หานเซิ่น : ยังไม่วิวัฒนาการ สเตตัส : ไม่มี อายุขัย : 200 ปี จีโนพ้อยที่ต้องการเพื่อวิวัฒนาการณ์ : 100 จีโนพ้อย : 100 จีโนพ้อยสามัญ, 100 จีโนพ้อยโบราณ, 64 จีโนพ้อยโบราณ, 50 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ (ต้องการ 100 จีโนพ้อยเพื่อวิวัฒนาการ)   หานเซิ่นกลับมาที่สตีลอาเมอร์ และเช็คข้อมูลของตัวเอง เขายังต้องการจีโนพ้อยกลายพันธ์อีกพอสมควร เนื่องจากมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิหายากมาก เขาเลยคิดว่าจะออกไปล่ามอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์ก่อน   สำหรับข้อเสนอของหวงฟูผิงชิง หานเซิ่นไม่ได้สนใจ ถึงควีนจะมีฝีมือการต่อสู้ที่สุดยอดมาก แต่หานเซิ่นก็ไม่เชื่อว่ามันเป็นเพราะการฝึกโดยสถาบันเอเรสเพียงอย่างเดียว ที่เธอมาถึงขนาดนี้ได้น่าจะต้องมาจากพรสวรรค์ของเธอเองด้วย   ‘ผู้หญิงคนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ ถ้านับทั่วทั้งกาแล็กซี่ เรายังอ่อนแออยู่มาก เราต้องรีบไปที่ก็อตเเซงชัวรี่เขต 2 ให้เร็วที่สุด’ หานเซิ่นคิด ขณะกำลังเดินออกจากเมือง   หลังจากที่ออกมาจากเมือง เขามองไปรอบๆ และเห็นมีผ้าสีแดงผูกไว้กับต้นไม้   นี่เป็นสัญญาณที่เขาเคยบอกกับลู่เว่ยหนาน ในตอนนั้นเขาแค่พูดไปโดยไม่ได้จริงจัง เนื่องจากพวกเขาเคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาก่อน เขาเลยพูดไปเพราะไม่อยากจะทำให้ลู่เว่ยหนานต้องเสียใจ   หานเซิ่นเกือบลืมมันไปแล้ว แต่เขาถูกเตือนด้วยผ้าสีแดงอันนี้ มันควรเป็นหานเซิ่นที่ต้องเป็นคนผูกมันถึงจะถูก แต่การที่ลู่เว่ยหนานเป็นฝ่ายผูกก่อนก็เพื่อเตือนให้หานเซิ่นอย่าลืมสัญญา   หานเซิ่นอยากรู้ว่าลู่เว่ยหนานพัฒนาไปถึงไหนแล้ว เขาจึงรออยู่ที่นั้นจนกระทั้งพระอาทิตย์ตก และใช้วิญญาณอสูรกิ้งก่าเปลี่ยนสีเพื่อซ่อนตัว เพราะมันอาจจะเป็นกับดักก็ได้   หานเซิ่นเห็นว่ามีโน้ตผูกติดไว้กับต้นไม้ด้วย เขาหยิบมันขึ้นมาดู และเห็นว่ามันเขียนสถานที่แห่งหนึ่งไว้ ซึ่งเป็นภูเขาที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองมาก   หานเซิ่นคิดอยู่สักพัก แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจไปยังสถานที่ที่โน็ตบอกไว้ แม้ว่าลู่เว่ยหนานอาจจะพยายามลอบทำร้ายเขา เขาก็ต้องการรู้เหตุผลว่าทำไม ถ้าไม่รู้เหตุผลหานเซิ่นจะรู้สึกไม่สบายใจ   โชคดีที่เขามีวิญญาณอสูรสำหรับเปลี่ยนสี เมื่อเขามาถึงสถานที่ที่บอก เขาก็ซ่อนตัว และเดินไปรอบๆ มันไม่มีกับดักอะไร มีแค่ลู่เว่ยหนานที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ดูเหมือนเขากำลังมีเรื่องให้กังวลใจอยู่   “ทำไมนายถึงอยากจะพบฉัน?” หานเซิ่นเปลี่ยนเป็นดอลลาร์ และเดินเข้าไปหาลู่เว่ยหนาน   “ลูกพี่ ในที่สุดคุณก็มา!” เมื่อเห็นหานเซิ่นมา ลู่เว่ยหนานก็รู้สึกตื่นเต้นมาก   “นายต้องการอะไร?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว   “ลูกพี่ ผมไปเจอมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่หนองน้ำแห่งความมืด แต่ผมคนเดียวสู้มันไม่ไหว ผมต้องการให้ลูกพี่ไปช่วย…” ลู่เว่ยหนานอธิบายให้หานเซิ่นฟัง   ลู่เว่ยหนานรอหานเซิ่นมาหลายวันแล้ว เนื่องจากเขาคนเดียวสู้กับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิไม่ไหว และเขาก็ไม่ต้องการไปขอให้กลุ่มอื่นๆช่วย เพราะถ้าไปขอให้กลุ่มอื่นช่วย พวกเขาจะขอส่วนแบ่งเยอะมาก การแบ่งส่วนแบ่งกัน 2 คนดีกว่าเป็นไหนๆ เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงตัดใจลองผูกผ้าสีแดงไว้เป็นสัญญาณ เขารอหานเซิ่นจนเกือบจะยอมแพ้แล้ว แต่ในที่สุดหานเซิ่นก็มา   “อะไรนะ? นายบอกว่าเจอมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิรูปร่างมนุษย์งั้นหรอ?” หานเซิ่นเบิกตากว้าง   “ใช่ มันสวมชุดเกราะสีดำ และถือหอกสีดำ… มันยังขี่ม้ายูนิคอร์นสีดำที่สามารถลอยอยู่เหนือหนองน้ำได้” ลู่เว่ยหนานอธิบาย   “ถือหอกแล้วแถมยังขี่ม้าอีก มันเป็นมอนสเตอร์ประเภทไหนกัน? นายแน่ใจนะว่าเป็นมอนสเตอร์ ไม่ใช่คน?” หานเซิ่นมองที่ลู่เว่ยหนาน เขาไม่อยากจะเชื่อเท่าไร   “ลูกพี่ ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ถึงมันจะดูเหมือนคน แต่ถ้าลูกพี่ได้เห็นมันด้วยตัวเองก็จะรู้ว่ามันเป็นมอนสเตอร์แน่ๆ”   “นายลองสู้กับมันมาแล้วใช่ไหม? ผลเป็นยังไงบ้าง?” หานเซิ่นถามลู่เว่ยหนาน   ลู๋เว่ยหนานหน้าแดง “มันแข็งแกร่งเกินไป แถมม้าที่มันขี่ก็เร็วมาก ผมเลยต้องใช้นกเหล็กของผมหนีมันมา”   หานเซิ่นเข้าใจทันที ลู่เว่ยหนานคงจะแพ้มาแบบราบคาบแน่ เขาถึงต้องมาขอความช่วยเหลือ   “งั้นถ้าฉันฆ่ามันได้ แล้วนายคิดว่าพวกเราควรจะแบ่งกันยังไง?” หานเซิ่นถาม   “พวกเราจะช่วยกันสู้ ถ้าใครโจมตีปิดฉาก และได้วิญญาณอสูรก็ถือว่าคนนั้นได้ไป ผมได้ยินมาว่าเนื้อของมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์นั้นกินไม่ได้ เพราะฉะนั้นที่เราจะแบ่งกันได้ก็คือเกียร์ที่เป็นหอกสีดำกับม้ายูนิคอร์นสีดำ พวกเราควรเอาไปกันคนละอย่าง ผมให้ลูกพี่เลือกก่อน คิดว่าเป็นยังไงบ้าง?” ลู่เว่ยหนานแนะนำ   “พาฉันไปดูมันก่อน ฉันจะลองประเมินดูว่าพวกเราพอสู้มันได้รึเปล่า ถ้าฉันพอจะฆ่ามันได้ พวกเราค่อยมาคิดเรื่องแบ่งกัน” หานเซิ่นครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูด   “โอเค” ลู่เว่ยหนานพูด   หานเซิ่นไม่ได้ฆ่าเขา ถึงเขาจะพยายามฆ่าหานเซิ่นก็ตาม ทำให้ลู่เว่ยหนานศรัทธาในตัวหานเซิ่นมาก ถ้าเขาไปต่อลองกับคนอื่น เขาจะไม่พูดลักษณะของมอนสเตอร์ออกมาขนาดนี้ เพราะเป็นข้อมูลสำคัญในการต่อรอง   หานเซิ่นตามลู่เว่ยหนานไปที่หนองน้ำแห่งความมืด โชคดีที่เขาเอาดาบเพชรที่ได้จากโฮลี่แองเจิลติดตัวมาด้วย   ลู่เว่ยหนานกำลังนำทางโดยใช้นกเหล็กของเขา ส่วนหานเซิ่นก็บินตามเขาไปติดๆโดยใช้ปีกเลือดศักดิ์สิทธิ ผ่านไปครึ่งวัน หานเซิ่นก็พบตะขาบระดับกลายพันธ์ที่มีความยาวมากกว่า 6 ฟุต   หานเซิ่นตัดตะขาบขาดเป็น 2 ท่อนด้วยดาบเพชรของเขา เปลือกที่แข็งของตะขาบระดับกลายพันธ์เป็นเหมือนกับเต้าหู่เมื่อเจอกับดาบเพชรของเขา   ลู่เว่ยหนานเห็นดาบของหานเซิ่น ตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา “ลูกพี่ นี่ต้องเป็นเกียร์เลือดศักดิ์สิทธิของมอนสเตอร์บนเกาะลึกลับใช่ไหม? คุณได้วิญญาณอสูรมาด้วยรึเปล่า?”   “รู้ดีนิ แต่น่าเสียดายฉันไม่ได้วิญญาณอสูร” หานเซิ่นไม่ได้บอกความจริงไป และเรียกวิญญาณอสูรแมวเหมียวออกมา เพื่อแบ่งเนื้อให้มันกิน   หานเซิ่นไม่ได้เปลี่ยนมันเป็นโหมดต่อสู้ ทำให้ตอนนี้มันเป็นเหมือนลูกแมวน้อย   ‘น่าเสียดายที่เรียกร็อคเวิร์มออกมาตอนอยู่กับหมอนี่ไม่ได้’ หานเซิ่นคิด ร็อคเวิร์มเลือดศักดิ์สิทธิเป็นของหานเซิ่น ไม่ใช่ดอลลาร์ เขาเลยไม่กล้าเสี่ยงจะเรียกมันออกมา ตอนอยู่กับคนอื่น   “ลูกพี่ยังเลี้ยงมันอยู่อีกหรอ?” ลู่เว่ยหนานคิดว่ามันเป็นแค่ลูกแมวที่ไม่มีพิษมีภัยเหมือนกับเมื่อก่อน เขาเลยยื่นมือไปลูบหัวของมัน   โฮก! ก่อนที่เขาจะได้สัมผัส มันก็เปลี่ยนร่างเป็นเสือดำ และกัดมือของลู่เว่ยหนานทันที     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 779 เเล้วครับ

หลังจากที่ผู้จัดการออกไป หวงฟูผิงชิงก็ยิ้มให้หานเซิ่นและถาม “คุณรู้ไหมว่าทำไมที่นี่ถึงได้ชื่อว่าภัตตาคารควีน?”   หานเซิ่นส่ายหัวและคิด ‘แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง? ผมไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมบริหารของที่นี่ซะหน่อย’   “นั่นก็เพราะว่ามีควีนตัวจริงเสียงจริงอยู่ที่นี่ด้วย” หวงฟูผิงชิงพูดอย่างจริงจัง   “ควีน?” หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจ ในกาแล็กซี่นี่ไม่มีราชินีอยู่ คนที่มีสถานะสูงที่สุดก็คือประธานาธิบดี ลองลงมาก็จะเป็นวุฒิสมาชิก และพวกนายพล   “ไม่ได้หมายถึงควีนของกาแล็กซี่ แต่ฉันหมายถึงควีนของลานประลอง” หวงฟูผิงชิงอธิบาย และชี้นิ้วไปที่สนามประลอง   หานเซิ่นเพิ่งจะสังเกตเห็นว่านักสู้ 2 คนก่อนหน้านี้ออกจากสนามประลองไปแล้ว โฆษกเดินมาที่กลางเวที และพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น “ตอนนี้ก็ถึงไฮไลท์ของวันนี้ ควีนของพวกเราจะต่อสู้เป็นครั้งที่ 1000 เธอจะยังคงไร้พ่ายต่อไปหรือไม่? เดี๋ยวพวกเราจะได้เห็นกัน โปรดส่งเสียงต้อนรับควีนของเราขึ้นมาบนเวที”   สปอร์ตไลท์ที่ส่องมาบนเวทีถูกดับลง เหลือเพียงแค่สปอร์ตไลท์ที่ส่องไปยังผู้หญิงรูปร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาบนเวที เธอสวมหน้ากากผีเสื้อ เพื่อปกปิดใบหน้าของเธอ เธอสูงประมาน 6 ฟุต ดูเหมือนกับอาวุธที่เปล่งประกาย   ทันทีที่เธอปรากฏตัว พวกผู้ชมก็ส่งเสียงตะโกนเชียร์ และเรียกชื่อเธอเป็นจังหวะทันที   เธอเดินขึ้นมาบนเวที และชูนิ้วชี้เเละนิ้วกลางขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อเห็นเธอทำท่านั้น ผู้ชมก็ยืนขึ้น และบรรยากาศในลานประลองก็เริ่มเร่าร้อนขึ้นมาทันที   “วันนี้ผู้ท้าชิงที่จะมาสู้กับควีน ก็คือ สวี่จื่อเฉียงจากสถาบันการต่อสู้หมัดเหล็ก…” หลังจากที่โฆษกแนะนำเสร็จ ผู้ชายอายุประมาน 30 ปีก็เดินขึ้นมาบนเวที   ตอนนี้หานเซิ่นไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่โฆษกพูดเลย ตาของเขาจ้องไปที่ผู้หญิงคนที่ถูกเรียกว่าควีน ท่าทางของเธอดูโหดร้ายมาก ราวกับเธอเคยเห็นคนตายมาเป็นร้อยเป็นพัน หานเซิ่นก็ถือว่าค่อนข้างโหดในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเทียบกับเธอแล้วเขาดูเด็กๆไปเลย   ในตอนที่การต่อสู้เริ่มขึ้น สวี่จื่อเฉียงก็เปลี่ยนหมัดของเขาเป็นเหมือนกับโลหะอัลลอยสีทอง และชกไปที่ควีน   การชกของเขาทั้งรวดเร็วและรุนแรง ถึงหานเซิ่นจะสายตาดี แต่เขาก็มองการโจมตีของสวี่จื่อเฉียงแทบไม่ทัน หานเซิ่นคิด ‘เรายังอ่อนหัดอยู่จริงๆ ถ้าเทียบกับผู้วิวัฒนาการแล้ว การโจมตีนี่เป็นการโจมตีที่เฉียบขาดมาก’   นี่คือวิชาไฮเปอร์จีโนที่มีชื่อเสียง เรียกว่าเพลงหมัดซุปเปอร์อัลลอย ซึ่งเป็นวิชาระดับS ที่ผู้วิวัฒนาการแล้วขึ้นไปถึงจะสามารถฝึกได้ ในบรรดาผู้วิวัฒนาการมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถฝึกมันจนเชี่ยวชาญได้ ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งกว่าพวกที่สู้กันก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด   ไม่นานหานเซิ่นก็พบว่าสิ่งที่สวี่จื่อเฉียงเก่งไม่ได้แค่วิชาหมัดเท่านั้น แต่ฟุตเวิร์คของเขารวดเร็วมาก เขาสามารถเข้าประชิดตัวควีนได้ภายใน 2 ก้าว เขาชกหมัดที่รวดเร็วและรุนแรงไปในมุมที่เป็นจุดอ่อนของควีน   แต่กระนั้นควีนก็ไม่ได้ขยับตัว เธอปล่อยให้หมัดที่ทรงพลังราวกับสิงโตชกมาที่ขมับของเธอ   ปัง! หมัดชกเข้าที่ขมับของเธอเต็มๆ แต่มันก็ทำได้แค่ทำให้หัวของเธอสั่นเล็กน้อยเท่านั้น เธอหันไปมองสวี่จื่อเฉียงด้วยสายตาที่เย็นชา   สวี่จื่อเฉียงรู้สึกตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่อยากจะเชื่อว่าท่าไม้ตายของเขาจะทำอะไรผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว   “ตาฉันแล้ว” ควีนยกแขนซ้ายของเธอที่ส่องประกายเหมือนกับมีดไม่มีผิด ผิวขาวๆของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง   เมื่อเห็นเธอยกแขนขึ้น สวี่จื่อเฉียงก็ไม่สามารถทำการโจมตีเธอได้อีก เขารีบเรียกวิญญาณอสูรออกมา   ครึ่งท่อนบนของเขาห่อหุ้มด้วยชุดเกราะ และมีมีดยาวปรากฏขึ้นในมือของเขา เขาส่งเสียงคำรามออกมา พร้อมกับโจมตีกลับไปที่ควีนด้วยมีดในมือของเขา   มีดของเขาเคลื่อนที่เร็วราวกับสายฟ้า มันเกือบจะแทงเข้าที่คอของควีน   แววตาของควีนยังคงเยือกเย็น เธอไม่แม้แต่จะต้องหลบการโจมตี เมื่อมีดมาถึงบริเวณหน้าของเธอ เธอก็ใช้มือของเธอปัดมันออกไป   มือของเธอปะทะกับมีดวิญญาณอสูร และทำให้มันหักเป็น 2 ท่อน ราวกับว่ามันเป็นแค่กิ่งไม้ มือของเธอยังไม่หยุดแค่นั้น มันยังเคลื่อนที่เข้าไปหาสวี่จื่อเฉียง   เคร๊ง! ชุดเกราะวิญญาณอสูรของสวี่จื่อเฉียงพัง มีเลือดไหลออกมาตามรอยแตกของชุดเกราะ ควีนดึงมือของเธอกลับมา มือของเธอก็เปลี่ยนสภาพกับมาเป็นปรกติ เเละสวี่จื่อเฉียงก็ล้มลงบนลานประลอง   ขณะที่เสียงตะโกนกำลังดังกึกก้อง ทีมแพทย์สนามรีบวิ่งเข้ามา เพื่อช่วยชีวิตของสวี่จื่อเฉียง   ควีนชูมือขึ้นอีกครั้ง ทำให้เสียงตะโกนเชียร์ดังยิ่งกว่าเดิม จากนั้นเธอก็เดินลงจากลานประลอง และหายเข้าไปในอุโมงค์   ตาของหานเซิ่นเป็นประกาย เขาเคยดูวิดีโอการประลองมามากมาย ซึ่งเป็นระดับของผู้ที่วิวัฒนาการแล้ว แต่เขายังไม่เคยเห็นใครเก่งเท่าควีนมาก่อน เห็นได้ชัดว่าควีนอยู่ในระดับท็อปของผู้ที่วิวัฒนาการแล้ว   “ในการประลองทั้ง 1000 ครั้ง เธอไม่เคยแพ้ใคร ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะมาจากสถาบันไหน เธอคือราชินีของที่นี่ และเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดของสถาบันเอเรส ถ้าคุณมาเข้าร่วมกับสถาบันเอเรสของเราละก็ คุณเองก็สามารถสนุกกับการพัฒนาฝีมือและการฝึกแบบเดียวกับเธอ คุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์ ถ้าได้รับการฝึกแบบเดียวกับเธอ คุณอาจจะเก่งกว่าเธอก็ได้” หวงฟูผิงชิงพูดพร้อมกับยิ้ม   “หล่อนต้องไม่ใช่แค่นักเรียนธรรมดาๆ” หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อว่านักเรียนทั่วๆไปจะทำได้ถึงขนาดนี้   “แน่นอน เธอไม่ใช่นักเรียนธรรมดา แต่ถ้าคุณเข้าร่วมกับเรา คุณก็จะได้รับการดูแลแบบพิเศษเช่นเดียวกับเธอ” หวงฟูผิงชิงกระพริบตา   “แล้วผมต้องทำยังไง?” “ถ้าคุณยอมแต่งงานกับฉัน คุณจะกลายเป็นคนของเอเรส แล้วคุณจะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆจากเรา” หานเซิ่นสำลักน้ำที่เขาพึ่งจะดื่มไป     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 779 เเล้วครับ