Archive for Uncategorized
“คุณได้รับวิญญาณอสูรเฟลมเลฟเทนแนนท์เลือดศักดิ์สิทธิ” หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้วิญญาณอสูรขั้นสุดยอด แต่เขาก็เข้าใจว่าโอกาสมันน้อยมากยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่ซะอีก แต่ยังไงวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิก็ถือว่าเป็นอะไรที่วิเศษมากแล้ว เขารีบเรียกวิญญาณอสูรดวงใหม่ออกมาทันที มีลูกไฟลึกลับปรากฏออกมาต่อหน้าหานเซิ่น มันกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีแดง ดูเหมือนเปลวไฟเวทย์มนต์ ชนิดของวิญญาณอสูรเฟลมเลฟเทนแนนท์ : ออร่า เมื่อเห็นอักษรคำว่า ‘ออร่า’ ความผิดหวังของหานเซิ่านก็หายไปทันที และกลายเป็นความรู้สึกตื่นเต้นและยินดีแทน คำว่าออร่ามันเจิดจรัสมากในสายตาของหานเซิ่น คำว่ายากยังไม่อาจจะบรรยายถึงความขาดแคลนวิญญาณอสูรชนิดนี้ได้ แม้แต่วิญญาณอสูรออร่าระดับกลายพันธ์ยังขายได้ราคามหาศาล และไม่ใช่เพียงแค่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 เท่านั้น แม้แต่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 วิญญาณอสูรออร่าก็เป็นที่ต้องการ แม้จะเป็นแค่ระดับกลายพันธ์ก็ยังได้รับความนิยมสูงมาก ถึงจะมีความจริงที่ว่าวิญญาณอสูรของก็อตเเวงชัวรี่เขต 1 จะไร้ประโยชน์ในก็อตเเซงชัวรี่เขต 2 ก็ตาม แต่ตราบใดที่มันคือออร่า วิญญาณอสูรอื่นๆที่อยู่ใกล้มันจะได้รับพลังที่เพิ่มขึ้น เท่าที่หานเซิ่นรู้มา เซินเทียนจื่อมีวิญญาณอสูรออร่ากลายพันธ์อยู่ เมื่อเขาเรียกมันออกมา มันสามารถเพิ่มพลังวิญญาณอสูรอื่นๆที่อยู่ในรัศมี 30 ฟุตรอบๆมันได้อีก 20% วิญญาณอสูรอาวุธจะมีความคมมากขึ้น ชุดเกราะและโล่จะแข็งแกร่งกว่าเดิม หรือแม้แต่วิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างก็จะสามารถเพิ่มพลังให้กับผู้ใช้ได้มากขึ้น สำหรับการล่าแบบเป็นทีมแล้ว วิญญาณอสูรออร่าถือเป็นหัวใจสำคัญ เนื่องจากวิญญาณอสูรออร่าสามารถเพิ่มพลังให้กับวิญญาณอสูรอื่นๆในระยะได้ ถ้ามีวิญญาณอสูรออร่าหลายๆดวงอยู่ในทีมเดียวกันแล้ว มันก็จะยิ่งเพิ่มพลังได้อีกมหาศาล โชคไม่ดีที่วิญญาณอสูรออร่าเป็นสิ่งที่หายากมาก ทั้งเมืองสตีลอาเมอร์เหมือนจะมีแค่เซินเทียนจื่อที่มีวิญญาณอสูรออร่าระดับกลายพันธ์ แม้แต่หวงฟูผิงชิงที่ทำธุระขายวิญญาณอสูรก็ยังไม่มีวิญญาณอสูรประเภทออร่ามาขาย ทุกๆทีมต่างก็ปรารถนาที่จะมีมันไว้ในครอบครอง ถ้าหากเขานำวิญญาณอสูรออร่าไปยังก็อตแซงชัวรี่เขต 2 จะต้องมีทีมหลายที่อยากจะดึงตัวเขาไปร่วมทีมด้วยอย่างแน่นอน วิญญาณอสูรออร่ามีค่ามากที่สุดในบรรดาวิญญาณอสูรชนิดต่างๆ เนื่องจากคุณค่ามหาศาลของมัน และยังเป็นที่ต้องการสูง หานเซิ่นไม่เคยคาดหวังเลยว่าเขาจะได้รับวิญญาณอสูรออร่า เพราะยากมากที่จะได้มันมา และครั้งนี้เขาได้ระดับเลือดศักดิ์สิทธิ ซึ่งทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก “ฮาฮา คำภาวนาของผมเหมือนจะได้ผล วิญญาณอสูรออร่าจะทำให้ผมได้รับการต้อนรับอย่างดีไม่ว่าจะไปที่ไหน” หานเซิ่นดีใจมาก แต่เขาใช้เวลามากเกินไปแล้ว เขาเรียกวิญญาณอสูรเฟลมเลฟเทนแนนท์กลับ แลละเดินออกจากรัง ถึงเขาจะได้รับของดีมากแล้ว แต่หานเซิ่นก็ยังไม่ลืมที่จะแบล็คเมล์สวี่ยู่เหยียน เนื่องจากไม่มีอะไรเหลือในรังแล้ว หานเซิ่นก็สามารถฆ่าโกสอายแบร์กลายพันธ์ และขายนำมันให้กับสวี่ยู่เหยียนได้อย่างไม่ต้องห่วงอะไรอีก แต่หานเซิ่นไม่ได้คิดที่จะไปพบกับหล่อนโดยตรง เขาแค่ให้ฟู่ซานรู้ว่าเขามีความต้องการที่จะล่าโกสอายแบร์กลายพันธ์ และเขากังวลอยู่ว่าสวี่ยู่เหยียนอาจจะไม่สนใจมันแล้ว หลังจากฟู่ซานบอกสวี่ยู่เหยียนเกี่ยวกับความคิดของหานเซิ่น สวี่ยู่เหยียนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา และหล่อนก็ยอมที่จะซื้อโกสอายแบร์กลายพันธ์ทั้งหมดไม่ว่าหานเซิ่นจะหามาได้เท่าไหร่ แม้ว่าตอนนี้ทุกคนจะเหลือแต่วิญญาณอสูรกลายพันธ์ดวงสำคัญ เนื่องจากเอาไปแลกกับโกสอายแบร์ระดับโบราณหมดแล้ว แต่เมื่อสวี่ยู่เหยียนได้ยินว่าหานเซิ่นจะล่าโกสอายแบร์กลายพันธ์ เธอก็สัญญาว่าจะซื้อโกสอายแบร์กลายพันธ์ตัวละ 1 วิญญาณอสูรกลายพันธ์ และหล่อนยินดีซื้อทั้งหมดที่หานเซิ่นล่ามาได้ ถึงวิญญาณอสูรกลายพันธ์จะเป็นสิ่งมีค่ามาก แต่พวกมันก็ไม่อาจจะเทียบได้กับมูลค่าเมื่อพวกเขาสามารถเข้าไปในรังได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญต่อหล่อนมากที่สุดก็คือให้หานเซิ่นฆ่าโกสอายแบร์กลายพันธ์ให้ได้มากที่สุด เพื่อพวกเขาจะได้เข้าไปในรังได้ สิ่งที่ทำให้สวี่ยู่เหยียนมั่นใจในอำนาจต่อลอง เนื่องจากหานเซิ่นเองก็ติดอยู่ในเกาะนี้เช่นเดียวกัน เมื่อทีมช่วยเหลือมาถึง เขาก็ต้องขอขึ้นเรือเพื่อออกจากเกาะแห่งนี้ ในตอนนั้นเธอจะขอให้หานเซิ่นคืนวิญญาณอสูรทั้งหมด ซึ่งเขาจะต้องยอมเชื่อฟังอย่างแน่นอน ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็คงไม่อยากที่จะแก่ตายบนเกาะนี้อย่างแน่นอน สวี่ยู่เหยียนไม่รู้เรื่องที่หานเซิ่นไม่มีวันยอมรับความช่วยเหลือจากกลุ่มสตาร์รี่เด็ดขาด ที่สำคัญเธอยังไม่รู้เลยว่าหานเซิ่นสามารถบินออกจากเกาะนี้เมื่อไหร่ก็ได้ เพียงแค่เขายังไม่รู้ทิศทางที่แน่นอนว่าต้องบินไปทางไหนถึงจะไปเมืองได้ เมื่อเรือของกลุ่มสตาร์รี่มาถึง เขาก็ไม่ต้องการที่จะขึ้นเรือ ยังไงเขาก็สามารถบินตามพวกเขาจากระยะไกลๆได้ เขามั่นใจว่าสามารถบินถึงเกาะกรีนได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ความกังวลอย่างเดียวของหานเซิ่นตอนนี้คือกลุ่มสตาร์รี่จะไม่ส่งคนมามากกว่า ในกรณีนั้นเขาจะต้องเดาทางมั่วๆ และบินออกไปโดยยอมรับความเสี่ยงที่จะหลงทาง หานเซิ่นรู้ว่าถ้าเขาฆ่าโกสอายแบร์กลายพันธ์ต่อไปเรื่อยๆจนถึงระดับหนึ่ง ฝูงโกสอายแบร์จะเริ่มอ่อนแอ และพวกเขาก็จะไม่ต้องการซื้อโกสอายแบร์กลายพันธ์จากหานเซิ่นอีกต่อไป พวกเขาจะออกล่าด้วยตัวเอง เนื่องจากกลุ่มสตาร์รี่ยังไม่มาถึงสักที หานเซิ่นก็ไม่สามารถออกจากเกาะนี้ได้อยู่แล้ว เขาเลยใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการล่าโกสอายแบร์กลายพันธ์ และทุกๆ 3 วัน เขาจะเอามันไปแลกกับวิญญาณอสูรกลายพันธ์ หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน สวี่ยู่เหยียนก็เริ่มปรึกษากับฟู่ซานเรื่องที่จะบุกเข้าไปในรัง ตามที่เธอประมานการ กลุ่มสตาร์รี่น่าจะใกล้มาถึงเต็มทีแล้ว เธอต้องชิงทำลายไข่ก่อนที่ทีมช่วยเหลือจะมาถึง ไม่งั้นแล้วเธอจะถือว่าล้มเหลวอย่างดูไม่จืดในการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งมันจะส่งผลต้องตำแหน่งของเธอในกลุ่มสตาร์รี่ Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 893 แล้วครับ
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ พวกเขาก็ยากที่จะต้านทานความอยากที่จะกินเนื้อได้ ที่สำคัญพวกเขาแต่ละคนก็มีวิญญาณอสูรกลายพันธ์หลายดวง วิญญาณอสูรกลายพันธ์ที่มีความสำคัญไม่มากเริ่มถูกนำมาแลกเปลี่ยนกับโกสอายแบร์ระดับโบราณของหานเซิ่นเรื่อยๆ แต่กระนั้นสวี่ยู่เหยียนก็ไม่เคยมาพบหานเซิ่นด้วยตัวเองเลย เธอจะแลกเปลี่ยนโดยให้ฟู่ซานเป็นตัวแทน หานเซิ่นรู้เรื่องนี้ดี แต่เขาก็ไม่พูดอะไร หานเซิ่นวางแผนไว้ว่าจะใช้โกสอายแบร์โบราณแลกวิญญาณอสูรกลายพันธ์ที่ไม่ค่อยสำคัญของพวกเขามาให้หมดก่อน และหลังจากที่เขาทำลายไข่ได้แล้ว เขาก็จะฆ่าพวกโกสอายแบร์กลายพันธ์ และเอามันไปแลกวิญญาณอสูรสำคัญๆของพวกเขา ถ้าแบบนี้เขาจะได้ประโยชน์มากกว่าการฆ่าพวกเขา สวี่ยู่เหยียนยอมลงทุนมากมายขนาดนี้ แต่ถ้าหล่อนรู้ว่าไข่ถูกทำลายไปแล้ว หานเซิ่นอยากจะรู้ว่าหล่อนจะทำหน้ายังไง ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หานเซิ่นได้เรียนรู้เทคนิคการใช้มีดและฟุตเวิร์คแปลกๆของโครงกระดูก และเริ่มเห็นทางที่จะเอาชนะได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหานเซิ่นยังสนใจในเทคนิคของมัน เขาสามารถฆ่ามันได้ตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนแล้ว ในตอนนี้หานเซิ่นเรียนรู้เทคนิคของโครงกระดูกจนหมดแล้ว ซึ่งมันได้เวลาที่เขาจะฆ่ามัน และเข้าไปทำลายไข่แล้ว ตอนกลางคืน หานเซิ่นลอบเข้าไปในรังอีกครั้ง และก็ถูกโครงกระดูกโจมตีเหมือนที่โดนเป็นประจำ แต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งที่ผ่านๆมา หานเซิ่นไม่มีแผนที่จะหนี เขาจับฉมวก 3 แฉกแน่น และจ้องมองโครงกระดูกที่กำลังวิ่งเข้ามา ตอนนี้หานเซิ่นรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเทคนิคการใช้มีดและฟุตเวิร์คของมัน หานเซิ่นขยับเท้าเพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถหลบการโจมตีของมัน และใช้ฉมวก 3 เเฉกแทงสวนกลับไปในมุมที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ทั้งหานเซิ่นและโครงกระดูกมีสไตล์การต่อสู้ที่ยากจะคาดเดา แต่สิ่งที่ต่างกันคือหานเซิ่นมีอาวุธแค่อันเดียว ขณะที่โครงกระดูกมีมีด 2 เล่ม แต่ทว่าการต่อสู้ครั้งนี้หานเซิ่นกับดูเหนือกว่า เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโครงกระดูกตัวนี้ ราวกับว่าเขาสามารถควบคุมมันได้เลย ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจจังหวะและการโจมตีของมันอย่างสมบูรณ์แล้ว ฟุตเวิร์คและเทคนิคการใช้มีดของมันอาจจะดูเหมือนไร้รูปแบบ แต่จริงๆแล้วมันคือรูปแบบอย่างหนึ่ง ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมายิ่งเขาเข้าใจมันมากขึ้น รูปแบบของมันก็ยิ่งแคบลงเรื่อยๆ และในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจรูปแบบการโจมตีที่เหมือนไร้รูปแบบของมันอย่างลึกซึ้ง ในตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของโครงกระดูกดูน่าเบื่อมากสำหรับเขา มันไม่ได้ดูน่ากลัวอีกต่อไป หานเซิ่นพุ่งเข้าไปหาโครงกระดูกอย่างไม่ลังเล ในชั่วพริบตาหลังจากที่เขาปะทะกับโครงกระดูก หัวกะโหลกของมันก็ลอยขึ้นไปในอากาศทันที มีดคู่ของมันไม่สามารถทำอันตรายหานเซิ่นได้ และฟุตเวิร์คแปลกๆของมันก็ไม่สามารถหลบการโจมตีจากฉมวก 3 แฉกได้อีกต่อไป “สเกลตั้นคิงเลือดศักดิ์สิทธิถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เนื้อไม่สามารถกินได้” หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกผิดหวัง ถึงเขาจะไม่ได้วิญญาณอสูรหรือเนื้อจากการฆ่ามัน แค่ได้เรียนรู้เทคนิคของมันมาตลอด 3 เดือนก็เป็นอะไรที่คุ้มค่ามากแล้ว มันมีค่ายิ่งกว่าวิญญาณอสูรหรือเนื้อซะอีก และที่สำคัญเขาก็ยังได้รับเกียร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิที่เป็นมีดคู่ของมัน มันต่างจากขวานทองและค้อนอันใหญ่ที่เขาเคยได้ก่อนหน้านี้ มีดสั้นที่ทำมาจากกระดูกคู่นี้สามารถขายได้ราคาสู้มาก มันอยู่ระดับเดียวกับดาบเพชรของเขา และยังเป็นอาวุธคู่อีกด้วย หลังจากชื่นชมอาวุธใหม่อยู่สักพัก หานเซิ่นก็เก็บมัน และเดินไปต่อ เหมือนว่าทั้งรังจะไม่มีมอนสเตอร์ตัวอื่นอยู่เลย นอกจากสเกลตั้นคิง หลังจากเดินมาถึงส่วนท้ายของรัง เขาก็เห็นอะไรบางอย่างรูปทรงรีกำลังเรืองแสงอยู่ในกำแพงที่เป็นก้อนหินสีดำ ภายในรูปทรงรีนั้นมีแสงกระพริบๆ วัตถุรูปทรงรีนี้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเขาซะอีก มันมีลักษณะเหมือนกับไข่ที่เขาเคยเห็นในเน็ตไม่มีผิด หานเซิ่นยืนจ้องมองมัน และใช้ดาบเพชรฟันมัน เคร็ง! ไข่ถูกฟันขาดครึ่ง และมีของเหลวที่มีลักษณะเหนียวๆไหลออกมา “ไข่ถูกทำลาย กำลังสุ่มวิญญาณอสูร…” เสียงที่ได้ยินต่างจากตอนที่ฆ่ามอนสเตอร์ตัวอื่นๆ หานเซิ่นไม่ได้รับวิญญาณอสูรทันที หลังจากที่ทำลายมันแล้ว หานเซิ่นเคยอ่านข้อมูลส่วนนี้แล้ว เขารู้ว่าหลังจากที่ทำลายไข่ วิญญาณอสูรที่ได้รับจะมาในแบบสุ่ม ถึงจะมีโอกาสสุ่มได้ตั้งแต่วิญญาณอสูรระดับสามัญจนถึงเลือดศักดิ์สิทธิ แต่โดยประสบการณ์ของมนุษย์ส่วนมากที่ทำลายไข่ พวกเขาจะได้รับวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิ ยกเว้นคนที่ดวงซวยจริงๆ “ขอพระเจ้า อย่าให้ผมเป็นหนึ่งในคนดวงซวยพวกนั้นเลย ขอให้มันเป็นวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิ” หานเซิ่นภาวนา แม้โอกาสจะมีน้อยนิด แต่มันก็ยังมีโอกาสที่เขาจะได้วิญญาณอสูรระดับต่ำ ก่อนที่ลืมตามองวิญญาณอสูร เขาค่อนข้างกังวลมาก หลังจากที่ภาวนา หานเซิ่นก็ชะงักไปเหมือนว่าเขามีความคิดอะไรดีๆผุดขึ้นมา ถ้าวิญญาณอสูรที่ได้จากการทำลายไข่เป็นแบบสุ่มจริง มันก็ควรจะมีโอกาสได้รับวิญญาณอสูรขั้นสุดยอดด้วย ในอดีตที่ผ่านมาหานเซิ่นไม่เคยรู้ว่ามีมอนสเตอร์ระดับเหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิอยู่ แต่เนื่องจากเขาได้ค้นพบมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดแล้ว มันก็น่าจะต้องมีวิญญาณอสูรขั้นสุดยอดเช่นเดียวกัน เนื่องจากมันสุ่ม เขาก็อาจจะได้วิญญาณอสูรขั้นสุดยอดก็ได้ “พระเจ้า ลืมคำภาวนาก่อนหน้านี้ไป ผมขอภาวนาอีกครั้ง โปรดให้ผมได้วิญญาณอสูรขั้นสุดยอดด้วยเถอะ นี่อาจจะเป็นวิญญาณอสูรขั้นสุดยอดดวงแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ท่านต้องช่วยผม เรื่องอื่นผมไม่สน ถ้าผมได้วิญญาณอสูรขั้นสุดยอด ผมจะนับถือท่านตลอดไป…” หานเซิ่นเริ่มภาวนาใหม่อีกครั้ง ของเหลวที่ไหลออกมาจากไข่เริ่มส่องแสง และรวมตัวกันเป็นอะไรบางอย่าง มันดูเหมือนกับภาพโฮโลแกรม หานเซิ่นจ้องวิญญาณอสูรที่กำลังก่อตัวรูปเป็นร่างตรงหน้าเขา ขณะสวดภาวนาไปด้วย “วิญญาณอสูรขั้นสุดยอด วิญญาณอสูรขั้นสุดยอด..มันต้องเป็นวิญญาณอสูรขั้นสุดยอด…” ตูม! ในตอนที่มันเปลี่ยนรูปร่างสมบูรณ์ มันก็เป็นเงาตรงเข้าไปในจิตใจของหานเซิ่น ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย