“งั้นผมจะบอกให้เขามาที่นี่” หานเซิ่นออกไปโทรคุยกับเพื่อนเขาอีกครั้งและกลับเข้ามา “เขาบอกว่าอยู่ใกล้ๆ และจะมาถึงใน 1 นาที”   ผ่านไป 1 นาที พวกเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู หานเซิ่นเปิดประตู และชายหนุ่มสวมหมวกและแว่นกันแดดก็เดินเข้ามา   “เพื่อน นี่เป็นโรงเรียนทหารนะ แต่งตัวแบบนี้เข้ามาที่นี่ได้ไง?” ฉวี้ลี่ลี่ถามทันที เพราะชายหนุ่มคนนี้สวมทั้งหมวกและแว่นกันแดดปิดบังใบหน้าจนหมด   “ลี่ลี่” จีเหยียนหรันดึงแขนเสื้อของฉวี้ลี่ลี่   ชายหนุ่มหัวเราะ เขาถอดแว่นกันแดดและหมวกเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา คนในห้องต่างก็ตกตะลึง โดยเฉพาะฉวี้ลี่ลี่กับจางหยาง   “ถัง…ถังเตียงลิ่ว” ฉวี้ลี่ลี่ไม่ได้หวังว่าเธอจะมาเจอไอดอลที่เธอชอบใกล้ชิดขนาดนี้   “สวัสดี ผมเป็นเพื่อนของหานเซิ่น ถังเตียงลิ่ว หวังว่าผมคงไม่ได้มารบกวนพวกคุณ” ถังเตียงลิ่วพูดพร้อมกับยิ้ม   “ไม่ ไม่รบกวนเลย…” ฉวี้ลี่ลี่ที่ปรกติจะเป็นคนจู้จี้ตลอดเวลาเปลี่ยนไปเป็นสาวขี้อายทันที   หานเซิ่นแอบยิ้มอยู่ในใจ ‘ถือเป็นการตัดสินใจถูกที่ให้ถังเตียงลิ่วมาที่นี่ ผู้หญิงแบบฉวี้ลี่ลี่กลายเป็นลูกแมวน้อยทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าถังเตียงลิ่ว เยี่ยม! ตอนนี้เธอคงไม่มาขัดขวางอะไรผมแล้ว”   หานเซิ่นแนะนำพวกเพื่อนๆให้ถังเตียงลิ่วฟัง   จางหยางจับมือทักทายกับถังเตียงลิ่วอย่างตื่นเต้น เขาชื่นชมฝีมือดาบของถังเจียงลิ่วมาก และเขาก็เห็นถังเจียงลิ่วเป็นไอดอลของเขา เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้มาใกล้ชิดกับไอดอลขนาดนี้   “ถังเตียงลิ่ว สักวันผมต้องเอาชนะคุณให้ได้” จางหยางพูด ขณะจับมือกับถังเตียงลิ่ว   ถังเตียงลิ่วดูจะชะงักไป ขณะที่หานเซิ่นเกือบจะหัวเราะออกมา เขาอธิบายให้ถังเตียงลิ่วฟัง “ถัง อย่าไปคิดจริงจังกับคำพูดของจางหยาง เขาเป็นคนแบบนี้ ปรกติเขาชอบพูดว่าจะเอาชนะราชาของชูร่า ผู้นำของกาแล็กชี่และอื่นๆอีกมากมาย”   พอถังเตียงลิ่วเข้าใจ เขาก็ยิ้มออกมา “งั้นมันคงจะเป็นเกียรติสำหรับฉันที่ถูกคนระดับนายเอาชนะได้” พวกสาวๆหัวเราะเมื่อได้ยินถังเตียงลิ่วพูด   “คุณถัง ถ้าคุณดวลกับหานเซิ่นด้วยมวยขาวและดำ คุณคิดว่าจะชนะไหม?” ฉวี้ลี่ลี่ถามขึ้นมา   “60/40” ถังเจียงลิ่วตอบอย่างลังเล ก่อนจะหัวเราะออกมา   “เซิ่นแข็งแกร่งถึงขนาดมีโอกาส 40% ที่จะชนะคุณได้เลยหรอ?” จางหยางถามด้วยความประหลาดใจ   “เอ่อ ฉันหมายความว่าฉันมีโอกาสชนะ 40%” ถังเตียงลิ่้วพูดพร้อมกับหัวเราะ   คนอื่นๆที่เหลือต่างก็จ้องมองมาที่หานเซิ่นราวกับเป็นคนแปลกหน้า หลังจากถังเตียงลิ่วออกไปแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับ …..   หานเซิ่นยังคงทำตามกิจวัตรประจำวัน และใช้เวลาส่วนมากอยู่ในชมรมวอเฟรมหนัก เนื่องจากมีหลายส่วนที่ยังเป็นปัญหาในเทคนิคการขับของเขา เขาสามารถชนะการแข่งในโรงเรียนได้ง่ายๆก็จริง แต่ถ้าต้องไปแข่งระดับกาแล็กซี่ เขาอาจจะไม่ได้ถึงตำแหน่งแชมป์   แชมป์ระดับกาแล็กซี่นั้นมีเงินรางวัลที่สูงมาก ทำให้หานเซิ่นให้ความสนใจเป็นอย่างมาก   ไม่นานก็มีข่าวร้ายมาจากสปอนเซอร์การแข่งขัน กลุ่มสตาร์รี่ประกาศตัดสิทธิหานเซิ่นและSilver Killer โดยให้เหตุผลว่าหานเซิ่นใช้วอเฟรมที่ไม่เหมาะสมในการแข่ง   โรงเรียนเหยี่ยวดำส่งคำประท้วงไป และพยายามขอเข้าพบกับฝ่ายจัดการแข่งขันและกลุ่มสตาร์รี่ แต่พวกเขายืนกรานว่าหานเซิ่นและSilver Killerถูกตัดสิทธิแน่นอนแล้ว   เหตุผลหลักจริงๆของบริษัทสตาร์ก็คือ พวกเขาทำตามคำสั่งของเซินเทียนจื่อที่ให้กำจัดหานเซิ่นออกไป ไม่ว่าใครจะพูดยังไงพวกเขาก็คงไม่เปลี่ยนการตัดสินใจครั้งนี้   การที่หานเซิ่นถูกตัดสิทธิเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมายในเน็ต บางคนก็สนับสนุนการตัดสินใจของกลุ่มสตาร์รี่ บางคนก็ไม่เห็นด้วย   เนื่องจากกลุ่มสตาร์รี่ไม่ได้อธิบายให้ชัดเจนถึงคุณสมบัติของวอเฟรมที่สามารถเข้าแข่งได้ พวกเขาบอกเพียงว่าSilver Killerไม่มีคุณสมบัติ   “ฉันว่าแล้วมันต้องมีอะไรผิดปรกติเกี่ยวกับวอเฟรมเครื่องนั้นแน่ๆ ไม่งั้นก็ไม่มีคำอธิบายชัยชนะของเด็กปี 1 คนนั้นได้” “แต่มันผิดกฎตรงไหนล่ะ? กลุ่มสตาร์รี่ไม่ให้คำอธิบายที่ชัดเจน มันยากจะให้คนอื่นๆยอมรับ” “มันต้องผิดกฎแน่นอนอยู่แล้ว ฉันคิดว่าหานเซิ่นต้องเป็นลูกของพวกนายพล และแอบเอาเครื่องของกองทัพออกมาใช้แน่ๆ ไม่งั้นพวกเราก็น่าจะเห็นมันขายอยู่ในท้องตลาดบ้างแล้ว” “มันต้องเป็นวอเฟรมของกองทัพอยู่แล้ว ซึ่งมันไม่ได้รับอนุญาตให้คนทั่วไปใช้ หานเซิ่นทำผิดกฎหมายควรต้องถูกจับด้วยซ้ำ” “ฉันคิดว่าเขาก็แค่คนธรรมดาที่ใช้วอเฟรมขี้โกง ถ้าฉันได้วอเฟรมของกองทัพมา ฉันก็คงกวาดแชมป์ได้เหมือนกัน” “ใช่ มันไม่ยุติธรรมกับผู้เข้าแข่งคนอื่นๆ” “ฉันคิดว่าแค่ตัดสิทธิมันยังไม่พอ ต้องยึดของรางวัลคืนไปด้วย” “ใช่เลย คนแบบนั้นไม่สมควรเป็นแชมป์” มีความเห็นจำนวนมากที่วิจารณ์หานเซิ่นบนกาแล็กซี่เน็ต ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเซินเทียนจื่อเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้   พวกนักเรียนเริ่มสับสน และไม่รู้ว่าฝ่ายไหนถูกกันแน่ พวกเขาเริ่มไม่มั่นใจในหานเซิ่นเหมือนก่อน   แต่หานเซิ่นก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากเขายุ่งมาก ตอนนี้เขาพึ่งจะเซ็นต์สัญญากับกลุ่มดีกัง มีอะไรหลายอย่างที่เขาต้องทำในตอนนี้   หนึ่งในงานที่สำคัญที่สุดก็คือ ดีกังจะจัดงานแสดงวอเฟรมขึ้นในเดือนหน้า และหานเซิ่นต้องเข้าร่วมด้วย   ในวันนั้นพวกเขาจะเปิดตัววอเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุด SKTS ซึ่งหานเซิ่นจะได้เป็นคนทดสอบ และก่อนที่จะถึงวันงานจะมีโฆษณาจำนวนมากเกี่ยวกับวอเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุดนี้   ในวันที่ 10 เดือนหน้า งานเปิดตัวของดีกังจะเริ่มต้นขึ้นและSKTSจะถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ขณะที่การแข่งสตาร์รี่คัพรอบสุดท้ายก็จะถูกจัดขึ้นเช่นเดียวกัน   เนื่องจากเป็นพรีเซนเตอร์ของดีกัง หานเซิ่นต้องไปปรากฏตัวในงานต่างๆ ซึ่งเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ส่วนSilver Killerได้ถูกส่งกลับห้องแล็บเพื่อติดตั้งระบบอาวุธแล้ว แต่หลังจากที่ติดตั้งเสร็จ หานเซิ่นก็ไม่สามารถขับมันได้แล้ว เพราะมีวอเฟรมเพียงรุ่นเดียวที่หานเซิ่นต้องขับก็คือSKTS   SKTSเกือบจะมีรูปลักษณ์เหมือนSilver Killerทุกประการ แต่ประสิทธิภาพของมันยังด้อยกว่าเล็กน้อย เนื่องจากSKTSเป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อขายให้กับคนทั่วไป   แต่คนภายนอกจะแยกไม่ออกระหว่างSKTSกับSilver Killer ในสายตาของคนทั่วไปพวกเขาจะคิดว่ามันคือวอเฟรมรุ่นเดียวกัน     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 578 แล้วครับ

หานเซิ่นเป็นแฟนของจีเหยียนหรัน และแฟนผมคือ-จีเหยียนหรันก็เป็นแฟนของจีเหยียนหรันจริงๆกลายเป็นข่าวใหญ่สุดช็อคภายในโรงเรียน   นอกจากทำให้ทุกคนช็อคแล้ว ยังทำให้พวกเขารู้สึกโล่งใจในเวลาเดียวกัน เพราะถ้าไม่ใช่แฟนตัวจริงของจีเหยียนหรันแล้ว คงไม่มีใครกล้าใช้ชื่อไอดีน่าอายนั้น   แต่ข่าวนี้ก็ยังทำให้ทั้งโรงเรียนเหยี่ยวดำต้องสั่นสะเทือน เพราะดาวประจำโรงเรียนอย่างจีเหยียนหรันในที่สุดก็เปิดตัวแฟน   ถึงจีเหยียนหรันจะเป็นดาวของโรงเรียน แต่หานเซิ่นกลับมีชื่อเสียงยิ่งกว่า เขาถูกเรียกว่าอัจฉริยะประจำโรงเรียนไปเรียบร้อยแล้ว จากผลงานการกวาดแชมป์ทุกประเภทที่ลงแข่งในสตาร์รี่คัพ เอาชนะผู้ถูกเลือกในมวยขาวและดำ และยังเอาชนะมือ 1 หัตถ์พระเจ้าของโรงเรียนไปแบบสบายๆ   ในตอนแรกทุกคนต่างก็รู้สึกช็อคและประหลาดใจมาก แต่หลังจากได้ยินข่าวไม่นานความคิดของทุกคนก็กลับมาเป็นปรกติ   แม้กระทั่งรูปคู่ของหานเซิ่นกับจีเหยียนหรันที่แพร่กระจายไปในเน็ต ตอนนี้ทุกคนก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว   เมื่อเห็นพวกเขาเดินคู่กัน แม้ว่าหานเซิ่นจะไม่ได้หล่อบาดใจ แต่เขาก็ดูดีไม่ได้ด้อยไปกว่าจีเหยียนหรัน เขามีผิวที่ขาวและเนียนมาก เนื่องจากเขาฝึกวิชากายหยก ผิวของเขาขาวกว่าจีเหยียนหรันด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้ผู้หญิงหลายๆคนต้องอิจฉา   ทุกรูปคู่ของหานเซิ่นกับจีเหยียนหรันดูสวยงาม พวกเขาเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก ถ้าไม่ใช่หานเซิ่นในโรงเรียนก็คงไม่มีใครเหมาะกับจีเหยียนหรันอีกแล้ว …..   “เดี๋ยวนะ พวกเขาเคยพบกันแล้วนิ?” ยิ่งฉวี้ลี่ลี่มองหานเซิ่นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย และทันใดนั้นเธอก็เหมือนจะคิดอะไรได้ ตาของเธอเบิกกว้าง เธอชี้ไปที่หานเซิ่น “นาย….นาย….ที่หอพัก…”   ก่อนที่ฉวี้ลี่ลี่จะได้พูดต่อ จีเหยียนหรันรีบลากฉวี้ลี่ลี่กลับไปที่หอพักทันที   “เหยียนหรัน ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะกล้าทำเรื่องแบบนั้น บอกฉันมาว่าเธอคบกับเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอกล้าซ่อนเขาไว้ใต้กระโปรงงั้นหรอ? ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะแกล้งตีหน้าซื่อมาจนถึงตอนนี้” ฉวี้ลี่ลี่พูด ขณะจ้องไปที่จีเหยียนหรันที่กำลังซ่อนอยู่ในผ้าห่ม   จีเหยียนหรันพูดโดยยังซ่อนอยู่ในผ้าห่ม “ไม่ใช่อย่างงั้น ฉันไม่รู้จริงๆว่านั่นคือเขา”   “ฮะ! ถ้าเธอไม่รู้ว่านั่นคือเขา แล้วทำไมถึงไปทำอะไรกับเขาในที่สาธารณแบบนั้น?” วันนี้ฉวี้ลี่ลี่คิดว่าจะไม่ยอมให้จีเหยียนหรันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกต่อไป   จีเหยียนหรันนั่งอยู่บนเตียง และเอาผ้าห่มออก “ก็ได้ ฉันจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง”   จีเหยียนหรันอธิบายเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่เธอพบกับหานเซิ่นบนยานอวกาศ   “งั้นเธอก็ชอบเขาแล้วใช่ไหม?” ฉวี้ลี่ลี่ถามทันทีหลังจากฟังจบ   “อะไร? อย่าคิดว่าฉันเหมือนกับเธอสิ…” จีเหยียนหรันยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงคนโทรเข้ามา และมันก็คือหานเซิ่น   “ฮาฮา! มันจะต้องเป็นหานเซิ่นแน่ๆ ช่างโรแมนติกจริงๆ แค่แยกกันแปปเดียวก็โทรมาเลย…” ฉวี้ลี่ลี่ยิ้ม   จีเหยียนหรันอายเกินกว่าจะรับสาย แต่ในที่สุดเธอก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำและรับสาย   หลังจากผ่านไปสักพักจีเหยียนหรันก็เดินออกมาและพูดว่า “พวกเขาบอกว่าพวกเขายังไม่ได้กินอะไรกันเลย และต้องการชวนพวกเราไปกินอาหารในห้องอาหารส่วนบุคคลที่ร้านอาหาร เธออยากไปด้วยไหม?”   “ใครโทรมา?” ฉวี้ลี่ลี่ยิ้ม   “จะไปหรือไม่ไป?” จีเหยียนหรันไม่ตอบ แต่ถามกลับไปแทน   “แน่นอน อย่าลืมบอกให้เขาพาเพื่อนมาแนะนำให้ฉันรู้จักบ้าง” ฉวี้ลี่ลี่รีบลุกไปแต่งตัว   ตอนที่จีเหยียนหรันกับฉวี้ลี่ลี่เข้าไปในห้องอาหารส่วนบุคคล พวกเธอก็เห็นหานเซิ่นกับจางหยางกำลังนั่งคุยกันอยู่   เมื่อเห็นจีเหยียนหรันกับฉวี้ลี่ลี่เข้ามา หานเซิ่นก็รีบดึงเก้าอี้ให้จีเหยียนหรันนั่ง ขณะที่จางหยางก็ทำแบบเดียวกันให้ฉวี้ลี่ลี่เช่นกัน   “หานเซิ่น นายเก็บความลับได้เก่งมาก” ฉวี้ลี่ลี่พูดพร้อมกับยิ้ม   “ผมแค่ไม่มีโอกาสได้บอก” หานเซิ่นยิ้ม   จีเหยียนหรันหน้าแดง เธอใช้เท้าเหยียบไปที่เท้าของหานเซิ่น   ฉวี้ลี่ลี่หัวเราะและพูด “หานเซิ่นให้ฉันแนะนำตัวใหม่อีกครั้ง ฉันชื่อฉวี้ลี่ลี่ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเหยียนหรัน”   “หานเซิ่นครับ ผมเป็นแฟนของเหยียนหรัน และคนนี่คือเพื่อนและรูทเมทของผมเอง จางหยาง” หานเซิ่นหันไปหาจางหยาง “นายแนะนำตัวเองได้เลย”   จางหยางยืดอกขึ้นและพูด “จางหยาง นักเรียนหน่วยธนู เป็นรูทเมทของหานเซิ่น และสักวันจะเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของกาแล็กชี่ให้ได้”   “ความทะเยอทะยานสูงยิ่งนัก แต่ฉันก็ชื่นชม” ฉวี้ลี่ลี่ยกแก้วไวน์ขึ้น   ทั้ง 4 คนยังหนุ่มยังสาวอยู่ ทำให้ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็คุ้นเคยกัน   “หานเซิ่น ถ้านายกับเหยียนหรันเป็นคู่รักกัน แล้วทำไมนายถึงเลือกไปเข้าชมรมวอเฟรมหนักแทนที่จะเป็นหัตถ์พระเจ้า?” ฉวี้ลี่ลี่ถามขึ้นมา   “หัตถ์พระเจ้ามันไม่ท้าทายพอ และผมก็ไม่ค่อยถนัดวอเฟรมด้วย ดังนั้นผมอยากจะเรียนรู้มัน” หานเซิ่นพูดความจริงไป   “ฉันจะยอมรับคำตอบแบบนั้นเพราะนายเป็นคนพูดเท่านั้นนะ” เมื่อได้ยินคำตอบของหานเซิ่น ฉวี้ลี่ลี่ก็หัวเราะออกมา   เมื่อหานเซิ่นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง คอมของเขาก็ดัง เนื่องจากมีคนโทรมา หานเซิ่นดูเบอร์โทรและขอตัวไปรับสาย   “ทำตัวลึกลับจัง หรือว่าจะเป็นผู้หญิงโทรมา?” ฉวี้ลี่ลี่ถามทันทีหลังจากที่หานเซิ่นกลับเข้ามา   จีเหยียนหรันเองก็ต้องการถามแบบเดียวกัน แต่เธออายเกินกว่าจะถาม แต่เมื่อได้ยินฉวี้ลี่ลี่ถาม เธอก็จ้องไปที่หานเซิ่นทันที   “ไม่ใช่ เขาเป็นเพื่อนของผมเอง และผมก็บอกเขาไปแล้วว่าจะไปพบทีหลัง” หานเซิ่นตอบ   “ถ้างั้นก็บอกให้เขามาร่วมวงกับพวกเราเลยก็ได้นิ” ฉวี้ลี่ลี่พูด   หานเซิ่นชะงักไปช่วงครู่ ฉวี้ลี่ลี่พูดต่อ “หานเซิ่น นายกลัวว่าพวกเราจะเจอเพื่อนนายรึไง?”   หานเซิ่นหัวเราะออกมาทันที “พวกเธอไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าผมชวนเขามาร่วมด้วย?”   “รีบเรียกมาเลย! จะเรียกมาสัก 10 คน ฉันก็รับได้สบาย” ฉวี้ลี่ลี่รีบพูด     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 575 เเล้วครับ