Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 175 ต่อสู้กับสาวสวย
Super God Gene – ตอนที่ 175 ต่อสู้กับสาวสวย

เนื่องจากหานเซิ่นกำลังเข้าใจผิดอยู่ เขาคิดว่าวอเฟรมทุกเครื่องที่จอดเรียงรายกันอยู่ต้องบุกเข้ามาด้วยอย่างแน่นอน เขาจึงเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แบบกลุ่ม ดังนั้นเขาจึงคิดว่าควรต้องจัดการวอเฟรมที่บุกเข้ามาเครื่องแรกให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้สามารถรับมือกับเครื่องที่เหลือได้   ลิ่วจางหมิงและผู้กำกับซูเหวินจางกำลังนั่งดูการฝึกซ้อมของหานเซิ่นอยู่ผ่านจอนิเตอร์ ทันทีที่พวกเขาเห็นSKTSอีกเครื่องเคลื่อนที่ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที   ไม่นานลิ่วจางหมิงก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ต้องเป็นอวี้เฉียนซุนแน่ ไม่มีใครจะทำเรื่องบ้าๆแบบนี้อีกแล้ว”   เมื่อลิ่วจางหมิงลุกขึ้นและเตรียมที่จะไปหยุดเธอ ผู้กำกับซูก็ห้ามเขาเอาไว้ และพูด “คุณลิ่ว ผมว่าเราดูต่อไปก่อนดีกว่า คุณบอกว่าหานเซิ่นเป็นอัจฉริยะด้านวอเฟรมใช่ไหม งั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแพ้อวี้เฉียนซุน ถ้าเขาแพ้เธอ ผมจะให้เธอทำหน้าที่ขับวอเฟรมแทนเขาน่าจะดีกว่า”   ลิ่วจางหมิงพูดพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น “ซู คุณก็น่าจะรู้นิว่าอวี้มาจากครอบครัวที่โดดเด่นเรื่องวอเฟรม เทคนิคการขับวอเฟรมของตระกูลเธอสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น เธอถูกส่งไปอยู่หน่วยพิเศษตั้งแต่อายุ 16 และได้ฝึกกับคนมีฝีมือมากมาย ถ้านับเฉพาะคนที่อายุเท่าเธอ ยากที่จะหาใครที่มีฝีมือขับวอเฟรมสูงกว่าเธอ”   หลังจากสูดลมหายใจลึก ลิ่วจางหมิงพูดต่อ “หานเซิ่นเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มาก เรื่องนี้ผมสามารถรับรองได้ แต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะเอาชนะอวี้เฉียนซุนได้ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้พวกเขากำลังขับSKTS ซึ่งหานเซิ่นเพิ่งจะได้ลองขับมัน และเนื่องจากประสิทธิภาพของมันด้อยกว่าSilver Killerมาก ดังนั้นเขายังไม่น่าจะคุ้นเคยกับมัน”   “งั้นคงไม่ดีแล้ว รีบสั่งคนไปหยุดเธอไว้เร็ว!” ซูเหวินจางหน้าถอดสีทันที   “ตอนนี้คงสายเกินไปแล้ว เราคงได้แต่หวังว่าอวี้เฉียนซุนคงไม่เล่นงานเขาหนักเกินไป” ลิ่วจางหมิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แม้ว่าเขาจะส่งคนออกไปตอนนี้ก็ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ทันแล้ว   สไตล์การขับวอเฟรมของอวี้เฉียนซุนจะคล้ายๆกับนิสัยของเธอ เธอจะจัดการคู่ต่อสู้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เธอสู้โดยปราศจากความกลัว แม้จะสู้กับคู่ต่อสู้ที่เก่งกว่าก็ตาม   อวี้เฉียนซุนขับวอเฟรมตรงไปที่หานเซิ่นด้วยความเร็วสูงสุด พร้อมกับฟันดาบลงมาที่วอเฟรมของหานเซิ่น   เมื่อเห็นหานเซิ่นยกดาบขึ้นมาป้องกันการโจมตี เธอก็ยิ่งรู้สึกดูถูกหานเซิ่นมากขึ้นไปอีก ด้วยวอเฟรมแบบเดียวกัน เธอเร่งความเร็วสูงกว่าเขา ดังนั้นมันง่ายที่จะคาดเดาผลลัพธ์ว่าวอเฟรมของหานเซิ่นต้องได้รับความเสียหายมากกว่าแน่นอน ถ้าวอเฟรมของหานเซิ่นล้มลงไปบนพื้น เขาก็หมดโอกาสที่จะตั้งหลักใหม่ได้ก่อนที่เธอจัดการเขาได้   การโจมตีของอวี้เฉียนซุนทั้งรวดเร็วและรุนแรงมาก เหมือนกับว่าเธอจะใส่ความโกรธทั้งหมดลงในการโจมตีครั้งนี้   ดาบของเธออยู่ห่างจากดาบของหานเซิ่นประมาน 10 นิ้ว ด้วยระยะการปะทะแค่นี้ถือว่าอันตรายมาก   แต่ทันใดนั้นอวี้เฉียนซุนก็เห็นดาบของหานเซิ่นหายไป อวี้เฉียนซุนช็อค แต่เธอไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากมองการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของคู่ต่อสู้ ซึ่งมาปรากฏที่ข้างหลังของเธอ   ปัง! ในชั่วพริบตา หานเซิ่นบังคับให้SKTSเตะเข้าไปที่หลังของวอเฟรมที่ฉวี้เฉียนซุนขับอยู่ ด้วยแรงเตะที่รุนแรงของSKTS ทำให้วอเฟรมของอวี้เฉียนซุนทรุดลงไปอยู่ในท่าคุกเข่า   ด้วยแรงกระแทกที่รุนแรง อวี้่เฉียนซุนตกตะลึง ไม่ใช่เพราะว่าเธอได้รับความเจ็บปวดจากการโจมตี แต่เพราะว่าเธอไม่อยากเชื่อว่าเธอจะแพ้แบบนี้ แพ้ให้กับคนที่เธอดูถูก   ในตอนนี้เธอไม่ได้บังคับวอเฟรมต่อ เนื่องจากเธอรู้ว่าคู่ต่อสู้จะใช้ดาบของเขาแทนเท้าก็ได้ ซึ่งจะสามารถทำลายSKTSที่เธอใช้อยู่ได้ เเต่หานเซิ่นเลือกที่จะไม่ทำ   ลิ่วจางหมิงกับซูเหวินจางต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดว่าคนอย่างอวี้เฉียนซุนจะแพ้เร็วขนาดนี้   “หนุ่มคนนี้สุดยอดจริงๆ” ลิ่วจางหมิ่งรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ในช่วงหลายวันมานี้เขาเหนื่อยกับการพูดกับอวี้เฉียนซุนมาก แต่ตอนนี้เธอคงไม่มีเหตุผลที่จะบ่นอีกแล้ว   ซูเหวินจางยิ้มออกมาเช่นกันและพูด “มันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากที่ผู้ยังไม่วิวัฒนาการขับวอเฟรมได้ระดับนี้ มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย”   หลังจากที่เอาชนะวอเฟรมตรงหน้าได้แล้ว หานเซิ่นมองไปรอบๆ และเห็นว่าSKTSเครื่องอื่นๆยังคงจอดอยู่เฉยๆ ซึ่งดูเหมือนว่านี่คงเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวมากกว่า   ขณะที่หานเซิ่นกำลังงงอยู่ หญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มสีขาวก็ลงมาจากห้องคนขับของSKTS   หานเซิ่นทึ่งตั้งแต่แรกเห็น แม้จะเปรียบเทียบกับจีเหยียนหรันก็ตาม ความสวยของเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าจีเหยียนหรัน ซึ่งจีเหยียนหรันเป็นสาวหน้าหวาน ในขณะที่อวี้เฉียนซุนเป็นหญิงสาวที่สวยและดูมั่นใจในตัวเอง พวกเธอทั้ง 2 ต่างก็มีสไตล์ของตัวเอง   “การต่อสู้ด้วยวอเฟรมจริงมันเสี่ยงเกินไป พวกเราควรจะสู้กันอีกครั้งโดยใช้เครื่องจำลองโฮโลแกรมแทน” อวี้เฉียนซุนพูด ขณะที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาหานเซิ่น   เธอยังไม่มั่นใจนักหลังจากที่แพ้เมื่อสักครู่ เธอคิดว่าเธออาจจะประมาทคู่ต่อสู้เกินไป แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็เริ่มยอมรับฝีมือของหานเซิ่นขึ้นมาบ้างแล้ว เขาไม่ใช่คนที่เธอจะประมาทได้เลย   เนื่องจากไม่ใช่การรบจริง และSKTSก็ราคาแพงมาก ดังนั้นเธอจึงชวนหานเซิ่นไปใช้เครื่องจำลองโฮโลแกรมในการต่อสู้แทน เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้น   หานเซิ่นคิดว่าเธอเป็นทีมงานที่ดีกังส่งมาเพื่อเป็นคู่ซ้อมให้กับเขา เขาจึงเดินตามเธอไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ   ขณะที่กำลังเดินอยู่หานเซิ่นคิด ‘ดีกังอุส่าส่งทีมงานสาวสวยขนาดนี้มาช่วยฝึกซ้อมให้ แต่ผมดันไปหยาบคายกับเธอ ถ้ารู้ก่อนผมคงออมมือมากกว่านี้’   แม้จะคิดแบบนั้น แต่หานเซิ่นก็จะไม่ยอมแพ้ให้กับเธอ เขาตั้งใจใช้เวลานานขึ้นในการเอาชนะเธอ เพื่อให้เธอได้ใช้ฝีมือออกมาอย่างเต็มที่   เขาคิดว่าถ้าเขาแพ้ ดีกังก็อาจจะไม่จ้างเขา แม้แต่ผู้หญิงคนเดียวยังไม่มีปัญญาชนะ แล้วจะมาเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าใหม่ของดีกังได้ยังไง?     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 585 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 174 ใครคือตัวเอก
Super God Gene – ตอนที่ 174 ใครคือตัวเอก

ตอนนี้กลุ่มดีกังกำลังพยายามโปรโมทวอเฟรมตัวใหม่ที่เป็นซุปเปอร์ไบโอนิเคิลวอเฟรม แต่พวกเขายังไม่เปิดเผยถึงรูปลักษณ์ของมัน   กลุ่มดีกังกำลังรอเวลาเหมาะๆเพื่อจะเปิดตัววอเฟรมตัวใหม่ของพวกเขา ซึ่งก็คือSKTS สู่สายตาของสาธารณชน พวกเขาได้แจ้งไปทางเหยี่ยวดำเพื่อขออนุญาตให้หานเซิ่นสามารถออกจากเหยี่ยวดำ เพื่อไปเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัววอเฟรม   เนื่องจากข้อตกลงนี้เป็นความลับ หานเซิ่นจึงไม่ได้บอกใคร เขาบอกจีเหยียนหรันเพียงแค่ เขาต้องไปทำธุระสำคัญให้กลุ่มดีกัง   ที่มุมห้องทำงานของดีกัง ผู้หญิงอายุประมาน 18 ปี สวมชุดยูนิฟอร์มสีขาวกำลังโต้เถียงอยู่กับลิ่วจางหมิง   “ผู้จัดการลิ่ว ฉันเชื่อว่าฉันมีความสามารถพอที่จะเป็นพรีเซนเตอร์ของวอเฟรมตัวใหม่ ทำไมคุณถึงให้ฉันทำหน้าที่แค่ยืนปั้นหน้าตาสวยๆ และให้นักเรียนทหารธรรมดามาทำหน้าที่ขับวอเฟรมเเทน? ฉันขอฟังคำอธิบายที่สมเหตุสมผลหน่อย” อวี้เฉียนซุนกำลังเดือดปุดๆ   แม้ว่ากฎข้อแรกของทหารคือต้องเชื่อฟังคำสั่ง แต่อวี้เฉียนซุนไม่ยอมรับความจริง เธอคิดว่าเธอมีคุณสมบัติดีพอทุกอย่าง แต่กับต้องมาถูกเด็กจากโรงเรียนทหารแย่งหน้าที่สำคัญไป   เมื่อปีก่อนอวี้เฉียนซุนถูกตั้งให้เป็นโฆษกของดีกัง และเป็นพรีเซนเตอร์โปรโมทสินค้าของดีกังหลายอย่าง ซึ่งยอดขายของสินค้าทุกชิ้นก็สูงมาก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอไม่อยากยอมรับคำสั่งที่ให้ทำหน้าที่ค่อยสนับสนุน ขณะที่ฟรีเซนเตอร์หลักกับตกไปอยู่ในมือนักเรียนจากเหยี่ยวดำ   แม้ว่าโรงเรียนเหยี่ยวดำจะถือว่าเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในกาแล็กซี่ แต่เธอเป็นคนที่มาจากโรงเรียนส่วนกลางของกาแล็กซี่ ซึ่งเหยี่ยวดำเทียบไม่ติด   “เฉียนซุน เธอไม่ได้เป็นแค่ตัวสนับสนุน แต่เธอเป็นนางเอกของงานเลยก็ว่าได้ ส่วนเด็กที่เราติดต่อมา เขาจะเป็นฮีโร่ งานนี้พวกเราต้องการพวกเธอทั้ง 2 คน งานถึงจะไปได้สวย” ลิ่วจางหมิงพูดพร้อมกับยิ้ม “ยิ่งกว่านั้น ด้วยความสวยของเธอ ถ้าทำงานร่วมกัน เธออาจจะดูโดดเด่นยิ่งกว่าเขาด้วยซ้ำ”   “ผู้จัดการ ฉันไม่ใช่เด็ก 3 ขวบนะ นี่มันเป็นการเปิดตัวสินค้าวอเฟรม คุณเคยเห็นนางเอกคนไหนเป็นนางเอกได้โดยไม่ต้องขับวอเฟรมรึเปล่า?” อวี้เฉียนซุนถาม ขณะกัดริมฝีปากของตัวเอง   เธอได้เห็นบทของเธอแล้ว แม้เธอจะเป็นนางเอก แต่ก็ไม่มีฉากที่เธอได้ขับวอเฟรมSKTSเลย เธอมีหน้าที่แค่ทำให้คนขับดูโดนเด่นขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งเธอคิดว่าคนที่ไม่ได้ขับวอเฟรมจะไม่สามารถเรียกว่าสตาร์ได้   “เฉียนซุน เธอไม่ใช่แค่ทหาร แต่ยังเป็นสตาร์ด้วย เชื่อในความสามารถของตังเอง และฉันก็เชื่อว่าเธอจะทำให้ตัวเองขึ้นมาเป็นตัวเอกของงานได้” ลิ่วจางหมิงทำตาแคบลง   “แต่…” อวี้เฉียนซุนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกลิ่วจางหมิงขัดจังหวะก่อน “ไม่มีแต่ นี่เป็นคำสั่ง ถ้าเธออยากจะพูดอีกให้ไปพูดกับหัวหน้าของเธอ” ลิ่วจางหมิงทำหน้าตาหน้ากลัว   อวี้เฉียนซุนกัดริมฝีปากของตัวเอก และเดินออกจากห้องไป แม้จะเป็นสตาร์ แต่เธอก็เป็นทหาร ซึ่งไม่สามารถขัดคำสั่งได้   เธอเป็นสมาชิกของหน่วยพิเศษและถูกจ้างโดยดีกัง แม้เธอจะเคยเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้ามาหลายอย่าง แต่เธอยังไม่เคยเป็นพรีเซนเตอร์วอเฟรมเลย นั่นทำให้เธอรู้สึกอับอาย   “ฉันอยากจะเห็นชัดๆว่าใครที่มาแย่งหน้าที่ของฉันไป” อวี้เฉียนซุนกัดฟัน   ถ้ามันเป็นสินค้าตัวอื่นเธอจะไม่โกรธขนาดนี้ แต่นี่เป็นซุปเปอร์ไบโอนิเคิลวอเฟรม ซึ่งเป็นสินค้าที่กลุ่มดีกังทุ่มเททุกอย่างลงไป SKTS เป็นสุดยอดวอเฟรมในสายตาของเธอ มันเป็นความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมวอเฟรม และมันก็เป็นความหวังสูงสุดของเธอที่จะได้ขับ SKTS ในงานเปิดตัว   เมื่อหานเซิ่นเดินทางมาถึง ลิ่วจางหมิงก็เดินลงไปรับหานเซิ่นด้วยตัวเอง ขณะที่หานเซิ่นเกรงใจลิ่วจางหมิงมาก เพราะเขาเป็นถึงผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มดีกัง   โชคดีที่ลิ่วจางหมิงไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิก เขาตอนรับหานเซิ่นอย่างเป็นกันเองมาก เขาจัดอาหารค่ำต้อนรับหานเซิ่น และเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเกือบทุกคนมาร่วมงานด้วย   ลิ่วจางหมิงแนะนำผู้จัดการ ผู้กำกับและพนักงานคนอื่นๆให้หานเซิ่นรู้จัก คนเดียวที่ไม่ยอมมาร่วมงานก็คือนางเอกของงานเปิดตัว ซึ่งหานเซิ่นเองก็ไม่รู้ว่างานนี้มีนางเอกด้วย เขาจึงสนุกกับมื้ออาหารมาก   วันรุ่งขึ้น ทีมงานพาหานเซิ่นไปดูสนามฝึกซ้อมวอเฟรม เพื่อให้หานเซิ่นคุ้นเคยกับSKTS เมื่อดูจากภายนอก แม้แต่หานเซิ่นเองก็ยังแยกความแตกต่างระหว่างSKTSกับSilver Killerได้ลำบาก   ความแตกต่างอย่างเดียวที่เห็นได้ชัดก็คือ SKTSมีขนาดใหญ่กว่าSilver Killerนิดหน่อย ขนาดของSilver Killerสามารถใส่ในกระเป๋าพวกนักธุรกิจได้ แต่SKTS ขนาดกระเป๋าของมันจะเท่ากับพวกกระเป๋าสัมภาระ   ในสนามฝึกซ้อมมีSTKSจอดเรียงรายอยู่จำนวนมาก หานเซิ่นเลือกหนึ่งเครื่องและขึ้นไปที่ห้องคนขับ   แม้ว่าลักษณะภายนอกจะเหมือนกัน แต่เมื่อเริ่มลองขับดู หานเซิ่นก็รู้สึกถึงความแตกต่าง SKTSจะขับง่ายและนุ่มนวลกว่า แต่ประสิทธิภาพของเครื่องจะลดลงไปเล็กน้อย   แต่SKTSก็ยังดีกว่าKing Series ซึ่งเป็นวอเฟรมรุ่นล่าสุดของกลุ่มสตาร์รี่ ทั้งความนุ่นนวลและประสิทธิภาพ   เนื่องจากหานเซิ่นคุ้นเคยกับวอเฟรมประสิทธิภาพสูง ทำให้เวลาขับSKTS ด้วยสไตล์เดิมๆจะมีการติดขัดอยู่บ้าง การเคลื่อนไหวบางอย่างที่เขาคิดว่าถ้าเป็นSKTSจะทำได้ง่ายกว่ากลับทำไม่ได้ เนื่องจากกำลังขับเคลื่อนของมันไม่สูงพอ   เมื่อเห็นหานเซิ่นกำลังฝึกขับSKTS อวี้เฉียนซุนก็รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม เธอรู้สึกเหมือนเป็นแค่ลูกสมุนของหนุ่มคนนี้เท่านั้น   ‘ถึงฉันจะไม่ได้บทบาทหลักกลับคืนมา แต่อย่างน้อยฉันจะแสดงให้นายดูว่าการขับวอเฟรมจริงๆเขาทำกันยังไง’ หลังจากคิด อวี้เฉียนซุนก็ขึ้นไปบนวอเฟรม เธอชักดาบเลเซอร์ออกมา และพุ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่นทันที   ขณะฝึกซ้อม หานเซิ่นเห็นอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงในจอเรดาร์ของเขา หานเซิ่นรีบหันไปดู และเห็นSKTSอีกเครื่องกำลังพุ่งเข้ามาพร้อมกับถือดาบในมือ   หานเซิ่นคิดว่าเป็นคู่ซ่อมที่ส่งทีมงานส่งมา เพื่อให้เขาคุ้นเคยกับSKTSไวๆ หานเซิ่นเลยไม่แปลกใจ เขาชักดาบออกมาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้