Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 443 สปิริตขุนนาง
Super God Gene – ตอนที่ 443 สปิริตขุนนาง

หานเซิ่นจ้องมองไปที่นกสีดำและแมงมุมยักษ์ ถ้าเขาโจมตีตอนนี้ เขาก็มีโอกาสที่จะได้วิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิ     แต่ทว่าก่อนที่หานเซิ่นจะหาจังหวะเหมาะๆได้ ก็มีเสียงคำรามของอะไรบางอย่างดังมาจากอีกฝากหนึ่งของหุบเขา จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าของมอนสเตอร์ดังขึ้นมา     ‘อย่าบอกนะว่ามีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอีกตัว’ หานเซิ่นช็อค     ไม่นานหานเซิ่นก็รู้ว่าเขาคิดผิด ไม่มีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ แต่มันคือกองทัพของอสูรเกราะน้ำแข็งที่กำลังวิ่งตรงเข้ามา พวกมันดูเหมือนกับทหารที่ถูกฝึกมา ดูจากสายตาอย่างน้อยๆพวกมันน่าจะมีประมาน 300-400 ตัว พวกอสูรเกราะน้ำแข็งวิ่งเข้าใส่หนวดของมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึก มอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึกใช้หนวดฟาดกวาดไปตามพื้น เพื่อจัดการพวกอสูรเกราะน้ำแข็งให้หมด แต่พวกอสูรเกราะน้ำแข็งก็มีมากเกินไป     ข้างหลังอสูรเกราะน้ำแข็ง หานเซิ่นเห็นหมีขั้วโลกตัวใหญ่ หมาป่าเขาเดียวและอื่นๆที่หานเซิ่นไม่รู้จัก แต่ละตัวดูแข็งแกร่ง และดุร้ายมาก     ด้านหลังสุดมีเสือโคร่งตัวสีขาว ซึ่งบนหลังของมันมีผู้หญิงนั่งอยู่ หล่อนใส่ชุดเสื้อคุมยาวดูคล้ายนักบวช หล่อนมีตาและผมสีม่วง และถือคทาสั้นที่ดูเหมือนจะทำมาจากคริสตัล สายตาของหล่อนจับจ้องไปทางมอนสเตอร์ที่คล้ายกับปลาหมึก แมงมุมยักษ์และนกสีดำ     หล่อนใช้คทาชี้ไปที่มอนสเตอร์ที่คล้ายกับปลาหมึก หมีขั้วโลก หมาป่าและอื่นๆส่งเสียงคำรามออกมาทันที และบุกเข้าจู่โจมมอนสเตอร์รูปร่างเหมือนปลาหมึก     โดยปรกติแล้วมอนสเตอร์ที่มีระดับต่ำจะเกรงกลัวมอนสเตอร์ที่มีระดับสูงกว่า ดังนั้นพวกมันจะไม่กล้าโจมตีมอนสเตอร์ระดับสูง แต่ทว่าพวกมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนจะเป็นแค่มอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์กับดูไม่เกรงกลัวมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิเลย ภายใต้คำสั่งของนักบวชสาว พวกมันดูปราศจากความกลัว     “สปิริต!” หานเซิ่นมองไปที่นักบวชสาวด้วยความประหลาดใจ ผิวของหล่อนเกือบจะโปร่งใส ตาของหล่อนดูเหมือนกับตาแมว และหูของหล่อนมีลักษณะปลายแหลม ดูยังไงหล่อนก็ไม่มีทางเป็นมนุษย์อย่างแน่นอน     หานเซิ่นรู้ว่ามีสปิริตระดับขุนนางอยู่ในเมืองสปิริตบนภูเขา ซึ่งดูแล้วก็น่าจะเป็นหล่อนนี่แหละ     ลักษณะของหล่อนคล้ายกับที่เขาเคยได้ยินคนอื่นเล่ามา อย่างไรก็ตามหานเซิ่นยังไม่รู้ว่าหล่อนต้องการทำอะไร ถ้าดูจากจำนวนของมอนสเตอร์ที่หล่อนพามา มันอาจจะเป็นกองกำลังทั้งหมดของหล่อนแล้วก็ได้     แม้เธอจะพามอนสเตอร์มาจำนวนมาก แต่พวกมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ อสูรเกราะน้ำแข็งทำไม่ได้แม้แต่จะสร้างรอยบนผิวหนังของมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึก ส่วนมอนสเตอร์กลายพันธ์สามารถสร้างบาดแผลไว้บนตัวของมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึกได้ แต่ก็เป็นแค่แผลตื้นๆเท่านั้น ดูแทบไม่มีผลอะไร     ตรงกันข้าม เมื่อมอนสเตอร์รูปร่างเหมือนปลาหมึกใช้หนวดของมันกวาดมาที อย่างน้อยๆก็ต้องมีอสูรเกราะน้ำแข็ง 4-5 ตัวถูกกวาดไป ซึ่งถ้าพวกมันไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส     ขณะที่หานเซิ่นกำลังสงสัยอยู่ว่าทำไมสปิริตถึงได้เลือกทำแบบนี้ หล่อนก็ยกคทาของหล่อนขึ้นมา     คทาส่องแสงออกมา ซึ่งมันค่อยๆห่อหุ้มร่างกายของหล่อนเอาไว้ ไม่นานเสื้อคุมของหล่อนก็ดูราวกับมีชีวิต มันกำลังส่องแสงออกมา ตอนนี้รอบๆตัวหล่อนล้อมรอบไปด้วยแสง     ขณะที่แสงเริ่มมืดลง หานเซิ่นก็เห็นสภาพของเธอ หลังจากนั้นเขาก็ต้องเบิกตากว้าง     ในตอนนี้สปิริตขุนนางกำลังสวมใส่ชุดเกราะที่ทำจากคริสตัล และมีลวดลายสีแดง มันเป็นเกราะที่ดูลึกลับและสง่างาม ทำให้เธอดูเหมือนกับถูกส่งลงมาจากบนสวรรค์     ในตอนนี้คทาคริสตัลเปลี่ยนมาเป็นหอกคริสตัล สปิริตขุนนางถือหอกไว้ข้างลำตัว สายตาของหล่อนจับจ้องไปยังมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึก     “ฆ่า!” สปิริตขุนนางตะโกนด้วยเสียงที่เยือกเย็น เสือขาวที่หล่อนกำลังขี่รีบวิ่งตรงเข้าไปหามอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึกทันที     เนื่องจากตอนนี้มันยังจับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิไว้ 2 ตัว และยังโดนมอนสเตอร์จำนวนมากปิดล้อมเอาไว้ ทำให้มันไม่ทันมองเห็นเสือขาวที่วิ่งตรงเข้ามา     ขณะที่เสือขาวกระโดดขึ้นไปบนอากาศ สปิริตขุนนางก็จับจ้องไปที่หัวของมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึกตาไม่กระพริบ ในตอนที่เสือสาวกระโดดผ่านมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึกไป หอกของสปิริตก็ขยับทันที     มันรวดเร็วเหมือนกับสายฟ้า หอกคริสตัลแทงเข้าที่ตาของมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึก หลังจากโดนแทง มันก็คำรามออกมาพร้อมกับกวักแกว่งหนวดนับ 10 อย่างบ้าคลั่ง มันใช้หนวดฟาดทั้งมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ 2 ตัว และพวกมอนสเตอร์กลายพันธ์ให้ล่าถอยไป     แต่ทว่าสปิริตยังคงอยู่นิ่งไม่ขยับไปไหน เสือขาวกระโดดไปที่หัวของมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึกอีกครั้ง     ตูม!   แต่ครั้งนี้เนื่องจากไม่มีอะไรมากวนใจมันแล้ว ทำให้มันมองเห็นเสือขาวที่ตรงเข้ามา มันใช้หนวดทั้ง 10 ของมันฟาดเสือขาวกระเด็นไป     ในตอนที่เสือขาวถูกฟาด สปิริตก็ใช้ขายาวๆของเธอเหยียบเสือขาว เพื่อกระโดดขึ้นไปในอากาศ หล่อนยกหอกขึ้น และแทงเข้าไปที่ตาอีกข้างของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ     เสียงคำราม!   มอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึกกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ครั้งนี้มันไม่ได้ใช้หนวดตอบโต้ แต่มันหนีกลับเข้าไปในบ่อน้ำแข็ง พร้อมกับลากสปิริตขุนนางลงไปด้วย น้ำกระเพื่อมอย่างรุนแรง     หานเซิ่นตกตะลึง สปิริตระดับขุนนางแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้ ความแข็งแกร่งของหล่อนน่าจะอยู่แถวๆ 80 ซึ่งถือว่าเป็นสปิริตขุนนางระดับท็อป     ยิ่งไปกว่านั้น สปิริตขุนนางมีทักษะการต่อสู้ที่สูงมาก ในตอนที่หล่อนต่อสู้ ทักษะการใช้หอกของหล่อนถือว่าทำได้ไร้ที่ติ ถึงจะเปรียบเทียบกับผู้วิวัฒนาการระดับแนวหน้า หล่อนก็ถือว่าไม่เป็นรอง     ไม่นานบ่อน้ำก็สงบ สปิริตขุนนางโผล่ขึ้นมาจากบ่อน้ำแข็ง ผมสีม่วงของหล่อนที่เปียกโชกไปติดอยู่บนชุดเกราะคริสตัล ทำให้หล่อนดูน่าดึงดูดมากในตอนนี้     หานเซิ่นเห็นอย่างชัดเจนว่าสปิริตขุนนางเล็งโจมตีไปที่จุดอ่อนของมอนสเตอร์อย่างเดียว ซึ่งมันก็คือที่ดวงตา แต่มอนสเตอร์รูปร่างเหมือนปลาหมึกก็ยังแค่ถูกไล่ให้ถอยกลับไป หล่อนยังไม่มีความสามารถพอที่จะฆ่ามันได้     VIPถึงตอนที่ 1350 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/

Super God Gene – ตอนที่ 442 ใต้หน้าผาน้ำแข็ง
Super God Gene – ตอนที่ 442 ใต้หน้าผาน้ำแข็ง

  หานเซิ่นไม่ต้องการหนีอีกแล้ว ตอนนี้ระดับความแข็งแกร่งของเขาก็มากกว่า 80 เช่นกัน ถึงมอนสเตอร์ 2 ตัวนี้จะมีความแข็งแกร่งแถวๆ 100 แต่พวกมันก็ไม่ใช่จะจัดการหานเซิ่นได้ง่ายๆ     โชคร้ายที่สถานการณ์ตอนนี้มันเสี่ยงเกินไป หานเซิ่นเลยไม่กล้าที่จะเรียกวิญญาณอสูรนกทะเลทรายออกมาใช้ เพราะกลัวว่ามันอาจจะถูกมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิทั้ง 2 ตัวฆ่า ไม่งั้นเขาจะสู้ได้ดีกว่านี้     แต่กระนั้นภายใต้การปิดล้อมจากมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิทั้ง 2 ตัว หานเซิ่นเคลื่อนไหวหลบซ้ายทีขวาที มันดูไม่ได้ยากจนเกินไปสำหรับเขาที่หลบการโจมตีจากมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิได้     ถ้าหยางม่านลี่ได้เห็นสิ่งที่เกิดในตอนนี้ เธออาจจะอึ้งจนตาทะลักออกมาจากเบ้าเลยก็ได้ ในบรรดาผู้วิวัฒนาการ คงมีแค่คนที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ถึงจะสามารถทำแบบนี้ได้     แม้หานเซิ่นจะไม่ได้มีระดับความแข็งแกร่งสูงเท่ากับมอนสเตอร์ทั้ง 2 แต่เนื่องจากเขาเป็นมนุษย์จึงมีสติปัญญาและเทคนิคการต่อสู้ที่เหนือกว่า ถ้าระดับความแข็งแกร่งไม่ห่างกันจนเกินไป มันไม่ยากสำหรับเขาที่จะหลบการโจมตีของพวกมัน     หานเซิ่นใช้สปาติเคิลขั้นสูงสุด ขณะเดียวกันเขาก็กำลังใช้เทคนิคการไคท์ติงของควีน เพื่อนำให้มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิไปในจุดที่เขาต้องการ     ตั้งแต่ที่เขาได้เรียนรู้เทคนิคนี้มาจากควีน หานเซิ่นก็ได้ศึกษาและฝึกมันอย่างหนัก เขาเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง ถึงจะไม่ได้ดีเท่ากับที่ควีน แต่ระดับที่เขาทำได้ก็ถือว่าน่าประทับใจมาก     ทุกๆก้าว ทุกๆการเคลื่อนไหวมีจุดประสงค์ของมัน ถึงมันเร็วเกินไปที่จะพูดได้ แต่ผลของมันก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ     ใยของแมงมุมไม่สามารถสัมผัสถูกตัวของหานเซิ่นได้เลย แต่มันกลับไปติดกับกรงเล็บของนกสีดำ นกสีดำกำลังกระพือปีกอย่างหนัก มันไม่สามารถโจมตีถูกตัวหานเซิ่นได้ แต่มันกลับไปโจมตีโดนแมงมุมยักษ์แทน มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิทั้ง 2 ไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้เลย แต่มันเริ่มจะทำให้มอนสเตอร์อีกตัวบาดเจ็บเเทน     ยิ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้ง มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิทั้ง 2 ตัวเริ่มไม่พอใจอีกฝ่าย ตอนนี้มันเลิกสนใจหานเซิ่น และหันมาสู้กันเอง ขณะที่พวกมันกำลังสู้กัน หานเซิ่นก็ใช้โอกาสนี้หนีไป ขณะที่กำลังมองดูการต่อสู้ของมอนสเตอร์ทั้ง 2 จากระยะไกล หานเซิ่นก็คิด ‘ถ้าควีนมาเห็นการไคท์ติงของเราละก็ หล่อนอาจจะพูดชมเชยเราก็ได้’     ในตอนนี้หานเซิ่นยังไม่ได้หนีไป เขาเฝ้าสังเกตการณ์การต่อสู้ระหว่างมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิทั้ง 2 ซึ่งดูแล้วระดับความแข็งแกร่งของพวกมันทั้ง 2 ตัวคงจะเกิน 100 การโจมตีและการเคลื่อนไหวของพวกมันทั้งรวดเร็วเเละรุนแรง     นกสีดำถูกใยของแมงมุมพันเกือบทั้งตัว ทำให้มันเริ่มช้าลงเรื่อยๆ ขณะที่แมงมุมยักษ์เองก็ถูกกรงเล็บของนกตะปบเข้าไปหลายครั้ง ทำให้เกิดบาดแผลขนาดใหญ่ มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด     “แบบนั้นแหละ สู้กันเข้าไป ถ้าจะให้ดีก็ฆ่ากันให้ตายไปเลย ฉันจะได้จีโนพ้อยมาแบบฟรีๆ ถึงพวกแกจะตัวใหญ่ แต่ฉันไม่สน ฉันจะกินเนื้อพวกแกให้หมด” หานเซิ่นกำลังเชียร์ให้พวกมอนสเตอร์สู้กัน เขาคิดว่าเนื้อไม่น่าจะเน่าเสียได้ง่าย เพราะที่นี่เป็นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ อย่างน้อยๆก็น่าจะเก็บไว้ได้หลายวัน     ตอนแรกหานเซิ่นคิดว่านกสีดำน่าจะแข็งแกร่งกว่า แต่ผลปรากฏว่าแมงมุมอึดกว่า ตอนนี้นกสีดำเริ่มหมดแรงที่จะสู้แล้ว มันบินวนไปรอบๆ ขณะที่ตัวของมันเต็มไปด้วยใยแมงมุม ไม่นานมันก็ใกล้จะถูกแมงมุมฆ่า     ขณะที่หานเซิ่นกำลังลังเลอยู่ว่าจะเข้าไปฆ่านกสีดำดีไหม นกสีดำก็ไหลตกลงไปจากหน้าผา     เพราะแมงมุมมันใช้ใยจำนวนมากจับตัวนกสีดำเอาไว้ ทำให้มันเองก็ถูกลากตกลงไปข้างล่างหน้าผาด้วยเช่นกัน     หานเซิ่นอึ้ง เขารีบวิ่งไปตรงขอบของหน้าผา ข้างล่างมีหมอกหนามาก หานเซิ่นเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างล่างบ้าง     หานเซิ่นรออยู่สักพัก แต่เขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้แต่เสียงกรีดร้องก็ไม่มี ซึ่งหมอกก็ไม่มีทีท่าว่าจะหายไปไหน     “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หานเซิ่นยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำยังไงดี เขาได้แต่มองลงไปข้างล่าง     มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิทั้ง 2 ตัวน่าจะบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นนี่น่าจะเป็นโอกาสสำหรับเขา อย่างไรก็ตามหานเซิ่นก็ไม่รู้ว่าพวกมันเป็นหรือตาย และเขาก็ไม่แน่ใจด้วยว่าข้างล่างมีอะไรอยู่บ้าง มันทำให้เขาไม่กล้าที่จะลงไป แต่หานเซิ่นรู้สึกว่าเทพีแห่งโชคลาภคงจะไม่พอใจ ถ้าเขาไม่ลงไปข้างล่าง ในเมื่อโชคมันอยู่ตรงหน้าแล้ว     “เอาน่า คนที่กล้าเสี่ยงเท่านั้นถึงจะมีโอกาสสำเร็จ ข้างล่างนั่นมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ 2 ตัว ดังนั้นเราไม่ควรจะพลาดโอกาสนี้ไป ถึงพวกมันยังไม่ตาย เราก็น่าจะสามารถหนีมันได้ถ้าสู้ไม่ไหว” หานเซิ่นกัดฟัน เขาเรียกร็อคเวิร์มออกมา และสั่งให้มันพาเขาบินลงไปข้างล่าง     ข้างล่างมีหมอกหนามาก แม้หานเซิ่นจะฝึกกายหยก แต่เขาก็ยังสั่นไม่หยุด สภาพอากาศข้างล่างมันเลวร้ายมาก มันหนาวยิ่งกว่าน้ำแข็ง ถ้าคนธรรมดาๆลงมาข้างล่าง หานเซิ่นไม่คิดว่าพวกเขาจะสามารถผ่านหมอกหนาๆนี้มาได้โดยไม่ตายเสียก่อน     โชคดีที่กายหยกมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถต้านความหนาวได้ หานเซิ่นที่กำลังนั่งอยู่บนหลังร็อคเวิร์มจับจ้องลงไปใต้หนาผา แต่กระนั้นหมอกก็ยังหนา ทำให้หานเซิ่นมองไม่เห็นข้างล่าง     หลังจากที่ลงมาได้สักพัก หมอกมันก็เริ่มจางลง หานเซิ่นเริ่มที่จะมองเห็นเงาอะไรบางอย่างอยู่ข้างล่าง แต่เขายังไม่แน่ใจว่ามันคือแมงมุมหรือว่านก     หานเซิ่นสั่งให้ร็อคเวิร์มบินต่ำลงไปอีก และในที่สุดเขาก็สามารมองเห็นข้างล่างได้ แต่สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง     ทั้งแมงมุมยักษ์และนกสีดำเกือบจะตายแล้วทั้งคู่ แต่มันไม่ใช่เพราะว่าพวกมันสู้กันเองจนเกือบตาย ใต้หน้าผามีบ่อน้ำแข็งอยู่ จากในบ่อน้ำนั่นมีมอนสเตอร์โผล่ออกมา มันดูเหมือนกับปลาหมึกที่มีหนวดจำนวนมาก ทั้งแมงมุมยักษ์และนกสีดำกำลังถูกหนวดของมันจับอยู่ ถึงพวกมันพยายามจะดิ้นร่น แต่เพราะพวกมันบาดเจ็บจากการต่อสู้ก่อนหน้า ทำให้พวกมันอ่อนแอกว่ามอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึก หนวดเริ่มลัดมันแน่นขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิทั้ง 2 ก็เกือบจะขาดใจตายแล้ว     โชคยังดีที่มอนสเตอร์ตัวนี้ไม่มีรูปแบบการโจมตีอื่น นอกจากใช้หนวดรัดอย่างเดียว มันจึงไม่สามารถเผด็จศึกพวกมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิทั้ง 2 ได้ในทันที อย่างไรก็ตามตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วว่าพวกมันจะตายเมื่อไหร่     หานเซิ่นช็อคที่บริเวณนี้มีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิถึง 3 ตัว ซึ่งแต่ละตัวก็น่ากลัวทั้งนั้น มันเหมือนว่าบริเวณนี้จะอันตรายกว่าที่หานเซิ่นคิดเอาไว้     ตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าถ้าหากเขายึดเมืองสปิริตได้ เขาจะสามารถทำอะไรในบริเวณรอบๆนี้ก็ได้ตามที่ต้องการ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมองโลกในแง่ดีเกินไป     VIPถึงตอนที่ 1350 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/