Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 431 ดุดัน
Super God Gene – ตอนที่ 431 ดุดัน

เมื่อเห็นหลูปินลงมาต่อสู้ด้วยตัวเอง บรรดาเพื่อนๆและนักเรียนของเขาต่างก็ประหลาดใจกันมาก คนจำนวนมากเข้ามาดูการต่อสู้ของเขา ไม่นานสแตนด์ก็เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก     แม้หลูปินจะล็อคอินเข้ามาในกลาดิเอเตอร์อยู่บ่อยครั้ง แต่เขาก็แทบจะไม่เคยต่อสู้ด้วยตัวเองเลย ส่วนมากที่เขาเข้ามาในกลาดิเอเตอร์ก็เพื่อสอนนักเรียนเป็นหลัก     มันไม่ใช่เพราะหลูปินรู้สึกว่าตัวเองไร้เทียมทาน แต่มันเพราะการต่อสู้จำลองมันไม่น่าตื่นเต้นหรือระทึกพอสำหรับเขา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหลูปินถึงไม่สนใจการต่อสู้แบบนี้เท่าไหร่ จริงๆแล้วหลังจากที่ถอนตัวออกจากกองทัพ หลูปินก็แทบไม่เคยได้ใช้เพลงเตะสังหารอีกเลย ดังนั้นบรรดานักเรียนหรือสหายร่วมรบเก่าๆต่างก็ไม่เคยเห็นหลูปินใช้เพลงเตะสังหารมานานแล้ว     “อีกฝ่ายเป็นใครกันถึงทำให้หลูปินยอมสู้ด้วย?” หวังต้าชิงประหลาดใจที่เห็นหลูปินสู้ด้วยตัวเอง     “ไม่รู้ คู่ต่อสู้ของเขาใช้ฟังชั่นเบลอหน้า เราเลยไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ฉันพนันได้เลยว่าเขาต้องไม่ธรรมดา ไม่งั้นหัวหน้าหลูปินคงไม่สู้ด้วยตัวเอง” อีกคนพูดออกมาด้วยความประหลาดใจเช่นกัน     “ไม่ได้เห็นเพลงเตะสังหารมานานแล้ว วันนี้ช่างโชคดีจริงๆที่มีโอกาสได้เห็นมันอีกครั้ง”     “แน่นอน พวกเราทุกคนรู้จักคุณหลูดี ถ้าสู้แล้วเขาจะทำเต็มที่ทุกครั้ง”     “งั้นพวกเราก็ควรจะขอบคุณทหารคนหนึ่งบนยานรบ ฉันหวังว่าเขาจะ ต้านได้นานๆหน่อย พวกเราจะได้สนุกกับการต่อสู้ได้เต็มที่”     “ฉันขอพนันด้วยเงิน 1000 ดอลลาร์เลยว่าหนุ่มคนนั้นไม่รอดกระบวนท่าที่ 7 อย่างแน่นอน”     “นายประเมินสูงไปแล้ว ฉันขอพนัน 2000 ดอลลาร์เลยว่าเขาจะไม่รอดตั้งแต่กระบวนท่าที่ 4”     “…”     พวกเพื่อนและสหายเก่าที่เคยร่วมรบกับหลูปินต่างก็ตื่นเต้นกันมาก พวกนักเรียนเองก็กระตือรือร้นที่จะดูเขาต่อสู้มาก มันคือประสบการณ์ครั้งแรกที่เขาจะได้เห็นเพลงเตะสังหารของหลูปินกับตา     มีเพียงแค่เชียนเหอเจิ้นที่จ้องไปที่หานเซิ่นด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่     “สหายหนุ่ม นายสังกัดอยู่กองกำลังไหนงั้นหรอ?” ก่อนที่จะเริ่มสู้ หลูปินยิ้มและถาม     เขาคิดว่าหานเซิ่นเองก็น่าจะเป็นทหารที่ออกรบแนวหน้ามานับครั้งไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน ไม่งั้นเขาคงจะไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้น ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกว่าหานเซิ่นคล้ายๆกับเขา     “เป็นความลับทางทหาร” หานเซิ่นตอบ     เขาไม่ได้หยิ่ง แต่มันคือความลับจริงๆ อย่างน้อยๆมันก็เขียนบอกไว้ในสัญญาที่เขาได้รับ และเขาก็เซ็นมันไปแล้วด้วย ถ้าหานเซิ่นไปบอกคนอื่น เขาจะต้องถูกส่งไปขึ้นศาลทหาร     การปล่อยให้ข้อมูลลับทางทหารรั่วไหลออกไป มันอาจจะทำให้เกิดผลเสียร้ายแรงต่อกองทัพได้ หานเซิ่นไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัว     เมื่อได้ยินคำพูดของหานเซิ่น หลูปินยิ้มและพูดต่อ “งั้นก็อย่าออมมือล่ะ”     “แน่นอน” หานเซิ่นพยักหน้า     “งั้นเรามาเริ่มกันเลย” หลูปินดูสงบนิ่งขึ้นทันที เขาเตะไปที่หานเซิ่นทันที เขาเตะได้รุนแรง และรวดเร็วจนไม่มีใครมองมันได้ทัน     “นั่นสินะเพลงเตะสังหาร..” พวกนักเรียนที่เป็นศิษย์ของหลูปินรู้สึกสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขารู้สึกสงสัยว่าที่พวกเขาเรียนมามันใช่เพลงเตะสังหารจริงๆหรือเปล่า พวกเขาพึ่งจะได้เห็นการเตะที่เฉียบขาดขนาดนี้     “คุณหลูดูจะเอาจริงมาก ฉันไม่เชื่อว่าหนุ่มคนนั้นจะรับมือลูกเตะนี้ได้” หวังต้าชิงพูดพร้อมกับเบิกตากว้าง เขาไม่คิดว่าหลูปินจะจริงจังขนาดนี้     ตูม!   หลังจากที่หวังต้าชิงพูด ทหารคนหนึ่งบนยานรบก็ยกแขนขึ้นมาป้องกันลูกเตะของหลูปินทันที ถึงจะถูกเตะจนกระเด็นถอยหลังไป 2 ก้าว แต่HPของเขาก็ลดลงมาแค่ 2 หน่วยเท่านั้น     “โห คู่ต่อสู้คนนี้ไม่ธรรมดาเลย! เขาสามารถป้องกันลูกเตะของหลูปินได้ เขาเป็นใครกันแน่?” พวกเพื่อนๆของหลูปินรู้สึกประหลาดใจ     อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถตอบคำถามของเขาได้ แม้แต่เชียนเหอเจิ้นเองก็ยังไม่รู้ว่าทหารคนหนึ่งบนยานรบคือใครกันแน่     หลูปินรู้สึกระทึกใจขึ้นมาทันที ราวกับเลือดในกายของเขาเดือดแล้ว เขาคำรามออกมา และเตะใส่หานเซิ่นรัวๆ ลูกเตะแต่ละครั้งมันทั้งรวดเร็วและรุนแรงยิ่งกว่าลูกเตะแรกซะอีก     ทักษะการใช้ขาของหลูปินไม่ได้ดูสวยงามหรือน่าตื่นตาตื่นใจเหมือนกับวิชาอื่นๆ แต่ทุกครั้งที่เขาเตะ มันคือการหวังจะเอาชีวิตอีกฝ่าย ไม่ต้องมีท่าทางอะไรให้ยุ่งยาก ลูกเตะแต่ละครั้งของเขามาจากมุมที่ไม่คาดคิด     หานเซิ่นถูกกดดันให้ถอยหลังไปเรื่อยๆโดยลูกเตะของหลูปิน เขาต้องใช้แขนป้องกันลูกเตะ และขาในการเคลื่อนไหวหลบ ถึงเขาจะสามารถป้องกันการโจมตีจากหลูปินได้ แต่ตอนนี้เขาก็เสียเปรียบอย่างหนัก     “นี่สิเพลงเตะสังหารของจริง ร้ายกาจมาก!”     “อาจารย์หลูสุดยอดจริงๆ”     “เตะ 5 ครั้งในชั่วพริบตา แข็งแกร่งจริงๆ”     “เขาเตะแบบนั้นได้ยังไง? มุมที่เขาเตะบางครั้งมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย”     “อย่างที่คิดเอาไว้เลย หัวหน้าหลูยังไม่ลืมวิชาการต่อสู้”     “ทุกกระบวนท่าหวังสังหารคู่ต่อสู้ทั้งนั้น นี่ถึงเรื่องว่าสุดยอดวิชา”     “ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะลงเรียนกับเขา หลังจากกลับไปที่สถาบัน”     ผู้ชมทุกคนอึ้งกับการเคลื่อนไหวของหลูปิน พวกเขากำลังจินตนาการว่าตัวเองเป็นหลูปินแล้วกำลังใช้ลูกเตะพวกนั้นอยู่     อย่างไรก็ตาม พวกผู้วิวัฒนาการเก่งๆหลายคนต้องขมวดคิ้ว เมื่อเห็นลูกเตะของหลูปิน จากความรู้สึกประทับใจเริ่มเปลี่ยนเป็นความรู้สึกช็อค ถ้าหากพวกเขาต้องลงไปต่อสู้กับหลูปิน พวกเขาไม่กล้าพูดว่าจะสามารถป้องกันการโจมตีที่รุนแรงพวกนั้นได้     แต่ทว่าคู่ต่อสู้สามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดจากหลูปินได้ แม้จะดูทุลักทุเล แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ หลูปินก็ยังไม่สามารถทะลวงผ่านการป้องกันของอีกฝ่ายได้เลย HPที่คู่ต่อสู้สูญเสียไปจากการป้องกัน ระบบประมานไว้ให้อยู่ประมาน 1-2 HP ต่อครั้งที่เขาโดนลูกเตะของหลูปิน     “คู่ต่อสู้ของหลูปินเป็นใครกันแน่? เขารับลูกเตะของหลูปินไปมากขนาดนั้นแล้วนะ!” พวกคนที่รู้จักหลูปินเริ่มตะลึง     พวกเขารู้จักลูกเตะของหลูปินดี ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สามารถสังหารข้าศึกในสนามรบได้ ตั้งแต่ร่วมรบกับหลูปินมา พวกเขายังไม่เคยเห็นใครป้องกันลูกเตะของหลูปินได้มากขนาดนี้มาก่อน     หานเซิ่นเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกัน เขาไม่คิดว่าคู่ต่อสู้แปลกหน้าคนนี้จะเป็นผู้ใช้เพลงเตะที่มีชื่อเสียง แม้แต่หานเซิ่นก็ยังยากที่จะคาดเดาลูกเตะของหลูปินได้ในช่วงแรกๆ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงป้องกันมันได้อย่างยากลำบาก     VIPถึงตอนที่ 1316 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/

Super God Gene – ตอนที่ 430 คนประเภทเดียวกัน
Super God Gene – ตอนที่ 430 คนประเภทเดียวกัน

  หลังจากเกษียณ หลูปินก็ถูกสถาบันเอเรสจ้างให้ไปเป็นอาจารย์สอนเทคนิคการต่อสู้ที่ใช้ขาเป็นหลัก เนื่องจากวิชาเพลงเตะสังหารเป็นหนึ่งในวิชาเพลงเตะที่ดีที่สุดในหมู่วิชาที่ผู้ยังไม่วิวัฒนาการฝึกได้   อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกนักเรียนไม่เคยผ่านการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแบบหลูปิน ทำให้มันยากสำหรับพวกเขาที่จะเข้าใจแก่นแท้ของวิชาเพลงเตะสังหาร   แม้แต่เชียนเหอเจิ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดของสถาบัน และยังถูกหลูปินสอนแบบตัวต่อตัว แต่เขาก็ยังห่างไกลจากคำว่าฝึกสมบูรณ์อยู่มาก   วิชานี้สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในสงครามเป็นหลัก ดังนั้นการจะฝึกมันให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจึงต้องฝึกภายใต้สถานการณ์ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เนื่องจากเชียนเหอเจิ้นไม่มีประสบการณ์แบบนั้น มันไม่ง่ายที่เขาจะฝึกวิชานี้ให้เชี่ยวชาญได้   เมื่อเขาเห็นหานเซิ่นล็อคอินเข้ามาในกลาดิเอเตอร์ เชียนเหอเจิ้นที่กำลังรู้สึกหดหู่ เพราะฝึกไม่ก้าวหน้าสักทีก็อยากจะขอพักเบรคก่อน เมื่อได้รับคำอนุญาตจากหลูปิน เชียนเหอเจิ้นก็ส่งคำท้าให้หานเซิ่น   หลูปินขึ้นไปรอดูการต่อสู้บนสแตนด์ ความจริงแล้วหลูปินไม่อยากจะมาสอนคนอย่างเชียนเหอเจิ้น เชียนเหอเจิ้นคือคนที่ถูกดูแลอย่างดีโดยประธานของสถาบัน วิชาเพลงเตะสังหารของเขาไม่เหมาะกับคนแบบนี้ เพลงเตะสังหารถูกออกแบบมาเพื่อคนที่ออกไปสู้แนวหน้าในสนามรบ มันมีการเคลื่อนไหวแบบเสี่ยงๆที่อาจจะทำให้ผู้ใช้บาดเจ็บหนักได้ถ้าพลาด มันควรถูกเอาไปใช้ในสนามรบเทานั้น   คนที่กล้าหาญเท่านั้นถึงจะชนะการต่อสู้ได้ ในสนามรบความลังเลแม้เพียงเสี่ยววินาทีก็อาจจะทำให้ถูกฆ่าได้   ดังนั้นแก่นแท้ของวิชาเพลงเตะสังหารคือคำเพียงแค่คำเดียว ซึ่งมันก็คือความกล้าหาญ ความกล้าหาญจะทำให้คนฆ่าศัตรูโดยปราศจากความกลัว พร้อมกับเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน   เชียนเหอเจิ้นไม่มีคุณสมบัติในการฝึกวิชานี้ เขาไม่เข้าใจแก่นของวิชา ดังนั้นเขาจึงใช้วิชาไฮเปอร์จีโนอื่นๆที่เขาเชี่ยวชาญในการสู้กับหานเซิ่น   หานเซิ่นพยายามควบคุมความแข็งแกร่งของเขาให้เท่าๆกับเชียนเหอเจิ้น แต่กระนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่ามันง่ายและน่าเบื่อ แม้เขาจะควบคุมร่างกายให้ระดับแข็งแกร่งพอๆกันแล้ว แต่อย่างไรก็ตามหานเซิ่นก็ยังมีความสามารถในการคาดการและสายตาที่ดีกว่าเชียนเหอเจิ้น ทำให้เขารู้สึกว่าเชียนเหอเจิ้นมีจุดอ่อนมากเกินไป หานเซิ่นไม่มีแรงจูงใจที่จะสู้เลย   ถึงจะลดระดับความแข็งแกร่งลงมา แต่หานเซิ่นก็ยังมีโอกาสเผด็จศึกนับครั้งไม่ถ้วน มันง่ายมากที่จะเอาชนะ   หานเซิ่นไม่สามารถลดความสามารถในการคาดการหรือการตัดสินใจลงได้ ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้มันจึงน่าเบื่อมาก เขาไม่ลังเล เขารีบจบการต่อสู้ครั้งนี้ทันที   ตอนแรกเชียนเหอเจิ้นต้องการจะผ่อนคลายระหว่างการฝึกวิชา แต่ทว่าเมื่อมาสู้จริงๆแล้วมันกับทำให้เขาเครียดยิ่งกว่าเดิม   หานเซิ่นสร้างแรงกดดันให้เขามากเกินไป ถึงเขาจะรู้ว่าหานเซิ่นแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ปรกติหานเซิ่นไม่เคยสร้างแรงกดดันให้เขาได้แบบนี้ มันทำให้เชียนเหอเจิ้นรู้สึกว่าต้องระวังตัว   อย่างไรก็ตาม หานเซิ่นก็ออกหมัดที่เร็วราวกับสายฟ้าใส่เชียนเหอเจิ้น เชียนเหอเจิ้นไม่สามารถหลบได้ เขาจำเป็นต้องตั้งการ์ดป้องกันไว้   แม้หานเซิ่นจะลดระดับความแข็งแกร่งลงมาแล้ว แต่หมัดของเขาก็ยังรุนแรง เฉียบขาดและแม่นยำ   จากหมัดแรงถึงหมัดสุดท้ายที่หานเซิ่นกระหน่ำชกเข้าใส่เชียนเหอเจิ้น เชียนเหอเจิ้นไม่สามารถโต้ตอบกลับไปได้แม้แต่หมัดเดียว เขาถูกต้อนตั้งแต่กลางสนามจนไปสุดที่มุม และแล้วร่างโฮโลแกรมของเขาก็ระเบิด   เชียนเหอเจิ้นอึ้งไปชั่วขณะ เขาไม่อยากเชื่อว่าจะแพ้แบบขาดลอยแบบนี้ เมื่อก่อนที่เขาเคยสู้กับหานเซิ่น เขาแทบจะไม่เคยแพ้เลย แต่แค่เวลาผ่านไปไม่นาน เขากับมาแพ้หานเซิ่นแบบขาดลอย เชียนเหอเจิ้นไม่มีทางยอมรับผลลัพธ์แบบนี้ เขาเตรียมที่จะส่งคำท้าอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม หลูปินมาหยุดเขาเอาไว้และพูด “ไม่ต้องสู้ต่อแล้ว เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”   เชียนเหอเจิ้นไม่อยากจะยอมรับ ขณะที่เขาเตรียมจะโต้เถียง หลูปินก็พูดต่อ “ระดับความแข็งแกร่งของเขาสู้กว่าเธอมาก เธอไม่ได้สังเกตเลยหรอว่าเขาจงใจกดระดับความแข็งแกร่งของตัวเองแล้วมาสู้กับเธอ?”   “นั่นเป็นไปไม่ได้…” เชียนเหอเจิ้นชะงักไปชั่วครู่ เขาพยายามนึกทบทวนดู และเขาก็ตระหนักว่าคำพูดของหลูปินฟังดูมีเหตุผล ไม่งั้นเขาคงจะไม่รู้สึกกดดันขนาดนั้น   “ฉันจะพิสูจน์ให้เธอดู” หลูปินไม่อธิบายต่อ เขาส่งคำชวนไปหาหานเซิ่นทันที   ความจริงแล้วหลังจากที่ได้ดูการต่อสู้ระหว่างหานเซิ่นและเชียนเหอเจิ้น หลูปินก็รู้สึกเครื่องร้อนขึ้นมา เขาเป็นทหารแนวหน้าที่รอดชีวิตมาเป็นพันๆครั้ง ดังนั้นเขาค่อนข้างไวต่อความรู้สึกแบบนี้   เขาไม่เพียงแค่รู้ว่าหานเซิ่นจงใจกดพลังของตัวเองเอาไว้เท่านั้น เขายังดูออกว่าหานเซิ่นไม่ใช่คนธรรมดา ทักษะการต่อสู้ของหานเซิ่นจะต้องฝึกมาจากการต่อสู้เสี่ยงตาย   สำหรับคนที่ผ่านการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมานับไม่ถ้วนอย่างเขา เขายังไม่สามารถรับรู้ได้ถึงจิตสังหารของหานเซิ่นในตอนที่สู้กับเชียนเหอเจิ้นได้เลย มันทำให้เขาช็อคมาก   การจะฆ่าใครสักคน คนคนนั้นจะต้องตัดสินใจแน่วแน่ และจิตสังหารมันจะออกมาเอง ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าใครก็ตามพยายามจะซ่อนจิตสังหาร ความแน่วแน่ในการต่อสู้ก็จะลดลง มันจะทำให้การเคลื่อนไหวไม่เฉียบขาดและไม่เป็นธรรมชาติ   แต่ทว่าการเคลื่อนไหวของหานเซิ่นกับขัดแย้งความเข้าใจของเขา ถึงเขาจะรวดเร็วเฉียบขาด แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้จิตสังหารรั่วไหลออกมาเลย แม้แต่หลูปินที่ผ่านการต่อสู้มาทั้งชีวิตยังเคยเห็นคนที่ทำแบบนี้ได้แค่ 2 คนเท่านั้น   1 ใน 2 คนนั้นก็คือตัวของเขาเอง และอีกคนก็คือคู่ต่อสู้ที่เขาเคยสู้มา ซึ่งเป็นชูร่าเขาดำ ถึงชูร่าตัวนั้นจะเป็นแค่ชูร่าเขาดำ แต่มันก็เป็นนักสู้ชั้นยอด และมันยังเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของหลูปิน สุดท้ายแม้หลูปินจะรอดชีวิตมาได้ แต่เขาก็ต้องทรมานจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งมันเป็นเหตุให้เขาต้องเกษียณออกจากกองทัพ   ในทันทีที่หลูปินเห็นสไตล์การต่อสู้แบบนี้อีกครั้ง มันทำให้เลือดในกายของเขาเดือดขึ้นมา เขารู้สึกคันไม้คันมืออยากจะสู้อีกครั้ง   เมื่อได้รับคนชวนจากคนแปลกหน้า หานเซิ่นก็ไม่คิดอะไรมาก เนื่องจากเขาก็เตรียมจะสู้แบบสุ่มอยู่แล้ว เขากดตกลงไปทันที เมื่อเข้ามาในสนามประลอง เขาก็เห็นคู่ต่อสู้ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งกำลังยิ้มมาให้เขา แค่ได้เห็นเขาก็รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที เพราะคู่ต่อสู้มีกลิ่นคล้ายๆกับเขา     Facebook Page : SSG ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 1308 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 429 เพลงเตะสังหาร
Super God Gene – ตอนที่ 429 เพลงเตะสังหาร

  มันช่างบังเอิญ ตอนนี้ก็ถึงคิวของหนุ่มคนที่เข้าแถวอยู่ข้างๆเช่นเดียวกัน เขาเดินตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์ และพูดเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน “ฉันมาเพื่อขอใบรับรองผู้มีเกียรติระดับกลายพันธ์”   หลังจากนั้นชายหนุ่มคนนั้นก็หันมาหาหานเซิ่นเพื่อเยาะเย้ย เหมือนกับเขากำลังพูดว่าฉันคือผู้วิวัฒนาการระดับกลายพันธ์แล้วนายล่ะ?   หานเซิ่นไม่อยากจะพูดกับเขา เขาเดินไปที่เคาน์เตอร์ และกระซิบกับเจ้าหน้าที่ พร้อมกับบัตรประจำตัว “คุณช่วยจัดการเรื่องใบรับรองผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิให้ผมได้ไหม?”   ถึงเสียงของหานเซิ่นจะค่อนข้างเบา แต่มันก็พอที่หนุ่มคนนั้นจะได้ยิน ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันที คนอื่นๆหันมามองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ เจ้าหน้าที่ที่กำลังเหนื่อยล้าจากการทำงานมาหลายชั่วโมงเบิกตากว้าง และมองหานเซิ่นตั้งแต่หัวจรดเท้า   เนื่องจากหานเซิ่นยังดูหนุ่มมากๆ เจ้าหน้าที่เลยถามย้ำให้แน่ใจ “คุณจะขอใบรับรองผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิใช่ไหม?”   แม้แต่ในยุคนี้ผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิก็ยังถือว่าหาได้ยาก บนดาวดวงเล็กๆอย่างดาวรูก้า ปีหนึ่งจะมีผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิไม่เกิน 3-5 คน ซึ่งนั่นก็ถือเป็นจำนวนที่สูงมากแล้ว ถ้าเทียบกับสมัยก่อน   ที่สำคัญหานเซิ่นยังดูหนุ่มมาก แม้เขาจะอายุ 20 แต่หน้าตาของเขาก็ดูเด็กกว่านั้นอีก มันยากที่จะเชื่อว่าเขาคือผู้วิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ   “ครับ” หานเซิ่นพยักหน้า   เจ้าหน้าที่รีบรับบัตรประจำตัวของหานเซิ่นมาทันที หลังจากสแกนมัน เจ้าหน้าที่ก็พูดติดๆขัดๆ “อายุ 20 ปี จบจากโรงเรียนทหารเหยี่ยมดำ ยศพันตรี?” ขณะที่เขากำลังพูด ทุกคนรอบๆหันมามองหานเซิ่นเป็นสายตาเดียว   โรงเรียนทหารเหยี่ยวดำคือโรงเรียนระดับท็อปในสายตาของคนทั่วๆไป คนที่จบจากเหยี่ยวดำได้ย่อมไม่ธรรมดา และคนที่จบมาด้วยยศพันตรียิ่งมีน้อยเข้าไปใหญ่ คนพวกนี้จะถูกเรียกว่าพวกพยัคฆ์หรือไม่ก็มังกร พวกเขามีอนาคตที่รุ่งโรจน์ พร้อมที่จะพุ่งทะยาน คนพวกนี้คือคนพิเศษ ซึ่งอยู่คนละระดับกับคนปรกติธรรมดา   สีหน้าของชายหนุ่มที่พูดจาอวดดีก่อนหน้านี้เกือบจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง เขาอยากจะมุดดินหนีไปให้พ้นๆ ตอนนี้ทุกคนมองหานเซิ่นด้วยสายตาที่ชื่นชม และพวกผู้หญิงก็กระพริบตาให้เขา   ผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิด้วยอายุแค่นี้ หัวกระทิของโรงเรียนทหารระดับท็อป และยังเป็นหนุ่มที่หน้าตาผิวพรรณดี ไม่ด้อยกว่าผู้หญิงคนไหน   “ผู้พันเชิญทางนี้ พวกเราต้องทำการทดสอบก่อน” เจ้าหน้าที่เรียกหานเซิ่นด้วยชั้นยศ เพื่อแสดงความเคารพต่อเขา   หานเซิ่นเข้าไปทดสอบอุปกรณ์ ภายใต้สายตาของทุกคนที่จับตามอง อุปกรณ์พวกนี้หานเซิ่นคุ้นเคยกับพวกมันอยู่แล้ว อุปกรณ์พวกนี้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ระดับความแข็งแกร่งต้องอยู่ในระดับผู้วิวัฒนาการเลือดศักดิ์สิทธิขึ้นไป ถึงจะสามารถผ่านได้   นี่มันไม่ยากสำหรับหานเซิ่น เขาต้องควบคุมร่างกายตัวเอง เพื่อให้ระดับความแข็งแกร่งลงมาอยู่แถวๆ 30 ไม่งั้นมันจะดูผิดปรกติเกินไป   หลังจากหานเซิ่นทดสอบเสร็จ ทุกคนก็มองเขาราวกับเป็นดารา สายตาทุกคนเต็มไปด้วยความชื่อชม ส่วนชายหนุ่มที่คุยโวแอบหนีไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่มีใครรู้   “นี่สิพวกหัวกระทิของสหพันธ์ดวงดาว!” “ผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิแถมยังอายุแค่ 20 หล่อจริงๆ!” “อยากรู้ว่าเขามีแฟนแล้วรึยัง ฉันอยากจะแต่งงานกับเขา” “ส่วนฉันขอแค่ได้นอนกับเขาสักคืนก็พอ” “…”   3 วันต่อมา ในยานอวกาศ หานเซิ่นกำลังนั่งอ่านเกี่ยวกับวิชาภาษาโบราณ เขาต้องไปรายงานตัวที่ยานแดฟเน่ แต่สถานที่ที่เขาถูกสั่งให้ไปรายงานตัวคือกาแล็กซี่ที่ห่างไกลเรียกว่า ตงอิน มันถือเป็นกาแล็กซี่ที่อยู่รอบนอกสหพันธ์ดวงดาว ซึ่งกาแล็กซี่ตงอินหรือกาแล็กซี่อื่นที่อยู่ไกลกว่านั้นจะไม่มีพวกชูร่า จะมีก็แต่กาแล็กซี่ที่ด้อยพัฒนา   หานเซิ่นไม่รู้ว่าแดฟเน่ได้รับภารกิจอะไรมากันแน่ ถึงไปที่ที่ห่างไกลขนาดนั้น แต่กระนั้นเขาก็ได้กลิ่นแปลกๆ   ถ้ายานรบลำนี้ต้องไปทำภารกิจในที่ห่างไกล มันก็จะยากลำบากสำหรับหานเซิ่นที่จะเดินทางกลับบ้าน มีคนจำนวนมากถูกส่งไปทำภารกิจพิเศษ บางคนถึงขนาดไม่ได้กลับบ้านทั้งชีวิตเลยก็มี   แม้หานเซิ่นไม่ได้สนใจว่าจะถูกส่งไปทำภารกิจแบบไหน แต่ที่เขารู้สึกแย่ก็เพราะว่าเขาต้องอยู่ห่างจากแม่และน้องหลายปีกว่าจะได้กลับ   แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว เขาจำเป็นต้องไปรายงานตัว   เพราะกาแล็กซี่ตงอินตั้งอยู่ที่ชายแดนของสหพันธ์ดวงดาว ซึ่งอยู่ไกลมาก มันจึงใช้เวลายาวนานกว่าจะเดินทางไปถึง หานเซิ่นเริ่มสายตาล้าจากการที่เขาอ่านวิชาภาษาโบราณมาเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นและไปยังห้องที่มีอุปกรณ์จำลองภาพโฮโลแกรม เขากะว่าจะเข้าไปสู้ในกลาดิเอเตอร์เพื่อฆ่าเวลา   มันนานแล้วที่เขาไม่ได้ล็อคอินเข้ามาในกลาดิเอเตอร์ สิ่งแรกที่เขาทำก็คือเช็คดูรายชื่อเพื่อน เขาอยากจะสู้กับควีนอีกสักครั้ง ตอนนี้ระดับความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมากแล้ว ดังนั้นเขาน่าจะสู้กับหล่อนได้นานขึ้น   โชคไม่ดีที่ควีนไม่ออนไลน์ ในรายชื่อเพื่อนที่ออนไลน์มี QHZ เพียงคนเดียว   หานเซิ่นเคยสนใจสู้กับQHZมาก แต่ตอนนี้เขาเริ่มเบื่อแล้ว   ระดับความแข็งแกร่งของQHZอยู่ประมาน 40 ถึงเขาจะพัฒนาขึ้นเช่นกัน แต่มันก็ยากที่จะถึงระดับของหานเซิ่นตอนนี้ การเอาชนะQHZไม่มีความหมายกับหานเซิ่นอีกต่อไป เพราะระดับของพวกเขาห่างกันเกินไป   ต่อหน้าคนที่มีระดับความแข็งแกร่งสู้เกินไป ถึงเรามีเทคนิคการต่อสู้ที่สูงแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์   มันเหมือนกับพวกสไนเปอร์ฝีมือดีไปสูงกับระเบิดปรมาณู ยังไงมันก็เทียบกันไม่ได้   เมื่อหานเซิ่นเตรียมจะใช้การจับคู่ต่อสู้แบบสุ่ม อยู่ๆQHZก็ส่งคำท้าสู้มา   หานเซิ่นลังเลก่อนที่จะกดตกลง เมื่อก่อนQHZยังไม่เคยปฏิเสธคำชวนของเขาเลย แม้ตอนนั้นเขาจะอ่อนแอกว่าQHZ แต่QHZก็ยอมฝึกสู้กับหานเซิ่นเป็นเวลานาน ดังนั้นครั้งนี้เขาก็ควรจะตอบแทนQHZบ้าง   ในตอนนี้เชียนเหอเจิ้นกำลังยืนคุยกับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง เขาคนนั้นชื่อ หลูปิน เขาเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งในวงการศิลปะการต่อสู้   แม้หลูปินจะเป็นแค่ผู้วิวัฒนาการ แต่เขาก็มีพรสวรรค์ด้านทักษะการใช้ขา เขาเป็นผู้ที่คิดค้นวิชาเพลงเตะสังหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในวิชาที่ถูกนำไปให้ทหารฝึก   เหตุผลที่วิชาเพลงเตะของเขาเป็นวิชาที่สุดยอดก็คือตัวของหลูปินผ่านศึกการต่อสู้กับชูร่ามามากมาย และยังผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน วิชาของเขาเป็นวิชาที่มาจากประสบการณ์เสี่ยงชีวิต   เนื่องจากหลูปินไม่ได้มาจากตระกูลคนใหญ่คนโต เขาเป็นเพียงแค่ผู้วิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยโบราณ จนกระทั่งปลดเกษียณ เขาก็ยังเป็นแค่พันเอก อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในหมู่พวกทหาร ทุกคนชื่นชมเขาไม่ใช่เพียงเพราะเขามีเพลงเตะที่สุดยอดเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงเขาเป็นคนที่กล้าหาญมากอีกด้วย