หานเซิ่นบุกเข้าไปหาถังเตียงลิ่ว โดยซ่อนมีดไว้ข้างหลังมือ ตามวิธีที่ที่เขาเรียนรู้มาจากอีตงมู่   เมื่อหานเซิ่นอยู่ห่างจากถังเตียงลิ่วประมาณ 2 ฟุต เขาตวัดมีดทันที และแทงเข้าไปในมุมที่ถังเตียงหลิ่วไม่ได้คาดคิด   เฟิงจินซีช็อค ขณะที่ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่เงียบๆตาเป็นประกายขึ้นมา ถังเตียงลิ่วมีเหงื่อไหลออกมา เขาตอบสนองช้าเกินกว่าที่จะใช้ดาบของเขาปัดป้องมีดได้ ทำให้ต้องโดดหลบออกไปด้านข้างทันที แต่มีดก็ยังคงแทงเข้าไปที่เอวของเขา   “เฮ้ การโจมตีของนายไม่ต่างจากอีตงมู่เลย” ถังเตียงลิ่วมองที่หานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ   เฟิงจินซีมองที่หานเซิ่นด้วยความช็อค ขณะที่ชายคนที่ยืนอยู่เงียบๆก็มองที่มือของหานเซิ่น   หานเซิ่นเองก็ยังแปลกใจตัวเอง การที่เขาฝึกฝนกายหยกอย่างหนัก รวมถึงการที่เขาหมกหม่นอยู่กับการเล่นเกมหัตถ์พระเจ้า นั้นจะทำให้ความเร็ว และความแม่นยำของเขาสูงขึ้นมากขนาดนี้   บวกกับที่เขาได้ดูการต่อสู้ของอีตงมู่อย่างละเอียด ทำให้เขาได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ตอนนี้การโจมตีของเขาเฉียบขาด และทรงพลังกว่าเมื่อก่อนมากจนตัวเขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ   “ฮาฮา เหมือนพระเจ้าจะเห็นใจฉันแล้ว ถ้าฝึกกับนายจนชินแล้วละก็ ฉันต้องรับมืออีตงมู่ได้แน่” ถังเจียงลิ่วหัวเราะออกมา   ตลอดทั้งคืนไม่มีใครนอน แต่เพียงคนเดียวที่ฝึกกับหานเซิ่นคือถังเจียงลิ่ว เฟิงจินซีนั้นไม่ได้เข้าร่วม ส่วนชายอีกคนเขาเพียงแค่ยืนดูอย่างเดียว   ตลอดทั้งคืนที่ฝึกซ้อม ถังเตียงลิ่วนั้นยังไม่สามารถหลบการโจมตีของหานเซิ่นได้เลย ในขณะที่หานเซิ่นนั้นกำลังก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ   “บ้าเอ้ย ถ้าฉันไม่สามารถป้องกันการโจมตีของนายได้ บางทีมันคงจะเป็นหายนะของฉัน” ถังเตียงลิ่วเริ่มหัวร้อน มันเกือบจะถึงเวลาที่เขาต้องเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่เพื่อประลองแล้ว แต่เขายังไม่ก้าวหน้าไปถึงไหนเลย   “ตอนนี้นายสามารถต่อกรกับอีตงมู่ได้แล้ว” ชายอีกคนที่ยืนเงียบอยู่ตลอด พูดขึ้นมาทันที   “หลินเฟิง นายหมายความว่าไง” ถังเตียงลิ่วถามชายหนุ่มอีกคน เขาคือหลินเฟิง ผู้ถูกเลือกอันดับ 2 เมื่อปีก่อน   “นั่นก็เพราะว่าอีตงมู่ไม่ได้เฉียบขาดเท่าเขาคนนี้ นายไม่สามารถป้องกันหรือหลีกเลี่ยงเขาได้ก็จริง แต่นายน่าจะพอปัดป้องการโจมตีของอีตงมู่ได้บ้าง ถ้านายโชคดีไม่เจออีตงมู่ในวันนี้แล้วมีเวลาเตรียมตัวอีกสัก 2-3 วัน นายจะสามารถต่อกรกับเขาได้แน่” หลังจากได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ถังเตียงลิ่วกับเฟิงจินซีก็หันหน้าไปมองที่หานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ   พวกเขารู้จักหลินเฟิงดี เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด และเขาไม่เคยพูดล้อเล่น ถ้าเขาพูดถึงขนาดนี้แสดงว่าเขาเห็นหานเซิ่นเก่งกว่าอีตงมู่จริงๆ   ถ้าเป็นคนอื่นพูดพวกเขาอาจจะคิดว่าเป็นการล้อเล่น แต่นี่เป็นหลินเฟิง เมื่อปีก่อนเหตุผลที่หลินเฟิงไม่ได้ที่ 1 ก็เพราะว่าเขายังฝึกไฮเปอร์จีโนไม่ถึงขั้น แถมเขายังเข้ามาก็อตแซงชัวรี่ช้ากว่าคู่ต่อสู้ในรอบชิงถึง 2 ปี   “แต่ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเก่งกว่าอีตงมู่จริงๆ ฉันแค่คิดว่าทักษะ และสไตล์การต่อสู้ของเขาดีกว่าอีตงมู่ แต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขายังเป็นรองอีตงมู่อยู่”   หลินเฟิงยิ้ม และยื่นมือออกไปหาหานเซิ่น “ผมชื่อหลินเฟิง ยินดีที่ได้รู้จัก คุณเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ”   “ผมหานเซิ่น ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” หานเซิ่นจับมือกับเขาพร้อมกับยิ้ม   “เอ่อ มันสายมากแล้ว ฉันต้องไปอาบน้ำ และเตรียมตัวเทเลพอร์ตไปที่ก็อตเเซงชัวรี่” ถังเตียงลิ่วขัดจังหวะพวกเขาทั้ง 2 คน และหันมาถามหานเซิ่น “ฉันมีอุปกรณ์เทเลพอร์ตส่วนตัว นายจะไปด้วยไหม?”   “ไม่ดีกว่า ผมไม่ได้ลงแข่งด้วย ผมไม่ไปดีกว่า” หานเซิ่นปฏิเสธ และรีบออกไป   หลังจากที่หานเซิ่นออกไป ถังเตียงลิ่วหันมาถามหลินเฟิง “เขาฝีมือดีจริงๆหรอ?”   “ดีกว่าที่นายคิด ถ้าเขามีคนสนับสนุนเหมือนกับอีตงมู่ เขาจะเหนือกว่าอีตงมู่หลายเท่า เขาเข้าใจในหลักการของนักฆ่า ขณะที่อีตงมู่มีแค่ทักษะ แต่ขาดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีคนสนับสนุนเหมือนกับอีตงมู่ แต่ฉันคิดว่าเขาต้องโด่งดังขึ้นมาแน่ภายใน 2-3 ปีนี้” หลินเฟิงพูดอย่างมั่นใจ   “ถ้าหลินเฟิงพูดถึงขนานนี้ มันต้องมีอะไรบางอย่างจริงๆ ฉันเองก็เห็นแววของหมอนี่มานานแล้ว” เฟิงจินซีแสดงความเห็น   “ใน 2-3 ปี เขาจะเหนือกว่านายงั้นหรอ?” ถังเตียงหลินถามหลินเฟิง   “ไม่ ในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ตอนนี้ฉันไร้เทียมทาน” หลินเฟิงพูดแบบสบายๆ   ครั้งนี้หานเซิ่นได้ประโยชน์มหาศาล ไม่ใช่เพียงแค่เขาได้ใบอนุญาตระดับsของสถาบันเซนท์เท่านั้น ทักษะการลอบจู่โจมของเขาเองก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ   แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น คือเขาได้เข้าใกล้กับคู่ต่อสู้ของเขาทั้ง 2 คน โดยเฉพาะถังเตียงลิ่ว หานเซิ่นได้ซ้อมกับเขาทั้งคืน   ในการฝึก หานเซิ่นโจมตีถังเตียงลิ่วจากในระยะที่ใกล้มาก ซึ่งถ้าเป็นการต่อสู้จริงๆ เขาจะไม่สามารถเข้าใกล้ถังเตียงลิ่วได้ง่ายแบบนี้ ขณะที่อีตงมู่นั้นมีวิธีการเข้าจู่โจม และฟุตเวิร์คระดับสูง   ฟุตเวิร์คเองก็เป็นศิลปะไฮเปอร์จีโนอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเทคนิคที่ต้องการการฝึกฝนอย่างถูกวิธี หานเซิ่นไม่เคยเรียนรู้ฟุตเวิร์คที่ถูกต้อง และเขาก็ไม่สามารถเลียนแบบมันได้ แม้จะได้ดูวิดีโอของอีตงมู่อย่างละเอียด เขาก็ไม่สามารถเข้าใจหลักของมันได้ ตอนนี้หานเซิ่นตระหนักแล้วว่าเขาควรจะต้องเรียนรู้ฟุตเวิร์คอย่างจริงจัง   “บางทีผมอาจจะต้องใช่มันเรียนฟุตเวิร์ค” หานเซิ่นพึมพำขณะจับไปที่ใบอนุญาตระดับsในกระเป๋า แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาเรียนอะไรเพิ่มแล้ว เขาต้องรีบเทเลพอร์ตไปที่ก็อตแซงชัวรี่   หลังจากที่เข้ามาในก็อตแซงชัวรี่ หานเซิ่นแต่งตัวเป็นดอลลาร์ และเข้าไปในลานประลอง   ตรงกึ่งกลางของลานประลองมีแผ่นหินศักดิ์สิทธิปรากฏขึ้น มันมีขนาดใหญ่กว่าแผ่นที่สลักชื่อ 100 อันดับแรกของสตีลอาเมอร์นับ 100 เท่า ภายใต้สายตาของผู้ชมในสตีลอาเมอร์ หานเซิ่นเดินตรงเข้าไปที่แผ่นหินศักดิ์สิทธิ และถูกเทเลพอร์ตไปที่ลานประลองขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสังเวียนของผู้ถูกเลือก   ในทุกๆเมืองจะมีแผ่นหินลักษณะแบบเดียวกับสตีลอาเมอร์ปรากฏขึ้น และแชมเปี่ยนของทุกเมืองจะถูกเทเลพอร์ตเข้ามาที่สังเวียนผู้ถูกเลือก     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 350 แล้วครับ

เมื่อหานเซิ่นมาถึงจุดนัดพบที่ถังเตียงลิ่วบอก เขาก็เห็นเฟิงจินซีอยู่ที่นั่นด้วย ไม่นานถังเตียงลิ่วก็ออกมาเรียกให้หานเซิ่นเข้าไปในห้องนั่งเล่น   หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว หานเซิ่นเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งบนโซฟาเงียบๆ เขาไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นหานเซิ่นเดิมเข้ามา   “ตกลงคุณให้ผมมาทำอะไรที่นี่?” หานเซิ่นถามตรงๆ   “ไม่ต้องรีบน้องชาย ดูนี่ก่อน” แทนการตอบคำถาม ถังเตียงลิ่วเปิดวิดีโอให้หานเซิ่นดู   เป็นวิดีโอการต่อสู้บนสนามประลอง ชายในชุดสูทคนหนึ่งกำลังถูกล้อมไปด้วยกลุ่มคนสวมหน้ากาก ในตอนที่เห็นชายคนนี้ครั้งแรก หานเซิ่นตัวสั่นขึ้นมาทันที แม้มันจะเป็นแค่ภาพโฮโลแกรมก็ตาม   แล้ววิดีโอก็เริ่มต้น ภายใต้การโอบล้อมนั้น ชายในชุดสูทเริ่มการสังหารหมู่ มันคือการสังหารหมู่ในเวลา 1 นาทีกับอีก 23 วินาที ชายในชุดสูทไม่ได้ถืออะไรอย่างอื่นเลยนอกนอกมีด เขาฆ่าไปทั้งหมด 34 คน และแต่ละคนถูกการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว ไม่มีใครรอดชีวิตไปได้   “คนคนนี้ คล้ายๆกับนายเลยนะ” หลังจากที่ดูวิดีโอไปสักพัก ถังเตียงลิ่วก็มองมาที่หานเซิ่นและพูด   “นั่นไม่ใช่ผมหรอก” หานเซิ่นพูดแบบสงบ   “แน่นอน ต้องไม่ใช่นายอยู่แล้ว แต่สไตล์การต่อสู้คล้ายๆกับนาย ก่อนที่นายจะโจมตีมันจะไม่มีจิตสังหารหรือสัญญาณเตือนอะไรเลย การโจมตีของหมอนี่มันทั้งเร็วและรุนแรง แถมยังเหมาะเจาะกับเวลา ทั้งนายและหมอนี่เป็นสไตล์พวกนักฆ่า” ถังเตียงลิ่วพูด   ถึงแม้ถังเตียงลิ่วยังไม่เคยสู้กับหานเซิ่น แต่เขาก็รู้ว่าหานเซิ่นนั้นเป็นสไตล์พวกนักฆ่า หลังจากที่เขาเคยเล่นเกมกับหานเซิ่น   “แล้วไง?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว   “หมอนี่ชื่อ อีตงมู่ เป็นหลานของวุฒิสมาชิกอี คนที่เป็นกึ่งเทพ ปีนี้หมอนี่เป็นแชมป์ของเมืองซาร์ พูดง่ายๆก็คือเขาเป็นหนึ่งในคู่แข่งของฉันในปีนี้” ถังเตียงลิ่วอธิบาย   “แล้วนายต้องการให้ผมทำอะไร? ให้ผมไปจัดการเขาให้เขาไม่สามารถมาแข่งได้งั้นหรอ? ผมคิดว่าผมคงไม่มีความสามารถที่จะทำได้ถึงขนาดนั้น” หานเซิ่นพูด   “แน่นอนว่าฉันไม่ได้ให้นายทำแบบนั้น เขาเป็นหลานของวุฒิสมาชิก เราไม่มีทางเข้าถึงตัวเขาง่ายๆอยู่แล้ว แล้วใครเขาจะให้นายไปจัดการมัน” ถังเตียงลิ่วพูด “ที่ฉันชวนนายมาที่นี่ก็เพราะว่าฉันต้องการเข้าใจถึงกลยุทธ์ และรูปแบบการต่อสู้ของหมอนั่นก่อน พูดจริงๆก็คือ ฉันไม่มั่นใจว่าจะป้องกันการโจมตีๆของหมอนั่นได้ และนายสามารถทำให้ฉันคุ้นเคยกับสไตล์การต่อสู้แบบนั้นได้”   “แล้วผมจะช่วยได้แน่หรอ?” หานเซิ่นไม่ได้ปฏิเสธ ถังเตียงลิ่วครุ่นคิดอยู่ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร   พวกเขาต้องการให้หานเซิ่นลอกเลียนแบบอีตงมู่ เพื่อที่เขาจะได้ฝึกให้คุ้นเคยกับการต่อสู้ได้ แต่มันยากที่จะกำหนดราคาค่าจ้างให้หานเซิ่น   “ถ้านายสามารถช่วยพวกเราได้ พวกเราก็จะให้ทุกอย่างตามที่นายต้องการ ลองบอกมาว่านายต้องการอะไร” เฟิงจินซีพูดขึ้นมา   หานเซิ่นหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมา “ใบอนุญาตระดับ s ของสถาบันเซนท์”   “ตกลง” ถังเตียงลิ่วตอบอย่างรวดเร็ว ทำให้หานเซิ่นคิดว่าเขาอาจจะขอน้อยไป เขาคิดว่าน่าจะต่อลองสัก 2 ใบ   แต่หานเซิ่นก็เข้าใจดีว่าราคาของมันนั่นสูงมาก และสิ่งที่พวกเขาขอให้ช่วยก็เป็นประโยชน์กับตัวเขาเองด้วย เพราะว่าอีตงมู่อาจจะต้องเป็นคู่ต่อสู้ของเขาเช่นกัน   “ผมต้องขอบอกก่อนว่า ทักษะของผมด้อยกว่าอีตงมู่ แม้ว่าคุณจะฝึกรับมือกับผมก็ไม่ได้หมายความว่าตอนที่คุณสู้กับเขา คุณจะรับมือเขาได้” หานเซิ่นพูด   “ฉันเข้าใจ นายดูวิดีโอการต่อสู้ของเขาก่อน ถ้าดูละเอียดแล้วเราจะเริ่มกันเลย พวกเราไม่มีเวลามากนัก และหวังว่าฉันจะไม่ได้เจอเขาในรอบแรกๆ จะได้มีเวลาเตรียมตัวเพิ่มอีกหน่อย” ถังเตียงลิ่วพูด และเดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆชายหนุ่มอีกคน เขาปล่อยให้หานเซิ่นได้ดูวิดีโออย่างละเอียด   หานเซิ่นดูมันอย่างละเอียดหลายๆรอบ วิดีโอพวกนี้ถูกแอบถ่ายมา หานเซิ่นรู้สึกว่างานนี้คุ้มมาก นอกจากจะได้ค่าจ้างแล้วเขายังได้รู้สไตล์การต่อสู้ของอีตงมู่   สไตล์ของพวกเขาคล้ายกันจริงๆ ข้อแตกต่างคือหานเซิ่นฝึกมันด้วยตัวเอง แต่อีตงมู่เห็นได้ชัดว่าเขาล่ำเรียนมันมาอย่างเป็นระบบ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทักษะของอีตงมู่ถึงดีกว่าเขา และยังดูเหมือนว่าเขาจะมีระดับความแข็งแกร่งของร่างกายดีกว่าหานเซิ่นอีกด้วย   ขณะที่วิญญาณอสูรหานเซิ่นคิดว่าน่าจะพอสูสีกัน แต่ก็ไม่มั่นใจมากนัก เพราะว่าเขาเป็นถึงหลานของนักการเมือง ซึ่งอยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 4 เป็นถึงกึ่งเทพ เขาสามารถหาวิญญาณอสูรดีๆให้หลานเขาได้สบายๆ   ถึงแม้จะเวลามีจำกัด แต่ถังเตียงลิ่วก็ไม่ได้เร่งหานเซิ่น เขาปล่อยให้หานเซิ่นดูซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าจะพอใจ   หานเซิ่นจะเล่นซ้ำในบางช่วงหลายรอบ อีตงมู่สอนอะไรเขาหลายอย่างจากวิดีโอนี้ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเป็นประโยชน์กับเขายิ่งกว่าไฮเปอร์จีโนระดับsของสถาบันเซนท์เสียอีก   หลังจากที่ดูไปกว่า 4 ชั่วโมง หานเซิ่นก็รู้สึกว่าทักษะของเขาพัฒนาไปอีกระดับแล้ว   หลังจากที่หานเซิ่นเข้าใจวิธีการต่อสู้ของอีตงมู่ เขาก็ต้องประหลาดใจ ถึงแม้ว่าการโจมตีของเขาจะดูน่ากลัว แต่มันก็มีจุดอ่อนอยู่ ซึ่งต้องเป็นคนที่มีสไตล์เดียวกับเขาถึงจะมองเห็นจุดอ่อนนี้   ถังเตียงลิ่วเริ่มหมดความอดทน เขาต้องการขัดจังหวะการดูของหานเซิ่น แต่ก็ถูกชายอีกคนที่นั่งเงียบๆอยู่ตลอดห้ามเอาไว้   เมื่อถึงช่วงเย็น หานเซิ่นก็ดูวิดีโอเสร็จ “มาเริ่มกันเลย” หานเซิ่นลุกขึ้นและพูด   “เอ่อ ขอฉันดูก่อนว่านายลอกเลียนแบบอีตงมู่ได้ขนาดไหน” ถังเจียงหลิ่วพาหานเซิ่นไปที่ห้องต่อสู้   หานเซิ่นหยิบมีดที่มีรูปแบบเดียวกับที่อีตงมู่ใช้ แต่มันไม่มีคมและยืดหดได้ เพื่อทำให้ไม่บาดเจ็บระหว่างฝึกซ้อม   วิธีนี้จะช่วยให้ถังเจียงลิ่วได้ฝึกอย่างเต็มที่ ถ้าใช้อาวุธจริงเขาอาจจะกังวลเกี่ยวกับการบาดเจ็บจนไม่สามารถฝึกได้เต็มที่   “มาเริ่มกันเลย” ถังเจียงลิ่วจับตามองหานเซิ่น และยืนอยู่นิ่งๆไม่ถอยไปไหน เขาต้องการดูชัดๆว่าหานเซิ่นจะโจมตีเขายังไง     Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 343 แล้วครับ