ในห้องทำงานของหัวหน้าสถานีเทเลพอร์ตบนดาวรู้ก้า ซินเสวียนกับหยางม่านลี่กำลังดูวิดีโดการแข่งขันวอเฟรมของหานเซิ่น ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นของเฟิงหมิงเฉวียน   “ฝีมือการบังคับวอเฟรมของเขาดีขนาดนี้เลยหรอ?” หยางม่านลี่ไม่อยากเชื่อว่าหานเซิ่นเป็นคนขับวอเฟรมจริงๆ   หานเซิ่นพึ่งเข้าเหยี่ยวดำได้ไม่กี่เดือน เเต่ฝีมือของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้วิวัฒนาการแล้วในกองทัพเลย ซึ่งยากที่เธอจะเชื่อได้   ถึงแม้หยางม่านลี่จะรู้เรื่องที่หานเซิ่นผ่านหัตถ์พระเจ้าระดับผู้วิวัฒนาการ-3แล้ว แต่เธอก็ยังคงประหลาดใจเมื่อเห็นเขาขับวอเฟรมได้ระดับนี้   “หัวหน้า ตกลงดีกังติดต่อเข้ามาขอให้หานเซิ่นไปทดสอบใช้วอเฟรมใหม่ของพวกเขาจริงๆหรอ?” หยางม่านลี่ถาม   ดีกังคือหนึ่งใน 3 ผู้ผลิตหลักของกองทัพ ผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีตั้งแต่ชุดสูทสำหรับต่อสู้จนถึงยานอวกาศ ในแต่ละปีดีกังส่งสินค้าให้กับกองทัพจำนวนนับไม่ถ้วน และพวกเขายังผลิตสินค้าสำหรับขายให้ประชาชนทั่วไปด้วย ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าสินค้าของพวกเขามีคุณภาพสูง   แม้ว่าดีกังจะไม่ได้ขายสินค้าหลายอย่างเหมือนกับกลุ่มสตาร์รี่ แต่ชื่อของดีกังนั้นดีกว่ากลุ่มสตาร์รี่ แต่ที่กลุ่มของพวกเขาไม่ได้โด่งดังเหมือนกับกลุ่มสตาร์รี่ เพราะพวกเขาส่งสินค้าให้กองทัพเป็นหลัก ส่วนที่นำออกมาขายทั่วไปนั้นมีไม่มาก   ในปัจจุบัน กลุ่มดีกังกำลังเพิ่มการผลิตเพื่อขยายสินค้าสำหรับขายบุคคลทั่วไป การที่พวกเขาใช้ห้องแล็บของกองทัพในการค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำให้คุณภาพของสินค้าพวกเขาสูงมาก แต่ทว่าการทำธุรกิจนั้นจะหวังพึ่งเพียงคุณภาพอย่างเดียวไม่พอ กลุ่มดีกังยังด้อยกว่ากลุ่มสตาร์รี่ในด้านยอดขายมาก   ครั้งนี้ ดีกังคิดจะให้หานเซิ่นเป็นคนทดสอบสินค้า และเป็นพรีเซทเตอร์ช่วยโปรโมทไบโอนิเคิลวอเฟรมตัวใหม่ของพวกเขา ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับซินเสวียนและหยางม่านลี่มาก   ด้วยอิทธิพลของกลุ่มดีกัง พวกเขาสามารถหาสตาร์ระดับผู้วิวัฒนาการหรือผู้เป็นเลิศก็ยังได้ แต่พวกเขาก็ยังเลือกหานเซิ่น ซึ่งเป็นผู้ที่ยังไม่วิวัฒนาการ   ซึ่งนั่นทำให้หยางม่านลี่ไม่เข้าใจ แม้ฝีมือของหานเซิ่นจะดีมากในหมู่ผู้ยังไม่วิวัฒนาการ แต่ระดับของเขาก็ยังด้อยกว่าพวกสตาร์ที่วิวัฒนาการแล้ว เธอสงสัยว่ากลุ่มดีกังเห็นอะไรในตัวเขา   การได้เป็นผู้ทดสอบสินค้าของดีกังถือเป็นเรื่องที่มีเกียรติมาก ซึ่งหยางม่านลี่รู้ว่าพวกสตาร์ที่ได้รับเลือกส่วนใหญ่จะมีกองทัพหนุนหลัง หรือไม่ก็ต้องมีผลงานที่โดดเด่นในกองทัพ ครั้งนี้ดีกังเลือกนักเรียนโรงเรียนทหาร ซึ่งไม่ได้มีกองทัพให้การหนุนหลังและยังไม่เคยออกไปสู่สนามรบ การตัดสินใจครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าช็อคอย่างมาก   “ม่านลี่ ติดต่อหานเซิ่นให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ นี่ถือเป็นเกียรติสำหรับหน่วยพิเศษเรา” ซินเสวียนคิดว่าเธอตัดสินใจถูกที่เลือกเขาเข้ามาในหน่วย ผ่านไปไม่กี่เดือน หลังจากที่หานเซิ่นเข้าหน่วยพิเศษ กลุ่มดีกังก็ติดต่อมาทันที ซึ่งนี่จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยพิเศษกับกลุ่มดีกัง อาวุธส่วนมากของหน่วยก็เป็นของที่ดีกังผลิต   และครั้งนี้ เพื่อให้ซินเสวียนชวนหานเซิ่นไปทดสอบสินค้าของพวกเขาให้ได้ กลุ่มดีกังได้สัญญาจะส่งอุปกรณ์และอาวุธให้กับหน่วยมากขึ้น ซึ่งทำให้ซินเสวียนต้องรีบดำเนินการ   “ไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง” หยางม่านลี่พยักหน้า ….   หานเซิ่นพากู่หมิงกลับมาถึงเมืองได้อย่างปลอดภัย และกำลังอยู่ในช่วงอารมณ์ดี แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้เขาจะไม่ได้ล่ามอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์หรือเลือดศักดิ์สิทธิเลย แต่เขาก็ทำให้กลุ่มของเซินเทียนจื่ออ่อนแอลง และยังเพิ่มศัตรูให้กับพวกเขาได้ ยิ่งกว่านั้นเขายังได้วิญญาณอสูรกลายพันธ์มาอีก 2 ดวง   ทันทีที่เขากลับมาถึงเมือง เขาก็ถูกหยางม่านลี่เรียกตัวทันที ซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้สึกปวดหัวนิดๆ แม้หยางม่าลี่จะหุ่นดี แต่เธอก็มักจะเย็นชากับหานเซิ่นเป็นประจำ หานเซิ่นพยายามอยู่ห่างเธอให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ระหว่างซินเสวียนกับหยางม่านลี่ หานเซิ่นคิดว่าซินเสวียนยังดูสมเป็นผู้หญิงมากกว่า   “ดีกังติดต่อมาเชิญให้นายไปทดสอบวอเฟรมใหม่ของพวกเขา เตรียมตัวด้วยเมื่อนายกลับไป ดีกังจะส่งคนไปที่เหยี่ยวดำ เพื่อตกลงเรื่องเซ็นต์สัญญากับนาย ถ้านายมีความกังวลหรือต้องการอะไรก็ให้พูดออกมาตอนนี้ และพวกเราจะไปคุยกับทางดีกังให้เอง” หยางม่านลี่พูด และวางเอกสารให้หานเซิ่นดู “นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นคนทดสอบสินค้าให้กับดีกัง”   “ผมสามารถปฏิเสธมันได้ไหม?” หานเซิ่นหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านและถาม   “ทำไม?” หยางม่านลี่ช็อค มันถือเป็นงานที่มีเกียรติมาก แม้แต่พวกดังๆในกองทัพหลายคนก็ยังไม่มีโอกาสแบบนี้ เธอเองก็ฝันว่าสักวันจะได้รับโอกาสแบบนี้ใช่เดียวกัน   ด้วยโอกาสดีๆแบบนี้ แต่หานเซิ่นกลับถามว่าเขาสามารถปฏิเสธมันได้รึเปล่า ซึ่งทำให้หยางม่านลี่ไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก   “ผมต้องช่วยพวกเขาในการโฆษณา และยังต้องออกงานโชว์ ดูแล้วมันน่าจะต้องทำงานหลายอย่าง” หานเซิ่นพูด   หยางม่านลี่รู้สึกโกรธ และอยากจะบีบคอให้หานเซิ่นตายซะเดี๋ยวนี้   “นายไม่ต้องการเป็นคนทดสอบให้พวกเขาเพียงเพราะมันเป็นงานที่หนักเนี่ยนะ?” หยางม่านลี่กำหมัดแน่น เธอพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ชกหน้าหานเซิ่น   ‘ทำไมดีกังถึงต้องเลือกคนพันธุ์นี้ด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ’ หยางม่านลี่คิดอย่างขมขื่น   หลังจากหยางม่านลี่สงบลง เธอส่งเอกสารให้หานเซิ่นอีก 2-3 ฉบับและพูด “ลองดูให้ดีๆก่อน และบอกมาถ้านายยังต้องการอะไรอีก”   หานเซิ่นพอใจข้อเสนอของพวกเขามาก เขาจะได้รับค่ารับค่าเหนื่อย และยังได้รับสินค้าที่เขาเป็นคนทดสอบแบบครบชุด ซึ่งฟรีค่าซ่อมแซมตลอดอายุการใช้งาน   นั่นหมายถึงว่าหานเซิ่นจะได้รับวอเฟรมที่เขาเป็นคนทดสอบ และยังไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่ดอลลาร์เดียวในการดูแลรักษา   แม้ว่าหานเซิ่นจะไม่รู้มูลค่าของไบโอนิเคิลวอเฟรม แต่สินค้าของกลุ่มดีกังมีคุณภาพสูงอยู่แล้ว แม้แต่สินค้าระดับล่างสุดก็ราคาหลายล้าน และยังคุณภาพสูงกว่าของกลุ่มสตาร์รี่   “ผมมีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง” หานเซิ่นมองหยางม่านลี่และพูด    

หานเซิ่นแอบสะกดรอยตามพวกเซินเทียนจื่อไปอย่างเงียบๆ และเห็นที่ที่พวกเขาตั้งแค้มป์กัน   กู่ถูกมัดอยู่ เเต่หานเซิ่นยังหาจังหวะเหมาะๆที่จะเข้าไปช่วยเขาไม่ได้   ขณะกลุ่มของเซินเทียนจื่อกำลังกินอาหารกัน หานเซิ่นก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องทำอะไรบางอย่าง เพราะถ้ากู่ถูกทรมานอีกครั้ง เขาอาจจะถึงขั้นพิการเลยก็ได้   เมื่อคิดได้เช่นนั้นหานเซิ่นจึงไม่มีทางเลือก เขาเรียกเหมียวออกมา และสั่งให้มันไปอีกด้านแล้วคำรามใส่กลุ่มของเซินเทียนจื่อ เพื่อล่อพวกเขาออกไป   “มอนสเตอร์บุกมา!” “เห้ย นั่นมันมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ!” “อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้” “ไนท์กับเบอร์ดี้เฝ้าอยู่ที่นี้ ส่วนคนที่เหลือไล่ตามมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิไป” เซินเทียนจื่อสั่งการ เขาเหลือลูกน้องไว้เพียง 2 คนเพื่อเฝ้ากู่ ในขณะพวกที่เหลือไปไล่ล่าแมว 3 ตาเลือดศักดิ์สิทธิ   ขณะกำลังวิ่งอยู่เซินเทียนจื่อสั่งการอีกครั้ง “กระจายกันออกไปล้อมมันไว้ พวกเราจะให้มันหนีไปไกลกว่านี้ไม่ได้ ตอนนี้มันมืดมาก”   เมื่อเห็นเซินเทียนจื่อพาคนออกไป หานเซิ่นก็เรียกปีกเลือดศักดิ์สิทธิออกมาและเปลี่ยนร่างเป็นนักฆ่ากระหายเลือดทันที เขาบินตรงเข้าไปในแค้มป์ของพวกเขา ท่ามกลางความมืด   “เบอร์ดี้ระวัง มีบางอย่างกำลังมา!” ไนท์ตะโกน เมื่อเขาเห็นหานเซิ่นอยู่ห่างจากพวกเขา 30 ฟุต   เบอร์ดี้รีบเรียกวิญญาณอสูรระดับกลายพันธ์ที่เป็นหอกออกมา ในขณะที่ ไนท์เรียกวิญญาณอสูรที่เป็นมีดคู่ออกมา   หานเซิ่นไปถึงตัวพวกเขาในช่วงพริบตา และใช้ดาบของชูร่าฟันมันลงไป   การฟันของหานเซิ่นนั้นทั้งรวดเร็วและรุนแรง แต่เบอร์ดี้ก็สามารถยกหอกขึ้นมาป้องกันไว้ได้ เขาถือหอกด้วยมือทั้ง 2 ข้าง   ดาบชูร่าตัดลึกลงไปบนหอกของเขาและขาของเบอร์ดี้ก็จมลงไปในทราย ด้วยพลังที่รุนแรงของหานเซิ่น   เมื่อเบอร์ดี้เตรียมจะผลักดาบของหานเซิ่นออกไป หอกของเขาก็หักเป็น 2 ท่อนซะก่อน เบอร์ดี้ต้องการถอยกลับ แต่ขาของเขายังจมอยู่ในทราย หานเซิ่นยกดาบขึ้นอย่างรวดเร็ว และฟันลงมาอีกครั้ง   แต่ในจังหวะนั้น ไนท์ได้ปามีดทั้ง 2 ของเขาตรงเข้าไปที่หานเซิ่นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่มีเวลาพอที่จะหลบ หานเซิ่นตัดสินใจฟันเบอร์ดี้ด้วยมือข้างเดียว และยกแขนอีกข้างขึ้นมากันมีด โชคดีที่มีดเป็นแค่ระดับกลายพันธ์ ถึงมันจะรวดเร็วมาก แต่มันก็ยังไม่สามารถเจาะเกราะของหานเซิ่นได้ แต่แขนของหานเซิ่นก็ชาและไร้ความรู้สึกไปชั่วขณะ   หลังจากฆ่าเบอร์ดี้ หานเซิ่นพยายามจะจัดการกับไนท์ แต่ไนท์วิ่งไปก่อนแล้วด้วยความเร็วสูงสุดของเขา เขาไม่ปล่อยโอกาสให้หานเซิ่นได้ไล่ตาม   ขณะวิ่ง เขาก็ตะโกนไปด้วย เพื่อเตือนพวกเซินเทียนจื่อที่กำลังไล่ล่าเสือดำอยู่   หานเซิ่นตัดสินใจไม่ไล่ตามเขา แต่ใช้ดาบตัดเชือกและยกตัวกู่ขึ้นมา จากนั้นเขาก็วิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุดของนักฆ่ากระหายเลือด   “ไอ้เวรดอลลาร์ แกอีกแล้วหรอ ถ้าแกเป็นลูกผู้ชายก็กลับมาสู้กับฉันตัวต่อตัว” เซินเทียนจื่อสบถออกมา   “ฉันคิดว่ามันจะเป็นหมาหมู่มากกว่าตัวต่อตัว” หานเซิ่นพูดออกมาอย่างดูถูก ขณะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด   พวกเซินเทียนจื่อคิดว่าดอลลาร์แบกกู่ไปด้วย ความเร็วของเขาต้องลดลงอย่างแน่นอน และพวกเขาน่าจะตามไปได้ทัน แต่ทันใดนั้นเองเสือดำ 3 ตาก็ปรากฏตัวข้างๆดอลลาร์ และดอลลาร์ก็วางกู่ลงบนหลังของเสือดำ หลังจากนั้นทั้งดอลลาร์และเสือดำก็หายไปอย่างรวดเร็ว   “ทำไมมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิถึงช่วยดอลลาร์ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” สมาชิกในกลุ่มของเซินเทียนจื่อเริ่มสับสน   ในที่สุดเซินเทียนจื่อก็เข้าใจ “ไม่ใช่ นั่นมันไม่ใช่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ แต่มันเป็นสัตว์เลี้ยงเลือดศักดิ์สิทธิ! ไอ้เวรนั่นมันเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเลือดศักดิ์สิทธิ!”   พวกเขาทุกคนต่างช็อค เพราะการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเลือดศักดิ์สิทธิต้องใช้ต้นทุนที่สูงมากจนไม่อาจประเมินค่าได้ และยังไม่น่าจะมีใครเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเลือดศักดิ์สัตว์จนเปลี่ยนร่างได้แบบนี้   หลังจากไล่ตามอยู่สักพัก พวกเขาก็ถอดใจยอมแพ้ ตั้งแต่ที่พวกเขารู้ว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงเลือดศักดิ์สิทธิ พวกเขาก็สูญเสียความมั่นใจไปหมดแล้ว   “มันทำยังไงสัตว์เลี้ยงเลือดศักดิ์สิทธิถึงเปลี่ยนร่างได้? อย่าบอกนะว่ามันใช้เนื้อเลือดศักดิ์สิทธิเลี้ยงจนเปลี่ยนร่าง นั่นมันบ้าชัดๆ?” ทุกคนต่างก็ช็อค ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือก แค่รู้ว่าดอลลาร์มีสัตว์เลี้ยงเลือดศักดิ์สิทธิ มันก็ข่มขวัญของพวกเขามาก มันเป็นการบอกเป็นนัยๆว่าดอลลาร์นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน   หลักจากวิ่งไปสักพัก หานเซิ่นก็เปลี่ยนร่างกลับมา และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครไล่ตามมาแล้ว เขาก็วางกู่ลงบนพื้น   “ดอลลาร์งั้นหรอ?” ดูเหมือนว่ากู่จะจำดอลลาร์ได้   “เพื่อน นายคิดว่าชีวิตของนายมีราคาสักเท่าไหร่?” หานเซิ่นถาม   กู่ขยับถอยหลังไป “นายก็ต้องการค้อนเลือดศักดิ์สิทธิงั้นหรอ?”   “ไม่จำเป็นต้องเป็นวิญญาณอสูรอันนั้นก็ได้ แต่นายคงไม่ให้ผมช่วยแบบฟรีๆหรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นพูด กู่ไม่พูดอะไร เขามองหานเซิ่นด้วยสายตาแปลกๆ   “และตอนนี้นายก็บาดเจ็บอยู่ นายคงไม่สามารถออกจากทะเลทรายปีศาจได้อย่างปลอดภัย ถ้านายยอมจ่ายให้ผมอย่างสมน้ำสมเนื้อ ผมสามารถพานายไปส่งที่เมืองได้” หานเซิ่นพูดต่อ   “ทำไมฉันต้องไว้ใจนายด้วย?” กู่ถาม   “ผมไม่คิดว่านายจะมีทางเลือกอื่น” หานเซิ่นหัวเราะ   “ยกเว้นค้อนเลือดศักดิ์สิทธิ นายสามารถเลือกวิญญาณอสูรอื่นๆของฉันได้ทั้งหมด แต่นายต้องพาฉันกลับไปถึงเมืองก่อน” กู่พูด ขณะเช็ดเลือดบนหน้าของเขา   “พี่กู่ใช่ไหม?” หานเซิ่นถาม   “เรียกฉันว่ากู่หมิงก็ได้ ฉันไม่อยากได้ยินใครเรียกว่าพี่กู่อีกแล้ว” กู่หมิงกัดฟันด้วยความโกรธ   “ตอนนี้นายมีแค่ทางเลือก 2 ทาง ทางแรกก็คือให้ผมพากลับไป แต่นายต้องจ่ายวิญญาณอสูร 2 ดวงเป็นการตอบแทน อีกทางก็คือ นายต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดเอง ซึ่งถ้านายยอมให้วิญญาณอสูร ผมสัญญาว่าจะพาคุณกลับไปให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” หานเซิ่นยิ้ม   กู่หมิงมองที่หานเซิ่น เมื่อไม่มีทางเลือกเขาก็เรียกวิญญาณอสูรออกมา “ฉันรู้ว่านายเองก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของเซินเทียนจื่อ ศัตรูของศัตรูก็ถือเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ดังนั้นฉันจะไว้ใจนาย เชิญเลือกวิญญาณอสูรกลายพันธ์ไปได้ตามสบาย”   หานเซิ่นมองดูอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่วิญญาณอสูร 2 ดวง “ดวงนี้สำหรับผมที่ชีวิตนายเอาไว้ และดวงนี่ก็เป็นค่าพากลับไปส่งที่เมือง”     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 551 แล้วครับ