Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 342 การทดลอง
Super God Gene – ตอนที่ 342 การทดลอง

หานเซิ่นไม่สามารถปฏิเสธพวกเขาได้ เขาเลยเรียกวิญญาณอสูรแฟนท่อมแอนท์เลือดศักดิ์สิทธิออกมา   หยางจื่อคุนตะลึง เขารีบถามทันที “พี่ชาย คุณจะขายเกราะนี้ให้ผมได้ไหม? ผมยินดีใช้วิญญาณอสูรอีกดวงที่อยู่เมืองเเซฟไฟต์แลกแบบ 1 ต่อ 1”   “มันก็แค่ชุดเกราะเลือดศักดิ์สิทธิ ทำไมนายถึงต้องการมันมากขนาดนั้น?” หานเซิ่นมองหยางจื่อคุนด้วยความประหลาดใจ   หยางจื่อคุนรีบพูด “เกราะนี้งดงามมาก ผู้หญิงพวกนั้นเห็นแล้วจะต้องอิจฉาแน่..”   เมื่อตระหนักว่าเขาพึ่งจะพูดอะไรออกไป หยางจื่อคุนก็รีบเปลี่ยนประเด็นทันที “ถ้าคุณไม่ต้องการมันแล้ว คุณขายให้ผมนะ”   หานเซิ่นรีบเรียกวิญญาณอสูรแฟนท่อมแอนท์เลือดกลับ และพูดพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันสัญญากับคนคนหนึ่งไปแล้วว่าจะขายให้ ถ้าฉันต้องการขายเกราะนี้ ฉันก็คงต้องขายให้เขาคนนั้น”   แม้หยางจื่อคุนจะสนใจเกราะอันนี้มาก แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในเมื่อหานเซิ่นพูดแบบนั้น   หลังจากหานเซิ่นกลับมา เขาก็จัดวิญญาณอสูรของเขา วิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิที่เขามีก็คือ เกราะดวงทมิฬ นักฆ่ากระหายเลือด มังกรปีกม่วง แฟรีควีน อสรพิษดำ ร็อคเวอร์ แฟนท่อมแอนท์ แมว 3 ตา กิ้งก่าเปลี่ยนสี โฮลี่แองเจิล บีทเทิลไนท์ เฟลมเลฟเทนแนนท์และเดวิลซอร์ด และเขายังมีวิญญาณอสูรอควารีปเปอร์ขั้นสุดยอดอยู่อีก 1 ดวง ถึงตอนนี้หานเซิ่นยังไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้ แต่หานเซิ่นก็เชื่อว่ามันจะต้องเป็นวิญญาณอสูรที่สุดยอดแน่   เขาต้องการเอาพวกมันบางส่วนไปก็อตแซงชัวรี่เขตสองด้วย เนื่องจากเขาไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ที่มีคนหนุนหลัง เขาต้องพึ่งพาพวกมันหลังจากเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่เขตสอง ในช่วงแรกๆวิญญาณอสูรพวกนี้จะช่วยเขาได้มาก   แน่นอนว่ามันต้องมีวิญญาณอสูรที่เขาไม่ต้องการ ตัวอย่างเช่นแฟนท่อมแอนท์และด้วงทมิฬ พวกมันใช้งานได้เหมือนๆกัน ดังนั้นเขาอาจจะขายแฟนท่อมแอนท์ให้กับหลินเป้ยเฟิง   แม้ว่าแมว 3 ตาจะเป็นสัตว์เลี้ยงเลือดศักดิ์สิทธิ แต่มันก็อาจจะไม่มีประโยชน์ในก็อตแซงชัวรี่เขตสอง และธนูอสรพิษดำเองก็เหมือนกัน หานเซิ่นสามารถใช้มันแลกกับวิญญาณอสูรของก็อตแซงชัวรี่เขตสองได้ ซึ่งมันจะช่วยเขาได้มากในอนาคต   สำหรับวิญญาณอสูรดวงที่เขาจะเอาติดตัวไปใช้ในก็อตเเซงชัวรี่เขตสอง เขาจะตัดใจสินอีกทีในตอนที่เขาเก็บจีโนพ้อยได้ครบแล้ว   เนื่องจากหานเซิ่นไม่พบร่องรอยมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดบริเวณใกล้ๆเมืองสตีลอาเมอร์เลย เขาจึงไม่ได้เข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ และกลับไปมุ่งมั่นฝึกวิชาแทน   หานเซิ่นยังไม่ถึงขั้นสูงสุดของวิชาโอเวอร์โหลด ซึ่งเป็นเรื่องที่เขากังวลมาก วิธีที่ดีที่สุดในการฝึกโอเวอร์โหลดก็คือการทำให้ร่างกายได้รับแรงกดดันสูงที่สุด หานเซิ่นครุ่นคิดและตัดสินใจว่าจะไปใช้ห้องฝึกแรงโน้มถ่วง ซึ่งมันสามารถเพิ่มภาระให้ร่างกายของเขาได้ทั่วทั้งร่าง และยังปรับค่าความยากง่ายได้ด้วย   เมื่อเขากำลังจะเดินเข้าไปในห้องฝึกแรงโน้มถ่วงของโรงเรียนเหยี่ยวดำ หานเซิ่นก็ถูกใครบางคนเรียก   “ศาสตราจารย์เหยียน?” หานเซิ่นมองคนคนนั้นด้วยความประหลาดใจ   ตามความคิดของเขา ศาสตราจารย์เหยียนเป็นคนที่พิถีพิถันและก็เข้มงวดเรื่องการสอนในชั้นเรียนมาก หานเซิ่นคิดว่าจะต้องมีเรื่องอะไรสำคัญแน่ ศาสตราจารย์เหยียนถึงมาหาเขา   ศาสตราจารย์เหยียนเดินมาหาหานเซิ่นและพูด “หานเซิ่น ฉันต้องการเก็บข้อมูลบางอย่างสำหรับงานวิจัย และฉันหวังว่าเธอจะช่วยฉันแล้วเธอจะได้รับคะแนนพิเศษเป็นรางวัล”   หานเซิ่นรู้สึกสนใจขึ้นมา คะแนนพิเศษของอาจารย์ในโรงเรียนเป็นตัวกำหนดระดับขั้นในกองทัพเมื่อเรียนจบ เนื่องจากเขาขาดเรียนบ่อยมาก ถึงเขามีคะแนนพิเศษมาก แต่มันก็อาจจะยากสำหรับเขาที่จะได้ยศพันตรีหลังเรียนจบ   เนื่องจากศาสตราจารย์เหยียนเสนอคะแนนพิเศษให้เขา หานเซิ่นจึงสนใจ แต่เขาก็กลัวว่ากลายเป็นหนูทดลอง เขากลืนน้ำลายก่อนจะพูด “แน่นอน ผมอยากช่วยศาสตราจารย์อยู่แล้ว ผมแค่สงสัยว่าข้อมูลแบบไหนกันที่ศาสตราจารย์กำลังเก็บรวบรวมอยู่ ผมจะได้หาทางช่วยศาสตราจารย์ให้ได้มากที่สุด”   ศาสตราจารย์เหยียนส่งเอกสารให้หานเซิ่น และบอกให้หานเซิ่นไปที่ห้องเเล็ปตอน 8 โมงเช้าของวันถัดไป   เมื่อเห็นศาสตราจารย์เหยียนเดินจากไป หานเซิ่นก็ดูข้อมูลในเอกสาร และเขาก็เข้าใจว่าทำไมศาสตราจารย์เหยียนถึงต้องขอให้เขาไปช่วยด้วย   การวิจัยที่ศาสตราจารย์เหยียนกำลังทำอยู่มีชื่อว่า ผู้ยังไม่วิวัฒนาการที่จีโนพ้อยสูง ศาสตราจารย์กำลังเก็บข้อมูลของคนที่มีระดับความแข็งแกร่งสูงมากในหมู่ผู้ยังไม่วิวัฒนาการ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมาหาหานเซิ่น   แต่ทว่าเรื่องนี้ทำให้หานเซิ่นปวดหัวมาก เพราะความแข็งแกร่งของเขา มันอยู่เหนือระดับผู้ยังไม่วิวัฒนาการไปไกลมาก   ถ้าศาสตราจารย์เหยียนได้รับข้อมูลที่ผิดปรกติของหานเซิ่นไปล่ะก็ หานเซิ่นอาจจะกลายเป็นหนูทดลองของเขา   แต่ถ้าเขาใช้กายหยกเพื่อควบคุมความแข็งแกร่งของร่างกายไม่ให้สูงเกินล่ะก็ ข้อมูลที่ได้ก็จะไม่มีประโยชน์กับศาสตราจารย์เหยียน   หานเซิ่นไม่ต้องการให้ศาสตราจารย์เหยียนได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด ซึ่งมันอาจจะนำไปสู่ผลเสียต่องานวิจัยของเขา   “หานเซิ่น ผมฝึกทักษะธนูหมุนจนสมบูรณ์แล้ว พวกเรามาดวลกันอีกครั้งเถอะ ครั้งนี้ผมไม่แพ้คุณแน่” ในขณะที่หานเซิ่นกำลังปวดหัว จิงจี้หยาก็เดินเข้ามาท้าหานเซิ่น   “จิงจี้หยาเองหรอ มาได้จังหวะเหมาะเลย” หานเซิ่นรู้สึกยินดี เมื่อเห็นจิงจี้หยา   จิงจี้หยาไม่เข้าใจว่าหานเซิ่นพูดถึงเรื่องอะไร “จังหวะเหมาะงั้นหรอ?” แม้เขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นพูดถึงเรื่องอะไร แต่จิงจี้หยาก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ   “เรื่องอื่นเอาไว้ที่หลัง ไปที่สนามยิงธนูแล้วแข่งกันอีกครั้งดีกว่า” จิงจี้หยาพูดถึงเขาจะรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ   “ก็ได้ แต่ถ้านายแพ้ นายต้องทำตามที่ฉันบอก..” หานเซิ่นยิ้มอย่างชั่วร้าย   “คิดจะให้ผมทำอะไร?” จิงจี้หยามองหานเซิ่นอย่างระมัดระวังตัว   “ศาสตราจารย์เหยียนพึ่งขอให้ฉันไปช่วยเขาทำการทดลอง ถ้านายแพ้ พรุ่งนี้นายต้องไปช่วยทำการทดลองด้วย” หานเซิ่นพูด   “โอเค” จิงจี้หยาตอบตกลง   ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จิงจี้หยาก็เดินคอตกตามหานเซิ่นออกมาจากสนามยิงธนู ครั้งนี้เขาก็แพ้หานเซิ่นอีกแล้ว   “จำเรื่องที่นายสัญญาไว้กับฉันด้วยล่ะ พรุ่งนี้ตอน 8 โมงเช้าเจอกันที่ห้องแล็บหน่วยศิลปะป้องกันตัว” หานเซิ่นโบกมือลาจิงจี้หยาด้วยรอยยิ้ม และเขาก็กลับไปฝึกที่ห้องแรงโน้มถ่วง   ในวันรุ่งขึ้น หานเซิ่นจะพาจิงจี้หยาไปพร้อมกับเขาด้วย และเขาจะซ่อนความแข็งแกร่งของตัวเขาเองไว้ แล้วปล่อยให้ข้อมูลของจิงจี้หยาเป็นตัวบอกทุกอย่าง ถึงตอนนั้นศาสตราจารย์เหยียนจะต้องสนใจในตัวจิงจี้หยาแน่นอน   ‘เนื่องจากเราเป็นคนพาจิงจี้หยาไป เราก็ควรจะได้คะแนนพิเศษเหมือนกันใช่ไหม?’ หานเซิ่นคิด ขณะเดินเข้าห้องฝึกแรงโน้มถ่วง

Super God Gene – ตอนที่ 341 การแลกเปลี่ยนข้ามระดับ
Super God Gene – ตอนที่ 341 การแลกเปลี่ยนข้ามระดับ

คุณซูขมวดคิ้วเมื่อได้ยินหานเซิ่น แม้วิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 จะหายากก็จริง แต่อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 กับวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 จะเป็น 3 ต่อ 1   แม้วิญญาณอสูรเกราะและสัตว์ขี่ที่อยู่ในเมืองแซฟเฟต์จะไม่ใช่ระดับท็อป แต่โดยปรกติก็จะต้องใช้วิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิของก็อตแซงชัวรี่เขตหนึ่ง 6 ดวงในการแลก แต่ทว่าหานเซิ่นพยายามจะแลกด้วยวิญญาณอสูรแค่ 3 ดวง ทำให้คุณซูรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล   “พี่ชาย คุณจะให้ผมดูก่อนได้ไหมว่าคุณมีวิญญาณอสูรแบบไหน?” หยางจื่อคุนถามพร้อมกับยิ้ม   หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรฉมวกเลือดศักดิ์สิทธิออกมา เขากวัดแกว่งมันและพูด “ฉันคิดว่านายน่าจะจำฉมวก 3 แฉกนี่ได้ หวงฟูผิงชิงเคยเอามันออกประมูลมาแล้วครั้งหนึ่ง มันเป็นอาวุธที่คมมากในบรรดาอาวุธเลือดศักดิ์สิทธิทั้งหมด”   คุณซูอึ้ง เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับฉมวกนี้มาเหมือนกัน จริงๆแล้วพวกเขาก็ทำธุรกิจหลายอย่างกับสถาบันเอเรส และเขาก็เคยคิดว่าจะเอาฉมวกนี้มาไว้ในครอบครอง ฉมวก 3 แฉกอันนี้ มันยิ่งกว่าคม มันคือหนึ่งในอาวุธที่คมที่สุดในก็อตแซงชัวรี่เขตหนึ่งแน่นอน   คุณซูไม่คิดว่าหานเซิ่นจะเอาวิญญาณอสูรดวงนี้ออกมาดวงแรก มันคือวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิระดับท็อป และเขาก็อยากได้มันมาก   “พี่ชาย คุณจะขายฉมวกอันนี้จริงๆหรอ?” หยางจื่อคุนถามหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ   “แน่นอน” หานเซิ่นยิ้ม ฉมวก 3 แฉกอันนี้ไม่มีความหมายกับเขาอีกแล้ว เนื่องจากเขาไม่สามารถใช้มันฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ และมันก็เป็นฉมวกไม่ใช่ดาบ เขาจึงไม่สามารถใช้เดวิลซอร์ดเสริมพลังได้   หานเซิ่นยังมีมีดคู่ที่เป็นเกียร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิ ซึ่งมันก็คมไม่ได้ต่างจากฉมวกอันนี้เท่าไหร่ ถึงมันจะไม่ได้มีค่าเท่ากับวิญญาณอสูรก็ตาม แต่สำหรับหานเซิ่นแล้ว เขาถนัดใช้มีดมากกว่า ดังนั้นหานเซิ่นจึงต้องการจะขายฉมวกอันนี้   สำหรับวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิดวงที่ 2 หานเซิ่นเรียกทอร์นาโดวูฟออกมา   “สัตว์ขี่งั้นหรอ?” หยางจื่อคุนมองทอร์นาโดวูฟ   หยางจื่อคุนไม่เคยเห็นสัตว์ขี่ตัวนี้มาก่อน เขาไม่รู้ว่ามันเป็นวิญญาณอสูรระดับท็อปหรือเปล่า   คุณซูขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ฉมวกจะยอดเยี่ยมมาก แต่วิญญาณอสูรดวงที่ 2 ที่หานเซิ่นเรียกออกมายังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่   หานเซิ่นยิ้มและอธิบาย “มันเรียกว่าทอร์นาโดวูฟ มันไม่ได้มีอะไรพิเศษนอกจากความเร็ว นายเคยได้ยินชื่อของม้าพยศบ้างไหม?”   “แน่นอน วิญญาณอสูรม้าพยศเลือดศักดิ์สิทธิคือสัตว์ขี่ที่เร็วที่สุดในก็อตแซงชัวรี่เขต 1” หยางจื่อคุนพยักหน้าและพูด   “ทอร์นาโดวูฟตัวนี้เร็วกว่าม้าพยศเล็กน้อย นายเริ่มสนใจมันขึ้นมาบ้างรึยัง?” หานเซิ่นถาม   คุณซูจ้องทอร์นาโดวูฟและถาม “คุณพูดจริงใช่ไหม? ที่บอกว่ามันเร็วกว่าม้าพยศ?”   “ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณสามารถเอามันไปลองได้ ถ้ามันไม่เร็วกว่าม้าพยศ ผมจะยอมยกมันให้ฟรีๆเลย” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยิ้ม   มีวิดีโอของม้าพยศจำนวนมากในเน็ต หานเซิ่นคิดว่าทอร์นาโดวูฟเร็วกว่าม้าพยศแน่นอน   ท่าทางของคุณซูเริ่มเปลี่ยนไป ถ้าทอร์นาโดวูฟตัวนี้เร็วกว่าม้าพยศจริงๆ มูลค่าของมันก็ยากจะประเมินค่า   แม้วิญญาณอสูรสัตว์ขี่ของก็อตแซงชัวรี่เขตหนึ่งจะไม่ได้มีค่าเท่ากับของก็อตเเซงชัวรี่เขตสอง แต่มันก็ยังขึ้นอยู่กับระดับของวิญญาณอสูรนั้นด้วย ถ้าทอร์นาโดวูฟเร็วสุดในก็อตแซงชัวรี่เขตหนึ่ง มันก็จะมีค่ามหาศาลมาก   “ยอดไปเลย” หยางจื่อคุนพูดอย่างตื่นเต้น เหมือนว่าเขาจะชอบทอร์นาโดวูฟมาก   คุณซูคาดหวังกับวิญญาณอสูรดวงที่ 3 ของหานเซิ่นสูงมาก แม้ 2 ดวงแรกที่หานเซิ่นโชว์ให้ดูจะเป็นระดับท็อป แต่เขาก็ยังต้องการเห็นวิญญาณอสูรดวงที่ 3 ก่อนที่เขาจะพิจารณาการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ขณะที่เขากำลังคิดเกี่ยวกับวิญญาณอสูรดวงที่ 3 หานเซิ่นก็เรียกวิญญาณอสูรดวงที่ 3 ออกมา ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เปลี่ยนร่างเป็นหมีขนาดใหญ่ทันที   “วิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างนิ!” หยางจื่อคุนและคุณซูดูจะพอใจมาก   วิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างระดับเลือดศักดิ์สิทธินั้นหายากมาก และยังสามารถใช้อาวุธและวิชาไฮเปอร์จัโนหลังจากเปลี่ยนร่างได้ด้วยแล้ว ราคาของวิญญาณอสูรประเภทนี้มักจะประมูลกันด้วยราคาที่สูงเสียดฟ้า   หานเซิ่นพูดกับหยางจื่อคุน “วิญญาณอสูรสำหรับเปลี่ยนร่างดวงนี้ชื่อว่า โกสอายเเบร์ มันสามารถเพื่อความแข็งแกร่งและความเร็วของผู้ใช้ได้มาก ถ้าฉันจะใช้วิญญาณอสูรทั้ง 3 ดวงนี้แลกกับวิญญาณอสูรทั้ง 2 ดวง นายคิดว่าไง?”   “ตกลง” หยางจื่อคุนตอบอย่างไม่ลังเล เขาไม่ได้คิดเรื่องผลกำไรมากนัก เขาแค่ชอบวิญญาณอสูรที่หานเซิ่นเสนอมา   โดยเฉพาะวิญญาณอสูรโกสอายแบร์ ซึ่งหยางจื่อคุนดูจะพอใจเป็นพิเศษ   คุณซูเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับหานเซิ่นใหม่ วิญญาณอสูรแต่ละดวงที่เขาเรียกออกมาล้วนแต่หายาก และอยู่ในระดับท็อปทั้งสิ้น พวกมันมีมูลค่าเพียงพอที่จะแลกกับวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ทั้ง 2 ดวง   หยางจื่อคุนขอให้คุณซูทำสัญญาแลกเปลี่ยน หลังจากพวกเขาทั้ง 2 คนเซ็นแล้ว คุณซูก็จัดการให้คนของเขาไปส่งวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิทั้ง 2 ดวงให้กับหลัวซูหลาน   หานเซิ่นโทรหาแม่ของเขา และขอให้เธอไปรับวิญญาณอสูรทั้ง 2 ดวง ด้วยวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิทั้ง 2 ดวงนี้ แม้หลัวซูหลานจะอยู่ในอันตราย เธอก็จะสามารถเอาชีวิตรอดได้   หานเซิ่นและหยางจื่อคุนใช้เครื่องเทเลพอร์ตส่วนตัวเทเลพอร์ตเข้าไปในสตีลอาเมอร์ และทำการแลกเปลี่ยน หานเซิ่นมอบวิญญาณอสูรทั้ง 3 ให้กับหยางจื่อคุน   หานเซิ่นต้องการทำแบบนี้นานแล้ว แต่เขาหาโอกาสดีๆหรือคนที่เขาพอใจไม่ได้เลย ในที่สุดเขาก็ได้ทำการแลกเปลี่ยนแบบนี้สักที   หลังจากที่ทำการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น ทั้ง 2 ฝ่ายก็พอใจมากกับการแลกเปลี่ยนครั้งนี้   ในตอนแรกหยางจื่อคุนหวังว่าเขาจะได้วิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิสัก 2 ดวง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ได้ระดับท็อปมาถึง 3 ดวง ซึ่งทำให้เขาพอใจมาก   “พี่ชาย คุณมีวิญญาณอสูรดีๆเยอะมาก คุณพอจะโชว์ให้พวกเราดูอีกได้ไหม?” หยางจื่อคุนมองไปที่หานเซิ่นอย่างตื่นเต้น   คุณซูมองหานเซิ่นด้วยความกระตือรือร้นเช่นกัน เขาเป็นคนที่มีวิญญาณอสูรที่คาดไม่ถึงหลายดวง เนื่องจากเขาขายวิญญาณอสูรระดับท็อปถึง 3 ดวงแล้ว วิญญาณอสูรที่เขาเก็บไว้กับตัวจะขนาดไหน?