Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 275 ล่าคนเดียว
Super God Gene – ตอนที่ 275 ล่าคนเดียว

สวี่ยู่เหยียนไม่อยากจะพูดอะไรกับหานเซิ่นอีก เธอรู้สึกเหนื่อยมาก เนื่องจากหานเซิ่นยังไม่เคยเห็นโกสอายแบร์จริงๆ เขาถึงดึงดันเสนอให้ไปล่าพวกมัน ทำให้สวี่ยู่เหยียนรู้สึกหัวเสียมาก   ก่อนที่หานเซิ่นจะได้เสนออะไร สวี่ยู่เหยียนก็แสดงอาการไม่พอใจออกมา แต่หานเซิ่นไม่สนใจ ถ้าเขากลับมาพร้อมกับซากโกสอายแบร์ล่ะก็ เขาเชื่อว่าเดี๋ยวเธอก็ต้องมาขอแลกเปลี่ยนกับเขาแน่   สวี่ยู่เหยียนมีปัญญาจ้างหน่วยพิเศษทั้งหน่วยมาทำงานให้เธอ แสดงว่าเธอต้องรวยมากๆ หานเซิ่นรู้สึกว่าพระเจ้าจะไม่ให้อภัยเขา ถ้าเขาไม่ใช้โอกาสครั้งนี้ในการแบล็คเมล์เธอ   ยิ่งกว่านั้นหานเซิ่นเกลียดทุกคนที่ทำงานให้กลุ่มสตาร์รี่ ซึ่งสวี่ยู่เหยียนเองก็ไม่เป็นข้อยกเว้น   “น้องชาย นายน่าจะรู้จักประเมินตัวเอง อย่าไม่ยุ่งกับพวกโกสอายแบร์ จะดีกว่า” หลิวจีลูบไหล่ของหานเซิ่นและพูด   เห็นได้ชัดว่าพวกเขา ไม่เชื่อว่าหานเซิ่นมีปัญญาล่าโกสอายแบร์ได้ พวกเขาติดอยู่ที่นี่มานานแล้ว และพวกเขาก็คิดวิธีจะล่ามันมานับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่สำเร็จ   พื้นผิวบนเกาะวายุมันซับซ้อนมาก ด้วยความแข็งแกร่งและคล่องแคล่วของพวกมัน โกสอายแบร์ง่ายที่จะเคลื่อนไหวภายใต้พื้นผิวที่ยากลำบาก ขณะที่โกสอายแบร์เลือดศักดิ์สิทธิมีโกสอายแบร์ระดับกลายพันธ์ค่อยคุ้มกันอยู่ประมาน 10 กว่าตัว ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก มันยากที่หานเซิ่นจะเข้าไปล่ามันด้วยตัวคนเดียว   “ฟู่ซาน คุณสนใจที่จะแลกเปลี่ยนกับผมไหม?” หานเซิ่นไม่ตอบหลิวจี เขาหันไปถามฟู่ซาน ซึ่งเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุดแทน   “ลองบอกข้อเสนอของนายมาก่อน” ฟู่ซานไม่ได้ปฏิเสธหานเซิ่นทันทีอย่างที่คนอื่นๆคิด   “หัวหน้า ยังจะมีอะไรต้องคุยกับหนุ่มคนนี้อีก? ผมว่าคำพูดของเขามันเชื่อถือไม่ได้” หลิวจีรีบพูด   สมาชิกคนอื่นๆในทีมก็พยายามจะบอกฟู่ซานเหมือนกัน แต่ฟู่ซานส่งสัญญาบอกให้พวกเขาเงียบ   หานเซิ่นยิ้มและพูด “ฟู่ซาน เนื่องจากพวกเราต่างก็อยู่ในหน่วยพิเศษ คุณคิดยังไงถ้าพวกเราไปช่วยกันล่าโกสอายแบร์? พวกเราอาจจะสามารถล่าโกสอายแบร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิเลยก็ได้ แล้วพวกเรามาแบ่งกัน 50/50 คุณคิดว่าไง?”   ฟู่ซานขมวดคิ้ว ในสายตาของเขาตอนนี้หานเซิ่นเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักประเมินตนเอง แต่เขาก็ยังเชื่อว่าหานเซิ่นต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาแน่ ไม่งั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่หานเซิ่นจะมาที่เกาะนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่กระนั้นคำพูดของหานเซิ่นก็ดูไร้เหตุผล   “ไอ้หนุ่ม ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายจะมาพูดไร้สาระได้” หลิวจีเริ่มหมดความอดทนกับหานเซิ่นแล้ว   “งั้นหรอ?” หานเซิ่นพูด   หานเซิ่นไม่ได้คิดว่าโกสอายแบร์น่ากลัวขนาดที่พวกเขาคิด ตอนที่เขามาถึงเกาะนี้ เขาได้เห็นโกสอายแบร์มาบ้างแล้ว โกสอายแบร์ไม่ใช่มอนสเตอร์ที่มีเฉพาะบนเกาะแห่งนี้ และหานเซิ่นก็เคยเห็นมันมาก่อนหน้านี้   ในระหว่างทางที่เขาอยู่บนหลังของสิงโตสีทอง หานเซิ่นเคยเห็นโกสอายแบร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิมาแล้ว ซึ่งมันก็ถูกสิงโตสีทองจับมากินอย่างง่ายดาย ถึงมันจะแข็งแกร่งและรวดเร็วมาก แต่มันก็ไม่มีโอกาสรอดชีวิต เมื่ออยู่ต่อหน้าสิงโตสีทอง ในตอนนั้นหานเซิ่นยังไม่รู้ว่ามันเรียกว่าโกสอายแบร์   ก่อนที่มันจะถูกจับมากิน โกสอายแบร์เลือดศักดิ์สิทธิพยายามจะขัดขื่น และหานเซิ่นก็ได้รู้ความสามารถของมันมาบ้างแล้ว   ทั้งความแข็งแกร่งและความเร็วของมันสูงจริงๆ แต่ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือตาดวงที่ 3 ที่อยู่บนหน้าผากของมัน ซึ่งมีความสามารถคล้ายๆกับตาของแฟรี่ควีน   หลังจากที่มันลืมตาที่ 3 ขึ้นมา มันก็สามารถหลบการโจมตีของสิงโตสีทองได้ แต่กระนั้นมันก็ทำได้แค่นั้น จากที่ดูหานเซิ่นไม่ได้คิดว่าโกสอายแบร์แข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิในทะเลทรายปีศาจเลย   แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก และจำนวนลูกน้องของมัน ทำให้ยากที่สำหรับหน่วยพิเศษจะต่อกรกับมันได้ แต่สำหรับหานเซิ่น เขามีปีกเลือดศักดิ์สิทธิ และมีความสามารถในการลอบสังหาร เขาสามารถใช้กิ้งก่าเปลี่ยนสีเข้าไปลอบโจมตีมันได้เลย เขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับพวกโกสอายแบร์แบบซึ่งๆหน้า   ถ้าหน่วยพิเศษตัดสินใจช่วย หานเซิ่นก็คิดว่าเขาสามารถกวาดล้างพวกมันทั้งฝูงได้เลย แต่ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากพวกเขา หานเซิ่นคนเดียวก็สามารถทำได้ แต่มันต้องใช้เวลานานกว่า   ที่หานเซิ่นยอมให้เนื้อครึ่งหนึ่งเป็นข้อเสนอ เพราะตอนนี้เขาต้องการจะจบงานนี้ให้ไวที่สุด เขาจะได้กลับไปที่เมืองไวๆ   เนื่องจากพวกเขาไม่คิดจะช่วย หานเซิ่นก็ไม่อยากเสียเวลาชวนพวกเขาอีกแล้ว   หลังจากที่พักผ่อนในช่วงเวลากลางคืน หานเซิ่นก็ตัดสินใจออกไปล่าโกสอายแบร์ เพื่อโชว์ให้พวกเขาดู โดยเฉพาะสวี่ยู่เหยียนเพื่อที่เขาจะสามารถแบล็คเมล์เธอได้   “นายจะออกไปล่าโกสอายแบร์จริงๆหรอ?” สวี่ยู่เหยียนถาม ขณะที่กำลังยืนอยู่หน้าถ้ำ   “ถ้าคุณหวังจะกินมันเป็นอาหารกลางวัน งั้นคุณก็ค่อยๆคิดไปว่าคุณจะจ่ายเท่าไหร่” หานเซิ่นพูด และเดินเข้าป่าไป   “ฟู่ซาน คุณคิดว่ายังไง?” สวี่ยู่เหยียนหันมามองฟู่ซาน ไม่มีใครคิดว่าหานเซิ่นจะกล้าไปล่าโกสอายแบร์ด้วยตัวคนเดียวจริงๆ   “มันก็แค่เด็กเหลือขอ ถ้ามันอยากจะตายนักก็ปล่อยไป ฉันคนหนึ่งละที่ไม่เชื่อว่าคนแบบนี้เป็นสมาชิกของหน่วยพิเศษ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเป็นหัวหน้าเลย” หลิวจีไม่เคยเห็นคนอย่างหานเซิ่นในหน่วยพิเศษมาก่อน   สวี่ยู่เหยียนไม่พูดอะไร เธอยังคงเชื่อว่าหานเซิ่นไม่ใช่เด็กหนุ่มธรรมดาๆ ถึงเธอจะบอกไม่ได้ว่าเขามีอะไรที่พิเศษก็ตาม   “ฉันไม่สามารถมองข้ามคนคนนี้ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่สามารถให้ทีมไปเสี่ยงอันตรายได้” ฟู่ซานครุ่นคิดและพูด เขาเองก็เชื่อว่าหานเซิ่นไม่ใช่ธรรมดา แต่ด้วยการที่เขาเป็นหัวหน้าหน่วยพิเศษ เขาไม่สามารถให้ลูกน้องไปเสี่ยงพร้อมกับหานเซิ่นได้   สวี่ยู่เหยียนพยักหน้า เธอเองก็คิดเหมือนฟู่ซาน เธอไม่ต้องการเสี่ยงกับหานเซิ่น   “ฉันแค่หวังว่าเขาจะไม่เอาชีวิตไปทิ้งไว้ในป่า” ฟู่ซานถอนหายใจ แม้เขาจะคิดว่าหานเซิ่นต้องมีฝีมือระดับหนึ่ง แต่มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาแค่คนเดียวจะเอาชีวิตรอดจากฝูงโกสอายแบร์ได้ เมื่อเขาถูกฝูงโกสอายแบร์สังเกตเห็นล่ะก็ ถึงจะวิ่งหนีตอนนั้นก็ไม่ทันแล้ว   ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาไปล่ามัน พวกเขาต้องเสียคนไปถึง 10 คนกว่าจะหนีมาได้   สวี่ยู่เหยียนมองหานเซิ่นหายเข้าไปในป่าด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เธอไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะล่าโกสอายแบร์ได้จริงๆ   คนอื่นๆคิดว่าหานเซิ่นเสียสติไปแล้วที่คิดจะไปล่าโกสอายแบร์คนเดียว ถ้าหานเซิ่นรอดกลับมาได้ เดี๋ยวเขาก็คงมาขออาหารจากพวกเขาอยู่ดี    

Super God Gene – ตอนที่ 274 โกสอายแบร์
Super God Gene – ตอนที่ 274 โกสอายแบร์

ฟู่ซานและคนอื่นๆมองผู้หญิงคนที่ถามคำถาม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้ว่าที่หานเซิ่นตอบมานั้นถูกหรือผิดกันแน่   หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “นายพูดถูก ซินเสวียนมีปานสีแดงเล็กๆอยู่ที่หลังใบหูขวาจริงๆ โดยปรกติแล้วมันจะถูกผมของเธอปิดเอาไว้ ไม่น่าจะมีใครรู้เรื่องนี้”   เธอพูดกับหานเซิ่นต่อ “ถึงฉันจะยังไม่แน่ใจว่านายเป็นหัวหน้าหน่วยพิเศษจริงหรือเปล่า แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่านายเป็นคนใกล้ชิดของซินเสวียน”   “คุณผู้หญิง คุณก็เป็นคนของหน่วยพิเศษด้วยหรอ?” หานเซิ่นถามหญิงสาว เขาเชื่อว่าคนอื่นๆเป็นหน่วยพิเศษจริงแค่ดูจากท่าทางก็รู้ แต่เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นหน่วยพิเศษด้วย   “ฉันชื่อสวี่ยู่เหยียน เป็นผู้จ้างวานหน่วยพิเศษ” หญิงสาวพูดพร้อมกับยิ้ม   เหมือนหานเซิ่นจะตระหนักถึงบางอย่างและพูด “งั้นคุณเป็นคนจ้างให้พวกเขาแล่นเรือมาที่นี่งั้นหรอ?”   สวี่ยู่เหยียนยิ้มอย่างขมขื่นและพูด “นี่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของฉัน พวกเราถูกมอนสเตอร์ขนาดใหญ่โจมตีจนเรือพังเลยต้องมาติดอยู่ที่นี่ พวกเราติดอยู่ที่นี่มาเกือบปีแล้ว”   ‘ติดมาเป็นปีเลยงั้นหรอ.. ถึงว่าทำไมพวกเขาไม่รู้จักเรา’ หานเซิ่นคิด หานเซิ่นถามต่อ “ที่นี่คือที่ไหน? คุณรู้ไหมว่าเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่?”   ชายตัวผอมของชื่อว่าหลิวจีพูด “ถึงถามไปก็ไร้ประโยชน์ แม้นายจะบินได้ นายก็ออกจากที่นี่ไม่ได้”   “ทำไมเป็นแบบนั้น?” หานเซิ่นทำหน้างง ตอนที่เขามาถึงเกาะ เขาก็ยังไม่เจอมอนสเตอร์ประเภทบินเลย   เหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มเชื่อแล้วว่าหานเซิ่นเป็นคนของหน่วยพิเศษจริงๆ หลิวจีและสวี่ยู่เหยียนบอกเกี่ยวกับสถานการณ์บนเกาะให้หานเซิ่นฟัง   แต่ดูเหมือนว่าหลิวจีจะพูดเวอร์ไปเอง ที่นี่ไม่มีมอนสเตอร์ประเภทบินอยู่ แต่มีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่อาศัยอยู่ มันทำให้พวกเขากลัวที่จะไปล่ามอนสเตอร์ในทะเล   บนเกาะมีมอนสเตอร์เพียงชนิดเดียวคือ โกสอายแบร์ มันคล้ายกับหมีขนาดใหญ่ พวกมันเคลื่อนไหวว่องไว มันสามารถเดินขึ้นลงภูเขาได้อย่างคล่องแคล่ว มันมี 3 ตา ซึ่งตาที่ 3 ที่อยู่บริเวณหน้าผากของมัน ทำให้มันมีความสามารถในการมองเห็นที่สูง ส่วนมากพวกมันจะเป็นมอนสเตอร์ระดับโบราณ แต่ก็มีบางตัวที่เป็นระดับกลายพันธ์ ส่วนราชาของพวกมันคือมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ   ราชาของโกสอายแบร์แข็งแกร่งและรวดเร็วกว่าตัวอื่นๆมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้มันบาดเจ็บ แม้แต่การทำงานเป็นทีมของหน่วยพิเศษก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้   พวกเขาอยู่ที่นี่โดยการกินแค่พืชและเห็ดจากในป่า ขณะที่หาอาหารพวกเขาก็ต้องหลีกเลี่ยงโกสอายแบร์ไปด้วย ทำให้พวกเขาใช้ชีวิตกันยากลำบากมาก   ในตอนแรกพวกเขาไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของโกสอายแบร์ และพยายามล่าพวกมันดู นั่นเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ พวกเขาใช้คนกว่า 30 คนพวกล่ามัน แต่รอดกลับมาได้เพียง 10 กว่าคนเท่านั้น   ขณะที่โกสอายแบร์ สูญเสียตัวที่เป็นระดับโบราณไปไม่กี่ตัวเท่านั้น   แต่อย่างไรก็ตามในบรรดาคนที่เสียชีวิตไป มีเพียงแค่คนเดียวที่เป็นสมาชิกของหน่วยพิเศษ หน่วยพิเศษที่เคยมีสมาชิก 10 คน ตอนนี้พวกเขาเหลือแค่ 9 คน ขณะคนอื่นๆที่ตายเป็นลูกน้องของสวี่ยู่เหยียนและสิ่งที่ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจก็คือความจริงแล้ว สวี่ยู่เหยียนคือหนึ่งในคนที่มีอำนาจบริหารภายในกลุ่มสตาร์รี่   หานเซิ่นรู้มาจากพวกเขาว่าพวกเขามาจากเมืองกรีน พวกเขารู้ว่าพวกเขาใช้เรือเดินทางประมานครึ่งเดือนกว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ นอกจากนั้นที่พวกเขารู้คือเกาะกรีนจะอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ แต่พวกเขาก็ไม่รู้พิกัดที่แน่ชัด เนื่องจากระหว่างเดินทาง พวกเขาถูกมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่อยู่ในทะเลโจมตีเรือของพวกเขา   สวี่ยู่เหยียนไม่ยอมบอกความจริงว่าจริงๆแล้วเธอมาทำอะไรที่นี่กันแน่ และการที่ถูกจ้างโดยสวี่ยู่เหยียน พวกหน่วยพิเศษไม่สามารถปล่อยให้ข้อมูลภารกิจรั่วไหลได้   แต่สิ่งที่หานเซิ่นบอกได้เลยก็คือสวี่ยู่เหยียนต้องเป็นบุคคลสำคัญแน่นอน เนื่องจากพวกเขาติดอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเชื่อฟังเธออยู่   “คุณสวี่ ผมก็เป็นคนของหน่วยพิเศษเหมือนกัน คุณอยากจะมาตกลงแลกเปลี่ยนกับผมไหม?” หานเซิ่นถามหลังจากที่ได้ข้อมูลมาพอสมควรแล้ว   “พวกเราต่างก็ติดอยู่ที่นี่ แล้วจะแลกเปลี่ยนอะไรกันได้อีก?” สวี่ยู่เหยียนขมวดคิ้ว หานเซิ่นเป็นคนในแบบที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน   สวี่ยู่เหยียนรู้จักซินเสวียนดี และเธอก็รู้ดีว่าสตีลอาเมอร์อยู่ที่ไหน ซึ่งมันไกลจากเกาะแห่งนี้มาก   แม้เธอจะไม่เชื่อสิ่งที่หานเซิ่นพูด แต่เธอก็ต้องประหลาดใจที่เขารู้จักซินเสวียนเป็นอย่างดี   คนธรรมดาจะไม่สามารถบอกได้ว่าซินเสวียนมีปานสีแดงอยู่ที่หลังใบหูข้างขวาได้   “คุณสวี่ ตอนนี้พวกคุณวางแผนที่จะทำอะไรกันต่อ? คุณต้องการติดอยู่ที่นี่ไปตลอดงั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่ตอบเธอ แต่ถามกลับไป พร้อมกับยิ้ม   “นอกจากรอให้ทีมช่วยเหลือส่งคนมาช่วยแล้ว ฉันไม่คิดว่าพวกเรามีทางเลือกอื่น” สวี่ยู่เหยียนพูด   “ผมเชื่อว่าคุณต้องเป็นบุคคลสำคัญพอที่จะทำให้กลุ่มสตาร์รี่ลงทุนส่งทีมค้นหามา ถึงพวกเขาอาจจะหาที่นี้พบ แต่ผมคิดว่าพวกเขาก็น่าจะต้องใช้เวลาหลายปี พวกเขาคงไม่กล้าจะออกค้นหาไกลนัก นั่นทำให้พวกเขายากที่จะค้นพบที่นี่ แม้พวกเขาจะไม่ยอมแพ้ แต่ผมก็สงสัยว่าเมื่อไหร่พวกเขาถึงจะเจอที่นี่” หานเซิ่นพูด   สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที แน่นอนว่าพวกเขารู้เรื่องนี้ดี แต่กระนั้นทีมช่วยเหลือก็คือความหวังสุดท้ายของพวกเขา   “นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่?” สวี่ยู่เหยียนถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ คำพูดของหานซิ่น ทำให้ความสำคัญของเธอในกลุ่มเริ่มลดลง   เหตุผลสำคัญที่คนอื่นๆยังเชื่อฟังเธออยู่ก็เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนของเธอต้องพยายามตามหาเธออย่างแน่นอน   “ผมตั้งใจจะบอกว่า ขณะที่พวกคุณรออยู่ที่นี่ พวกคุณไม่ต้องการกินอาหารที่ดีกว่านี้หรอ?” หานเซิ่นพูดอย่างสงบ   “นายมีเสบียงมาด้วยงั้นหรอ?” สวี่ยู่เยียนมองดูหานเซิ่น แต่ก็ไม่เห็นอะไรที่น่าจะเป็นของกินเลย   “ผมไม่มีเสบียงหรอก แต่มันมีอาหารอยู่มากมายบนเกาะนี้” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยิ้ม   “นายคงไม่ได้พูดถึงโกสอายแบร์ใช่ไหม? ฉันคิดว่านายเลิกคิดดีกว่า ฉันไม่อยากเห็นใครตายอีกแล้ว” สวี่ยู่เหยียนรู้สึกผิดหวังกับความคิดของหานเซิ่น   ถ้าพวกเขาเห็นว่ามีโอกาสในการล่าโกสอายแบร์ได้ล่ะก็ พวกเขาคงไม่มานั่งกินพืชกินเห็ดกันอยู่จนกระทั่งถึงตอนนี้แน่   ที่สำคัญสวี่ยู่เหยียนไม่เชื่อด้วยว่าหานเซิ่นเป็นหัวหน้าหน่วยพิเศษจริงๆ หรือต่อให้เขาเป็นจริงๆก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร ยังไงเขาก็ล่าโกสอายแบร์ไม่ได้   ฟู่ซานเองก็เป็นหัวหน้าของหัวพิเศษเหมือนกัน แถมเขายังมีสมาชิกทีมอยู่ด้วย แต่เขาก็ยังไม่สามารถล่าโกสอายแบร์ได้ หานเซิ่นคนเดียว แทบจะหมดหวัง