Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 120 แฟนผมคือจีเหยียนหรัน
Super God Gene – ตอนที่ 120 แฟนผมคือจีเหยียนหรัน

“น้องชาย ตกลงนายยังต้องการธนูวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิรึป่าว? ฉันติดต่อนายไม่ได้เลย และเฉวียนเกอก็ไปก็อตแซงชัวรี่เขต 2 แล้วด้วย” เมื่อหานเซิ่นรับสาย เฟิงจินซีก็บ่นทันที   หานเซิ่นเอามือตบหน้าผากตัวเอง “ต้องขอโทษจริงๆ ผมอยู่ในโรงเรียนทหาร และเพิ่งจะผ่านหลักสูตรพื้นฐาน 3 เดือนแรก ผมไม่มีเวลาจริงๆ ผมยังไม่มีเวลาแม้แต่จะใช้คอมเลย แล้วธนูยังอยู่รึป่าว?”   “ใช่ มันยังอยู่ เฉวียนเกอฝากมันไว้ที่นิ้วโป้ง แต่…” เฟิงจินซีหยุดพูดไป   “แต่อะไร?” หานเซิ่นถาม   “ฉันต้องถามนายบางอย่าง และต้องการให้นายบอกความจริง นายได้วิญญาณอสูรสเกลเล็ต อามาดีโล่ใช่ไหม? นายอยากจะเอามันมาแลกไหมล่ะ” เฟิงจินซีถาม   หานเซิ่นลังเลและพูด “ใช่ ผมได้มา พวกเขาอยากเอาธนูมาแลกงั้นหรอ?”   “มันเป็นวิญญาณอสูรประเภทไหน?” หานเซินจินซีถาม   “มันโล่กลมๆที่มีหนามติดอยู่ ใช้ได้ทั้งรุกทั้งรับ” หานเซิ่นตอบ   “ฮาฮา ฟังดูดีใช้ได้ ถ้านายต้องการแลกเดี๋ยวฉันติดต่อนิ้วโป้งให้เอง แต่พวกนายต้องไปตกลงกันเองนะ” เฟิงจินซีหัวเราะ   “โปรดติดต่อเขาให้ผมด้วย” หานเซิ่นคิดว่าโล่ไม่ค่อยเหมาะกับเขา ถ้านำมันไปแลกกับธนูได้จะเป็นอะไรที่วิเศษมาก   “ตกลง เดียวฉันจะติดต่อนายไปอีกที” เฟิงจินซีวางสายไป   หานเซิ่นหันไปมองทั้ง 3 คนที่กำลังต่อแถวกันอยู่ และก็เดินไปที่สถานีเทเลพอร์ต   มอนสเตอร์ที่เขาให้มันกินคริสตัลสีดำ น่าจะวิวัฒนาการเป็นมอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิแล้ว เขาต้องกลับไปทำมันเป็นอาหารด้วย   ก่อนที่หานเซิ่นจะไปถึงสถานีเทเลพอร์ต เฟิงจินซีก็โทรมาอีกครั้ง และถามเขาว่าพอมีเวลามาพบนิ้วโป้งในตอนนี้เลยหรือป่าว หลังจากนัดเวลาและสถานที่เรียบร้อยแล้ว หานเซิ่นก็รีบเข้าไปยังก็อตแซงชัวรี่ทันที   “ว้าว เป็นโล่ที่น่าเกรงขามจริงๆ มันยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก!” นิ้วโป้งประทับใจ เมื่อเห็นโล่ของหานเซิ่น   “ธนูนี่ก็ไม่เลว” หานเซิ่นพูด ขณะถือธนูสีดำขนาดใหญ่ หานเซิ่นเองก็ดูถูกใจธนูไม่แพ้นิ้วโป้ง   “แล้วเราจะแลกกันยังไงดี?” นิ้วโป้งถามหานเซิ่น   “เนื่องจากเราทั้งคู่ถูกใจ งั้นก็แลกกันตรงๆเลย ไม่ต้องมีฝ่ายไหนเพิ่มอะไร” หานเซิ่นตอบ   “เยี่ยม เอาแบบนั้นเลย” นิ้วโป้งยกนิ้วให้หานเซิ่น   “พี่นิ้วโป้ง ผมคิดว่าต่อไป พี่คงไร้เทียมทานด้วยโล่นี้ ฮาฮา” หานเซิ่นพูดพร้อมกับหัวเราะ   นิ้วโป้งกวัดแกว่งโล่อันใหม่ พร้อมกับหัวเราะ “น้องชายหาน พี่ก็หวังว่านายจะถูกใจธนูที่ได้ไป” เป็นการแลกเปลี่ยนที่ทั้ง 2 ฝ่ายพอใจเป็นอย่างมาก   หานเซิ่นกลับที่ห้องของเขา และนั่งเล่นธนูคันใหม่อยู่สักพัก   ธนูคันนี่เป็นวิญญาณอสูรของอสรพิษเขาดำ ระยะหวังผลของมันไกลถึง 6000 ฟุต และนั่นยังไม่ใช่ระยะสูงสุดที่มันยิงได้   ส่วนความแข็งแกร่งที่ต้องการสำหรับดึงสายธนูนั้นน้อยกว่าของดูมเดย์อีก หมายความว่ามันใช้ง่าย แต่กลับมีประสิทธิภาพที่สูงกว่ามาก นี่เป็นธนูในฝันของนักธนูโดยแท้   หานเซิ่นเชื่อว่าเขาสามารถใช้มันยิงมอนสเตอร์ที่อยู่ไกลออกไป 6000 ฟุตได้ ถ้าใช้สายตาของแฟรี่ควีนช่วย   “ธนูชั้นดีก็ต้องอยู่กับนักธนูชั้นยอด ถ้าผมได้ลูกธนูเลือดศักดิ์สิทธิมาอีกสักดวงละก็… มันจะเป็นอะไรที่วิเศษมาก” หานเซิ่นนั่งลูบธนูของเขา แน่นอนว่าลูกธนูวิญญาณอสูรระดับเลือดศักดิ์สิทธิคงไม่หาได้ง่ายๆ   โชคดีที่มอนสเตอร์ที่เขาให้มันกินคริสตัลสีดำวิวัฒนาการเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบฆ่ามัน และทำสตูเนื้อทันที   หานเซิ่นรู้สึกเสียใจที่ทักษะการทำอาหารของเขาไม่ค่อยดีเท่าไร ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็แค่สตูเนื้อ ถึงแม้ว่ารสชาติมันจะดี แต่เขาก็เริ่มเบื่อที่จะกินอาหารแบบเดิมๆตลอด   แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงว่าเขาได้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ เขาก็ยังตื่นเต้นเหมือนเดิม   หลังจากที่กินเสร็จ เขาได้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิเพิ่มมาอีก 5 ทำให้ตอนนี้หานเซิ่นมีจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิทั้งหมด 39 แล้ว   ซินเสวียนรู้ว่าหานเซิ่นค่อนข้างยุ่ง ตั้งแต่ที่เขาเข้าเรียนที่เหยี่ยวดำ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เรียกเขา และปล่อยให้เขาได้ผ่อนคลาย   ตอนกลางคืนหานเซิ่นกลับไปที่เหยี่ยวดำ และเห็นว่ารูมเมททั้ง 3 ของเขากำลังเล่นหัตถ์พระเจ้ากันอยู่   เมื่อเห็นหานเซิ่นกลับมาแล้ว ซื่อจื้อคังก็เดินเข้ามาหาเขา และยื่นมือไปจับที่ไหล่ของหานเซิ่น พร้อมกับพูดว่า “เซิ่น พวกเรากำลังเล่นหัตถ์พระเจ้ากันอยู่ มาเล่นกับพวกเราสิ! เดี๋ยวพี่คนนี้จะสอนนายเอง”   ลู่เหมินมองไปที่ซื่อจื้อคังด้วยสายตาดูถูก “ฝีมืออย่างนายนะหรอ ถึงเซิ่นยังไม่เคยเล่นเกมนี้ เขาก็น่าจะชนะนายได้สบาย”   “เงียบน่า ที่นายชนะฉัน 2 ครั้งก็เพราะว่าฉันไม่ได้ตั้งใจเล่น ถ้าฉันเอาจริงนายจะไม่มีทางได้พูดแบบนี้” ซื่อจื้อคังยิ้ม และหันมาพูดกับหานเซิ่น “เซิ่น มาเล่นกัน ยังไงนายก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว มาฝึกกับฉันจะดีกว่า”   “ก็ได้ เล่นบนเน็ตหรอ?” หานเซิ่นยิ้ม   “โรงเรียนเรามีเชิฟเวอร์พิเศษสำหรับหัตถ์พระเจ้าโดยเฉพาะ นายสามารถสมัครไอดี และแอดฉันมาได้เลย ไอดีฉันชื่อว่า ออฟติมัสไพร์ม” ซื่อจื้อคังสอนหานเซิ่นสมัครไอดี   หานเซิ่นสมัครไอดี และตั้งชื่อไอดีว่า ‘แฟนผมคือ จีเหยียนหรัน’   เมื่อเห็นเขาสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซื่อจื้อคังก็เร่งให้เขาเข้าเกมมา หานเซิ่นเข้าเกม และส่งคำขอเป็นเพื่อนกับซื่อจื้อคัง   “เห้ยเซิ่น ไอดีนายนี่มัน…” ซื่อจื้อคังเห็นไอดีหานเซิ่น และร้องออกมา   ลู่เหมินหันไปมองและยิ้ม “เซิ่น ถ้านายใช้ไอดีนั้นนายอาจจะมีปัญหาได้นะ เพราะทุกคนในโรงเรียนต่างก็เห็นจีเหยียนหรันเป็นเทพธิดาของพวกเขาทั้งนั้น”   “ไม่รู้มาก่อนเลยว่านายจะทะเยอทะยานขนาดนี้ นายนี่มันร้ายจริงๆ” จางหยางลูบไหล่ของหานเซิ่น   “เอ่อ เลิกพูดกันสักที เซิ่น มาให้ฉันสั่งสอนนายหน่อย” ซื่อจื้อคังตื่นเต้น เขากำลังคิดว่าจะได้เล่นกับมือใหม่ เพราะตั้งแต่เขาเล่นมายังไม่ชนะใครเลย เขาต้องการระบายกับหานเซิ่น   “มาๆ” หานเซิ่นตอบรับคำชวนของซื่อจื้อคัง และเข้าไปในห้องเกม ซื่อจื้อคังเลือกระดับความยาก และก็เริ่มเกม   หลังจากนับถอยหลังเสร็จสิ้นลง เกมก็เริ่มขึ้น ลู่เหมินและจางหยางไม่ได้อยู่ดูการแข่งของหานเซิ่นกับซื่อจื้อคัง เพราะพวกเขากำลังเล่นกับคู่แข่งทางออนไลน์อยู่   ซื่อจื้อคังคิดว่าเขาจะสามารถเอาชนะหานเซิ่นได้ง่ายๆ เขาคิดว่าจะอ่อนให้หานเซิ่นนิดหน่อย เพื่อให้หานเซิ่นไม่ถอดใจ และยอมเล่นกับเขาไปเรื่อยๆ     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 421 เเล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 119 จีเหยียนหรัน
Super God Gene – ตอนที่ 119 จีเหยียนหรัน

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นทีมของนักเรียน เหยี่ยวดำจึงฝึกฝนนักเรียนเป็นห้องๆ ดังนั้นหัวหน้าห้องจะค่อนข้างมีความสำคัญ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงต้องการเป็นหัวหน้า   “ซื่อจื้อคัง นั่นมันฟังดูไม่มีเหตุผลเลยนะ อายุมันไม่ได้มีความหมายอะไร ฉันคิดว่าคนที่ฉลาดที่สุดควรจะเป็นหัวหน้า IQ ของฉันคือ 167 แล้วพวกนายล่ะ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นมา   “ลู่เหมิน นั่นมันก็ไม่จริงเหมือนกัน IQ มันก็ไม่สามารถวัดอะไรได้ สิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นหัวหน้าคือ EQ พวกคนที่ IQ เยอะๆส่วนมากจะโง่ในการใช้ชีวิตจริง แล้วจะให้คนแบบนั้นเป็นหัวหน้า?” ซื่อจื้อคังพูดแย้งขึ้นมา     “นายว่าฉันโง่งั้นหรอ?” ลู่เหมินต้องการจะเถียงกับซื่อจื้อคังต่อ แต่เมื่อเขาเห็นซื่อจื้อคังยกแขนอันกำยำของเขาขึ้นมา ลู่เหมินก็เงียบไป   “พวกเราทั้งหมดก็สอบมาโดยใช้โควต้านักธนู ทำไมเราไม่มาตัดสินกันด้วยธนูล่ะ? ใครก็ตามที่ยิงได้แม่นที่สุดควรจะเป็นหัวหน้าของพวกเรา” จางหยาง หนุ่มดวงตากลมโต และขนตางอน พูดแนะนำขึ้นมา   “คนมาใหม่ นายคิดว่าไง?” ซื่อจื้อคังกับลู่เหมินพูดขึ้นมาพร้อมกัน และหันไปมองหานเซิ่น   “ผมคิดว่าเขาพูดมีเหตุผล เนื่องจากพวกเราทั้งหมดเป็นนักธนู คนที่มีทักษะธนูสูงที่สุดควรเป็นหัวหน้า” เนื่องจากเขาเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม หานเซิ่นคิดว่าเขาควรจะออกความคิดเห็นบ้าง   “2 เสียงต่อ 1 เสียง สรุปพวกเราใช้ความสามารถด้านธนู คนที่ยิงได้คะแนนสูงที่สุดจะได้เป็นหัวหน้า” จางหยางพูด และกระโดดเข้าไปกอดคอกับซื่อจื้อคังและลู่เหมิน “พวกเราเป็นรูทเมทและเพื่อนร่วมชั้นกัน พวกเราต้องเรียนและพัฒนาไปด้วยกัน ก่อนเรียนจบ พวกเราจะต้องทำให้หน่วยธนูของเหยี่ยวดำเป็นที่หนึ่งในกาแล็กซี่ให้ได้!”   “ออกไป” ซื่อจื้อคังกับลู่เหมินสลัดแขนของจางหยางออก   พวกเขาทั้ง 4 เดินไปที่สนามฝึกซ้อม และจางหยางก็ได้คะแนนสูงสุด เขายิงเข้าเป้าทุกครั้ง ลู่เหมินได้ที่ 2 หานเซิ่นได้ที่ 3 และซื่อจื้อคังได้ที่ 4   หานเซิ่นไม่ต้องการเป็นหัวหน้า และก็ไม่ต้องการเป็นอันดับสุดท้าย เขาจึงจงใจยิงให้ได้อันดับ 3   3 เดือนแรกในเหยี่ยวดำจะเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุด ทุกๆวันพวกเขาต้องเข้าฝึกซ้อม และก็ฟังการบรรยาย ภายใน 3 เดือนพวกเขาต้องเรียนรู้พื้นฐานทุกอย่างให้ได้   ถึงแม้พวกเขาจะอยู่หน่วยธนู แต่พวกเขาก็ต้องเรียนรู้ทุกๆอย่างเหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการรบจริงด้วยชุดเกราะสำหรับรบในอวกาศวอเฟรม(war frame) การทำงานบนยานอวกาศ ยานเหาะและก็พื้นฐานอื่นๆ   ในเหยี่ยวดำนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกดีกว่าโรงเรียนรัฐบาลที่หานเซิ่นเคยเรียนมาก เขาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างที่เขาไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อน ใน 3 เดือนแรกหานเซิ่นเป็นเหมือนกับฟองน้ำที่ดูดซับทุกสิ่ง   3 เดือนต่อมา พวกเขาทั้ง 4 ก็ผ่านหลักสูตรขั้นพื้นฐานและการประเมิน ทำให้พวกเขากลายเป็นนักเรียนของเหยี่ยวดำอย่างเป็นทางการ   พวกเขายังเหลือวิชาภาคบังคับอีก 2-3 วิชา และวิชาเลือกอิสระ ทำให้พวกเขาค่อนข้างว่างในแต่ละวัน ตราบใดที่สามารถสอบผ่านการประเมินกลางภาคได้ พวกเขาจะไม่เข้าเรียนเลยก็ไม่มีปัญหาอะไร   ถ้าใครสอบตกก็จะมีโอกาสให้แก้ตัวอีก 1 ครั้ง แต่ถ้ายังสอบตกอีกครั้งก็จะถูกไล่ออกจากโรงเรียนทันทีไม่มีข้อยกเว้น   ในหอพักของโรงเรียนมีสถานีเทเลพอร์ตอยู่ และทุกคนสามารถใช้มันเพื่อไปยังก็อตแซงชัวรี่ได้ตลอดเวลา ไม่มีข้อห้ามอะไรเกี่ยวกับการใช้มัน   หลังจากที่ผ่านหลักสูตรพื้นฐาน 3 เดือนแล้ว พวกเขาก็สั่งอาหาร และเครื่องดื่มมาฉลองกันที่ร้านอาหารในโรงเรียน   ขณะที่พวกเขากำลังสนุกกับการกินและดื่ม ก็มีภาพโฮโลแกรมฉายขึ้นมา เป็นแมทการแข่งเกมหัตถ์พระเจ้า   “จีเหยียนหรัน!” ซื่อจื้อคังตะโกนออกมา และจ้องไปที่สาวสวยในภาพโฮโลแกรม แม้แต่ลู่เหมินกับจางหยางก็จ้องไปที่จีเหยียนหรันด้วย   “เธอมีชื่อเสียงมากงั้นหรอ?” เมื่อหานเซิ่นเห็นจีเหยียนหรัน ทำให้เขานึกเรื่องเธอขึ้นมาได้ ที่ผ่านมาเขายุ่งจนลืมเรื่องเธอไปเลย   “นายไม่รู้จริงดิ? ไม่รู้จักสาวงามประจำโรงเรียน? ถึงตอนนี้เธอจะยังเด็กอยู่ แต่ดูหน้าหวานๆ รูปร่างอันน่าดึงดูด ผิวเนียนๆ และก็…” ซื่อจื้อคังหยุด และมองไปรอบๆ เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆเขาก็พูดต่อ “จีเหยียนหรันยังเป็นประธานชมรมหัตถ์พระเจ้าด้วย ฝีมือของเธอติด 1 ใน 5 ของโรงเรียนเรา เธอเป็นเทพธิดาที่ทั้งสวยทั้งเก่ง มีคนมากมายต้องการจะจีบเธอ แต่ก็ไม่มีใครทำสำเร็จ”   “ทำไม?” หานเซิ่นถาม   “ไม่มีใครดีพอสำหรับเธอไง ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวของเธอค่อนข้างมีอิทธิพลในกองทัพ ซึ่งคนธรรมดาอย่างเราๆยังไงก็ไม่คู่ควรกับเธอ” ซื่อจื้อคังพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ   “ถึงครอบครัวของนายจะคู่ควรกับเธอยังไง จีเหยียนหรันก็ไม่สนใจคนอย่างนาย” ลู่เหมินพูดขึ้นมา   “เธอก็ไม่สนนายเหมือนกันแหละ!” ซื่อจื้อคังพูดโต้   “ฮาฮา อย่าเพิ่งหมดหวังไป พวกเราต้องอยู่อย่างมีความหวัง เนื่องจากจีเหยียนหรันเป็นประธานชมรมหัตถ์พระเจ้า แล้วทำไมเราไม่ไปเข้าชมรมหัตถ์พระเจ้าเพื่อเข้าใกล้เธอละ บางทีถ้าเธอเห็นความสามารถของเรา เราอาจจะพอมีหวัง” จางหยางแนะนำอย่างมั่นใจ   ตาของลู่เหมินกับซื่อจื้อคังเปล่งประกายขึ้นมาทันที พวกเขารีบพูดเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว “เป็นความคิดที่ดี พวกเราไปชมรมหัตถ์พระเจ้าตอนนี้เลย”   ก่อนที่หานเซิ่นจะกินเสร็จ เขาก็ถูก 3 หนุ่มลากตัวไปที่ชมรมหัตถ์พระเจ้าซะก่อน   เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น พวกเขาทั้ง 4 คนก็ต้องอึ้ง เพราะมีคนเข้าแถวรอสมัครเข้าชมรม จนแถวเกือบจะยาวจนออกไปหน้าประตูโรงเรียน   “เอ่อ ฉันว่าฉันเปลี่ยนใจละ คนหล่อๆอย่างฉันไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้จีเหยียนหรัน เดียวเธอก็มาสนใจฉันเองแหละ” ซื่อจื้อคังพูด   “พูดได้ดี พวกเราอยู่หน่วยธนู พวกเราก็ควรไปเข้าชมรมที่เกี่ยวกับธนูมันถึงจะถูก อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย” ลู่เหมินพูดอย่างเคร่งขรึม   “ผมก็เห็นด้วยกับพวกนายทั้ง 2 คน” หานเซิ่นพยักหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นแถวที่ยาวเหยียด เขาต้องเสียเวลาทั้งวันแน่ถ้าหากรอต่อแถว   “รีบไปเข้าแถวกัน! คนจริงต้องไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ” จางหยางจับแขนของลู่เหมินกับซื่อจื้อคัง และเดินไปต่อแถว   หานเซิ่นโชคดีที่ไม่ถูกลากไปด้วย เพราะจางหยางมีแค่ 2 แขน แต่ทันใดนั้นคอมพกพาของเขาก็ดังขึ้นมา และดูเหมือนว่าเป็นเบอร์ของเฟิงจินซีโทรเข้ามา     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 418 เเล้วครับ