Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 303 เคลียร์ทาง
Super God Gene – ตอนที่ 303 เคลียร์ทาง

“ถึงว่าทำไมไม่มีใครกล้าบุกเข้าไป นี่คือภารกิจที่ไม่น่าเป็นไปได้!” แกมเบิลส่ายหัวหลังจากเห็นสภาพหลังกำแพง   “บ้าเอ้ย นี่มันบ้าชัดๆ!” สมาชิกอีก 2 คนจากหน่วยพิเศษ เจิ้งฉือและ โจวชิงรู้สึกกลัวมาก   “หานเซิ่น พวกเราควรจะถอยกันก่อนดีกว่า ไม่มีทางที่พวกเราจะบุกเข้าไปหลังกำแพงนั่นได้แน่ พวกเราต้องรอให้พวกมันถอยออกไปจากกำแพง พวกเราถึงจะมีโอกาสเข้าไปข้างในได้” แกมเบิลพูด   “โอเค พวกนายกลับกันไปก่อน เดี๋ยวฉันจะเข้าไปข้างในคนเดียว” หานเซิ่นตัดสินใจ   เจิ้งฉือและโจวชิงเบิกตากว้างและพูด “หัวหน้า ผมว่ามันอันตรายเกินไป”   หานเซิ่นยิ้มและพูด “ถึงมันจะอันตราย แต่มันก็มีโอกาสที่จะทำลายไข่ได้ ถ้าเกิดรอให้พวกมอนสเตอร์ถอยกลับไป ถึงตอนนั้นทุกคนจะมีโอกาสบุกเข้าไปทำลายไข่ พวกนายไปรอที่ทางออกก่อนเลย ฉันจะลองเข้าไปข้างใน ถ้าทำไม่สำเร็จ เดี๋ยวฉันก็จะถอยเหมือนกัน ”   “หานเซิ่น ฉันจะไปกับนายด้วย” แกมเบิลกัดฟันและพูด   “ไม่เป็นไร ฉันทำคนเดียวได้ ข้างในมีมอนสเตอร์อยู่จำนวนมาก ถ้าฉันไปคนเดียวจะทำงานได้ง่ายกว่า เดี๋ยวฉันจะรีบกลับ หลังจากทำลายไข่ได้แล้ว” หานเซิ่นเรียกชุดเกราะแฟนท่อมแอนท์เลือดศักดิ์สิทธิและฉมวก 3 แฉกเลือดศักดิ์สิทธิออกมา   เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นตัดสินใจแน่วแน่แล้ว แกมเบิลก็ไม่พูดอะไรอีก แต่กระนั้นเขาก็ยืนกรานที่จะรอหานเซิ่นอยู่ที่กำแพง มันจะปลอดภัยกว่าเวลาหานเซิ่นหนีกลับมา   หานเซิ่นพยักหน้า และใช้ฉมวก 3 แฉกดันโล่ที่อุดรูบนกำแพงออกไป โล่พุ่งกระเด็นไปชนมอนสเตอร์ข้างหลัง   หานเซิ่นกวัดแกว่งฉมวกตัดหัวของมอนสเตอร์ที่วิ่งเข้ามาหาเขา เลือดสาดกระจาดไปทั่วบริเวณ   หานเซิ่นเตะซากมอนสเตอร์ที่ตายไปข้างหน้า ทำให้พวกมอนสเตอร์ตัวอื่นๆวิ่งเข้ามาได้ลำบากมากขึ้น แต่มันก็พอมีพื้นที่ว่างให้หานเซิ่นบุกเข้าไปข้างในได้   “หัวหน้าจะไม่เป็นแน่หรอ?” เจิ้งฉือพูด เนื่องจากมีมอนสเตอร์มากเกินไป ถึงจะได้รับการปกป้องจากเกราะมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ แต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าจะปลอดภัย   “ไม่ต้องห่วง เขาเป็นคนที่รอบคอบมาก และเขาจะไม่ทำอะไรที่ไม่มั่นใจ เนื่องจากเขากล้าที่จะลุยเข้าไป แสดงว่าเขาคิดว่าสามารถทำมันได้” แกมเบิลพูด เขาทำงานอยู่ในหน่วยพิเศษมานานและรู้จักหานเซิ่นดี ถ้าแกมเบิลไม่ได้ต้องการวิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ เขาคงจะไปก็อตเเซงชัวรี่่เขต 2 นานแล้ว   จริงๆแกมเบิลก็ไม่ได้เชื่อตามที่พูดมากนัก เนื่องจากมีมอนสเตอร์ระดับสูงอยู่จำนวนมาก เท่าที่เขาเห็นมีมอนสเตอร์กลายพันธ์มากกว่า 30 ตัวและมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่สีดำๆอีก 1 ตัว ซึ่งเขาก็ยังไม่แน่ใจมอนสเตอร์ตัวอื่นๆที่เขาไม่คุ้นหน้าอีก มันอาจจะมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิมากกว่า 1 ตัวก็ได้   เมื่อเห็นหาเซิ่นถูกมอนสเตอร์ล้อมไว้ โจวชิงก็พูดด้วยเสียงสั่นๆ “มันเสี่ยงเกินไป หัวหน้าไม่มีทางรู้ว่ามีมอนสเตอร์มากมายแค่ไหน ไม่มีใครบอกได้ว่ามันมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิกี่ตัว”   ขณะที่พวกเขาพูด หานเซิ่นก็หายเข้าไปในกลุ่มมอนสเตอร์ พวกเขา 3 คนบอกได้แค่ว่าหานเซิ่นยังสู้กับพวกมอนสเตอร์อยู่ เนื่องจากพวกเขายังได้ยินเสียงคำรามของมอนสเตอร์   “อย่ามัวแต่ยืนเฉย มอนสเตอร์มันเริ่มออกมากันแล้ว ฆ่าพวกมันให้หมด…” แกมเบิลพูด และใช้อาวุธของเขาฟันมอนสเตอร์ที่ผ่านกำแพงออกมา   สถานการณ์ที่เสี่ยงมากในสายตาคนอื่นกับเหมือนเป็นการเดินเล่นสำหรับหานเซิ่น ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน บริเวณนั้นต้องมีเลือดกระจายไปทั่ว มอนสเตอร์ล้มลงตัวแล้วตัวเล่าด้วยฉมวก 3 แฉก ไม่มีอะไรสามารถสัมผัสถูกตัวของเขาได้ นอกจากเลือดของมอนสเตอร์   ร็อคเวิร์มเลือดศักดิ์สิทธิที่หานเซิ่นเรียนออกมา ซึ่งตอนนี่มันมีขนาดใหญ่พอๆกับรถถังแล้ว มันอ้าปากขนาดใหญ่ของมัน และเขมือบซากมอนสเตอร์ที่หานเซิ่นฆ่าเข้าไป   ถึงร็อคเวิร์มจะยังไม่เปลี่ยนร่าง แต่ผิวหนังของมันก็หนาและแข็งมาก แม้จะเป็นมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์ก็ยังทำอะไรมันไม่ได้   ยกเว้นส่วนที่เป็นตาของมัน ซึ่งมีขนาดเท่าเม็ดถั่วแล้ว ส่วนอื่นของมันแข็งจนมีแค่มอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิเท่านั้นที่จะทำให้มันบาดเจ็บได้   ในตอนแรกแกมเบิล เจิ้งฉือและโจวชิงยังรู้สึกกดดันกับการต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่ออกมาจากกำแพง แต่ไม่นานพวกเขาก็พบว่าพวกมอนสเตอร์ไม่ได้ออกมากันอีกแล้ว   เมื่อพวกเขาเข้าไปดูข้างใน พวกเขาก็เห็นหานเซิ่นชุ่มไปด้วยเลือด และมีซากมอนสเตอร์กองกันเกลื่อนพื้นไปหมด ซึ่งกองซากของมอนสเตอร์มีความสูงมากกว่า 1 ฟุต   นี่เป็นฉากที่น่าสยดสยองมากสำหรับเจิ้งฉือและโจวชิง พวกเขาจะไม่ลืมสิ่งที่เห็นในวันนี้   พวกเขาคือสมาชิกใหม่ที่ยังไม่เคยเห็นหานเซิ่นต่อสู้มาก่อน ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นฝีมือของหานเซิ่นคือตอนที่เขาโชว์ฝีมือบูมเมอแรง   เมื่อพวกเขาเข้ามาหน่วยพิเศษของสตีลอาเมอร์ พวกเขาได้ยินข่าวลือมาว่าหานเซิ่นได้เป็นหัวหน้าคนใหม่ของหน่วยพิเศษ เพราะการเลือกที่รักมักที่ชังของหัวหน้าคนเก่า หลายๆคนพูดกันว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับซินเสวียน   ในตอนแรกพวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับหานเซิ่นมาก เนื่องจากพวกเขาพึ่งเข้ามาในหน่วยพิเศษ แต่พวกเขาแทบไม่เคยเห็นหัวหน้าของพวกเขาเลย หยางม่านลี่คือคนที่ดูแลพวกเขา และจัดการเรื่องต่างๆภายในหน่วย   แต่ในตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าข่าวลือเป็นเรื่องน่าตลกสิ้นดี คนที่พวกเขาเห็นตรงหน้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้นเพื่อให้ได้ตำแหน่งมา   ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในก็อตเเซงชัวรี่ 1 พวกเขาไม่เคยเห็นใครฆ่ามอนสเตอร์แบบหานเซิ่นมาก่อน หานเซิ่นฆ่าพวกมอนสเตอร์ราวกับไล่ฆ่าไก่ธรรมดาๆ   ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นเงาสลัวๆของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิกำลังกระโดดเข้ามาข้างหลังหานเซิ่น มันมีลักษณะคล้ายๆเสือกับสิงโต มันมี 2 หัวและ 3 หาง ขนของมันดูเหมือนกับเหล็ก   “หัวหน้า..ระวัง..” ก่อนที่พวกเขาจะพูดจบประโยค พวกเขาก็ต้องช็อค   หานเซิ่นเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้า เขาจับไปที่หัวของสิงโต และตัดมันด้วยฉมวก 3 แฉก จากนั้นเขาก็เดินตรงไปหามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่ตอนนี้เหลือเพียงแค่หัวเดียวแล้ว   มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิแสดงอาการหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด มันไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง หลังจากที่มันเสียหัวไปหนึ่งหัว    

Super God Gene – ตอนที่ 302 มอนสเตอร์ขวางทาง
Super God Gene – ตอนที่ 302 มอนสเตอร์ขวางทาง

หานเซิ่นตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินข่าว ที่ไหนก็ตามที่มีรังจะต้องมีไข่อยู่ ถ้าดวงดีก็มีโอกาสได้ถึงวิญญาณอสูรขั้นสุดยอดเลย ซึ่งมันสำคัญกับเขาตอนนี้มาก   หลังจากรู้ข่าว หานเซิ่นก็รู้สึกดียิ่งกว่าเดิม เมื่อรู้ว่ากลุ่มแรกที่ค้นพบรังก็คือกลุ่มของเซินเทียนจื่อ แต่อย่างไรก็ตามเซินเทียนจื่อและคนสนิทได้วิวัฒนาการและไปยังก็อตแซงชัวรี่เขต 2 กันหมดแล้ว กลุ่มของพวกเขาไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนแต่ก่อน กลุ่มของเขาในตอนนี้เป็นแค่กลุ่มขนาดกลางเท่านั้น   กลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในสตีลอาเมอร์ตอนนี้ก็คือกลุ่มของหยางม่านลี่ กลุ่มของนิ้วก้อยและกลุ่มสาวก   กลุ่มของหยางม่านลี่มีหน่วยพิเศษหนุนหลังอยู่ และในกลุ่มก็มีนักเรียนทหารหลายคน ดังนั้นกลุ่มของหยางม่านลี่ยังคงเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดเหมือนสมัยที่ซินเสวียนยังเป็นหัวหน้าอยู่   กลุ่มสาวกคือกลุ่มที่ถูกก่อตั้งโดยชิงและหยวน พวกเขาได้ชวนคนมีฝีมือหลายคนเข้ามา ทำให้กลุ่มของพวกเขาแข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 ในสตีลอาเมอร์   ส่วนกลุ่มของนิ้วก้อยตอนนี้ บรรดาระดับหัวหน้าก็วิวัฒนาการและไปยังก็อคแซงชัวรี่ 2 กันหมดแล้ว เหลือเพียงนิ้วก้อยคนเดียวที่ดูแลกลุ่มอยู่ แต่ด้วยการที่มีพวกหน้าใหม่เก่งๆเข้ามาเพิ่มกันหลายคน ทำให้พวกเขายังคงเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 ของสตีลอาเมอร์   ถึงกลุ่มของเซินเทียนจื่อจะเป็นคนพบรังเป็นกลุ่มแรก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยหลังจากที่เข้าไปในรัง นอกจากไม่ได้อะไรแล้ว พวกเขายังเสียหายค่อนข้างหนัก   ตามที่ผู้รอดชีวิตเล่ามา ในรังมันมีมอนสเตอร์อยู่นับพัน ซึ่งมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิรวมอยู่ด้วย   หลังจากได้รับข่าวนี้ หยางม่านลี่ก็จัดเตรียมคน และเดินทางไปที่รังทันที นอกจากคนในกลุ่มแล้ว หยางม่านลี่ยังเรียกคนจากหน่วยพิเศษไปถึงครึ่งหนึ่ง ขณะที่หานเซิ่นพาแกมเบิลและคนจากหน่วยพิเศษอีก 2 คนแยกไปอีกกลุ่ม   ในตอนนี้คนของหน่วยพิเศษ นอกจากหานเซิ่นและแกมเบิลแล้ว คนอื่นล้วนแต่เป็นหน้าใหม่ทั้งสิ้น ต่างจากสมัยที่ซินเสวียนยังอยู่   เมื่อพวกเขาไปถึงรังก็เห็นกลุ่มสาวกและกลุ่มของนิ้วก้อยอยู่ก่อนแล้ว คนจำนวนมากกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ใจกลางของดอกบัวแห่งชีวิต แต่ยังไม่มีใครกล้าจะบุกเข้าไป   เมื่อเห็นหานเซิ่นมา หยวน ชิงและนิ้วก้อยต่างก็กล่าวคำทักทาย ตอนนี้ในสตีลอาเมอร์ทุกคนต่างรู้กันดีว่าหานเซิ่นนั้นแข็งแกร่งที่สุด   “พี่ชาย พวกเราคงจะรวมพลกันอยู่ที่นี่นานๆไม่ได้ พวกเรามาตั้งกฎกันหน่อยไหม?” หยวนยิ้มและพูด   “มันเป็นกฎแบบไหน?” นิ้วก้อยถาม เนื่องจากถ้าไม่นับทีมของหานเซิ่นที่มีแค่ 4 คนแล้ว กลุ่มของเขาคือกลุ่มที่อ่อนแอที่สุดในที่นี้ เขาไม่อยากจะมีเรื่องขัดแย้งกับกลุ่มอื่น   หยวนครุ่นคิดและพูด “พวกเรามาเสี่ยงทายกันดีไหมว่ากลุ่มไหนจะได้เข้าไปก่อน เนื่องจากไม่รู้จะเรียงลำดับยังไง ก็ให้มันอยู่ที่ดวงไปเลย”   “โอเค” นิ้วก้อยพูด   เนื่องจากกลุ่มสาวกและกลุ่มของนิ้วก้อยตกลงกันได้ หยางม่านลี่เองก็ต้องเห็นด้วยกับพวกเขา ยังไงทางเข้ารังมันก็แคบ แม้แต่กลุ่มใหญ่อย่างกลุ่มของหยางม่านลี่ก็จะไม่ได้เปรียบกลุ่มอื่นเท่าไหร่ เพราะลงไปได้แค่ที่ละคน ถ้าถูกโจมตีระหว่างส่งคนลงไปล่ะก็ น่าจะเกิดปัญหาที่ยากจะจัดการ   “เนื่องจากทุกคนเห็นด้วย งั้นก็เอาตามนั้น” หานเซิ่นยักไหล่และพูด   หานเซิ่นได้ยินมาว่ามีมอนสเตอร์ระดับสูงอยู่ในรังนั้นด้วย ถึงจะได้เข้าไปก่อนก็อาจจะไม่ดีเสมอไป เข้าไปทีหลังอาจจะได้เปรียบกว่าก็ได้   เนื่องจากทุกคนต่างก็มีความคิดแบบเดียวกัน หยวนแนะนำว่าควรให้หานเซิ่นเป็นคนทำไม้สั้นไม้ยาว ทุกๆคนต่างก็เห็นด้วย เนื่องจากพวกเขารู้จักหานเซิ่นดี เขาเป็นถึงหัวหน้าหน่วยพิเศษ ไม่น่าจะเล่นตุกติก   เพื่อความยุติธรรม หานเซิ่นจึงรับผิดชอบทำไม้สั้นไม้ยาวเพื่อให้ทุกคนได้สุ่ม หลังจากทุกคนหยิบไม้ไปจนหมด ไม้ที่เหลืออยู่ในมือหานเซิ่นก็คือไม้ที่บอกว่าเขาต้องเข้าไปเป็นอันดับสุดท้าย   แต่ในกรณีนี้หานเซิ่นก็ตำหนิใครไม่ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับดวง   ผลของการสุ่ม ปรากฏว่ากลุ่มของนิ้วก้อยได้เข้าไปก่อน เขารู้สึกตื่นเต้นมาก และเชื่อว่าตราบใดที่กลุ่มของเขาระวังให้มาก พวกเขาจะสามารถบุกไปถึงไข่ได้อย่างแน่นอน   หยวนและชิงค่อนข้างผิดหวัง แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากดูกลุ่มของนิ้วก้อยลงไปในรังก่อนเป็นกลุ่มแรก   ในตอนแรกทุกคนต่างก็คิดว่ากลุ่มของนิ้วก้อยคงต้องใช้เวลาอยู่ในรังเป็นชั่วโมงแน่ แต่ทว่ากลุ่มของพวกเขาก็กลับออกมา หลังจากที่เวลาผ่านไปไม่นาน โดยมีคนบาดเจ็บและสูญหายจำนวนมาก   คนที่เหลือต่างก็ตกใจกับสิ่งที่เห็น ชิงถาม “นิ้วก้อย นี้มันเกิดอะไรขึ้น?”   นิ้วก้อยสบถออกมา “ก็ไอ้พวกกลุ่มของเซินเทียนจื่อน่ะสิ พวกมันล่อมอนสเตอร์มากองกันอยู่ที่หน้าทางเข้าหมด มีทั้งมอนสเตอร์กลายพันธ์และยังมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอีก เนื่องจากทางมันแคบ ทำให้พวกเราเข้ากันไปได้ทีละคน แล้วจะสู้มันได้ยังไง พวกเราเลยต้องกลับออกมาแบบนี้ แย่จริงๆ!”   “มันปิดทางอยู่งั้นหรอ? เดียวขอฉันลงไปดูหน่อย” หยวนไม่เชื่อว่ามอนสเตอร์จะแข็งแกร่งถึงขนาดที่ทำให้ไม่มีใครเข้าไปได้   กลุ่มสาวกส่งคนลงไปได้ไม่นาน พวกเขาก็ต้องถอยกลับมาเร็วยิ่งกว่ากลุ่มของนิ้วก้อยซะอีก แต่สภาพของพวกเขาดีกว่ากลุ่มของนิ้วก้อย พวกเขาได้รับบาดเจ็บกันแค่เล็กน้อยเท่านั้น   “ไอ้พวกบ้านั่นมันบุกเข้าไป และทำให้พวกมอนสเตอร์มากองกันอยู่ที่ข้างหน้า บอกไม่ได้เลยว่ามีมอนสเตอร์อยู่จำนวนเท่าไหร่ ทางมันแคบมาก…” ชิงบ่นหลังจากที่กลับขึ้นมา   เมื่อเห็นชิงและหยวนยอมแพ้ หยางม่านลี่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอเลือกคนที่ฝีมือดีที่สุดในกลุ่มตามเธอลงไปด้วย   แต่ผลลัพธ์ออกมาก็เหมือนเดิม กลุ่มของหยางม่านลี่ยอมแพ้ที่จะบุกเข้าไปในรัง ด้วยการที่มีมอนสเตอร์ระดับสูงขวางทาง ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะบุกเข้าไป   ถ้ารังยังไม่เคยมีใครบุกเข้าไปก่อน มอนสเตอร์มันจะไม่มากองกันอยู่ที่ข้างหน้า ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาสามารถลอบเข้าไปฆ่ามอนสเตอร์ทีละตัวๆได้ แต่ทว่าตอนนี้มอนสเตอร์นับพันมาขวางทางเข้าไว้หมดแล้ว และทางมันก็แคบจนลงไปได้ทีละคน ทำให้ยากที่จะบุกเข้าไปได้   ทุกคนมองมาที่หานเซิ่น ซึ่งมีคนอยู่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้น “ลงไปดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หานเซิ่นยิ้ม และบอกให้แกมเบิลกับอีก 2 ค นตามเขาลงไปด้วย   แกมเบิลและสมาชิกหน่วยพิเศษอีก 2 คนพยักหน้า และตามหานเซิ่นลงไปในรัง   หลังจากเดินทางผ่านเส้นทางมา ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่มีกำแพงสีเขียวถูกทำลาย มีโล่โลหะZหลายอันถูกยัดไว้เพื่ออุดรูที่กำแพงถูกทำลาย พื้นบริเวณโดยรอบมีร่องรอยการต่อสู้จำนวนมาก ซึ่งดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง   ผ่านช่องว่าง พวกเขามองเห็นมอนสเตอร์จำนวนมากกำลังกระแทกกำแพง และใช้เล็บของมันข่วนกำแพงจากอีกฝั่ง เมื่อพวกมอนสเตอร์เห็นพวกเขาทั้ง 4 คนก็เริ่มบ้าคลั่ง พวกมันพยายามจะดันโล่ออก เพื่อจะเข้ามาฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆ