Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 268 ความบ้าคลั่ง
Super God Gene – ตอนที่ 268 ความบ้าคลั่ง

เมื่ออยู่ต่อหน้าสิงโตสีทอง หานเซิ่นก็ไม่ได้ต่างจากมดตัวหนึ่ง แม้แต่ร็อคเวิร์มเลือดศักดิ์สิทธิของเขาก็ยังเทียบกับขนาดของสิงโตตัวนี้ไม่ได้   หานเซิ่นช็อค และเตรียมที่จะหนี แต่ขณะที่เขาหันหลังกลับ เขาก็รู้สึกเสียวสันหลัง และเกือบจะกรีดร้องออกมา   ตามเส้นทางที่เขาพึ่งจะผ่านมา มีมอนสเตอร์ขนาดใหญ่เหมือนกับแมมมอธนับ 1000 ตัวกำลังวิ่งตรงมาที่เขาและสิงโตสีทอง เสียงฝีเท้าของพวกมันเหมือนกับเสียงฟ้าร้อง หานเซิ่นมัวแต่ตกตะลึงกับสิงโตที่กินมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ตัวที่เขาตามมา จนไม่ได้สังเกตเลยว่าพวกมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่   ฝูงของพวกมันอยู่ห่างจากหานเซิ่นประมาน 2-3 ไมล์ แต่ด้วยความเร็วที่พวกมันวิ่งมา พวกมันจะมาถึงในไม่กี่อึดใจ หานเซิ่นมองไปรอบๆ เขาถูกล้อมด้วยหน้าผาที่สูงชัน และเส้นทางข้างหน้าของเขาก็ถูกฝูงสิงโตสีทองขนาดมหึมาขวางอยู่   หานเซิ่นกัดฟันและเรียกวิญญาณอสูรกิ้งก่าเปลี่ยนสีออกมา เขาคิดจะซ่อนตัวแถวขอบหน้าผา ถ้าเขาค่อยๆเคลื่อนตัวไปช้าๆ พวกมอนสเตอร์ก็ไม่น่าจะสังเกตเห็นเขา   ในตอนที่หานเซิ่นกำลังจะปีนหน้าผา เขาก็สังเกตเห็นเมฆสีดำจำนวนมากปกคลุมทั่วท้องฟ้า แต่เมื่อมองดูดีๆแล้ว เมฆสีดำจริงๆแล้วคือนกสีดำขนาดใหญ่จำนวนมาก แต่ละตัวกางปีกได้กว่าถึง 20 ฟุต มีฝูงนกสีดำอยู่เต็มยอดเขา พวกมันมองมายังด้านล่างด้วยดวงตาสีแดงของมัน   นกเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่สายตาดีที่สุด ถ้าหานเซิ่นยังอยู่แถวนั้น ถึงเขาจะใช้กิ้งก่าเปลี่ยนสีก็ไม่สามารถตบตามันได้ แต่ถ้าเขาไม่ปีนขึ้นไป พวกมอนสเตอร์ที่อยู่ด้านล่างก็อาจจะเห็นตัวเขาได้ หานเซิ่นรู้สึกขมขื่น ‘ไอ้บ้าเอ้ย พูดมาได้ไงว่าที่นี่มีเหมือนมอสเตอร์อยู่ไม่มาก?!’   หานเซิ่นไม่มีเวลาอีกแล้ว ฝูงมอนสเตอร์ใกล้จะมาถึงเขาแล้ว และแถวหน้าผาก็ไม่มีที่ซ่อนตัวได้เลย ถ้าเขายืนอยู่ชิดๆหน้าผา เขาไม่แน่ใจว่าจะรอดชีวิตจากแรงกระแทกจากฝูงมอนสเตอร์ได้หรือเปล่า   เขาไม่กล้าที่จะปีนขึ้นไปด้วย เนื่องจากบนยอดเขาเต็มไปด้วยนกสีดำ และเขาไม่มั่นใจเลยว่าถ้าปีนขึ้นไปจะรอดพ้นสายตาของนกจำนวนมากได้   ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ตัดสินใจวิ่งเข้าไปหาสิงโตสีทอง แม้สิงโตสีทองจะดูแข็งแกร่งกว่านกและฝูงมอนสเตอร์ที่กำลังวิ่งเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของมัน ทำให้มันอาจจะมองไม่เห็นหานเซิ่น   ตอนนี้เขาใช้วิญญาณอสูรกิ้งก่าเปลี่ยนสี สิงโตสีทองยากที่จะสังเกตเห็นตัวของเขาได้   แทนการปีนขึ้นไปตามหน้าผา หานเซิ่นเลือกที่จะวิ่งเข้าไปหาสิงโตสีทอง พวกนกไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้สิงโตสีทอง ดังนั้นเขาน่าจะซ่อนตัวในขนของสิงโต และหาทางหนีได้เมื่อมีโอกาส   หานเซิ่นพยายามวิ่งไปหาสิงโตสีทอง ซึ่งมันก็มองไม่เห็นเขาจริงๆ แต่ทว่านกที่อยู่บนยอดภูเขากระพือปีก และส่งเสียงร้องออกมา เห็นได้ชัดว่ามันมองเห็นเขา   นกจำนวนมากบินลงมาเพื่อจับตัวหานเซิ่น หานเซิ่นยิ่งพุ่งเข้าหาสิงโตอย่างไม่ลังเล ซึ่งเป็นทางเดียวที่เขาจะทำให้รอดชีวิตไปได้   หานเซิ่นเริ่มนึกเสียใจที่เลือกมาที่นี่ เขาได้ใจมากเกินไป เขารู้ดีว่าภูเขามังกรหยกคือสถานที่อันตรายมาก แต่เขาก็ยังคิดว่าสามารถเอาตัวรอดได้ด้วยความสามารถของเขา   แต่มันก็สายไปแล้วที่จะมานึกเสียใจในตอนนี้ หานเซิ่นทำได้แค่ภาวนาให้สิงโตไม่เห็นตัวเขา หรือถ้ามันเห็น เขาก็ไม่อยากจะให้มันใส่ใจเขามาก   เหมือนว่าคำภาวนาของเขาจะได้ผล สิงโตสีทองไม่ได้สังเกตเห็นการมีอยู่ของเขาเลย ตอนนี้มันรู้สึกหงุดหงิดกับฝูงนกที่บินเข้ามา   สิงโตสีทองใช้ฝ่ามือของมันตะปบนกตายไปตัวหนึ่งในทันที   พวกนกตัวอื่นๆเห็นดังนั้นก็ส่งเสียงร้องออกมา และไม่กล้าที่จะบินเข้ามาใกล้สิงโตอีก   ตอนนี้ขาหลังของสิงโตมีขนาดไม่ต่างจากภูเขาลูกย่อมๆเลยสำหรับหานเซิ่น ขนแต่ละเส้นของสิงโตมีขนาดใหญ่พอๆกับแขนของเขา หานเซิ่นรีบจับเส้นขนของมัน และปีนขึ้นไปบนตัวมัน   หานเซิ่นไม่กล้าที่จะออกห่างจากตัวสิงโตตอนนี้ เนื่องจากพวกนกยังจ้องมาที่เขา ถ้าเขาออกห่างสิงโตไป เขาอาจจะถูกจู่โจมในทันที   ฝูงมอนสเตอร์ที่เหมือนแมมมอธขนาดใหญ่ใกล้จะวิ่งมาถึงแล้ว หานเซิ่นต้องรีบปีนขึ้นไปบนหลังสิงโต เพื่ออยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุด   โชคดีที่ตัวหานเซิ่นเล็กเกินไปในสายตาของสิงโต มันไม่รู้เลยว่าตอนนี้หานเซิ่นกำลังอยู่บนตัวมัน เขาใช้เส้นขนของมันเพื่อปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาปีนถึงต้นขาของมัน อยู่ๆมันก็ลุกขึ้นยืน   หานเซิ่นรู้สึกเหมือนกับหยดน้ำที่ถูกเทลงมาจากถัง เขารีบเกาะสิงโตแน่นด้วยวิชาปีศาจพันธนาการ   ฝูงมอนสเตอร์เหมือนจะโกรธมาก พวกมันพุ่งเข้ามาโจมตีสิงโตสีทองทันที แต่กระนั้นพวกมันก็เหมือนกับไข่กระทบกับก้อนหิน   มันแทบจะไม่ได้เรียกว่าการโจมตีด้วยซ้ำ ฝูงมอนสเตอร์เหมือนจะวิ่งเข้ามาฆ่าตัวตายซะมากกว่า   สิงโตสีทองสามารถฆ่าพวกมันได้หลายตัวด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และบางครั้งมันก็จับมอนสเตอร์ใส่ปากของมัน   ในชั่วพริบตา หุบเขาก็เกือบเป็นทะเลเลือด มีซากศพของมอนสเตอร์นอนตายกันเกลื่อนไปหมด   สิงโตสีทองไม่ได้ตื่นตระหนกกับการโจมตีจากฝูงมอนสเตอร์นับพัน ในสายตาของมัน มอนสเตอร์พวกนี้ก็เป็นแค่อาหารว่างเท่านั้น   ฝูงมอนสเตอร์ยังคงวิ่งเข้ามาโจมตีอย่างไม่ขาดสาย พวกมันพยายามโจมตีด้วยสามารถทั้งหมดที่มี แต่กระนั้นสิงโตสีทองก็ไม่ได้สะทบสะท้าน มอนสเตอร์ทั้ง 1000 ตัวตายภายในเวลาครึ่งชั่วโมง   หลังจากกินเนื้อของมอนสเตอร์อยู่สักพัก มันก็เลิกสนใจซากพวกนั้นอีก และหันหลังเดินเข้าไปในหุบเขาแทน   ฝูงนกรีบบินลงมาด้านล่าง เพื่อกัดกินซากศพของมอนสเตอร์นับพันที่สิงโตทิ้งเอาไว้    

Super God Gene – ตอนที่ 267 สิงโตสีทอง
Super God Gene – ตอนที่ 267 สิงโตสีทอง

เมื่อเรือยอร์ชเดินทางมาถึงเกาะที่สวยงามเกาะหนึ่ง จีหลิงเฟิงก็ถูกบอดี้การ์ดแบกลงมาจากเรือ ดูเหมือนเขาจะเมาหนักมากจนแทบขยับตัวไม่ได้   จีหลิงเฟิงถูกอุ้มตรงไปที่เตียงทันที เมื่อถึงเกาะที่เป็นสถานที่พักร้อน หานเซิ่นกับจีเหยียนหรันต้องทานอาหารเย็นกัน 2 คนโดยไม่มีเขา   “พี่ของเธอบอกว่าที่นี่มีบ่อน้ำร้อนด้วย พวกเราจะไปกันหน่อยไหม?” หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ หานเซิ่นก็มองไปที่แฟนของเขา   จีเหยียนหรันหน้าแดง เธอรู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไรอยู่ เธอเป็นคนพาหานเซิ่นมาที่นี่ และเธอก็จงใจชวนพี่ชายมาด้วย เพราะคิดว่าถ้ามีเขาอยู่ด้วย หานเซิ่นคงไม่กล้าทำอะไรเกินเลย แต่ทว่าตอนนี้พี่ชายของเธอเมาหมดสภาพไปแล้ว   ในบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ มีเพียงแค่จีเหยียนหรันกับหานเซิ่นอยู่กัน 2 ต่อ 2 ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผิวของจีเหยียนหรันก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู ซึ่งหน้าดึงดูดเป็นอย่างมาก   หานเซิ่นไม่สามารถหักห้ามใจได้อีกต่อไป เขาอุ้มแฟนของเขา และรีบเดินไปที่ห้องนอนทันที   จีเหยียนหรันเอาหัวไปซุกตรงอกของหานเซิ่น แขนและขาของเธออ่อนแรงเหมือนกับคนเมา   หานเซิ่นวางจีเหยียนหรันลงบนเตียงที่ปูด้วยผ้าขาว ตาของเธอเป็นประกาย และแก้มของเธอก็แดงมาก   “ที่รัก ผมมาแล้ว” หานเซิ่นล้มตัวลงไปหาจีเหยียนหรัน …   ทัวร์แบบ 4 วันสั้นเหมือน 2 วันสำหรับหานเซิ่น เมื่อเขากลับมาที่เหยี่ยวดำ เขาก็ต้องรีบเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าหน่วยพิเศษ   มอนสเตอร์ที่เขาป้อนคริสตัลสีดำให้กินยังต้องการเวลาอีก 1 เดือนถึงจะวิวัฒนาการเป็นมอสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ หานเซิ่นมีแผนที่จะใช้เวลาช่วงนี้ไปล่ามอนสเตอร์กลายพันธ์เพื่อเก็บจีโนพ้อย   สถานที่ดีที่สุดในการล่ามอนสเตอร์กลายพันธ์คือหนองน้ำแห่งความมืด แต่มอนสเตอร์กลายพันธ์ที่นั่นมีขนาดใหญ่เกินไป ทะเลทรายปีศาจเองก็เต็มไปด้วยมอนสเตอร์กลายพันธ์ แต่พวกมันมักจะอยู่กันเป็นกลุ่ม ซึ่งบางครั้งอาจจะสร้างปัญหาได้   หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก หานเซิ่นก็ตัดสินใจจะลองไปที่ภูเขามังกรหยก   ก่อนหน้าที่เขาจะมาเป็นหัวหน้าของหน่วยพิเศษ หานเซิ่นเคยได้ยินชื่อภูเขานี้ แต่เขาไม่รู้ว่ามันพิเศษยังไง แต่หลังจากที่เขากลายมาเป็นหัวหน้า หานเซิ่นก็ได้อ่านข้อมูลวงในจำนวนมาก   แม้ภูเขามังกรหยกจะถูกค้นพบมานานแล้ว แต่ไม่ค่อยมีคนกล้าไปล่าที่นั่น   แม้แต่กลุ่มใหญ่ๆในเมืองก็ยังไม่กล้าที่จะไปล่ามอนสเตอร์ในภูเขามังกรหยก   เหตุผลหลักคือมีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอยู่เป็นจำนวนมาก หานเซิ่นได้ยินมาว่านักฆ่ากระหายเลือดเองก็มาจากภูเขาแห่งนี้   ตามข้อมูลที่เขาได้อ่านมา คนที่เคยไปบอกเอาไว้ว่ามีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิหลายตัวปรากฏตัวแถวๆภูเขาแห่งนั้น   คนส่วนมากจะเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่น ส่วนคนที่รอดกลับมาได้ก็จะไม่กล้าไปที่นั่นอีกเลย   เนื่องจากมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอยู่หลายตัว ถึงจะมีคนเยอะก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรยามต่อสู้กับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ   ผู้รอดชีวิตเล่าว่ามีมอนสเตอร์ที่มีลักษณะเหมือนงูความยาวกว่า 300 ฟุต นกยักษ์ที่มีขนาดพอๆกับก้อนเมฆ และมอนสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่เหมือนภูเขาก็มี   สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นต้องประหลาดใจคือผู้รอดชีวิตไม่มีใครเคยพบเห็นมอนสเตอร์สามัญหรือมอนสเตอร์โบราณในภูเขามังกรหยกเลย มอนสเตอร์ที่นั่นอย่างน้อยๆจะอยู่ในระดับกลายพันธ์   ถึงจะมีความเสี่ยง แต่หานเซิ่นก็ยังมีวิญญาณอสูรสำหรับเปลี่ยนสี ซึ่งจะช่วยให้เขาสามารถลอบโจมตี และหาโอกาสเหมาะๆได้   สำหรับเรื่องกลิ่นของเขา หานเซิ่นได้ใช้แต้มของหัวหน้าหน่วยพิเศษในการซื้อสเปรย์เปลี่ยนกลิ่นกายให้เป็นเหมือนกับพืชชั่วคราว ซึ่งมันจะช่วยลบกลิ่นของมนุษย์ออกไปได้ ทำให้การพลางตัวสมบูรณ์แบบมากขึ้น   หลังจากที่เตรียมทุกอย่างเสร็จ หานเซิ่นก็ออกเดินทางไปยังภูเขามังกรหยก เขาพกดาบเพชรกับหอกของบีทเทิลไนท์ไปด้วย   แม้จะด้วยความเร็วสูงสุดของเหมียว แต่หานเซิ่นก็ยังต้องใช้เวลาถึง 8 วันกว่าจะเดินทางมาถึงจุดหมาย โดยที่เขาไม่ได้เสียเวลาล่าระหว่างทางเลย   ทางเข้าภูเขามังกรหยก หานเซิ่นระวังมากเป็นพิเศษ เขาเรียกเหมียวกลับ และใช้สเปย์กลิ่นพืชฉีดให้ทั่วตัว จากนั้นเขาก็สวมชุดเกราะเลือดศักดิ์สิทธิ และเดินตรงเข้าไปในภูเขา   ถึงหานเซิ่นจะมีปีก แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะใช้ปีกบินเข้าไปโต้งๆ เพราะที่นี่มีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิประเภทบินด้วย ซึ่งถ้ามันบินได้ไวกว่าหานเซิ่น มันก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย ถ้าหากหานเซิ่นเลือกที่จะบินเข้าไป   หานเซิ่นไม่สามารถใช้วิญญาณอสูรกิ้งก่าเปลี่ยนสีเช่นเดียวกัน เพราะการเปลี่ยนร่างมันมีเวลาจำกัด เขาต้องใช้มันในสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น   ภูเขามังกรหยกแตกต่างจากสถานที่อื่นๆ แม้แต่ทะเลทรายปีศาจก็ยังมีมอนสเตอร์สามัญและโบราณอยู่บ้าง แต่ทว่าตั้งแต่ที่หานเซิ่นเข้ามาในภูเขาแห่งนี้ เขายังไม่เจอมอนสเตอร์สักตัวเลย   ภูเขาเกิดจากการรวมตัวกันของหินสีดำๆ แทบไม่มีพืชเติบโตที่นี่เลย บรรยากาศมันช่างอ้างว้างและหนาวเย็น   หลังจากเดินทางอยู่นาน ในที่สุดเขาก็เจอมอนสเตอร์ตัวแรก ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่เท่าๆกับแมมมอธ แค่ได้ฟังเสียงฝีเท้าของมัน หานเซิ่นก็รู้สึกว่าแผ่นดินกำลังไหว   ถึงเขาจะยังไม่รู้ว่ามันเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิหรือมอนสเตอร์กลายพันธ์ แต่หานเซิ่นก็ไม่สนใจจะล่ามัน เนื่องจากขนาดของมันใหญ่เกินไป ตอนกินจะลำบากมาก   ขณะที่มอนสเตอร์ตัวนั้นเดินไปทั่วภูเขา หานเซิ่นก็ตัดสินใจตามมันไปห่างๆ ด้วยการมีมอนสเตอร์ขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้า มอนสเตอร์ตัวอื่นๆจะต้องยำเกรง ด้วยวิธีนี้จะทำให้หานเซิ่นไม่เสี่ยงมากนัก   หลังจากตามมันมากว่า 2 ชั่วโมง หานเซิ่นก็ยังไม่เจอสถานการณ์ที่ยากลำบากอะไร จริงอยู่ว่ามอนสเตอร์ที่นี่ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสูง แต่ที่นี่ก็มีมอนสเตอร์อยู่น้อยมาก   หานเซิ่นเริ่มคิดแล้วว่าเขาควรจะตามมันต่อหรือจะเลิกตามดี ถึงมันจะปลอดภัย แต่หลังจากที่เขาตามมันมา เขาก็แทบไม่เจอมอนสเตอร์เลย แม้แต่ระดับกลายพันธ์ เขาไม่แน่ใจว่าพวกมันกลัวมอนสเตอร์ตัวที่เขาตามอยู่รึเปล่า   ขณะที่หานเซิ่นกำลังลังเลอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง มอนสเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าเขาโดนกัดเขาที่คอ และถูกลากไปโดยมอนสเตอร์ที่รูปร่างเหมือนกับสิงโตสีทอง   ขนาดมอนสเตอร์ที่ใหญ่เท่ากับช้างแมมมอธ ยังมีขนาดไม่ถึงหัวของสิงโตด้วยซ้ำ สิงโตขย้ำและกัดกินเนื้อของมัน   หานเซิ่นชุ่มไปด้วยเหงื่อ สิงโตสีทองตัวนี้ใหญ่พอๆกับภูเขาขนาดย่อมๆเลยทีเดียว