Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 435 พบสุดที่รักอีกครั้ง
Super God Gene – ตอนที่ 435 พบสุดที่รักอีกครั้ง

หานเซิ่นอยู่บนยานแดฟเน่ได้สักพักแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยเจอกัปตันของยานลำนี้เลย ตอนนี้เมื่อเขาถูกใช้ให้ไปส่งเอกสารในห้องกัปตัน มันทำให้เขาสงสัยว่ากัปตันของยานลำนี้คือใครกันแน่     การจะเป็นกัปตันของยานระดับสูงได้ คนคนนั้นอย่างน้อยก็ต้องยศพลตรีขึ้นไป แม้ยานลำนี้จะไม่ใช่ยานลำใหญ่ก็ตาม     “นี่คือแผนโภชนาการของเดือนหน้า พวกเราต้องการให้กัปตันเซ็นรับทราบ” หานเซิ่นเดินไปที่โต๊ะของเลขา และส่งเอกสารให้เธอดู     “แน่นอน เรื่องนี้กัปตันได้บอกกับฉันไว้แล้ว แต่ตอนนี้กัปตันกำลังงานยุ่งอยู่ คุณเข้าไปวางเอกสาร และรีบออกมาเลยก็ได้” เลขาตรวจดูเอกสารและพูดกับหานเซิ่น     “ครับ” หานเซิ่นตอบ เขาเดินที่ไปห้องกัปตัน พร้อมกับเอกสารในมือ เขาเคาะประตู แต่ก็ไม่มีใครตอบ     เนื่องจากเลขาเป็นคนบอกให้เขาเข้าไปวางเอกสารข้างใน หานเซิ่นจึงเปิดประตู และเข้าไปในห้อง แต่ทว่าหลังจากที่เขาเปิดประตูเข้าไป หานเซิ่นก็เห็นใครบางคนกำลังนั่งเอนหลังผิงเก้าอี้อยู่ตรงโต๊ะทำงาน และยิ้มให้เขา     หานเซิ่นตะลึงในทันที จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นความยินดี เขาปิดประตู และขว้างเอกสารทิ้งไป เขารีบวิ่งเข้าไปหาคนคนนั้น และกอดเธอแน่น     “โอ้พระเจ้า ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? เธออยู่ที่นี่ได้ยังไง?” หานเซิ่นตื่นเต้นมากจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เขาไม่คาดคิดว่าจีเหยียนหรันจะอยู่บนยานลำนี้     จีเหยียนหรันในชุดกัปตันสีขาวกำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขา เธอดูงามสง่าเหมือนอย่างเคย แต่เธอก็ดูสง่างามกว่าตอนที่เธอสวมชุดนักเรียน     “ฉันขอโทษที่พานายมาที่นี่โดยไม่ได้ปรึกษา และฉันทำได้เต็มที่ก็แค่ให้นายมาเป็นทหารในห้องครัว นั่นมันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันพอจะทำได้ ถึงมันจะดูไม่ยุติธรรมกับนาย แต่ฉันก็ไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว ถ้าไม่มีนายอยู่ใกล้ๆ ฉันรู้ว่าฉันมันเห็นแก่ตัว แต่นายคงยกโทษให้ฉันใช่ไหม?” จีเหยียนหรันกอดหานเซิ่นเช่นเดียวกัน     “ถึงเธอจะเห็นแก่ตัวแค่ไหน ฉันก็ชอบเธออยู่ดี” หานเซิ่นจูบจีเหยียนหรันทันที     หน้าของจีเหยียนหรันเปลี่ยนเป็นสีชมพู เธอพูด “อย่ามาทำรุ่มร่ามที่นี่ เพราะมันมีกล้องสังเกตการณ์ติดอยู่”     “บ้าน่า มีกล้องติดอยู่ในห้องกัปตันจริงๆหรอ?” หานเซิ่นรีบปล่อยจีเหยียนหรันทันที     จีเหยียนหรันกระพริบตาและพูด “แดฟเน่คือยานรบที่ทำภารกิจสำรวจ ถึงฉันจะเป็นกัปตัน แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจเด็ดขาดบนยานลำนี้ ความจริงแล้วฉันแค่ทำหน้าที่สนับสนุนเท่านั้น คนที่มีสิทธิมากที่สุดบนยานลำนี้ก็คือพวกผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ”     “งั้นเธอก็ไม่ต่างจากคนขับรถเลยสิ?” หานเซิ่นพูด จากนั้นเขาก็กอดจีเหยียนหรันอีกครั้ง     เธอไม่ได้สนใจว่าใครจะมองอยู่ หานเซิ่นเองก็เช่นกัน เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เขาจะกอดหรือจูบแฟนของเขา     จีเหยียนหรันเบ้ปากและพูด “ก็ประมานนั้นแหละ ภารกิจหลักของฉันก็คือส่งพวกผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง ถ้าไปถึงจุดหมายปลายทางเมื่อไหร่ สิทธิในการสั่งการทั้งหมดจะเป็นของพวกเขา”   จีเหยียนหรันหยุดไปชั่วครู่และพูดต่อ “ฉันรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมที่นายต้องมาเป็นแค่คนงานในครัว แต่การสำรวจอารยธรรมคริสตัลไรเซอร์มีความสำคัญกับสหพันธ์ดวงดาวมาก และยานรบลำนี้ก็ค่อยข้างเข้มงวดมาก ฉันทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้นายมาที่นี่”     “อารยธรรมของคริสตัลไรเซอร์มีความสำคัญอะไรงั้นหรอ สหพันธ์ถึงได้ลงทุนกับมันขนาดนี้?” หานเซิ่นถามด้วยความสงสัย     “นายเคยได้ยินใช่ไหมว่าคริสตัลไรเซอร์เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีพลังจิตแข็งแกร่ง พวกเขาสามารถควบคุมวัตถุได้ด้วยพลังจิต?” จีเหยียนหรันครุ่นคิดก่อนจะพูด     “ฉันเคยได้ยินมาบ้าง” หานเซิ่นถามต่อด้วยความสงสัย “เรื่องนั้นเป็นความจริงงั้นหรอ?”     “อาจจะใช่ แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรมาก แต่อย่างหนึ่งที่มั่นใจได้เลยก็คือ คริสตัลไรเซอร์มีเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับคริสตัลมากมาย ยกตัวอย่างเช่นคริสตัลแห่งความทรงจำ คริสตัลไรเซอร์ที่มีพลังจิตแข็งแกร่งสามารถใส่ความทรงจำของพวกเขาลงในคริสตัลแห่งความทรงจำได้ ซึ่งมันล้ำสมัยยิ่งกว่า AI ของเราซะอีก” จีเหยียนหัรนอธิบาย     “น่าประทับใจจริงๆ แล้วมีอะไรอย่างอื่นอีกไหม?” หานเซิ่นเริ่มสนใจมันแล้ว     “มีหลายอย่าง แต่ส่วนมากต้องใช้พลังจิตเพื่อทำให้มันทำงาน มนุษย์มีพลังจิตที่อ่อนแอกว่าคริสตัลไลเซอร์มาก แม้จะเป็นแบบนั้น แต่ถ้าหากพวกเราสามารถเก็บรวบรวมคริสตัลแห่งความทรงจำมาได้ พวกเราจะสามารถอ่านข้อมูลจากพวกมันได้บางส่วน และพวกเราก็จะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีของเราได้อีกมาก”   จีเหยียนหรันหยิบคริสตัลแห่งความทรงจำที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นขึ้นมา และวางมันลงบนมือของหานเซิ่น “ลองเอามันวางบนหน้าผากดู แล้วดูว่านายรู้สึกยังไงบ้าง”     “นี่เป็นของพวกคริสตัลไลเซอร์งั้นหรอ?” หานเซิ่นมองคริสตัลอย่างละเอียด มันดูเหมือนกับอัญมณีสีม่วง ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรที่พิเศษ     “ใช่” จีเหยียนหรันยิ้มและพยักหน้า     หานเซิ่นเข้าใจดีว่าจีเหยียนหรันไม่มีทางคิดร้ายกับเขา ดังนั้นเขาเลยเอาคริสตัลวางบนหน้าผากของตัวเอง เขาต้องการรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น     หลังจากวางมันลงบนหน้าผากแล้ว หานเซิ่นก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีกระแสไฟฟ้าจากคริสตัลไหลเข้ามาในกะโหลกของเขา มันทำให้สมองของเขาชาเล็กน้อย ซึ่งมันทำให้เขากลัวจนต้องเอาคริสตัลออกห่างจากหน้าผาก     “นั่นมันคืออะไร?” หานเซิ่นจ้องมองคริสตัลและถาม     จีเหยียนหรันยิ้มและพูด “รู้สึกไหมว่าตัวนายมีบางอย่างแตกต่างจากเดิม?”     “ก็ปรกตินะ มันมีอะไรแตกต่างงั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่รู้ว่าจีเหยียนหรันหมายถึงอะไร ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย และก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรด้วย     จีเหยียนหรันเอาเอกสารบนโต๊ะของเธอวางมันลงต่อหน้าหานเซิ่น เธอเปิดเอกสารแบบรัวๆ และขอให้หานเซิ่นพยายามดูเนื้อหาในเอกสาร หลังจากเปิดผ่านๆอย่างรวดเร็ว เธอก็ปิดเอกสาร และเอามันกลับไปไว้ที่เดิม จากนั้นเธอก็ถาม “อะไรคือคำที่ 6 ของบรรทัดที่ 3 ในหน้าที่ 13?”     “เธอเปิดเร็วเกิน แล้วฉันจะไปรู้….” หานเซิ่นกำลังจะบอกว่าเขาไม่รู้ แต่อยู่ๆความทรงจำของหน้านั้นมันก็ไหลเข้ามาในหัวของหานเซิ่น เขาจำมันได้อย่างชัดเจน คำที่ 6 ของบรรทัดที่ 3 ของหน้าที่ 13 ก็คือ ‘สีดำ’     “เป็นไปได้ยังไง? มันเป็นเพราะคริสตัลอันนี้งั้นหรอ?” หานซิ่นมองคริสตัลสีม่วงด้วยความประหลาดใจ หลังจากวิวัฒนาการ ถึงความจำของเขาจะดีขึ้นแต่มันก็ไม่น่าทำได้ถึงขนาดนี้     อย่างไรก็ตามเมื่อหานเซิ่นมองดูที่คริสตัลสีม่วงอีกครั้ง มันก็เต็มไปด้วยรอยร้าวมากมาย หานเซิ่นขยับนิ้วมือ และคริสตัลสีม่วงก็แหลกเป็นชิ้นๆทันที เศษชิ้นส่วนของคริสตัลตกลงไปบนพื้น     “คริสตัลชนิดนี้ถูกขุดพบจากโบราณสถานของพวกคริสตัลไลเซอร์ มันมีพลังพิเศษที่สามารถเพิ่มพลังในการทำงานของสมองเราได้ ผลของมันจะดีที่สุดในช่วงแรกๆ เเต่หลังจากนั้นผลของมันจะเริ่มอ่อนลง แต่อย่างไรก็ตามสมองก็จะได้รับการเพิ่มพลัง ถึงจะเล็กน้อย แต่มันก็อยู่อย่างถาวร ซึ่งมันถือเป็นเครื่องมือในการพัฒนาสมองมนุษย์ที่ดีมากๆ” จีเหยียนหรันอธิบาย     VIPถึงตอนที่ 1316 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/

Super God Gene – ตอนที่ 434 คริสตัลไลเซอร์
Super God Gene – ตอนที่ 434 คริสตัลไลเซอร์

หลังจากเดินทางมาแสนยาวไกล ในที่สุดก็มาถึงกาแล็กซี่ตงอิน เมื่อหานเซิ่นเห็นแดฟเน่จอดอยู่ที่ท่ายานอวกาศ เขาก็ต้องอึ้ง     ตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าเนื่องจากยศพันตรียังเป็นได้แค่คนในครัว เเดฟเน่ก็ควรจะเป็นยานอวกาศระดับท็อปของสหพันธ์ หรือไม่อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นยานอวกาศที่ทันสมัยหรือลำใหญ่กว่านี้     แต่ทว่าแดฟเน่ดูเหมือนจะเป็นแค่ยานลาดตระเวนธรรมดาๆ ถึงดูเป็นยานรุ่นใหม่ที่ทันสมัยก็ตาม แต่มันก็ดูไม่เหมือนกับยานขนาดใหญ่ที่เป็นยานรบหลักๆของสหพันธ์     ที่สำคัญหานเซิ่นยังไม่เคยได้ยินว่ายานรบสามารถจอดในท่ายานอวกาศของพลเรือนแบบนี้ได้ แดฟเน่เป็นยานอวกาศที่แปลกจริงๆ     อย่างไรก็ตามหานเซิ่นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเข้าไปรายงานตัวที่แดฟเน่     ภายในยานแดฟเน่ดูหรูหรากว่าที่หานเซิ่นคิดเอาไว้ มีอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆมากมายที่หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่ใช่แค่นั้นหานเซิ่นยังเห็นวอเฟรมรุ่นใหม่จอดอยู่ภายในยานด้วย หานเซิ่นรู้สึกว่ายานลำนี้ชักจะไม่ธรรมดาซะแล้ว     ทหารทุกคนที่นี่จะมีซุปเปอร์ไบโอนิเคิลวอเฟรมที่ผลิตโดยบริษัทดีกังไว้ใช้งาน ซึ่งเป็นวอเฟรมระดับเดียวกับSilver Killer     ขั้นตอนการรายงานตัวซับซ้อนมาก หานเซิ่นต้องผ่านการทดสอบหลายอย่าง เหมือนว่าระบบความปลอดภัยของยานลำนี้จะอยู่ในระดับที่สูงมาก     หลังจากใช้เวลาเกือบทั้งวัน ในที่สุดหานเซิ่นก็ได้เข้าไปรายงานตัวที่ห้องครัว     “นายทหารใหม่ หานเซิ่น มารายงานตัวแล้วครับ” หานเซิ่นทำความเคารพหัวหน้าครัว     หัวหน้าห้องครัวอายุประมาน 30 ปี และมีรูปร่างอ้วน “ยากนะที่จะมีทหารใหม่เข้ามาทำงานในห้องครัวแบบนี้”     หัวหน้าห้องครัวมองหานเซิ่นตั้งแต่หัวจรดเท้าและยิ้ม “เคยเรียนทำอาหารมาก่อนหรือป่าว พันตรี?”     “ที่โรงเรียนผมเคยเรียนเกี่ยวกับการทำอาหารจากเนื้อของมอนสเตอร์ขั้นพื้นฐานครับ” หานเซิ่นตอบ     “ห้องครัวไม่เหมือนกับสถานที่อื่นๆ ดังนั้นไม่ต้องเคร่งเครียดขนาดนั้นก็ได้ เนื่องจากนายเข้ามาอยู่ใหม่ และยังไม่รู้วิธีการทำอาหาร นายก็แค่พยายามทำตัวให้มีประโยชน์ก็พอ” หัวหน้ารูปร่างอ้วนพูด ขณะที่กำลังทำอาหาร     ตอนนี้หานเซิ่นก็เข้ามาเป็นสมาชิกที่ทำงานในห้องครัวโดยสมบูรณ์แล้ว นอกจากหานเซิ่นยังมีสมาชิกอีก 5 คน หัวหน้ารูปร่างอ้วนๆชื่อหลัวซานซิน รองหัวหน้า หลิวหมิงเลียง แผนกขนมหวาน สวี่เกอ ผู้ช่วยพ่อครัว หลี่จิ้น คนงานทั่วไปซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับหานเซิ่น ชิวเฉิง     ทุกคนที่ทำงานในครัวเป็นคนง่ายๆสบายๆ เพราะพวกเขาไม่ต้องทำอะไรเหมือนกับพวกทหารคนอื่นๆ รวมถึงฝึกน้อยกว่าคนอื่นๆด้วย     หลังจากที่หานเซิ่นมารายงานตัวแล้ว แดฟเน่ก็ออกจากท่ายานอวกาศ และเดินทางมุ่งหน้าไปยังกาแล็กซี่ที่ห่างไกลทันที     ทหารในยุคนี้ต้องการอาหารเสริมที่มีพลังงานสูง เพื่อที่พวกเขาจะได้มีแรงในยามออกศึก หน้าที่ของคนในห้องครัวก็เป็นเหมือนกับนักโภชนาการ     หานเซิ่นไม่ได้มีงานให้ทำมากในแต่ละวัน เพราะในห้องครัวส่วนมากก็จะมีระบบอัตโนมัติช่วยทำงานอยู่แล้ว ถ้ามีเวลาว่างหานเซิ่นสามารถเทเลพอร์ตไปที่ก็อตแซงชัวรี่ก็ยังได้ บนยานมีเครื่องเทเลพอร์ตติดตั้งไว้ให้ แต่เนื่องจากหานเซิ่นพึ่งมาถึง และยังมีอะไรหลายอย่างที่เขาต้องเรียนรู้ ทำให้หานเซิ่นยังไม่มีเวลา     หลังจากที่ได้เรียนรู้อยู่ 2-3 วัน หานเซิ่นก็ได้รู้หน้าที่หลักๆของแดฟเน่ แดฟเน่คือยานสำรวจอวกาศ หน้าที่หลักๆของมันก็คือการค้นหาดาวที่พอจะใช้อยู่อาศัยได้ และสำรวจดาวที่มีสิ่งมีชีวิตอื่นปกครองอยู่ด้วย     จักรวาลกว้างใหญ่ไร้ครอบเขต ส่วนที่ถูกปกครองโดยชูร่าและมนุษย์เป็นแค่ส่วนหนึ่งของจักรวาลเท่านั้น ยังมีกาแล็กซี่ที่ยังไม่ได้เดินทางไปสำรวจอีกมาก     ในจักรวาลมีหลากหลายเผ่าพันธุ์ แม้ตอนนี้เผ่าพันธุ์ที่โดดเด่นที่สุดจะเป็นมนุษย์และชูร่าก็ตาม แต่ก่อนหน้านี้เคยมีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อน     ภารกิจที่แดฟเน่ได้รับมอบหมายมาในครั้งนี้ก็คือการค้นหาเศษเสี้ยวอารยธรรมของพวกคริสตัลไลเซอร์     ในตอนที่มนุษย์ยังไม่ได้เดินทางออกมาจากดาวโลก คริสตัลไลเซอร์ได้สร้างจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในจักรวาล พวกเขาเคยปกครองกาแล็กนับ 10 กาแล็กซี่ แต่อยู่ๆพวกเขาก็สูญพันธ์ไปโดยไม่ทราบสาเหตุ คนในยุคนี้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพวกเขาก็แค่จากสิ่งที่พวกเขาหลงเหลือเอาไว้เท่านั้น     เมื่อมนุษย์มาถึงยุคที่เดินทางออกจากดวงดาว คริสตัลไลเซอร์ก็กลายเป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานไปเรียบร้อยแล้ว     ไม่เหมือนกับมนุษย์และชูร่า คริสตัลไลเซอร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างออกไป ทั้งตัวของพวกเขาสร้างมาจากคริสตัล พวกเขามีพลังจิตที่แข็งแกร่งมาก     ในยุคนี้มีหนังหรือภาพยนตร์มากมายที่มักจะเอาคริสตัลไลเซอร์มาเป็นต้นแบบของตัวละคร และพวกเขาก็มักจะสามารถควบคุมสิ่งต่างๆได้ด้วยพลังจิต     แน่นอนว่านี่เป็นข้อสรุปที่มนุษย์ได้มาจากข้อมูลต่างๆที่พวกเขาเหลือเอาไว้ ไม่เคยมีใครเห็นคริสตัลไลเซอร์ตัวเป็นๆมาก่อน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามีพลังจิตจริงๆหรือไม่     นอกเหนือจากคริสตัลไลเซอร์จะเป็นตำนานในด้านพลังจิตแล้ว คริสตัลไลเซอร์ยังมีทรัพย์สมบัติมากมาย ตัวอย่างเช่นตามบันทึกของพวกเขา คริสตัลไลเซอร์ที่แข็งแกร่งจะสามารถควบคุมดาวได้ทั้งดาว และสามารถเปลี่ยนโครงสร้างของมันให้กลายเป็นยานอวกาศได้     แน่นอนว่านั่นเป็นแค่ตำนาน แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่แน่นอนแล้วก็คือ เทคโนโลยีเมมโมรี่การ์ดที่ใช้คริสตัลทำ เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาจากการศึกษาเทคโนโลยีของพวกคริสตัลไลเซอร์     แต่ทางสหพันธ์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาเทคโนโลยีของพวกคริสตัลไลเซอร์มากนัก งานวิจัยส่วนมากก็ไม่ได้เปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ ทำให้คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้จักคริสตัลไลเซอร์กันเท่าไหร่     เนื่องจากการเดินทางท่องในอวกาศเป็นการเดินทางที่ใช้เวลามาก ทหารจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้ถ้ามีเวลาว่าง ขอแค่ให้กลับมาตรงเวลาก็พอ โดยเฉพาะทหารที่ทำงานในครัว ถ้าไม่มีภารกิจอะไรที่พิเศษจริงๆ พวกเขาแทบจะว่างทุกวันเลยก็ว่าได้ พวกเขามีเวลาเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่มากกว่าคนอื่นๆ     หานเซิ่นพึ่งจะมาถึงได้ไม่นาน ดังนั้นเขาเลยยังไม่คิดจะไปที่ก็อตแซงชัวรี่ในตอนนี้ เขาใช้เวลาไปกับการทำความคุ้นเคยกับสิ่งต่างๆบนยาน     “กำลังดูอะไรอยู่งั้นหรอ?” หลังจากผ่านมา 2 วัน หานเซิ่นก็กลายเป็นเพื่อนกับสมาชิกในห้องครัว เมื่อถึงช่วงพัก เขาเห็นหัวหน้าห้องครัวกำลังดูอะไรบางอย่างในคอมอย่างกระตือรือร้น     “จะมีอะไรอีกนอกจากวิดีโอ 8 สังหาร? หัวหน้าของเราคงฝันว่าอยากจะทำให้ได้อย่างเขา เขาคงอย่างจะบินได้มั้ง” รองหัวหน้าหลิวหมิงเลียงพูด     “อะไรคือ 8 สังหาร?” หานเซิ่นดูวิดีโอ และเขาก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะวิดีโอที่หัวหน้ากำลังดูอยู่ก็คือวิดีโอที่เขาต่อสู้กับหลูปิน     “ใช่ที่ไหน ฉันแค่อยากเรียนรู้ท่า 8 สังหารก็เท่านั้น” หัวหน้าห้องครัวพูด     เมื่อมองดูรูปร่างที่กลมและขาที่สั้นของเขา หานเซิ่นก็แทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่าเขาจะโดดขึ้นไปในอากาศได้ยังไง แค่เตะให้ได้สักครั้งก็ยากแล้ว     VIPถึงตอนที่ 1316 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/