Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 224 เเกะดำ
Super God Gene – ตอนที่ 224 เเกะดำ

ไป๋อี้ซานให้คำแนะนำหานเซิ่นในการฝึกคลื่นหยินหยาง และบอกกับเขาว่าต้องทำตัวยังไงในตอนที่สถาบันเซนท์ส่งคนมา   หลังจากที่ไป๋อี้ซานไปแล้ว หานเซิ่นก็เดินไปที่สถานีเทเลพอร์ต มอนสเตอร์ที่เขาป้อนคริสตัลสีดำให้กิน มันน่าจะวิวัฒนาการเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิแล้ว   ครั้งก่อนเขาป้อนคริสตัลสีดำให้กับมอนสเตอร์ที่เปลี่ยนสีได้ มันคือมอนสเตอร์โบราณที่มีรูปร่างเหมือนกิ้งก่า เหตุผลที่เขาเลือกตัวนี้ก็เพราะเขาต้องการวิญญาณอสูรของมัน   วิญญาณอสูรของมันเป็นประเภทเปลี่ยนร่าง ซึ่งหลังจากที่เปลี่ยนร่างแล้วไม่เพียงแค่ระดับความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น มันยังสามารถเปลี่ยนสีตามสภาพแวดล้อมได้ด้วย   ถ้าไปยืนที่จุดใดจุดหนึ่งสักพัก ร่างกายจะเปลี่ยนสีไปตามสภาพแวดล้อมรอบๆ ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากมันในการพลางตัวได้   แต่ถ้าเป็นวิญญาณอสูรระดับโบราณ การเปลี่ยนสีจะค่อนข้างช้าและไม่ค่อยแนบเนียนนัก   แต่ถ้าหานเซิ่นได้วิญญาณอสูรระดับเลือดศักดิ์สิทธิมา และใช้มันในการเปลี่ยนสี มันจะแนบเนียนกว่าระดับโบราณมาก เขาจะดูราวกับล่องหนได้จริงๆ สำหรับหานเซิ่นที่ถนัดในการลอบโจมตี ไม่มีอะไรดีไปกว่าความสามารถแบบนี้แล้ว   ถ้าเขาสามารถล่องหนจนเข้าไปประชิดตัวศัตรูได้ล่ะก็ เขาจะสามารถโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เพราะตอนนี้เขามีอาวุธวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิแล้ว จุดอ่อนของอาวุธประเภทฉมวกคือระยะการโจมตีที่ค่อนข้างใกล้ ถ้าหานเซิ่นเข้าประชิดตัวศัตรูได้ จุดด้อยของอาวุธก็จะหายไป   “ขอพระเจ้า พระเยซู พระพุทธเจ้า โปรดเมตรา…” หานเซิ่นภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิทุกอย่างที่รู้จัก ขณะที่กำลังจะฆ่ามอนสเตอร์ด้วยฉมวก 3 แฉก   “กิ้งก่าเปลี่ยนสีเลือดศักดิ์สิทธิถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรกิ้งก่าเปลี่ยนสีระดับเลือดศักดิ์สิทธิ เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ”   บางทีพระเจ้าอาจจะได้ยินเสียงของเขา หานเซิ่นได้วิญญาณอสูรจริงๆ เมื่อได้ยินเสียงในหัว หานเซิ่นก็กระโดดด้วยความสะใจ   หานเซิ่นโยนเนื้อมันลงหม้อ และทำสตูอีกครั้ง เนื่องจากเขาทำอย่างอื่นไม่เป็น หานเซิ่นป้อนคริสตัลสีดำให้กับมอนสเตอร์โบราณอีกตัว ซึ่งเป็นตัวที่เขาเคยป้อนมันมาแล้ว แต่เขายังไม่ได้วิญญาณอสูร หานเซิ่นต้องการวิญญาณอสูรดวงนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาต้องลองอีกครั้ง   หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้น หานเซิ่นก็รอไม่ไหวที่จะเรียกวิญญาณอสูรดวงใหม่ออกมา และลองเปลี่ยนสีดู หลังจากลองไปได้สักพัก หานเซิ่นก็พอใจกับมันมาก ดูเหมือนว่ามันจะดีกว่าที่เขาจินตนาการไว้อีก   ตราบใดที่เขายืนอยู่นิ่งๆ ตัวเขาจะเปลี่ยนสภาพให้กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม แม้แต่คนที่มีสายตาดีก็ยากที่จะแยกออก และการเปลี่ยนสียังครอบคลุมถึงชุดเกราะและอาวุธด้วย   แต่ถ้าเขาเคลื่อนไหว ความเร็วในการเปลี่ยนสีจะไม่สามารถตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ทัน ซึ่งถ้าสังเกตดีๆก็จะเห็นถึงความผิดปรกติ   แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น หานเซิ่นก็พอใจกับมันมาก นี่เป็นวิญญาณอสูรที่เหมาะกับนักฆ่าหรือคนที่ถนัดการลอมโจมตีอย่างไม่ต้องสงสัย   เนื้อของกิ้งก่าเปลี่ยนสีเพิ่มจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิให้เขาอีก 5 ทำให้ตอนนี้เขามีจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิทั้งหมด 50 จีโนพ้อยแล้ว เขามาถึงครึ่งทางของการวิวัฒนาการแล้ว ….. “เซิ่น มันใกล้ถึงช่วงสอบกลางภาคแล้วนะ ฉันไม่เห็นนายมาที่สนามฝึกซ้อมยิงธนูเลย นายจะสอบผ่านหรอเพื่อน?” ซื่อจื้อคังพูดเมื่อเห็นหานเซิ่นกลับมาที่ห้องพัก   หานเซิ่นเพิ่งตะหนักว่าผ่านมาครึ่งปีแล้ว ตั้งแต่ที่เขาเข้าเรียนที่เหยี่ยวดำ และการสอบก็กำลังจะเริ่มขึ้น ถ้าเขาสอบไม่ผ่าน มันจะมีเรื่องแย่ๆตามมาอย่างแน่นอน   “ไม่ต้องห่วง ฉันสอบผ่านอยู่แล้ว” หานเซิ่นมั่นใจในตัวเองมาก ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เขาตั้งใจเรียนอย่างหนัก และที่สำคัญการสอบของนักเรียนหน่วยธนูก็เป็นอะไรที่เขาเชี่ยวชาญอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวล   แต่ดูเหมือนจะมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับเขา ตัวอย่างเช่น อาจารย์ที่ปรึกษาของเขา ซื่อถูเซียง   เธอเป็นหนึ่งในหัวหน้าผู้ดูแลหน่วยธนูที่ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ซื่อถูเซียงตั้งความหวังไว้กับเด็กปี 1 ของปีนี้มาก สำหรับหานเซิ่นเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักเรียนที่แย่ในสายตาเธอ   แม้คะแนนของเขาจะดี แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นจนอยู่ในระดับท็อปของหน่วยธนู และที่สำคัญเธอแทบไม่เห็นเขาโผล่หน้ามาเรียนในคาบเรียนของเธอ ซึ่งเป็นวิชาของหน่วยธนูเลย   ขณะที่นักเรียนคนอื่นๆแทบจะไม่เคยขาดเรียนวิชาของเธอเลย และยังลงแข่งรายการที่เกี่ยวกับธนู แต่หานเซิ่นกับหมกมุ่นอยู่กับการแข่งวอเฟรม และมวยขาวและดำ ยิ่งกว่านั้นเขายังมัวไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กลุ่มดีกัง   สำหรับเธอที่เป็นที่ปรึกษาของนักเรียนหน่วยธนูแล้ว พฤติกรรมของเขา ทำให้เธอหัวเสียมาก   ซื่อถูเซียงรู้สึกว่าเธอจำเป็นต้องพูดกับหานเซิ่นบ้าง เขาเป็นนักเรียนโควต้าพิเศษหน่วยธนู แต่เขาทำให้เธอผิดหวังมาก จนถึงตอนนี้ผลงานหน่วยธนูของเหยี่ยวดำก็ยังไม่ดีขึ้นเลย   แต่กระนั้นซื่อถูเซียงก็ไม่ได้ไปหาหานเซิ่นตรงๆ เธอมีแผนที่จะพูดกับเขา หลังจบการสอบกลางภาค เธอจะรอให้เกรดของเขาออกมาก่อน และค่อยตักเตือนเขา เพื่อให้คำพูดของเธอดูมีน้ำหนักมากขึ้น   นักธนูไม่เหมือนกับหน่วยอื่นๆ พวกเขาจำเป็นต้องฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อให้เกิดความชำนาญและชินกับธนู ถ้าหยุดไป 1 วัน คนคนนั้นจะตามหลังคนอื่นไปไกล นี่เป็นความเชื่อของซื่อถูเซียง   ถ้าดูจากสิ่งที่หานเซิ่นทำในช่วงที่ผ่านมา ซื่อถูเซียงคิดว่าเกรดของหานเซิ่นต้องออกมาแย่อย่างแน่นอน   ยิ่งกว่านั้นโดยปรกติแทบจะไม่มีนักเรียนหน่วยธนูคนไหนที่จะไม่เข้าชมรมธนู แต่หานเซิ่นกับไปเข้าชมรมวอเฟรมหนัก และใช้เวลาส่วนใหญ่ในการฝึกวอเฟรม แล้วเขาจะรักษาฝีมือในการยิงธนูได้ยังไง?   “ถึงจะเป็นคนมีพรสวรรค์และเคยมีฝีมือที่ดี แต่เขากับไม่ยอมฝึกซ้อม ช่างน่าเสียดาย ฉันคงต้องพูดกับเขาหลังจากที่เขาตระหนักถึงมันแล้ว” ซื่อถูเซียงมองดูหานเซิ่นเข้ามาในสนามสอบ   เธอทุ่มเทให้กับหน่วยธนูมาก และหวังว่าโควต้าพิเศษปีนี้จะช่วยพัฒนาหน่วยธนูได้ เธอไม่อยากรับนักเรียนที่ไม่มีความสนใจด้านธนูเข้ามา   เธอคิดถึงขั้นว่าถ้าเขาสอบตก เธอจะไปขอให้ผู้อำนวยการทำเรื่องย้ายเขาไปที่อื่น เธอไม่ต้องการให้เขาอยู่หน่วยธนูอีกต่อไป   ถ้าเขาสนใจวอเฟรมนักก็ควรย้ายเขาไปอยู่หน่วยวอเฟรมให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป ยังไงซะเขาก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับหน่วยธนูอยู่แล้ว   แม้ว่าการแข่งขันธนูในลีกระดับกาแล็กซี่จะไม่ได้รับความนิยมเหมือนกับการแข่งอื่นๆ แต่มันก็ยากที่จะได้ระดับต้นๆของกาแล็กซี่ ในฐานะโค้ชของชมรมธนู ซื่อถูเซียงต้องคิดหนักเกี่ยวกับนักกีฬาที่เธอจะจัดลงแข่ง   แม้ว่าปีนี้จะมีเด็กที่มีฝีมือยิงธนูเข้ามาจากโควต้าพิเศษบ้าง แต่พวกเขาก็เป็นแค่เด็กปี 1 ซึ่งยังต้องการฝึกซ้อมให้ชำนาญก่อน ถึงจะใช้งานได้   ในบรรดาเด็กปี 1 หานเซิ่นถูกซื่อถูเซียงมองว่าเป็นแกะดำของหน่วย     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 731 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 223 ปีศาจแห่งความโลภ
Super God Gene – ตอนที่ 223 ปีศาจแห่งความโลภ

“หานเซิ่น ฉันว่าเธอควรจะเริ่มฝึกคลื่นหยินหยางตอนนี้..” ไป๋อี้ซานรีบพูด   “ศาสตราจารย์ ผมขอถามอะไรบางอย่างก่อนได้ไหม? ทำไมคุณถึงไม่ไปหาพวกผู้วิวัฒนาการแล้วหรือผู้เป็นเลิศมาฝึกวิชาที่คุณคิดค้นขึ้นล่ะ?” หานเซิ่นถาม   “ฉันก็เคยคิดแบบนั้น แต่วิชาคลื่นหยินหยางต้องการผู้ฝึกที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี เพราะอายุของเซลล์ในร่างกายมีผลต่อประสิทธิภาพในการฝึกวิชานี้ แม้ว่าฉันจะทำการปรับปรุงหลายอย่างแล้ว แต่ขีดจำกัดด้านอายุก็ยังมีอยู่ ถ้าผู้ฝึกมีอายุเกิน 20 ปี การพัฒนาจะช้ามาก พวกเขาอาจจะต้องใช้เวลาเป็น 10 ปีขึ้นไป ถึงจะฝึกสำเร็จ” ไป๋อี้ซานถอนหายใจ   “งั้นคุณคิดว่าผมคือคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดในบรรดาผู้ที่มีอายุไม่เกิน 20 ปีงั้นหรอ?”   “ถูกต้องแล้ว ไม่งั้นฉันคงไม่ต้องทำถึงขนาดนี้” ไป๋อี้ซานพยักหน้า   “ผมเป็นตัวเลือกเดียวในตอนนี้?” หานเซิ่นถามต่อ   “ใช่ ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่จะหาคนอื่นมาแทน ฉันหวังในตัวเธอมาก หวังว่าเธอจะช่วยฉันได้…”   “แล้วคุณจะให้อะไรผมเป็นการตอบแทนบ้าง?” หานเซิ่นรีบพูดตัดบท   “อะไรนะ?” ไป๋อี้ซานช็อคกับคำถามของหานเซิ่น   “ผมหมายถึงสิ่งที่ผมจะได้ชดเชย เนื่องจากวิชาคลื่นหยินหยางกำลังจะถูกแบน นั่นหมายความว่ามันจะต้องอันตรายมาก ซึ่งผมต้องเสี่ยงเพื่องานวิจัยของคุณ ผมควรจะได้อะไรตอบแทนบ้างจริงไหม?” หานเซิ่นยิ้ม   ไป๋อี้ซานอึ้ง เขาไม่เคยเห็นคนแบบหานเซิ่นมาก่อน คนระดับสูงอย่างเขาไม่เคยมาขอให้ใครช่วยเขาทดลองขนาดนี้ คนนับไม่ถ้วนยินดีจะช่วยเขาแบบฟรีๆ ถ้าได้ฝึกวิชาที่เขาคิดค้น   “ก็ได้ ถ้ามันจำเป็น ฉันสามารถจ่ายให้เธอได้ เธอต้องการค่าตอบแทนเท่าไหร่?” ไป๋อี้ซานยอมทำทุกอย่าง เพื่อไม่ให้คลื่นหยินหยางโดนแบน   “ใบอนุญาตเรียนวิชาระดับsของสถาบันเซนท์ 100 ใบ” หานเซิ่นตอบแบบหน้าซื่อๆ   ไป๋อี้ซานเบิกตากว้าง ราวกับหานเซิ่นเป็นตัวประหลาด เขาไม่เคยเห็นใครที่จะกล้าแบบหนุ่มคนนี้มาก่อน เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ   หลังจากอึ้งอยู่ชั่วครู่ เขาก็มองหานเซิ่นและถาม “หานเซิ่น เธอเข้าใจไหมว่าใบอนุญาตระดับS 100 ใบ มันหมายความว่ายังไง?”   “คุณคิดค้นวิชาระดับSหลายวิชา ดังนั้นมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาไม่ใช่หรอครับ? ถ้าคุณคิดว่ามันมากไป ผมขอแค่ 99 ใบก็พอ” หานเซิ่นพูด   ไป๋อี้ซานยิ้มอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “การวิจัยของฉันเป็นแค่ส่วนเล็กๆในวิชาทั้งหมดที่ขายในสถาบันเซนท์ ต่อให้ฉันสอนทุกวิชาที่ฉันคิดค้น มันก็ยังห่างไกลจาก 100 วิชามาก ยิ่งกว่านั้นถ้าไม่มียาปรับปรุงพันธุกรรม เธอจะมีความเสี่ยงในการฝึกที่สูงมาก”   “งั้นคุณก็สอนให้ผมแค่วิชาที่คุณคิดค้น และให้ยาปรับปรุงพันธุกรรมกับผมหลายๆขวดหน่อยก็ไม่น่าจะเป็นอะไร” หานเซิ่นพูด   ไป๋อี้ซานมองหานเซิ่นและพูด “ฉันเซ็นสัญญากับสถาบันเซนท์อย่างถูกต้อง ไม่มีทางที่ฉันจะสอนวิชาให้เธอได้ ถ้าฉันยอมสอนให้เธอ เธอคงจะต้องเข้าไปนอนในคุก ถ้ามีใครรู้เรื่องนี้เข้า และที่สำคัญฉันไม่มีสิทธิในการให้ยาปรับปรุงพันธุกรรม ถ้าไม่ได้รับอนุญาต”   “เนื่องจากคุณทำอะไรไม่ได้ งั้นก็ลืมมันไป ผมเชื่อว่าคุณสามารถหาคนอื่นมาฝึกคลื่นหยินหยางแทนผมได้ง่ายๆอยู่แล้ว ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่ผมสามารถช่วยคุณได้ตอนนี้” หานเซิ่นลุกขึ้นและเตรียมจะกลับ   เขาได้ดูรายละเอียดของวิชาคลื่นหยินหยางแล้ว และพบว่ามันไม่ได้มีอันตรายในการฝึก ความเสี่ยงน่าจะอยู่ที่ผู้ฝึกเเละการนำไปใช้งานเป็นหลัก   “รอเดี๋ยวก่อน ฉันสามารถจ่ายเงินให้เธอได้ไม่อั้น ถ้าเธอต้องการ” ไป๋อี้ซานรีบพูด   “ศาสตราจารย์ ผมไม่ได้ยากจนขนาดต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเงิน” หานเซิ่นพูดอย่างนุ่มนวล   “การฝึกคลื่นหยินหยางมันไม่ได้เสี่ยงขนาดนั้น และยิ่งเป็นคนที่มีพรสวรรค์แบบเธอ มันแทบจะไม่มีความเสี่ยงเลย…” ไป๋อี้ซานพยายามอธิบาย   “ผมต้องขอโทษด้วยศาสตราจารย์ ผมคิดว่าผมคงช่วยคุณไม่ได้” หานเซิ่นพูด   ไป๋อี้ซานไม่รู้จะทำยังไงแล้วเพื่อให้หนุ่มคนนี้ยอมช่วย เขาพูดอย่างจนใจ “สถาบันเซนท์มอบใบอนุญาตเรียนวิชาระดับSให้กับฉันปีละ 2 ใบ บางทีฉันก็เก็บไว้เอง บางทีก็ให้คนอื่นไป ตอนนี้ฉันเหลืออยู่ 5 ใบ นั่นคือทั้งหมดที่ฉันสามารถให้เธอได้ คิดเกี่ยวกับมันให้ดีๆ”   “ผมสามารถใช้มันซื้อวิชาไฮเปอร์จีโนที่เหนือกว่าระดับผู้ยังไม่วิวัฒนาการได้ไหม?” หานเซิ่นถาม   “เธอสามารถใช้มันซื้อได้ทุกวิชาในระดับS มันคือใบอนุญาตพิเศษ แต่ถ้าระดับความแข็งแกร่งของเธอต่ำกว่าที่วิชานั้นต้องการ เธอจะไม่ค่อยได้อะไรถ้าเธอเลือกฝึกมัน”   “งั้นถ้าคุณยอมให้ผม 5 ใบ ผมจะฝึกคลื่นหยินหยาง” หานเซิ่นยื่นมือไปข้างหน้าไป๋อี้ซาน   เพราะวิชาไฮเปอร์จีโนระดับSส่วนมาก ผู้ฝึกจะต้องมีระดับความแข็งแกร่งตามที่กำหนด บางวิชาต้องเป็นผู้วิวัฒนาการหรือผู้เป็นเลิศเท่านั้นถึงจะสามารถฝึกได้ ซึ่งวิชาพวกนั้นจะถูกจำกัดระดับของผู้ที่จะซื้อได้ แต่ใบอนุญาตที่ไป๋อี้ซานจะให้หานเซิ่นเป็นแบบที่ไม่มีข้อจำกัด มันสามารถซื้อวิชาไหนก็ได้ในระดับS   หานเซิ่นพอใจกับสิ่งที่ไป๋อี้ซานเสนอมาก เขาดูรายละเอียดของคลื่นหยินหยางแล้ว และรู้ว่ามันไม่ได้อันตรายอะไร   ไป๋อี้ซานรู้สึกดีที่เขาเอาใบอนุญาตระดับSของสถาบันเซนท์ติดตัวมาด้วย ไม่อย่างงั้นเขาคงจะไม่สามารถโน้มน้าวปีศาจแห่งความโลภได้   ไป๋อี้ซานไม่เคยเห็นคนอย่างหานเซิ่นมาก่อน ถ้าเป็นคนอื่นได้พบเขา พวกเขาจะต้องให้ความเคารพ และไม่มีทางขออะไรตอบแทน   หลังจากที่ให้หานเซิ่นเซ็นสัญญาแล้ว เขาก็ให้ใบอนุญาตกับให้หานเซิ่น 5 ใบ มันเป็นใบอนุญาตเรียนวิชาระดับSที่สามารถวิชาเรียนก็ได้โดยไม่มีข้อจำกัด มันจะมอบให้กับบุคคลระดับสูงแบบไป๋อี้ซานเท่านั้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับทั่วๆไปก็ไม่มีสิทธิจะได้มัน   การที่เขาต้องให้ใบอนุญาตทั้ง 5 ใบกับหานเซิ่น ทำให้เขารู้สึกหัวเสียเล็กน้อย   แต่ยังดีที่หลังจากได้รับใบอนุญาตไปแล้ว หานเซิ่นก็ยอมดื่มยาปรับปรุงพันธุกรรมต่อหน้าเขาทันที และสัญญาว่าจะเริ่มฝึกคลื่หยินหยางทันที ทำให้ไป๋อี้ซานรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย   ‘แม้จะโลภมาก แต่เขาก็ยังรักษาสัญญา หวังว่าเขาจะสามารถทำให้วิชาคลื่นหยินหยางเจิดจรัสขึ้นมาได้’ ไป๋อี้ซานพยายามปลอบใจตัวเอง