Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 177 เปิดตัววอเฟรม
Super God Gene – ตอนที่ 177 เปิดตัววอเฟรม

การเตรียมการสำหรับงานเปิดตัววอเฟรมใหม่ก้าวหน้าเร็วกว่ากำหนดถึง 13 วัน ทั้งลิ่วจางหมิงและซูเหวินจางต่างก็พอใจกับผลลัพธ์ในครั้งนี้มาก   หานเซิ่นเองก็มีความสุข เพราะนอกจากจะได้ร่วมงานกับสาวสวยแล้ว Silver Killerของเขาก็ยังได้รับการติดตั้งระบบอาวุธเข้าไปด้วย   หลังจากที่ได้รับการดัดแปลง Silver Killerไม่เพียงแค่มีระบบอาวุธเพิ่มมาเท่านั้น แต่ขนาดของมันเวลาอยู่ในสภาพกระเป๋าถือมีขนาดเล็กลงด้วย ตอนนี้มันมีขนาดเท่ากับโน้ตบุ๊คหน้าจอ 15 นิ้ว ซึ่งจุดนี้ถือเป็นผลดีกับหานเซิ่นที่จะสามารถพกพามันไปไหนมาไหนได้สะดวกมากขึ้น   ลิ่วจางหมิงบอกกับเขาว่ามันคือวอเฟรมที่สร้างด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของมนุษย์ในตอนนี้แล้ว ถ้าต้องการให้ขนาดของมันเล็กกว่านี้ก็ต้องรอให้มนุษย์มีเทคโนโลยีที่สูงกว่าตอนนี้   ในส่วนของข้อตกลงในสัญญา หานเซิ่นจะได้รับSKTSที่มีตาสัญลักษณ์พิเศษของดีกัง ซึ่งตราสัญลักษณ์นี้มีความหมายว่าวอเฟรมเครื่องนี้สามารถซ่อมได้ฟรีตลอดอายุการใช้งาน ถ้าหากว่ามันไม่แหลกเป็นชิ้นๆเสียก่อน ไม่ว่าสภาพจะแย่ขนาดไหนก็สามารถไปซ่อมได้ที่สถานีซ่อมทั่วๆไปของทางดีกัง   แน่นอนว่าถ้าอยากจะส่งมาซ่อมที่ดีกังโดยตรงก็สามารถทำได้ แต่อาจต้องเสียเวลาเพิ่มนิดหน่อย   การบริการลักษณะนี้จะไม่เห็นได้ทั่วไป และจะมีSKTSเพียง 2 เครื่องเท่านั้นที่มีตราสัญลักษณ์แบบนี้ เครื่องหนึ่งเป็นของหานเซิ้่น ส่วนอีกเครื่องเป็นของอวี้เฉียนซุน และSilver Killerเองก็ได้รับการประทับตราสัญลักษณ์แบบนี้เช่นเดียวกัน   แต่หานเซิ่นได้ร้องขอกับลิ่วจางหมิงว่าเขาอยากจะให้SKTSของเขามีอะไรที่แตกต่างจากเครื่องอื่นๆ   เนื่องจากความพิเศษของซุปเปอร์ไบโอนิเคิลวอเฟรม ทำให้สีของมันเปลี่ยนแปลงได้ยากมาก แม้ว่าSKTSและSilver Killerจะได้รับการเสริมเกราะใหม่ที่มีสีแตกต่างออกไปจากเดิม แต่เมื่อมันเปลี่ยนสภาพไปเป็นกระเป๋า เกราะที่ถูกเสริมใหม่จะหายไป   ดังนั้นหานเซิ่นจึงขอให้ลิ่วจางหมิงช่วยเพิ่มลวดลายสีฟ้าบนSKTSของเขา   หานเซิ่นนั้นมีSilver Killerที่มีประสิทธิสูงอยู่แล้ว เขาเลยไม่สนใจSKTS แต่ด้วยการตกแต่งจะทำให้วอเฟรมของเขากลายเป็น limited edition ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้มัน   ลิ่วจางหมิงยอมรับคำขอของหานเซิ่น แต่การเปลี่ยนสีนั้นทำได้ค่อนข้างยาก และต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ถ้าจะทำให้มันเป็นสีฟ้าทั้งตัวเลยอาจทำได้ง่ายกว่า แต่ว่าการจะทำลวดลายสีฟ้าให้มันต้องทำในห้องแล็บโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น   เมื่ออวี้เฉียนซุนรู้เรื่องที่หานเซิ่นร้องขอ และได้เห็นรูปโฮโลแกรมที่หานเซิ่นออกแบบลวดลายสีฟ้าไว้ เธอจึงขอให้พวกเขาทำแบบเดียวกันให้เธอบ้างแต่เปลี่ยนเป็นสีแดง   นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้หานเซิ่นต้องอยู่ที่สำนักงานของดีกังหลายวันและไม่ได้กลับไปโรงเรียน   ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนถึงงานเปิดตัว กลุ่มดีกังได้ทำการโปรโมทครั้งใหญ่ แต่รูปลักษณ์ของวอเฟรมใหม่ก็ยังเป็นความลับอยู่ พวกลูกค้าต่างก็อยากเห็นรูปร่างหน้าตาของซุปเปอร์ไบโอนิเคิลวอเฟรม   นี่คือผลงานที่เป็นการปฏิวัติวงการอย่างแท้จริง นี่คือวอเฟรมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์… แต่ละคำที่ดีกังใช้ในการโฆษณาเป็นที่น่าตกใจสำหรับสำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจในวอเฟรม   พวกคู่แข่งต่างก็ช่วยกันดิสเครดิตโฆษณาของดีกัง พวกเขาไม่เชื่อว่าดีกังจะทำซุปเปอร์ไบโอนิเคิลวอเฟรมออกมาได้ตามที่คุยไว้   กลุ่มดีกังนั้นไม่ได้สนใจตอบโต้พวกคู่แข่ง พวกเขาเพียงแค่รออย่างเงียบๆเพื่อที่จะจัดการแถลงข่าวเปิดตัวในวันที่ 1 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่พวกเขาจะเปิดตัวซุปเปอร์ไบโอนิเคิลวอเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุด …..   ในที่สุดก็มาถึงวันที่ 1 กันยายน ดีกังจัดงานแถลงเปิดตัววอเฟรมใหม่ของพวกเขา   งานนี้แตกต่างจากงานแถลงเปิดตัวอื่นๆที่เคยจัดมา ครั้งนี้ลิ่วจางหมิงเป็นหัวหน้าการแถลง เขาเผชิญหน้ากับนักข่าวจากทุกสำนักในกาแล็กซี่ และพูดออกมาเพียงแค่ 1 ประโยค “โปรดสนุกกับการเปิดตัวสุดยอดสิ่งประดิษฐ์ของดีกัง”   หลังจากนั้นภาพโฮโลแกรมเปิดตัวก็เริ่มเล่น ผู้ชมทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่ภาพแบบตาไม่กระพริบ   ไม่นานพวกเขาก็เห็นสาวสวยกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ข้างๆสนามเด็กเล่น เธอกำลังอ่านหนังสืออยู่ ขณะที่ผมสีดำยาวของเธอกำลังปลิวไสว เป็นฉากที่ดึงดูดสายตาจากผู้ชมเป็นอย่างมาก พวกเขาแทบจะหยุดหายใจเพราะกลัวว่าลมหายใจอาจจะเป็นรบกวนเธอ   แสงอาทิตย์ที่สวยงาม ต้นหญ้าสีเขียวและสาวสวย ทำให้พวกเขานึกถึงสมัยที่ยังเรียนอยู่ในโรงเรียน   ‘นั่นอวี้เฉียนซุน’ พวกนักข่าวกำลังคิด   ตั้งแต่กลุ่มดีกังให้เธอมาช่วยโปรโมทสินค้า มันก็ส่งผลดีกับพวกเขามาก ยอดขายของพวกเขาเพิ่มขึ้นสูงมาก ทุกคนคิดว่าดีกังคงใช้เธอในการโปรโมทครั้งนี้อีก   หลังจากนั้นกล้องก็ซูมเข้าไปที่หนังสือในมือของเธอ ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ทำให้เห็นทุกอณูของตัวหนังสือ   แต่ทว่าอยู่ๆก็มีความมืดเข้ามาปกคลุม อวี้เฉียนซุนดูตกใจมาก ยานรบขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และปกคลุมท้องฟ้าทั่วโรงเรียนเหมือนกับเมฆสีดำ   “ยานรบของพวกชูร่า!” พวกนักข่าวต่างก็จดจำมันได้เป็นอย่างดี   ปัง! วอเฟรมน่าเกียจตกลงมาบนพื้น จนทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ วอเฟรมยืนขึ้น พร้อมกับดาบในมือที่กำลังล่ำร้องหาเลือดสดๆ   ไม่นานวอเฟรมจำนวนมากก็ลงมาจากยานรบของชูร่า มันเป็นฉากที่เหมือนกับอสูรกลายลงมาจากสวรรค์ ซึ่งเปลี่ยนให้ฉากที่งดงามตอนแรกกลายเป็นเหมือนกับขุมนรกทันที   แผ่นดินกำลังสั่นสะเทือน ปืนอนุภาคกำลังส่งเสียงคำราม พวกนักเรียนกำลังกรีดร้องและวิ่งหนีตาย   เด็กผู้หญิงที่รับบทโดยอวี้เฉียนซุนเองก็วิ่งหนีอย่างสิ้นหวัง ขณะถือหนังสือในมือ แต่ขาของเธอจะก้าวได้ไวกว่าวอเฟรมของพวกชูร่าได้ยังไง? และยังมีวอเฟรมจำนวนมากที่อยู่เกือบทุกจุดในโรงเรียน   ความรู้สึกสิ้นหวังได้แพร่กระจายไปสู่หัวใจของผู้ชมทุกคน   ในสถานการณ์วิกฤต เธอสะดุดอะไรบางอย่างและล้มลงบนพื้น หนังสือของเธอก็กระเด็นตกลงไปอยู่ข้างหน้าของเธอ   เธอพยายามลุกขึ้น และยื่นมือไปหยิบหนังสืออย่างตื่นตระหนก เมื่อเธอหันหลังกลับมาก็เห็นโรงเรียนที่อยู่ภายใต้การโจมตีของกองทัพวอเฟรม และกลุ่มวอเฟรมของพวกชูร่าก็กำลังพุ่งตรงเข้ามา   เมื่อเห็นใบหน้าที่สิ้นหวังของเธอ ทุกคนก็รู้สึกหดหู่ พวกเขาหวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้   แต่วอเฟรมของพวกชูร่ามีจำนวนมากเกินไป และหนึ่งในพวกมันกำลังใช้ดาบฟันมาที่เด็กผู้หญิง   ปัง! กระเป๋าสีเงินลอยมากระแทกดาบของชูร่า บนกระเป๋ามีตัวอักษร ‘TS’ สลักเอาไว้   ในที่สุดกระเป๋าสีเงินก็ลอยกลับไปอยู่ในมือของเด็กหนุ่มในชุดนักเรียน เด็กหนุ่มกดปุ่มบนกระเป๋า และโยนมันขึ้นไปบนท้องฟ้า     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 591 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 176 แพ้ราบคาบ
Super God Gene – ตอนที่ 176 แพ้ราบคาบ

ที่งานประลองของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 หานเซิ่นเคยเห็นอวี้เฉียนซุนมาก่อน แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ เนื่องจากอวี้เฉียนซุนไม่ได้บอกว่าเธอเป็นใคร   หานเซิ่นคิดว่าเธอเป็นคู่ซ้อมที่ดีกังส่งมาเพื่อทดสอบเขา ถ้าเขารู้ว่าเธอเป็นนางเอกในงานเปิดตัว เขาคงจะให้เธอชนะสักเกม แต่เนื่องจากเขาเข้าใจผิด ทำให้อวี้เฉียนซุนแพ้ราบคาบทุกเกม   พวกเขาเล่นกัน 10 กว่าเกมบนเครื่องจำลอง อวี้เฉียนซุนใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี เพื่อพยายามจะชนะให้ได้สักเกม แต่เธอก็ทำไม่ได้เลย เนื่องจากคู่ต่อสู้เก่งเกินไป เทคนิคของเธอยังไม่สามารถเทียบกับของหานเซิ่นได้ การบังคับของหานเซิ่นนั้นไร้ที่ติราวกับว่าSKTSเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา   การต่อสู้กับหานเซิ่น ทำให้เธอนึกถึงตอนที่เธอฝึกกับผู้วิวัฒนาการ มันเหมือนเด็กแข่งกับผู้ใหญ่ เธอจึงรู้สึกไม่มีหวังที่จะชนะ   แม้ว่าคู่ต่อสู้จะแกล้งออมมือให้ โดยการปล่อยให้เธอแสดงฝีมือออกมาทั้งหมดก่อนที่จะเอาชนะเธอในที่สุด   ไม่ว่าเธอจะโกรธและหัวเสียขนาดไหน แต่ความแตกต่างของฝีมือมีมากเกินไป ทำให้เธอเริ่มถอดใจ แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่หยิ่งผยองและภูมิใจในตัวเอง แต่เธอก็ไม่เหมือนกับจางหยาง หลังจากที่แพ้มา 10 กว่ารอบ อวี้เฉียนซุนก็เลิกคิดที่จะสู้ต่อและเดินออกจากเครื่องจำลองโฮโลเเกรม   “นายยังไม่วิวัฒนาการและเป็นแค่นักเรียนโรงเรียนทหารธรรมดาแน่หรอ?” อวี้เฉียนซุนคิดว่าหานเซิ่นน่าจะเป็นผู้วิวัฒนาการ เพราะถ้าไม่แล้วมันจะไม่มีคำอธิบายว่าทำไมฝีมือของเขาถึงอยู่ระดับนี้ได้   แต่เมื่อหานเซิ่นออกมาจากเครื่องจำลองโฮโลแกรม และเธอเห็นหน้าของเขา เธอก็เปลี่ยนความคิดทันที   ผิวของหานเซิ่นขาวและเนียนมาก ดูไม่เหมือนคนที่ผ่านการฝึกหนักมาเลย แค่มองอวี้เฉียนซุนก็สามารถบอกได้เลยว่าเขายังไม่ใช่ผู้วิวัฒนาการ และเขาก็น่าจะอายุน้อยกว่าเธอ   “คุณไม่รู้หรอว่าผมเป็นเด็กปี 1 ของเหยี่ยวดำ?” หานเซิ่นทำหน้างง เขาไม่คิดว่าเธอจะถามแบบนี้ เนื่องจากเธอถูกสั่งให้มาเป็นคู่ซ้อม ดีกังก็น่าจะแจ้งรายละเอียดกับเธอมาบ้างแล้ว   อวี้เฉียนซุนมองหานเซิ่นด้วยสายตาแปลกๆ เขาเด็กกว่าเธอจริงๆ เนื่องจากเธอเป็นนักเรียนปี 2 แล้ว   “นายฝีมือดีมาก นายฝึกซ้อมมาแบบไหน?” เธอเริ่มยอมรับความจริงแล้วว่าหานเซิ่นฝีมือดีกว่าเธอมาก และเขาก็ควรเป็นคนขับSKTSในงานเปิดตัว เนื่องจากเธอมาจากครอบครัวทหารที่ค่อนข้างให้ความเคารพกับใครก็ตามที่ฝีมือสูงกว่า   “แค่ให้เวลาและทุ่มเทกับมันให้มากๆ คุณไม่เคยได้ยินที่คนเขาพูดกันหรอ?” หานเซิ่นยักไหล่ เขารู้สึกภูมิใจที่มีผู้หญิงสวยๆแบบนี้มาชื่นชมเขา   “พูดว่ายังไง?” อวี้เฉียนซุนถาม   “ความสำเร็จเกิดจากพรสวรรค์99% และความพยายามอีก1%” หานเซิ่นพูดและหัวเราะ   อวี้เฉียนซุนลังเลก่อนจะถามออกไป “ปรกติมันต้องเป็นความพยายาม99% พรสวรรค์1% ไม่ใช่หรอ?”   อวี้เฉียนซุนมองไปที่หานเซิ่น และรู้สึกได้ทันทีว่าเขาตั้งใจพูดแบบนั้นอยู่แล้ว เขาไม่ได้พูดผิด เพราะผิวของเขาขาวอย่างกับเต้าหู้ เขาดูไม่เหมือนคนที่ฝึกหนักอะไร   “พรสวรรค์99% ความพยายาม1%ใช่ไหม? ฉันจะจำเอาไว้” เธอหันไปมองหานเซิ่นอีกครั้ง   แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อเรื่องของพวกที่เป็นอัจฉริยะตั้งแต่เกิด แต่หานเซิ่นถือเป็นกรณีตัวอย่างสำหรับเธอได้เลย   ลิ่วจางหมิงกับซูเหวินจางกำลังดูการต่อสู้จำลอง พวกเขาประหลาดใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา มันยากมากที่จะหาคนอายุไม่เกิน 18 ปีที่สามารถต่อกรกับอวี้เฉียนซุนได้ แต่หานเซิ่นชนะเธอแบบขาดลอย ซึ่งเหนือกว่าที่พวกเขาคาดหวังไว้   “ดูเหมือนว่าหานเซิ่นจะดีกว่าที่พวกเราจินตนาการไว้ นอกจากนี้เขายังอยู่ในหน่วยพิเศษอีกด้วย ถ้าเขาสามารถวิวัฒนาการได้ภายใน 1-2 ปี เขาจะเป็นสตาร์ที่โดดเด่นในกาแล็กซี่อย่างแน่นอน” ลิ่วจางหมิงครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมา   ซูเหวินจางพยักหน้า “ซินเสวียนตาแหลมมาก ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะหาคนที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้เข้าหน่วยได้”   “ปรกติผมจะเชื่อมั่นในคนที่ซินเสวียนเลือกมาอยู่แล้ว” ลิ่วจางหมิงหัวเราะ   เมื่อหานเซิ่นรู้ว่าอวี้เฉียนซุนรับหน้าที่เป็นนางเอกในงานเปิดตัวSKTS ไม่ใช่มีหน้าที่เป็นคู่ซ้อมอย่างที่เขาไว้คิดตอนแรก หานเซิ่นรู้สึกเขินทันที เขารู้สึกอับอายกับสิ่งที่ทำลงไป ถ้ารู้ก่อนเขาจะปฏิบัติกับเธอดีกว่านี้   โชคดีที่อวี้เฉียนซุนไม่รู้ความคิดของเขา ตอนนี้เธอเชื่อมั่นในพรสรรค์ของหานเซิ่น เธอยินดีให้ความร่วมมือในงานเปิดตัวอย่างเต็มที่   ในความจริง ต่อให้เธอไม่เต็ม เธอก็ต้องทำตามคำสั่งอยู่แล้ว เพราะเธอเป็นทหาร แต่จากการที่เธอได้เห็นพรสวรรค์ของหานเซิ่นกับตาก็ทำให้เธอเต็มใจที่จะทำงานมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เธอแสดงออกมาได้เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น   ในระหว่างฝึกซ้อมการถ่ายทำ อวี้เฉียนซุนต้องจับคู่กับหานเซิ่น และเธอมักจะถามเกี่ยวกับเขาเมื่อมีโอกาส ซึ่งยิ่งเธอรู้จักเขามากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกกลัวพรสวรรค์ของเขา   ความเร็วของหานเซิ่นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกว่าด้อยกว่าเขา เธอลองคำนวณดูคร่าวๆแล้ว ถ้าเธอเก็บจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิได้เต็ม เธอถึงจะสามารถตามความเร็วของเขาได้ทัน   ตอนนี้เธอเห็นหานเซิ่นเป็นเป้าหมายที่ต้องก้าวข้ามให้ได้ ถ้าผิวของหานเซิ่นไม่ขาวและเนียนเหมือนกับคนไม่เคยฝึกหนัก ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอไม่ชอบใจ เธอคงจะนับถือหานเซิ่นเป็นอาจารย์ไปแล้ว   เธอมักจะมองหานเซิ่นด้วยสายตาแปลก ซึ่งนั่นเริ่มทำให้หานเซิ่นรู้สึกกลัว เขากลัวว่าความลับเรื่องที่เขาฝึกกายหยกอาจจะแตกขึ้นมาก็ได้     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 588 แล้วครับ