Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 301 รังมอนสเตอร์อีกเเล้ว
Super God Gene – ตอนที่ 301 รังมอนสเตอร์อีกเเล้ว

บูมเมอร์แรงโกสบัตเตอร์ฟรายไซด์โค้งในอากาศ และพุ่งตรงไปที่เป้าหมาย   หยางจื่อคุนยิ้มออกมา เขาเองก็สามารถทำให้บูมเมอแรงโค้งแบบนั้นได้เหมือนกัน แต่กระนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปาให้โดนกลางเป้าที่อยู่ข้างหลัง เป้าหมายทั้ง 2 อันมันอยู่ใกล้กันเกินไป ถึงจะใช้การโค้งแบบนั้น มันก็ยังไม่พอที่จะทำให้บูมเมอแรงโดนกลางเป้าได้   แต่เมื่อบูมเมอแรงเข้าไปใกล้เป้าหมายแรก อยู่ๆมันก็หมุนรอบๆเป้าหมายแรก และพุ่งไปชนเป้าที่ 2   ทุกคนช็อค พวกเขาไม่เคยเห็นบูมเมอแรงอันไหนหมุนได้อย่างแปลกประหลาดแบบนั้น   หยางจื่อคุนเองก็ตกตะลึง แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เป้าแรกมันบดบังสายตาของเขาอยู่ ทำให้เขาไม่สามารถเห็นเป้าที่ 2 ได้ว่าบูมเมอแรงมันโดนกลางเป้าจริงๆรึเปล่า หยางจื่อคุนรีบวิ่งไปดูทันที เขาดันเป้าแรกออกไป   ทุกคนเบิกตากว้าง บูมเมอร์เเรงโกสบัสเตอร์ฟรายปักอยู่ตรงกลางเป้าหมาย โดยไม่ผิดพลาดแม้แต่มิลเดียว   หยางจื่อคุนรู้สึกช็อคยิ่งไปกว่าเดิม เขาหยิบบูมเมอร์แรงโกสบัสเตอร์ฟรายออกมาดู เขาวางมันลงในมือ และมองดูมันอย่างละเอียด   มันไม่ได้มีอะไรแปลกไปจากบูมเมอแรงปรกติ ดีไซต์ของมันก็ดูธรรมดาๆ ถ้าบูมเมอแรงนี้ไม่ได้พิเศษอะไรก็แสดงว่าหานเซิ่นทำให้มันโค้งแบบนั้นได้ด้วยอาศัยฝีมือของเขาเอง   หยางจื่อคุนเดินไปหาหานเซิ่น พร้อมกับบูมเมอร์แรงโกสบัพเตอร์ฟรายและพูด “ผมเชื่อในฝีมือบูมเมแรงอันสุดยอดของคุณแล้ว ผมจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง”   หานเซิ่นยิ้มและพูด “แต่ดูท่าทางนายจะไม่ค่อยมั่นใจฉันเท่าไหร่ นายคงคิดว่าฉันใช้ประโยชน์จากบูมเมอแรงนี้ใช่ไหม นั่นมันก็ไม่แปลก ฉันจะยกบูมเมอแรงอันนั้นให้นาย และถ้าวันไหนที่นายสามารถทำแบบที่ฉันทำได้ ฉันจะพานายไปที่หนองน้ำแห่งความมืด”   ตาของหยางจื่อคุนเป็นประกายขึ้นมาทันที “คุณพูดจริงใช่ไหม?”   “ฉันดูเหมือนคนโกหกหรอ?” หานเซิ่นยิ้มและพูด   “ไว้ใจได้เลย ผมจะฝีกจนทำแบบคุณได้ภายใน 1 เดือนแน่นอน” หยางจื่อคุนพูดอย่างมั่นใจ   “ฉันก็หวังว่านายจะทำสำเร็จ” เมื่อมองดูหยางจื่อคุน หานเซิ่นก็คิดว่าเด็กคนนี้คงจะคิดว่าเขาใช้ประโยชน์จากรูปทรงของบูมเมอแรงโกสบัสเตอร์ฟราย แต่นั่นมันก็แค่เหตุผลหนึ่ง จริงอยู่ที่บูมเมอแรงโกสบัพเตอร์ฟรายก็สำคัญ แต่หัวใจหลักของการโค้งแบบนั้นก็คือหลักการของคลื่นหยินหยาง และหลักการการหมุนของหอกบีทเทิลไนท์ ถ้าหยางจื่อคุนยังไม่ได้เรียนรู้หลักพวกนั้น เขาก็ไม่มีทางทำแบบหานเซิ่นได้   แต่อย่างไรก็ตามหานเซิ่นก็ไม่อยากจะทำให้หยางจื่อคุนเสียความมั่นใจ มันเป็นเรื่องที่ดีที่หยางจื่อคุนมีไฟในการฝึกซ้อมขึ้นมา ซึ่งมันยังช่วยให้หน่วยพิเศษไม่ต้องดูแลเขามาก   เมื่อหยางจื่อคุนอยู่ในก็อตแซงชัวรี่นานๆ และได้เนื้อระดับสูงกินเป็นประจำ เมื่อถึงตอนนั้นถึงเขาจะไปที่หนองน้ำแห่งความมืดก็จะเสี่ยงน้อยลง   “หัวหน้า ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณจะมีทักษะในการใช้บูมเมอแรงที่สูงขนาดนั้น” หยางม่านลี่เดินมาหาหานเซิ่นและพูดชมเขา   หานเซิ่นมองไปที่เธอด้วยความประหลาดใจ “หูฉันไม่ได้เพี้ยนไปใช่ไหม? เธอกำลังชมฉัน”   หยางม่านลี่หน้าแดงเล็กน้อย เธอรีบพูด “ฉันรายงานต่อเบื้องบนไปแล้วว่าฉันจะไปก็อตแซงชัวรี่เขต 2 เร็วๆนี้ คุณต้องหารองหัวหน้าคนใหม่ในเร็วๆนี้”   “ขอบคุณสำหรับงานหนักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา” หานเซิ่นพูดอย่างเป็นกันเอง หยางม่านลี่ช่วยเขาไว้มากจริงๆ เธอดูแลงานของหน่วยพิเศษเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะตอนที่เขาหายตัวไป หานเซิ่นรู้สึกเป็นหนี้เธอ   “ก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ไม่ใช่ที่ที่คู่ควรกับความสามารถของคุณ คุณไม่ควรจะอยู่ที่นี่นานนัก” หยางม่านลี่พูดและเดินจากไป   หานเซิ่นเข้าใจเจตนาของหยางม่านลี่ดี เธอเตือนเขาเพราะเคารพในความเป็นหัวหน้าของเขา   หานเซิ่นถอนหายใจและคิด ‘จริงๆผมก็ไม่อยากอยู่ที่นี่หรอก แต่ในเมื่อเป้าหมายยังไม่สำเร็จ ผมไม่มีทางไปจากที่นี่’   เมื่อเห็นทั้งศัตรู เพื่อน คู่แข่งและคนรู้จักทยอยวิวัฒนาการไปทีละคน 2 คน หานเซิ่นก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองช้ากว่าคนอื่นเลย ตอนนี้สิ่งที่เขาทำคือรวบรวมกำลังและกระโดดให้ได้สูงกว่าคนอื่นๆ   ขอแค่เขาได้วิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยขั้นสุดยอด เขาจะทำได้ดีกว่าทุกคนในก็อตเเซงชัวรี่ 2 จุดหมายของหานเซิ่นตอนนี้ไม่ใช่แค่เก็บจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิแล้ว   ตั้งแต่หานเซิ่นกลับมา เขาก็ฝึกมนตรานอกรีตกับพาโนราม่าอย่างหนัก ถึงมีโอการในการล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ หานเซิ่นก็ยังไม่ยอมเสียเวลา   แม้กระนั้นเขาก็ยังไปเข้ารวมการล่ากับกลุ่มอื่นๆในบางครั้ง ช่วงที่ผ่านมาหานเซิ่นได้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิมาอีก 7 จีโนพ้อย ทำให้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิของเขามาอยู่ที่ 73 แล้ว ซึ่งไม่ไกลจาก 100 มากนัก   แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดหมายของหานเซิ่น ตอนนี้เขามีจีโนพ้อยขั้นสุดยอดเพียงแค่ 19 หนทางยังอีกยาวไกล มันเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว ตั้งแต่ที่เขาป้อนคริสตัลสีดำให้คราวด์บีสกิน ซึ่งมันวิวัฒนาการเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิตั้งแต่ 3 เดือนก่อนแล้ว และมันก็ยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นประมานว่ายังต้องการเวลาอีกครึ่งปี ถึงจะกลายเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด ซึ่งรวมๆแล้วมันต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะวิวัฒนาการเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด   แต่หนึ่งปีก็ยังนานเกินไปสำหรับหานเซิ่น เขาไม่ต้องการที่จะรอนานขนาดนั้น ถ้ารอเขาต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี ถึงจะได้วิวัฒนาการ ทำให้หานเซิ่นต้องออกไปล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดบ้าง แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่สามารถฝึกมนตรานอกรีตขั้นที่ 3 ให้ได้ และเขายังต้องการเวลาในการฝึกพาโนราม่าอีก ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะไปล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอด   เมื่อหานเซิ่นกลับไปเหยี่ยวดำและเริ่มฝึกพาโนราม่าในกลาดิเอเตอร์ต่อ อยู่ๆเขาก็ได้ข่าวที่น่าสนใจ มีใครบางคนค้นพบรังมอนสเตอร์ในภูเขาใกล้ๆเมืองสตีลอาเมอร์    

Super God Gene – ตอนที่ 300 นายทำได้ไหม
Super God Gene – ตอนที่ 300 นายทำได้ไหม

“เขาเป็นใคร?” หานเซิ่นรู้ว่าหยางม่านลี่โกหก แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะตำหนิอะไรเธอ   “หยางจื่อคุน หลานชายของวุฒิสมาชิกหยางซิวเหวิน คนที่เป็นกึ่งเทพ(อยู่ในก็อตเเซงชัวรี่เขต 4)…” หยางม่านลี่บอกหานเซิ่นทุกอย่างเกี่ยวกับหยางจื่อคุน   หยางจื่อคุนพึ่งจะอายุ 16 ปี และเข้ามาในก็อตเเซงชัวรี่เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน เขาถูกสุ่มมาลงที่เมืองสตีลอาเมอร์ และหน่วยพิเศษของสตีลอาเมอร์ก็ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนทันที คำสั่งคือให้หน่วยพิเศษให้ความช่วยเหลือหยางจื่อคุนอย่างเต็มที่ และทำให้เขาล่าอย่างปลอดภัยที่สุด   เนื่องจากเติบโตมาในตระกูลที่มีอิทธิพล หยางจื่อคุนจึงได้รับการศึกษาที่ดีและยังมีมารยาทที่ดีด้วย แต่กระนั้นเด็กหนุ่มชาติตระกูลสูง แม้จะเป็นคนสุภาพและถ่อมตน แต่เขาก็เป็นคนที่มีจิตใจแน่วแน่มาก เขาจะไม่เปลี่ยนความตั้งใจ ไม่ว่าคนอื่นๆจะพูดยังไง   เห็นได้ชัดว่าหยางจื่อคุนเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมาก เขามักจะมองหาความท้าทายอยู่เสมอ เขามาอยู่ในก็อตแซงชัวรี่ได้เพียงไม่กี่วัน เขาก็มองหามอนสเตอร์กลายพันธ์ล่าแล้ว แกมเบิลที่ติดตามเขาไปยังเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เมื่อไปกับหนุ่มคนนี้   หยางม่านลี่พยายามพูดกับหยางจื่อคุน และขอให้เขาอย่าทำอะไรเกินตัว แต่ก็ไม่สำเร็จ   “แสงสว่างจะมาหาพวกเราในตอนที่กำลังดิ้นรนระหว่างความเป็นและความตาย ซึ่งมันก็คือแก่นแท้ของวิชาศิลปะการต่อสู้..” หยางม่านลี่ไม่รู้ว่าหยางจื่อคุนไปได้ยินประโยคนี้มาจากที่ไหน เธอไม่สามารถพูดกับหนุ่มคนนี้ได้อีกแล้ว   ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งจากเบื้องบน หยางม่านลี่จะไม่สนว่าเขาต้องการไปเสี่ยงชีวิตขนาดไหน เธอก็จะปล่อยให้เขาไปตามใจ แต่เนื่องจากถูกสั่งมาแล้ว และถ้ามีอะไรกับหยางจื่อคุนละก็ หน่วยพิเศษของสตีลอาเมอร์จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้   “ฉันจัดการเอง พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปพบเด็กคนนั้นด้วยตัวเอง” หานเซิ่นวางสายด้วยรอยยิ้ม   ในวันถัดมา หานเซิ่นเข้าไปในสตีลอาเมอร์ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เขาต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นหยางจื่อคุนกำลังฝึกใช้บูมเมอแรงในลานฝึก   หยางม่านลี่แนะนำหานเซิ่นให้หยางจื่อคุนรู้จัก หยางจื่อคุนเป็นคนที่สุภาพ ในสายตาของหานเซิ่น เขาเป็นแค่เด็กหนุ่มทั่วๆไป   “คุณหาน ถ้าเป็นไปได้ ผมหวังว่าคุณจะจัดให้ใครสักคนพาผมไปที่หนองน้ำแห่งความมืด” คำพูดของหยางจื่อคุน ทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว แม้แต่คนที่เก็บจีโนพ้อยได้เต็ม ยังไม่อยากที่จะเข้าไปที่หนองน้ำแห่งความมืด เพราะมีน้อยคนที่จะรอดกลับมาได้เมื่อไปที่นั่น ไม่ต้องพูดถึงคนที่พึ่งเข้ามาในก็อตเเซงชัวรี่อย่างหยางจื่อคุน   ก่อนที่หยางม่านลี่จะพูด หานเซิ่นห้ามเธอไว้ก่อน “หยางจื่อคุน ทำไมนายถึงอยากไปที่หนองน้ำแห่งความมืด?” หานเซิ่นถามพร้อมกับยิ้ม   “ที่หนองน้ำแห่งความมืดมีแมลงมีพิษจำนวนมาก ซึ่งมันเป็นเป้าหมายที่เพอร์เฟค สำหรับการฝึกบูมเมอแรงของผม” หยางจื่อคุนลูบที่บูมเมอแรงของเขา ซึ่งมันคือบูมเมอแรงที่แพงที่สุด ผลิตจากโลหะz   “ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ดูเหมือนมันจะเป็นที่ที่เหมาะกับการฝึกบูมเมอแรงจริงๆ แต่ฉันไม่คิดว่าฝีมือของนายสูงพอที่จะไปฝึกที่นั่นได้ แค่ฝึกกับอสูรฟันทองแดงในป่าใกล้นี่ก็พอ” หานเซิ่นพูด   “คุณยังไม่ได้เห็นฝีมือบูมเมอแรงของผมเลย ทำไมคุณรีบตัดสินนัก?” หยางจื่อคุนขมวดคิ้ว เขารู้สึกไม่พอใจกับการด่วนตัดสินของหานเซิ่น   “ที่ฉันพูดแบบนั้นก็มาจากสัญชาติญาณของนักบูมเมอแรง” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยิ้ม   “คุณเองก็เป็นนักบูมเมอแรงเหมือนกันหรอ?” หยางจื่อคุนมองหานเซิ่นตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาสงสัยว่าหานเซิ่นพูดจริงหรือเปล่า เพราะว่านักบูมเมอแรงมีน้อยมาก คนส่วนมากถ้าคิดจะโจมตีจากระยะไกลก็จะใช้ธนูกันมากกว่า ไม่มีใครคิดจะใช้บูมเมอแรง   หานเซิ่นไม่ตอบคำถามของหยางจื่อคุน แต่เขาพูด “งั้นเอาแบบนี้ ฉันจะชี้ไปที่เป้าหมาย ถ้านายขว้างโดนเป้าหมาย ฉันจะให้คนพานายไปที่หนองน้ำแห่งความมืด แต่ถ้าไม่โดน นายจะต้องทำตามที่ฉันบอก ฟังดูยุติธรรมดีใช่ไหม?”   “ครับ แต่เป้าหมายต้องอยู่ในระยะ 60 ฟุตจากตัวผมนะ” หยางจื่อคุนมั่นใจในฝีมือบูมเมอแรงของเขามาก   “นายจะเข้าไปใกล้เท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ” หานเซิ่นพาหนุ่มน้อยไปที่ลานฝึกธนูของบูลอาย ที่นี้มีเป้าสำหรับฝึกซ้อมจำนวนมาก   หานเซิ่นวางเป้าหมายต่อกันเป็นแนวตรง โดยให้แต่ละอันอยู่ห่างกันหนึ่งฟุต   เนื่องจากเป้าหมายมีรูปทรงและขนาดเท่าๆกัน และเป้าทั้ง 2 ยังถูกตั้งอยู่ในแนวเดียวกัน ทำให้ไม่สามารถมองเห็นเป้าที่ 2 ได้ เพราะมันถูกเป้าที่ 1 บังอยู่   หยางจื่อคุนเริ่มสับสน ขณะยืนดู ไม่มีใครรู้ว่าหานเซิ่นต้องการจะทำอะไรกันแน่   “นายสามารถโจมตีให้โดยกลางเป้าจากระยะนี้ได้ไหม” หานเซิ่นเดินไปหาหยางจื่อคุนและชี้นิ้วไปที่เป้าหมาย   “แน่นอนอยู่แล้ว!” หยางจื่อคุนตอบ   “ฉันกำลังพูดถึงเป้าที่มันอยู่ข้างหลัง นายสามารถขว้างโดนเป้าจากจุดนี้ได้ไหม?” หานเซิ่นถาม   หยางจื่อคุนขมวดคิ้วและพูดกับหานเซิ่น “นี่มันไม่ยุติธรรม เป้าหมายมันอยู่ชิดกันเกินไป ถึงจะใช้การโค้งของบูมมเมอแรง แต่มันก็ยังไม่พอที่จะโดนเป้าหมายที่อยู่ข้างหลังได้”   “แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันสามารถทำมันได้ล่ะ?” หานเซิ่นถามหยางจื่อคุน   “คุณจะขว้างให้มันทะลุเป้าแรกไปเลยใช่ไหม? ถ้าคุณคิดจะทำแบบนั้น ผมเองก็ทำได้เหมือนกัน” หยางจื่อคุนพูด   “ถ้าบูมเมอแรงไปโดนเป้าแรกก็ถือว่าฉันเป็นฝ่ายแพ้” หานเซิ่นพูด   “ตกลง ถ้าคุณยืนอยู่ตรงนี้ และปาโดนกลางเป้าที่อยู่ข้างหลังได้ โดยไม่ได้สัมผัสถูกเป้าแรก ผมจะยอมเชื่อฟังคุณทุกอย่าง ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร” หยางจื่อคุนคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดออกมา   “นายเป็นคนที่รอบคอบดีจริงๆ” หานเซิ่นยิ้มและถามหยางจื่อคุน “โอเคใช่ไหม ถ้าฉันจะยืนอยู่ตรงนี้?”   “ครับ” หยางจื่อคุนมองหานเซิ่นด้วยความสงสัย   หานเซิ่นดูมั่นใจมาก จนทำให้หยางจื่อคุนต้องตั้งคำถามกับตัวเอง แต่หยางจื่อคุนก็ยังเชื่อว่าไม่น่าจะมีทางที่หานเซิ่นจะขว้างโดนเป้าหมายได้ เพราะเป้าที่อยู่ข้างหลังมันอยู่ใกล้กับเป้าแรกมากเกินไป ถึงบูมเมอแรงจะโค้งได้ก็จริง แต่ระยะแค่นั้นก็ไม่น่าจะพอ หยางจื่อคุนเชื่อว่าไม่มีทางที่หานเซิ่นจะขว้างโดนเป้าข้างหลังได้   แต่เมื่อดูจากท่าทางที่มั่นใจของหานเซิ่น ทำให้หยางจื่อคุนคิดว่าหานเซิ่นอาจจะมีวิธีทำมันได้จริงๆ หยางจื่อคุนมั่นใจว่าหานเซิ่นจะต้องเล่นลูกไม้อะไรแน่   ตรงกันข้ามเลย หานเซิ่นไม่คิดเล่นตุกติกอะไรเลย เขาเรียกบูมเมอแรงโกสบัสเตอร์ฟรายออกมา และขว้างมันไปที่เป้าหมาย