Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 33 โพล่าไนท์
Super God Gene – ตอนที่ 33 โพล่าไนท์

ในวันนี้หานเซิ่นไม่ได้เข้าไปที่ก็อคแซงชัวรี่ เขาอยู่ในห้องตัวเอง เพราะไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนหรือไปไกลขนาดไหนในก็อคแซงชัวรี่ เขาก็ยังไม่สามารถหามอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์หรือเลือดศักดิ์ได้สักที เพราะพวกซินเสวียน เฉวียนเกอ และเซินเทียนจื่อมีข้อมูลมากกว่า ทำให้มอนสเตอร์ระดับสูงถูกพวกเขาตัดหน้าไปหมด   หานเซิ่นเข้าไปในกาแล็กซี่เน็ต และเข้าไปในฟอรั่มที่ชื่อว่า’โพล่าไนท์’ ซึ่งเป็นแหล่งรวมผู้คนจากดวงดาวต่างๆที่กำลังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่ในก็อตแซงชัวรี่ ผู้คนมักจะเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือสิ่งของที่ต้องการกัน ถึงแม้ในกาแล็กซี่จะมีเว็บไซต์อย่างเป็นทางการให้คนเข้าไปแลกเปลี่ยนข้อมูล แต่คนส่วนมากจะชอบในโพล่าไนท์มากกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตน การที่จะใช้เว็บไซต์ทางการได้จะต้องสมัครด้วยข้อมูลจริงๆของเรา   เนื่องจากหานเซิ่นไม่ต้องการให้ใครรู้ตัวจริง เขาจึงใช้โพล่าไนท์ หานเซิ่นเข้าไปในส่วนฟอรั่มของสตีลอาเมอร์ ซึ่งมีกระทู้มากมาย มีมากกว่า 1000 กระทู้ต่อวัน   เขาเลือนดูไปเรื่อยๆ ส่วนมากจะเป็นพวกกระทู้รับซื้อไม่ก็ขายข้อมูล และก็มีพวกที่โพสต์รับคน ซึ่งพวกที่รวยๆมักจะใช้เงินจ้างคนคุ้มกันจากเมืองเดียวกัน เพื่อให้พวกเขาล่าได้อย่างสบายมากขึ้น   ช่วงนี้หานเซิ่นเองก็ไม่ค่อยมีเงิน เนื่องจากเขาไม่เจออสูรระดับกลายพันธ์หรือเลือดศักดิ์สิทธิมานานแล้ว และช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยได้วิญญาณอสูรอะไรเลย ทำให้เขาตัดสินใจจะหางานดีๆสักงานทำ   หลังจากที่เลือนลงมาดูกระทู้ไปได้สักพัก เขาก็เจองานที่จ่ายเงินดีเข้า แต่เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อชื่อของคนที่โพสต์ก็คือหลินเป้ยเฟิง หานเซิ่นยังไม่ได้เจอเขาเลย ตั้งแต่ที่จากกันตอนนั้น หานเซิ่นนึกไม่ถึงว่าเขาจะมาตั้งกระทู้ในส่วนของเมืองสตีลอาเมอร์   หลินเป้ยเฟิงไม่เพียงแค่โพสต์รับคนฝีมือดีเท่านั้น แต่เขายังรับซื้อวิญญาณอสูร และเนื้อมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์ด้วย ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการของดีทุกอย่าง และตั้งใจจะจ่ายอย่างงามสำหรับผู้ที่มาเสนอขาย แต่คนส่วนมากที่ตอบกระทู้ของเขา เหมือนจะเป็นแค่พวก 18 มงกุฎ เนื่องจากความต้องการวิญญาณอสูรระดับกลายพันธ์นั่นมีสูงมาก แต่มีคนขายมันน้อยมาก   หลังจากที่หาข้อมูลมาได้พักใหญ่ ในที่สุดหานเซิ่นก็เจองานที่ถูกใจ มีพวกกลุ่มเด็กหนุ่มหลายคนที่เพิ่งจะเริ่มเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่ พวกเขาต้องการจ้างนักล่า เพื่อไปช่วยพวกเขาฆ่ามอนสเตอร์ระดับโบราณ พวกเขาต้องการคนที่สามารถรับมือกับมอนสเตอร์ระดับโบราณ 10 ตัวได้ด้วยตัวคนเดียว   พูดง่ายๆก็เหมือนงานพี่เลี้ยงเด็ก ค่อยป้องกันพวกเขาจากอันตราย ไม่ก็จัดการมอนสเตอร์ แล้วให้พวกเขาเป็นคนโจมตีปิดฉาก งานนี้ดูเหมือนจะไม่ยาก แต่จริงๆแล้วถือเป็นงานที่โหดหินเลยทีเดียว แม้แต่ผู้มีประสบการณ์ก็ยังไม่ค่อยอยากจะรับงานแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะจ่ายเงินดี พวกเขาเสนอให้วันละ 1 หมื่นดอลล่าร์   หานเซิ่นส่งข้อความไปหาคนตั้งกระทู้ โดยไม่ทิ้งข้อความเสียงหรือรูปของเขา เขาไม่ต้องการให้ข้อมูลส่วนตัวของเขารั่วไหลออกไป ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาเลือกใช้โพล่าไนท์   หลังจากรออยู่สักพักเขาก็ได้ข้อความตอบกลับมา พวกเขาตอบมาว่าพวกเขาต้องการดูฝีมือของหานเซิ่นก่อนว่าดีแค่ไหน ก่อนที่จะตัดสินใจจ้าง ซึ่งหานเซิ่นเองก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เลยตอบตกลงไป พวกเขานัดพบกันที่สภานที่เเห่งหนึ่งในสตีลอาเมอร์   หลังจากนัดสถานที่กันเสร็จเรียบร้อย หานเซิ่นยังไม่ได้ปิดคอม แต่เขายังคงหาข้อมูลต่อไป ตอนนี้เขาเข้าไปในส่วนของการซื้อขายแลกเปลี่ยน หลังจากหอกวิญญาณอสูรของเขาถูกทำลายไป เขาก็พยายามล่าพวกมันอีกครั้ง แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขาก็ยังไม่ได้เลยสักอัน   หานเซิ่นไม่ได้พยายามหาซื้ออาวุธวิญญาณอสูร เพราะราคาสูงเกินไป เขากำลังมองหาอาวุธประเภทธนูที่สร้างจากมือมนุษย์   อาวุธชั้นดีสามารถฆ่ามอนสเตอร์ระดับโบราณได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าเป็นมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์ก็จะยากหน่อย แต่เขามีเงินไม่มากเลยไม่มีทางเลือก   หานเซิ่นสามารถใช้อาวุธได้หลากหลาย สมัยที่เรียนอยู่ เขาเคยฝึกการใช้ธนูอย่างหนัก เนื่องจากเขาวางแผนไว้ว่าถ้าได้เข้าไปในก็อตแซงชั่วรี่ เขาจะเน้นล่ามอนสเตอร์จากระยะไกล แต่ในตอนที่เขาเข้าไปใหม่ๆเขาไม่มีเงินจะซื้อธนูดีๆได้   ตอนนี้เขาพอจะมีเงินอยู่บ้าง และน่าจะเพียงพอที่จะซื้อธนูดีๆได้ เขาต้องการล่ามอนสเตอร์ด้วยธนูมานานแล้ว เพราะมันปลอดภัยกว่า และยังมีประสิทธิภาพสูง   สิ่งที่สำคัญที่สุดในก็อตแซงชัวรี่คือ คนที่โจมตีปิดฉากหรือปิดชีวิตมอนสเตอร์คนสุดท้ายจะเป็นคนเดียวที่มีโอกาสได้วิญญาณอสูร ถ้าใช้ธนูการที่จะแอบลาสช็อตก็จะง่ายกว่าการใช้อาวุธระยะใกล้   เนื่องจากอาวุธประเภทธนูต้องฝึกฝนเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ทำให้คนส่วนมากนิยมดาบหรือมีดมากกว่า มีคนจำนวนไม่มากที่โพสต์ซื้อขายธนู   ในที่สุดหานเซิ่นก็เจอกระทู้ที่โพสต์ขายธนูชั้นดี กระทู้นี้ถูกตั้งมา 7 วันแล้ว แต่ยังขายไม่ออก เจ้าของเป็นคนที่เกือบจะวิวัฒนาการ และจะต้องไปยังก็อตแซงชั่วรี่เขตที่ 2 เขาจึงต้องการขายของที่ไม่ได้ใช้ ซึ่งของอื่นที่เขาโพสต์ขายดูเหมือนจะออกไปหมดแล้ว เหลือแต่พวกคันธนูและลูกธนูที่ทำมาจากโลหะอัลลอย   “คันธนูจากซีรีย์ Black Vader และลูกธนูจากซีรีย์ Saber!” หานเซิ่นศึกษาเรื่องธนูมามาก ทำให้เขารู้จักธนูเกือบทุกชนิด   ในการทำธนู โลหะที่นำมาทำจะต้องไม่แข็งมาก เพราะถ้าแข็งมากเกินไปจะทำให้ขาดความยืดหยุ่น การรั้งสายธนูจะทำได้ยากมาก   คันธนูจากซีรีย์ Black Vader ถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะอัลลอย 3 ชนิด ซึ่ง 2 ชนิดถูกผสมลงไปเพื่อความยืดหยุ่น และอีก 1 ชนิดเพื่อเพิ่มความแข็ง มันถูกผลิตด้วยกรรมวิธีพิเศษ ซึ่งเป็นสูตรลับเฉพาะจากโรงงานบางแหล่งในกาแลคซี่เท่านั้น   ในบรรดาคันธนูที่ทำมาจากโลหะอัลลอย คันธนูจากซีรีย์ Black Vader เป็นประเภทคลาสสิค และราคาของมันก็มหาโหด อันที่ถูกที่สุดในซีรีย์นี้คือคันธนู Wanderer ซึ่งราคาประมาน 2 ล้าน ยังไม่รวมราคาซองธนูและลูกธนู   Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 79 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 32 การทักทายแบบลูกผู้ชาย
Super God Gene – ตอนที่ 32 การทักทายแบบลูกผู้ชาย

ตอนนี้อสูรฟันทองแดงที่หานเซิ่นให้มันกินคริสตัลสีดำเริ่มกลายเป็นสีม่วง และมีขนาดใหญ่กว่าตอนที่มันเพิ่งพัฒนาเป็นกลายพันธ์ถึง 2 เท่า ในเวลา 2เดือน   “การที่ผมจะขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้ มันขึ้นอยู่กับนายแล้ว รีบเปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิเร็วๆ” หานเซิ่นมองดูที่อสูรฟันทองแดงที่กลายเป็นสีม่วงแล้ว เขาคิดว่ามันใกล้จะถึงเวลาเต็มทีแล้ว   ถ้าดูจากสภาพของมันในตอนนี้ มันน่าจะต้องใช้เวลาอีก 1 เดือนในการเปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิอย่างสมบูรณ์ ถ้ารวมกับ 2 เดือนที่ผ่านมาเท่ากับว่ามันต้องใช้ระยะเวลา 3 เดือน ถึงจะวิวัฒนาการจากมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์เป็นมอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิ ถือเป็นเวลาที่ไม่สั้น แต่ก็ไม่ได้ยาวจนเกินไป เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะล่ามอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิได้ภายใน 3 เดือน ถ้าเทียบกันคนอื่นๆแม้จะใช้เวลาเป็นปีก็ไม่สามารถล่ามอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิได้   ตอนนี้ด้วยคริสตัลสีดำ หานเซิ่นจะมีมอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิทุกๆ 3 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆ   “ขอเวลาอีกไม่นาน… แล้วผมจะสามารถวิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยทั้ง 4 ชนิด พอถึงตอนนั้นผมก็จะได้รับฉายาขุนนางเลือดศักดิ์สิทธิอย่างแน่นอน” หานเซิ่นเริ่มรู้สึกตื่นเต้น   วันนี้หานเซิ่นไม่เห็นซินเสวียนที่สถานีเทเลพอร์ต บางทีเธออาจจะเบื่อการต่อสู้กับหานเซิ่นแล้วก็ได้   ขณะที่หานเซิ่นกำลังเดินเข้าไปในสถานี เขาเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างทาง หานเซิ่นมองเธออย่างประหลาดใจ เธอคือเสวียซี เพื่อนสมัยเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับเขาและซานตันเฟิง   เสวียซีมาจากครอบครัวที่มีแม่เพียงคนเดียว และแม่ของเธอก็ทำงานอยู่ที่บริษัทของพ่อหานเซิ่น เนื่องจากตอนเล็กๆเธอไม่มีพี่เลี้ยง แม่ของเธอเลยพาเธอมาที่ทำงานด้วยบ่อยๆ และเธอก็มักจะมาเล่นกับหานเซิ่นและซานตันเฟิงอยู่บ่อยๆ   หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ได้รู้ทีหลังว่าพ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเธอเป็นลูกนอกสมรสของเขา แต่หลังจากที่ภรรยาเก่าของพ่อเธอเสียชีวิตไป เขาก็รับเธอไปเลี้ยง   “เซิ่น” เสวียซีเห็นหานเซิ่นเดินมา   “ทำไมเธอมาอยู่แถวนี้?” หานเซิ่นถามอย่างประหลาดใจ   “เซิ่น ฉันอายุครบ 16 แล้วล่ะ ฉันสามารถเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป” เสวียซีพูดอย่างมีความสุข   “เร็วขนาดนั้นเลย?” ในความคิดของหานเซิ่น เสวียซีเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ตอนนี้เธอกับสามารถเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้แล้ว   “ฉันอ่อนกว่านายแค่ไม่กี่เดือนเองนะหานเซิ่น นายชอบคิดว่าฉันเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลย” เสวียซีพูด   “อืมม มันคงถึงเวลาแล้วจริงๆ” หานเซิ่นมองดูร่างกายของเธอที่พัฒนาขึ้นและยิ้ม ตอนนี้เธอคงไม่ใช่เด็กผู้หญิงอีกต่อไป   เสวียซีหน้าแดงหลังจากเห็นหานเซิ่นมองเธอ เมื่อเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีเสียงเครื่องจักรดังขึ้น และมีชายหนุ่มแต่งตัวดูดีกำลังเดินลงมาจากยานเหาะส่วนตัวที่จอดอยู่ข้างๆถนน   ชายหนุ่มอายุประมาน 20 และยานเหาะส่วนตัวของเขาราคามากกว่า 10 ล้าน   “ฉันบอกเธอแล้วไง ว่าให้ใช้เครื่องเทเลพอร์ตส่วนตัวที่บ้าน จะได้ไม่ต้องมาเจอกับพวกน่ารำคาญที่สถานี” ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะมองหานเซิ่น เขาเดินตรงไปหาเสวียซี   “พี่ เขาคือเพื่อนของฉันเอง” เสวียซีรีบอธิบาย   “พวกเราควรกลับกันได้แล้ว” ชายหนุ่มไม่สนใจคำพูดของเธอ และพาเธอไปที่ยานเหาะ   “เซิ่น งั้นฉันขอกลับก่อนนะ” เสวียซีพูดกับหานเซิ่นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ก่อนที่จะเดินไป   ชายหนุ่มเดินกลับมาเตือนหานเซิ่น “คนอย่างนายไม่คู่ควรเป็นเพื่อนของเธอ เลิกยุ่งกับเธอซะ ไม่งั้นนายจะต้องเสียใจ”   “นี่นายพูดกับผมหรอ?” หานเซิ่นจ้องไปที่เขาทำหน้าตาข้องใจ   “นี่แกอย่าเจ็บตัวใช่ไหม?” ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้หานเซิ่นทันที และแทงเข่าเข้าไปที่ท้องของหานเซิ่น   เขาอยู่ใกล้หานเซิ่นมาก และการเคลื่อนไหวของเขาก็ไวมาก เข่าของเขาพุ่งไปหาหานเซิ่น   หานเซิ่นมองอย่างใจเย็น และยิ้มอยู่ในใจ ‘ไม่มีอะไรที่จะสู้ระยะปะชิดได้ดีกว่าปีศาจพันธนาการ ขนาดซินเสวียนยังไม่กล้าเข้าใกล้ผมสุ่มสี่สุ่มห้าเลย’ หานเซิ่นเอี้ยวตัวหลบเข่าของชายหนุ่ม และเข้าไปปะชิดเขา จากนั้นก็เกี่ยวขาหลังของเขา และผลักเขาล้มลงบนพื้นอย่างแรง ตุบ! ชายหนุ่มเสียการทรงตัว และล้มลงบนพื้น   เขามองหานเซิ่นอย่างตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าเข่าของเขาจะไร้ผล และยังโดนหานเซิ่นผลักล้มอีก   “เซิ่น เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เสวียซีรีบวิ่งลงมาจากยานเหาะ และเข้าไปช่วยพยุงชายหนุ่มขึ้นมา   “ไม่มีอะไร แค่การทักทายกับแบบผู้ชายเท่านั้น ตอนนี้มันก็สายมากแล้ว ฉันของกลับก่อนนะ ไว้เจอกันวันหลัง” หานเซิ่นยิ้ม และโบกมือลา ก่อนที่จะเดินจากไป   “พี่ไม่เป็นไรใช้ไหม?” เสวียซีถามชายหนุ่ม   “น่าสนใจ… น่าสนใจจริงๆ” ชายหนุ่มมองดูหานเซิ่นเดินจากไป พร้อมกับยิ้มอย่างประหลาด     หลังจากที่เห็นเขายิ้ม เสวียซีรู้สึกกังวลขึ้นมา “พี่ไม่เอาน่า เขาคงไม่ได้ตั้งใจ”   “มันสามารถทำให้ฉันล้มลงได้ ถึงแม้ว่ายังไม่ได้ตั้งใจ? กับเฟิงจิงซีคนนี้เนียนะ แล้วถ้ามันเอาจริงฉันไม่ถูกฆ่าเลยหรอ?” เขาพูดพร้อมกับทำตาแคบลง   “พี่… ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น” เสวียซีไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง   “เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก ก็เหมือนที่มันพูดนั่นแหละ นี่แค่การทักทายแบบลูกผู้ชาย พวกเรากลับกันได้แล้ว” เฟิงจิงซียังคงมองไปทางที่หานเซิ่นเดินจากไป ก่อนที่จะหันหลังกลับไปที่ยานเหาะ   “อีก 2-3 วัน ชวนเขามากินข้าวที่บ้านเราสิ”   “พี่ว่าอะไรนะ?” เสวียซีมองไปที่เฟิงจิงซี และไม่อยากเชื่อสิ่งทีได้ยิน   Facebook Page : https://www.facebook.com/SuperGodGene/ ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 79 แล้วครับ