Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 427 ซ่อนสาวงาม
Super God Gene – ตอนที่ 427 ซ่อนสาวงาม

  ก่อนที่จะไปทำเรื่องเพื่อรับฉายาผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิ หานเซิ่นต้องจัดการเรื่องซีโร่ให้เรียบร้อยก่อน ตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกำจัดหล่อนออกไป ดังนั้นเขาต้องหาทางอื่นจัดการกับปัญหานี้   เพราะซีโร่ไม่มีสถานะทางกฎหมาย มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะพาหล่อนไปอยู่ที่โรงแรม หานเซิ่นลังเลที่จะพาหล่อนไปที่บ้าน แต่มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลี่ยงหลีกไปได้ตลอด   หลังจากที่เขาใช้เวลาร่วมกับหล่อนมา หานเซิ่นก็มั่นใจว่าซีโร่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องสติปัญญา จริงๆแล้วหล่อนค่อนข้างฉลาดทีเดียว หล่อนแค่ไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับคนอื่นยังไง ซึ่งมันทำให้หล่อนดูแปลกประหลาด   ก่อนที่จะพาซีโร่ไปบ้าน หานเซิ่นพาหล่อนไปไปที่ศูนย์ทดสอบระดับความแข็งแกร่งทางร่างกาย เขาวางแผนไว้ว่าจะมาทดสอบระดับความแข็งแกร่งของตัวเองและก็ของซีโร่ด้วย เขาอยากรู้ว่าเขาห่างชั้นกับหล่อนมากแค่ไหน   มันคือการวัดระดับความแข็งแกร่งแบบง่ายๆ โดยให้คนที่ทำการทดสอบชกไปที่อุปกรณ์ให้แรงที่สุดเท่าที่ทำได้ คนทดสอบสามารถชกได้ 3 ถึง 5 ครั้ง เพื่อให้ผลการทดสอบแม่นยำมากขึ้น   หานเซิ่นเลือกห้องว่างๆ เขาชี้ไปที่อุปกรณ์ และพูดกับซีโร่ “ชกมันให้แรงที่สุดเท่าที่เธอทำได้”   ซีโร่มักจะทำตามคำขอของหานเซิ่นเสมอ เธอเดินไปที่อุปกรณ์ และชกกำปั้นไปที่เป้าหมายอย่างแรง   หานเซิ่นรีบมองไปที่ตัวเลข ซึ่งก็คือ 97.0472 มันน้อยกว่าที่เขาคาดเอาไว้ เขาคิดว่าระดับความแข็งแกร่งของซีโร่น่าจะมากกว่า 100 แต่ผลจริงๆปรากฏว่าไม่ถึง 100   หานเซิ่นขอให้ให้ซีโร่ลองอีก 2-3 ครั้ง แต่ตัวเลขมันก็น้อยกว่าครั้งแรก ครั้งที่ 2 เหลือ 96.8964 เหมือนว่าระดับความแข็งแกร่งของซีโร่จะน้อยกว่า 100 อยู่เล็กน้อย   แต่ยังไงตัวเลขนี้ก็ถือว่าน่าประทับใจมากแล้ว หานเซิ่นเดินไปที่อุปกรณ์ของตัวเอง และชกมันสุดแรง เมื่อเขามองดูที่ตัวเลข มันคือ 70.0006 ซึ่งเป็นตัวเลขที่หานเซิ่นค่อนข้างพอใจ   หานเซิ่นลองชกอีก 3-4 หมัด และพบว่าแต่ละหมัดแทบจะมีตัวเลขที่ไม่ต่างกันเลย ต่างมากที่สุดไม่เกิน 0.0002   “ระดับความแข็งแกร่งของร่างกาย 70! สมกับเป็นร่างกายขั้นสุดยอดจริงๆ! ร่างกายเลือดศักดิ์สิทธิอย่างมากก็ได้แค่ 30+!” หานเซิ่นรู้สึกพอใจกับระดับความแข็งแกร่งตอนนี้ การพัฒนาไประดับต่อไปของเขาจะง่ายขึ้นมาก   หานเซิ่นลังเลอยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนร่างเป็นแฟรี่ควีน แล้วก็ใช้มนตรานอกรีตกับโอเวอร์โหลด จากนั้นเขาก็ชกไปที่เป้าหมายเต็มแรง   ตูม! มีเสียงดังสนั่น ตัวเลขดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้ระดับความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ 81.6735 ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขมาก   ตัวเลขในตอนที่เขาใช้ทุกอย่างช่วยแล้วไม่ได้ห่างชั้นกับซีโร่มาก แม้จะยังห่างกันอยู่ 10 กว่าคะแนน แต่ก็ถือว่าหานเซิ่นมีความสามารถพอที่จะรับมือหล่อนได้บ้างแล้ว ถ้าหล่อนเกิดคลั่งขึ้นมา อย่างน้อยๆหานเซิ่นก็น่าจะพอเอาตัวรอดได้   ยิ่งกว่านั้น เขากลายเป็นผู้วิวัฒนาการแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่แค่เพิ่มระดับความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว แต่ศักยภาพหรือขีดจำกัดทางร่างกายก็สูงขึ้นด้วย หานเซิ่นเชื่อว่าเขาจะสามารถใช้โอเวอร์ได้ดียิ่งขึ้น   ขณะที่มนตรานอกรีตขั้นที่ 3 ยืดอายุ หานเซิ่นใกล้จะฝึกสำเร็จแล้ว ถ้าเขาฝึกมันได้ฝึกสำเร็จ เขาก็น่าจะรับมือซีโร่ได้ โดยที่เขาไม่ต้องการจีโนพ้อยของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 เลยด้วยซ้ำ   ตอนนี้เขาเองก็สามารถฝึกวิชาไฮเปอร์จีโนสำหรับผู้วิวัฒนาการได้แล้ว ตอนนี้ในหัวของหานเซิ่นกำลังคิดถึงพวกวิชาที่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างเซลล์ในร่างกายได้ หานเซิ่นต้องการซื้อวิชาจากสถาบันเซนท์ในทันที   วิชาไฮเปอร์จีโนประเภทนั้นเป็นวิชาที่เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายได้ดีที่สุด ผู้วิวัฒนาการที่ฝึกวิชาประเภทนั้นจะมีร่างกายที่ทนทานกว่าคนที่ไม่ได้ฝึกมาก   หานเซิ่นมีความสุขกับผลการทดสอบ และเขาก็เริ่มคุ้นเคยกับสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้แล้ว ซึ่งมันจะมีประโยชน์กับเขาตอนที่ออกล่าในอนาคต   ตามข้อมูลของสหพันธ์ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 มอนสเตอร์ระดับสามัญจะมีระดับความแข็งแกร่งไม่เกิน 20 มอนสเตอร์โบราณจะมีระดับความแข็งแกร่งอยู่ที่ 20 -50 มอนสเตอร์กลายพันธ์จะมีระดับความแข็งแกร่ง 50-80 ขณะที่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิจะมีระดับความแข็งแกร่งอยู่ที่ 80-1xx   ส่วนสปิริตจะมีระดับความแข็งแกร่งพอๆกับมอนสเตอร์ สปริตขุนนางจะมีระดับความแข็งแกร่งเทียบเท่ามอนสเตอร์กลายพันธ์ ซึ่งก็คือ 50-80   แม้จะมีการคาดเคลื่อนได้ แต่ก็จะคาดเคลื่อนไม่มาก ซึ่งมอนสเตอร์ที่มีระดับพลังคาดเคลื่อนมากที่สุดก็คือมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ เนื่องจากมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิบางตัวที่มีระดับความแข็งแกร่งสูงผิดปรกติ หานเซิ่นสงสัยว่าพวกนั้นอาจจะเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2   ด้วยระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่นตอนนี้ เขาสามารถสู้กับมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์หรือสปิริตขุนนางได้ด้วยตัวคนเดียว ซึ่งมันจะดีกว่าถ้าเขาได้ฝึกวิชาไฮเปอร์จีโนสำหรับผู้วิวัฒนาการ   แน่นอนว่าเขายังมีซีโร่ที่มีระดับความแข็งแกร่งใกล้ๆ 100 อยู่ด้วย ดังนั้นหานเซิ่นคิดว่าเขาน่าจะสามารถกวาดล้างเมืองสปิริตที่มีสปิริตระดับขุนนางคุมอยู่ได้ ถึงกลุ่มของสวี่โหย่วไม่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยเขาก็ไม่เป็นไร ขอแค่เขามีซีโร่ช่วยกันก็น่าจะพอแล้ว   อย่างไรก็ตามหานเซิ่นไม่มีเวลาพอที่จะทำแบบนั้น เขาพาซีโร่กลับบ้าน แต่มันก็ไม่ใช่บ้านเดิมที่แม่และน้องของเขาอยู่อาศัย แต่มันคือบ้านพักที่หานเซิ่นซื้อมาเอง เดิมทีเขามีแผนที่จะใช้มันอยู่กับแฟนของเขา แต่สุดท้ายมันก็ต้องถูกทิ้งร้างไว้ไม่ได้ใช้งาน   ก่อนหน้านี้หานเซิ่นก็รู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้มา แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นที่ที่เขาสามารถให้ซีโร่อยู่อาศัยได้ หานเซิ่นรู้สึกว่ามันไม่น่าจะปลอดภัย ถ้าเขาพาซีโร่ไปอยู่บ้านเดิม แม่และน้องของเขาต้องถามที่มาของซีโร่ ซึ่งเขาเองก็ขี้เกียจอธิบาย   เมื่อมองดูเสื้อผ้าที่ซีโร่กำลังใส่อยู่ หานเซิ่นก็รู้สึกหล่อนดูไม่มีความเป็นมนุษย์เท่าไหร่ สาวน้อยคนนี้ต้องเดินตามเขาตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นหล่อนควรจะแต่งตัวให้มันดูดีกว่านี้หน่อย ตอนนี้หล่อนแต่งตัวเหมือนกับชาวไร่ชาวนา เขารู้สึกว่ามันไม่เข้ากับใบหน้าที่สวยของหล่อน   หานเซิ่นซื้อเสื้อผ้าและคอมพกพาให้ซีโร่ เขาขอให้หล่อนไปอาบน้ำ และเปลี่ยนชุดใหม่ พอแต่งตัวเหมือนกับพวกเด็กสาวทั่วๆไป หานเซิ่นก็รู้สึกว่าซีโร่สวยพอจะไปเป็นนางแบบได้เลย   “เธออยู่ที่นี่คนเดียวได้ไหม? โทรหาฉันได้ ถ้าเธอต้องการอะไร โอเคนะ?” หานเซิ่นสอนเธอเกี่ยวกับวิธีการใช้คอมพกพาและของใช้ที่จำเป็น เขาจ้องมองเธอพร้อมกับถาม ตอนนี้เขากำลังกลัวว่าเธออาจจะต่อต้านและไม่ยอมอยู่ที่นี่ ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาที่เขาต้องไปรายงานตัวที่แดฟเน่แล้ว ซึ่งเขาไม่สามารถพาเธอไปด้วยได้   “โอเค” ซีโร่ตอบและพยักหน้า   ในที่สุดหานเซิ่นก็สบายใจได้สักที เขาสามารถแก้ปัญหาได้เรื่องหนึ่งแล้ว ตอนนี้เขาสามารถไปทำธุระของตัวเองได้   หานเซิ่นยังสอนซีโร่เกี่ยวกับการใช้ชีวิต และสอนวิธีการหาข้อมูลในเน็ต เขาบอกให้เธอหาข้อมูลอะไรก็ตามที่เธอไม่เข้าใจด้วยตัวเอง   ซีโร่เป็นคนที่ฉลาด เธอสามารถเข้าใจทุกสิ่งที่หานเซิ่นสอนได้ หลังจากที่ดูหานเซิ่นทำแค่ครั้งเดียว ซึ่งทำให้หานเซิ่นสบายใจได้มากขึ้น ‘ถ้าเป็นแบบนี้หล่อนก็คงจะไม่ไปก่อนปัญหาอะไรแล้ว’   ‘แบบนี้มันเหมือนกับเราพาเมียน้อยมาซ่อนไว้ยังไงไม่รู้’ หานเซิ่นจับคางตัวเองและคิด   เมื่อคิดถึงว่าซีโร่น่าจะอายุแค่ 14-15 เธอยังไม่เป็นผู้ใหญ่ หานเซิ่นก็รู้สึกว่าความคิดของเขามันช่างชั่วร้าย เขาส่ายหัว และเลิกคิดเรื่องนั้นไป   เช้าวันถัดมา หานเซิ่นออกจากบ้าน เพื่อไปทำเรื่องขอรับฉายาผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิ ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญอย่างสุดท้ายที่หานเซิ่นจะต้องทำก่อนไปรายงานตัวเข้ากองทัพ  

Super God Gene – ตอนที่ 426 ก็อตแซงชัวรี่เขต 2
Super God Gene – ตอนที่ 426 ก็อตแซงชัวรี่เขต 2

  หานเซิ่นมองไปที่คนคนนั้น และเขาก็ต้องประหลาดใจ ซีโร่ปรากฏตัวออกมาจากเครื่องเทเลพอร์ต พร้อมกับใบหน้าที่ใสซื่อ   ‘ไม่.. เป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะเป็นผู้วิวัฒนาการ หล่อนมาที่นี่ได้ยังไง? ถึงหล่อนจะเป็นผู้วิวัฒนาการ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะถูกสุ่มมาลงจุดเดียวกับเรา โอกาสมันน้อยนิดมาก นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่..’ หานเซิ่นอยากจะบ้าตาย เมื่อเขาเห็นซีโร่อีกครั้ง   ความเป็นไปได้ 2 อย่างที่หานเซิ่นพอจะคิดได้ก็คือ หนึ่งความผิดปรกติมันอยู่ที่ตัวของซีโร่เอง และอย่างที่สองก็คือจี้แมวเก้าชีวิต ไม่งั้นซีโร่จะตามเขามาที่นี่ได้ยังไง?   ซีโร่ทำเหมือนกับทุกที เธอมายืนข้างๆหานเซิ่นเหมือนกับเป็นเงาของเขา   “โอเค เธอชนะแล้ว” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ว่าความหวังที่จะกำจัดซีโร่ได้หมดไปแล้ว ตอนนี้เขามีแต่ต้องทำใจ   จริงๆแล้วหานเซิ่นไม่ได้เกลียดหรือไม่ชอบซีโร่ หลังจากอยู่กับหล่อนมาระยะเวลาหนึ่ง หานเซิ่นก็พบว่ามันยากมากที่จะเกลียดหล่อนได้ เธอไม่เคยทำอะไรที่เป็นการรบกวนเขาเลย การมีอยู่ของเธอก็ไม่ได้ทำให้หานเซิ่นรู้สึกแย่อะไร เขาแค่รู้สึกว่าเธอแปลกประหลาดเกินไป ทำให้เขาลังเลที่จะยอมรับหล่อน   อย่างไรก็ตามเมื่อหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีๆ ซีโร่ก็ยังไม่เคยทำอันตรายเขาเลย ยิ่งกว่านั้นซีโร่ยังสามารถช่วยเขาได้อีกด้วย   ด้วยความสามารถของหล่อน หล่อนน่าจะสู้กับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้ ด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถในการต่อสู้ของหล่อน หล่อนน่าจะเป็นผู้ช่วยที่ดีของหานเซิ่นได้แน่นอน   ‘เราน่าจะมีระดับความแข็งแกร่ง 60-70 ดังนั้นไม่น่ายากที่เราจะขึ้นไปเกิน 100 ถ้าเราได้จีโนพ้อยมาสักหน่อย ถึงตอนนั้นเราก็น่าจะพอรับมือกับซีโร่ได้ และการมีหล่อนค่อยเดินตามก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป’ หานเซิ่นคิด เขาตัดสินใจปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป   ทางในถ้ำค่อนข้างคดเคี้ยว หานเซิ่นและซีโร่เดินกันอยู่นานกว่าจะเห็นแสงสว่าง ในตอนที่พวกเขาเห็นโลกภายนอก หานเซิ่นก็ต้องอึ้ง   ถึงเขาจะมองเห็นภูเขาน้ำแข็ง และมองเห็นยอดของมันก็ตาม แต่บริเวณนี้มีหิมะตกลงมาอย่างหนัก ทั่วทั้งบริเวณนี้เป็นสีขาวทั้งหมด   บนยอดภูเขาลูกที่ใหญ่ที่สุด เขามองเห็นปราสาทสีขาวเหมือนกับปราสาทในเทพนิยาย แต่เนื่องจากหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้หานเซิ่นไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดของมันได้มากนัก แต่กระนั้นหานเซิ่นก็สามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นปราสาทที่งดงามมาก   ใบหน้าของหานเซิ่นมืดมดในทันที ถึงเขาจะมองเห็นรายละเอียดไม่ชัด แต่มันต้องไม่ใช่เมืองที่มนุษย์สร้างขึ้นมาแน่ ไม่งั้นมันก็น่าจะมีวัสดุสมัยใหม่ และดีไซน์ที่ดูเป็นฝีมือมนุษย์มากกว่านี้   “เมืองสปิริต!” หานเซิ่นเข้าใจได้ทันที แต่นี้ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเขา เนื่องจากหานเซิ่นยังมองไม่เห็นสิ่งก่อสร้างของมนุษย์เลย เกรงว่าชีวิตในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ของเขาจะไม่ง่ายเสียแล้ว มันยากมากที่เขาจะหาคนมาช่วยยึดเมืองในสถานที่แบบนี้ ซึ่งแค่ดูจากประสาทก็พอจะบอกได้แล้วว่ามันคงจะถูกปกครองโดยสปิริตระดับสูง ถ้าหากสปิริตที่ครอบครองอยู่แข็งแกร่งมากๆล่ะก็ มันก็อาจจะมีกองทัพมอนสเตอร์ หานเซิ่นเชื่อว่าการพัฒนาในช่วงแรกของเขาน่าจะมีปัญหาแล้ว   “ทำไมคุณมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ?” มีเสียงดังมาจากข้างหลังของหานเซิ่น   หานเซิ่นหันกลับไปดู และเห็นชายที่สวมชุดกันหนาวแบบจัดเต็ม เขากำลังเดินออกมาจากถ้ำที่หานเซิ่นเพิ่งจะออกมา เมื่อเห็นเขาหานเซิ่นก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบาง อย่างน้อยเขาก็เจอมนุษย์ที่นี่   หานเซิ่นพาซีโร่เดินไปหาคนคนนั้น ในตอนที่เขาเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มคนนั้นก็ดึงพวกเขาเข้าไปหลบในถ้ำทันที ก่อนที่หานเซิ่นจะได้พูดอะไร ชายคนนั้นก็มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า และพูด “พวกคุณต้องเป็นพวกหน้าใหม่ชัวร์เลย”   “พวกเราเพิ่งถูกส่งมาสดๆร้อนๆ” หานเซิ่นพูด ขณะเดียวกันเขาก็มองชายคนนั้นอย่างละเอียด   ชายคนนี้น่าจะมีอายุมากกว่า 20 แต่ดูแล้วไม่น่าจะเกิน 30 เขาดูค่อนข้างหล่อ แต่สีหน้าและแววตาของเขาแสดงถึงความอ่อนล้าและสิ้นหวัง   “ถ้าเป็นแบบนั้นพวกนายก็ดวงซวยสุดๆเลย อนาคตต่อไปของพวกนายน่าจะลำบากแล้ว” ชายคนนั้นยิ้มอย่างขมขื่นและพูด “ไปกันเถอะ เราไปคุยกันข้างในจะได้ไม่ต้องเจอกับพวกอสูรเกราะน้ำแข็ง พวกมันมีประสาทหูที่ไวมาก พวกมันสามารถได้ยินเสียงที่อยู่ไกลเป็น 100 ฟุตได้แม้จะอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ”   “ชื่อของฉันคือสวี่โหย่ว ฉันมาที่นี่ก่อนพวกนาย 1 ปี ฉันแนะนำว่าอย่าเที่ยวไปเดินข้างนอก” ชายคนนี้ดูท่าทางจะเป็นคนดี เขาพูดคุยกับหานเซิ่นและซีโร่ระหว่างที่พวกเขากำลังเดิน   “พี่ชาย ที่นี่คือที่ไหนกันแน่? แถวนี้มีเมืองมนุษย์ไหม?” หานเซิ่นถาม   สวี่โหย่วเบ้ปากและพูด “เมืองมนุษย์ไม่มีทางถูกสร้างขึ้นมาภายใต้สถานการณ์แบบนี้ได้หรอก ถ้าหากยังมีเมืองสปิริตอยู่บนภูเขาลูกนั้น ซึ่งคือเมืองของสปิริตระดับขุนนาง นอกเหนือจากสปิริตระดับขุนนางแล้วยังมีมอนสเตอร์กลายพันธ์อีกนับสิบ และมอนสเตอร์ระดับโบราณอีกเป็นร้อยๆ ถึงทุกคนที่อยู่ที่นี่จะร่วมมือกันก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากไปเป็นอาหารของพวกมัน”   “ที่นี่ไม่มีผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 หรอ?” หานเซิ่นถาม   เหมือนกับมอนสเตอร์ สปิริตเองก็ถูกแบ่งเป็น 4 ระดับเช่นเดียวกัน : ทหารรับใช้ อัศวิน ขุนนาง ราชวงศ์ ระดับทั้ง 4 ของพวกมันจะเทียบเท่ากับมอนสเตอร์สามัญ โบราณ กลายพันธ์ และเลือดศักดิ์สิทธิ   สปิริตขุนนางจะมีความแข็งแกร่งพอๆกับมอนสเตอร์กลายพันธ์ อย่างไรก็ตามเนื่องจากสปิริตจะมีสติปัญหาที่สูงกว่า และมีความสามารถในการควบคุมมอนสเตอร์ ทำให้พวกมันแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์กลายพันธ์   “คนที่แข็งแกร่งเกิน 100 ในที่แบบนี้เนี่ยนะ? ที่นี่มีคนถูกสุ่มมาลงปีละ 7-8 คน เนื่องจากพวกเราอยู่ใกล้เมืองสปิริตเกินไป พวกเราเลยต้องเดินทางไปค่อนข้างไกลเพื่อล่ามอนสเตอร์ ยิ่งกว่านั้นพวกเราต้องคอยระวังพวกสปิริต ดังนั้นแค่จะหามอนสเตอร์สักตัวก็ยังยากเลย และที่ยากยิ่งกว่าก็คือการฆ่าพวกมัน แบบนี้แล้วนายยังคิดว่าพวกเราจะมีใครเก็บจีโนพ้อยจนมีความแข็งแกร่งเกิน 100 มั้ง?” สวี่โหย่วบ่นไปสะอื้นไป ดูเหมือนที่ผ่านมาเขาจะใช้ชีวิตยากลำบากเอามากๆ   “แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเราก็ยังมีระดับความแข็งแกร่งมากกว่า 60 แค่เล็กน้อย ทางที่ดีที่สุดก็คือพวกเราต้องอยู่รวมกันไว้ พวกเราจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่กระนั้นพวกเราก็ยังทำอะไรมากไม่ได้ ใครก็ตามที่ถูกส่งมาในที่แบบนี่ต้องบอกว่าดวงซวยสุดๆ”   “พวกคุณไม่เคยคิดจะออกจากที่นี่กันบ้างหรอ?” หานเซิ่นถาม   “นายคิดว่าพวกเราจะออกไปทางไหนล่ะ? ที่นี่มีทะเลล้อมไว้ทั้ง 3 ด้าน ส่วนด้านเดียวที่ไม่ติดกับทะเลก็มีเมืองสปิริตตั้งอยู่ ยิ่งกว่านั้นพวกเราก็ไม่รู้ด้วยว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่ ถึงพวกเราจะหาทางผ่านเมืองสปิริตไปได้ มันก็ยากที่พวกเราจะหาเมืองของมนุษย์เจอ”   สวี่โหย่วหยุดคิดชั่วครู่ และพูดต่อ “อย่าทำอะไรเกินตัว ไม่ต้องรีบร้อนรออยู่ที่นี่สัก 2 วัน เมื่อมีคนมาถึงที่นี่มากกว่านี้แล้ว พวกเราจะออกไปล่าไกลๆกัน ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็นิสัยดี ตราบใดที่นายทำหน้าที่ของตัวเอง เนื้อจะถูกแบ่งให้นายอย่างแน่นอน ดังนั้นแค่อยู่ที่นี่และค่อยๆเรียนรู้ทำเลแถวนี้ไป นายก็อาจจะออกไปล่าเองได้”   “ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำ” หานเซิ่นขอบคุณสวี่โหย่วจากใจจริง ตอนนี้เขาได้ข้อมูลมามากพอสมควร   หลังจากกลับเข้ามาในถ้ำน้ำแข็ง หานเซิ่นก็พูดคุยกับสวี่โหย่วต่อเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ จากนั้นเขาก็เทเลพอร์ตกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว พร้อมกับซีโร่   หานเซิ่นตัดสินใจไปทำเรื่องขอเป็นผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิ เพื่อที่เขาจะได้สิทธิพิเศษต่างๆ และเขาจะได้ให้น้องของเขาเรียนที่โรงเรียนรอยัลต่อไปได้อย่างสบายใจ