Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 293 พาโนราม่า
Super God Gene – ตอนที่ 293 พาโนราม่า

หานเซิ่นฆ่ามันอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เขาทำได้ และเขาก็ได้ยินเสียงในหัวของเขา   “คราวด์บีสขั้นสุดยอดถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินผลึกพลังชีวิตของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 จีโนพ้อยขั้นสุดยอด”   “มันได้ผล… คริสตัลสีดำมัน..” หานเซิ่นแทบพูดไม่ออก เขาไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่คิดว่าคริสตัลสีดำมันจะมหัศจรรย์ถึงขนาดที่วิวัฒนาการมอนสเตอร์เป็นขั้นสุดยอดได้   แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ชำแหละคราวดิ์บีส เนื้อของมันก็ละลายไปเสียก่อน และมีคริสตัลสีดำกับสีขาวตกอยู่บนพื้น   คริสตัลสีดำคืออันที่หานเซิ่นป้อนให้มันกิน ส่วนสีขาวที่มีขนาดใหญ่พอๆกับไข่นกพิราบก็คือผลึกพลังชีวิตของคราวด์บีส   หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อว่าคริสตัลสีดำมันจะสามารถผลิตจีโนพ้อยขั้นสุดยอดให้เขาได้ ซึ่งแม้แต่มนุษยชาติก็ยังไม่สามารถล่ามันได้   หานเซิ่นดีใจเหมือนกับคนบ้า เพราะในที่สุดเขาก็พบหนทางที่จะหาจีโนพ้อยขั้นสุดยอด และยังมีโอกาสได้วิญญาณอสูรขั้นสุดยอดด้วย ถ้าเขาได้วิญญาณอสูรขั้นสุดยอดละก็ บางทีเขาอาจจะสามารถฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ก่อนที่เขาจะฝึกมนตรานอกรีตสำเร็จขึ้นที่ 4 ซะอีก   หานเซิ่นรีบไปที่ตลาดทันที เขาซื้อคราวด์บีสมาอีก 1 ตัวและให้คริสตัลสีดำมันกิน เขาอยากรู้ว่ามันต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงมันจะวิวัฒนาการไปเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด   มันใช้เวลาประมาน 3 เดือน ถึงจะวิวัฒนาการไปเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ แต่เพื่อที่จะทำให้มันวิวัฒนาการเป็นขั้นสุดยอด หานเซิ่นเชื่อว่ามันต้องใช้เวลานานกว่านั้น แต่ยังไงมันน่าจะใช้เวลาอย่างมากสุดไม่เกิน 1 ปีครึ่ง เนื่องจากมันเป็นเวลาที่เขาหายตัวไปจากสตีลอาเมอร์   หลังจากที่ป้อนคริสตัลสีดำให้มันกินเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็เริ่มกินผลึกพลังชีวิตของคราวด์บีสอย่างมีความสุข “ผลึกพลังชีวิตของคราวด์บีสขั้นสุดยอดถูกกิน คุณได้รับ 1 จีโนพ้อยขั้นสุดยอด” “ผลึกพลังชีวิตของคราวด์บีสขั้นสุดยอดถูกกิน คุณได้รับ 1 จีโนพ้อยขั้นสุดยอด” …   หานเซิ่นได้ยินเสียงดังขึ้นในหัวอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้เขาก็รู้สึกเหมือนกับยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก   เขารู้สึกถึงพลังที่กำลังเอ่อล้นอยู่ในร่างกายของเขา เขารู้สึกว่ากระดูกและกล้ามเนื้อของเขากำลังพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ   ในท้ายที่สุดคราวด์บีสก็ได้เพิ่มจีโนพ้อยขั้นสุดยอดให้หานเซิ่นอีก 9 พ้อย ในตอนนี้หานเซิ่นมีจีโนพ้อยขั้นสุดยอดทั้งหมด 19 จีโนพ้อยแล้ว ซึ่งระดับความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นมาก   หานเซิ่นไปพบหลินเป้ยเฟิง และก็โอนเงินกับวิญญาณอสูรให้กับเขา ตอนนี้เขาไม่ต้องการให้อะไรมาขัดจังหวะเวลาชีวิตของเขา เพราะว่าเป้าหมายเพียงอย่างเดียวของเขาตอนนี้ก็คือการเก็บจีโนพ้อยขั้นสุดยอดให้เต็มให้ได้   เขาจะเป็นคนแรกของมนุษยชาติที่วิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยขั้นสุดยอด หานเซิ่นรู้ดีว่าคนที่วิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิจะได้รับฉายาผู้มีเกียรติ แต่สำหรับคนที่วิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยขั้่นสุดยอดจะต้องได้รับฉายาที่สูงยิ่งกว่านั้นแน่นอน   เขาพอจะจินตนาการออกว่าเขาและครอบครัวจะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง หากเขาสามารถวิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยขั้นสุดยอดจริง   สิ่งเดียวที่ทำให้เขาเป็นกังวลก็คือมันใช้เวลานานมากเกินไป เพราะการผลิตมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดด้วยคริสตัลสีดำ จากประสบการณ์ของเขา มันน่าจะต้องใช้เวลาตั้งแต่ 9 เดือนจนถึง 1 ปีกว่ามอนสเตอร์ที่กินคริสตัลสีดำจะวิวัฒนาการเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด ถึงมันจะเป็นเรื่องดี แต่หานเซิ่นไม่ต้องการรอถึงขนาดนั้น   ตอนนี้เขาต้องการมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอีกอย่างน้อยๆ 10 ตัวหรือมากกว่านั้น เพื่อที่จะเก็บจีโนพ้อยขั้นสุดยอดให้เต็ม ซึ่งเขาอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปี   วิธีการแก้ปัญหานี้มีเพียงวิธีเดียวคือเขาต้องล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดให้ได้ แต่เพื่อการนั้นหานเซิ่นต้องการเวลาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา   ขณะที่กำลังฝึกฝนมนตรานอกรีตขั้นที่ 3 อย่างต่อเนื่อง หานเซิ่นก็ได้ใช้ใบอนุญาตระดับSของสถาบันเซนท์ที่เขาได้มาจากไป๋อี้ซาน เพื่อซื้อวิชาไฮเปอร์จีโนที่ชื่อว่า พาโนราม่า   พาโนราม่าเป็นหนึ่งในวิชาที่มีชื่อเสียงที่สุดของสถาบันเซนท์ รู้จักกันในชื่อ ‘สารานุกรมของศิลปะการต่อสู้’ มันรวบรวมเทคนิคจากวิชาต่างๆ ในตอนแรกสถาบันเซนท์ต้องการพัฒนาวิชาที่รวบรวมเอาหลักพื้นฐานมาไว้ด้วยกัน เพื่อที่ทุกคนจะสามารถปรับปรุงสภาพร่างกายให้แข็งแกร่งทุกๆด้านได้ แต่ทว่ายิ่งใส่เทคนิคต่างๆเข้าไปมากๆ ตัวของวิชาก็ยิ่งต้องการคุณสมบัติของผู้ฝึกที่สูงขึ้น   ร่างกายของมนุษย์ทุกคนมีความแตกต่างกัน และวิชาต่างๆก็ต้องการระดับความแข็งแกร่งของร่างการที่แตกต่างกัน ซึ่งมันทำให้ยากที่จะมีใครสักคนที่สามารถฝึกทุกวิชาได้ ตัวอย่างเช่นคนที่มีความแข็งแรงมากๆ แต่ก็อาจจะขาดความรวดเร็วและยืดหยุ่น ทำให้เขาไม่สามารถฝึกวิชาที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงได้   พาโนราม่ารวบรวมเอาหลักพื้นฐานของทุกวิชาเข้ามา ซึ่งทำไมแทบจะไม่มีคนฝึกมันได้เลย   พาโนราม่าเวอร์ชั่นดั่งเดิมถูกสถาบันเซนท์ใช้ในฐานะสารานุกรม ทุกๆครั้งที่สามารถคิดขั้นสิ่งใหม่ๆได้ พวกเขาก็จะเพิ่มมันลงในพาโนราม่า ซึ่งมันทำให้พวกเขามีความสะดวกมากยิ่งขึ้นในการวิจัย   ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจากสถาบันเซนท์จะใช้พาโนราม่าแบบนั้น ทำให้มันกลายเป็นเหมือนกับสารานุกรมจริงๆ   ใบอนุญาตที่ใช้ในการซื้อพาโนราม่าจะต้องเป็นใบอนุญาตแบบพิเศษแบบเดียวกับที่ไป๋อี้ซานให้หานเซิ่นถึงจะใช้ซื้อมันได้ เนื่องจากมันเป็นที่รวบรวมความรู้มากมาย   แม้พาโนราม่าจะมียาปรับปรุงพันธุกรรมของมันเอง แต่สถาบันเซนท์ก็ไม่การันตีว่าจะสามารถฝึกพาโนราม่าได้สำเร็จ เนื่องจากมันเป็นวิชาไฮเปอร์จีโนที่ต้องการมากกว่าแค่ยาปรับปรุงพันธุกรรมถึงจะสามารถฝึกให้สำเร็จได้   เหตุผลที่หานเซิ่นเลือกพาโนราม่า เพราะเขาเชื่อว่าถ้าเขาต้องการที่จะล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดให้ได้ อย่างน้อยๆเขาก็ต้องเพิ่มระดับความแข็งแกร่งทางร่างกายให้ได้มากที่สุด และขจัดจุดอ่อนทั้งหมดของเขา   หานเซิ่นไม่ได้รับการศึกษาที่ดีในช่วงวัยเด็ก ดังนั้นพื้นฐานบางอย่างของเขาจึงไม่ดีนัก บางอย่างที่เขาถนัดจริงๆเขาก็ทำมันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่บางอย่างเขาก็อาจจะทำได้ไม่ดี   ดังนั้นหานเซิ่นต้องการเริ่มจาก 0 และทำให้เขาสมบูรณ์แบบในทุกๆอย่าง เพื่อที่เขาจะสามารถล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้    

Super God Gene – ตอนที่ 292 มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่ต่างออกไป
Super God Gene – ตอนที่ 292 มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่ต่างออกไป

“ความหิวนี่มันเกินจะต้านทานได้จริงๆ” ขณะกำลังขี่เหมียว หานเซิ่นรู้สึกหิวกระหายอย่างมาก ถึงเขาจะเกินเนื้อไปมากกว่า 10 ปอนด์แล้วก็ตาม ถ้าเขายังกินต่อไปท้องของเขาก็อาจจะแตกตายได้   แต่ทว่านอกเหนือจากความรู้สึกหิวอย่างรุนแรงแล้ว เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลัง มันเป็นความรู้สึก 2 อย่างที่ตรงกันข้ามกันอยู่ในร่างกายของเขา ซึ่งทำให้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้อาสาฝึกก่อนหน้านี้ถึงยอมแพ้ไป มันเป็นความทรมานที่หนักหนาสาหัสจริงๆ   ยิ่งหานเซิ่นฝึกมันมากขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกหิวของเขาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น หานเซิ่นพยายามล่ามอนสเตอร์ระหว่างทาง และกินเนื้อของมัน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น   ขณะที่เขารู้สึกว่าหิวจนแทบทนไม่ได้ พลังความแข็งแกร่งของเขากลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่หัวใจของเขาก็แข็งแกร่งและสูบฉีดเลือดได้ดีขึ้น   ในแผนที่ที่หวงฟูผิงชิงให้มา เส้นทางทุกเส้นทางถูกคนจากสถาบันเอเรสทดสอบแล้ว ซึ่งเส้นทางแต่ละเส้นที่แผนที่แนะนำจะไม่มีอันตราย   แม้แต่เส้นทางที่อันตรายทีสุดยังถูกเขียนไว้อย่างละเอียด วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือวิธีหลบเลี่ยงอันตรายก็มีเขียนออกเอาไว้หมด   หลังจากที่หานเซิ่นเริ่มเดินทางตามเส้นทางที่แผนที่เขียนไว้ เขาก็เข้าใจว่าว่าทำไมแผนที่นี้ถึงมีมูลค่าที่สูงมาก คุณค่าของมันเหมือนกับที่หวงฟูผิงชิงพูด ดูแล้วค่าของมันมากยิ่งกว่าวิญญาณอสูรกลายพันธ์ 5 ดวงซะอีก ด้วยแผนที่นี่มันง่ายมากที่จะทำธุรกิจค้าขายวิญญาณอสูรระหว่างเมือง แผนที่นี้คือความลับทางการค้าอย่างแท้จริง   หานเซิ่นไม่รู้ว่าทำไมหวงฟูผิงชิงถึงได้ยอมให้แผนที่นี้กับเขามา แต่เหมือนครั้งนี้เขาจะติดหนี้เธอแล้ว   หลังจากที่ผ่านไปครึ่งปี หานเซิ่นก็เดินทางผ่านเมืองทั้ง 5 เมือง เขาไม่อยากจะคิดถึงช่วงเวลานั้นอีกต่อไป ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นการเดินทางที่อันตราย แต่เหตุผลหลักก็คือเขารู้สึกหิวอย่างรุนแรง ในขณะที่ฝึกมนตรานอกรีต   หานเซิ่นรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น เขาทรมานมากๆในช่วง 2 เดือนแรกของการฝึก แต่ในที่สุดเขาก็ยังอดทนฝึกมันจนสำเร็จขั้นแรก ในตอนนี้ทั้งหัวใจและเส้นเลือดของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก   เหตุผลหลักที่ทำให้เขาทนต่อความทรมานจากความหิวได้ ก็เพราะว่าเขาฝึกวิชากายหยกมา ความเย็นจากกายหยกไหลไปทั่วร่างจนเขาสามารถลดความทรมานจากความหิวลงไปได้บ้าง   ความหิวหายไปทันที หลังจากที่เขาฝึกสำเร็จในขั้นแรก แต่กระนั้นในช่วง 3 เดือนแรกของการฝึก น้ำหนักของหานเซิ่นลดลงมาจาก 170 ปอนด์เหลือ 110 ปอนด์ ตัวของเขาผอมจนเหมือนกับหนังหุ้มกระดูก   เนื่องจากยังไม่เคยมีใครฝึกขั้นแรกสำเร็จ ทำให้หานเซิ่นมั่นใจว่าคงไม่เคยมีใครรับรู้ความรู้สึกแบบเดียวกับเขาอีกแล้ว   หลังจากสำเร็จในขั้นเเรก หานเซิ่นเริ่มฝึกขั้นที่ 2 ของมนตรานอกรีต เห็นภาพล่วงตา ไม่นานหานเซิ่นก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเหมือนกับดอกไม้ที่กำลังได้รับน้ำ หลังจากที่กินเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์เข้าไปน้ำหนักของเขาก็ค่อยๆกับมา   ความหิวของเขาหายไปจนหมดแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกตรงกับข้ามกับที่ผ่านมา ในระหว่างการฝึก เขากับรู้สึกอิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนว่าร่างกายของเขาทุกส่วนแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในตอนนี้ทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ การเผาผลานออกซิเจน ความทนทานของกล้ามเนื้อของเขาเหนือกว่าคนปรกติทั่วไปมาก   ครึ่งเดือนก่อนที่เขาจะเดินทางถึงสตีลอาเมอร์ หานเซิ่นก็ฝึกสำเร็จในขั้นที่ 2 ในตอนนั้นหานเซิ่นก็ได้รับรู้ถึงพลังของวิชามนตรานอกรีต   เขาเริ่มมีความมั่นใจแล้วว่าถ้าเขาสามารถฝึกมันสำเร็จหมดทั้ง 4 ขั้น เขาน่าจะสามารถฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้   บางทีเขาอาจจะไม่ต้องรอถึงขนาดนั้น ถ้าเขาฝึกสำเร็จขั้นที่ 3 ได้สำเร็จ เขาก็จะน่าจะทำให้มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดบาดเจ็บได้แล้ว อย่างน้อยๆเขาก็น่าจะทำอะไรกับลูกโกลเด้นโกรวเลอร์ได้บ้าง   แต่ทว่าเมื่อหานเซิ่นเริ่มฝึกในขั้นที่ 3 ความก้าวหน้าของเขาก็เริ่มช้าลง   เขายังสามารถรับรู้ถึงความก้าวหน้าได้อยู่ แต่เขาก็ยังไม่สามารถฝึกขั้น 3 ให้สำเร็จได้ใน 3 เดือน หานเซิ่นลองประมานแล้ว เขาน่าจะสามารถฝึกขั้นที่ 3 ได้สำเร็จใน 1 ปี   หลังจากที่กลับมาสตีลอาเมอร์ หานเซิ่นก็เก็บจีโนพ้อยกลายพันธ์ได้ครบแล้ว แต่เนื่องจากเขาเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดในการเดินทาง เขาจึงไม่เจอกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิเลย   หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกแย่เกี่ยวกับมันมาก เพราะดูจากความก้าวหน้าของเขาตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปสำหรับการฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ   หลังจากที่ฝึกขั้น 2 สำเร็จ ระดับของหานเซิ่นก็ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ผู้ยังไม่วิวัฒนาการอีกต่อไป ตอนนี้เขามั่นใจมากว่าเขาแข็งแกร่งกว่าซินเสวียนที่ฝึกอะตอมมิคฟิชชั่นได้สมบูรณ์ซะอีก มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิส่วนมากคงไม่สามารถต้านทานพลังของเขาตอนนี้ได้   และด้วยคริสตัลสีดำอันมหัศจรรย์ของเขา ทำให้หานเซิ่นไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาตอนนี้ก็คือหามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดให้เจอและฆ่ามันให้ได้   การเก็บจีโนพ้อยขั้นสุดยอดให้เต็มกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของหานเซิ่น แค่จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิไม่อาจเติมเต็มความต้องการของหานเซิ่นได้อีกต่อไป   ระหว่างทางเขาได้ซื้อขายวิญญาณอสูรในเมืองต่างๆเป็นจำนวนมาก เขาสามารถทำเงินได้มหาศาล ถ้าเขาใช้เวลามากกว่านี้ในการหาซื้อวิญญาณอสูร เขาน่าจะสามารถทำเงินได้มากกว่านี้   แต่ถึงจะแบบนั้น เขาก็ได้กำไรมากกว่า 600 ล้านดอลลาร์ ยิ่งกว่านั้นเขายังเหลือวิญญาณอสูรที่ยังไม่ขายอยู่อีกในตอนที่กลับถึงสตีลอาเมอร์   ในตอนนี้หานเซิ่นไม่ได้ต้องการเงินมากนัก ถ้าเงินไม่สามารถเปลี่ยนเป็นวิญญาณอสูรหรือของที่เขาต้องการได้แล้ว มันก็เป็นแค่เศษกระดาษเท่านั้น   แม้ 600 ล้านจะไม่ใช่เงินก้อนโตอะไร แต่สำหรับหานเซิ่นมันก็เพียงพอที่จะช่วยเหลือครอบครัวของเขาได้   หลังจากกลับมาสตีลอาเมอร์ เขากลับไปที่ห้องของเขาทันที เขาทิ้งมอนสเตอร์ที่เขาให้มันกินคริสตัลสีดำไปมากกว่า 1 ปีแล้ว และเขารู้สึกว่าเสียเวลาไปมากแล้ว   แต่เมื่อหานเซิ่นกลับไปถึงห้อง และเห็นมอนสเตอร์ที่เขาขังไว้ในกรง เขาก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น   มอนสเตอร์ตอนนี้เขาเคยป้อนคริสตัลสีดำให้มันกินมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เจ้าตัวนี้มันวิวัฒนาการไม่เหมือนกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่เขาเคยเห็นมา เจ้าตัวนี้มันมีลักษณะโปรงใสและมีออร่ารอบๆตัว   “ทำไมมันถึงดูต่างจากตัวก่อนหน้านี้?” หานเซิ่นจ้องมอนสเตอร์ในกรง มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวเขาตอนนี้ และมันก็ทำให้เขารู้สึกสั่นไปทั้งตัว