุปกรณ์นี้แล้วแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ดังนั้นหวังโฮ่วเลยพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะต้องการจะกลั่นแกล้งพวกเขา แต่กระนั้นหัวหน้าห้องครัวก็ไม่มีข้ออ้างอะไรที่จะไม่ส่งคนไป     หลังจากได้ยินคำพูดของหวังโฮ่ว เฉินโซ่วซานก็มองมาที่หัวหน้าห้องครัวและพูด พร้อมกับยิ้ม “ที่เขาพูดมาก็ถูก หลัว ฉันคิดว่านายเองก็มีลูกทีมที่ดีเช่นกัน แสดงให้พวกเราเห็นหน่อย”     “ครับ” หัวหน้าห้องครัวลุกขึ้น และทำความเคารพ เขาได้แต่แอบด่าหวังโฮว่อยู่ในใจ     แม้ว่าทุกคนในห้องครัวจะเป็นผู้วิวัฒนาการกันหมด แต่พวกเขาก็ไม่ใช่นักสู้ที่ดี แถมพวกเขายังเป็นทีมที่อ่อนซ้อมที่สุด     พวกเขามาที่นี่เพื่อดูคนอื่นๆฝึกซ้อมอุปกรณ์ใหม่ และไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น     แม้หัวหน้าห้องครัวต้องการจะออกไปเอง แต่ไม่มีหน่วยไหนที่ส่งหัวหน้าออกไปเลย ถ้าเขาออกไปน่าจะไม่เหมาะ ยิ่งกว่านั้นด้วยรูปร่างของเขา ถ้าเขาออกไปเองมันอาจจะแย่ยิ่งกว่าคนอื่นๆก็ได้     หัวหน้าห้องครัวมองไปที่ลูกทีมของเขา สีหน้าแววตาแต่ละคนไม่มีใครที่มีความมั่นใจเลย     “พันเอกหลัว ทำไมไม่ให้ทหารใหม่ที่พึ่งมาทำงานในห้องครัวลองดูล่ะ? ให้เขาได้โชว์ตัวหน่อย ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง อย่างน้อยทุกคนก็จะได้เห็นหน้าเห็นตาเขาบ้าง” ขณะที่หัวหน้าห้องครัวกำลังลังเลว่าจะเลือกใครดี หวังโฮว่ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง     หลังจากวันนั้นหวังโฮว่ก็ไปเช็คดู เขาพบว่าหานเซิ่นไม่ได้มีอะไรที่พิเศษ แถมเขายังพึ่งจะวิวัฒนาการ แม้เขาจะจบมาด้วยยศพันตรีก็ตาม แต่กระนั้นยศก็ไม่ใช่มีความหมายอะไรบนยานแดฟเน่ ทหารส่วนมากก็มียศระดับนั้นอยู่แล้ว     ภารกิจครั้งนี้เป็นภารกิจลับเลยต้องการคนที่มีประสบการณ์ สำหรับหานเซิ่นที่พึ่งจะจบจากโรงเรียนทหาร มันน่าแปลกมากที่เขาถูกเรียกให้มาที่นี่     หวังโฮว่เช็คประวัติของหานเซิ่นต่อไปอีก และพบว่าเขาจบมาจากโรงเรียนเดียวกับจีเหยียนหรัน พวกเขาทั้ง 2 คนจะต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน     เหมือนเขากับจีเหยียนหรันจะมีความสัมพันธ์บางอย่าง ตอนนี้เขานับหานเซิ่นเป็นศตรูคนหนึ่งแล้ว เขาสงสัยว่าหานเซิ่นแข็งแกร่งขนาดไหน หวังโฮว่คิดว่าเขาควรใช้โอกาสนี้ในการดูความสามารถจริงๆของหานเซิ่น     หัวหน้าห้องครัวขมวดคิ้ว และต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทว่าหานเซิ่นก็พูดขึ้นมาอย่างสงบ “โอเค ขอให้ผมได้ลองหน่อย ยังไงผมก็อยากจะลองมันอยู่แล้ว”     “งั้นก็เอาตามนั้น” หัวหน้าห้องครัวไม่คิดจะหยุดหานเซิ่น ยังไงการฝึกซ้อมครั้งนี้ก็จัดขึ้นเพื่อทดสอบอุปกรณ์ฝึกใหม่ และก็ยังไม่มีใครทำสำเร็จเลย ถ้าหานเซิ่นจะพลาดก็ไม่น่าแปลกอะไร ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เขาก็แค่ถูกไฟฟ้าช็อค     หานเซิ่นลุกขึ้น และมองไปที่หวังโฮว่ ก่อนที่จะเข้าไปในเครื่องฝึก     แม้ว่าแดฟเน่จะมีหน่วยวอเฟรมแค่หน่วยเดียว แต่มันก็เป็นหน่วยที่สำคัญอันดับต้นๆ ทหารใต้คำสั่งเขามีถึง 15 คน ซึ่งล้วนแต่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี     โดยปรกติแล้วถ้าไม่นับห้องครัว ทุกๆหน่วยจะเลือกพวกระดับหัวกระทิมาทั้งหมด แม้แต่ลูกเรือหรือช่างซ่อมบำรุงก็ยังเป็นพวกหัวกระทิ     หานเซิ่นเข้าไปในเครื่องฝึก และอุปกรณ์สร้างแรงโน้มถ่วงก็ถูกเปิดทันที หานเซิ่นรู้สึกว่าร่างกายของเขาหนักขึ้นทันที     สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่หานเซิ่น ถึงพวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงทหารใหม่ก็ต้องทำพลาดอยู่แล้ว แต่พวกเขาแค่อยากรู้ว่าจะไปได้ไกลสักแค่ไหน     นอกจากหวังโฮว่แล้ว ทหารคนอื่นๆก็จับตามองหานเซิ่นไว้เช่นกัน     จีเหยียนหรันไม่ได้ปิดบังเรื่องที่เธอใช้เส้นสายเพื่อให้หานเซิ่นมาบนยานลำนี้กับเฉินโซ่วซาน จริงๆแล้วการฝึกครั้งนี้ เฉินโซ่วซานจัดมันขึ้นมาตามคำขอของหวังโฮว่ เพราะเขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าหานเซิ่นมีดีอะไร ถึงทำให้จีเหยียนหรันใช้ความพยายามขนาดนั้นเพื่อพาเขามาที่นี่     หานเซิ่นสูดลมหายใจเข้าลึก และเดินไปบนกำแพงอันแรก     หานเซิ่นถามจีเหยียนหรันเกี่ยวกับเรื่องของหวังโฮว่มาแล้ว เพราะเขาเป็นคนที่มีความรู้สึกไว แค่เจอกันครั้งแรกเขาก็รู้เลยว่าหวังโฮว่เห็นเขาเป็นศัตรู     นี่มันผิดปรกติ หานเซิ่นเป็นแค่ทหารใหม่ที่พึ่งมา และยังไม่เคยทำอะไรให้หวังโฮว่ เขายังไม่เคยเจอหน้าหวังโฮว่มาก่อนด้วยซ้ำ เขาคิดว่าหวังโฮว่คงจะไม่พอใจเขาเรื่องอื่นแน่ๆ       สิ่งที่จีเหยียนหรันบอกมันตรงกับข้อสันนิษฐานของหานเซิ่น หวังโฮว่คือคนของพวกผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ ถึงเขาจะเป็นหัวหน้าหน่วยวอเฟรมของยาน แต่เขาถูกเลือกมาก็เพราะคำแนะนำจากพวกผู้เชี่ยวชาญ และตัวหวังโฮว่เองก็เป็นคนเลือกทหารในหน่วยมาด้วยตัวเอง มันง่ายที่จะบอกว่าหวังโฮว่ทำงานให้พวกผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการบนยาน     มีนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ไม่พอใจจีเหยียนหรัน พวกเขารู้ดีว่าจีเหยียนหรันพึ่งจะเป็นผู้วิวัฒนาการได้ไม่นาน ถึงเธอจะมาจากตระกูลใหญ่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีความสามารถพอทำภารกิจนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญไม่ชอบเธอเอามากๆ     ยิ่งกว่านั้นกัปตันคนเก่าที่ถูกจีเหยียนหรันมาแทน เป็นคนที่ทำงานใกล้ชิดพวกผู้เชี่ยวชาญมาก การที่จีเหยียนหรันเข้ามาเป็นกัปตันแทนโดยใช้เส้นสาย ทำให้พวกเขามองจีเหยียนหรันเป็นศัตรูของพวกเขา     แต่เพราะเธอมาจากตระกูลใหญ่เลยไม่มีใครกล้าพูดอะไร แต่อย่างไรก็ตามถ้าจีเหยียนหรันเกิดทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา เธอก็อาจจะถูกปลดจากตำแหน่งกัปตันได้ง่ายๆ     เดิมทีหานเซิ่นไม่ได้ต้องการจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องความขัดแย้งภายใน แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขามาที่นี่ได้ก็เพราะจีเหยียนหรัน ซึ่งหลายๆคนก็รู้เรื่องนี้ ถ้าเขาทำผลงานได้ไม่ดีล่ะก็ จีเหยียนหรันก็จะขายหน้าไปด้วย     ไม่ใช่แค่เพราะว่าแฟนของเขาจะขายหน้าเท่านั้น เขายังต้องทำให้เธอภูมิใจด้วย ไม่งั้นเขาจะไม่ควรเรียกตัวเองว่าแฟนของจีเหยียนหรัน     หานเซิ่นรู้ดีว่าหวังโฮว่พยายามจะทำอะไร แต่เขาไม่สนใจ ‘ถ้านายต้องการจะดูนัก ฉันก็จะจัดให้นายดู’ หานเซิ่นเหยียบขึ้นไปบนกำแพงแรก จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปในโซนสีขาวด้วยก้าวเพียงก้าวเดียว     หานเซิ่นเร็วมาก เขาเร็วยิ่งกว่าทหารทุกคนที่มาลองก่อนหน้านี้ ทหารคนอื่นๆจะควบคุมความเร็วของตัวเอง เพื่อที่พวกเขาจะได้สังเกตตำแหน่งของกำแพง และตัดสินใจได้ทันว่าต้องทำยังไงต่อไป แต่หานเซิ่นตรงกันข้ามกับพวกเขา หานเซิ่นเร่งความเร็วตั้งแต่เริ่ม เขาลุยไปตรงๆ และใช้ปฏิกิริยาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอา     เมื่อเห็นหานเซิ่นใช้ความเร็วขนาดนี้ หวังโฮว่ก็ประหลาดใจ เขาคิดว่าหานเซิ่นเป็นคนที่โง่มาก เขาอาจจะเป็นคนที่ถูกช็อค และล่วงลงมาเร็วที่สุดก็ได้     แม้แต่เฉินโซ่วซานก็ยังขมวดคิ้ว ถ้าหานเซิ่นคิดได้แค่นี้ เขาก็คิดว่าจีเหยยีนหรันต้องเสียแรงฟรีที่อุส่าวิ่งเต้นเพื่อพาเขามาที่นี่ เฉินโซ่วซานค่อนข้างผิดหวังกับหานเซิ่น     VIPถึงตอนที่ 1385 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/

Super God Gene – ตอนที่ 448 รางวัล
Super God Gene – ตอนที่ 448 รางวัล

“หนิงจากกลุ่มสตาร์รี่น่ะหรอ?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว     ลุงชิงพูดอย่างนอบน้อม “ใช่ครับ ผมเป็นคนที่อายุมากที่สุดในบรรดาลูกชายทั้ง 6 ของหัวหน้าตระกูลหนิง และก็เป็นคนที่ไร้ประโยชน์ที่สุดด้วย หลานชายทั้ง 2 ของผมไม่รู้ว่าคุณเป็นลูกหลานของท่านผู้นั้น ทำให้ปฏิบัติไม่เหมาะสม จริงๆท่านพ่อของผมต้องการมาขอโทษคุณด้วยตัวเอง แต่กลัวว่าคุณไม่อยากให้รบกวน ดังนั้นเขาเลยไม่ได้ไปพบคุณ เขาสั่งไว้ว่าถ้าใครก็ตามในตระกูลหนิงที่โชคดีมาพบคุณ ให้ปฏิบัติกับคุณเหมือนกับผู้มีพระคุณ ไม่ว่าคุณจะต้องการอะไร พวกเราจะสนับสนุนอย่างเต็มที่”     ขณะที่ลุงชิงพูด คนอื่นๆในกลุ่มต่างก็ช็อค ทุกคนเคยได้ยินและรู้จักกลุ่มสตาร์รี่ดี มันคือหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในสหพันธ์ดวงดาว ไม่มีใครคาดคิดว่าลุงชิงจะเป็นหนึ่งในทายาทตระกูลหนิง แค่นั้นยังไม่พอตระกูลหนิงยังปฏิบัติกับหานเซิ่นแบบนี้ ทำให้ทุกคนเริ่มสงสัยเกี่ยวกับเบื้องหลังของหานเซิ่น     ตอนนี้หลายคนเริ่มกลัวจนหน้าซีด พวกเขากำลังคิดจะปล้นคนที่แม้แต่ตระกลูหนิงยังเคารพขนาดนี้ ถ้าหานเซิ่นต้องการแก้แค้นพวกเขา มันจะไม่เพียงแค่ในก็อตแซงชัวรี่เท่านั้น แต่เขาสามารถที่จะไปเล่นงานพวกเขาที่สหพันธ์ดวงดาวก็ยังได้ ตอนนี้ทุกคนเหงื่อชุ่มไปหมด พวกเขารู้สึกว่าขาตัวเองเริ่มอ่อนแรง     “พวกคุณไม่รู้เรื่องนั้นมาก่อน มันไม่ใช่ความผิดของพวกคุณ เรื่องนี้เอาไว้เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” หานเซิ่นพูด     หานเซิ่นรู้ดีว่าเหตุผลที่ลุงชิงปฏิบัติกับเขาดีแบบนี้ ไม่ใช่เพราะตัวเขาเอง แต่เป็นเพราะความสมพันธ์ระหว่างบรรพบุรุษหนิงกับหานจิงจื่อ แม้หานเซิ่นจะบอกไม่ได้ว่าสิ่งที่ลุงชิงพูดมาจริงหรือเปล่า แต่มันก็ทำให้เขาไม่ชอบสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้     “ในอนาคต ไม่ว่านายน้อยหานต้องการอะไร โปรดบอกให้พวกเรารู้ หนิงจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” ลุงชิงไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ แต่เขาแสดงให้เห็นถึงความภักดีของเขา     หานเซิ่นพยักหน้าและหันไปหาหยางม่านลี่ “หย่างม่านลี่ ฉันจะมอบเนื้อพวกนี้ให้เธอจัดการ จัดตั้งกลุ่มของพวกเราขึ้นมาให้เร็วที่สุด ไม่จำเป็นต้องรับทุกคน คนไหนที่เธอไม่ชอบก็ไม่ต้องรับ”     หานเซิ่นไม่สงสัยในความสามารถของหยางม่านลี่ เธอเคยบริหารกลุ่มใหญ่อย่างกลุ่มสตีลอาเมอร์มาก่อน ที่นี่ไม่ได้มีคนมากนัก ถึงทุกคนจะเข้าร่วมกลุ่มหมด หยางม่านลี่ก็ยังรับมือได้สบาย     “ตกลง” หยางม่านลี่เริ่มนับจำนวนคนทั้งหมดที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ ขณะที่นับเธอยังคงรู้สึกสับสน ตั้งแต่ที่เธอได้เห็นหนิงปฏิบัติกับหานเซิ่นแบบนั้น ทำให้เธอคิดว่าบางทีเขาอาจจะเป็นทายาทของหานจิงจื่อจริงๆก็ได้     แต่กระนั้นเมื่อคิดเกี่ยวกับมัน หยางม่านลี่ก็รู้สึกว่ามันน่าจะเป็นไปได้ยาก ทุกคนต่างก็รู้ว่าหานจิงจื่อไม่มีภรรยาและลูก     หานเซิ่นไม่สนใจว่าหยางม่านลี่กำลังคิดอะไร เขามอบทุกอย่างให้เธอและก็เทเลพอร์ตกลับไปที่แดฟเน่ เขาต้องการรู้วิธีใช้วิญญาณอสูรประเภทกริฟให้ไวที่สุดเท่าที่ทำได้     “หานเซิ่น นายกลับมาเมื่อไหร่เนี่ย?” ชิวเฉิงพูดกับหานเซิ่น ขณะกำลังเดินออกมาจากเขตที่พักอาศัย     “ฉันพึ่งจะกลับมา นายกำลังจะไปไหน?” หานเซิ่นถาม     “จะมีอะไรนอกจากไปร่วมการฝึกอีกล่ะ? นี่มันสิ้นเดือนแล้ว พวกเราทุกคนต้องไปเข้าร่วมการฝึกเป็นประจำ ใครก็ตามที่ได้อันดับที่ 1 จะได้รับรางวัลจากรองกัปตันเฉิน นายมาได้จังหวะเหมาะมาก งั้นเราไปพร้อมกับเลย” ชิวเฉิงลากหานเซิ่นไปพร้อมกับเขาด้วย     เดิมทีหานเซิ่นไม่ต้องการไป แต่เนื่องจากทุกคนในห้องครัวต่างก็ปฏิบัติกับเขาอย่างดี เขาเลยไม่ได้ปฏิเสธชิวเฉิง และตามเขาไปที่ลานฝึกของยานแดฟเน่     หานเซิ่นได้ยินชื่อของรองกัปตันเฉินมาจากจีเหยีนหรันแล้ว เขาเป็นผู้เป็นเลิศที่แข็งแกร่งมาก จริงๆแล้วกัปตันของยานแดฟเน่ต้องเป็นผู้เป็นเลิศระดับแนวหน้า และต้องมียศพลตรี แต่ด้วยเส้นของจีเหยีนหรัน ทำให้เธอสามารถเป็นกัปตันของเเดฟเน่ได้ ส่วนรองกัปตันถูกเลือกมาตามเกณฑ์     เฉินโซ่วซานคือผู้เป็นเลิศที่มีฝีมือสูง และเขาเป็นคนที่ใกล้ชิดกับตระกูลของจีเหยีนหรัน ถึงจีเหยียนหรันจะไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง หานเซิ่นก็พอจะรู้อยู่แล้ว เพราะถ้าเขาไม่ใช่คนของตระกูลจี ตระกูลก็คงจะไม่ยอมให้จีเหยียนหรันมาทำงานบนยานแดฟเน่แน่     นอกจากรองกัปตันแล้ว ยังมีผู้เป็นเลิศอีก 2 คนบนยานแดฟเน่ : ผู้บัญชาการ หลินไห่เฟิง และนายทหารฝ่ายพลาธิการ จ้าวผิง     คนพวกนี้ล้วนแต่ทำงานให้ยานเเดฟเน่และจีเหยียนหรัน ขณะที่พวกผู้เชี่ยวชาญเองก็น่าจะมีคนที่เป็นผู้เป็นเลิศด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาก็อยู่นอกเหนืออำนาจของจีเหยียหรัน     แม้แต่ในหมู่ทหารเอง ด้วยความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ทำให้ยากมากที่จีเหยียนหรันจะบริหารจัดการทุกคนบนยานลำนี้     หานเซิ่นและชิวเฉิงไปที่ลานฝึกซ้อม ซึ่งมีทหารยืนอยู่เต็มไปหมด เหมือนกับว่าทุกคนก็สนใจเข้าร่วมการฝึกเช่นเดียวกัน     เนื่องจากทุกคนในห้องครัวก็มารวมกันอยู่ในลานฝึกนี้ด้วย หานเซิ่นกับชิวเฉิงเลยไปนั่งข้างๆพวกเขา     หานเซิ่นมองไปรอบๆลานฝึก และเห็นอุปกรณ์หลายๆอย่างที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี     ‘นั่นมันเครื่องสปริ้นท์ที่ศาสตราจารย์เหยียนเป็นคนออกแบบไม่ใช่หรอ?’ หานเซิ่นเห็นกำแพงโลหะจำนวนมากถูกจัดวางไว้ในลานฝึกด้วย ทำให้เขาประหลาดใจที่เครื่องนี้ถูกนำออกมาให้ฝึกเร็วขนาดนี้     ทหารรีบกระโดด และวิ่งอย่างรวดเร็วบนกำแพงโลหะ แต่ก็ไม่มีใครผ่านครึ่งทางไปได้ พวกเขาจะถูกไฟฟ้าช็อค และล่วงลงมาก่อน     “มีใครต้องการจะลองอีกไหม? ถ้าใครผ่านการทดสอบระดับ 10 ฉันจะให้ใบอนุญาตระดับSของผู้วิวัฒนาการเป็นรางวัล” เฉินโซ่วซานพูด พร้อมกับยิ้ม     แม้รางวัลจะน่าดึงดูดมาก แต่ก็ไม่มีทหารคนไหนขยับ พวกเขาหันมามองหน้ากัน สปริ้นท์ที่ระดับ 10 จะมีแรงโน้มถ่วงระดับ 40.0 เพิ่มเข้าไปด้วย มันยากมาก แถมทหารหลายๆคนก็เริ่มอ่อนล้าแล้วด้วย ในหมู่พวกเขาก็มีผู้วิวัฒนาการเก่งๆมากมาย แต่ไม่มีใครเลยที่สามารถผ่านครึ่งทางไปได้ มันไม่ใช่แค่เพราะว่าแรงโน้มถ่วง แต่เป็นเพราะทหารที่ทำไม่สำเร็จมีพวกที่มีความแข็งแกร่ง 70 รวมอยู่ด้วย ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะลอง     หานเซิ่นรู้จักเครื่องสปริ้นท์ดีอยู่แล้ว มันไม่ใช่เครื่องที่จะใช้แค่ความแข็งแกร่งอย่างเดียวในการผ่าน มันต้องใช้ทั้งความแข็งแกร่ง ความยืดหยุ่น ปฏิกิริยาและความสามารถในการจินตนาการ เพื่อออกแบบการเคลื่อนที่ให้สอดคล้องกับตำแหน่งของกำแพง ถ้าก้าวพลาดก็ไม่มีทางที่จะผ่านมันไปได้ ไม่ว่าคนคนนั้นจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม     “หน่วยวอเฟรม ลูกเรือ ทหารรักษาการ ทีมแพทย์ต่างก็ส่งคนมาลองกันหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ห้องครัวที่ยังไม่ได้ส่งคนมาลอง ผมคิดว่าควรให้พวกเขาลองบ้าง” ใครบางคนพูดขึ้นมา     หานเซิ่นรู้สึกว่ามันเป็นเสียงที่คุ้นเคย เขามองไปทางที่เสียงนั้นดังมา และเขาก็พบว่าคนพูดกับคือ หวังโฮ่ว หัวหน้าหน่วยวอเฟรม คนที่เขาเคยเจอคราวก่อน     VIPถึงตอนที่ 1385 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/