Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 191 การสาธิต
Super God Gene – ตอนที่ 191 การสาธิต

หลังจากจบคาบเรียน หานเซิ่นก็ตรงไปที่สนามฝึกซ้อมศิลปะป้องกันตัวทันที เพราะจีเหยียนหรันกำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น เขาบอกเธอว่าจะไปรับและไปหาอะไรทานตอนกลางวันด้วยกัน   ตอนนี้พวกเขากล้าที่จะเดินไปไหนมาไหนด้วยกันในที่สาธารณแล้ว พวกเขาไม่ได้พยายามซ่อนตัว เนื่องจากทุกคนรู้กันหมดแล้ว   ตอนที่หานเซิ่นไปถึงสนามซ้อม จีเหยียนหรันยังฝึกซ้อมอยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์ เขาจึงต้องนั่งรออยู่ที่สแตนด์   แม้จีเหยียนหรันจะอยู่หน่วยยานอวกาศ แต่ศิลปะป้องกันตัวเป็นวิชาพื้นฐานที่นักเรียนทุกคนจะต้องเรียน ไม่ว่าจะอยู่หน่วยไหนก็ตาม   “นั่นอัจฉริยะนิ! เขาต้องมารับคนสวยแน่” “แน่นอนอยู่แล้ว เขาคงไม่ได้มานั่งดูพวกเราหรอก” “ผิวของเขาดีมากเลย ฉันอยากมีผิวแบบนั้นมั้ง” …..   นักเรียนหลายคนกำลังซุบซิบกัน แต่จีเหยียนหรันก็แทบไม่รู้สึกอะไรแล้ว ตั้งแต่คบกับหานเซิ่น เธอก็เหมือนจะได้นิสัยที่ไม่ค่อยสนใจเสียงผู้คนของหานเซิ่นมา   “เหยียนหรัน เธอสนุกงั้นหรอที่ถูกสายตาผู้คนมองแบบนี้ทุกๆวัน?” ฉวี้ลี่ลี่ใช้ศอกกระแทกจีเหยียนหรันเบาๆ   “ฉันคิดว่ามันสนุกมาก” จีเหยียนหรันยิ้มและพูด “ถ้าเธอไม่อยากรู้สึกแย่ เธอก็น่าจะหาแฟนสักคน”   “ฉันไม่ได้สวยเลือกได้เหมือนกับเธอนิ” ฉวี้ลี่ลี่พูด   “ฉันเกิดมาสวยเอง มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้” จีเหยียนหรันพูดพร้อมกับยิ้ม   ฉวี้ลี่ลี่มองจีเหยียนหรันด้วยความรู้สึกที่ขมขื่น “เหยียนหรัน ฉันคิดว่าตั้งแต่เธอคบกับหานเซิ่น เธอก็กลายเป็นพวกไร้ยางอายขึ้นทุกวัน เธอคงจะได้รับอิทธิพลมาจากเขาแน่”   “ผลการวิจัยบอกว่า หลังจากที่สามีและภรรยาอยู่ด้วยกันนานๆ พวกเขาจะค่อยๆได้รับผลจากยีนของอีกฝ่าย เธอไม่สังเกตเลยหรอว่าหานเซิ่นดูหล่อขึ้นทุกวันๆ?” จีเหยียนหรันพูด   “พวกเธอ 2 คน ช่างเหมาะสมกันดีจริงๆ” เมื่อก่อนตอนที่ฉวี้ลี่ลี่พูดแกล้ง จีเหยียนหรันจะต้องอาย แต่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนว่าเธอจะทำอะไรจีเหยียนหรันไม่ได้แล้ว   ‘เป็นความผิดของนายคนเดียวหานเซิ่น ฉันต้องการรูทเมทที่ไร้เดียงสาของฉันคืน’ ฉวี้ลี่ลี่คิดอย่างขมขื่น   ศาสตราจารย์เฉินหลิง อาจารย์สาว รูปร่างอวบ วัย 30 ปี ที่กำลังสอนวิชาศิลปะป้องกันตัวอยู่ เมื่อเธอเห็นหานเซิ่นอยู่ในชั้นเรียน เธอก็ยิ้มและพูด “ดูเหมือนจะมีดาราเข้ามาดูชั้นเรียนของเรา ทำให้พวกเธอไม่มีอารมณ์จะฝึกซ้อมกัน ถ้าจะให้เขามาสาธิตมวยขาวและดำ พวกเธอทุกคนคิดว่ายังไง?”   “เยี่ยมเลย ศาสตราจารย์…” นักเรียนต่างก็เห็นด้วย พวกเขารู้ว่าหานเซิ่นเอาชนะอวี้ซื่อหมิงได้ในชั้นเรียนของศาสตราจารย์เหยียน   “หานช่วยมาสาธิตให้พวกเพื่อนๆในชั้นเรียนดูหน่อยได้ไหม?” เฉินหลิงยิ้มให้หานเซิ่น   “แน่นอนครับ” หานเซิ่นยิ้มและเดินลงมาจากแสตนด์   เสียงเฮของนักเรียนดังกระฮึม เฉินหลิงถาม “เธอจะเลือกคู่ต่อสู้เองหรือให้ฉันเป็นคนเลือกให้?”   “ศาสตราจารย์เฉิน ไม่เห็นจำเป็นต้องเลือกเลย ยังไงก็ต้องเป็นจีเหยียนหรัน สุดสวยของเราอยู่แล้ว” พวกนักเรียนพูดขึ้นมา   พวกนักเรียนคนอื่นๆพากันหัวเราะทันที แม้จีเหยียนหรันจะเริ่มชินกับสายตาผู้คน แต่เมื่อโดนคนอื่นๆหัวเราะและจ้องขนาดนี้ เธอก็หน้าแดง   “งั้นจีเหยียนหรัน คงต้องเป็นเธอแล้ว” ศาสตราจารย์เฉินหลิงยิ้ม   แม้จะรู้สึกอายบ้าง แต่จีเหยียนหรันก็เดินไปเพื่อจับคู่สาธิตกับหานเซิ่น   นักเรียนทุกคนต่างก็รอดูฝีมือระดับเทพของหานเซิ่น แต่ผลที่ออกมาปรากฏว่าหานเซิ่นแพ้จีเหยียนหรันทุกรอบ ทำให้พวกนักเรียนรวมถึง ศาสตราจารย์เฉินหลิงตกตะลึง   “ดูเหมือนว่าอัจฉริยะจะไม่กล้าเล่นงานแฟนตัวเองนะ” “จีเหยียนหรันคงสั่งสอนเขามาดีมากๆ” “อย่าไปกลัว ไว้กลับบ้านไปนายค่อยคุกเข่าขอความเมตตาที่หลังก็ได้ ตอนนี้โชว์ฝีมือให้พวกเราดูก่อน” …   หานเซิ่นทำเหมือนกับไม่ได้ยินอะไร เขาแพ้ติดต่อกัน 12 รอบ พวกนักเรียนต่างก็ขำ ขณะที่เฉินหลิงดูจะประหลาดใจมาก ในมวยขาวและดำ มันไม่ง่ายที่เอาชนะก็จริง แต่มันก็ยากที่จะทำให้แพ้ติดต่อกันเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการแพ้อย่างเป็นธรรมชาติของหานเซิ่น ราวกับเขาอ่านการเคลื่อนไหวของจีเหยียนหรันออกทั้งหมด และเลือกทางที่จะแพ้ได้แบบเนียนๆ   การแพ้ 2-3 รอบมันอาจจะไม่แปลกอะไร แต่การแพ้ทุกรอบและดูเป็นธรรมชาติแบบนี้ ทำให้เธอประหลาดใจมาก หานเซิ่นดูไม่เหมือนกับผู้ยังไม่วิวัฒนาการเลย   หลังจากจบการสาธิต ขณะที่หานเซิ่นเตรียมตัวไปร้านอาหารกับจีเหยียนหรัน เฉินหลิงก็เดินเข้ามาและพูด “หานเซิ่น ฉันมีบางอย่างต้องการพูดกับเธอ เธอพอมีเวลาว่างสัก 2-3 นาทีไหม?”   หานเซิ่นกับจีเหยียนหรันหันมามองหน้ากัน เฉินหลิงไม่ได้สอนหน่วยธนูและพวกเขาก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เขาเลยไม่แน่ใจว่าเธอตั้งใจจะพูดเรื่องอะไร   “ให้พวกเธอไปด้วยได้ไหมครับ?” หานเซิ่นมองไปที่จีเหยียนหรันกับฉวี้ลี่ลี่   “แน่นอน ไปกินอาหารกันหมดนี่เลยก็ได้ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” เฉินหลิงพูดและเดินออกไป   หานเซิ่น จีเหยียนหรันและฉวี้ลี่ลี่รีบเดินตามเธอไป พวกเขาต่างก็สงสัยว่าเฉินหลิงต้องการคุยเรื่องอะไร   เฉินหลิงพาพวกเขาทั้ง 3 คนไปที่ร้านอาหารและจองห้องส่วนบุคคล   หลังจากที่หานเซิ่น และ2 สาวสั่งอาหารกันแล้ว เธอก็พูด “หานเซิ่น ในอีกไม่กี่วันจะมีการแข่งขันมวยขาวและดำ เหยี่ยวดำเองก็ส่งทีมลงแข่ง แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีกันแค่ 4 คน เธอพอจะช่วยได้ไหม?”   จีเหยียนหรันกับฉวี้ลี่ลี่ประหลาดใจ พวกเธอไม่คิดว่าเฉินหลิงจะมาชวนหานเซิ่น หานเซิ่นไม่ได้อยู่หน่วยศิลปะป้องกันตัว และก็ไม่ได้อยู่ในชมรมศิลปะป้องกันตัว ซึ่งโดยปรกติแล้วนักกีฬาของโรงเรียนจะถูกเลือกจาก 2 ที่นั้นก่อน   “สวี่เฉียนกับเพื่อนมาบอกกับผมแล้ว และผมก็สัญญากับพวกเขาไปแล้วว่าจะเข้าร่วมด้วย แต่เฉพาะรอบที่แข่งกับโรงเรียนเซนท์แชร์กแมง ในรอบอื่นๆผมไม่มั่นใจว่าจะไปเข้าร่วมได้” หานเซิ่นยิ้ม   เฉินหลิงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “เด็กพวกนั้นไปติดต่อเธอแล้วหรอ งั้นก็เยี่ยมเลย! ขอแค่มีเธอร่วมด้วยเหยี่ยวดำก็จะไม่แพ้เซนท์แชร์กแมง เหยี่ยวดำต้องพึ่งเธอแล้ว”     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 630 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 190 คำชวนจากชมรมศิลปะป้องกันตัว
Super God Gene – ตอนที่ 190 คำชวนจากชมรมศิลปะป้องกันตัว

“หยุดร้องไห้เถอะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร แค่เสียเวลาล่ามอนสเตอร์ระหว่างทางกลับ ขอโทษที่ทำให้เธอต้องเป็นกังวล” หานเซิ่นปลอบหวังเหมียนเหมียนที่กำลังร้องไห้   “พี่หาน พี่ทำให้ฉันกลัว” หวังเหมียนเหมียนยังคงสะอื้นไม่หยุด   “เธอนี่ทึ่มจัง เธอควรมั่นใจในตัวพี่คนนี้” หานเซิ่นลูบหัวของหวังเหมียนเหมียน   “ฉันมั่นใจ แต่พี่หายไปนานเกิน ฉันเลยเป็นกังวล” หวังเหมียนเหมียนพูด และส่งวิญญาณอสูรแฟนท่อมแอนท์เลือดศักดิ์สิทธิคืนให้หานเซิ่น   “งั้นพวกเราค่อยคุยกันต่อหลังจากที่พวกเรากลับไปถึงเมืองแล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อยมากและต้องการนอน” หานเซิ่นยิ้ม   พวกเขาทั้ง 3 คนเดินทางกลับไปที่เมือง ขณะเดินทางหวงฟูผิงชิงมองหานเซิ่นที่กำลังคุยอยู่กับหวังเหมียนเหมียนด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน   ‘ไม่เคยเห็นคนแบบเขามาก่อน น่าสนใจจริงๆ’ หวงฟูผิงชิงคิด ขณะมองหานเซิ่นและยิ้มราวกับว่าเจอของเล่นชิ้นใหม่ที่น่าสนใจ   หวงฟูผิงชิงเชื่อว่าเธอแข็งแกร่งอันดับต้นๆในก็อคแซงชัวรี่เขต 1 และเธอต้องกลายเป็นผู้ถูกเลือกในปีหน้าอย่างแน่นอน   แต่กระนั้นเธอก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาตัวรอดจากพวกแบล็คเฟเธอร์ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่หานเซิ่นทำได้   หวงฟูผิงชิงยังจดจำการเคลื่อนไหวของหานเซิ่นได้ติดตา การพุ่งขึ้นไปบนอากาศด้วยการใช้ลูกธนู เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก   “คุณหาน เมื่อไปถึงสตีลอาเมอร์ ฉันคิดว่าจะเปิดขายวิญญาณอสูรที่นั่น ซึ่งในบรรดาวิญญาณอสูรที่จะขายมีระดับเลือดศักดิ์สิทธิรวมอยู่ด้วย 2 ดวง ถ้าคุณสนใจ คุณสามารถมาดูได้” หวงฟูผิงชิงพูด   “วิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิ? ประเภทไหน?” หานเซิ่นถาม   “ปรกติเรื่องแบบนี้ฉันจะไม่พูดจนกว่าจะถึงงานประมูล แต่เนื่องจากคุณเป็นคนถาม ฉันสามารถบอกได้ว่าเป็นประเภทบินกับอาวุธ” หวงฟูผิงชิงยิ้ม   “ผมต้องไปแน่” หานเซิ่นอยากได้อาวุธวิญญาณอสูรระดับเลือดศักดิ์สิทธินานแล้ว อาวุธเลือดศักดิ์สิทธิจะทำให้เขาต่อกรกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิได้ และยังทำให้เขาล่ามอนสเตอร์ได้ง่ายขึ้นด้วย   ถ้าเขามีอาวุธเลือดศักดิ์สิทธิอยู่ในตัวละก็ แบล็คเฟเธอร์เลือดศักดิ์สิทธิตัวนั้นก็คงถูกจัดการไปแล้ว   หลังจากกลับมาที่โรงเรียน หานเซิ่นก็ใช้เวลาส่วนมากในการพักผ่อน ซึ่งทำให้เขามีเวลาไปเรียนและฟังบรรยาย   วันนี้หานเซิ่นเข้าเรียนวิชาทฤษฎีศิลปะการต่อสู้ไฮเปอร์จีโน ขณะฟังบรรยาย หานเซิ่นก็เล่นบูมเมอแรงไปด้วย   หานเซิ่นขอให้ช่างคนที่เขาเคยซื้อลูกธนูโลหะz ทำบูมเมอแรงที่มีรูปร่างและน้ำหนักเหมือนกับวิญญาณอสูรโกสบัตเตอร์ฟรายให้ ซึ่งฝีมือของช่างสูงมาก เขาสามารถทำบูมเมอแรงได้ตามแบบที่หานเซิ่นต้องการเกือบ 100%   หานเซิ่นสั่งทำไปทั้งหมด 10 อัน เขาจะใช้พวกมันในการฝึกซ้อม เนื่องจากเขายังไม่อยากใช้วิญญาณอสูรแบบใช้ครั้งเดียว ถ้ายังไม่ชำนาญ   หานเซิ่นรู้หลักการใช้อาวุธหลายอย่าง บวกกับที่เขาเคยฝึกควงมีดมาแล้ว ทำให้เขาสามารถฝึกใช้บูมเมอร์เเรงได้ด้วยตัวเอง   ระหว่างที่ฟังบรรยาย หานเซิ่นทำให้บูมเมอแรงเต้นบนฝ่ามือของเขาราวกับมีชีวิต หานเซิ่นถือมันไปด้วยทุกที่เพื่อสร้างความคุ้นเคย   “อัจฉริยะ ฉันขออะไรนายหน่อยได้ไหม?” หลังจบคาบเรียน มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาหานเซิ่น   “ลองพูดมา” หานเซิ่นค่อนข้างประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยรู้จักกับคนพวกนี้มาก่อน   “อัจฉริยะ พวกเรามาจากชมรมศิลปะการป้องกันตัว ฉันชื่อสวี่เฉียน พวกเราเพิ่งจะสมัครลงแข่งมวยขาวและดำในเน็ต ซึ่งมันเป็นการแข่งแบบทีม แต่ตอนนี้พวกเรามีแค่ 4 คนและต้องการอีก 1 คน นายมาช่วยพวกเราได้รึเปล่า?” หลังจากพูดจบ พวกเขาทั้ง 4 คนก็มองมาที่หานเซิ่น   “มีอีกหลายคนที่เก่งมวยขาวและดำ ทำไมถึงต้องเป็นผมด้วย?” หานเซิ่นทำหน้างงและถาม   “ถ้าเป็นการแข่งอื่นต่อให้แพ้พวกเราก็ไม่เสียใจ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป พวกเราต้องแข่งกับโรงเรียนเซนท์แชร์กแมง และพวกเราจะแพ้ไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงต้องมาขอให้นายช่วย”   เมื่อเห็นหานเซิ่นดูไม่ค่อยเข้าใจ พวกเขา 4 คนก็ตระหนักว่าหานเซิ่นยังไม่รู้เรื่องความขัดแย้งระหว่าง 2 โรงเรียน ทำให้พวกเขาต้องเริ่มอธิบายให้หานเซิ่นฟัง ไม่นานหานเซิ่นก็เข้าใจว่าชมรมศิลปะการต่อสู้ของเหยี่ยวดำกับเซนท์แชร์กแมงเป็นคู่อริกันมานานแล้ว   ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อุปสรรคสำคัญที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถผ่านเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ก็เพราะเซนท์แชร์กแมง   หลังจากเล่าให้หานเซิ่นฟังแล้ว พวกเขาก็มองที่หานเซิ่นอย่างเป็นกังวล   แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าหานเซิ่นเก่งมวยขาวและดำ แต่หานเซิ่นก็ไม่ใช่คนในชมรม ซึ่งพวกเขาไม่สามารถบังคับหานเซิ่นได้   เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของพวกเขา หานเซิ่นก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และพูด “การแข่งเริ่มเมื่อไหร่? ถ้าเวลาไม่ชนกับตารางงานของผม ผมถึงจะช่วยได้”   พวกเขาทั้ง 4 รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที “เริ่มสุดสัปดาห์นี้ แมทอื่นไม่สำคัญ แต่แมทในวันที่ 6 ตุลาคมต้องแข่งกับเซนท์แชร์กแมง ซึ่งพวกเราต้องการให้นายช่วย พวกเราใส่ชื่อของนายลงไปเลยได้ไหม?”   “ไม่มีปัญหา ผมคิดว่าน่าจะเข้าร่วมได้” หานเซิ่นยิ้มและพูด “แล้วก็อย่าเรียกผมว่าอัจฉริยะ นั่นไม่ใช้ชื่อของผม”   “โอเค พวกเราจะเรียกนายว่าหานเซิ่นแล้วกัน นี่คือใบสมัคร นายต้องกรอกข้อมูลให้ครบ” สวี่เฉียนส่งแบบฟอร์มสมัครให้หานเซิ่นอย่างตื่นเต้น   “ตรงนั้นอัจฉริยะ… เอ้ย หานเซิ่น ตรงนั้นนายต้องใส่ชื่อไอดี นายคิดชื่อให้ดีก่อนจะใส่ลงไป” หลิวอวี้หู่พูด   “โอเค” หานเซิ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะใส่ชื่อลงไป   “จักรพรรดิหมัดดำ!” เมื่อพวกเขาเห็นชื่อไอดีของหานเซิ่น พวกเขาก็ต้องประหลาดใจ มันเป็นชื่อที่หยิ่งผยองมาก พวกเขาไม่คิดว่าหานเซิ่นจะเลือกชื่อแบบนี้   “มันใช้ไม่ได้งั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม   “ไม่ ไม่มีปัญหาอะไร พวกเราต้องใส่ชื่อทีมนำหน้าชื่ออยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวเรื่องชื่อซ้ำ” สวี่เฉียนรีบพูด   พวกเขาทั้ง 4 คิด ‘ต่อให้ไม่มีชื่อทีมนำหน้าก็ไม่น่าจะมีใครกล้าใช้ชื่อนี้อยู่แล้ว’   แต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไร ถ้าเป็นคนอื่นมาใช้ชื่อแบบนี้ พวกเขาต้องพูดอะไรกับคนคนนั้นบ้าง แต่เมื่อเป็นหานเซิ่นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 627 แล้วครับ