Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 394 โกลเด้นโกรวเลอร์อีกเเล้ว
Super God Gene – ตอนที่ 394 โกลเด้นโกรวเลอร์อีกเเล้ว

หานเซิ่นใช้เวลาอยู่ในทะเลทรายปีศาจอีก 2 วัน แต่ก็ไม่พบมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิเลย เขาเดินทางไปตรงจุดที่เขาเคยเจอกับจิ้งจอก แต่ก็ไม่เห็นมันเลย   แต่ที่ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจมากที่สุดก็คือ ร็อคเวิร์มมีความคล่องแคล่วว่องไวมากขึ้น หลังจากเปลี่ยนร่างแล้ว   ราชาร็อคเวิร์มขั้นสุดยอด:สัตว์เลี้ยง(เปลี่ยนร่างและวิวัฒนาการ)   เมื่อเห็นร็อคเวิร์มเปลี่ยนร่างเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็ต้องตกตะลึง หลังจากเปลี่ยนร่างแล้วขนาดของมันเล็กลง จากเดิมที่เคยมีขนาดใหญ่เท่ากับรถถัง ตอนนี้ลดลงมาเหลือเท่ากับรถยนต์ 4 ล้อธรรมดา   แต่อย่างไรก็ตามผิวหนังของมันแข็งขึ้นมาก ยิ่งกว่านั่นมีก้ามที่แหลมคมทั้ง 4 งอกออกมาจากข้างหลังตัวของมัน ส่วนท้ายของมันพัฒนาไปเป็นหางที่มีลักษณะเหมือนกับหางของแมงป่อง บนหลังของมันยังมีปีกสีทอง 4 ปีกคล้ายๆกับปีกของผึ้ง ลักษณะของมันดูเหมือนผึ้งผสมเเม่งป่อง ซึ่งเคลื่อนไหวได้ว่องไวมากจนหานเซิ่นเองก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง   ‘มันดูดุร้ายและน่ากลัวมาก’ หานเซิ่นคิด หลังจากที่ได้เห็นร่างใหม่ของร็อคเวิร์ม สภาพของมันเปลี่ยนไปเหมือนกับเป็นคนละตัว   “วิวัฒนาการ.. มันวิวัฒนากรเป็นขั้นสุดยอด…” หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขมาก เขาไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาบรรยายความสุขของเขาตอนนี้ ถึงเขาจะแอบหวังอยู่บ้าง แต่โอกาสมันก็น้อยนิดจริงๆ เขารู้สึกเหมือนกับความฝันกลายเป็นจริงขึ้นมา   “ฮาฮา…” หานเซิ่นเรียกร็อคเวิร์มออกมา และเขาก็ไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ เมื่อเห็นร่างใหม่ของมัน   “สัตว์เลี้ยงขั้นสุดยอด บวกกับชุดเกราะขั้นสุดยอด คงไม่มีอะไรมาหยุดการเก็บจีโนพ้อยขั้นสุดยอดของเราได้อีกแล้ว” หานเซิ่นรู้สึกฮึกเหิมมาก เขาแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะหามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวต่อไปแล้วก็ฆ่ามัน   อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่สุดของหานเซิ่นก็คือการตามหามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดให้เจอ เขาไม่เหมือนกับกลุ่มสตาร์รี่หรือตระกูลเฉินที่มีทรัพยากร และกำลังคนที่สามารถกระจายกันไปได้ทุกเมือง เขามีแค่ตัวคนเดียว   เพื่อที่จะหามอนสเตอร์ขั้นสุดยอด เขาจะต้องรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากในเน็ตหรือไม่ก็จากแพลตฟอร์มของหน่วยพิเศษ   ตอนนี้เขามีร็อคเวิร์มขั้นสุดยอดแล้ว ทำให้หานเซิ่นเลิกล้มแผนที่จะหามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิต่อ ส่วนโฮรี่แองเจิลนั้นเขายังไม่มีแผนที่จะทำให้เปลี่ยนร่างแบบร็อคเวิร์ม เพราะมันเสียเวลามากไป เขาตัดสินใจกลับสตีลอาเมอร์ทันที เขาต้องการเริ่มตามหามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดทันที เพื่อที่จะวิวัฒนาการให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้   แต่ทว่าก่อนที่หานเซิ่นจะไปถึงเมืองสตีลอาเมอร์ เขาก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปรกติ มีคนจำนวนมากวิ่งออกมาจากเมืองอย่างตื่นตระหนก สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และมีบางคนได้รับบาดเจ็บด้วย   ในตอนแรกหานเซิ่นก็ไม่คิดอะไรมาก แต่สักพักก็ยิ่งมีคนหนีออกมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ คนจำนวนมากหลั่งไหลออกมาจากเมืองสตีลอาเมอร์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปรกติมาก   “น้องชาย เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?” หานเซิ่นดึงคนคนหนึ่งไว้ และถาม   “มอนสเตอร์… มอนสเตอร์มันบุกเข้าไปในเมือง..” คนคนนั้นดูท่าทางหวาดกลัวมาก   หานเซิ่นอึ้งไปชั่วขณะ โดยปรกติแล้วมอนสเตอร์จะบุกเข้าโจมตีเมืองเฉพาะในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ขึ้นไป แต่สำหรับในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 มอนสเตอร์จะไม่เข้าใกล้เมืองด้วยซ้ำ หานเซิ่นยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในก็อตเเซงชัวรี่เขต 1 ด้วย   “มันบุกกันเข้ามาจำนวนเท่าไหร่?” หานเซิ่นรีบถาม   “1 ตัว…” ชายหนุ่มตอบ   “1 งั้นหรอ? มอนสเตอร์ตัวนั้นมีลักษณะเป็นยังไง?” หานเซิ่นถาม เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดก็ได้ เมืองสตีลอาเมอร์ไม่ใช่เมืองที่อ่อนแอ ในเมืองมีคนแข็งแกร่งอยู่จำนวนมาก การที่มันบุกมาตัวเดียวแล้วทำให้คนแตกตื่นขนาดนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่ามันแข็งแกร่งขนาดไหน   “สิงโต…มันเป็นสิงโตตัวสีทอง..” ชายหนุ่มพูดติดๆขัดๆ   คำพูดของเขาทำให้หัวใจของหานเซิ่นเกือบจะหล่นลงไปที่ตาตุ่ม ‘สิงโตสีทอง.. มันจะใช่ลูกของโกลเด้นโกรวเลอร์รึเปล่า?’   หานเซิ่นรีบเข้าไปในเมืองสตีลอาเมอร์ทันที ยิ่งเข้าใกล้เมืองเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคนวิ่งหนีออกมามากขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นเห็นว่ามีหลายคนที่ลากร่างของคนที่ตายออกมาจากเมืองด้วย เป็นฉากที่น่าสลดใจมาก ที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นก็เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีมอนสเตอร์มันบุกเข้ามาในเมืองได้   เมืองทุกเมืองย่อมมีคนที่อ่อนแอ ถ้ามันเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดจริงๆ หานเซิ่นคิดว่าพวกเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้หนีด้วยซ้ำ   หานเซิ่นกัดฟัน และวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป เมื่อเข้าไปในเมือง เขาก็เห็นสิงโตตัวสีทองขนาดใหญ่กำลังคำรามด้วยความโกรธ อยู่บริเวณที่พักของคนในเมือง   แม้จะมีคนมีฝีมือช่วยกันโจมตีมันอยู่ แต่ก็ไม่สามารถหยุดมันได้ สิงโตสีทองยังคงไล่ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง   โกลเด้นโกรวเลอร์.. แกต้องเป็นโกลเด้นโกรวเลอร์ตัวน้อยแน่ๆ หานเซิ่นจำมันได้ดี   เมื่อเห็นสิงโตที่มีความสูงเท่ากับตึกกำลังอาละวาดอยู่ หานเซิ่นก็รู้สึกประหลาดใจ   เขารู้สึกยินดีที่ได้พบมันอีกครั้ง ในตอนนี้เขามีความสามารถพอที่จะฆ่ามันได้แล้ว สิงโตตัวนี้เหมือนกับฟ้าส่งมาให้เขาไม่มีผิด   อย่างไรก็ตาม หานเซิ่นก็ตกใจกับขนาดตัวของมัน เขาไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะโตเร็วขนาดนี้ แค่มันใช้อุ้งเท้าตะปุบเบาๆตึกก็พังทลายลงมาอย่างง่ายดาย   ตึกที่มันกำลังทำลายอยู่คือส่วนของห้องพัก ซึ่งแต่ละห้องเป็นห้องส่วนตัวที่มีอุปกรณ์เทเลพอร์ตติดตั้งเอาไว้ ทุกคนจะถูกส่งมาที่ห้องของตัวเองโดยอัตโนมัติ หลังจากที่เทเลพอร์ตมาที่ก็อตแซงชัวรี่ แต่ทว่าในก็อตแซงชัวรี่ระดับสูงขึ้นไป ไม่ใช่ทุกคนจะมีห้องของตัวเอง เมืองแต่เมืองจะมีห้องอยู่อย่างจำกัด และบางเมืองยังจะต้องยึดคืนมาจากสปิริต (มอนสเตอร์ที่มีสติปัญหาสูง และอาจมีรูปร่างคล้ายมนุษย์) ซึ่งกลุ่มคนที่ยึดได้จะมีสิทธิในการครอบครองเมืองนั่น และรวมถึงสิทธิในการเก็บค่าเช่าห้อง แต่พวกเขาก็ต้องต่อสู้ปกป้องเมืองจากมอนสเตอร์ด้วย   เมื่อเห็นโกลเด้นโกรวเลอร์กำลังทำลายห้องไปทีละห้อง หัวใจของหานเซิ่นก็เต้นรัว เพราะมันใกล้จะทำลายถึงห้องของเขาอยู่แล้ว   หานเซิ่นไม่ได้สนใจอย่างอื่น แต่มอนสเตอร์ที่เขาให้มันกินคริสตัลสีดำจะปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนไม่ได้ ไม่งั้นความลับของเขาอาจจะแตกได้     โกลเด้นโกรวเลอร์ยังคงทำลายห้องต่อไป และใช้เท้าไล่กระทืบคนแถวนั้น เหมือนว่าโกลเด้นโกรวเลอร์กำลังตรงไปที่ห้องของหานเซิ่น   หานเซิ่นเรียกร็อคเวิร์มขั้นสุดยอดออกมาทันที และสวมชุดเกราะขั้นสุดยอดให้มัน เขาเปลี่ยนร่างเป็นแฟรี่ควีน และเรียกมีดเคิร์ฟวูฟออกมา จากนั้นหานเซิ่นขึ้นไปยืนบนหลังของร็อคเวิร์มขั้นสุดยอด และสั่งให้มันบินตรงเข้าไปหาโกลเด้นโกรวเลอร์   ด้วยปีกทั้ง 4 ที่ดูคล้ายผึ้ง ทำให้ร็อคเวิร์มขั้นสุดยอดดูเหมือนเอเลี่ยนจากต่างดาว มันสามารถใช้ก้ามทั้ง 4 ของมันโจมตีใส่โกลเด้นโกรวเลอร์ทันที   หานเซิ่นที่ยืนอยู่บนหลังของร็อคเวิร์มขั้นสุดยอด ผมยาวสีบรอนด์ของเขาปลิวไสวในอากาศ และมงกุฎสีแดงบนหัวของเขาก็เปล่งประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ หานเซิ่นถือมีดเคิร์สวูฟในมือ และจ้องไปที่โกลเด้นโกรวเลอร์ตาไม่กระพริบ   VIP ถึงตอนที่ 1233 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/

Super God Gene – ตอนที่ 393 ศพประหลาด
Super God Gene – ตอนที่ 393 ศพประหลาด

ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ามันจะต้องเป็นเสื้อของคนคนนั้นที่ส่องแสงออกมา บางทีมันอาจจะมีส่วนผสมของสารฟลูออเรสเซ้นต์ แต่พอสังเกตดูดีๆแล้ว หานเซิ่นก็มั่นใจว่ามันไม่ใช่เสื้อ แต่เป็นตัวคนตั้งหากที่ส่องแสงออกมา   หลังจากที่เช็คดูอย่างระมัดระวัง หานเซิ่นก็ต้องประหลาดใจที่พบว่ามันไม่ใช่คนที่มีชีวิตอยู่ ถึงจะดูเหมือนมีชีวิตอยู่ก็ตาม แต่พอดูใกล้ๆเห็นได้ชัดเลยว่าใบหน้าและมือของเขาแห้งสนิทแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีชีวิตอยู่ในสภาพนี้ได้   แต่มันแตกต่างจากซากศพทั่วๆไปหรือโครงกระดูก ทั้งผิวหนังรวมถึงกล้ามเนื้อของเขายังไม่เสื่อมสลายไป เหมือนว่ายังพอมีน้ำหลงเหลืออยู่ในร่างกายของเขาด้วย แต่เพราะว่าผิวของเขากำลังส่องแสงอยู่ ทำเขาดูน่ากลัวเหมือนกับมัมมี่   “คุณตายแล้วหรือว่ายังมีชีวิตอยู่? ถ้ามีชีวิตอยู่ก็ช่วยพูดอะไรหน่อย!” หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าเขาตายแล้วหรือยัง   ไม่มีเสียงตอบกลับ หานเซิ่นมั่นใจแล้วว่าเขาตายแล้วแน่ๆ หานเซิ่นยิ่งสงสัยเกี่ยวกับศพๆนี้มากขึ้น เขาสงสัยว่าทำไมชายคนนี้ถึงได้มาตายอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก   หานเซิ่นหันมองซ้ายมองขวา เพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรที่ผิดปรกติ จากนั้นหานเซิ่นก็บินเข้าไปตรงจุดที่ศพนั้นอยู่   หลังจากที่เขามาใกล้ๆศพ หานเซิ่นก็เริ่มมองดูเสื้อผ้าที่ชายคนนี้ใส่ มันดูแปลกมาก มันต่างจากเสื้อผ้าของยุคนี้ วัสดุและสไตล์ของเสื้อเป็นสไตล์โบราณ มันเป็นเสื้อผ้าในยุคก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางจากดาวโลก เพื่อบุกเบิกดาวดวงอื่น   อย่างไรก็ตาม หานเซิ่นคิดว่ามันเป็นความคิดที่เหลวไหล ในตอนนั้น มนุษย์ยังไม่มีความสามารถในการท่องอวกาศเลย ไม่มีทางที่เขาจะมาที่ก็อตแซงชัวรี่ได้ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีเทคโนโนโลยีเทเลพอร์ต   ‘เขาอาจจะเป็นแค่คนที่ชอบแต่งตัวแปลกๆ’ หานเซิ่นคิด   หลังจากที่เข้ามาใกล้ 20 ฟุต หานเซิ่นก็ไม่เดินเข้าไปอีก เขาเดินไปรอบๆศพ และสังเกตศพจากทุกมุมมอง   เป็นศพที่ดูเหมือนกับมีชีวิต เป็นคำพูดเดียวที่หานเซิ่นพอจะบรรยายสิ่งที่เขาเห็นได้ ถ้าร่างกายของเขาไม่แห้งไป หานเซิ่นคงคิดว่าเขายังมีชีวิตอยู่แน่ๆ แต่กระนั้นเขาก็ดูเหมือนกับรูปปั้นที่ทำจากหยกหรืออะไรบางอย่างที่คล้ายๆกัน   ทันใดนั้นของบางสิ่งที่อยู่ข้างๆมือซ้ายของชายคนนั้นก็เตะตาของหานเซิ่นเข้า ดูแล้วมันน่าจะเป็นของชายคนนี้   ชายคนนั้นอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ และปล่อยแขนไว้ข้างลำตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ที่ข้างๆมือซ้ายมีอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนคัมภีร์   ตอนนี้หานเซิ่นมั่นใจ 100% แล้วว่าชายคนนี้ตายแล้วแน่ๆ แม้จะสัมผัสถึงอันตรายไม่ได้เลย แต่หานเซิ่นก็ลังเลที่จะเข้าไปหยิบคัมภีร์ออกมา   คัมภีร์ดูเหมือนจะทำจากผ้าไหม แต่พอเอาครบเพลิงไปใกล้กับพบว่ามันเหมือนกับหนังมากกว่า   หานเซิ่นมองร่างของชายที่ตายอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเปิดคัมภีร์ออกดู มีตัวหนังสือเขียนไว้ในคัมภีร์จำนวนมาก อย่างน้อยๆก็ 30000 ตัว อักษรอยู่บนคัมภีร์ที่มีความยาวกว่า 3 ฟุต   ตัวหนังสือส่วนมากถูกปักด้วยเส้นด้ายแบบพิเศษ และก็มีบางส่วนที่ถูกเขียนขึ้นด้วยของเหลวบางอย่าง ดูแล้วน่าจะเป็นการเขียนด้วยมือ หานเซิ่นเชื่อว่าคนเขียนแต่ละส่วนน่าจะเป็นคนละคนกัน   หานเซิ่นพยายามอ่าน แต่ตัวอักษรที่เขารู้จักมีอยู่อย่างจำกัดมาก บางตัวของก็รู้สึกคุ้นเคย แต่เขาไม่แน่ใจว่ามันหมายความว่ายังไง   ‘ตัวอักษรบางส่วนคือตัวอักษรโบราณของมนุษยชาติงั้นหรอ?’ หานเซิ่นครุ่นคิด ตัวหนังสือที่ใช้เป็นสื่อกลางในสหพันธ์ดวงดาวก็มีรากฐานมาจากตัวอักษรโบราณ แต่ตัวอักษรก็ได้มีวิวัฒนาการของมัน มีคนน้อยมากที่จะอ่านตัวอักษรโบราณได้   แต่ในดาวบางดวงก็ยังมีการใช้ตัวอักษรแบบเก่าๆอยู่บ้าง ซึ่งมันดูคล้ายกับตัวอักษรในคัมภีร์เล่มนี้   ‘เป็นชายที่แปลกประหลาดจริงๆ’ หานเซิ่นมองดูร่างชายคนนั้นอย่างละเอียดอีกครั้ง เขาน่าจะอายุประมาน 30-40 ปี ถึงร่างกายของเขาจะแห้งแล้วก็ตาม แต่หานเซิ่นก็สามารถบอกได้เลยว่าตอนมีชีวิต เขาน่าจะเป็นคนที่หล่อเลยทีเดียว   ‘พี่ชาย คุณก็ตายไปแล้ว คุณคงจะไม่ได้ใช้ของพวกนี้อีกแล้ว’ หานเซิ่นยื่นมือเข้าไปใกล้ๆร่างของชายคนนั้น   เนื่องจากเขาตายไปแล้วเขาก็คงจะไม่ว่าอะไร ถ้าหานเซิ่นจะค้นตัวเขา แต่ทว่าทันทีที่หานเซิ่นสัมผัสถูกเสื้อผ้าของเขา มันก็กลายเป็นฝุ่นทันที   ‘ทำไมเสื้อมันถึงได้เก่าขนาดนี้เนี่ย?’ หานเซิ่นหยุดชะงัก เขามองดูร่างชายคนนั้นอีกครั้ง ตอนนี้ร่างกายของเขาเปลือยเปล่า แต่ร่างของเขาก็ยังดูน่ากลัว และให้ความรู้สึกที่เคร่งขรึม   หานเซิ่นสำรวจดูจนทั่ว แต่ก็ไม่พบอะไรเลย นอกจากคัมภีร์ ‘เขาเป็นใครกันแน่ เขาคงจะไม่ใช่คนที่ข้ามเวลามาจากยุคโบราณจริงๆหรอกนะ?’ แม้แต่ตัวหานเซิ่นเองยังขำความคิดของตัวเอง   ในยุคโบราณไม่น่าจะมีเทคโนโลยีเทเลพอร์ต เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมาที่ก็อตแซงชัวรี่ได้ หากเขาเป็นคนยุคโบราณจริงๆ   นอกเหนือจากคัมภีร์ หานเซิ่นก็ไม่พบอะไรอีก เขาเรียกมีดเคิร์สวูฟออกมาตัดกำแพงหินที่อยู่ข้างหลังร่างชายคนนั้น และก็เอาร่างของชายคนนั้นใส่เข้าไป จากนั้นหานเซิ่นก็เอาก้อนหินมาปิดทับให้อย่างดี   “โทษทีที่ทำให้เสื้อผ้าของคุณเสียหาย ผมจะทำสถานที่ให้คุณหลับสบาย สำหรับคัมภีร์ คุณน่าจะไม่ต้องการมันแล้ว ผมจะเอามันกลับไป บางทีผมอาจจะรู้ว่าคุณเป็นใคร และขอให้ครอบครัวของคุณมาฝังคุณให้ดีกว่านี่”   หานเซิ่นมองไปรอบๆ ไม่มีที่ไหนให้ไปต่อ นอกจากถ้ำที่ลึกลงไป หานเซิ่นมองลงไปในถ้ำ และลองบินลงไปดู หลังจากบินมาได้ 2-3 ไมล์ เขาก็ยังมองไม่เห็นก้นของถ้ำเลย เมื่อมองดูความมืดมิด เขาก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา   หานเซิ่นลังเล และเริ่มรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงขนาดนั้น หานเซิ่นตัดสินใจบินกลับขึ้นไป     VIP ถึงตอนที่ 1233 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/