Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 237 ภัตตาคารควีน
Super God Gene – ตอนที่ 237 ภัตตาคารควีน

รูทเมทของหานเซิ่นเบิกตากว้าง ขณะมองหวงฟูผิงชิงที่กำลังเดินเข้ามาหาหานเซิ่น   “มีอะไรหรอครับ?” หานเซิ่นถาม   “คุณลืมไปแล้วหรอว่าสัญญาอะไรกับฉันไว้?” หวงฟูผิงชิงยิ้ม เธอหันไปหารูทเมทของเขาและถาม “พวกคุณคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าฉันจะขอยืมตัวเขาสักครู่?”   “ตามสบายเลยครับ…” ซื่อจื้อคังกระพริบตาให้หานเซิ่น   หานเซิ่นนึกขึ้นได้ว่าสัญญากับเธอไว้ว่าจะเลี้ยงอาหารเย็น ตอนนี้เธอมาหาเขาด้วยตัวเอง เขาเลยไม่มีทางเลือก นอกจากต้องตามเธอไป   “ตอนแรกก็ดาวโรงเรียน ตอนนี้แม้แต่เทพธิดาก็ยัง… ทำไมฉันไม่โชคดีแบบนี้มั้ง” ซื่อจื้อคังพูด   “นั่นก็เพราะว่าผิวของนายไม่ได้ดีเหมือนกับเซิ่น อีกอย่างพวกสาวๆที่น่ารักคงไม่สนใจผู้ชายถึกๆอย่างนายหรอก” ลู่เหมืนพยายามจะปลอบให้ซื่อจื้อคังใจเย็นลง   “เมื่อพวกเธอโตเป็นผู้ใหญ่ เดี๋ยวพวกเธอจะเข้าใจถึงประโยชน์ของการมีผู้ชายแข็งแกร่งอย่างฉันเป็นแฟน” ซื่อจื้อคังพูดโต้ ลู่เหมินมองซื่อจื้อคังราวกับดูตัวตลก   “พวกเราจะไปกินอะไรกันหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกสงสัย และมองไปที่หวงฟูผิงชิง ตอนนี้พวกเขาอยู่หน้าประตูทางออกโรงเรียนเหยี่ยวดำ ถ้าไม่ได้รับอนุญาต เป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากโรงเรียน   “พวกเราก็กำลังจะไปหาที่เหมาะๆทานอาหารกันไง” หวงฟูผิงชิงให้บัตรผ่านกับหานเซิ่น ยามหน้าประตูเช็คบัตรผ่านของพวกเขา และให้พวกเขาออกไป   หลังจากที่พวกเขาออกมาจากโรงเรียนก็เจอยานเหาะส่วนตัวจอดอยู่ข้างหน้าของหวงฟูผิงชิง   “คุณหวงฟู คุณกำลังจะพาผมไปที่ไหน?” หานเซิ่นขมวดคิ้วและถาม   “พวกเราจะไปหาอะไรทานกัน” หวงฟูผิงชิงกอดแขนของหานเซิ่น และพาเขาไปที่ยานเหาะ   หานเซิ่นรู้สึกว่าแขนของเขาอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆที่นุ่มนิ่ม เขามองลงมาก็เห็นหวงฟูผิงชิงที่ใส่เสื้อคอเต่ารัดรูป โชว์สัดส่วนของเธอ   หลังจาก 40 นาทีผ่านไป ยานเหาะก็จอดที่ตึกอลังการแห่งหนึ่ง หวงฟูผิงชิงควงแขนของหานเซิ่น และพาเขาเดินเข้าไปในตึก   หานเซิ่นมองดูตึก และก็พบว่าจริงๆแล้วที่นี่คือร้านอาหาร ตึกนี้ชื่อว่า ‘ควีน’ ถัดจากชื่อก็มีดาว 3 ดาว   หวงฟูผิงชิงพาหานเซิ่นไปยังห้องอาหารส่วนบุคคลที่อยู่ชั้นบนสุด ซึ่งเป็นห้องที่ตกแต่งได้แปลกตาต่างจากร้านอาหารทั่วไป   โซฟาเป็นรูปครึ่งวงกลม และหันเข้าหากำแพง ซึ่งมีผ้าม่านปิดไว้ โต๊ะก็ถูกจัดไว้ให้หันไปทางกำแพงเช่นกัน   ขณะที่หานเซิ่นกำลังสงสัย หวงฟูผิงชิงก็นั่งลงบนโซฟา และหยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดผ้าม่านออก ข้างหลังผ้าม่านเป็นกำแพงที่ทำจากแก้ว เมื่อมองลงไปข้างล่าง พวกเขาจะเห็นสนามประลองขนาดใหญ่   บนสนามประลองมีการต่อสู้ที่ดุเดือดกำลังดำเนินอยู่ ข้างๆสนามมีผู้ชมจำนวนมากกำลังตะโกนเชียร์   เมื่อกดอีกปุ่มบนรีโมท หานเซิ่นก็สามารถได้ยินเสียงตะโกนของพวกเขา   “คุณต้องการสั่งอะไรไหม?” หวงฟูผิงชิงกดรีโมทอีกครั้ง ก็มีภาพโฮโลแกรมรูปเมนูต่างๆรวมถึงราคาปรากฏขึ้นมา   “ผมบอกว่าผมจะเป็นคนเลี้ยง เพราะฉะนั้นคุณควรจะเป็นคนสั่ง” หานเซิ่นกำลังให้ความสนใจกับนักสู้ 2 คนบนลานประลอง   ดูแล้วพวกเขาน่าจะเป็นผู้วิวัฒนาการ และดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะมีจีโนพ้อยเป็นจำนวนมาก พวกเขาทั้ง 2 คนฝึกไฮเปอร์จีโนระดับสูงมาก คนผู้ชายแขนทั้ง 2 ข้างของเขาดูเหมือนกับโลหะสีดำ ส่วนคนผู้หญิง ซึ่งสวมกางเกงขาสั้น ขาที่เรียวยาวของเธอกำลังส่องประกายเหมือนกับโลหะเงิน   คนหนึ่งใช้หมัด ส่วนอีกคนก็ใช้ลูกเตะ พวกเขาทั้ง 2 คนมีความแข็งแกร่ง และความเร็วที่โดดเด่นมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาปะทะกันจะมีเสียงดังเหมือนกับโลหะปะทะกันไม่มีผิด   หานเซิ่นคือคนที่มีความแข็งแกร่งระดับท็อปในหมู่คนที่ยังไม่วิวัฒนาการ ถ้าเปรียบเทียบกับพวกเขาที่วิวัฒนาการแล้ว ความเร็วและความแข็งแกร่งของหานเซิ่นยังเป็นรอง   ไฮเปอร์จีโนที่พวกเขาทั้ง 2 คนใช้ ทำให้หานเซิ่นรู้สึกสนใจมาก โดยเฉพาะวิชาที่สามารถเปลี่ยนเซลล์ในร่างกายให้มีโครงสร้างที่แข็งเหมือนกับโลหะได้ วิชาไฮเปอร์ีโนประเภทนี้จะทำให้สามารถใช้ร่างกายเป็นอาวุธได้ ถ้าฝึกฝนมาดีจริงๆต่อให้ใช้ดาบฟันมาก็ไม่สามารถทำอะไรผิวหนังของพวกเขาได้   แต่พวกเขาทั้ง 2 คนยังไม่สมบูรณ์แบบ พวกเขายังฝึกไม่ถึงขั้น ทั้งแขนของผู้ชายและขาของคนผู้หญิงยังไม่สามารถคงสภาพโลหะได้ตลอด   “คุณหวงฟู ที่นี่คือที่ไหน?” เมื่ออาหารถูกนำเข้ามาเสิร์ฟ หานเซิ่นก็ถามด้วยความสงสัย   “ภัตตาคารควีน ที่นี่คือหนึ่งในธุรกิจของสถาบันเอเรส มันคือร้านอาหารที่ออกแบบมา เพื่อให้สามารถรับชมการต่อสู้ได้ด้วย ทุกๆวันจะมียอดฝีมือจากสถาบันเอเรสมาประลองที่นี้ ไม่ใช่เพียงแค่ทำกำไรให้ธุรกิจร้านอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยโปรโมทสถาบันเอเรสอีกด้วย” หวงฟูผิงชิงพูดพร้อมกับยิ้ม   “คุณยอมทำเรื่องยุ่งยากเพียงเพื่อให้ผมได้มากินอาหารที่นี่งั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม เนื่องจากการพาเขาออกมาจากโรงเรียน เธอน่าจะต้องดำเนินการหลายอย่าง   “คุณวางแผนจะทำอะไรหลังจากเรียนจบ?” หวงฟูผิงชิงถามต่อโดยไม่ตอบคำถามของหานเซิ่น   “ผมจะเป็นอะไรได้? ผมเป็นนักเรียนโรงเรียนทหาร พอเรียนจบ ผมก็น่าจะบรรจุเข้ากองทัพอยู่แล้ว” หานเซิ่นตอบ   หวงฟูผิงชิงรินไวน์ใส่แก้วให้หานเซิ่นและแก้วของเธอเอง หลังจากที่จิบไวน์แล้ว เธอก็พูดต่อ “ทหารธรรมดาที่จบจากโรงเรียนทหารตามปรกติจะได้เป็นร้อยโท ไม่ก็ร้อยเอกถ้าผลงานดี แต่ระดับคุณคงจะเป็นนายพันได้แบบสบายๆ”   “คุณก็ยอผมมากเกินไป” หานเซิ่นยิ้ม สำหรับเขาที่ไม่ได้เป็นคนจากตระกูลดังหรือมีเส้นสาย ยศพันตรีก็ถือว่าสูงมากแล้ว   “คุณมีแผนที่จะเข้ากองทัพแบบถาวรเลย หรือแค่เข้ากองทัพตามเกณฑ์ที่กำหนด?” หวงฟูผิงชิงถามอีกครั้ง   “ผมยังไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้น” หานเซิ่นตอบ แม้ว่าหน่วยพิเศษจะเป็นหน่วยที่ขึ้นตรงต่อกองทัพ แต่บทบาทของมันก็จำกัดอยู่แค่ในก็อตแซงชั่วรี่ และมันไม่มีผลต่อยศของหานเซิ่นในกาแล็กซี่   “ถ้าคุณตัดสินใจจะทำงานให้กองทัพ คุณก็ควรจะผูกมิตรกับสถาบันเอเรสของเราไว้ พวกเรามีคนใหญ่คนโตในกองทัพให้การสนับสนุนอยู่ และพวกเขาจะช่วยคุณได้มาก” ตอนนี้หานเซิ่นเริ่มเข้าใจความตั้งใจของหวงฟูผิงชิงแล้ว ในตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง หวงฟูผิงชิงก็ยิ้มและพูด “ไม่ต้องรีบ คุณยังมีเวลาเหลืออีกหลายปีกว่าจะเรียนจบ คุณค่อยๆคิดไปก่อนก็ได้”   ใครบางคนที่ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นระดับผู้จัดการเปิดประตูห้องเข้ามา และโค้งคำนับหวงฟูผิงชิง “คุณหนู พวกเราเตรียมทุกอย่างตามที่คุณขอเสร็จแล้ว”     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 767 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 236 ไม่ดีกว่าก็พอๆกัน
Super God Gene – ตอนที่ 236 ไม่ดีกว่าก็พอๆกัน

“ถ้าได้แข่ง เดี๋ยวก็รู้เอง” หานเซิ่นตอบพร้อมกับยิ้ม   พวกนักเรียนปี 4 ต่างก็มองหานเซิ่นด้วยสายตาแปลกๆ ถ้าเป็นเด็กปี 1 คนอื่น พวกเขาคงจะต่อว่านักเรียนคนนั้นแน่ที่ไม่รู้จักประเมินตัวเอง   แต่ในเมื่อหานเซิ่นเป็นคนพูด พวกเขาเลยอยู่เงียบๆ ยังไงซะหานเซิ่นก็คือเด็กอัจฉริยะที่สุดในโรงเรียนตอนนี้ เขาโชว์ฟอร์มสุดยอดในการแข่งมาแล้ว แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกว่าหานเซิ่นนั้นพูดโอ้อวดเกิน   ซื่อถูเซียงพอใจกับคำตอบของหานเซิ่นมาก เธอดีใจที่อย่างน้อยก็มีคนที่พอจะสร้างกำลังใจให้ทีมได้ เหยี่ยวดำเป็นผู้แพ้มานานแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกปี 4 จะไม่มีความมั่นใจ   “เดี๋ยวพวกเราจะมาดูวีดิโออีกอันหนึ่ง นี่ก็เป็นผู้ที่ยังไม่วิวัฒนาการเหมือนกัน” ซื่อถูเซียงเปิดวิดีโออีกอัน ดูจากภาพโฮโลแกรมแล้วน่าจะเป็นการเล่นเกมจำลอง   “มันคือเกมป่านกขาวในซาจิทาเรียส” มีบางคนจำมันได้   เมื่อวิดีโอเริ่มเล่น หานเซิ่นต้องประหลาดใจกับภาพที่เห็น มันคือวีดิโอการทดสอบของเขาเอง   “คนคนนี้คือใคร? นั่นมันไม่ใช่คนแล้ว!” ซื่อจื้อคังเบิกตากว้าง “นี่มันต้องเป็นของปลอมแน่” “เขาเป็นผู้ยังไม่วิวัฒนาการจริงๆหรอเนี่ย?” “นี่ก็จิงจี้อู่งั้นหรอ?” “ฉันเคยดูมันแล้ว มันเป็นของจริงแน่นอน เว็บไซต์ทางการออกมารับรองแล้ว” “ฉันเคยเล่นเกมนี้ แต่ไม่คิดว่าจะมีคนทำได้ถึงขนาดนี้ เขาเป็นใครกันแน่?”   “เขาเป็นใครไม่สำคัญ ถ้าเทียบเขากับจิงจี้อู่ พวกเธอคิดว่ายังไง?” ซื่อถูเซียงถาม   “มันยากจะเทียบได้ ถ้าไม่ลองแข่งกันจริงๆ คงบอกไม่ได้” ทุกคนเริ่มครุ่นคิด จิงจี้อู่แข็งแกร่งราวกับปีศาจจริงๆ แต่คนในวิดีโอเมื่อสักครู่ก็ดูเหนือมนุษย์มาก มันบอกยากจริงๆว่าใครมีฝีมือธนูเหนือกว่า   “เนื่องจากมีคนอื่นที่พอจะสู้กับจิงจี้อู่ได้ แล้วทำไมพวกเธอจะทำบ้างไม่ได้?” ซื่อถูเซียงถาม   ไม่มีใครตอบ พวกเขาต่างก็คิดว่า ‘จะบ้าหรอโค้ช ใครจะไปแข่งกับปีศาจพวกนี้ได้?’   แม้พวกเขาจะเข้าใจความหวังดีของซื่อถูเซียงที่พยายามจะกระตุ้นพวกเขา แต่ตอนนี้มันเหมือนกับทำให้พวกเขาสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากเธอมาเปิดวิดีโอของ 2 คนที่มีฝีมือสูงเกินไป   “หานเซิ่น เธอคิดว่าฝีมือของเธอ พอจะเทียบกับคนคนนี้ได้ไหม?” ซื่อถูเซียงถามหานเซิ่น เธอต้องการให้หานเซิ่นเป็นผู้นำทีมในทัวร์นาเมนต์นี้ ถ้าเขาเองยังไม่มีความมั่นใจ ปีนี้เหยี่ยวดำก็คงหมดหวังแน่นอน   “ผมคิดว่าผมอาจจะทำได้ดีกว่านี้นิดหน่อย หรือไม่ก็ทำได้พอๆกับเขา” หานเซิ่นกลืนน้ำลายก่อนจะตอบ เนื่องจากมันเป็นวีดิโอของเขาเอง อย่างน้อยๆเขาก็น่าจะทำได้พอๆกับตัวเขาก่อนหน้านี้ แต่เขาคิดว่าถ้าได้ลองอีกครั้ง เขาอาจจะทำได้ดีกว่านี้   หานเซิ่นยังสงสัยว่าทำไมวิดีโอของเขาถึงรั่วไหลออกมาไวขนาดนี้ แต่โชคดีที่วิดีโอนี้ปกปิดตัวตนของผู้ทดสอบไว้ เลยไม่มีใครรู้ว่าเป็นเขา   เขาคิดว่าไม่น่าใช่ซินเสวียน แต่จะมีใครอีกที่เข้ามาอัดวิดีโอการทดสอบของเขาได้   แต่หานเซิ่นก็ไม่ได้สนใจมันมาก ถึงจะมีคนรู้ว่าเป็นเขา มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร   คำตอบของหานเซิ่นดูโอ้อวดมากสำหรับคนอื่นๆ ระดับของคนที่อยู่ในวิดีโอ มันอยู่ในระดับท็อปของกาแล็กซี่อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงหานเซิ่นจะทำได้ดีในการแข่งขันวอเฟรม และมวยขาวและดำ แต่เขาแทบจะไม่ได้เข้ามาเรียนวิชาธนูเลย   มันเหมือนกับสิ่งที่ซื่อถูเซียงเคยคิดก่อนหน้านี้ เพื่อนร่วมทีมของเขาก็ไม่มั่นใจในฝีมือการยิงธนูของหานเซิ่น และลังเลว่าจะเชื่อว่าเขามีฝีมือระดับนั้นจริง   ซื่อถูเซียงพอใจกับคำตอบขอบหานเซิ่นมาก เธอคิดว่าเขามีความมั่นใจ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของคนที่จะเป็นผู้นำทีม พวกนักเรียนปี 4 เป็นนักธนูที่ดีก็จริง แต่พวกเขามักจะขาดความมั่นใจ   “ยอดเยี่ยมมาก ปีนี้เป้าหมายของเราคือการเอาชนะโรงเรียนทหารส่วนกลางให้ได้ พวกเราต้องฝึกซ้อมให้หนัก เพื่อทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จ” ซื่อถูเซียงประกายเป้าหมายของปีนี้ และขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือด้วย   “เซิ่น นายคิดว่านายอยู่ระดับเดียวกับคนคนนั้นจริงๆหรอ?” จางหยางถามหานเซิ่นระหว่างทางเดินกลับหอพัก   ซื่อจื้อคังและลู่เหมินเองก็มองมาที่หานเซิ่นเช่นกัน พวกเขาอยากจะฟังคำตอบของหานเซิ่น   “นายหมายถึงวิดีโอไหนล่ะ?” หานเซิ่นถาม   “จิงจี้อู่ นายคิดว่ายังไง?” จางหยางเบิกตากว้าง ฟังจากที่เขาพูดเหมือนกับหานเซิ่นคิดว่าเขาพอจะสู้กับพวกเขาทั้ง 2 คนได้   “จิงจี้อู่ ฝีมือสูง ยากจะหาคนเทียบได้ ระดับความแข็งแกร่งของเขาก็สูงมาก ถ้าเทียบกับเขาแล้ว ฉันยังมีความแข็งแกร่งทางร่างกายสู้เขาไม่ได้” หลังจากดูวิดีโอของจิงจี้อู่ หานเซิ่นก็คิดว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่สุดหินเลยทีเดียว   เทคนิคของเขาไม่ได้พิสดารอะไร แต่เน้นใช้งานได้จริง ยิ่งกว่านั้นเขายังมีระดับความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นมาก ดังนั้นยากที่จะมีคนที่อยู่ในระดับผู้ยังไม่วิวัฒนาการสู้เขาได้   ระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่นเองก็อยู่ในระดับท็อปของผู้ยังไม่วิวัฒนาการ แต่เขาคิดว่ายังเป็นรองจิงจี้อู่   ในตอนนี้จีโนพ้อยกลายพันธ์และเลือดศักดิ์สิทธิของหานเซิ่นยังไม่เต็ม และวิชากายหยกก็ยังฝึกไม่สำเร็จแม้แต่ขั้นแรกด้วยซ้ำ ถ้าเขาสามารถปรับปรุง 2 อย่างนี้ได้ เขาน่าจะเอาชนะจิงจี้อู่ได้   “เซิ่น นายคิดว่านายแข็งแกร่งพอๆกับคนที่ทดสอบเกมป่านกขาวจริงๆหรอ?” ซื่อจื้อคังสงสัยจนต้องเอ่ยถาม เนื่องจากเขาเป็นนักเรียนหน่วยธนู เขารู้ดีว่ามันยากแค่ไหน ถึงจะทำได้ขนาดนั้น นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของนักธนูทุกคน   “ไม่พอๆกันก็อาจจะดีกว่านั้นนิดหน่อย” หานเซิ่นยักไหล่และตอบ   “ถ้าแบบนั้นนายก็น่าจะทดสอบในโรงเรียนให้มันเห็นๆกันไปเลย ไอ้พวกปี 4 มันจะได้ไม่มามองเราด้วยสายตาแบบนั้น” ซื่อจื้อคังพูดด้วยความโมโห   แม้ว่าพวกปี 4 จะไม่ได้พูดดูถูกหานเซิ่นต่อหน้า แต่สายตาที่พวกเขามองมามันเป็นสายตาที่ดูถูก ทำให้ซื่อจื้อคังโกรธมาก   “ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรหรอก พวกเขาก็แค่คนแปลกหน้า เดี๋ยวพอแข่งจริงพวกเขาก็รู้เองแหละ” ลู่เหมินพูด   จางหยางพยักหน้า “พวกเราไม่ต้องไปสนใจพวกเขา แค่ตั้งใจฝึกซ้อมให้หนัก ถ้าโค้ชส่งพวกเราไปแข่ง พวกเราจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในการแข่งขัน”   ซื่อจื้อคังยอมล้มเลิกความคิดที่จะให้หานเซิ่นพิสูจน์ให้คนอื่นได้เห็น   “หานเซิ่น คุณพอจะมีเวลาว่างไหม?” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา ตอนที่พวกเขากำลังเดินกลับหอพัก     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 779 เเล้วครับ