Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 255 ธนู
Super God Gene – ตอนที่ 255 ธนู

เฟิงจิ้วหลุนพูดต่อ “สมิธได้รับนักเรียนเก่งๆเข้ามาในปีนี้ โดยเฉพาะนักเรียนที่ชื่อ ฟางเหวินติ้ง ถ้าคุณมีความรู้เกี่ยวกับการแข่งธนูบ้าง คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อของฟางฮว่า และเฟิงยวิ๋นเหมย 2 นักธนูมืออาชีพที่มีชื่อเสียงในหมู่ผู้ที่วิวัฒนาการแล้ว ฟางเหวินติ้งมาจากครอบครัวที่โดดเด่น และเขาก็มีพรสวรรค์อยู่ในตัว เขาต้องเป็นสตาร์ด้านธนูได้อย่างแน่นอน”   “อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าฟางเหวินติ้งเก่งกว่าหานเซิ่นในด้านธนูหรอคะ?” เหวินซิ่วซิ่วพยายามเก็บความโกรธเอาไว้   “ยังต้องถามอีกหรอ? คนหนึ่งเป็นคนที่เก่งในด้านวอเฟรม มวยขาวและดำและยังเป็นพรีเซนเตอร์เปิดตัวสินค้า กับอีกคนเป็นนักธนูตัวจริง”   ยิ่งฟังความเห็นของเฟิงจิ้วหลุน ผู้ชมก็ยิ่งเดือดขึ้นไปเรื่อยๆ “พนันได้เลยว่าพวกคุณคงยังไม่รู้ว่าเฟิงจิ้วหลุนคนนี้เป็นพี่ชายของเฟิงยวิ๋นเหมย” “จริงหรอเนี่ย?” “ใช่ มันคือเรื่องจริง ฉันพักอยู่ตึกเดียวกับฟางเหวินติ้ง และเฟิงจิ้วหลุนมักจะมาเยี่ยมครอบครัวเขาบ่อยๆ” “น่าไม่อาย!” “เขาไม่ควรจะเรียกตัวเองว่าผู้เชี่ยวชาญ เขาใช้เรื่องส่วนตัวมาแสดงความเห็น” “ฉันไม่เคยได้ยินว่าความสามารถด้านธนู มันจะสืบทอดกันได้” ไม่นานผู้ชมก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเฟิงจิ้วหลุนกับฟางเหวินติ้ง   แต่ในตอนนี้เกมได้เริ่มขึ้นแล้ว สมาชิกของทั้ง 2 ทีมต่างก็ลงไปในสนามแข่งคนละฝั่งกัน   สนามแข่งเป็นรูปทรงสีเหลี่ยมผืนผ้ามีความยาวกว่าครึ่งไมล์ มีสิ่งกรีดขวางต่างๆอยู่ภายในสนามแข่ง ทั้งภูเขาขนาดเล็ก ต้นไม้และกำแพง ซึ่งทำให้นักกีฬาแต่ละทีมสามารถวางกลยุทธ์ได้หลากหลาย   นักกีฬาต้องเลือกธนูและลูกธนูชนิดต่างๆที่ทางสปอนเซอร์เตรียมเอาไว้ให้ เนื่องจากแต่ละคนมีความแข็งแกร่งของร่างกาย และความถนัดแตกต่างกัน จึงไม่มีกฎว่าต้องใช้ธนูเหมือนๆกัน   ธนูมีให้เลือกตั้งแต่ระดับ 6.0 จนถึง 20.0 ถึงจะมีธนูที่ใช้เทคโนโลยีสูงที่ช่วยเรื่องความแม่นยำ แต่หานเซิ่นก็ยังเลือกที่จะใช้ธนูยาวแบบดั่งเดิมระดับ 11.0   ธนูยาวคือธนูที่ฝึกได้ยากที่สุด แต่มันก็เป็นธนูที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุด ภายใต้สถานการณ์ที่หลากหลาย หานเซิ่นเลือกใช้ธนูแบบดั่งเดิมก็เพราะมันเป็นธนูที่เขาใช้มาตั้งแต่เริ่มเรียนธนู เขาได้เรียนพื้นฐานจากโรงเรียนรัฐบาล และได้รับคำแนะนำในระดับที่สูงขึ้นโดยหยางม่านลี่ เขายังได้เรียนเทคนิคมากมายจากโรงเรียนทหาร ยิ่งกว่านั้นเขายังได้รับการถ่ายทอดเทคนิคขั้นสูงจากซื่อถูชิง สุดยอดครูฝึกธนูของกองทัพ ในตอนนี้ทักษะทางด้านธนูของเขาถือว่าอยู่ในระดับสูงมาก   ธนูยาวแบบดั่งเดิม 11.0 ถือเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างได้รับความนิยม โดยทั่วไปแล้วนักเรียนปี 3 ปี 4 บางคนมีระดับความแข็งแกร่งของร่างกายสูงถึง 13 ถึง 14 แต่พวกเขามักจะเลือกธนูระดับ 11.0 หรือ 12.0 เพราะว่าสามารถยิงติดต่อกันได้ อันที่หานเซิ่นเลือกคือ 11.0 ที่ถือว่าค่อนข้างใช้งานได้ง่าย   ซื่อจื้อคังมีร่างกายที่แข็งแกร่งและพละกำลังมาก ดังนั้นเขาเลือกธนูแบบเทคโนโลยีสูงระดับ 14.0 ธนูนี้เป็นธนูที่ทรงพลังมาก แต่จุดอ่อนของมันคือขาดความยืดหยุ่น ถึงธนูสมัยใหม่จะเล็งเป้าได้ง่ายกว่าธนูแบบดั่งเดิม แต่ก็ต้องยอมสูญเสียความเร็วลง ซื่อจื้อคังวางแผนว่าจะเป็นคนที่คอยยิงจากระยะที่ไกลที่สุดในการแข่ง เขาไม่มีแผนที่จะบุกเข้าไปหรือดักซุ่มอะไร ทำให้ธนูที่เขาเลือกถือว่าเหมาะสมแล้ว   จางหยางเลือกธนูแบบดั่งเดิมเหมือนกับหานเซิ่น แต่ที่เขาเลือกคืออันที่เป็นระดับ 12.5 ซึ่งจะยิงได้แรงกว่าของหานเซิ่น   ลู่เหมินเลือกธนูขนาดเล็กที่นิยมเอาไว้ใช้ในการล่าสัตว์ ซึ่งจะให้ความคล่องแคล่วและแม่นยำกว่าธนูดังเดิม มันเป็นธนูที่ผสมผสานระหว่างธนูสมัยใหม่กับดั่งเดิม มันค่อนข้างที่จะต้องแบบฝึกเฉพาะทาง   กับตันปี 4 เลือกธนูเทคโนโลยีสูง 13.0 เหมือนกับซื่อจื้อคัง เขาเองก็ต้องการยิงคู่แข่งจากระยะไกล แต่ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ดีเหมือนกับซื่อจื้อคังที่เกิดมามีรูปร่างที่ใหญ่โตแถมยังมีจีโนพ้อยมาก   ในบรรดาพวกเขาทั้ง 5 คน หานเซิ่นที่แข็งแกร่งที่สุดกับเลือกธนูที่ต้องการความแข็งแกร่งน้อยที่สุด ทำให้เฟิงจิ้วหลุนวิพากษ์วิจารณ์ในจุดนี้ทันที “เขาเลือกธนู 11.0 นั่นหมายความว่าเขาต้องมีระดับความแข็งแกร่งที่ต่ำกว่าคนอื่นๆในทีม ถึงเขาจะเป็นเด็กใหม่ก็จริง แต่อย่าน้อยๆเขาก็น่าจะเลือกธนู 12.0 ขึ้นไป ซึ่งจะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า แต่ผมก็พอจะเข้าใจเขานะ หานเซิ่นต้องใช้พลังงานและเวลาไปกับการฝึกวอเฟรมทุกวัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ระดับความแข็งแกร่งทางร่างกายเขาแย่”   เฟิงจิ้วหลุนเปลี่ยนประเด็นกลับไปที่หลานของเขา “ถ้าดูจากการเลือกธนูแล้ว ฟางเหวินติ้งทำได้ดีกว่ามาก พวกเขาเลือกธนูยาวแบบดั่งเดิมเหมือนๆกัน แต่ฟางเหวินติ้งเลือกธนูระดับ 12.5 ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาเป็นยังไง…”   ฟางเหวินติ้งเริ่มใช้เวลาในการชื่นชมหลานของเขากลางรายการ ขณะที่ผู้ชมต่างก็ไม่ต้องการฟังเขาอีกต่อไป “ไอ้บ้า แค่เลือกธนูมันจะบอกอะไรได้ ถ้าธนูฉันก็ใช้ 15.0 ได้ แต่ฝีมือของฉันห่วยจะตาย” “หมอนี่ไม่น่าเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญได้เลย” “ใครจะรู้หานเซิ่นอาจจะเอาชนะเขาได้ด้วยธนู 11.0 ก็ได้?” “ใช่แล้ว! ขอแค่อยู่ในมือของเทพ ต่อให้เป็นธนูห่วยๆก็ยังมีประสิทธิภาพ” “ฉันจะมาดูแค่หานเซิ่นคนเดียว แล้วฟางเหวินติ้ง?มันเป็นใคร?”   ยิ่งวิเคราะห์ก็ยิ่งสร้างความเกลียดชังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่แฟนๆของทีมอื่นก็เริ่มหันมาเชียร์เหยี่ยวดำแล้วในตอนนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแฟนของเหยี่ยวดำตั้งแต่แรกจะรู้สึกยังไง   “คุณเฟิง ฉันคิดว่าการเลือกธนูมีผลแค่เล็กน้อยเท่านั้น ผู้ชมจากทางบ้านต่างก็แสดงความเห็นที่ต่างออกไป” เหวินซิ่วซิ่วพูด   เฟิงจิ้วหลุนมองความเห็นที่ขึ้นมา และพูดต่อโดยไม่สนใจ “ความจริงมักจะเป็นเรื่องโกหกในความคิดของคนบางคน ผมแค่พูดความจริงออกไป มันอาจจะไม่ง่ายที่จะยอมรับสำหรับบางคนที่จิตใจอ่อนแอ แต่อีกไม่นานผมเชื่อว่าพวกเขาจะได้เห็นว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นถูกต้องหรือไม่ ผลของการแข่งขันจะบอกทุกสิ่งทุกอย่าง”   คำพูดของเขาเหมือนกับราบน้ำมันลงในกองไฟ ผู้ชมยิ่งกระหน่ำความเห็นที่ไม่พอใจในตัวผู้เชี่ยวชาญที่ถูกเชิญมา   จีเหยียนหรันและฉวี้ลี่ลี่ก็ไม่พอใจกับคำพูดของเขาเช่นกัน ฉวี้ลี่ลี่พูดด้วยความโกรธ “เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญประเภทไหนกันเนี่ย? ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย”   จีเหยียนหรันทำหน้าตาหน้ากลัว “เขาพูดถูกอยู่หนึ่งอย่าง ผลลัพธ์ของการแข่งจะพิสูจน์ทุกอย่างเอง”   ถึงจะมีผู้ชมจำนวนมากต่อว่าเขา แต่เฟิงจิ้วหลุนก็เพิกเฉยต่อความเห็นของพวกเขา และยังคงพูดถึงความแข็งแกร่งของโรงเรียนสมิธต่อไป   ในตอนนี้นักกีฬาจากเหยี่ยวดำและสมิธต่างก็เข้าประจำตำแหน่งแล้ว การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 818 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 254 ผู้เชี่ยวชาญด้านธนู
Super God Gene – ตอนที่ 254 ผู้เชี่ยวชาญด้านธนู

“ฉันก็สงสัยอยู่ว่าทำไมพวกเขาทั้ง 2 คนถึงเลือกลงแข่งธนู ระหว่างพวกเขาต้องมีอะไรบางอย่างแน่!” “แทบจะรอให้ถึงการแข่งขันระหว่างพวกเขาไม่ไหวแล้ว!” “ปีศาจกับจักรพรรดิ น่าสนใจมาก ฉันเชื่อมั่นในจักรพรรดิหมัดดำ” “ฉันเคยเห็นฝีมือของหานเซิ่นในการแข่งมวยขาวและดำแล้ว เขาเอาชนะนาลานเฉิงนั่วได้ 3 ต่อ 0 แต่จิงจี้อู่เอาชนะนาลานเฉิงนั่วได้แค่ 3 ต่อ 2” “นี่จะต้องเป็นการแข่งที่สุดยอดแน่” “น่าตื่นเต้นจริงๆ!” …   โรงเรียนทหารส่วนกลางเอาชนะการแข่งรอบแรกได้อย่างสบายๆ แต่กระนั้นสมาชิกทีมของพวกเขาก็ยังไม่ได้ออกจากสนามแข่ง พวกเขาเปลี่ยนชุด และไปหาที่นั่งบนสแตนด์ เพื่อดูการแข่งของทีมอื่นๆ ทำให้คนที่เชื่อว่าหานเซิ่นและจิงจี้อู่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ยิ่งมั่นใจมากขึ้น   เหวินซิ่วซิ่วรู้สึกตื่นเต้นมาก เธอกล้องจับภาพไปที่จิงจี้อู่และหานเซิ่นตลอดเวลา โดยแทบไม่ได้จับภาพไปที่การแข่งขันเท่าไหร่   พวกผู้ชมก็เริ่มแสดงความเห็นกันอย่างไม่ขาดสาย ในที่สุดก็ถึงรอบของเหยี่ยวดำ คู่แข่งของพวกเขาคือโรงเรียนสมิธ   ทุกคนต่างก็สงสัยอยู่ว่าซื่อถูเซียงจะเลือกนักเรียนคนไหนเป็นตัวแทนของเหยี่ยวดำบ้าง และทุกคนก็ต่างประหลาดใจกับรายชื่อนักกีฬาที่ลงแข่ง นอกจากกัปตันทีมที่เป็นนักเรียนปี 4 แล้ว คนอื่นๆที่เหลืออีก 4 คนคือเด็กนักเรียนปี 1 จากห้อง 304 ทั้งสิ้น   ซื่อจื้อคังประหลาดใจมาก เขาอ้าปากค้าง เขาไม่ได้หวังว่าจะได้รับเลือกให้ลงแข่งเป็นตัวแทนของโรงเรียน ระดับฝีมือของเขาก็แค่กลางๆ และยังด้อยกว่าพวกนักเรียนคนอื่นๆที่เดินทางมาด้วยหลายคน   สำหรับลู่เหมินและจางหยางมีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมและเป็นระดับท็อปของโรงเรียน ที่โค้ชจะเลือกพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลก   “ทำให้ดีที่สุด ฉันเชื่อในตัวพวกเธอ” ซื่อถูเซียงยิ้มและจับไปที่ไหล่ของซื่อจื้อคัง   เหมือนที่ลู่เหมินคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ซื่อถูเซียงให้ความสำคัญกับคนที่มีใจแข่งมากกว่าคนมีฝีมือ เธอเลยเลือกซื่อจื้อคังที่มีความเชื่อมั่นแทนคนอื่นๆที่มีฝีมือแต่ขาดใจที่จะสู้   ถ้ากัปตันทีมถอดใจเหมือนกัน เธอก็จะไม่ลังเลที่จะถอดเขาออกจากทีมเช่นเดียวกัน   “ไม่ต้องกังวลพวกเราจะอยู่กับนายเอง” จางหยางลูบไหล่ของซื่อจื้อคัง   ซื่อจื้อคังพูดออกมาทันที “กังวลอะไร? รอบนี้พวกเรายังไม่ได้เจอกับปีศาจ เซิ่นก็ยังอยู่กับพวกเรา ใครบอกว่าฉันกังวล?”   ลู่เหมินและจางหยางมองไปที่ซื่อจื้อคังพร้อมกับยิ้ม หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินไปวอร์ม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่ง   การแข่งแบบทีมเป็นการแข่งที่ลงสนามพร้อมกันทุกคน แต่ละทีมจะมีสมาชิก 5 คน ในสนามจะมีสิ่งกีดขวางไว้สำหรับซุ่มและหลบ ฝ่ายไหนสามารถยิงสมาชิกทีมอีกฝั่งได้ครบก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ มันเหมือนกับการจำลองการสู้รบของทหารในสนามรบ เพียงแค่ใช้ธนูแทนปืนเท่านั้น ลูกธนูที่ใช้ในเกมก็จะเป็นลูกธนูหัวแบนและมีแม่เหล็กติดไว้ เมื่อยิงถูกอีกฝ่ายนักกีฬาคนนั้นจะต้องออกจากเกมทันที   ในรายการสดของเหวินซิ่วซิ่วได้เชิญนักธนูที่มีชื่อเสียง เฟิงจิ้วหลุนมาช่วยในการวิเคราะห์เกมด้วย   “คุณเฟิงจิ้วหลุน คุณพอจะวิเคราะห์สถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมตอนนี้ได้ไหมคะ?” เหวินซิ่วซิ่วถามเฟิงจิ้วหลุน   แม้เหวินซิ่วซิ่วจะไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับธนู แต่ก่อนที่เธอจะมาทำรายการ เธอได้ทำการบ้านมาพอสมควร ซึ่งตอนนี้เธอก็รู้เกี่ยวกับกฎและทีมของแต่ละโรงเรียนดี   โรงเรียนทหารสมิธอยู่ในระดับเดียวกับโรงเรียนเหยี่ยวดำ เมื่อปีก่อนโรงเรียนสมิธก็ทำผลงานได้ไม่ค่อยที่ดีนัก อันดับของพวกเขาดีกว่าเหยี่ยวดำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น   ในปีนี้โรงเรียนสมิธเองก็รับนักเรียนที่มีความสามารถธนูเข้ามาเช่นกัน ซึ่งในบรรดานักเรียนที่รับเข้ามา ฟางเหวินติ้งคือคนที่มีฝีมือสูงที่สุด   เฟิงจิ้วหลุนเริ่มพูด “เหยี่ยวดำและสมิธอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน และผมคิดว่ามีโอกาส 60% ที่จะชนะ”   “คุณคิดว่าเหยี่ยวดำมีโอกาสที่จะชนะเพียงแค่ 60 % เองหรอคะ?” เหวินซิ่วซิ่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย   “ไม่ ผมเชื่อว่าสมิธมีโอกาสชนะ 60%” เฟิงจิ้วหลุนพูด   เหวินซิ่วซิ่วถึงกับอึ้ง ทุกคนต่างก็รู้ว่าหานเซิ่นเป็นนักกีฬาที่จิงจี้อู่ให้ความสำคัญ เธอเลยไม่คิดว่าเฟิงจิ้วหลุนจะแสดงความเห็นแบบนี้ออกมา   เฟิงจิ้วหลุนไม่รอคำถามต่อไป เขาชิงพูดต่อ “ผมรู้ว่าตอนนี้ในโลกโซเชี่ยลกำลังให้ความสนใจนักเรียนที่ชื่อหานเซิ่นมาก แต่กระนั้นด้วยการวิเคราะห์ระดับมืออาชีพแบบผม ผมสามารถบอกคุณได้เลยว่ามันเป็นแค่การสร้างกระแสเท่านั้น หานเซิ่นและเหยี่ยวดำไม่มีทางเทียบชั้นกับโรงเรียนทหารส่วนกลางได้เลย และผมจะบอกคุณด้วยว่า ยังยากเลยที่พวกเขาจะเอาชนะโรงเรียนสมิธ”   ความเห็นของเฟิงจิ้วหลุน ทำให้ผู้ชมต่างก็เดือดขึ้นมา “ไอ้หมอนี้เป็นนักวิเคราะห์ได้ไง? เขาแสดงความเห็นที่โง่มาก?” “จักรพรรดิของฉันได้รับเลือกจากจิงจี้อู่แล้ว สมิธไม่มีค่าพอที่จะแข่งกับเขาด้วยซ้ำ” “ใครไปเชิญไอ้บ้านี่มาวิเคราะห์เนี่ย?!” “สร้างกระแสอะไรของเอ็งวะ” ….   ทั้งเเฟนคลับของจิงจี้อู่และแฟนคลับของหานเซิ่นต่างก็ไม่พอใจความเห็นของเฟิงจิ้วหลุน   แม้เหวินซิ่วซิ่วจะรู้สึกขายหน้าไปด้วย แต่เธอก็ไม่สามารถแย้งความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่เชิญมาได้ เธอจำเป็นต้องพูด “มีเหตุผลอะไรไหมคะที่ทำไมคุณคิดว่าสมิธมีโอกาสชนะมากกว่า?”   เฟิงจิ้วหลุนยิ้มและพูด “ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมจะไม่ตกอยู่ภายใต้กระแสของโลกโซเชี่ยล ตรงกันข้ามผมมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมกล้าพูดว่าสมิธมีโอกาสชนะมากกว่า เหยี่ยวดำไม่แม้แต่จะใกล้เคียงกับสมิธ ครั้งนี้พวกเขาจะต้องแพ้ ผมไม่ต้องคาดการณ์อะไรมาก เพียงแค่ใช้สถิติที่ผ่านมา ถึงโลกโซเชี่ยลจะมีข่าวลืออะไรหลายอย่าง แต่พวกนั้นล้วนเป็นข่าวปลอมทั้งสิ้น มันไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเหยี่ยวดำเป็นทีมที่อ่อนแอ”   ตอนนี้เหวินซิ่วซิ่วพลาดที่เชิญผู้เชี่ยวชาญคนนี้มาออกรายการ ข่าวปลอมที่เขาพึ่งพูดถึงคงจะเป็นบทความที่เธอเขียน   แต่จริงๆแล้วเฟิงจิ้วหลุนไม่ได้รู้ว่าเหวินซิ่วซิ่วเป็นคนเขียนบทความนั้น เหตุผลที่เขาวิเคราะห์แบบนี้เพราะฟางเหวินติ้ง นักกีฬาของสมิธเป็นหลานของเขาเอง เฟิงจิ้วหลุนรู้ว่าพ่อแม่ของฟางเหวินติ้งเป็นนักธนูมืออาชีพ และได้รับการฝึกมาตั้งแต่เล็กๆ ดังนั้นครั้งนี้เป็นโอกาสที่เขาจะได้โชว์ความสามารถในการวิเคราะห์อันสุดยอด และยังได้สร้างชื่อเสียงให้กับหลานของเขาด้วย