Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 604 เสือขาว
Super God Gene – ตอนที่ 604 เสือขาว

  “พวกเราน่าจะให้หานเซิ่นเข้าร่วมทีมชั่วครู่ คิดว่าเป็นไง?” อิจฉาสวรรค์แนะนำ คนคนนี้ดูสง่างามและมีออร่ามาก   ทรราชขมวดคิ้ว แต่เขาไม่ได้พูดโต้แย้งอะไร ถ้าสมาชิกคนอื่นมาถึงโดยไม่เกิดอุบัติเหตุ เขาก็คงจะบอกปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด แต่ตอนนี้ถ้ารวมหานเซิ่นด้วย พวกเขาก็มีคนที่สามารถไปล่าแค่ 5 คน ถ้าพวกเขายังอยากจะล่ากันต่อตามแผน การพาหานเซิ่นและจิ้งจอกสีเงินไปด้วยจะเป็นไปประโยชน์อย่างมาก   “ชั่วคราวหมายความว่าไง?” หานเซิ่นขมวดคิ้วขณะถาม   “บอกราคามา และพวกเราจะจ้างนายเหมือนกับพวกทหารรับจ้าง” ทรราชพูด ถึงเขาจะไม่เต็มใจที่จะรับหานเซิ่นเข้ามาร่วมทีมก็ตาม   ควีนมองหานเซิ่นและพูดอย่างสงบ “ไม่ว่านายจะตัดสินใจยังไง ฉันก็จะส่งนายกลับไปอย่างปลอดภัย”   หลังจากที่ได้ยินควีนพูด หานเซิ่นยิ้มและตอบกับไป “ไม่มีปัญหา พวกคุณจะจ้างผมก็ได้ แต่ผมต้องบอกไว้ก่อนนะ ค่าตัวผมไม่ใช่ถูกๆ ผมสงสัยอยู่ว่าพวกคุณจะจ่ายไหวรึเปล่า”   “นายต้องการเท่าไหร่?” ทรราชยังคงมองหานเซิ่นด้วยสายตาที่เย็นชา   “จิ้งจอกสีเงินและตัวผมถือว่าเป็น 2 คน ผมขอค่าจ้างเป็นวิญญาณอสูร 2 ดวง ถ้าน้อยกว่านี้ผมขอไม่รับงานนี้” หานเซิ่นพูด   หานเซิ่นต้องการผลประโยชน์จากการเดินทางครั้งนี้ แม้ตอนแรกเขาจะไม่ได้หวังก็ตาม แต่ไหนๆก็ได้โอกาสแล้ว เขาก็จะคว้ามันเอาไว้   ที่สำคัญเขายังต้องการดูความสามารถของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดด้วย เมื่อมีคนมาจ้างให้เขายืนดูอย่างเดียว ไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธ   การเข้าเป็นสมาชิกทีมไม่ได้สำคัญสำหรับหานเซิ่น เป้าหมายของเขาไม่ใช่มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวเดียวในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ถึงครั้งนี้จะไม่ได้เข้าร่วม เขาก็ยังมีโอกาสอีกมาก   “ตกลง” ทรราชตอบตกลงทันที เขาโอนวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิดวงหนึ่งให้กับหานเซิ่นและพูด “นี่เป็นค่ามัดจำ หลังจากที่เราเสร็จงานแล้ว นายจะได้รับอีกดวง”   “ผมชอบคนที่ตัดสินใจได้รวดเร็วแบบคุณ” หานเซิ่นยอมรับข้อเสนอของทรราช   หลังจากที่หานเซิ่นเข้าร่วมทีมแล้ว พวกเขาก็เริ่มวางแผนการทันที จากนั้นพวกเขาก็ต้องหามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดให้เจอก่อน   ตอนแรกพวกเขาวางแผนไว้หมดแล้ว แต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ทำให้สมาชิกเปลี่ยนแปลงไป ตอนนี้พวกเขามีสมาชิกแค่ 5 คน พวกเขาจำเป็นจะต้องวางแผนใหม่ แต่ถึงจะมี 5 คน แต่คนที่สู้ได้จริงๆมีแค่ 4 คน หานเซิ่นไม่นับว่าเป็นกำลังรบ   หลังจากที่หานเซิ่นได้ยินพวกเขาวางแผนกัน เขาก็เข้าใจทันทีว่ามันเป็นสถานการณ์ที่อันตราย และมีความเสี่ยงสูงมาก   ลึกเข้าไปในเกาะแห่งนี้มีเสือขาวอาศัยอยู่ เสือตัวนี้ถูกกระแสลมห่อหุ้มเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามันมีความพลังธาตุลม วันนี้พวกเขาตัดสินใจที่จะล่าเสือขาวตัวนี้ แต่พวกเขายังไม่มีแผนที่จะฆ่ามัน พวกเขาแค่ต้องการวัดความแข็งแกร่งของมันก่อน   “เนื่องจากมีหานเซิ่นอยู่ด้วย พวกเราก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมอนสเตอร์ตัวอื่นๆที่อยู่บนเกาะนี้ แค่นี้ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้มากแล้ว แต่ปัญหาก็คือใครจะเป็นคนเข้าไปเป็นแนวหน้า และทำหน้าที่ยื้อเวลาให้คนอื่นๆ?” แมวขี้เกียจยังมีความกังวลอยู่   “ฉันจะทำหน้าที่นั้นเอง ฉันมีวิญญาณอสูรโล่เลือดศักดิ์สิทธิ ถ้ามันเป็นมอนสเตอร์ที่เหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิจริงๆ อย่างน้อยฉันก็น่าจะป้องกันการโจมตีของมันได้สัก 2-3 ครั้ง” ทรราชพูด   “ตกลง เอาตามนั้น ทรราชจะเข้าไปรับการโจมตีก่อน ส่วนอิจฉาสวรรค์ไปอยู่ตรงจุดนี้…” ควีนเริ่มวางแผนอย่างละเอียด แผนของเธอค่อนข้างรัดกุม ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น พวกเขาก็ยังมีแผนอื่นๆค่อยรับมือ   หานเซิ่นไม่ได้รวมอยู่ในแผนของพวกเขาด้วย ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือแค่ยืนอยู่ห่างจากเป้าหมาย และอุ้มจิ้งจอกสีเงินไว้ก็พอ   หานเซิ่นไม่มีข้อโต้แย้ง แผนของควีนฟังดูเข้าท่าดี หานเซิ่นอยากจะเห็นตอนพวกเขาลงมือจริงๆ พวกเขาแต่ละคนมีหน้าที่ของตัวเอง ถ้าเขายื่นมือเข้าไปยุ่งอาจจะทำให้แผนของพวกเขาเสียเปล่าๆ   แต่ถึงแผนของควีนจะยอดเยี่ยม แต่หานเซิ่นก็ยังเกรงพลังของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอยู่มาก เขาไม่คิดว่าทีมของควีนจะสามารถเอาชนะมันได้   ในขณะที่กำลังเดินลึกเข้าไปในเกาะ หานเซิ่นก็รู้สึกกังวล เขากลัวว่าเสือขาวอาจจะกลัวจิ้งจอกสีเงินของเขาก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นแผนการทุกอย่างจะต้องสูญเปล่า จากภูเขาที่อยู่ห่างออกไป มีเสียงคำรามของมอนสเตอร์ดังมา พร้อมกับกระแสลม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสียงนั้นจะต้องเป็นของเสือขาว หลังจากที่พวกเขาเข้ามาใกล้ได้ระดับหนึ่ง พวกเขาก็พบว่าเสือขาวมันไม่ได้หนีหรือเกรงกลัวจิ้งจอก แสดงว่ามันน่าจะเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดจริงๆ ตอนนี้มีพายุหลายลูกกำลังพัดลงมาจากภูเขา ท่ามกลางพายุมีเสือขาวรวมอยู่ด้วย ตอนนี้มันกำลังตรงมาทางที่พวกเขาอยู่   “เตรียมพร้อม!” ควีนสั่งการ ทรราชและคนอื่นๆอยู่ในสภาพพร้อมสู้ทันที พวกเขาแค่รอให้เป้าหมายมาถึง   แม้จะมีมอนสเตอร์อยู่บนเกาะจำนวนมาก แต่มอนสเตอร์ตัวเดียวที่ตรงเข้ามาหาพวกเขาก็คือเสือขาว มอนสเตอร์ตัวอื่นๆไม่โผล่มาให้เห็นเลย นี่เป็นการยืนยันความสามารถพิเศษของจิ้งจอกสีเงินได้เป็นอย่างดี   หานเซิ่นเข้าสู่โหมดปลดล็อคยีนอย่างลับๆ ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเสือขาวกำลังวิ่งตรงมาจากระยะที่อยู่ห่างออกไปหลายไมล์   ถ้าเทียบกับมอนสเตอร์ตัวอื่นๆที่เขาเคยเจอมา เสือขาวตัวนี้ไม่ถือว่าตัวใหญ่มากนัก ตัวของมันยาวประมาน 4 เมตร ตัวของมันเป็นสีขาวเหมือนกับหิมะ และดวงตาของมันก็เป็นสีแดงเหมือนกับทับทิม   ขณะที่มันเคลื่อนที่ก็มีกระแสลมตามมาด้วย มันใช้กระแสลมในการลอยขึ้นมา เมื่อมันเคลื่อนที่บนอากาศ ไม่ได้แตกต่างจากตอนที่มันเคลื่อนที่บนบกเลย มันสามารถเหยียบอากาศได้สมบูรณ์แบบมากๆ มันดูเป็นมอนสเตอร์ที่น่ากลัวจริงๆ   ดูเหมือนเสือขาวตัวนี้จะโกรธ มันเร่งความเร็วตรงมาทิศทางที่พวกเขาอยู่ ถึงตัวมันจะไม่ได้ใหญ่ แต่มันก็สร้างแรงกดดันให้พวกเขามาก แค่มันวิ่งมาก็ทำให้ทีมของควีนรู้สึกเสียวสันหลังแล้ว   เมื่อหานเซิ่นเห็นเช่นนั้น เขาก็ถอยห่างออกมาพร้อมกับจิ้งจอกสีเงินทันที ตอนนี้เขารู้สึกกลัวพลังของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด เขาต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมัน เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลของมัน เขาก็รู้สึกว่าเขาโชคดีมากที่สามารถเอาชนะมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ตอนที่เขาอยู่ก็อตแซงชัวรี่เขต 1   พลังของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 มันมากเกินบรรยาย ราวกับว่ามันสามารถทำลายได้ทุกอย่าง ถ้าแค่จิ้งจอกสีเงินตัวเล็กๆยังสามารถฆ่าคนที่ปลดล็อคยีนได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แล้วเสือขาวที่โตเต็มวัยตัวนี้มันจะขนาดไหน   เมื่อจิ้งจอกเห็นเสือขาว มันก็ดูเครียดขึ้นมาทันที ขนของมันตั้งขึ้น ดูเหมือนมันจะเห็นเสือขาวตัวนี้เป็นศัตรูของมัน   หานเซิ่นกอดจิ้งจอกเอาไว้แน่น เขาไม่อยากจะให้มันลงไปทำอะไร แม้จิ้งจอกสีเงินจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็รู้ดีว่ามันเอาชนะเสือขาวตอนนี้ไม่ได้แน่   เสือขาวเหยียบอากาศตรงมาที่พวกเขาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้มันอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึง 100 เมตร มันยกอุ้งเท้าของมัน และตะปบในอากาศ หลังจากที่มันทำแบบนั้น อากาศก็ราวกับถูกฉีกออกเป็น 2 ซีก กระแสลมที่รุนแรงกำลังพุ่งตรงมาที่พวกเขา   ทรราชคำราม และเรียกวิญญาณอสูรโล่และชุดเกาะสีทองออกมา จากนั้นเขาก็ยกโล่ขึ้น โล่ของเขาดูน่าเกรงขามทีเดียว เขาใช้มันป้องกันกระแสลมที่พุ่งเข้ามาราวกับลูกธนู   หลังจากเกิดเสียงดัง ทรราชก็เบิกตากว้าง เขาเห็นโล่ในมือของเขาฉีกขาด โล่ระดับเลือดศักดิ์สิทธิพังในชั่วพริบตา   ทรราชเองก็ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน มีเลือดไหลออกมาทั่วร่างของเขา แม้แต่ชุดเกราะสีทองที่เขาสวมใส่ไว้ก็ยังเอาไม่อยู่ สีหน้าของคนอื่นๆในทีมเปลี่ยนไปทันที เห็นได้ชัดว่าพลังของเสือขาวมันมากกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ แค่มันตะปบอากาศก็สามารถทำลายการป้องกันของทรราชได้ง่ายๆ  

Super God Gene – ตอนที่ 603 เสียขวัญ
Super God Gene – ตอนที่ 603 เสียขวัญ

  ขณะที่พวกเขาเข้าไปใกล้เกาะ หานเซิ่นก็เห็นคน 3 คนกำลังยืนอยู่บนชายหาด 2 คนเป็นผู้ชาย อีกคนเป็นผู้หญิง พวกเขาสวมชุดเกราะวิญญาณอสูร แต่ละคนดูหน้าตาดีและสง่ากันทั้งนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่คนปรกติธรรมดาแน่   “พี่ใหญ่ ทำไมถึงได้ไปนานนัก?” ผู้หญิงตะโกนจากระยะไกล ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างตัวเล็ก ถึงจะค่อนข้างสวย แต่เธอดูเป็นคนที่เฉื่อยชา   “มีก้อนหินขวางถนนอยู่ ดังนั้นการเดินทางของฉันเลยล่าช้ากว่ากำหนด” ควีนอธิบาย ดูเหมือนเธอจะโกหกไม่เก่งเอาซะเลย   “พี่ใหญ่ ผู้ชายคนนี้เป็นใคร?” ผู้หญิงประหลาดใจ เมื่อเห็นหานเซิ่นมากับควีน   หลังจากที่ผู้ชายอีก 2 คนทักทายควีน พวกเขาก็สงสัยเกี่ยวกับหานเซิ่นด้วย   “เขาชื่อว่าหานเซิ่น และฉันอยากจะให้เขามาร่วมทีมกับเรา” ควีนเป็นคนที่พูดไม่เก่ง เธอแนะนำแบบรวบรัด   “คุณจะต้องเป็นยอดฝีมือแน่ พี่ใหญ่ถึงขนาดไปชวนคุณมาร่วมทีมด้วย ฉันขอถามหน่อยได้ไหมว่าพลังที่คุณได้จากการปลดล็อคยีนเป็นพลังแบบไหน?” ผู้หญิงถามหานเซิ่นด้วยความสงสัย   ผู้ชายอีก 2 คนก็รอฟังคำตอบจากหานเซิ่นเช่นเดียวกัน พวกเขารู้ดีว่าคนที่ควีนชวนมาแต่ละคนล้วนแต่มีฝีมือสูง พวกเขาอยากจะรู้ว่าหานเซิ่นมีวิชาแบบไหน   “โอ้ ผมหรอ? ผมยังไม่ได้ปลดล็อคยีนเลย” หานเซิ่นพูดโกหกไป   เนื่องจากควีนบอกแค่ว่าที่เธอพาเขามาก็เพราะเธอต้องการจิ้งจอกสีเงิน ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมด้วย เขามีหน้าที่แค่คอยตามคนอื่นๆในทีม มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ภาพของม้าน้ำยังอยู่ในหัวของเขา ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากจะเข้าไปเสี่ยงอันตราย ถ้าแค่สังเกตการณ์อยู่ห่างๆได้ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี   “ยังไม่ได้ปลดล็อคยีนงั้นหรอ?!” ทั้ง 3 คนพูดออกมาพร้อมๆกัน หลังจากนั้นพวกเขาก็หันไปมองควีน   ควีนพยายามอธิบายว่าทำไมต้องเอาหานเซิ่นมาเข้าร่วมทีม “ฉันทดสอบความสามารถของเขาแล้วระหว่างการเดินทาง จิ้งจอกสีเงินของเขามีความสามารถพิเศษ ถ้ามีมันอยู่ด้วยจะไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนกล้าเข้ามาใกล้”   “ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง ทำไมคุณไม่ขอซื้อสัตว์เลี้ยงมา? ไม่เห็นจำเป็นจะต้องพาคนแบบนี้มาเข้าร่วมทีมกับเรา” ผู้ชายคนหนึ่งพูด ชายคนนี้ค่อนข้างหล่อ เขามีผมสีบลอนด์ ตาสีขาว   “ต้องขอโทษด้วย แต่สัตว์เลี้ยงของผมไม่ได้มีไว้ขาย” หานเซิ่นรีบปฏิเสธ   ชายผมบลอนด์ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ควีนห้ามเขาไว้ก่อน เธอพูด “ตามกฎของพวกเรา การรับสมาชิกใหม่จะต้องมีการโหวต ถ้านายไม่ต้องการให้เขาเข้าร่วมทีม นายก็มีสิทธิจะพูด ถ้าทุกคนรู้สึกว่าไม่ควรให้เขาเข้าร่วมทีม ฉันก็จะส่งเขากลับไป แต่จะไม่มีใครแตะต้องตัวเขาได้”   หลังจากนั้นทุกคนก็เงียบไปเลย หลังจากเงียบอยู่นาน ควีนก็ทำลายความเงียบด้วยการถาม “แล้วคนอื่นๆที่เหลืออยู่ไหน? พวกเขายังมาไม่ถึงหรอ?”   “พี่ใหญ่ เหมือนพวกเขาจะติดปัญหาบางอย่างเลยทำให้การเดินทางล่าช้า แต่ฉันมั่นใจว่าพวกเขาน่าจะใกล้มาถึงแล้ว” ผู้หญิงพูด   “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องรอให้พวกเขามาถึงก่อน แล้วพวกเราค่อยมาโหวตกันอีกทีว่าจะให้หานเซิ่นเข้าร่วมทีมหรือเปล่า” ควีนพูด   ชายผมบลอนด์พูด “ไม่เห็นจำเป็นต้องรอพวกเขาเลย ฉันไม่เห็นด้วย ลืมไปแล้วหรอว่าคุณเป็นคนตั้งกฎเองว่าคนที่จะเข้าร่วมได้ ต้องปลดล็อคยีนได้ก่อน? คนคนนี้ยังไม่ได้ปลดล็อคยีน เขามีแค่สัตว์เลี้ยงที่พิเศษจะให้เขามาร่วมทีมล่ามอนสเตอร์ที่เหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิเลยหรอ?”   “ฉันเข้าใจ แต่สัตว์เลี้ยงของเขามีความสำคัญต่อแผนการของพวกเรามาก มันจะช่วยให้พวกเราสู้ได้ง่ายขึ้น” ควีนพยายามอธิบาย เธอมองไปที่ชายผมบลอนด์ด้วยสายตาทิ่มแทง   “ใช่แล้วทรราช การมีคนแบบเขาอยู่ในทีมก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย” ผู้หญิงเห็นด้วยกับควีน เธอพยายามโน้มน้าวชายผมบลอนด์   ชายผมบลอนด์ที่ถูกเรียกว่าทรราชพูด “ฉันไม่อยากจะร่วมทีมล่ามอนสเตอร์ที่เหนือกว่าระดับเลือดศักดิ์สิทธิกับคนที่ยังไม่สามารถปลดล็อคยีนได้”   ควีนมองทรราชพร้อมกับขมวดคิ้ว เธอรู้สึกผิดหวังที่ทีมของเธอไม่ยอมรับหานเซิ่นเข้าร่วมทีม เธอพยักหน้าและพูด “งั้นก็ได้! ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็จะพาเขากลับไปส่ง” หลังจากนั้นควีนก็ขึ้นไปบนหลังวาฬ พร้อมกับขอโทษหานเซิ่น “ฉันต้องขอโทษด้วยที่ทำให้นายต้องเสียเวลาเดินทางโดยไร้ความหมาย”   “ไม่เป็นไร ผมไม่คิดมาก” หานเซิ่นส่ายหัว เขาพยายามฝืนยิ้มออกมา เขาไม่อยากเสี่ยงชีวิตก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะถูกทีมปฏิเสธในทันทีแบบนี้   หานเซิ่นเพิ่งจะมาถึงที่นี่เมื่อสักครู่นี่เอง แต่ตอนนี้เขาต้องถูกส่งกลับซะแล้ว หานเซิ่นไม่พอใจกับผลลัพธ์แบบนี้ แต่เขาก็คิดว่าการเปิดเผยความจริงเรื่องปลดล็อคยีนไปตอนนี้ไม่เป็นผลดีเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงต้องจำใจเตรียมตัวเดินทางกลับพร้อมกับควีน   ขณะที่ควีนเตรียมจะพาหานเซิ่นกลับ เขาก็สังเกตเห็นว่ามีใครบางคนกำลังขี่สัตว์อสูรตรงมาทางนี้ เขากำลังแล่นมาด้วยความเร็วสูง   ไม่นานนักเขาก็มาถึงเกาะ แต่น่าแปลกเพราะดูเหมือนเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสทีเดียว เขามีบาดแผลถูกไฟไหม้ทั่วร่าง เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด ดูแล้วอาการของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่   “เฒ่าลามก! คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? แล้วซ่างชิงอยู่ที่ไหน?” ควีนรีบลงมาจากหลังวาฬ จากนั้นคนอื่นๆก็รีบมาช่วยกันพยุงเขา   “ระหว่างทางที่พวกเรามาที่นี่ พวกเขาไปเจอกับมอนสเตอร์ใต้ทะเลเข้า มันทรงพลังมาก พลังไฟของมันน่ากลัวมาก ฉันแยกกับซ่างชิงตอนนั้น และฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะหนีได้ทันรึเปล่า” เฒ่าลามกพูด ในขณะที่กำลังหอบ ใบหน้าของเขาซีดเหมือนกับกระดาษ   ใบหน้าของทุกคนในทีมถอดสีทันที พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ ถ้ามอนสเตอร์ที่ชายคนนี้ไปเจอคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดที่อยู่ในทะเลเป็นอะไรที่อันตรายเกินไป มันเหมือนกับฝันร้าย เขาโชคดีมากแล้วที่รอดชีวิตมาได้   บาดแผลถูกไฟเผาของเขาสาหัสทีเดียว คนอื่นๆช่วยกันแบกเขาขึ้นฝั่งไป และพยายามทำแผลเบื้องต้นให้เขาก่อน   เมื่อเห็นรอยแผลของเขา หานเซิ่นก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘อย่าบอกนะพวกเขาไปเจอม้าน้ำสีฟ้ามา?’   “แมวขี้เกียจ เธอรออยู่ที่นี่และค่อยช่วยดูอาการเฒ่าลามก ส่วนฉัน ทรราชและอิจฉาสวรรค์จะลองไปตามหาเขาดู” ควีนกระโดดขึ้นไปบนหลังวาฬ ขณะที่พูด   ทรราชและอิจฉาสวรรค์เรียกสัตว์ขี่สำหรับขี่บนน้ำออกมา จากนั้นพวกเขาก็รีบมุ่งหน้าไปทางที่เฒ่าลามกตรงมา   เมื่อพวกเขาไปถึงจุดที่เฒ่าลามกบอก พวกเขาก็แยกย้ายกันตามหาคนสูญหาย   หานเซิ่นยังคงอยู่บนหลังวาฬ เขานั่งอยู่ข้างๆควีน ถึงพวกเขาจะช่วยกันตามหาคนสูญหาย แต่พวกเขาก็ไม่พบร่องรอยอะไรเลย เหมือนว่าเขาน่าจะตายไปแล้ว   ‘เหมือนว่าควีนและคนอื่นๆยังไม่เคยฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดกันมาก่อน ถึงพวกเขาจะปลดล็อคยีนได้แล้ว แต่มนุษย์ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ยังมีพลังไม่พอที่จะรับมือกับพวกมัน’ หานเซิ่นคิด   แต่นี่ก็เป็นการเตือนสติของหานเซิ่นเช่นเดียวกัน เขามีความสุขกับการปลดล็อคยีนมาก แต่ตอนนี้เขาก็เริ่มสงสัยแล้วว่าพลังที่ได้รับมาจะพอต่อสู้กับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้รึเปล่า   แม้คนอื่นๆจะปลดล็อคยีนได้แบบหานเซิ่น แต่พวกเขาก็ยังตาย พวกเขาตายอย่างง่ายดาย เมื่อเจอกับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดในทะเล ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นเริ่มกลัว   ควีน ทรราชและอิจฉาสวรรค์พยายามค้นหากันเต็มที่แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่พบอะไรเลย พวกเขาหน้าซีดกันหมด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเสียขวัญมากกับการที่ต้องเสียสมาชิกไปตั้งแต่ยังไม่เริ่มการล่า   “กลับไปที่เกาะกันก่อน อยู่บนผิวน้ำจะไม่ปลอดภัย” ควีนตัดสินใจ เธอกลัวว่าถ้าอยู่นานกว่านี้ พวกเธอก็อาจจะไม่รอดเหมือนกัน   “พวกเราจะเอายังไงต่อดี? ตอนนี้มีคนถูกฆ่าไปแล้ว และพวกเรายังทำไม่ได้แม้แต่จะหาศพของเขา? เฒ่าลามกก็ยังบาดเจ็บ พวกเราจะยังไปล่ามอนสเตอร์บนเกาะนี้กันอยู่ไหม?” แมวขี้เกียจพูด   “แน่นอน พวกเราต้องทำตามแผนต่อไป ไม่งั้นพวกเราจะเสียเวลาฟรี!”ทรราชพูด   “แต่ตอนนี้พวกเราเหลือกันแค่ 4 คน แล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเป้าหมายของพวกเราคือมอนสเตอร์ที่เหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิจริงๆ..” แมวขี้เกียจไม่จำเป็นต้องพูดจบ แต่ทุกคนก็เข้าใจความหมายของเธอดี  

Super God Gene – ตอนที่ 602 ความสามารถที่ทรงพลัง
Super God Gene – ตอนที่ 602 ความสามารถที่ทรงพลัง

  หานเซิ่นวิ่งแค่ไม่กี่ก้าว เขาก็สามารถไปได้ไกลหลายสิบเมตร ตอนนี้เขาเกือบจะไปถึงตัวตะกวดแล้ว   หานเซิ่นใช้โหมดปลดล็อคยีนเรียบร้อยแล้ว ด้วยความสามารถใหม่ หานเซิ่นสามารถสัมผัสได้ทันทีว่ามอนสเตอร์กำลังจะหันมาทางเขา หลังจากที่มันหันมา เขาก็รู้ได้อีกว่ามันจะใช้ลิ้นยาวๆแหลมๆของมันแทงเขา   นี่เป็นความสามารถที่มหัศจรรย์มาก หานเซิ่นรู้สึกเหมือนกับว่าเขาสามารถคาดการณ์ได้ทุกอย่าง   หานเซิ่นกระโดดขึ้นไปบนอากาศ และใช้เหยียบเมฆาเพื่อหลบลิ้นที่มีพิษของตะกวด หลังจากนั้นดาบสีเงินก็ปรากฏในมือของเขา เขาใช้มันตัดหัวของตะกวด   ผมลัพธ์นี้มันยิ่งกว่าที่เขาคาดเอาไว้ หัวของตะกวดลอยขึ้นไปบนอากาศ ดาบของเขาฟันมันขาดได้ง่ายๆเหมือนกับฟันเนย มันทำให้หานเซิ่นต้องตั้งข้อสงสัยว่ามันเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิจริงๆหรอ?   “ตะกวดภูเขาเลือดศักดิ์สิทธิถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ”   แต่เสียงที่ได้ยินมันยืนยันคำพูดของจูถิง มอนสเตอร์ตัวนี้เป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิจริงๆ   ตอนนี้แม้แต่ตัวหานเซิ่นเองก็ต้องตกใจ หลังจากที่เขาปลดล็อคยีนได้แล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด มันไม่ใช่แค่ประสาทสัมผัสอย่างเดียวที่เพิ่มขึ้น   ตอนนี้แม้แต่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิก็ไม่คนามือเขา เขาสามารถฆ่ามันได้อย่างไม่ยากเย็น ด้วยความสามารถอันทรงพลังนี้   จูถิงที่รออยู่ข้างล่างยืนตัวแข็งทื่อ เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ถึงเขาจะเคยเห็นเรื่องมหัศจรรย์ของหานเซิ่นมาบ่อยครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เขาก็ยังช็อค เมื่อเห็นหานเซิ่นฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิได้ง่ายๆแบบนั้น สำหรับเขา ตอนนี้หานเซิ่นเหมือนไม่ใช่มนุษย์แล้ว   ตุบ! ร่างของตะกวดภูเขาถูกหานเซิ่นเตะกระเด็นลงไปข้างล่าง ใกล้ๆจุดที่จูถิงยืนอยู่ ทำให้จูถิงหายจากอาการช็อค “บ้าเอ้ย ผมบอกให้คุณมาช่วยผมเฉยๆ ไม่ได้บอกให้คุณฆ่ามัน! คุณได้วิญญาณอสูรรึเปล่า?”   “โทษที ฉันไม่ได้ระวังเอง ฉันยังไม่ค่อยชินกับความแข็งแกร่งของตัวเองเท่าไหร่” หานเซิ่นยิ้มพร้อมกับกล่าวขอโทษ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “ฉันไม่ได้วิญญาณอสูร ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจะช่วยนายหามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิตัวอื่น ครั้งนี้ฉันจะให้นายเป็นคนโจมตีปิดฉาก โอเคไหม?”   จูถิงสงบลงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของหานเซิ่น แต่เขาก็ยังไม่เชื่อหานเซิ่นสนิทใจ เขาต้องถามย้ำเป็นครั้งที่ 2 “คุณไม่ได้วิญญาณอสูรแน่นะ?”   “ฉันหานเซิ่น ขอสาบานต่อฟ้าว่าฉันไม่ได้วิญญาณอสูรจริงๆ ฉันถ้าโกหกของให้สวรรค์ลงโทษ” หานเซิ่นสาบานเสียงดัง   “ถึงกับสาบานเลยหรอ? แล้วคุณคิดว่าผมจะเชื่องั้นหรอ? มีใครตายเพราะคำสาบานบ้างล่ะ? คุณลองเปลี่ยนคำสาบานใหม่ เอาเป็นถ้าโกหกขอให้เป็นโสดตลอดชีวิตน่าจะฟังดูเข้าท่ากว่า” จูถิงพูด   หานเซิ่นทำตามที่จูถิงขอ เขายอมสาบานใหม่ เพื่อให้จูถิงสบายใจ หลังจากนั้นพวกเขาก็ขนซากของตะกวดกลับเมืองโดยใช้สัตว์ขี่   “ผมขอถามตรงๆเลยนะ คุณทำแบบนั้นได้ยังไง? คุณเพิ่งจะเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้ประมาน 1 ปี ทำไมคุณถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ คุณปลดล็อคยีนได้แล้วรึยัง?” ระหว่างทางกลับจูถิงเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย   “การปลดล็อคล็อคไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น” หานเซิ่นตอบจูถิงไปทันที แต่จูถิงก็ยังไม่เชื่อที่หานเซิ่นพูดอย่างสนิทใจ เขายังคงคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะหานเซิ่นเพิ่งจะเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้ไม่นาน ระยะเวลามันสั่นเกินไปสำหรับการปลดล็อคยีน   หลังจากกลับมาที่เมืองเทพธิดา หานเซิ่นก็กลับไปที่ห้องของเขาทันที จากนั้นเขาก็เห็นเงาของผู้หญิงนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องของเขา   แม้หานเซิ่นจะเห็นแค่เงา เขาก็รู้ทันทีว่าหล่อนคือควีน เธอดูพิเศษกว่าคนอื่นๆ สาวสวยแบบนี้ยากที่เขาจะลืมได้ แม้จะเป็นแค่เงาของเธอก็ตาม   หานเซิ่นไม่คิดว่าควีนจะได้รับข่าวจากหวงฟูผิงชิง และเดินทางมาหาเขาเร็วขนาดนี้ มันเหมือนกับว่าเธอเฝ้าจับตาดูเขาตลอดเวลา และอยากจะให้เขาไปเข้าร่วมทีมจริงๆ   “ผิงชิงบอกว่านายเปลี่ยนใจจะเข้าร่วมทีมกับฉันแล้วใช่ไหม?” ควีนวางหนังสือลง และหันมาหาหานเซิ่น   “ใช่” หานเซิ่นพยักหน้า   “อะไรที่ทำให้นายเปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้?” ควีนถาม   “ผมไปนั่งคิดนอนคิดมาหลายวัน ด้วยจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิที่เกือบจะเต็มแล้ว ผมก็คิดว่ามันเป็นโอกาสดีที่จะไปล่ามอนสเตอร์ที่คุณบอกว่าอยู่เหนือกว่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ หลังจากที่คิดดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผมจึงตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมทีมกับคุณ” หานเซิ่นพูด   “หลังจากเข้าร่วมทีม นายจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำอะไรตามอำเภอใจ เรื่องนี้นายคงรู้ นายจะต้องฟังคำสั่งของฉัน มอนสเตอร์พวกนั้นอันตรายมาก แม้แต่คนที่ปลดล็อคยีนได้แล้วยังถูกฆ่าได้ในพริบตา” ควีนพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม   “ผมเข้าใจ” หานเซิ่นพยักหน้า “แต่มีบางอย่างที่ผมอยากจะบอกคุณไว้ก่อน สัตว์เลี้ยงของผมมีความสามารถพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง มอนสเตอร์ตัวอื่นๆที่อยู่ในรัศมีรอบๆมันจะถอยหนีไปจนหมด ผมไม่แน่ใจว่ามันจะมีผลกับมอนสเตอร์ที่เหนือกว่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิรึเปล่า และที่สำคัญที่สุดสัตว์เลี้ยงของผมจะไม่โจมตีพวกมอนสเตอร์”   “ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันจะทำให้มอนสเตอร์ตัวอื่นหนีไป ที่ฉันหวังพึ่งมันก็คือความสามารถนี้อยู่แล้ว” ควีนพูด   “เดี๋ยวก่อน ตกลงคุณต้องการอะไรกันแน่?” หานเซิ่นถาม   “มีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอยู่มากมายรอบๆมอนสเตอร์ที่เป็นเป้าหมายของเรา ถึงเราะจะไม่ได้กลัวมอนสเตอร์พวกนั้น แต่การต่อสู้กับพวกมันไปพร้อมๆกับมอนสเตอร์ที่อยู่เหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิ เป็นอะไรที่หนักเกินไป ถ้ามีสัตว์เลี้ยงของนายอยู่ด้วย พวกเราก็ไม่ต้องห่วงว่ามอนสเตอร์ตัวอื่นจะเข้ามายุ่งด้วย พวกเราจะเพ่งสมาธิกับเป้าหมายได้เต็มที่”   ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมควีนถึงอยากให้เขาเข้าร่วมทีมใจจะขาด   “คืนนี้นายลองคิดดูให้ดีๆอีกครั้ง ถ้าแน่ใจแล้วพรุ่งนี้นายค่อยไปกับฉัน วันนี้ฉันแค่ผ่านมาที่นี่ ส่วนแผนการล่ามอนสเตอร์ที่เป็นเป้าหมาย ฉันเตรียมไว้แล้ว ถ้านายมากับฉัน ฉันจะพานายไปแนะนำให้คนอื่นในทีมรู้จัก ถ้าพวกเขาไม่มีปัญหาอะไร พวกเราจะให้นายเป็นสมาชิกคนใหม่” ควีนพูด   “เดี๋ยวก่อน คุณไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดหรอ?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว   “เมื่อฉันสร้างทีมขึ้นมา พวกเราก็ตั้งกฎเอาไว้ด้วย การรับสมาชิกใหม่จะใช้ระบบโหวต ถึงฉันจะเป็นหัวหน้าทีม แต่ก็ไม่มีสิทธิฝ่าฝืนกฎ”   “ไม่มีปัญหา” หานเซิ่นพูด   วันรุ่งขึ้น หานเซิ่นจัดการเรื่องการบริหารดูแลเมืองทั้งหมด จากนั้นเขาก็อุ้มจิ้งจอกสีเงิน และตามควีนเดินทางออกไปจากทุ่งน้ำแข็ง   ด้วยการมีจิ้งจอกสีเงินร่วมเดินทางมาด้วย จึงไม่มีมอนสเตอร์เข้ามาก่อกวนพวกเขาขณะเดินทาง ไม่นานพวกเขาก็มาถึงบริเวณใกล้ๆกับมหาสมุทร จากนั้นควีนก็เรียกวิญญาณอสูรที่เหมือนกับวาฬออกมา และใช้มันเดินทางต่อพร้อมกับหานเซิ่น   จิ้งจอกสีเงินมหัศจรรย์มาก ไม่มีมอนสเตอร์แม้แต่ตัวเดียวเข้ามาก่อกวนการเดินทางของพวกเขา ซึ่งทำให้ควีนรู้สึกพอใจมาก ตอนนี้แม้แต่เธอก็มองจิ้งจอกด้วยสายตาที่เอ็นดู   แต่หานเซิ่นกับไม่ค่อยพอใจหนัก เพราะการปฏิบัติของเธอที่มีต่อเขามันต่างจากจิ้งจอกมาก เธอไม่เคยพูดกับเขาแม้แต่คำเดียวในขณะที่เดินทาง เธอมักจะมองหานเซิ่นด้วยแววตาที่เย็นชาตลอด   หานเซิ่นเข้าใจว่าเธอคงจะยังโกรธเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขาจึงหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับเธอ เพราะเขาไม่อยากให้มีความตรึงเครียดระหว่างการเดินทาง   พวกเขาเดินทางในทะเลกว่า 2 วัน ในที่สุดพวกเขาก็เห็นเกาะสีดำแห่งหนึ่งอยู่ไกลออกไป ควีนมุ่งหน้าตรงไปที่เกาะนั้นทันที เห็นได้ชัดว่าที่นั่นคือจุดหมายปลายทาง  

Super God Gene – ตอนที่ 601 สายตาแห่งเทพ
Super God Gene – ตอนที่ 601 สายตาแห่งเทพ

  หลังจากเห็นหานเซิ่นเดินเข้าไปในห้องทดสอบ แอนนี่ก็เฝ้าจับตามองเขาตลอด ตอนนี้แอนนี่มาอยู่ห้องสังเกตการณ์ เพื่อดูว่าหานซิ่นมีความสามารถถึงระดับไหนแล้ว แอนนี่คือคนที่มีสิทธิพิเศษ เธอสามารถใช้ห้องฝึกซ้อมหรือห้องสังเกตการณ์ได้ตามใจชอบ   การทดสอบที่หานเซิ่นเลือกทดสอบนั้นเป็นการทดสอบด้านความแม่นยำและความคล่องแคล่ว ซึ่งหานเซิ่นยังไม่ทดสอบแบบนี้มาก่อน ดังนั้นแอนนี่จึงยังไม่รู้ว่าหานเซิ่นอยู่ในระดับไหน   แต่เมื่อเห็นระดับความยากที่หานเซิ่นเลือก มันก็ช่วยไม่ได้ที่แอนนี่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย   หานเซิ่นเลือกระดับความยากแค่ 100 ซึ่งหมายความว่าคนที่มีระดับมากกว่า 100 ถึงจะผ่านมันได้ แอนนี่รู้ดีว่าระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่นเกิน 100 ไปตั้งนานแล้ว   แม้จะผิดหวังแต่ไหนๆก็มาดูแล้วแอนนี่จึงยังไม่ออกไหน เธอเลือกที่จะดูฟอร์มของเขาก่อน   ที่หานเซิ่นไม่ได้เลือกระดับที่ยากกว่านี้ก็เพราะเขารู้ดีว่าแอนนี่สามารถเฝ้าดูเขาได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่เปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริง   เป้าหมายของหานเซิ่นก็คือการทดสอบขอบเขตของความสามารถใหม่ หลังจากที่ปลดล็อคยีนได้ ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเลือกระดับที่ยากเลย   หานเซิ่นทำลายหุ่นยนต์ทดสอบอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาหุ่นยนตร์ก็รวมตัวกันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่ตอนนี้มันเพิ่มเป็น 2 ตัว   หลังจากที่หานเซิ่นทำลายหุ่นยนต์ทั้ง 2 ตัวไปอีกครั้ง พวกมันก็เพิ่มจำนวนขึ้นอีกเป็น 2 เท่า เมื่อหุ่นยนตร์ทั้ง 4 ปรากฏตัวขึ้นมา หานเซิ่นก็ทำลายพวกมันทันที จากนั้นมันก็เกิดขึ้นมาใหม่อีก 8 ตัว และหานเซิ่นก็ทำลายมันในพริบตา เขาทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ   หลังจากดูไปสักพัก สีหน้าของแอนนี่ก็เริ่มเปลี่ยนไป แม้ระดับที่หานเซิ่นเลือกจะไม่ได้สูง แต่ฟอร์มของเขาไม่ธรรมดาเลย ในตอนแรกเธอก็ไม่ได้สังเกตเห็นมัน หลังจากดูไปสักพัก หน้าของเธอก็ต้องบิดเบี้ยว   หุ่นยนตร์พวกนั้นถูกตั้งโปรแกรมมาให้ยากที่จะถูกทำลายได้ นั่นหมายความว่ายิ่งหานเซิ่นทำลายมันมากเท่าไหร่ จำนวนของมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหานเซิ่นจะต้องใช้การโจมตีที่มากขึ้น   หุ่นยนตร์พวกนี้คือหุ่นยนตร์ต่อสู้ มันมีความเที่ยงตรงสูงมาก ยากที่จะผิดพลาด แม้การโจมตีของพวกมันจะไม่ได้ส่งผลที่รุนแรงกับหานเซิ่น แต่วิธีการที่หานเซิ่นใช้ในการทำลายพวกมัน ทำให้แอนนี่ประหลาดใจ   ในขณะที่หานเซิ่นกำลังหลบหลีกการโจมตีที่เข้ามา เขาไม่แม้แต่จะต้องหันกลับไปมองหุ่นยนตร์ที่อยู่ข้างหลัง เขาสามารถทำลายพวกมันได้อย่างแม่นยำ ราวกับมีตาหลัง ถึงหุ่นยนตร์จะโจมตีเขาจากรอบทิศทาง แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องหันไปมองเลย เขาสามารถหลบพวกมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ   แอนนี่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ตอนนี้หานเซิ่นเหมืองกันมีตาหลัง   แม้ความแข็งแกร่งและความเร็วคือสิ่งที่สามารถพัฒนาได้จากการฝึกซ้อม แต่นี่มันน่าเหลือเชื่อมากสำหรับแอนนี่ เธอไม่รู้ว่าหานเซิ่นไปฝึกมายังไง ความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาถึงได้เพิ่มมาขนาดนี้   จากที่เธอดู เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าหานเซิ่นจะรวดเร็วและแม่นยำได้ขนาดนี้   หานเซิ่นยังไม่พลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาสมบูรณ์แบบ เหมือนกับว่าเขารู้ทุกการเคลื่อนไหวของหุ่นยนตร์ เขารู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งแม้แต่ตัวแอนนี่เองก็ทำแบบหานเซิ่นไม่ได้   ยิ่งเวลาผ่านไป หานเซิ่นก็ทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเขามีสายตาแห่งเทพ เขาสามารถมองเห็นอนาคต เขารู้หมดว่าหุ่นยนตร์จะโจมตีหรือเคลื่อนไหวยังไง   เมื่อใช้โหมดปลดล็อคยีนร่วมกับศาสตร์ตงเสวียน คำบรรยายที่ดีที่สุดของมันก็คือ ‘โหมดพระเจ้า’ ตอนนี้หานเซิ่นสามารถโจมตีหุ่นยนตร์ด้วยความเร็วแสง เขาไม่ต้องคิดไม่ต้องมอง เขาสามารถทำลายมันทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้นมา   แม้จำนวนหุ่นยนตร์ที่มากที่สุดระบบจำกัดไว้แค่ 32 ตัว แต่กระนั้นจำนวนนี้ก็ถือว่ามากแล้ว แต่ก็ไม่มีตัวไหนเลยที่สามารถแตะต้องร่ายกายของหานเซิ่นได้ เขาทำลายพวกมันได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว หมัดของเขาสามารถฉีกร่างของมันได้อย่างง่ายดาย   แอนนี่ขมวดคิ้ว เธอคิดว่าหานเซิ่นดูเปลี่ยนไปจากเดิม แต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน   แอนนี่ต้องการจะรายงานจียัวเจินซะเดี๋ยวนี่เลย แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะบรรยายสิ่งที่เธอเห็นยังไงให้เจ้านายของเธอเข้าใจดี   หลังจากที่จบการทดสอบ หานเซิ่นก็ออกจากห้องทดสอบอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าแอนนี่ยังคงอยู่ในห้องสังเกตการณ์ เธอนั่งดูวิดีโอของหานเซิ่นซ้ำไปซ้ำมา   หานเซิ่นประทับใจกับความสามารถใหม่มาก ถึงเขาจะไม่ได้รับความสามารถที่เกี่ยวกับพลังธาตุ แต่ตอนนี้เขาก็ได้รับความสามารถอย่างอื่นมาแทน ซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก   ที่สำคัญนี่ยังเป็นความสามารถที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ เพราะถ้ามองเผินๆจะไม่มีใครรู้เลยว่าเขาปลดล็อคยีนได้แล้ว ซึ่งนี่เป็นข้อที่ทำให้เขาได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ   หลังจากกลับมาที่เมืองเทพธิดา เขาก็พบว่าจูถิงมารอพบเขาอยู่แล้ว “ลูกพี่ ผมไปเจอมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ ไปช่วยผมฆ่ามันหน่อย!” “แน่นอน” หานเซิ่นตอบตกลงทันที เขายังคงรู้สึกผิดเรื่องที่หลอกให้จูถิงกินเห็ดสีแดงเข้าไป เขาตอบตกลงโดยไม่ได้ยื่นข้อเสนออะไรเป็นการแลกเปลี่ยน   แม้การล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นเป้าหมายของหานเซิ่นตอนนี้ เพราะหลังจากที่เขาปลดล็อคยีนได้แล้ว การล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับเขา เขาสามารถลงไปใต้ทะเลด้วยปราสาทคริสตัล และไปล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิเมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ   หลังจากที่เห็นหานเซิ่นตอบตกลงอย่างรวดเร็ว จูถิงก็บอกหานเซิ่นว่า เขาจะไปล่ามอนสเตอร์ที่ภูเขาปีศาจ หานเซิ่นขมวดคิ้ว “นายเคยไปภูเขาปีศาจมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”   อสูรอัสนีและลูกน้องของเขาเคยบอกเกี่ยวกับมอนสเตอร์ที่อยู่ในภูเขาปีศาจ พวกเขาบอกว่ามันมีความสามารถที่พิเศษ การไปล่าที่นั่นจะอันตรายมาก   “อย่าห่วงเลย ผมแค่ไปสำรวจแถวๆตีนเขาเท่านั้น ผมไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่อันตรายแบบนั้นหรอก” จูถิงอธิบาย   หานเซิ่นหยักหน้า เขาไม่พูดอะไรมาก ถึงไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง แต่เขาก็มั่นใจในความสามารถใหม่มาก ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร เขาก็มั่นใจว่าสามารถหลีกเลี่ยงอันตายได้ แม้จะเจอมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดก็ตาม   ไม่ใช่ว่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดทุกตัวจะนิสัยดุร้ายป่าเถื่อน ไล่ฆ่ามนุษย์ทุกคนที่มันเห็นจนหมด บางตัวจะเลือกไปตามทางของพวกมันมากกว่า ถ้ามีโอกาสเจอมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด หานเซิ่นก็จะลองไปสังเกตการณ์มันดูหน่อย   ภูเขาลูกนี้ไม่ได้ปกคลุมด้วยหิมะเหมือนกับในเขตทุ่งน้ำแข็ง ภูเขาลูกนี้ปกคลุมด้วยป่าอันเขียวขจี   “ลูกพี่ นั่นไงมันอยู่ตรงนั้น!” เหมือนจูถิงจะไม่ได้โกหก ขณะที่พวกเขาเริ่มปีนขึ้นภูเขาปีศาจ จูถิงก็ชี้ไปที่เนินเขาแปลกๆ   เนินเขาที่จูถิงชี้นั้นเป็นเขตแดนของภูเขาปีศาจ หานเซิ่นตามจูถิงไป ไม่นานนักพวกเขาก็มาได้ครึ่งทางแล้ว ที่จุดนี้พวกเขามองเห็นมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนกับตะกวดกำลังกินเถาวัลย์ที่อยู่แถวหน้าผา   หานเซิ่นสังเกตดูมอนสเตอร์ตัวนั้น ขนาดของมันถือว่าพอเหมาะจริงๆ มันมีความยาวแค่ 1 เมตร ผิวหนังของมันมีสีฟ้า   “แม้เนินเขาตรงที่มันอยู่จะไม่ได้สูงมาก แต่มันก็ยังยากที่พวกเราจะสู้กับมันตรงแถวหน้าผา” หานเซิ่นพูดหลังจากเฝ้าดูมันอยู่สักพัก   “ถ้ามันเป็นเรื่องง่าย ผมคงไม่ขอให้ลูกพี่มาช่วยหรอก คุณพอจะมีวิธีอะไรดีๆบ้างไหม?” จูถิงพูด   “ฉันจัดการเอง นายรออยู่ตรงนี้แหละ” หลังจากที่พูดจบ หานเซิ่นก็เรียกวิญญาณอสูรชุดเกราะเกล็ดโลหิตออกมา จากนั้นเขาก็วิ่งตรงไปหามอนสเตอร์ตัวนั้นทันที  

Super God Gene – ตอนที่ 600 ความสามารถด้านประสาทสัมผัส
Super God Gene – ตอนที่ 600 ความสามารถด้านประสาทสัมผัส

  หานเซิ่นไม่ได้รับพลังใหม่เป็นพลังน้ำแข็งอย่างที่เขาคาดเอาไว้ หลังจากที่เขาปลดล็อคยีนได้แล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดที่เขาได้รับมา   สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสัมผัสที่ 7 ของเขาพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาเป็นหนึ่งในมนุษย์ที่มีสัมผัสที่ 7 เหนือชั้นที่สุด มันทำให้เขาอยากที่จะลองพลังใหม่   ตอนนี้เขาอธิบายไม่ถูกว่าเขารู้สึกยังไง แต่โลกที่เขามองเห็นมันแตกต่างไปจากเดิม เขามองเห็นอะไรหลายอย่างที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน   หานเซิ่นรู้สึกว่าความแข็งแกร่งไม่ได้เพิ่มขึ้นมากอย่างที่เขาคิดเอาไว้ ถึงเขาจะปลดล็อคยีนขั้นแรกได้อย่างสมบูรณ์แล้วก็ตาม เขารู้สึกเหมือนกับว่ายังไม่ได้ปลดล็อค เขาคิดว่าหลังจากที่ปลดล็อคยีนได้แล้วพลังที่ได้ไม่ควรจะมีแค่นี้   หานเซิ่นเดินออกไปนอกห้องฝึกซ้อมด้วยสภาวะที่ยีนของเขายังเปิดอยู่ เขารู้สึกแปลกๆ ขณะที่เขาเดิน กำแพงรอบๆตัวเขาก็เหมือนกำลังสลายตัวไป เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างที่เหนือกว่าสายตาปรกติของมนุษย์จะเห็นได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกเหมือนร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็ง   เสียง อุณหภูมิ แสง มันมีกฎที่ตายตัวของมัน เขาเห็นและรับรู้พวกมันได้เป็นอย่างดี ถึงเขาจะหลับตา แต่เขาก็ยังมองเห็นทุกอย่างข้างหน้า   “นี่มันมหัศจรรย์เกินไปแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อมากๆ!” หานเซิ่นต้องการมีความสุข แต่เขารู้สึกแปลกๆ เขาไม่สามารถรู้สึกอะไรได้ในตอนนี้ ราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดไว้อยู่แล้ว ไม่อะไรต้องประหลาดใจหรือมีความสุข   ขณะที่หานเซิ่นเดินต่อไป อยู่ๆเขาก็สังเกตเห็นผู้หญิงกำลังถอดเสื้ออยู่ เธอคือแอนนี่ เธอมีขาที่เรียวยาว ขาของเธอขาวเหมือนกับหิมะ หน้าอกขนาดใหญ่ของเธอ หานเซิ่นสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน   แต่เมื่อหานเซิ่นลองเพ่งสมาธิมองดูมัน เขาก็สังเกตเห็นว่าตอนนี้แอนนี่กำลังอยู่ภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งปรกติห้องนี้จะมีกำแพงที่หนามาก แต่ภาพที่เขามองเห็นกับชัดเจน   แต่ถึงจะมองเห็นแอนนี่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่เขากับไม่มีอารมณ์อะไรเลย ถึงรูปร่างของแอนนี่จะน่าดึงดูดมาก ถ้าเป็นหานเซิ่นในยามปรกติ เขาคงจะน้ำลายหกหรือเลือดกำดาวไหลไปแล้ว แต่ตอนนี้เขากับเดินต่อไปโดยไม่สนใจ   เมื่อหานเซิ่นเดินไปเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขารู้ว่าระดับความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ยังรับสภาวะปลดล็อคยีนนานๆไม่ไหว เขาจึงออกจากโหมดปลดล็อคยีนก่อน   ตอนนี้ร่างกายและอารมณ์ของหานเซิ่นกลับมาเป็นเหมือนกับปรกติ เขาสูญเสียความรู้สึกที่มหัศจรรย์ก่อนหน้านี้ไป ระดับความแข็งแกร่งของเขากลับมาอยู่ในระดับปรกติ สัมผัสที่ 7 ของเขาก็อ่อนลง   “ถึงมันจะไม่ได้เป็นความสามารถที่คล้ายกับธาตุหรือพลังรูปแบบอื่นๆ แต่เราก็ชอบมัน ไม่เลวเหมือนกัน” ในที่สุดหานเซิ่นก็ยิ้มออก เขาค่อนข้างพอใจกับพลังที่ได้จากการปลดล็อคยีน   หลังจากที่ออกจากสภาวะปลดล็อคยีน อารมณ์ของเขาก็กลับมาปกติ เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นปีศาจไร้หัวใจเหมือนกับคนตระกูลเสวีย ตอนนี้เขากลับมาเป็นตัวเขาในแบบปรกติอย่างที่ควรจะเป็น   ‘สงสัยจริงๆว่าเราจะได้รับพลังแบบไหนมา ตอนที่ปลดล็อคยีนด้วยศาสตร์ตงเสวียน? มันคงจะดียิ่งกว่ากายหยกแน่’ หานเซิ่นคาดการณ์   ‘ตอนนี้เราก็อยากรู้ด้วยความสามารถของเราอยู่ในระดับไหน ถ้าเทียบกับคนอื่นๆที่ปลดล็อคยีนได้เหมือนกัน?’ เขารู้ว่ากายหยกช่วยให้ประสาทสัมผัสของเขาเฉียบคมมาก แต่มันก็ไม่ได้มีความสามารถหรือพลังที่เหนือชั้นเหมือนกับคนอื่นๆ เขาเลยไม่แน่ใจว่าถ้าต่อสู้กันจริงๆ เขาจะสู้กับคนที่มีพลังธาตุได้รึเปล่า   หลังจากกลับมาที่ห้องแล้ว หานเซิ่นก็โทรหาหวงฟูผิงิชิง ไม่นานเธอก็รับสาย ภาพของเธอปรากฏขึ้นมา หานเซิ่นรู้สึกว่าเลือดของเขาเกือบจะไหลออกจากจมูก   ตอนนี้หวงฟูผิงชิงสวมเสื้อบางๆอยู่ตัวหนึ่ง เขาสามารถมองทะลุลงไปเห็นผิวหนังของเธอได้ ถึงจะมองเห็นได้ไม่ค่อยชัดนักก็ตาม แต่เขาก็ยังมองเห็นสัดส่วนที่น่าดึงดูดของเธอ   “น้องหาน ทำอยู่ๆถึงได้โทรมาหาฉันล่ะ? มันจะต้องมีเหตุผลที่นายโทรมาแน่ หรือว่านายแค่อยากจะเห็นหน้าฉันเท่านั้น” หวงฟูผิงชิงพยายามโน้มตัวมาข้างหน้า ภาพหน้าอกของเธอบังจนเต็มจอ ตอนนี้หานเซิ่นมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหน้าอก   “พี่สาว ควีนบอกผมว่าให้ติดต่อคุณ ถ้าผมอยากจะพบเธอ” ในขณะที่ปากของหานเซิ่นขยับ แต่สายตาของเขาก็จ้องมองหน้าอกของเธอตาไม่กระพริบ   เมื่อเห็นสายตาที่ไร้ยางอายของหานเซิ่น หวงฟูผิงชิงก็เบิกตากว้างและจ้องหานเซิ่น จากนั้นเธอก็คว้าเสื้อนอกมาใส่ “ทำไมควีนถึงได้บอกให้ติดต่อฉัน หล่อนต้องการพบนายงั้นหรอ?”   “พี่สาวโปรดบอกเธอว่า หลังจากที่ผมคิดดูดีๆแล้ว ผมตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมทีมกับเธอ” หานเซิ่นพูด   ตอนนี้เขาปลดล็อคยีนสำเร็จแล้ว บวกกับระดับความแข็งแกร่งของเขาที่พอๆระดับหัวแถวของผู้วิวัฒนาการ หานเซิ่นไม่คิดว่าตัวเองจะด้อยกว่าคนอื่นๆในทีมควีน เขาอยากจะรู้แล้วว่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดแบบไหนที่ควีนวางแผนที่จะไปล่า   หานเซิ่นรู้ดีว่าการล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดยากแค่ไหน ถึงพวกเขาจะร่วมมือกันล่าก็ตาม แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ   เขาอยากจะรู้ถึงพลังของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดว่ามีมากแค่ไหน การติดตามควีนไปล่าจะทำให้เขาสังเกตความสามารถของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดไปได้ด้วย ตอนนี้เขาได้เห็นแค่พลังของจิ้งจอกเท่านั้น เขาอยากจะเห็นว่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวเต็มวัยจะมีพลังสักแค่ไหน   “หล่อนชวนนายขึ้นร่วมทีมงั้นหรอ?” หวงฟูผิงชิงมองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ   “อ่าว คุณไม่รู้เรื่องนี้เลยหรอ?” หานเซิ่นเองก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน   ควีนบอกว่าถ้าเขาตัดสินใจได้แล้วก็ให้ติดต่อหวงฟูผิงชิง ดังนั้นหวงฟูผิงชิงก็น่าจะรู้อะไรบ้างไม่มากก็น้อย หานเซิ่นประหลาดใจมากที่เธอเหมือนจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย   “คนอย่างหล่อนน่ะเหรอจะมาบอกอะไรฉัน หล่อนแทบจะไม่ได้พูดกับฉันเลยด้วยซ้ำ” หวงฟูผิงชิงพูด หลังจากหยุดไปชั่วครู่เธอก็พูดต่อ “แต่หล่อนเป็นผู้หญิงภูมิใจในตัวเองและหยิ่งซะขนาดนั้น ทำไมหล่อนถึงได้ให้ค่าคนอย่างนาย จนถึงขั้นไปชวนร่วมทีมได้ล่ะ? ฉันจำได้ว่ามีคนที่ปลดล็อคยีนได้หลายคนมาขอร่วมทีมกับหล่อน แต่ก็ถูกปฏิเสธ แล้วทำไมหล่อนถึงได้ไปชวนคนที่ไม่ได้ปลดล็อคยีนอย่างนายเข้าร่วมทีม? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ นายคงจะมีอะไรน่าดึงดูด”   “ผมก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ผมยังไม่ได้เป็นประธานสหพันธ์เลย ยังมีเส้นทางอีกยาวไกลที่ผมต้องเดินไป กว่าผมจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุด” หานเซิ่นพูด   หวงฟูผิงชิงเหมือนจะชินกับคำพูดทำนองนี้ของหานเซิ่นแล้ว “ฉันจะบอกให้หล่อนรู้เอง แต่หล่อนจะตอบกลับรึเปล่า มันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของหล่อน”   “ขอบคุณมาก ไว้ตอนที่ผมออกจากกองทัพแล้ว ถ้ามีโอกาสผมจะเลี้ยงข้าวคุณสักครั้ง” หานเซิ่นยิ้ม   “ฉันจะรอวันนั้น” หวงฟูผิงชิงยิ้มกลับไป   หลังจากที่คุยเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็ไปที่ห้องทดสอบ เขาต้องการจะเห็นว่าพลังของเขาตอนนี้มันอยู่ระดับไหนแล้ว หลังจากที่เขาปลดล็อคยีนได้   เพื่อที่เขาจะได้ทำการทดสอบได้แบบจริงจัง หานเซิ่นเดินไปที่ห้องทดสอบพิเศษ ซึ่งคนธรรมดาๆจะไม่สามารถเข้ามาสังเกตการณ์ได้   หลังจากที่เขาเลือกระดับความแข็งแกร่งของการทดสอบแล้ว เขาก็เข้าไปในห้องทดสอบ ภายในห้องทดสอบมีหุ่นยนตร์รูปร่างคล้ายมนุษย์ปรากฏตัวต่อหน้าเขา   หุ่นยนตร์นี้ถูกออกแบบมาสำหรับทดสอบการต่อสู้โดยเฉพาะ จริงๆแล้วมันเกิดจากหุ่นตัวเล็กๆหลายตัวมาประกอบกัน เมื่อมันได้รับความเสียหายระดับหนึ่ง มันก็จะถูกทำลายไป แต่ไม่นานมันก็จะรวมตัวกันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง  

Super God Gene – ตอนที่ 599 การปลดล็อคยีน
Super God Gene – ตอนที่ 599 การปลดล็อคยีน

  ที่อีกฝากหนึ่งของเมืองเทพธิดามีภูเขาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งเลยภูเขาลูกนี้ไปจะเป็นดินแดนที่ไม่ค่อนมีหิมะมาก และมีเมืองราชวงศ์อีกเมืองที่ถูกครอบครองโดยมนุษย์ตั้งอยู่   ส่วนภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆเมืองถูกเรียกว่า ‘ภูเขาปีศาจ’ ซึ่งเต็มไปด้วยมอนสเตอร์จำนวนมาก ภูเขาลูกนี้ทั้งชันและขรุขระ ทำให้มนุษย์ต่อสู้ที่นี่ได้อย่างยากลำบาก มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกไปล่าที่นั่น แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าไปล่าในภูเขาลึก   ในตอนที่อสูรอัสนีเดินทางผ่านภูเขาลูกนี้มา เขาก็ยังเลือกที่จะเดินทางหลีกเลียงพื้นที่ที่เป็นอันตราย   ตามที่ชีซิวเหวินบอก ผู้ครองเมืองสปิริตใกล้ๆภูเขาปีศาจชื่อว่า หลูฮุย เขาคือหัวหน้ากองกำลังสำรองของหน่วยพิเศษบลูบลัด เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก ถึงพวกเขาจะปลดล็อคยีนได้เหมือนกัน แต่เขาก็มีพลังเหนือชั้นกว่าอสูรอัสนีมาก   ตอนนี้หานเซิ่นยังไม่มีคนใต้บังคับบัญชามากตามที่เขาต้องการ เขาต้องพยายามอย่างมากที่จะดูแลรักษาและบริหารจัดการเมืองเทพธิดา ตอนนี้เขายังขาดแคลนกำลังคนอีกมาก   ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากที่สุดในทุ่งน้ำแข็งแล้ว ด้านหลังของเมืองเทพธิดา(เมืองราชวงศ์)มีภูเขาปีศาจขวางกั้นเอาไว้ ทำให้ยากที่จะบุกมาทางนี่ ตอนนี้เขาแทบจะเรียกได้ว่าเป็นราชาของทุ่งน้ำแข็ง ถ้าเขาสามารถรักษาอิทธิบริเวณทุ่งน้ำแข็งได้ เขาก็จะได้เงินมหาศาล   หานเซิ่น : ร่างกายขั้นสุดยอด คิงสปิริต สถานะ: ผู้วิวัฒนาการ อายุขัย : 300 จีพ้อยที่ได้รับ : 100 จีโนพ้อยสามัญ 100 จีโนพ้อยโบราณ 100 จีโนพ้อยกลายพันธ์ 39 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ (ต้องการ 100 จีโนพ้อยเพื่อวิวัฒนาการ)   หานเซิ่นได้ผลประโยชน์มหาศาลจากการยึดเมืองราชวงศ์ และตอนนี้จีโนพ้อยกลายพันธ์ของเขาก็เต็มแล้ว ส่วนจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิของเขาก็เพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มี 39 จีโนพ้อยแล้ว   ตอนนี้ระดับความแข็งแกร่งของเขาน่าจะอยู่แถว 150 แต่เขาก็ยังไม่เคยไปทดสอบดูเพื่อยืนยันตัวเลข นี่เป็นแค่การประเมินคร่าวๆ   ตัวเลขนี้ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของผู้วิวัฒนาการแล้ว ถ้าหานเซิ่นวิวัฒนาการกลายเป็นผู้เป็นเลิศ เขาก็จะสามารถไปถึงระดับความแข็งแกร่ง 300 และเป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิได้   แต่จีเหยียนหรันบอกเขาไว้ว่าก่อนที่จะกลายเป็นผู้เป็นเลิศ เขาต้องทำให้ระดับความแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ไม่จำเป็นต้องรีบวิวัฒนาการ   ตอนนี้เป็นหมายอันดับแรกของหานเซิ่นก็คือการปลดล็อคยีนให้ได้ ถ้าเขาทำไม่ได้ ไม่ว่าระดับความแข็งแกร่งของเขาจะสูงขนาดไหน เขาก็จะไม่สามารถต่อกรกับผู้ที่ปลดล็อคยีนแล้วได้   “เรายังไม่สามารถสำเร็จขั้นแรกของศาสตร์ตงเสวียนได้ แม้จะทุ่มเทเวลาให้กับมันมากแล้วก็ตาม บางทีเราอาจจะต้องหันกลับไปหากายหยกก่อน หวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรระหว่างฝึก” หานเซิ่นตัดสินใจกลับไปฝึกกายหยกอีกครั้ง   ในตอนที่เขาสำเร็จขั้นแรกของกายหยก เขาคิดว่าตัวเขาอีกปลดล็อคยีนได้แล้ว แต่ผลปรากฏว่ามันไม่เป็นความจริง เมื่อเห็นพลังของเสวียอี้ขวง ซึ่งเหนือชั้นกว่าเขามาก   หานเซิ่นก็รู้ว่าวิชากายหยกมีปัญหาอะไรบางอย่าง ตั้งแต่ตอนที่เขาดูดซับพลังน้ำแข็งของเสวียอี้ขวง กายหยกของเขาก็มีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ถึงเขาจะมั่นใจมากว่าถ้าฝึกต่อไปอีกนิดก็จะปลดล็อคยีนได้แน่ๆ แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะฝึกมันต่อ   สิ่งที่หานเซิ่นกำลังกังวลอยู่ก็คือผลข้างเคียงของการฝึกกายหยก เขากลัวว่าจะต้องมีจิตใจที่โหดร้ายป่าเถื่อนเหมือนกับคนตระกูลเสวีย   แต่ถ้าเขาต้องการจะสู้กับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด เขาจำเป็นจะต้องปลดล็อคยีนเท่านั้น ตอนนี้เขามีศาสตร์ตงเสวียน หานเซิ่นไม่กลัวที่จะฝึกกายหยก หลังจากกลับมาที่สหพันธ์ดวงดาว หานเซิ่นก็เข้าไปในห้องฝึกซ้อมและเริ่มฝึกทันที   เมื่อเขาใช้วิชากายหยก ไอเย็นก็ถูกปล่อยออกมาจากเซลล์ในร่างกายของเขา พลังไอเย็นกำลังไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขา หานเซิ่นรู้สึกว่าร่างกายของเขาบริสุทธิ์ขึ้น   ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกว่าประสาทสัมผัสทั้ง 6 ของเขาเฉียบคมขึ้น ราวกับว่าเขาสามารถรับรู้หรือมองเห็นโลกได้ต่างไปจากเดิม   อารมณ์ของหานเซิ่นที่เคยถูกครอบงำโดยความโลภ ความอิจฉา กิเลส ตัณหา แต่ภายใต้ผลของการหยก อารมณ์ของเขาก็แตกต่างไปจากเดิม อารมณ์ที่เคยส่งผลด้านลบต่อจิตใจของเขาได้หายไป ตอนนี้จิตใจของเขาเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ แต่มันกับทำให้หานเซิ่นรู้สึกกระตือรือร้น กระปรี้กระเปร่าอย่างบอกไม่ถูก   การมองเห็น การได้กลิ่น การลิ้มรสและการได้ยินของเขามีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย แต่แค่นั้นยังเทียบไม่ได้กับการเพิ่มขึ้นของสัมผัสที่ 6 ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นต้องประหลาดใจ   ตอนนี้หานเซิ่นได้ยินเสียงจากห้องฝึกซ้อมที่อยู่ข้างๆ ซึ่งปรกติเขาไม่เคยได้ยินมันมาก่อน   แม้เขาจะไม่ได้รู้สึกหนาว แต่ร่างกายของเขามีอุณหภูมิที่ต่ำมาก แต่ที่เย็นมากกว่าร่างกายก็คือจิตใจของเขา อารมณ์ความรู้สึกของเขาได้จางหายไปแล้ว ตอนนี้เขาแทบจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์   เซลล์ในร่างกายของเขากำลังดิ้นร่น พวกมันกำลังส่งเสียงร้องครวญครางออกมา ราวกับพวกมันถูกล่ามโซ่ไว้ หานเซิ่นไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ร่างกายของเขาเหมือนกับถูกจำกัดอิสรภาพ ร่างกายของเขาเริ่มตื่นตระหนก และต้องการจะทำลายโซ่ที่พันธนาการตัวเขาอยู่   หานเซิ่นรู้สึกว่าตอนนี้ใกล้ปลดล็อคยีนขั้นแรกได้แล้ว ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาการหยกของเขาแตกต่างไปจากเดิม ไม่ว่าในอดีตเขาจะฝึกมันหนักแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน   หานเซิ่นเชื่อว่าถ้าเขายังฝึกต่อไป เขาจะปลดล็อคยีนขั้นแรกได้ แต่ถ้าเขาไปไกลกว่านี้ อารมณ์ของเขาอาจจะหายไป เขากลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นเหมือนกับหุ่นยนตร์ที่ไร้อารมณ์   เขากลัวว่าถ้าปลดล็อคยีนได้แล้ว เขาจะสูญเสียความเป็นตัวเองไป เขาอาจจะไม่รู้สึกว่าเป็นมนุษย์อีกแล้ว เขาอาจจะแย่ยิ่งกว่าคนตระกูลเสวีย   อย่างน้อยๆคนตระกูลเสวียก็ยังมีอารมณ์ความรู้สึกหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ตอนนี้หานเซิ่นไม่รู้สึกอะไรเลย เขาไม่มีความสุข ไม่โกรธ ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ถ้าเขายังใช้กายหยกปลดล็อคยีน มีความเป็นไปได้ที่เขาจะไม่มีอารมณ์อีกต่อไป   ‘ครั้งสุดท้ายที่เราลองฝึกกายหยก ศาสตร์ตงเสวียนได้ปลุกให้เราตื่นขึ้นมา แต่ตอนนี้ศาสตร์ตงเสวียนไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร หมายถึงว่าครั้งนี้ไม่ได้มีอันตรายงั้นหรอ? บางทีเราควรจะฝึกมันต่อไป ครั้งนี้เราต้องฝึกจนกว่าจะปลดล็อคยีนได้จริงๆ’ ภายใต้สภาวะที่มีสัมผัสเหนือมนุษย์ หานเซิ่นเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการปลดล็อคยีนแล้ว   ตอนนี้เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเขาเริ่มอาละวาด ร่างกายของเขาร้อนเหมือนกับถูกไฟเผา เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเหมือนกับมีพลังที่มองไม่เห็นบีบอัดร่างกายของเขาอยู่ หานเซิ่นกัดฟัน ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังสั่นอย่างหนัก   แม้เซลล์ในร่างกายของเขากำลังอาละวาดอย่างหนัก แต่จิตของเขากลับสงบเยือกเย็นมาก เขานั่งอยู่กับที่โดยไม่ขยับเลยสักนิด   สัมผัสที่ 6 ของเขาเฉียบคมขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันในจิตของเขาก็มีภาพแปลกๆปรากฏขึ้นมา หานเซิ่นรู้สึกว่าเขามองเห็นคนที่อยู่ห้องข้างๆ   หานเซิ่นรู้ว่านี่ไม่ใช่เพราะสายตาของเขาพัฒนาจนถึงขั้นมองทะลุทะลวงได้ แต่มันเป็นเพราะสัมผัสที่ 7 ของเขากำลังพัฒนาขึ้น หลังจากได้ยินเสียง ภาพก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของหานเซิ่นโดยอัตโนมัติ เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆภายในห้องข้างๆ   นี่เป็นธรรมชาติของสัมผัสที่ 7 มันทำให้ผู้คนสามารถวิเคราะห์และหยั่งรู้เกี่ยวกับกาลเวลาและอวกาศได้ สัมผัสที่ 7 ของเขาแข็งแกร่งเหนือกว่ามนุษย์ปรกติ ตอนนี้มันกำลังพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด มันเฉียบคมเหมือนกับใบมีด   จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างแตกหัก จากนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายได้รับแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งร่าง เขารู้สึกได้ว่ามีอะไรภายในร่างกายถูกทำลายไป ซึ่งมันก็คือโซ่ตรวนที่พันธนาการร่างกายของเขาเอาไว้ ตอนนี้เขาเป็นอิสระแล้ว เขารู้สึกราวกับว่าสามารถบินบนฟ้าได้  

Super God Gene – ตอนที่ 598 คำเชิญ
Super God Gene – ตอนที่ 598 คำเชิญ

  หานเซิ่นไม่สามารถละสายตาจากเจ้าหญิงหยินและเจ้าหญิงหยางได้ เจ้าหญิงเงือกมีความสามารถพิเศษในการควบคุมปราสาทคริสตัล ดังนั้นเขาจึงหวังว่าพวกเธออาจจะมีความสามารถพิเศษอะไรซ่อนอยู่อีก   เจ้าหญิงหยินและเจ้าหญิงหยางหันมามองหน้ากัน จากนั้นพวกเธอก็ชูกระบี่ขึ้นพร้อมๆกัน ตัวของพวกเธอห่อหุ้มด้วยแสงสีเงินและแสงสีทอง ในชั่วพริบตาพวกเธอก็รวมร่างกัน กลายเป็นสปิริตตนใหม่ที่สวมชุดเกราะสีเงินสลับทอง ม่านตาของเธอกลายเป็นสีทองข้างหนึ่ง สีเงินข้างหนึ่ง และในมือของเธอก็ถือดาบสีเงินข้างหนึ่ง ดาบสีทองข้างหนึ่ง   “หืมม พวกเธอรวมร่างกันได้ด้วยหรอ?” หานเซิ่นมองสปิริตสาวตนใหม่ที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเธอถึงไม่เคยใช้ความสามารถนี้ตอนที่สู้กับเขา   จากนั้นหานเซิ่นก็เห็นสปิริตสาวเดินตรงไปที่รอยแยกบนพื้นดิน ซึ่งเป็นจุดที่แมลงสีเงินออกมามากที่สุด จากนั้นเธอก็ใช้กระบี่สีเงินแทงลงไปที่รอยแยก   หลังจากนั้นเธอก็ใช้กระบี่สีทองที่อยู่อีกมือหมุนวนในอากาศ ไม่นานหานเซิ่นก็รู้สึกว่าพื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน เหมือนกับเกิดแผ่นดินไหว จากนั้นก็มีเสียงร้องแหลมๆดังออกมาจากรอยแยก   ตูม! สปิริตสาวยังคงกวัดแกว่งกระบี่สีทองในมือต่อไป ขณะที่กระบี่เงินสีได้พุ่งลงไปใต้ดินแล้ว ตอนนี้กระบี่สีเงินที่อยู่ใต้ดินขยับตามกระบี่สีทองในมือของเธอราวกับมีเวทย์มนตร์ ไม่นานนักมันก็กลับมาที่มือของเธออีกครั้ง   “นายท่าน ราชินีแมลงสีเงินถูกฆ่าแล้ว” สปิริตสาวรายงานหานเซิ่น   หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องฟังรายงาน เพราะเขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนในหัวอยู่แล้ว   “เจ้าหญิงหยินและเจ้าหญิงหยางฆ่าราชินีแมลงสีเงิน ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ”   แมลงสีเงินยังคงอยู่รอบๆ แต่พวกมันก็เหมือนกับดอกไม้ที่ร่วงโรย พวกมันกองกันอยู่บนพื้นในสภาพที่ไร้ชีวิต ไม่นานพวกมันก็สลายหายไป   “ท่านี้มันดูขี้โกงยังไงก็ไม่รู้” หานเซิ่นเบิกตากว้าง และมองไปที่สปิริตสาวด้วยความชื่นชม   “นายท่านนี่คือเพลงกระบี่หยินหยาง ไม่ใช่ท่าขี้โกง” ดูเหมือนสปิริตจะไม่ได้มีอารมณ์ขันเหมือนกับเขา   “แล้วตอนที่พวกเราสู้กัน ทำไมพวกเธอถึงไม่ใช่ท่านี้ล่ะ?” หานเซิ่นรู้สึกสงสัยมาก   “นี่เป็นการผสานหยินและหยาง ซึ่งมันไม่ได้เพิ่มพลังให้กับพวกเรา การรวมร่างช่วยให้เราใช้ท่านี้ได้เท่านั้น” เจ้าหญิงหยินหยางอธิบาย   “อืมม ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเธอแยกกันน่าจะดีกว่า” เนื่องจากรวมร่างไม่ได้เพิ่มพลัง งั้น 2 ย่อมดีกว่า 1 หานเซิ่นจึงแนะนำให้เจ้าหญิงหยินและหยางแยกกันเหมือนเดิม   จากนั้นหานเซิ่นก็เตรียมจะเดินกลับเข้าเมือง แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในเมืองก็มีเงาของคนปรากฏออกมา เมื่อเงานั้นเข้ามาใกล้ๆ หานเซิ่นก็เห็นว่าคนนั้นก็คือควีน   ควีนจ้องมองจิ้งจอกสีเงินที่อยู่ในแขนของหานเซิ่น เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าหานเซิ่น   “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว เมื่อเห็นควีนปรากฏตัว หานเซิ่นก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น ถ้าควีนมาเพื่อเอาจิ้งจอกตัวนี้ไป เขาก็ไม่รู้ว่าจะขัดขวางเธอได้รึเปล่า   แม้จิ้งจอกจะแข็งแกร่งมาก แต่มันยังเป็นแค่ลูกหมาตัวเล็กเท่านั้น มันยังห่างชั้นกับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวเต็มวัย ถ้าต้องมาเจอกับผู้วิวัฒนาการระดับแนวหน้า และปลดล็อคยีนได้แล้วแบบควีน หานเซิ่นก็ไม่มั่นใจนัก   จิ้งจอกจ้องมองควีนกลับไปเช่นกัน สายตาของมันเหมือนกับตอนที่จ้องมองเสวียอี้ขวง   ควีนหันกลับไปมองที่หานเซิ่น “สัตว์เลี้ยงของนายดูค่อนข้างพิเศษ มันอยู่ระดับไหน?”   “เลือดศักดิ์สิทธิ” หานเซิ่นตอบควีนทันทีโดยไม่มีความลังเล   แม้หานเซิ่นจะรู้ว่าควีนกำลังต้องการล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดก็ตาม แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเธอเคยทำสำเร็จไปแล้วรึยัง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะพูดอะไรมาก   ควีนยังคงจ้องมองหานเซิ่นต่อไป แต่เธอไม่พูดอะไร เธอหันกลับไปมองจิ้งจอกสีเงินอีกครั้ง “นายน่าจะรู้ว่ายังมีมอนสเตอร์อยู่อีก 1 ระดับ ซึ่งเหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิ ฉันจัดตั้งทีมของคนที่ปลดล็อคยีนได้แล้วขึ้นมา จุดประสงค์ของพวกเราก็คือการล่ามอนสเตอร์พวกนั้น นายสนใจไหมล่ะ?”   “ผมยังไม่ได้ปลดล็อคยีนขั้นแรก ผมคิดว่าคุณสมบัติของผมคงยังไม่พอ” หานเซิ่นพูด   “ถ้ามีสัตว์เลี้ยงตัวนี้อยู่ข้างๆ ฉันจะเป็นคนรับประกันคุณสมบัติให้นายเอง” ควีนชี้ที่จิ้งจอกสีเงิน   “ไม่เป็นไร ผมคิดว่าผมยังไม่ความสามารถพอที่จะไปร่วมกับคุณ ผมจะพึ่งแค่สัตว์เลี้ยงเพียงอย่างเดียวในการเอาชีวิตรอดไม่ได้ แล้วการมีอยู่ของมอนสเตอร์ที่คุณว่ามามันก็ยังคลุมเครือ คุณเคยฆ่ามันได้แล้วรึยัง?” หานเซิ่นถาม   ควีนไม่ตอบคำถามของหานเซิ่น เธอพูด “พวกเรายินดีตอนรับนายเสมอ ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็ติดต่อหวงฟูผิงชิง” จากนั้นเธอก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว   ในใจของควีน เธอคิดว่าจิ้งจอกสีเงินคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด แต่เธอก็ยังไม่เคยฆ่ามันมาก่อน ดังนั้นเธอเลยไม่รู้ว่ามันจะมีอยู่จริงรึเปล่า   หลังจากที่เข้ามาในก็อตแซงชัวรี่ได้เป็นร้อยปี มนุษย์ก็ค่อยๆพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นคนที่สามารถปลดล็อคยีนได้ตอนที่อยู่ในก็อตเเซงชัวรี่เขต 2 ก็หาได้ยากมาก   ควีนใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการรวบรวมคน แต่ถึงเธอจะพยายามถึงที่สุดแล้ว เธอก็รวมทีมมาได้แค่ 7 คน ซึ่งแต่ละคนก็อยู่กระจัดกระจายกันไป การเชิญพวกเขามาได้ก็ถือว่าควีนทำได้ไม่เลวแล้ว   แม้จะมีทีมที่แข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ก็ยังไม่พอที่จะล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ มอนสเตอร์ที่พวกเขาไปล่ามีความแข็งแกร่งสูงกว่าพวกเขามาก   ตามที่พวกเขาประมาน สำหรับมนุษย์การที่จะปลดล็อคยีนได้ทั้งหมดนั้น พวกเขาจะต้องมีระดับความแข็งแกร่งถึง 300 ซึ่งเป็นระดับของสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ เมื่อไปถึงระดับนั้นได้ ยีนของพวกเขาจะถูกปลดล็อค ทำให้พวกเขาสามารถที่จะสู้กับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้   แต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปให้ถึงระดับนั้นในก็อตเเซงชัวรี่เขต 2 เพราะฉะนั้นการจะฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดให้ได้ มนุษย์จะต้องหวังพึงจำนวน พวกเขาต้องร่วมมือกันถึงจะมีโอกาส   ตอนนี้ควีนกำลังสงสัยเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของหานเซิ่นมาก ถ้าหานเซิ่นไม่มีความสามารถที่จะต่อสู้กับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้แล้ว เขาไปได้วิญญาณอสูรสัตว์เลี้ยงขั้นสุดยอดมาได้ยังไง?   แม้หานเซิ่นจะบอกว่าเขาสามารถเอาชนะมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ ควีนก็คงจะไม่เชื่อเขา   ถึงหานเซิ่นจะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่ได้ปลดล็อคยีน เขาไม่สามารถต่อสู้กับคนที่ปลดล็อคยีนได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาไม่มีทางสู้กับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้แน่   ควีนเดาว่าสัตว์เลี้ยงของหานเซิ่นอาจจะเป็นวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์ก ถึงโอกาสมันจะน้อยนิด แต่มันก็อาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความสามารถพิเศษ   แต่ถ้ามันไม่ใช่วิญญาณอสูร นั่นก็หมายความว่ามันคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด   แต่ใครจะไปเชื่อสิ่งที่เธอคิด เพราะยังไม่เคยมีใครทำให้มอนสเตอร์เชื่องได้มาก่อน   เหตุผลที่ควีนชวนหานเซิ่นไปร่วมทีม ก็เพราะเธอได้เห็นความแข็งแกร่งของหานเซิ่นและจิ้งจอกสีเงิน เธอเคยสอนหานเซิ่นมาก่อน ดังนั้นเธอรู้ดีว่าเขาพัฒนาได้รวดเร็วแค่ไหน เขามีศักยภาพที่สูงมาก ในอนาคตเขาต้องเป็นสุดยอดนักสู้แน่ ถ้าเขาปลดล็อคยีนได้เมื่อไหร่ เขาก็จะเป็นคนที่น่ากลัวมากคนหนึ่ง   การที่หานเซิ่นมีศักยภาพ ทำให้ควีนอยากจะเอาเขามาร่วมทีมให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้  

Super God Gene – ตอนที่ 597 ราชินีแมลงสีเงิน
Super God Gene – ตอนที่ 597 ราชินีแมลงสีเงิน

  “หานเซิ่น นายแม่งโคตรเถื่อนเลย! นายทำแบบนั้นได้ยังไง? นายเรียกเงินชีตงลี่ไปตั้งมากมายขนาดนั้น” ขณะกำลังคุยผ่านคอม ถังเตียงลิ่วก็จ้องมองหานเซิ่ยด้วยแววตาที่เกรงขาม   ตอนนี้มีคนที่ชีตงลี่ส่งมาติดต่อกับตระกูลถัง เพื่อขอให้ช่วยเจรจากับหานเซิ่นอีกที ด้วยเหตุนี้ถังเตียงลิ่วจึงต้องโทรมาหาหานเซิ่น   “เงินจำนวนนั้นแลกกับชีวิตของลูกชายเขาไง” หานเซิ่นยิ้ม   “มันเกิดอะไรขึ้น? อย่าบอกนะว่านายไปจับลูกชายเขาเรียกค่าไถ่?” ถังเตียงลิ่วมองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ   “ฉันไม่ได้ทำอะไรลูกของเขาหรอก เขาเป็นฝ่ายมาหาเรื่องฉันเอง” หานเซิ่นเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองสปิริตราชวงศ์ให้ถังเตียงลิ่วฟัง   “นายบอกว่านายฆ่าผู้วิวัฒนาการที่ปลดล็อคยีนขั้นแรกได้? งั้นนายก็ปลดล็อคยีนได้แล้ว ฉันเข้าใจถูกไหม?” ถังเตียงลิ่วเบิกตากว้าง   “ไม่เร็วขนาดนั้นหรอก ฉันแค่โชคดี ฉันมีสัตว์เลี้ยงดีๆอยู่ และสัตว์เลี้ยงของฉันเป็นคนฆ่าอสูรอัสนี” หานเซิ่นยิ้ม   “มันเป็นสัตว์เลี้ยงแบบไหนถึงได้มีพลังขนาดนั้น? ถ้านายอยากจะขายก็บอกมาได้เลย ฉันจ่ายไม่อั้น!” ถังเตียงลิ่วพูดพร้อมกับหัวเราะ   “ฉันไม่ขายหรอก เทพีแห่งโชคชะตามักจะยืนเคียงข้างฉัน ทำให้ฉันได้สัตว์เลี้ยงตัวนี้มา นายไม่ต้องอิจฉาฉันหรอก!” หานเซิ่นหัวเราะ   “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาถึงจะจ่ายเงินนายมากขนาดนั้น ขนาดคนที่ปลดล็อคยีนได้แล้วยังโดนนายฆ่าตาย แล้วลูกชายเขาจะเหลืออะไร แต่นายต้องคิดดีๆก่อนจะลงมือทำอะไร” ถังเตียงลิ่วพูด   “แน่นอน ฉันไม่โง่ขนาดนั้นหรอก ฉันไม่ได้จะฆ่าเด็กน้อยแบบนั้น ถึงฆ่าเขาไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ที่สำคัญฉันก็ไม่อยากจะขัดแย้งกับพ่อของเขาด้วย และฉันยังต้องการให้เขาช่วยควบคุมกองกำลังที่ดูแลเมืองราชวงศ์ ก่อนที่ฉันจะสามารถขยายกองกำลังได้ ตอนนี้ชีซิวเหวินก็เหมือนเป็นหุ่นเชิดเท่านั้น ฉันไม่ได้กลัวว่าเขาจะทรยศเลย”   หานเซิ่นเช็คดูข้อมูลที่ถังเตียงลิ่วส่งมา ขณะที่พูด “ฉันอยากจะตกลงข้อเสนอของพวกเขา แต่ฉันไม่ต้องการของหรือเงินจากพวกเขาหรอก บอกให้เขาเปลี่ยนเป็นยาเสริมสร้างพันธุกรรมทั้งหมดเลยได้ไหม?”   “ยานั่นมันอันตรายมาก มันสามารถฆ่าคนได้เลยนะ นายจะเอามันไปทำอะไร?” ถังเตียงลิ่วขมวดคิ้ว   หานเซิ่นรู้ว่าถังเตียงลิ่วกำลังคิดอะไรอยู่ เขายิ้มและพูด “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้จะเอามันไปใช้ทำร้ายคนอื่น ฉันรู้ว่าจะต้องใช้มันยังไง แต่ยังไงนายก็ช่วยฉันพูดกับพวกเขาหน่อยแล้วกัน”   “โอเค ฉันจะติดต่อพวกเขาให้เอง แล้วจะติดต่อกับไปหานายในอีก 3-4 วัน” หลังจากเงียบไป ถังเตียงลิ่วก็ถามต่ออีก 1 คำถาม ซึ่งเขาสงสัยมันมาก “สัตว์เลี้ยงของนายฆ่าอสูรอัสนีจริงๆหรอ?”   “มีหลายคนเป็นพยานได้ ถ้าไม่เชื่อนายก็ไปถามใครก็ได้ วันนั้นฉันไม่ต้องกระดิกนิ้วเลยด้วยซ้ำ” หานเซิ่นพูด   “โห! นายนี่โชคดีจริงๆ การที่มันสามารถฆ่าคนที่ปลดล็อคยีนได้ สัตว์เลี้ยงของนายนี่โคตรโหดเลย ทำไมฉันถึงไม่โชคดีแบบนั้นบ้าง?” ถังเตียงลิ่วรู้สึกอิจฉาหานเซิ่นมาก   หลังจากคุยกับถังเตียงลิ่วเสร็จ เขาก็กลับไปที่ก็อตแซงชัวรี่ทันที ยังมีหลายอย่างที่เขาต้องจัดการในเมืองเทพธิดาแห่งใหม่ (เมืองราชวงศ์)   ยาเสริมสร้างพันธุของชีตงลี่ ไม่ใช่หาซื้อขายกันได้ตามท้องตลาดทั่วไป พวกมันถูกรัฐบาลส่งห้ามจำหน่าย ถ้าหานเซิ่นต้องการซื้อพวกมัน มีทางเดียวเขาต้องติดต่อกับชีตงลี่โดยตรง   ถ้าจิ้งจอกสีเงินกินมันเข้าไปเยอะๆ มันจะให้ผลดีขึ้นรึเปล่า? เพราะดูยังไงก็เหมือนมันไม่ได้มีผลเสียกับจิ้งจอกสีเงินเลย   ถ้าชีตงลี่ตอบตกลงตามข้อเสนอของหานเซิ่น หานเซิ่นคิดว่าการเก็บชีซิวเหวินไว้ถือเป็นเรื่องที่ดี ถ้าในอนาคตเขาต้องการยาเพิ่ม เขาจะได้ใช้ชีซิวเหวินเป็นข้อต่อรองหรือเป็นคนติดต่อขอส่วนลดได้   “หัวหน้า ตอนนี้พวกแมลงสีเงินออกมาอีกแล้ว พวกมันไม่ยอมกลับลงไป พวกเราพยายามช่วยกันฆ่ามันแล้ว ถึงจะทำสำเร็จก็จริง แต่ดูเหมือนพวกมันจะเกิดใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่มีวันหมด พวกเราควรจะรับมือยังไงดี?” ฟิลิปเห็นหานเซิ่นผ่านมาพอดี เขาจึงรีบรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นให้หานเซิ่นฟัง   ฟิลิปคนนี้ค่อนข้างเป็นคนที่พิเศษ เหตุผลที่เขาถูกเรียกว่าฟิลิปก็เพราะ เขาชอบกินสเต็กมาก   หลี่ชิงหลุนบอกว่าครอบครัวของฟิลิปค่อนข้างมีอิทธิพล ส่วนตัวฟิลิปเองก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่ได้เป็นใหญ่ในทุ่งน้ำแข็ง   “เดี๋ยวฉันจัดการปัญหานี้เอง” จากนั้นหานเซิ่นก็เดินไปหาซีโร่ เพราะปัญหานี้เขาต้องการใช้จิ้งจอกที่ฝากซีโร่เลี้ยงไว้ หานเซิ่นพาซีโร่และจิ้งจอกออกนอกประตูเมืองไป   ยามที่เฝ้าหน้าประตูให้หานเซิ่นและซีโร่ผ่านเป็นปรกติอยู่แล้ว พวกเขาทักทายหานเซิ่นอย่างสุภาพ และพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะทำความเคารพจิ้งจอกสีเงินด้วย   “นายเห็นไหม นั่นสัตว์เลี้ยงที่ฆ่าคนที่ปลดล็อคยีนได้” “ดูเหมือนจะธรรมดานะ ใครจะไปคิดว่ามันจะมีพลังขนาดนั้น?” “โอ้ยย มันน่ารักมาก! ฉันอยากจะได้แบบนี้สักตัว” …   หานเซิ่นอุ้มจิ้งจอกเดินผ่านประตูไป และเมื่อเขาเดินเข้าไปหาพวกแมลงสีเงิน พวกมันก็ไม่ได้หนีหายไปใต้ดินแต่อย่างใด พวกมันยังคงวนเวียนอยู่แถวนั้น ตอนนี้เหมือนกับมีทะเลสาบสีเงินอยู่นอกเมือง   แต่เมื่อหานเซิ่นเข้าไปใกล้ๆ ในที่สุดตัวตนของจิ้งจอกก็ข่มขวัญพวกมันได้ พวกมันรีบหนีกลับเข้าไปใต้ดินอย่างรวดเร็ว   แมลงสีเงินพวกนี้แปลกมาก เมื่อฆ่าพวกมันแล้วจะไม่ได้ยินเสียงในหัวที่บอกว่าฆ่ามอนสเตอร์ได้ พวกมันไม่ให้เนื้อ ไม่ให้วิญญาณอสูร และจำนวนที่มากมายของมันก็น่าสงสัย ไม่ว่าจะฆ่ามันไปเท่าไหร่ พวกมันก็โผล่ออกมาอย่างไม่จบไม่สิ้นสักที   หานเซิ่นอุ้มจิ้งจอกสีเงินเดินไปรอบๆ ไม่ว่าตรงไหนก็ตามที่หานเซิ่นเดินผ่านไป พวกแมลงสีเงินก็จะหนีหายเข้าไปใต้ดินทันที แต่เมื่อเขาเดินไปจุดอื่น พวกมันก็จะกลับขึ้นมาอีก   หานเซิ่นรู้สึกจนปัญญาจะแก้ปัญหานี้ได้ เขาเรียกเจ้าหญิงหยินออกมา สปิริตผมสีเงินปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าเขา เขาชี้ไปที่แมลงสีเงินและถาม “แมลงพวกนี้คืออะไรกันแน่?”   เจ้าหญิงหยินกระพริบตาและพูด “จริงๆแล้วพวกมันไม่ใช่มอนสเตอร์”   “ถ้ามันไม่ใช่มอนสเตอร์… แล้วพวกมันเป็นอะไร?” หานเซิ่นขมวดคิ้วขณะถาม ดูยังไงมันก็ไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นได้นอกจากมอนสเตอร์   “คำบรรยายที่เหมาะที่สุดสำหรับพวกมันก็คือ อาวุธ” เจ้าหญิงหยินพูด   “อธิบายให้ละเอียดหน่อย” หานเซิ่นพูด   เจ้าหญิงหยินอธิบาย “ใต้ดินบริเวณนี้มีราชินีแมลงสีเงินอยู่ที่ไหนสักแห่ง และมันจะคอยผลิตแมลงตัวเล็กๆที่นายท่านเห็น พวกมันไม่ใช่ลูกของราชินี พวกมันดูเหมือนกับอาวุธซะมากกว่า”   ตอนนี้หานเซิ่นเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงฆ่าพวกมันไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะจริงๆแล้วมีมอนสเตอร์ที่คอยผลิตพวกมันอยู่ใต้ดิน!   “ราชินีแมลงสีเงินเป็นมอสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิใช่ไหม?” หานเซิ่นถาม   “ใช่ค่ะ” เจ้าหญิงหยินตอบ   หานเซิ่นมองไปรอบๆ จากนั้นเขาก็ถาม “แล้วตอนนี้มันอยู่ตรงไหน?”   “ตอนนี้ข้าไม่สามารถควบคุมมันได้แล้วเลยไม่รู้ แต่ถ้าประมาณแบบคร่าวๆ ปรกติมันจะอาศัยอยู่ลึกลงไปใต้ดินประมาน 500 เมตร”   “500 เมตร?!” หานเซิ่นขมวดคิ้ว ไม่มีทางเลยที่เขาจะเจาะลงไปใต้ดิน 500 เมตร เพื่อสู้กับมอนสเตอร์ตัวนี้ได้   แต่ถ้าเขาไม่สามารถจัดการกับมันได้ นี่จะเป็นปัญหาใหญ่มาก ถ้าเขาต้องส่งคนมาสู้กับพวกมันทุกๆวัน มันคงจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเอามากๆ   “จริงๆมันก็ไม่ได้ยากที่จะฆ่าราชินีแมลงสีเงิน ถ้ามีน้องสาวของข้าอยู่ด้วย พวกเราสามารถช่วยกันฆ่ามันได้” เจ้าหญิงหยินกระพริบตาอันงดงามของเธอ   “เยี่ยม!” หานเซิ่นเรียกเจ้าหญิงหยางออกมาทันที   สปิริต 2 พี่น้องยืนอยู่ต่อหน้าของหานเซิ่น พวกเธอดูงดงามมาก มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกมีความสุขมากที่ได้พวกเธอมาเป็นข้ารับใช้

Super God Gene – ตอนที่ 596 ราชาแห่งทุ่งน้ำแข็ง
Super God Gene – ตอนที่ 596 ราชาแห่งทุ่งน้ำแข็ง

  “วันนี้ฉันเห็นอะไรมาหลายอย่างเลย” “เขาแข็งแกร่งเกินไป ขนาดเจอกับคนที่ปลดล็อคยีนขั้นแรกได้ หานเซิ่นกับเอาชนะเขาได้ง่ายๆ” “ฉันอยากจะบ้าตาย หมาตัวน้อยนั่นเอาชนะคนที่ปลดล็อคยีนได้ ถ้านั่นเป็นแค่สัตว์เลี้ยงของเขา แล้วตัวเขาจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน?” “มันเป็นหมางั้นหรอ? ฉันได้ยินว่ามันเป็นแมว” “มันแข็งแกร่งมากไม่ว่ามันจะเป็นหมาหรือแมวก็ตาม หานเซิ่นไม่แม้แต่จะต้องขยับตัว เขาก็เอาชนะอสูรอัสนีได้” “นี่มันบ้าไปแล้ว พวกนายไม่ได้อยู่ที่นั่นในวันนั้น พวกนายคงไม่รู้หรอกว่าสีหน้าของชีซิวเหวินและผู้ติดตามเป็นยังไง เขามีผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ถึง 40 คน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเซิ่น พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว พวกเขากลัวว่าถ้าทำอะไรให้หานเซิ่นไม่พอใจ พวกเขาก็จะมีจุดจบเหมือนกับอสูรอัสนี บางคนคันยังไม่กล้าเกาเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะชีซิวเหวิน เขากลัวจนเกือบหัวใจวายตาย” “ฉันก็อยากจะเป็นอย่างหานเซิ่นบ้าง เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ” “เป็นหานเซิ่น? นายไม่มีค่าแม้แต่จะเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาด้วยซ้ำ!” “สัตวเลี้ยง? พวกนายคิดว่าตัวเองเทียบกับสัตว์เลี้ยงของเขาได้งั้นหรอ? สัตว์เลี้ยงตัวนั้นฆ่าคนที่ปลดล็อคยีนได้” “ไม่ว่ายังไงที่รู้ตอนนี้ก็คือ ทุ่งน้ำแข็งจะต้องอยู่ภายในอิทธิพลของหานเซิ่นอย่างแน่นอน” “แน่นอนเขาคู่ควร ฉันกล้าพนันได้เลยไม่มีใครที่มีพรสวรรค์เหมือนอย่างเขาอีกแล้ว ฉันไม่ได้พูดถึงแค่ในทุ่งน้ำแข็ง แต่เป็นทุกเมืองในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 คนคนนี้ไร้เทียมทาน” “อายุปูนนี้ฉันก็เห็นอะไรมาเยอะแล้ว เมื่อก่อนมีพวกยอดฝีมือเก่งๆมากมาย แต่เมื่อมาเทียบกับหานเซิ่นตอนนี้แล้ว พวกเขากลายเป็นเด็กๆไปเลย” …   หลังจากการต่อสู้ในเมืองสปิริตราชวงศ์จบลง ทุ่งน้ำแข็งก็มีการเปลี่ยนแปลง 3 ขั้วอำนาจที่ปกครองทุ่งน้ำแข็งก่อนหน้านี้ได้สลายตัวแล้ว หานเซิ่นยึดเมืองสปิริตราชวงศ์ ซึ่งเขาตั้งชื่อมันว่าเมืองเทพธิดา และก่อตั้งกองกำลังพันธมิตรกับหลี่ชุงหลุนและฟิลิป กองกำลังที่เคยแบ่งเป็น 3 ฝ่าย ถูกแบ่งใหม่เป็น 4 กองกำลัง   หย่างม่านลี่คือหัวหน้าของกองกำลังเทพธิดา หลี่ชิงหลุนคือหัวหน้าของกองกำลังสตาร์วีล ฟิลิปคือหัวหน้าของกองกำลังฟิลิป และสุดท้ายชีซิวเหวินคือหัวหน้าของกองกำลังเเบล็คก็อต   หานเซิ่นคือผู้ครองเมืองเทพธิดา เขาไม่ค่อยพอใจกับตำแหน่งหัวหน้าเท่าไหร่ แม้กระนั้นทุกคนก็ยังถือว่าหานเซิ่นคือหัวหน้าใหญ่อยู่ดี   หานเซิ่นไม่ได้ฆ่าชีซิวเหวิน แม้คนคนนี้จะก่อเรื่องไว้เยอะก็ตาม เขายังต้องการคนเก่งๆที่อยู่ใต้อิทธิพลของชีซิวเหวิน หานเซิ่นไม่กล้าว่าในอนาคตเขาอาจจะคิดทรยศอีก   กองกำลัง 3 ฝ่ายที่ช่วยกันบุกยึดเมืองนั้น กองกำลังของเมืองเเบล็คก็อตได้ประโยชน์มากที่สุด แต่เป็นเพราะชีซิวเหวินคิดทรยศต่อคำสัญญา ผลประโยชน์เลยตกเป็นของหานเซิ่นหมด   ชีซิวเหวินไม่ได้อะไรเลยแม้แต่เนื้อสักชิ้น เขาไม่กล้าคาดหวังอะไร เขาน่าจะพอใจมากแล้วที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ถูกหานเซิ่นฆ่า ตอนนี้หานเซิ่นไม่ใช่คนที่ใจดีกับเขาเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว   หานเซิ่นมอบสิทธิพิเศษให้กับคนในกองกำลังเทพธิดามากมาย พวกเขาสามารถซื้อเนื้อได้ในราคาถูก ซึ่งหมายความว่ากองกำลังของเขาจะมีระดับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่นั้นข่าวเรื่องที่หานเซิ่นเอาชนะชีซิวเหวินได้ ทำให้คนจำนวนมากเดินทางมาสมัครเข้ากลุ่มเทพธิดา ในเวลาไม่นานกองกำลังของหานเซิ่นก็ใหญ่โตขึ้นผิดหูผิดตา แม้กำลังของเขาจะยังเล็กกว่าอีก 3 กองกำลังก็ตาม แต่ไม่นานกองกำลังเทพธิดาจะต้องแซงหน้าอีก 3 กองกำลังแน่   “กิน กินเข้าไป อย่าให้เหลือ เอาให้ท้องเธอระเบิดไปเลย” หานเซิ่นเตรียมเนื้อจำนวนมหาศาลให้กับอาร์ดเเองเจิล   ครั้งนี้หานเซิ่นได้ซากของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิมาถึง 4 ตัว พวกมันถูกชีซิวเหวินและอสูรอัสนีฆ่า แต่หานเซิ่นเป็นผู้ที่ได้รับเนื้อพวกมัน   น่าเสียดายที่มันใหญ่เกินไป หานเซิ่นแบ่งบางส่วนมาทำอาหารกินกับซีโร่ไปบ้างแล้ว ส่วนที่เหลือเขาก็ให้อาร์คเเองเจิลกินแทน เพื่อหวังให้เธอเปลี่ยนร่างไวๆ   ขนาดจิ้งจอกตัวน้อยยังมีพลังที่น่ากลัวถึงขนาดนั้น แล้วอาร์คเเองเจิลที่มีสถานะเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตเเซงชัวรี่เขต 2 เหมือนกันจะทรงพลังขนาดไหน แถมเธอยังเป็นมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ ซึ่งเป็นประเภทที่แข็งแกร่งที่สุด เขารอคอยวันที่เธอจะช่วยเขาต่อสู้ได้   นอกเหนือจากเนื้อมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิแล้วยังมีเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์อีกนับร้อย ไม่ต้องพูดถึงเนื้อมอนสเตอร์ระดับโบราณที่มีกองเป็นภูเขา   ไม่มีทางที่หานเซิ่นจะกินพวกมันได้หมด ดังนั้นเขาเลยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากขายพวกมันไป ยังไงพวกเนื้อพวกนี้ก็เก็บไว้ได้ไม่นาน   หานเซิ่นเลือกเก็บไว้เฉพาะเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์ขนาดเล็ก เขาประมาณดูคราวๆภายใน 1 เดือน จีโนพ้อยกลายพันธ์ของเขาน่าจะเต็ม   “น่าเสียดายที่เราไม่สามารถพาจิ้งจอกไปล่าด้วยได้ ไมงั้นคงไม่ต้องห่วงเรื่องการเก็บจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิแล้ว” หานเซิ่นลูบตัวจิ้งจอกที่นอนอยู่ในแขนของเขา   “หัวหน้า ฉันเอาบัญชีมาให้” หยางม่านลี่เตรียมบัญชีรายรับมาให้กับหานเซิ่น แต่เมื่อเธอเข้ามาใกล้ๆ เธอก็ไม่สามารถละสายตาจากจิ้งจอกสีเงินได้   ในตอนนี้จิ้งจอกสีเงินค่อนข้างมีชื่อเสียงในทุ่งน้ำแข็ง มันเป็นสัตว์เลี้ยงที่สามารถฆ่าคนที่ปลดล็อคยีนได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว มันยากที่จะจินตนาการว่ามอนสเตอร์ตัวเล็กแบบนี้จะมีพลังถึงขนาดนั้น   หยางม่านลี่เคยเห็นจิ้งจอกตัวนี้มาก่อน แต่เธอก็คิดว่ามันเป็นแค่สัตว์เลี้ยงธรรมดาๆ ปรกติหานเซิ่นจะเล่นกับมันบ่อยๆ เธอไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีพลังที่น่ากลัวแบบนั้น   หานเซิ่นตรวจดูบัญชี ช่วงนี้หานเซิ่นต้องฝึกการคำนวณตัวเลขเยอะๆ เพราะการที่เขาบริหารเมืองระดับราชวงศ์ รายได้ของเขาจะมหาศาลมาก   แต่นั่นก็ไม่ได้มีความหมายกับหานเซิ่น เพราะความร่ำรวยและเงินทองไม่ใช่เป้าหมายของเขา ตอนนี้เขาต้องการพลังอำนาจมากกว่า   หลังจากหยางม่านลี่ออกไปแล้ว หานเซิ่นก็ยกขวดที่เก็บเม็ดยาเสริมสร้างยีนขึ้นมาดู ครั้งล่าสุดที่เขาเอามันขึ้นมา จิ้งจอกสีเงินดูจะสนใจมันมาก   แต่หานเซิ่นไม่ได้ให้มันกิน เขากังวลว่ามันจะเกิดปัญหาที่ไม่ดีตามมา เขาไม่แน่ใจว่ายีนของมันจะกลายพันธ์รึเปล่า เขาไม่รู้ด้วยว่ามันจะเป็นผลดีหรือผลเสีย   จิ้งจอกสีเงินพยายามใช้อุ้งเท้าของมันคว้าขวดยา เหมือนว่ามันต้องการยาใจจะขาด   หานเซิ่นลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดเขาก็เปิดฝาขวดและเอายาออกมา 1 เม็ด เขาวางมันลงบนมือและกำมันไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้จิ้งจอกเอามันไปกิน   “นายแน่ใจนะว่าจะไม่มีปัญหาหลังจากกินมัน?” หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าจิ้งจอกสีเงินจะเข้าใจที่เขาพูดรึเปล่า แต่เขาก็ยังถามมัน   จิ้งจอกสีเงินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันเข้าใจคำถามจริงๆ จากนั้นมันก็เอาหัวของมันลูบมือของหานเซิ่น   หานเซิ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็แบมือ จิ้งจอกกลืนยาเข้าไปอย่างรวดเร็ว   หานเซิ่นสังเกตจิ้งจอกสีเงินอย่างใกล้ชิด เขากำลังรอดูการเปลี่ยนแปลงของมัน เขาเตรียมยาเพิ่มเสถียรภาพยีนที่ได้จากชีซิวเหวินมาด้วย ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น เขาสามารถฉีดมันเข้าไปในร่างกายของจิ้งจอกได้   หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็รู้สึกว่าเส้นขนของจิ้งจอกดูจะสว่างและเป็นประกายมากขึ้นนิดหน่อย นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรต่างจากเดิม   จิ้งจอกสีเงินพยายามใช้กรงเล็บของมันข่วนขวดยา ราวกับว่ามันยังต้องการอีก   ‘ดูเหมือนยาเสริมสร้างยีนจะไม่แรงพอที่จะทำให้ยีนของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดกลายพันธ์ได้’ หานเซิ่นคิด . . ฝากแฟนๆกดติดตามหรือกดLikeเพจด้วยครับ >>> SSG (ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอนที่ 2015 แล้วครับ)

Super God Gene – ตอนที่ 595 น่าขำ
Super God Gene – ตอนที่ 595 น่าขำ

  “พี่หาน คุณปฏิบัติกับผมเหมือนเป็นน้องชายคนหนึ่ง ถ้าคุณยอมมาเป็นผู้ช่วยของผม ผมก็จะปฏิบัติกับคุณเหมือนเป็นพี่ชายจริงๆ” ชีซิวเหวินพูด   “ถ้าฉันบอกว่ายอมช่วยนาย แล้วนายจะเชื่อคำพูดของฉันจริงๆหรอ?” หานเซิ่นตอบอย่างสงบ   “ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไม่เชื่อคุณ ที่สำคัญผมก็เอายามาด้วย ผมหวังว่าคุณจะยอมกินมัน” ตอนนี้ชีซิวเหวินไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น เขารู้ว่าเขาควบคุมสถานการณ์ไว้หมดแล้ว เขาเอาขวดออกมาจากแขนเสื้อ และก็โยนให้หานเซิ่น   หานเซิ่นรับขวดยามา จากนั้นเขาก็เปิดมันดู ข้างในมีเม็ดยาสีแดงอยู่หลายเม็ด มันใสเหมือนกับคริสตัล   “มันคือยาอะไร?” หานเซิ่นเทเม็ดยาออกมาดู หลังจากที่ได้ดูมันใกล้ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าข้างในเม็ดยามีบรรจุของเหลวอยู่   “มันคือยาเสริมสร้างยีน ตระกูลผมเป็นเจ้าของเทคโนโลยีทางชีวภาพขั้นสูง นี่เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของเรา เมื่อคุณกินมันเข้าไปแล้ว มันจะไปกระตุ้นให้ยีนกลายพันธ์ มีโอกาสที่จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่…” ชีซิวเหวินหยุดไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “แต่มันก็มีโอกาสที่ยีนจะกลายพันธ์ไปในทิศทางที่ยากจะควบคุม แต่ไม่ต้องห่วง เราจะฉีดยาเพื่อเพิ่มเสถียรภาพของยีนให้คุณเอง ถ้าได้รับยาอย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถทนต่อการกลายพันธ์ของยีนได้ มันจะไม่ทำให้ร่างกายของคุณเสียหาย นี่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ใหม่ มันถูกผลิตและทดลองมาสักพักแล้ว ถึงมันจะยังอยู่ในช่วงพัฒนาต่อ แต่ยังไงมันก็ไม่เป็นอันตรายแน่นอน”   “ถ้าฉันกินมันเข้าไป ก็หมายความว่าฉันจะต้องฟังคำสั่งของนายไปตลอดชีวิต” หานเซิ่นพูดอย่างเยือกเย็น ขณะมองที่ยาเสริมสร้างยีน   “ผมต้องขอสารภาพว่าผมจะไม่มีทางให้คนอย่างคุณอยู่ห่างจากสายตา ผมจึงต้องล่ามโซ่คุณไว้” ชีซิวเหวินพูด   “ผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 มากกว่า 40 คน และยังมีคนที่ปลดล็อคยีนได้แล้วด้วย ดูเหมือนนายจะใช้ความพยายามมากเกินไปรึเปล่า” หานเซิ่นมองไปรอบๆห้อง   “พี่หานเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก การเตรียมการขนาดนี้ถือว่าจำเป็น ถ้าไม่ใช่เพราะต้องรับมือกับคุณ ผมคงไม่ลงทุนเชิญอสูรอัสนีมาด้วยในวันนี้” ชีซิวเหวินยิ้ม   “นายคิดจริงๆหรอว่า คนที่นายพามาคือยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานจริงๆ?” หานเซิ่นลูบหัวจิ้งจอกสีเงิน พร้อมกับยิ้มอย่างดูถูก   “กล้าพูดถึงขนาดนี้เลยเชียวรึ ระวังปากหน่อยหนุ่มน้อย” สีหน้าของอสูรอัสนีเปลี่ยนไปทันที เขาจ้องมองหานเซิ่น ตอนนี้มีกระแสไฟฟ้าสีเขียวปรากฏขึ้นมารอบๆตัวเขา   เมื่อทุกคนเห็นกระแสไฟฟ้ารอบๆตัวอสูรอัสนี ความหวังที่จะให้เรื่องในวันนี้จบลงอย่างสงบคงเป็นไปได้ยากแล้ว คนคนนี้คือคนที่ปลดล็อคยีนขั้นแรกได้แล้วจริงๆ ในที่นี่ไม่มีใครสามารถต่อกรกับเขาได้   “คุณชี พวกเราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดคุยกับเขาอีกแล้ว ถ้าเขาไม่รีบยอมจำนนก็ฆ่าเขาดีกว่า” อสูรอัสนียังคงจ้องมองหานเซิ่น ขณะพูดกับชีซิวเหวิน   “พี่หาน โปรดคิดดูให้ดี” ชีซิวเหวินเริ่มเครียดแล้ว   “มีปัญหาอะไรอย่างงั้นหรอ? ผู้มีพรสวรรค์ที่สามารถปลดล็อคยีนขั้นแรกได้แล้วยังไง? ฉันจำเป็นต้องกลัวตัวตลกแบบนี่ด้วยหรอ?” หานเซิ่นพูดด้วยน้ำเสียงเชิงจิกกัด   หลังจากที่หานเซิ่นพูดออกไปแบบนั้น ทุกคนก็ตกตะลึง ไม่มีใครอยากเชื่อว่าหานเซิ่นจะกล้าพูดถึงขนาดนั้น เขาคงจะเบื่อชีวิตแล้วล่ะมั้งถึงได้พูดแบบนั้นออกไป การเรียกยอดฝีมือว่าตัวตลก หานเซิ่นจะต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ   “อยากตายนักหรอ?” สายฟ้ารอบๆตัวอสูรอัสนีเริ่มเกรี้ยวกราดขึ้น ตาของเขามีแสงสีเขียวปรากฏขึ้นมา การที่หานเซิ่นพูดแบบนั้น ทำให้เขาโกรธมาก   ชีซิวเหวินยังไม่ได้สั่งให้อสูรอัสนีโจมตี ดังนั้นอสูรอัสนีจึงยังไม่ได้เคลื่อนไหว   “พี่หาน ถ้าคุณยังดื้อดึงต่อไป ก็อย่ามาตำหนิผมนะ” สีหน้าของชีซิวเหวินเริ่มมืดมน เขาหันไปมองอสูรอัสนี จากนั้นเขาก็พยักหน้า   อสูรอัสนีเกลียดหานเซิ่นมาก หานเซิ่นเป็นแค่คนที่ยังไม่สามารถปลดล็อคยีนขั้นแรก แต่กับกล้ามาดูถูกยอดฝีมืออย่างเขา หานเซิ่นไม่รู้ที่ต่ำที่สูง   ทันทีที่ชีซิวเหวินพยักหน้า กระแสไฟฟ้ารอบๆตัวอสูรอัสนีก็เข้ามาร่วมตัวกันที่มือของเขา จากนั้นเขาก็ขว้างมันออกไปเหมือนกับขว้างหอกตรงไปที่หานเซิ่น   นี่เป็นฉากที่น่ากลัวมาก ตอนนี้ทุกคนรีบขยับถอยหลัง เพราะกลัวจะโดนลูกหลงจากสายฟ้าของอสูรอัสนี นี่เป็นพลังที่ทำให้ทุกคนรู้สึกกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกอิจฉา พวกเขาปรารถนาจะมีพรสวรรค์แบบนี้บ้าง ใครๆก็อยากจะปลดล็อคยีนขั้นแรกให้ได้กันทั้งนั้น แต่มันยากยิ่งกว่ายาก มีคนแค่ 1 ในล้านเท่านั้นที่ทำแบบนั้นได้   ขณะที่พวกเขาคิดว่าหานเซิ่นคงจะถูกสายฟ้าของอสูรอัสนีฆ่าตายแน่ แต่อยู่ๆจิ้งจอกสีเงินที่หานเซิ่นอุ้มอยู่ก็กระโดดออกมา   สายฟ้าสีเงินปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มร่างของจิ้งจอก สายฟ้าสีเขียวของอสูรอัสนีสลายไปทันที่ที่จิ้งจอกสีเงินพุ่งผ่าน เมื่อจิ้งจอกสีเงินพุ่งผ่านอสูรอัสนีไป เขาก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาทันที   อสูรอัสนีที่ทำให้ทุกคนกลัวก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาถูกช็อตจนตัวดำเป็นถ่านไปเรียบร้อยแล้ว เขาล้มลงไปบนพื้น พร้อมมีรอยข่วน 3 รอยอยู่บนร่างของเขา บาดแผลมันลึกพอที่จะทำให้มองเห็นกระดูกของเขา   ทุกคนยืนขาสั่น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าอสูรอัสนีจะลงไปนอนดิ้นอยู่บนพื้นแบบนั้น เมื่อเสียงกรีดร้องของเขาเงียบลง ภายในห้องโถงก็เงียบสงัดทันที ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจให้ได้ยิน ทุกคนอ้าปากค้าง   ‘ไม่มีทาง เป็นไปได้ยังไง!’ ‘มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?’ ‘ยอดฝีมือที่ปลดล็อคยีนขั้นแรกได้แล้วแพ้สัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆแบบนั้นได้ยังไง?!’ ทุกคนอึ้งจนพูดไม่ออก ในหัวของพวกเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือมองดูอสูรอัสนีนอนดิ้นอยู่บนพื้น   หน้าของชีซิวเหวินถอดสีทันที เขารู้สึกกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาไม่อยากเชื่อว่าอสูรอัสนีจะแพ้ง่ายๆแบบนี้ ยังไงอสูรอัสนีก็คือคนที่ปลดล็อคยีนขั้นแรกได้แล้ว!   ปัง! หานเซิ่นอุ้มจิ้งจอกขึ้นมาและก็ลูบหัวมัน จากนั้นเขาก็เดินไปที่อสูรอัสนี และเตะอสูรอัสนีไปอยู่ตรงหน้าชีซิวเหวิน   “ฉันบอกไปแล้วใช่ไหม นี่มันแค่ตัวตลก? นี่น่ะหรอคนที่นายหวังพึ่ง?” หานเซิ่นมองหน้าชีซิวเหวินที่กำลังยืนหน้าซีด   อสูรอัสนีที่อยู่ใกล้ๆเท้าของชีซิวเหวินกระอักเลือดออกมา ตอนนี้เขานอนแน่นิ่งไปแล้ว ราวกับว่าเขาสิ้นใจไปแล้ว   ชีซิวเหวินและลูกน้องที่เขาพามาต่างก็ช็อค ไม่มีใครกล้าขยับตัว ขณะที่คนอื่นๆที่อยู่ภายในห้องโถงต่างก็ยืนตัวสั่นด้วยความกลัว   ชีซิวเหวินรู้สึกเหมือนเขากำลังอยู่ในฝันร้าย เขามีผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ถึง 40 คน และยังมีคนที่ปลดล็อคยีนขั้นแรกได้แล้วด้วย ฝ่ายเขามีกำลังที่มหาศาลมาก ถ้าเทียบกับกลุ่มอื่นๆในห้องโถงนี้ แต่ตอนนี้มันเหมือนกับกลายเป็นเรื่องตลก   ชีซิวเหวินคิดว่าเขาควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ได้แล้ว เขาให้ข้อเสนอหานเซิ่นราวกับเขาชนะแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าตลกมาก   คนๆนี้เชื่อฟังเขาทุกอย่าง เขาไม่เคยปฏิเสธอะไรเลย ชีซิวเหวินคิดว่าเขาเป็นคนโง่ แต่ตอนนี้ผลปรากฏว่าหานเซิ่นเป็นเหมือนกับเทพ ตลอดเวลาที่ผ่านมาชีซิวเหวินได้แต่วิ่งเล่นอยู่บนฝ่ามือของเขา   ในที่สุดชีซิวเหวินก็ตระหนักว่าหานเซิ่นไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลยตั้งแต่แรก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็เหมือนกับตัวตลกสำหรับหานเซิ่น เขาเป็นแค่มดตัวหนึ่งที่หานเซิ่นจะกำจัดออกไปเมื่อไรก็ได้   ตอนนี้ความมั่นใจของชีซิวเหวินพังทลายลงไปเรียบร้อยแล้ว เขาทรุดลงไปบนพื้น