Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 311 ลูกธนูหมุน
Super God Gene – ตอนที่ 311 ลูกธนูหมุน

หานเซิ่นโบกมือให้เพื่อนๆของเขา และเดินเข้าไปในลานยิงธนู ในเวลาเดียวกันจิงจี้หยาก็เดินเข้าไปเช่นกัน   “หานเซิ่นมีบางอย่างที่ผมควรจะบอกคุณก่อนที่จะเริ่ม” จิงจี้หยาเดินเข้ามาหาหานเซิ่น และพูดพร้อมกับยิ้ม   “ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมา” หานเซิ่นพูด   จิงจี้หยายิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินไปหยิบธนูฝึกหัดระดับ 16.0 กับซองลูกธนูที่มีลูกธนูอยู่เต็ม และเดินกลับไปหาหานเซิ่น   ต่อมาเขาก็หยิบลูกธนูออกมา และก็เริ่มยิงมันอย่างรวดเร็ว เขายิงธนูออกไป 10 ดอกติดต่อกัน ซึ่งแต่ละดอกแทบจะไม่มีช่องว่างเลย ลูกธนูทั้ง 10 ดอกแทบจะเป็นเส้นตรงต่อกัน พุ่งตรงไปยังเป้าที่อยู่ห่างออกไป 60 ฟุต   นักเรียนทั้งหมดตกตะลึง มันยากที่จะเชื่อว่าจิงจี้หยาจะยิงแบบนั้นได้ด้วยธนูระดับ 16.0   “เขาแข็งแกร่งกว่าจิงจี้อู่มากถ้าเทียบตอนที่อายุเท่ากัน “ซื่อถูเซียงพึมพำ   เฉินหลิงเองก็ตกใจมาก ในบรรดาผู้ยังไม่วิวัฒนาการ มีน้อยคนมากที่จะมีความแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น และจิงจี้หยาพึ่งจะอยู่แค่ปี 1 เท่านั้น   ขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจกับฝีมือและความแข็งแกร่งของจิงจี้หยา พวกเขาก็พบว่าสิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นพึ่งจะเริ่ม   ลูกธนูดอกแรกตรงเข้าไปกลางเป้า แต่ลูกธนูดอกที่เหลือมันกับเคลื่อนที่เบี่ยงออกไป เมื่อมันเกือบจะชนกับดอกแรก ซึ่งมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับอีก 8 ดอกที่เหลือเช่นกัน   เมื่อลูกธนูทั้ง 10 ดอกปักที่เป้า ทุกคนก็พบว่ามีเพียงแค่ลูกธนูดอกแรกที่ปักอยู่กลางเป้า ขณะที่อีก 9 ดอกเรียงตัวกันเป็นรูปวงกลมล้อมดอกแรกเอาไว้   ทุกคนอ้าปากค้าง มีนักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นมา “ลูกธนูหมุน! นั่นมันลูกธนูหมุนของหานเซิ่นไม่ใช่หรอ? จิงจี้หยาก็ใช้มันได้ด้วยหรอ?”   ในตอนนี้แม้แต่ซื่อถูเซียงก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง จิงจี้หยาใช้ธนู 16.0 ยิงลูกธนู 10 ดอกติดต่อกันอย่างรวดเร็ว ซึ่ง 9 ดอกเป็นลูกธนูหมุน ถ้าดูจากความสามารถของเขาตอนนี้ เขาโดดเด่นยิ่งกว่าหานเซิ่นตอนอยู่ปีหนึ่งมาก   “ปีศาจชัดๆ! เขาเป็นปีศาจที่น่ากลัวยิ่งกว่าจิงจี้อู่ซะอีก!” ซื่อถูเซียงพูดออกมาอย่างขมขื่น เธอหวังว่าหานเซิ่นจะเอาชนะได้ แต่ตอนนี้มันคงยากแล้ว หลังจากที่ได้ดูฝีมือของจิงจี้หยา   เทคนิคที่ดีที่สุดของหานเซิ่นก็คือลูกธนูหมุน ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาสามารถเอาชนะจิงจี้อู่ได้ แต่ทว่าจิงจี้หยาเหมือนจะทำได้ดีกว่าเขา และยังมีระดับความแข็งแกร่งมากกว่า ดูเหมือนหานเซิ่นไม่มีทางที่จะชนะได้เลย   “จิงจี้หยาใช้ลูกธนูหมุนได้ด้วย และดูเหมือนว่าเขาจะเชี่ยวชาญมันมากด้วย หานเซิ่นคงจะลำบากแล้ว” “ช่างเป็นฝีมือธนูที่น่าอัศจรรย์ ฉันกลัวว่าหานเซิ่นจะแพ้เขาเสียแล้ว” “การที่เขาใช้ธนู 16.0 ได้ตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง แสดงว่าเขาเหนือกว่าหานเซิ่นและจิงจี้อู่” …   หลังจากได้เห็นลูกธนูหมุนของจิงจี้หยา ซื่อจื้อคัง ลู่เหมินและจางหยางต่างก็หน้าซีดกันหมด ซื่อจื้อคังพูด “ทำไมไอ้เด็กปี 1 นั่นมันรู้วิธียิงลูกธนูหมุนของเซิ่นได้? ฉันได้ยินมาว่าในหมู่ผู้ที่ยังไม่วิวัฒนาการ ไม่มีใครยิงแบบนั้นได้”   “ดูเหมือนว่าจะมีปีศาจที่อยู่นอกเหนือคำพูดที่ว่านั่น จิงจี้หยาและหานเซิ่นถือเป็นข้อยกเว้น” ลู่เหมินพูดอย่างสงบ แต่กระนั้นสีหน้าของเขาก็แสดงความกังวลออกมา   แม้คนจำนวนมากจะอึ้งกับลูกธนูหมุนของจิงจี้หยา แต่ก็ยังมีบางคนที่เชื่อว่าหานเซิ่นสามารถเอาชนะได้   “พี่ชาย คุณคิดว่าลูกธนูหมุนของผมเป็นยังไงบ้าง?” จิงจี้หยาถามพร้อมกับยิ้ม   “จิงจี้หยา นั่นถือว่าน่าเหลือเชื่อมากที่นายทำแบบนั้นได้ตอนอายุแค่นี้ ทำดีมาก!” หานเซิ่นรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก   เขาประทับใจสิ่งที่จิงจี้หยาทำ แม้จิงจี้หยาจะไม่เคยฝึกคลื่นหยินหยาง แต่เขาก็สามารถทำให้ลูกธนูหมุนได้ โดยใช้เทคนิคที่เขาคิดขึ้นเองล้วนๆ   เมื่อได้ยินคำพูดของหานเซิ่น เขาก็รู้สึกเหมือนโดนดูถูก มันฟังดูเหมือนกับเขาเป็นแค่เด็กที่พยายามจะทำให้พ่อแม่ภูมิใจและขอรางวัล   “ถ้าคุณพูดถึงขนาดนั้น แสดงว่าฝีมือธนูของคุณจะต้องดีกว่าผมมากแน่ ทำไมคุณถึงไม่โชว์ให้พวกเราดูมั้งล่ะ?” จิงจี้หยาแนะนำ   “ไม่จำเป็น ฉันมีเวลาไม่มาก มาเริ่มดวลกันเลยดีกว่า” หานเซิ่นเดินไปเลือกธนูที่วางเรียงรายกันอยู่   ทุกคนต่างก็ประหลาดใจกับการเลือกของหานเซิ่น เขาเลือกธนูฝึกหัด 11.0 ซึ่งถือว่าเป็นธนูที่อ่อนมากสำหรับนักเรียนโรงเรียนทหาร ทุกคนต่างก็สามารถใช้ธนูแบบนั้นได้อย่างสบาย   “หานเซิ่นดูเหมือนจะมั่นใจมาก แต่เขาจะเอาชนะจิงจี้หยาด้วยธนู 11.0 ได้ยังไง?” “เดี๋ยวก่อนนะ นั่นเป็นธนูที่เขาเอาชนะจิงจี้อู่ได้ บางทีเขาอาจจะต้องการทำมันอีกครั้ง” “ฉันไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นอีก ปัจจัยสำคัญที่สุดที่เขาเอาชนะได้ในครั้งนั้นก็เพราะกลยุทธ์ของโค้ชซื่อถูเซียง และที่สำคัญคือจิงจี้อู่ไม่รู้มาก่อนว่าเขามีลูกธนูที่หมุนได้ แต่ทว่าจิงจี้หยารู้เรื่องนั้นหมดแล้ว และลูกธนูหมุนของเขายังดีกว่าหานเซิ่นด้วย แล้วหานเซิ่นจะมีโอกาสชนะเขาได้ยังไง?”   “เซิ่นคิดจะทำอะไร? เขาน่าจะเลือกธนูที่ยิงได้แรงกว่านั้น!” ซื่อจื้อคังตกตะลึงกับการเลือกของหานเซิ่น เขาไม่เข้าใจทำไมหานเซิ่นถึงเลือกธนู 11.0   ลู่เหมินไม่พูดอะไร เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่จางหยางต่างจากลู่เหมิน เขาหันไปมองหวังเหมียนเหมียนและถาม “เหมียนเหมียน เธอน่าจะรู้ความคิดของเซิ่นดีกว่าพวกเรา บอกหน่อยสิว่าเซิ่นพยายามจะทำอะไร?”   หวังเหมียนเหมียนครุ่นคิดและตอบ “พี่หานจะต้องมั่นใจว่ายังไงเขาก็เอาชนะจิงจี้หยาได้ง่ายๆอยู่แล้ว เขาก็เลยเลือกธนูคันแรกที่เขามองเห็น ฉันเชื่อว่ามันไม่ได้มีความอะไรมากกว่านั้น”  

Super God Gene – ตอนที่ 310 ตามที่นายต้องการ
Super God Gene – ตอนที่ 310 ตามที่นายต้องการ

เมื่อได้ยินคำพูดของจิงจี้หยา หานเซิ่นก็ยิ้มและลูบไล่ของเขา “จิงจี้หยา ถ้านายต้องการจะขู่ใครสักคน นายจะต้องฉลาดกว่านี้ เวลานายพูด นายต้องทำหน้าตาให้มันน่ากลัวกว่านี้ ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันอาจจะกลัวก็ได้”   ใบหน้าของจิงจี้หยาเริ่มน่ากลัวขึ้น เขาพูด “พี่ชาย ผมไม่ได้มาเล่นตลก”   หานเซิ่นเอนหลังพิงเก้าอี้และยืดตัว จากนั้นก็พูดอย่างช้าๆ “เนื่องจากนายสืบเรื่องของครอบครัวฉันมาเป็นอย่างดี นายก็ควรจะรู้ว่าฉันเป็นใคร นายกล้าแตะต้องพวกเขารึ? ตอนนี้ลองบอกฉันอีกทีว่านายไม่ได้เล่นตลก”   จิงจี้หยาพูด พร้อมกับยิ้ม “พี่ชายที่คุณพูดมาก็อาจจะจริงที่ผมไม่กล้ายุ่งกับครอบครัวคุณ แต่เพื่อนของคุณไม่ได้โชคดีแบบพวกเธอ ถึงผมจะไม่กล้าทำอะไรหวังเหมียนเหมียนหรือลู่เหมิน แต่สำหรับซื่อจื้อคังและจางหยางมันเป็นอีกเรื่อง พวกเขาไม่ได้มีคนคุ้มกัน”   “ฉันก็อยากจะรู้ว่านายมีแผนจะทำร้ายพวกเขายังไง ในเมื่อพวกเขาอยู่ในเหยี่ยวดำ” หานเซิ่นพูด   จิงจี้หยายังคงยิ้ม “มันไม่ง่ายที่ผมจะทำร้ายพวกเขาในโรงเรียนก็จริง แต่ครอบครัวของพวกเขาล่ะ หรือไม่ผมอาจจะล่อลวงแฟนของพวกเขาก็ได้ คุณคิดว่าผมจะทำสำเร็จไหม?”   “จิงจี้หยา มันมีสิ่งที่นายไม่ควรจะทำ ฉันต้องขอเตือนนายเอาไว้” หานเซิ่นตอบอย่างเคร่งขรึม ไม่ว่าจิงจี้หยาจะทำสำเร็จหรือไม่ เขาก็จะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น   “ถ้าคุณไม่พอใจ คุณก็มาดวลกับผม” จิงจี้หยาพูดอย่างสุภาพ   “งั้นก็ตามใจนายแล้วกัน” ถึงหานเซิ่นไม่อยากจะเสียเวลาไปสู้กับรุ่นน้อง แต่เขาก็ไม่อาจจะทนการยั่วยุจากเด็กคนนี้ได้อีกต่อไป   จิงจี้หยาตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ผมจะรอคุณ โปรดรักษาสัญญา ไม่งั้น..” จิงจี้หยาไม่พูดให้จบ แต่ถึงจะโง่แค่ไหนก็น่าจะเข้าใจความหมายของเขา หานเซิ่นยิ้มและพูด “ดูเหมือนจิงจี้อู่จะไม่ได้สอนน้องชายให้ดี ดังนั้นฉันจะต้องแสดงความเป็นเพื่อนที่ดี และสั่งสอนน้องชายให้เขา”   จิงจี้หยารู้สึกไม่พอใจที่ได้ยินแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ยังไงหานเซิ่นก็รับคำท้าของเขาแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำก็คือเอาชนะหานเซิ่นให้ได้ การโต้เถียงไม่มีประโยชน์อะไร   จิงจี้หยาคิดเสมอว่าขอเพียงแค่เอาชนะหานเซิ่นได้ เขาก็จะแก้แค้นให้พี่ชายได้สำเร็จ   เมื่อเห็นจิงจี้หยาเดินออกไป หานเซิ่นก็ไปหาข้อมูลและเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปยังเมืองกลอรี่ ถึงเขายังรู้สึกว่าอ่อนแอ เมื่อเทียบกับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด แต่บางทีเขาอาจจะมีโอกาสก็ได้   เฟลมเลฟเทนแนนท์ เดวิลซอร์ดและมนตรานอกรีตขั้นที่ 2 อาจพอมีหวังที่เขาจะฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ ที่สำคัญที่สุดเต่าตัวนั้นไม่ได้รวดเร็วมาก ดังนั้นถ้าไม่ไหวจริงๆ เขาก็สามารถหนีได้ตลอดเวลา   “ก่อนจะออกเดินทางไปเมืองกลอรี่ เหมือนว่าเราคงต้องไปตบเกรียนเด็กซะก่อน” หานเซิ่นไม่ต้องการพลาดโอกาสนี้ไป เพราะมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดมันหายากมากๆ เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะมีโอกาสอีกถ้าเขาพลาดการล่ามอนสเตอร์ตัวนี้ไป   หลังจากที่จิงจี้หยาออกไป เขาก็ไปกระจายข่าวลือว่าการต่อสู้ระหว่างเขากับหานเซิ่นจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ที่สนามยิงธนู เพื่อกอบกู้ชื่อของพี่ชายกลับคืนมา เขาต้องการให้คนจำนวนมากเห็นว่าเขาเอาชนะหานเซิ่นได้   จิงจี้หยาถึงขนาดเตรียมคำพูดตอนที่เอาชนะหานเซิ่นเอาไว้แล้ว “ถึงคุณจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่คุณก็เทียบกับผมไม่ได้ และยิ่งคนละชั้นกับพี่ชายของผม ชัยชนะแค่ครั้งเดียวของคุณก็มาจากโชคล้วนๆ”   ไม่นานทั้งเหยี่ยวดำก็รู้เรื่องการดวลครั้งนี้ เกือบทุกคนที่ได้ยินข่าวรู้สึกตื่นเต้นมาก   หานเซิ่นคือตำนานของเหยี่ยวดำ และจิงจี้หยาคือปีศาจคนที่ 2 ต่อจากพี่ชายของเขา ดังนั้นการต่อสู้ของพวกเขาจะต้องเป็นอะไรที่สุดยอดมาก   แม้แต่พวกอาจารย์ก็ยังตัดสินใจจะไปดูการดวล หลังจากที่ได้ยินข่าวนี้   ในเช้าวันรุ่งขึ้นก่อนที่จิงจี้หยาและหานเซิ่นจะไปถึง บนสแตนด์เชียร์ของสนามยิงธนูก็เต็มไปด้วยนักเรียนจำนวนมาก “พวกนายคิดว่าใครจะชนะ?”   “อัจฉริยะอยู่แล้ว แม้แต่จิงจี้อู่ยังสู้เขาไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงจิงจี้หยา” พวกนักเรียนปี 4 ต่างก็เคยเห็นความแข็งแกร่งของหานเซิ่นมากับตา ทำให้พวกเขาสนับสนุนหานเซิ่น   “ผมไม่คิดแบบนั้นนะ พวกรุ่นพี่น่าจะได้เห็นสถิติของจิงจี้หยาแล้ว ซึ่งมันน่าจะดีกว่าของจิงจี้อู่ในสมัยที่เขายังเรียนอยู่ หานเซิ่นอาจจะเอาชนะจิงจี้อู่ได้ด้วยโชคหรืออะไรก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้ลงแข่งอะไรเลยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าเขาต้องแพ้จิงจี้หยาแน่..” นอกจากนักเรียนปี 4 แล้วนักเรียนปีอื่นๆต่างก็สนับสนุนจิงจี้หยา โดยเฉพาะพวกผู้หญิง เนื่องจากจิงจี้หยาหน้าตาดี ทำให้เขาฮอทมาก   “แม้แค่คุณเฉินก็มาดูการดวลครั้งนี้ด้วยหรอคะ?” ซื่อถูเซียงประหลาดใจที่เห็นเฉินหลิงมาดูการดวลครั้งนี้ด้วย   “ค่ะ หานเซิ่นเองก็เคยลงแข่งให้กับชมรมศิลปะการป้องกันตัว ฉันเลยมาเพื่อเอาใจช่วยเขา” เฉินหลิงพูดพร้อมกับยิ้ม   “มานี่ค่ะ มานั่งตรงนี้ที่นี่มองเห็นได้ชัดกว่า” ซื่อถูเซียงเชิญเฉินหลิงมานั่งตรงที่นั่งของโค้ช   “โค้ชซื่อถู คุณคิดว่าใครมีโอกาสชนะมากกว่า หานเซิ่นหรือว่าจิงจี้หยา?” เฉินหลิงถาม   “มันยากที่จะพูด ดูเหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับหานเซิ่นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่ฉันพูดได้ก็คือจิงจี้หยาเหนือกว่าพี่ชายของเขา” ซื่อถูเซียงพูดพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น   เฉินหลิงเข้าใจความหมายของซื่อถูเซียงดี เธอพยักหน้าและไม่พูดอะไรต่อ   รูทเมทของหานเซิ่นเองก็มีเชียร์เขาด้วย รวมถึงหวังเหมียนเหมียนก็มาดูพร้อมกับเพื่อนของเธอ แต่ทว่าสแตนด์เชียร์ก็เต็มหมดแล้ว ทำให้พวกเขาต้องยืนดู   “เซิ่นมันจะเอาชนะได้ไหมนะ? ไอ้เด็กปีหนึ่งนั้นไม่ธรรมดาเลย” ซื่อจื้อคังดูจะเป็นกังวล ช่วงที่ผ่านมาเขาเห็นฟอร์มของจิงจี้หยามามาก   เนื่องจากจิงจี้หยาอยู่ในหน่วยธนู ทำให้ซื่อจื้อคังเคยเจอเขาหลายครั้งแล้ว ซื่อจื้อคังรู้สึกว่าเมื่อเผชิญหน้ากับจิงจี้หยา เขารู้สึกกดดันมากกว่าตอนเจอกับจิงจี้อู่ซะอีก   จางหยางกับลู่เหมินไม่พูดอะไร จริงๆพวกเขาทั้ง 2 คนเคยได้ดวลกับจิงจี้หยามาแล้ว และพวกเขาก็แพ้ยับเยิน พวกเขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับซื่อจื้อคัง จิงจี้หยาดูไร้เทียมทานยิ่งกว่าจิงจี้อู่ซะอีก   “พี่หานต้องชนะแน่นอน” หวังเหมียนเหมียนคือแฟนคลับตัวยงของหานเซิ่น เธอเชื่อหานเซิ่นจนเรียกว่าหน้ามืดตามัวก็ได้ ไม่ว่าหานเซิ่นจะพูดอะไรเธอจะเชื่อไปซะหมด