Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 594 อสูรอัสนี
Super God Gene – ตอนที่ 594 อสูรอัสนี

  ในตอนที่ชีซิวเหวินและคนของเขากำลังมุ่งหน้าไปยังวิหาร หานเซิ่นก็กำลังใช้วิชาดาบไล่ต้อนสปิริตอยู่ หานเซิ่นกระหน่ำโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว ขณะที่สปิริตทั้ง 2 ได้แต่ตั้งรับและถอยไปเรื่อยๆ   ‘นี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขาเป็นปีศาจรึไง เขาเพิ่งจะเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้แค่ 1 ปี ทำไมเขาถึงได้แข็งแกร่งขนาดนั้น? เขาสามารถไล่ต้อนสปิริตราชวงศ์ 2 ตนพร้อมๆกันได้..’ จูถิงไม่อยากเชื่อว่าหานเซิ่นจะเก่งถึงขนาดนี้   ปัง! สปิริต 2 พี่น้องถูกหานเซิ่นไล่ต้อนไปเรื่อยๆ ตอนนี้หลังของพวกเธอแทบจะผิงรูปปั้นที่เก็บสปิริตสโตนแล้ว ใบหน้าอันงดงามของสปิริตดูซีดมาก   ตอนนี้หานเซิ่นใช้ดาบอสรพิษเนตรเงินและดาบมาสคอต กดลงไปที่คอของสปิริตทั้ง 2 เมื่อเห็นสปิริตคุกเข่าลง พร้อมกับเห็นใบหน้าหมดหวังของพวกเธอ หานเซิ่นก็รู้สึกมีความสุขมาก 2 สาวเคยเล่นงานเขาเฉียดตายมาแล้วหลายครั้ง ในที่สุดวันนี้หานเซิ่นก็ได้เอาคืนสักที   “เร็วเข้า รีบฆ่าพวกมันและเอาสปิริตสโตนมา” ผู้ติดตามของหานเซิ่นตะโกน   “ไม่ต้องรีบร้อน ฉันจะรอต่ออีกหน่อย” หานเซิ่นยังไม่ฆ่าสปิริต เขาแค่เอาดาบจ่อคอของพวกเธอไว้ เขาต้องการให้ชีซิวเหวินและพรรคพวกเดินทางมาถึงที่นี่ก่อน เพื่อที่พวกมอนสเตอร์จะได้เข้ามาร่วมกันที่นี่ ก่อนที่สปิริตจะมอบความภักดีให้เขา เขาต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้มากที่สุด   แม้ชีซิวเหวินจะสงสัยมากว่าหานเซิ่นกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ แต่เขาก็ไม่ได้กังวลมากนัก ด้วยพลังของอสูรอัสนีและกองกำลังจากเมืองแบล็คก็อต พวกเขาถือว่าเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในทุ่งน้ำแข็ง เขาคิดว่ายังไงวันนี้เขาก็ได้เมืองสปิริตราชวงศ์มาครอบครองแน่ ถึงหลี่ชิงหลุนและฟิลิปจะหาทางป้องกันไม่ให้เขายึดครองทุกสิ่งก็ตาม แต่ก็คงไม่มีใครต้านความแข็งแกร่งของอสูรอัสนีได้   ในที่สุดชีซิวเหวินก็พบวิหารสปิริต ขณะที่เขากำลังเข้าไปในวิหาร เขาก็ได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากข้างใน   ชีซิวเหวินและอสูรอัสนีหันมามองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาก็วิ่งเข้าไปในวิหารพร้อมๆกัน   ลูกน้องของพวกเขาก็ตามเข้าไปในวิหารด้วย ตอนนี้คนกลุ่มใหญ่กำลังเข้าไปในวิหาร แต่เมื่อเข้ามาข้างใน ม่านตาของชีซิวเหวินก็หดย่อลง เขาเห็นกลุ่มคนที่ควรจะต่อสู้กับสปิริตกลับยืนดูอยู่เฉยๆ ขณะที่หานเซิ่นยืนอยู่ข้างรูปปั้นเรียบร้อยแล้ว เขายื่นมือออกไปคว้าสปิริตสโตน   “สปิริตแฝดงั้นหรอ?!” เขาเห็นหานเซิ่นถือดาบสีเงินและสีทองที่เป็นของสปิริต ขณะที่สปิริตกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหานเซิ่น มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะประหลาดใจ   เมื่อหานเซิ่นได้สปิริตสโตนมาแล้ว สปิริตผมสีเงินเเละสปิริตผมสีบรอนด์ที่คุกเข่าอยู่ก็ก้มหัวลง จากนั้นพวกเธอก็พูดเกือบจะพร้อมๆกัน “เจ้าหญิงหยินและเจ้าหญิงหยางขอมอบความภักดีอย่างแท้จริงกับเจ้านาย พวกเราจะเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของท่าน”   ตอนนี้ทุกๆคนที่อยู่ในห้องโถงช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาจ้องมองที่หานเซิ่นและเจ้าหญิงทั้ง 2 จนตาเกือบจะหลุดออกจากเบ้า พวกเขาอิจฉาในความโชคดีของหานเซิ่น   สปิริตราชวงศ์นั่นหายากแล้ว แต่สปิริตราชวงศ์แฝดยิ่งหายากขึ้นไปอีก เท่านั้นยังไม่พอเจ้าหญิงทั้ง 2 ยังมอบความภักดีให้กับหานเซิ่นในเวลาเดียวกัน มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป   ในมือแต่ละข้างของหานเซิ่นถือสปิริตสโตนอยู่ ข้างหนึ่งสีทอง ข้างหนึ่งสีเงิน เขาวางสปิริตสโตนบนหน้าผากของเจ้าหญิงหยินและเจ้าหญิงหยาง พวกเธอกลายเป็นหนึ่งเดียวกับสปิริตสโตน จากนั้นทั้งสปิริตและสปิริตสโตนก็กลายเป็นแสงสว่างและหายไป   ทุกคนยังยืนอยู่ที่เดิม พวกเขาแค่ยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้น การได้รับสปิริตเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากมาก ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้เห็น และยิ่งเป็นสปิริตแฝดด้วยแล้ว ถึงจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกเป็นร้อยเป็นพันปีก็อาจจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์แบบวันนี้อีก   เมื่อสปิริตมอบความภักดีให้หานเซิ่นแล้ว มอนสเตอร์ภายในเมืองก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ป้องกันเมืองอีกต่อไป พวกมันวิ่งกระจายไปคนละทาง ไม่นานหลี่ชิงหลุนและฟิลิปก็มาถึงวิหารสปิริต   “พวกนายควรจะไปล่ามอนสเตอร์ไม่ใช่หรอ? แล้วมาทำอะไรกันอยู่ที่นี่?” หานเซิ่นหันกลับไปมองคนที่อยู่ในห้องโถงแห่งนี้ เขากวาดสายตามองไปทีละคนและก็ไปหยุดที่ชีซิวเหวิน   ชีซิวเหวินถอนหายใจและพูด “พี่หาน คุณโชคดีมาก เหมือนพระเจ้าจะประทานพรให้กับคุณ มันเหลือเชื่อมากที่คุณได้รับความภักดีจากสปิริตแฝด”   แต่อยู่ๆน้ำเสียงของชีซิวเหวินก็เปลี่ยนไป “แต่ดูเหมือนโชคของคุณจะจบลงแค่นี้ ผมจะยึดเมืองสปิริตแห่งนี้เอาไว้ คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”   “ชีซิวเหวิน นายยังจำสัญญาที่พ่อของนายทำไว้กับตระกูลถังได้ไหม?” หานเซิ่นจ้องมองชีซิวเหวินขณะที่พูด   “สัญญาระหว่างพ่อของผมกับตระกูลถังมีผลแค่เมืองแบล็คก็อตเท่านั้น ที่นี่ไม่ใช่เมืองแบล็คก็อตไม่ใช่หรอ?” ชีซิวเหวินยิ้ม   หลี่ชิงหลุนและฟิลิปหันมามองหน้ากัน ราวกับว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ในตอนที่พวกเขาเตรียมจะทำอะไรบางอย่าง ชีซิวเหวินก็ส่งสัญญามือ คนจากเมืองแบล็คก็อตจำนวนนับไม่ถ้วนก็ออกมาจากทุกมุมของห้องโถง   “นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับพี่หาน โปรดอย่าเข้ามายุ่ง” ชีซิวเหวินพูดกับหลี่ชิงหลุนและฟิลิป   “ชี นายสัญญากับพวกเราว่าพวกเราทั้ง 3 คนจะได้เป็นผู้นำ เมื่อพวกเรายึดเมืองสปิริตได้แล้ว แต่ตอนนี้นายคิดจะยึดทุกอย่างไว้คนเดียวงั้นหรอ?” ฟิลิปพูด   “โลกนี้ไม่ได้สวยหรูอย่างที่พวกนายคิด แค่ฉันสัญญาว่าจะให้พวกนายครองเมืองนี้ พวกนายก็คิดว่าฉันจะให้พวกนายครองจริงๆหรอ?” ชีซิวเหวินส่งสัญญาณให้ทุกคนไปล้อมคนจากอีก 2 เมืองไว้ ตอนนี้ทุกคนอยู่ในท่าพร้อมจะต่อสู้ พวกของชีซิวเหวินมีผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ถึง 40 คน   สีหน้าของหลี่ชิงหลุนและฟิลิปเปลี่ยนไป พวกเขามีคนที่มีระดับความแข็งเกิน 100 แค่ 10 คนเท่านั้น ถึงพวกเขาจะร่วมมือกันก็ยังมีแค่ 20 คน ซึ่งยังห่างกับเมืองแบล็คก็อตถึง 2 เท่า   เมื่อต้องสู้กับอีกฝ่ายที่มีกำลังเหนือกว่าชัดเจน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีโอกาสชนะ พวกเขาเลยต้องอยู่เงียบๆ   หยางม่านลี่ถลึงตา เช่นเดียวกับคนอื่นๆในกลุ่มเทพธิดา เธอรู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้น แต่กระนั้นสถานการณ์ตอนนี้ก็เกินกำลังที่เธอจะทำอะไรได้   ตอนนี้เหมือนชีซิวเหวินจะเป็นผู้ชนะแล้ว เขาควบคุมสถานการณ์ไว้ได้หมด เขากำลังจะกลายเป็นผู้นำของทุ่งน้ำแข็ง ตอนนี้อำนาจและกำลังของชีซิวเหวินพอที่จะควบคุมทุ่งน้ำแข็งได้ มันไร้ประโยชน์ที่จะต่อต้านเขา   “พี่หาน พวกเราถือว่าเป็นสหายที่ดีต่อกัน ถ้าคุณยอมภักดีกับผม ผมก็จะเก็บคุณไว้ ความสัมพันธ์ของพวกเราจะยังคงอยู่ แค่ต้องเปลี่ยนบทบาทหน้าที่เท่านั้น” ชีซิวเหวินพูด ตอนนี้เขารู้ว่าเขาควบคุมทุกอย่างได้แล้ว เขาเชิดหน้าขึ้นและพูดกับหานเซิ่น   “ชีซิวเหวิน นายคิดจริงๆหรอว่าคนแค่นี้จะหยุดฉันได้?” หานเซิ่นลูบจิ้งจอกที่เขาอุ้มอยู่ พร้อมกับถามคำถามอย่างสงบ   ชีซิวเหวินยิ้ม “พี่หานแข็งแกร่งมาก เรื่องนี้ใครๆก็รู้ แต่ผมก็ไม่โง่ถึงขนาดไม่ได้เตรียมตัวรับมือเรื่องนี้หรอก”   หลังจากนั้นชีซิวเหวินก็ชี้ไปยังชายที่ยืนอยู่ข้างๆและพูด “ผมพนันได้เลยว่าคุณจะต้องไม่รู้จักคนคนนี้อย่างแน่นอน ผมขอแนะนำเขาให้ทุกคนรู้จักเลยก็แล้วกัน นี่คือคนที่มีพรสวรรค์ที่สุด เขาคืออสูรอัสนี มีผู้วิวัฒนาน้อยคนมากที่จะมีพรสวรรค์เท่าเขา เขาคือผู้สำเร็จวิชาอัสนีบาต และเขายังสามารถปลดล็อคยีนขั้นแรกได้ตั้งแต่ยังอยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ซึ่งหาได้ยากมากในสหพันธ์ดวงดาวของเรา”   สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที พวกเขามองอสูรอัสนีด้วยความกลัว ถ้าเขาสามารถปลดล็อคยีนได้ตั้งแต่อยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ละก็คนที่อยู่ข้างชีซิวเหวินก็เป็นอัจฉริยะอย่างไม่ต้องสงสัย ดูเหมือนเขาจะอายุประมาน 40-50 การที่เขาสามารถปลดล็อคยีนได้แล้วถือว่าเร็วมาก   ตอนนี้ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วห้องโถง ชีซิวเหวินมีคนที่สามารถปลดล็อคยีนได้เป็นกำลังหลักอยู่ ตอนนี้คงไม่มีใครต่อต้านเขาได้

Super God Gene – ตอนที่ 593 มหัศจรรย์
Super God Gene – ตอนที่ 593 มหัศจรรย์

  จูถิงและคนอื่นๆช็อค เมื่อพวกเขาเห็นมอนสเตอร์จำนวนมาก ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่มอนสเตอร์ คนที่ติดตามหานเซิ่นมาไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรมาก ดังนั้นพวกเขาคิดว่ามันยากมากที่จะสู้กับมอนสเตอร์จำนวนมากขนาดนี้   แม้มอนสเตอร์จะเข้ามาทีละตัว พวกเขาก็ไม่น่าจะสู้ได้ เพราะยังไงพวกเขาก็ต้องหมดแรงกันก่อนแน่กว่าจะฆ่าพวกมันได้หมด   แม้แต่ลุงชิงที่มักจะทำหน้าตาเบื่อหน่ายตลอดเวลา เขาก็ยังไม่กล้าบุกเข้าไปเมื่อเห็นมอนสเตอร์จำนวนมาก   แต่ทว่าหานเซิ่นกลับวิ่งเข้าไปหามอนสเตอร์ด้วยตัวคนเดียว คนอื่นๆไม่แน่ใจว่าควรจะตามเขาไปดีรึเปล่า   หยางม่านลี่ ลุงชิง จูถิงและคนอื่นที่เหลือยืนอึ้ง ขณะที่หานเซิ่นกำลังวิ่งเข้าไปหาฝูงมอนสเตอร์ แต่ฝูงมอนสเตอร์กลับวิ่งหนีแตกกระจายกันออกไปราวกับคลื่นทะเล พวกมันดูตื่นกลัวมา พวกมันกรีดร้องขณะวิ่งหนีไป   แม้แต่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิก็ยังถอยหนี หานเซิ่นเดินไปข้างหน้า 1 ก้าว มันก็จะถอยหลัง 1 ก้าว แม้แต่งูขนาดใหญ่ที่มีความยาวกว่า 100 ฟุตก็ยังไม่กล้าที่จะเข้ามาโจมตีเขา   เมื่อเห็นหานเซิ่นทำให้มอนสเตอร์ตัวอื่นหนีไปแบบนั้น หยางม่านลี่และคนอื่นๆต่างก็อ้าปากค้าง พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น   “ลูกพี่ คุณเป็นเทพรึยังไง?” จูถิงอึ้ง แต่เขาก็รีบวิ่งตามหานเซิ่นไป   หยางม่านลี่และคนอื่นๆก็วิ่งตามไปด้วย ถึงพวกเขาจะกลัว แต่ขณะที่วิ่งตามหานเซิ่นไป ไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนกล้าเข้ามาใกล้พวกเขา เหมือนกับหานเซิ่นมีออร่าบางอย่างที่ทำให้มอนสเตอร์กลัวมาก   “เขาทำแบบนั้นได้ยังไง?” หยางม่านลี่เต็มไปด้วยความรู้สึกทึ่ง เธอมองไปที่หานเซิ่น เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่าเขามีพลังถึงขนาดไหนกันแน่   ลุกชิงมองหานเซิ่นด้วยแววตาที่ศรัทธา ‘สมเป็นทาญาติของหัวหน้าหานจริงๆ เขามีพลังที่มหัศจรรย์มาก’   สำหรับคนอื่นๆแล้ว พวกเขาคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันมหัศจรรย์ราวกับปาฏิหาริย์ พวกเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันอยู่   หานเซิ่นนำคนอื่นๆไปที่วิหาร ซึ่งเป็นที่ที่เขาคุ้นเคยดี เขาไม่ต้องการเสียเวลามากกว่านี้ เขาต้องการไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด   ด้วยสายตาของควีน ถึงเธอจะอยู่ไกลจากเมืองสปิรตราชวงศ์ แต่เธอก็สามารถเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เธอประหลาดใจมาก “เขาทำแบบนั้นได้ยังไง?” แม้จะมีบางอย่างที่สามารถทำให้มอนสเตอร์ถอยหนีได้ แต่มันจะไม่ได้ผลกับมอนสเตอร์ที่ถูกสปิริตควบคุมอยู่ เห็นได้ชัดว่ามันวิ่งหนีไปเพราะกลัวหานเซิ่น เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ควีนก็รู้สึกสนใจในตัวหานเซิ่นมากขึ้น   ในที่สุดชีซิวเหวินก็พาคนของเขาเข้ามาในเมืองได้สำเร็จ แต่สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา ตอนนี้มีมอนสเตอร์อยู่ทุกที่ ภายในเมืองมีมอนสเตอร์มากกว่าข้างนอกหลายเท่า มีแม้กระทั่งมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่กำลังรอคอยพวกเขาอยู่   เขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นไปทางไหน เขาไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของการต่อสู้ ราวกับว่าหานเซิ่นและผู้ติดตามล่องหนผ่านพวกมอนสเตอร์ไปยังไงยังงั้น   “นี่มันแปลกมาก พวกเขาไปไหนแล้ว?” ชีซิวเหวินรู้สึกสับสน แต่เขาก็ต้องเพ่งสมาธิกับการรับมือมอนสเตอร์ก่อน ตอนนี้มีมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่กำลังวิ่งเข้ามา ทุกคนต่างก็เริ่มเสียขวัญเพราะมอนสเตอร์มีจำนวนมากเกินไป   ในเวลานี้หานเซิ่นและคนของเขาอยู่ด้านในของวิหารแล้ว พวกเขามาถึงที่นี่ได้โดยไม่บาดเจ็บอะไรเลย หยางม่านลี่ต้องการหยิกแก้มตัวเอง เธอรู้สึกว่ากำลังฝันอยู่   หลังจากที่เข้ามาในวิหารได้แล้ว ทุกคนก็ต้องช็อค เมื่อเห็นสปิริตผมสีเงินและผมสีบรอนด์ “นี่เป็นเมืองสปิริตแฝดหรอเนี่ย?” หยางม่านลี่เหงื่อตก   “ทุกคนนั่งพักกันได้ ฉันจะจัดการที่เหลือเอง” หานเซิ่นฝึกวิชาดาบคู่มาเพื่อการต่อสู้ในวันนี้ เขาไม่ต้องการให้คนอื่นยื่นมือเข้ามายุ่ง เขาต้องการเอาชนะพวกเธอด้วยตัวเอง   ที่สำคัญตอนนี้คนจากแต่ละเมืองก็ยังมาไม่ถึง ถ้าเขาเอาชนะได้เร็วเกินไป มอนสเตอร์ก็จะหลุดจากการควบคุมและเริ่มวิ่งหนีออกจากเมือง ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการต่อสู้ในครั้งนี้ก็จะลดน้อยลง ดังนั้นอย่างน้อยเขาต้องรอให้ชีซิวเหวินมาถึงวิหารแห่งนี้ก่อนที่เขาจะจัดการกับสปิริต   ลุงชิงและคนอื่นๆช็อคกับคำสั่งของหานเซิ่น แต่พวกเขาก็ทำตาม พวกเขาดูหานเซิ่นเดินเข้าไปหาสปิริตแฝด ราวกับยอดนักสู้กำลังเดินเข้าสู่สนามประลอง   แม้พวกเขาจะถูกสั่งให้นั่งพัก แต่พวกเขาก็รู้สึกแปลกๆ พวกเขาทำตัวไม่ถูก แม้จะนั่งพักแต่ตัวของพวกเขาก็เกร็งจนถึงปลายนิ้ว จุดที่พวกเขาอยู่คือใจกลางของเมืองสปิริตราชวงศ์ที่มีมอนสเตอร์อยู่จำนวนมาก มันทำให้พวกเขารู้สึกเครียด แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากดูหานเซิ่นต่อสู้กับสปิริตแฝด ถ้าคนอื่นรู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อนั่งดูอยู่เฉยๆแบบนี้คงเป็นเรื่องที่น่าขายหน้า   ตอนนี้ไตของหานเซิ่นกำลังส่องแสงออกมา หัวใจของเขากำลังเต้นรัวราวกับเครื่องยนต์ พวกมันสูบฉีดและส่งพลังงานมหาศาลให้กับหานเซิ่น ตอนนี้หานเซิ่นมีพลังงานอันไร้ขีดจำกัด เขาถือดาบ 2 เล่มในมือและวิ่งเข้าไปสู้กับสปิริตทั้ง 2 โดยไม่ลังเล   สปิริตฝาแฝดคู่นี้เกลียดหานเซิ่นเข้ากระดูกดำ พวกเธอกำกระบี่ของเธอแน่น พวกเธอต่อสู้กับหานเซิ่นอย่างสุดกำลัง การโจมตีแต่ละครั้งราวกับสายฟ้าสีเงินและสีทอง มันทั้งรวดเร็วและรุนแรง   “วิชากระบี่ของพวกเธอเฉียบขาดจริงๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเธอเป็นสปิริตราชวงศ์” แต่ขณะที่จูถิงกำลังพูด เขาก็เห็นว่าวิชาดาบของหานเซิ่น ซึ่งดียิ่งกว่าสปิริตแฝดทั้งในด้านความรุนแรง ความเร็วและความเฉียบขาด   ‘ไร้เทียมทาน’ เป็นคำเดียวที่อยู่ในหัวของทุกคนตอนนี้ วิชาดาบของหานเซิ่นสมบูรณ์แบบมาก มันทำให้สปิริตแฝดแทบไม่มีโอกาสได้โต้กลับเลย ไม่ว่าการโจมตีของพวกเธอจะราวเร็วแค่ไหน หานเซิ่นก็จะนำไป 1 ก้าวเสมอ   ดาบในมือแต่ละข้างของเขากำลังใช้วิชาดาบที่แตกต่างกัน ยิ่งสู้กับสปิริตทั้ง 2 มากเท่าไหร่ สปิริตยิ่งตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ “หัวหน้าโคตรเจ๋งเลย!” “หัวหน้าของจริง!” “นี่สิลูกผู้ชายตัวจริง เขารับมือกับ 2 สาวได้สบายๆ” จากตอนแรกที่ทุกคนเครียดจนตัวเกร็ง ตอนนี้พวกเขาเริ่มผ่อนคลายขึ้นแล้ว ตอนนี้เหมือนกับพวกเขากำลังนั่งดูการแสดงการต่อสู้ไม่มีผิด   สปิริตแฝดร้ายกาจและน่ากลัวมากเมื่อพวกเธอผสานกระบี่กัน แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ดูไม่ทุกข์อะไรเลย ตอนนี้หานเซิ่นไล่ต้อนพวกเธอให้ถอยหลังไปเรื่อยๆ พวกเธอไม่มีพลังที่จะโต้กลับได้   อีกด้านหนึ่งของเมืองสปิริตมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาได้สักพักแล้ว พวกเขาฆ่ามอนสเตอร์ไปเป็นจำนวนมาก ตลอดเส้นทางที่พวกเขาผ่านมีแต่ซากศพและเลือดของมอนสเตอร์ พวกเขากำลังพยายามหาทางไปที่วิหาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของสปิริตสโตนอยู่   หัวหน้าของคนกลุ่มนั้นร่างกายของเขาห่อหุ้มด้วยสายฟ้าสีเขียว เขากำลังถือดาบยาวที่ห่อหุ้มด้วยกระแสไฟฟ้า มอนสเตอร์ที่ถูกดาบนั้นฟันจะถูกเผาดำเป็นถ่าน   กลุ่มของพวกเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนหยุดพวกเขาได้   คนกลุ่มนี้ก็คืออสูรอัสนีเละลูกน้อง ถึงพวกเขาจะเคลียร์ทางได้เร็วแค่ไหน พวกเขาก็ไม่มีทางเร็วกว่าหานเซิ่นที่ไม่แม้แต่จะต้องสู้กับมอนสเตอร์   ที่สำคัญอสูรอัสนีและลูกน้องไม่รู้ว่าวิหารสปิริตอยู่ตรงไหน พวกเขาเดินหามาพักใหญ่แล้ว แต่ก็ยังไม่พบจนกระทั่งพวกเขาไปเจอกับชีซิวเหวิน   “พวกคุณมาทำอะไรกันอยู่ตรงนี้เนี่ย?” เมื่อชีซิวเหวินเห็นอสูรอัสนีและพรรคพวก เขาก็ประหลาดใจ   “เมืองสปิริตราชวงศ์นี้ใหญ่เกินไป ดูเหมือนพวกเราจะหลงทาง! พวกเราหาวิหารสปิริตไม่เจอ พวกเราหาจนมาถึงที่นี่” อสูรอัสนีชี้ไปยังทางที่พวกเขาผ่านมา   “งั้นต้องรีบแล้ว ตอนนี้คนจากอีก 2 เมืองกำลังเข้าใกล้วิหารแล้ว ตามมาพวกเราจะปล่อยให้พวกเขาไปถึงก่อนไม่ได้!” ชีซิวเหวินพูด ตอนนี้เขานำทางอสูรอัสนีตรงเข้าไปที่วิหารสปิริต  

Super God Gene – ตอนที่ 592 โจมตีเมืองสปิริตราชวงศ์
Super God Gene – ตอนที่ 592 โจมตีเมืองสปิริตราชวงศ์

  “พี่หาน ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว พวกเราสามารถบุกโจมตีเมืองสปิริตราชวงศ์เมื่อไหร่ก็ได้” ชีซิวเหวินกลับมาที่เมืองแบล็คก็อต และรายงานหานเซิ่นว่าการเจรจากับอีก 2 เมืองเป็นไปได้ด้วยดี หลี่ซิงหลุนและฟิลิปยอมร่วมมือไปบุกยึดเมืองสปิริตแล้ว   “ทำดีมาก พวกเราจะทำตามแผนของนาย” หานเซิ่นดูแผนการที่ชีซิวเหวินเป็นคนคิดขึ้นมา   “พี่หาน อย่าห่วงเลย ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง พวกเราจะต้องยึดเมืองสปิริตได้อย่างแน่นอน” ชีซิวเหวินบอกกับหานเซิ่น แต่ในใจของเขากำลังคิด ‘พวกเราจะยึดเมืองสปิริตได้ แต่ผู้ครองเมืองจะไม่ใช่นายหรอก หานเซิ่น แต่คือฉันคนนี้!”   หานเซิ่นมองชีซิวเหวินด้วยสายตาที่ชื่นชม เขายิ้มพร้อมกับลูบไหล่ของชีซิวเหวิน “แน่นอน ฉันเชื่อนาย”   หานเซิ่นไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรยุ่งยากด้วยตัวเอง เขาจะมีความสุขที่ได้เห็นคนอื่นเจอเรื่องยุ่งๆมากกว่า   หลังจากที่ชีซิวเหวินออกไปแล้ว หยางม่านลี่ก็เข้ามาหาหานเซิ่นด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล “มันจะไม่เป็นไรจริงๆหรอที่ให้ชีซิวเหวินเป็นคนจัดการแผนการโจมตีทั้งหมด?”   หานเซิ่นยิ้ม “เมืองเเบล็คก็อตยังอยู่ใต้อิทธิพลของชีตงลี่ การให้ชีซิวเหวินเป็นคนจัดการเรื่องนี้จะเป็นไปได้ง่ายกว่า นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี”   “แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป หลังจากที่เรายึดเมืองสปิริตได้แล้ว” หยางม่านลี่ขมวดคิ้ว เธอไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนกับหานเซิ่น ตอนนี้เธอรู้สึกเครียดมาก   “อย่าห่วงเลย ยังไงเมืองสปิริตจะต้องเป็นของฉัน” หานเซิ่นตอบ   หยางม่านลี่เห็นว่าหานเซิ่นดูจะมั่นใจมาก ถึงเธอจะยังคงเป็นห่วงอยู่ แต่เธอก็เบาความกังวลไปได้บ้าง   ตอนนี้กองทัพจากหลายเมืองเคลื่อนพลเข้าไปใกล้ๆเมืองสปิริตราชวงศ์เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกเขาทำการเคลียร์พื้นที่รอบๆเมืองสปิริต เพื่อเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามา   เมื่อทุกคนเตรียมตัวพร้อมหมดแล้ว พวกเขาก็แบ่งกันออกเป็น 3 กลุ่ม และแยกกันไปโจมตีเมืองจากคนละทิศทาง   กลุ่มของหานเซิ่นคือกลุ่มที่ทรงพลังที่สุด พวกเขารับหน้าที่ในการบุกโจมตีทางประตูหลัก หานเซิ่นทำตามแผนการของชีซิวเหวินโดยไม่มีข้อโต้แย้งแม้แต่น้อย   เมื่อเห็นเช่นนั้น ชีซิวเหวินก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา เขาเชื่อว่าหานเซิ่นคงไว้ใจเขามาก ตอนนี้เขาสามารถควบคุมหานเซิ่นให้อยู่ในกำมือได้แล้ว ไม่งั้นเขาคงจะไม่ยอมทำตามถึงขนาดนี้   ‘รอให้ฉันยึดเมืองสปิริตได้ก่อน ถ้าเขายอมเชื่อฟัง เราก็จะไว้ชีวิตเขา’ ตอนนี้ชีซิวเหวินกำลังคิดว่าควรทำยังไงกับหานเซิ่นดี หลังจากที่ทุกอย่างจบแล้ว แต่ไม่นานนักเขาก็เกิดลังเลขึ้นมา ‘คนประเภทนี้คงไม่เหมาะกับหน้าที่หรือตำแหน่งสำคัญ แต่ยังไงก็ต้องเก็บเขาไว้เพื่อที่คนอื่นจะไม่ได้วิจารณ์เรามาก’   หลังจากการบุกโจมตีเริ่ม มอนสเตอร์ที่อยู่หลังกำแพงก็ส่งเสียงคำรามจนได้ยินได้ไกลเป็นไมล์ๆ สร้างความกดดันให้กับคนที่กำลังบุกเข้าไป แต่ยังไงพวกเขาก็ไม่มีสิทธิที่จะถอยแล้ว ตอนนี้ทุกคนเข้าปะทะกับมอนสเตอร์ตามจุดที่ตัวเองได้รับมอบหมาย   บนภูเขาหิมะที่อยู่ไม่ไกล มีหญิงรูปงามกำลังเฝ้ามองดูการต่อสู้ครั้งนี้ เธอพูดกับตัวเอง “ขอดูให้ชัดๆหน่อยว่านายแข็งแกร่งแค่ไหน”   จากระยะไกลที่อีกฝากของสนามรบ มีสาวน้อยกำลังยืนสังเกตการณ์การต่อสู้ครั้งนี้อยู่ ผมสีดำของเธอยาวจนเกือบจะถึงพื้น เธอกำลังอุ้มจิ้งจอกสีเงินอยู่   แม้หานเซิ่นจะได้รับหน้าที่ให้บุกเข้าประตูหลัก แต่คนที่ติดตามเขามีแค่คนจากกลุ่มเทพธิดาเท่านั้น ซึ่งพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก ส่วนกองทัพหลักที่จะบุกเข้าตีประตูหลักจะอยู่ภายใต้คำสั่งของชีซิวเหวิน   ในตอนนี้ชีซิวเหวินยังไม่เห็นสปิริตผมสีเงินปรากฏตัวออกมาเลย ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ชีซิวเหวินยังไม่รู้ว่าตอนนี้สปิริตจะไม่มีทางออกมาจากวิหาร เนื่องจากพวกเธอกลัวว่าหานเซิ่นจะบุกเข้าไปขโมยสปิริตสโตน   หานเซิ่นสวมชุดเกราะเกล็ดโลหิตและถือดาบคู่ เขานำหยางม่านลี่และคนสนิทของเขาบุกเข้าโจมตีที่ประตูหลัก   ชีซิวเหวินมอบหมายหน้าที่บุกเข้าโจมตีแนวหน้าสุดให้กับหานเซิ่น ซึ่งตำแหน่งนั้นเป็นตำแหน่งที่มอนสเตอร์แข็งแกร่งที่สุด เขาหวังให้มอนสเตอร์กำจัดคนสนิทของหานเซิ่นได้สัก 3-4 คนหรือไม่ก็ทั้งหมดเลยก็ยิ่งดี   แต่แทนที่พวกเขาจะค่อยๆบุกเข้าไป หานเซิ่นและคนของเขากับตัดสินใจรีบฝ่าเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง เมื่อชีซิวเหวินเห็น เขาก็ส่ายหน้า ‘คนๆนี้แม้จะกล้าหาญ แต่เขาโง่เกินไป เขาไม่เหมาะที่จะทำงานใหญ่’   ขณะที่ชีซิวเหวินกำลังคิดอยู่ เขาก็รู้สึกว่าแผนดินกำลังไหว พื้นที่รอบๆเมืองสปิริตราชวงศ์สั่นสะเทือน จากนั้นแมลงสีเงินจำนวนมหาศาลก็หลั่งไหลออกมาจากรอยแยกบนพื้น ราวกับน้ำป่าทะลัก   การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น แต่แมลงสีเงินก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว มันต่างจากครั้งที่แล้ว ที่แมลงจะออกมาช้ากว่านี้   ชีซิวเหวินขมวดคิ้ว แต่กระนั้นเขาก็เตรียมการสำหรับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ถ้าไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะไม่สามารถโน้มน้าวฟิลิปและหลี่ซิงหลุนให้มาร่วมต่อสู้ในครั้งนี้ได้   สัญญาณเตือนถูกส่งออกไป จากนั้นทหารทั้งหมดก็เปิดกระเป่าเป้ของตัวเอง และขว้างเนื้อจำนวนมากไปทั่วสนามรบ ในชั่วพริบตาพื้นหิมะก็เต็มไปด้วยเลือดของมอนสเตอร์จำนวนมาก   แมลงสีเงินไม่ได้แยกมิตรหรือศัตรู พวกมันไม่รู้อะไรเลย พวกมันจะโจมตีทุกอย่างที่เห็น เมื่อพวกมันได้กลิ่นเลือด พวกเขาก็พุ่งเข้าไปทันที ตอนนี้พวกมันต่างก็เข้าไปแย่งกันกินเนื้อจำนวนมากในสนามรบ   “ตอนนี้แหละรีบบุกเข้าไป!” ชีซิวเหวินตะโกน พวกผู้วิวัฒนาการหลบแมลงสีเงิน และก็เริ่มวิ่งตรงไปข้างหน้าทันที พวกเขาบุกเข้าไปประชิดเมืองสปิริตราชวงศ์อย่างรวดเร็ว   แต่เมื่อชีซิวเหวินหันไปมองที่ประตูหลัก เขาก็เห็นหานเซิ่นและผู้ติดตามเข้าไปข้างในเรียบร้อยแล้ว ความเร็วในการเคลียร์ทางของพวกเขาทำให้เขาช็อคมาก   มอนสเตอร์ที่เฝ้าหน้าประตูหลักนั้นแข็งแกร่งที่สุด แม้กระนั้นหานเซิ่นและผู้ติดตามก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย หานเซิ่นเป็นแนวหน้า เขาถือดาบคู่ในมือ เล่มหนึ่งสีเงิน เล่มหนึ่งสีม่วงแดง เขาต่อสู้ราวกับเต้นระบำ มอนสเตอร์ที่ไม่ใช่ระดับเลือดศักดิ์สิทธิทุกตัวจะตายด้วยการโจมตีครั้งเดียว ไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนขวางทางของเขาได้ เลือดสาดกระจายไปทุกที่   “เป็นวิชาที่น่ากลัวจริงๆ แต่ยังไงเขาก็เป็นคนที่โง่อยู่ดี” ชีซิวเหวินมองไปที่ท้องฟ้าเหนือเมืองสปิริตราชวงศ์ เขาคิด ‘เมืองนี้มีมอนสเตอร์อยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาคงจะเข้าถึงใจกลางได้ไม่ง่ายแน่ ตอนนี้อสูรอัสนีกำลังบุกเข้ามาจากอีกด้าน พวกเขาน่าจะถึงวิหารที่เป็นที่ตั้งของสปิริตสโตนก่อนหานเซิ่น ได้แต่หวังว่าเขาจะได้รับความภักดีจากสปิริต แต่ยังไงสปิริตราชวงศ์ที่ครองเมืองนี้อยู่ก็แข็งแกร่งมาก หวังว่าเขาจะรับมือได้!”   ขณะที่ชีซิวเหวินกำลังคิด เขาก็เห็นหานเซิ่นนำคนบุกเข้าไปในเมืองแล้ว เพราะแมลงสีเงินปรากฏตัวออกมา พวกมอนสเตอร์เลยตกอยู่ในความโกลาหล ทำให้หานเซิ่นฝ่าเข้าไปในเมืองง่ายขึ้นมาก   ชีซิวเหวินไม่กล้าที่จะรอช้า เขารีบวิ่งตรงเข้าไปในเมืองจากอีกทางหนึ่ง แต่เขายังคิดว่าไม่จำเป็นต้องรีบมากนัก ยังไงไม่มีทางที่หานเซิ่นจะไวกว่าอสูรอัสนี ตอนที่หานเซิ่นไปถึง อสูรอัสนีก็น่าจะทำลายสปิริตสโตนไปแล้ว   แต่ทว่าชีซิวเหวินไม่ได้สังเกตเลยว่าในช่วงที่ทุกอย่างกำลังโกลาหลอยู่นั้นมีจิ้งจอกสีเงินตัวหนึ่งวิ่งฝ่าเข้าเมืองไป มันกำลังวิ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่นจากอีกด้าน ไม่มีมอนสเตอร์แม้แต่ตัวเดียวกล้าขวางทางวิ่งของมัน   หยางม่านลี่ จูถิง ลุงชิงและคนอื่นๆที่เหลือ พวกเขากำลังติดตามหานเซิ่นไปที่ใจกลางของเมืองสปิริตราชวงศ์ หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในเมืองได้ พวกเขาก็ต้องช็อคกับจำนวนมอนสเตอร์ภายในเมือง มันมีเยอะกว่าข้างนอก ที่สำคัญมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิรวมอยู่ด้วยหลายตัว แต่ดูเหมือนสปิริตจะไม่ได้เข้ามาร่วมต่อสู้ด้วย   “มีมอนสเตอร์อยู่เยอะเกินไป พวกเราควรจะรอกำลังเสริมก่อนไหม?” จูถิงมองไปรอบๆด้วยความวิตกกังวล พวกเขาคือกลุ่มเดียวที่เข้ามาลึกขนาดนี้   “ไม่ต้องรอ” ในขณะที่หานเซิ่นกำลังพูด จิ้งจอกสีเงินก็กระโดดขึ้นมาอยู่บนไหล่ของหานเซิ่น  

Super God Gene – ตอนที่ 591 พลังอันไร้ขีดจำกัด
Super God Gene – ตอนที่ 591 พลังอันไร้ขีดจำกัด

  หานเซิ่นไม่กล้าห้ามควีนไม่ให้ออกไป เพราะยังไงเขาก็ละอายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก ตอนนี้เขาแทบจะมองหน้าเธอไม่ติด   “หลังจากที่ผมปลดล็อคยีนได้แล้ว ผมจะไปพบคุณได้ที่ไหน?” หานเซิ่นถาม   “ติดต่อหวงฟูผิงชิง หล่อนจะบอกให้นายรู้เอง” ควีนตอบ จากนั้นเธอก็เดินออกจากประตูไป   หลังจากที่เธอก้าวออกจากห้อง เธอหยุดและพูด “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถ้ามันรั่วไหลออกไป นายตายสถานเดียว” จากนั้นเธอก็เดินจากไป   เมื่อเห็นควีนไปแล้ว หานเซิ่นก็คิดเกี่ยวกับคำพูดของเธอ การที่เธอพูดแบบนั้นแสดงว่าเธอปลดล็อคยีนได้แล้วแน่ๆ เธอยังพูดอีกว่ามาร่วมกับเรา แสดงว่าเธอไม่ได้ไปล่าคนเดียว   มอนสเตอร์ตัวนั้นทรงพลังถึงขนาดไหน ขนาดควีนที่มีทีมอยู่แล้วก็ยังมาหาสมาชิกเพิ่มอีก? ความเป็นไปได้เดียวที่หานเซิ่นพอจะคิดได้ก็คือมันจะต้องเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดแน่ๆ   “พวกเขาจะเคยฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดกันมาก่อนรึเปล่า?” ตอนนี้หานเซิ่้นสงสัยอย่างมาก แต่เขายังไม่ได้ปลดล็อคยีน เขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปเข้าร่วมกับเธอ   “เหมือนว่าเราต้องรีบฝึกศาสตร์ตงเสวียนซะแล้ว” หานเซิ่นยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน เขากำลังคิดอยู่ว่าถ้าเขาต้องการปลดล็อคยีนขั้นแรก วิธีที่เร็วที่สุดน่าจะต้องใช้กายหยกมากกว่า แต่เขายังกลัวอยู่ว่าถ้าเกิดปลดล็อคยีนด้วยกายหยก เขาจะกลายเป็นคนโหดเหี้ยมเหมือนกับคนตระกูลเสวียรึเปล่า ตอนนี้มันยังยากที่เขาจะตัดสินใจ   “เราก็ฝึกศาสตร์ตงเสวียนมานานแล้ว บางทีมันอาจจะทำให้กายหยกบริสุทธิ์ขึ้นได้ ลองดูละกัน!” หานเซิ่นอยากรู้มากว่ามอนสเตอร์ที่ควีนจะไปล่าใช่มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดรึเปล่า ที่สำคัญพวกเขาเคยฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดมาก่อนรึเปล่า ความสงสัยของเขาทำให้เขาเสี่ยงที่จะกลับมาฝึกกายหยก   ตอนนี้เขาฝึกศาสตร์ตงเสวียนจนก้าวหน้ามากแล้ว ถ้ามีปัญหาขณะฝึกกายหยก เขาคิดว่าน่าจะใช้ศาสตร์ตงเสวียนยับยั้งมันได้   แต่ก่อนที่เขาจะเริ่มฝึกกายหยก เขากลับไปที่บ่อน้ำเพื่อหาเก็บเห็ดสีแดง หลังจากที่ได้เห็ดมา เขาก็ตัดมันเป็นชิ้นเล็กๆ และใช้มันช่วยฝึกวิชาตะวันหยก ถึงเขาจะยังได้รับผลข้างเคียงอยู่บ้าง แต่มันก็อยู่ในระดับที่เขาควบคุมตัวเองได้   หลังจากที่เขาดูดซับพลังจากเห็ดสีแดง ไตของเขาก็เริ่มส่องแสงออกมา ตอนนี้เขารู้สึกว่าพลังของเขามันไร้ขีดจำกัด   หานเซิ่นรู้สึกว่าไตของเขาแปลกๆไป ถึงเขาจะฝึกวิชาตะวันหยกเหมือนปรกติ แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันต่างออกไป ตอนนี้มันมีแสงสีม่วงๆกำลังส่องออกมาจากไตของเขา   ‘แสงสีม่วงจะต้องเป็นพลังที่ควีนใช้ใส่เราแน่ๆ มันคงเป็นพลังที่เธอได้จากการปลดล็อคยีนขั้นแรก แต่เราจะสามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้รึเปล่า เรายังไม่แน่ใจด้วยว่ามันจะเป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่ ตอนนี้เหมือนมันจะฝังอยู่ในไตของเราเรียบร้อยแล้ว’ หานเซิ่นใช้ความคิดอย่างหนัก   หานเซิ่นฝึกตะวันหยกไปเรื่อยๆ แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าแสงสีม่วงของควีนจะส่งผลเสียอะไร หลังจากที่เขากินเห็ดที่เก็บมาจนหมด ตะวันหยกของเขาก็สมบูรณ์แล้ว ตอนนี้ไตทั้ง 2 ข้างของเขากำลังส่องแสงออกมาเหมือนกับเตาหลอม มันส่งพลังให้กับหานเซิ่นตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง   หานเซิ่นไม่แน่ใจว่ามันเกี่ยวกับที่เขาสำเร็จวิชาตะวันหยกรึเปล่า เพราะตอนนี้มนตรานอกรีตก็สำเร็จขั้นที่ 3 ‘ยืดอายุ’ เรียบร้อยแล้ว   ที่ผ่านๆมาเมื่อหานเซิ่นใช้วิชามนตรานอกรีต ถึงเขาจะได้รับพลังมหาศาล แต่เขาก็ไม่สามารถใช้มันได้นานนัก หัวใจของเขาไม่สามารถทนรับภาระได้ ถ้าเขาฝืนใช้มันนานๆก็จะส่งผลเสียกับร่ายกาย แต่หลังจากที่เขาสำเร็จขั้นยืดอายุ ไม่ใช่แค่พลังของมันจะสูงขึ้นเท่านั้น แต่เขายังสามารถใช้พลังอย่างไม่มีขีดจำกัด โดยไม่ทำให้ร่างกายของเขาเสียหาย   “ด้วยตะวันหยกกับมนตรานอกรีดขั้นที่ 3 ก็เหมือนมีพลังที่ไร้ขีดจำกัด เราสามารถใช้วิชาที่กินพลังได้ติดต่อกันโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขกับความก้าวหน้ามาก   มันเป็นความสามารถที่ดูจะโกงมาก ถึงมันจะดูไม่มีอะไรพิเศษ นอกจากมีพลังงานไม่จำกัด แต่แค่นั้นมันก็สุดยอดมากแล้ว   ยกตัวอย่างเช่น วิชาสายลมสังหารของอีตงมู่ มันเป็นวิชาที่เขาทุ่มพลังและสมาธิทั้งหมดในการโจมตี หลังจากที่โจมตีแล้ว เขาก็ต้องใช้เวลาพักนานกว่าจะโจมตีได้อีก   แต่ตอนนี้หานเซิ่นสามารถใช้มันได้รัวๆ เหมือนกับเป็นการโจมตีธรรมดาๆเลย เขาไม่จำเป็นต้องพักเลยสักนิด   เหมือนกับการเล่นเกม ผู้เล่นจะต้องรวบรวมพลังนานกว่าจะใช้ท่าไม้ตายหรืออันติได้ แต่ตอนนี้หานเซิ่นสามารถกดใช้มันได้รัวๆ   ตะวันหยกกับมนตรานอกรีตขั้น 3 เป็นวิชาผสานที่น่ากลัวมาก แค่คิดตัวของหานเซิ่นก็สั่นไปหมดแล้ว   แต่เขาก็ได้แค่คิด เพราะตอนนี้หานเซิ่นไม่รู้วิชาใช้วิชาสายลมสังหาร ไม่ว่าเขาจะมีพลังไร้ขีดจำกัดยังไง ถ้าไม่รู้วิธีใช้ก็ไม่มีประโยชน์ แต่เขาก็ยังมีวิชามีดอัสนีที่ได้จากซินเสวียนอยู่ เมื่อก่อนหลังจากโจมตีแล้ว เขาจะต้องเว้นระยะเพื่อพื้นพลังประมาน 8 วิ กว่าจะโจมตีได้อีก แต่ตอนนี้เขาสามารถใช้มันได้เรื่อยๆ   “เหมือนว่าเราต้องดัดแปลงวิชาดาบคู่เพิ่มอีกหน่อยแล้ว” หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขมาก ความก้าวหน้านี้มีความหมายกับเขามาก   ด้วยพลังกายอันเหลือล้น เขาสามารถแก้ปัญหาการที่วิชาดาบคู่ของเขาขาดท่าที่มีพลังรุนแรง ตอนนี้เขาสามารถใส่กระบวนท่าที่รุนแรงเข้าไปเพิ่มได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะสิ้นเปลืองพลังงาน   ตอนนี้เขาคิดว่าจะหาท่าไม้ตายของวิชาอื่นๆเข้ามาผสมผสานด้วย เขาคิดว่าหลังจากดัดแปลงแล้ว ประสิทธิภาพของวิชาดาบคู่น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ซึ่งมันทำให้เขาเอาชนะสปิริตแฝดได้อย่างสบาย   หานเซิ่นต้องการเร่งทำการดัดแปลงวิชาดาบคู่ให้เร็วที่สุด ตอนนี้หานเซิ่นต้องการท่าไม้ตายของแต่ละวิชา ดังนั้นเขาจึงใช้ใบอนุญาตเรียนวิชาระดับSของผู้วิวัฒนาการ 5 ใบเพื่อซื้อวิชาดาบมา 5 วิชา และเขาก็เอาท่าไม้ตายของแต่ละวิชามาดัดแปลงมาเป็นส่วนหนึ่งของวิชาดาบคู่ของเขา   ตอนนี้วิชาดาบคู่เป็นวิชาที่มีกระบวนท่ามากกว่า 100 กระบวนท่า ซึ่งหานเซิ่นต้องลดจำนวนกระบวนท่าลง เขาเลือกเอากระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดไว้ 50 กระบวนท่า หลังจากฝึกซ้อมและดัดแปลงต่อไปอีก ในที่สุดหานเซิ่นก็สามารถเลือกจนเหลือแค่ 12 กระบวนท่าได้   ดาบแต่ละข้างของเขาจะมี 12 กระบวนท่า ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่สมบูรณ์แบบที่สุด แค่กระบวนท่าเดียวก็พิเศษและรุนแรงมากพอแล้ว ยิ่งถ้าเขาเอามันมาใช้ผสานกันและใช้ต่อเนื่องไม่มีหยุด เขาไม่คิดว่าจะมีคู่ต่อสู้คนไหนต้านวิชาดาบคู่ของเขาได้ ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีระดับความแข็งแกร่งสูงกว่าหานเซิ่นก็ตาม   “ในที่สุดก็ได้วิชาดาบคู่ที่เราต้องการสักที การจัดการกับสปิริตคงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป แต่สงสัยจริงๆว่าชีซิวเหวินเจรจาไปถึงไหนแล้ว” หานเซิ่นแทบจะรอวันที่จะไปบุกยึดเมืองสปิริตไม่ไหวแล้ว   ชีซิวเหวินไม่สามารถหาหนทางเจรจาให้หลี่ซิงหลุนเเละฟิลิปยอมร่วมมือได้ เพราะมันติดปัญหาเรื่องแมลงสีเงิน พวกเขากลัวแมลงสีเงินจนไม่กล้าไปโจมตีเมืองสปิริตอีก   ดังนั้นชีซิวเหวินจึงต้องทุ่มเงินมหาศาลเพื่อให้หลี่ซิงหลุนและฟิลิปยอมตกลงที่จะร่วมโจมตีเมืองสปิริต   “ในที่สุดทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ก็จะตกมาเป็นของฉันคนนี้!” ชีซิวเหวินเดินทางกลับไปที่เมืองเเบล็คก็อตอย่างตื่นเต้น   การยึดเมืองสปิริตได้ก็เท่ากับว่าเขาจะมีอิทธิพลมากที่สุดในทุ่งน้ำแข็ง ซึ่งมันทำให้เขาตื่นเต้นมาก ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองดีพอที่จะสืบทอดอำนาจต่อจากพ่อของเขาได้แล้ว  

Super God Gene – ตอนที่ 590 ดูดซับพลัง
Super God Gene – ตอนที่ 590 ดูดซับพลัง

  แสงสีม่วงที่เธอปล่อยออกมาเริ่มจางลงไป ถึงเธอจะโกรธจริงๆ แต่เธอก็ยังยั้งมือไว้แล้ว ไม่อย่างงั้นคนที่สามารถปลดล็อคยีนได้แล้วอย่างเธอ แค่การโจมตีครั้งเดียวก็เพียงพอจะปลิดชีวิตของหานเซิ่นได้   เธอรู้ว่ามันเกิดสิ่งผิดปรกติขึ้นกับร่างกายของหานเซิ่น เธอจึงทำให้ร่างกายของหานเซิ่นเสียหายอย่างจำกัดที่สุด โดยเฉพาะแสงสีม่วงที่เธอปล่อยใส่ร่างกายของหานเซิ่น มันจะช่วยให้หานเซิ่นมีจิตใจที่บริสุทธิ์ขึ้น   แม้หานเซิ่นจะรู้สึกทรมานอยู่ แต่เขาก็ยังรับรู้ได้ถึงความรู้สึกแปลกๆภายในร่างกายของเขา เหมือนกับว่ามันกำลังช่วยขจัดผลข้างเคียงของเห็ดสีแดงที่หานเซิ่นกินเข้าไป   ตอนนี้หานเซิ่นเริ่มได้สติกลับมาอีกครั้ง เขาสามารถหลับตาลง และเพ่งสมาธิกับการใช้วิชาตะวันหยก เขาเริ่มดูดซับพลังแสงสีม่วงและเห็ดสีแดงเข้าไปในไตของเขา   เมื่อพลังทั้ง 2 ถูกดูดเข้าไป ไตของเขาก็ส่องแสงสีแดงและม่วงออกมา ตอนนี้พลังอันมหาศาลกำลังไหลเวียนไปทั่วร่างของเขา   หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขมาก ดูเหมือนว่าพลังทั้ง 2 จะส่งผลดีกับร่างกายเขา เขารู้สึกว่าตะวันหยกเริ่มพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนกับว่าเขาใกล้จะฝึกมันสำเร็จเต็มทีแล้ว   ผู้หญิงเรียกวิญญาณอสูรชุดเกราะออกมา และเธอก็นั่งลงบนเก้าอี้ เธอดูจะสงสัยมาก เธอมองหานเซิ่นด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ในขณะที่กำลังหน้าแดงอยู่   ‘ฉันน่าจะฆ่านายทิ้งซะ’ เมื่อเธอคิดถึงภาพที่หน้าอาย เธอก็รู้สึกอยากจะฆ่าหานเซิ่น เธอมองหานเซิ่นด้วยสายตาที่ขยะแขยง   ควีนอุส่าเดินทางจนมาถึงทุ่งน้ำแข็ง เธอรู้ว่าหานเซิ่นอยู่ที่นี่จากหวงฟูผิงชิง ดังนั้นเธอเลยเดินทางมาดูให้เห็นกับตาว่าเขาจะยอดเยี่ยมเหมือนกับที่หวงฟูผิงชิงพูดหรือเปล่า เพื่อที่เธอจะได้ขอความร่วมมือจากเขา   ควีนไม่ต้องการรบกวนหรือเป็นที่สนใจ เธอเลยมาในช่วงกลางดึก ด้วยความสามารถในซ่อนตัวของเธอ ทำให้เธอเข้ามาถึงห้องของเขาโดยไม่มีใครรู้ แต่เธอก็ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น   เมื่อเธอคิดว่าเพิ่งจะถูกผู้ชายอย่างหานเซิ่นลวนลาม เธอก็อยากจะตบเขาให้ตายซะตรงนี้   แต่ในใจของเธอก็ยังมีความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอยู่ เธอรู้ว่าเธอเข้ามารบกวนเขาในระหว่างฝึกวิชา จนมันอาจจะเป็นเหตุให้เกิดเรื่องแบบนี้ เธอจะตำหนิหานเซิ่นฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก   ในตอนนั้นถึงมันจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ด้วยพรสวรรค์ของเธอ เธอก็น่าจะสามารถสลัดหานเซิ่นและหนีออกไปได้ แต่เมื่อเธอเคลื่อนที่โดยใช้หมากล้อมสวรรค์ หานเซิ่นกลับสามารถขวางทางของเธอได้   แม้พื้นที่ในห้องมันจะแคบมากจนยากที่จะหนี แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่เธอหนีไม่ได้ เธอไม่คิดว่าหานเซิ่นจะมีความสามารถถึงขนาดนี้ ซึ่งมันทำให้เธอช็อคจนทำอะไรไม่ถูก   เธอคือคนที่สอนหมากล้อมสวรรค์ให้กับหานเซิ่นเอง แต่เธอคาดการณ์ความก้าวหน้าของเขาผิดไป เธอประเมินความสามารถของเขาต่ำกว่าความเป็นจริง จนทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้น   ถ้าควีนเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ผลลัพธ์มันจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เป็นไปไม่ได้เลยที่หานเซิ่นจะกดเธอกับกำแพงได้   ‘เขาทำแบบนั้นได้ยังไง?’ ควีนต้องถามตัวเอง   เธอสอนหานเซิ่นเกี่ยวกับหมากล้อมสวรรค์เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่เขาก็สามารถใช้มันได้ถึงขนาดนี้ มันเป็นระดับที่ไม่ห่างไกลกับเธอมาก และเขาน่าจะยังพัฒนาได้อีก   ด้วยระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่น และวิชาหลายๆวิชาที่เขาฝึกมา ถ้าสู้กันจริงๆ เขาก็อาจจะไม่ด้อยไปกว่าเธอสักเท่าไหร่   นี่ทำให้เธอประหลาดใจมาก เธอไม่อยากจะเชื่อว่าการที่เธอสอนเขาแค่เล็กน้อยแค่นั้น มันกับทำให้เขาพัฒนาได้ถึงขนาดนี้   ระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่นก็สูงมาก ระดับความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ห่างจากเธอไม่มาก ต่างกันตรงที่เขายังปลดล็อคยีนไม่ได้เท่านั้นเอง   จากที่เธอรู้มา หานเซิ่นเข้ามาในก็อตเเซงชัวรี่เขต 2 ได้แค่ปีกว่าๆ ในสถานที่ที่มีทรัพยากรจำกัดแบบนี้ แต่เขากับพัฒนาไปได้ไกลขนาดนี้ในเวลาอันสั้น เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก   ‘เรามาเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของเขา แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่จำเป็นแล้ว ถ้าเขาปลดล็อคยีนได้เมื่อไหร่ เราก็สามารถรับเขามาร่วมทีมได้ แต่…’ เมื่อควีนคิดถึงเหตุการณ์ที่เธอถูกลวนลาม เธอก็ไม่อยากจะมองหน้าของเขาอีกต่อไป   แต่ควีนก็คือควีน เธอคือผู้หญิงที่แกร่งกว่าผู้หญิงทั่วๆไป เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เธอถอยหนีได้ เธอยังคงนั่งมองหานเซิ่นด้วยแววตาที่เย็นชาต่อไป   เมื่อหานเซิ่นดูดพลังจากเห็ดสีแดงและแสงสีม่วงจนหมดแล้ว ถึงเขายังไม่สำเร็จวิชาตะวันหยก แต่ผลข้างเคียงจากเห็ดสีแดงก็หายไปหมดแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะมาดีใจ เพราะการที่เขาทำแบบนี้ได้เพราะความช่วยเหลือจากแสงสีม่วงของควีน   ตอนที่ไตของเขาดูดแสงสีม่วงเข้าไป เหมือนมีบางอย่างแตกต่างไปจากเดิม เขาเชื่อว่าถึงเขาจะกินเห็ดสีแดงอีก เขาก็จะไม่ได้รับผลข้างเคียงที่ทำให้มีอารมณ์ทางเพศอีกแล้ว   แต่เขาจะต้องทดสอบให้แน่ใจก่อน สิ่งที่เขาต้องทำก็คือไปเก็บเห็ดมาเพิ่มและลองกินมันดู ไม่นานเขาก็น่าจะฝึกวิชาตะวันหยกได้สำเร็จ   หานเซิ่นลืมตาขึ้นมา เขาก็เห็นควีนอยู่ตรงหน้าเขา เธอกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ภาพตอนที่เขาลวนลามเธอแล่นเข้ามาในหัวของเขา เขาจินตนาการถึงตอนที่เขาจับหน้าอกของเธอ มันช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้เขามองหน้าอกของเธออีกครั้ง   ‘เยี่ยมจริงๆ’ หานเซิ่นเห็นผู้หญิงสวยๆมามาก แต่หน้าอกของผู้หญิงคนนี้สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น มันไม่ได้ด้อยไปกว่าของหวงฟูผิงชิงเลย มันดูสมบูรณ์แบบมาก   “ถ้านายอยากจะตายนักก็จ้องมองมันต่อไป” ควีนมองหานเซิ่นด้วยแววตาที่เย็นชา ใบหน้าของเธอดูไร้อารมณ์ เธอกำลังพยายามยับยั้งความรู้สึกโกรธอยู่   “ผมขอโทษจริงๆ แต่นี่คือห้องของผม คุณเป็นคนที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณจะมาตำหนิผมไม่ได้” หานเซิ่นกำลังไอ ขณะที่เขาพูด   เมื่อเห็นควีนยังคงจ้องมองเหมือนจะเอาเรื่องเขาให้ได้ มันก็ทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา เขากลืนน้ำลายก่อนที่จะถาม “ว่าแต่คุณคือใคร? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”   หานเซิ่นเคยเห็นควีนมาก่อนก็จริง แต่ที่ภัตตาคารเขามองเห็นหน้าเธอไม่ชัดนัก เขาจึงจำหน้าของเธอไม่ได้ บวกกับตอนนี้เขากำลังมึนอยู่มาก เขาลืมแม้กระทั่งว่าเขาโดนอะไรไปบ้าง   “ควีน” เธอพูด   หานเซิ่นตงตะลึง “คุณนั่นเอง! ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”   หลังจากที่ควีนแนะนำตัว หานเซิ่นก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าเธอ และเธอก็น่าจะเป็นผู้หญิงไม่กี่คนที่มีพลังพอจะเล่นงานเขาได้แบบนั้น   “ฉันมาเพื่อดูให้เห็นกับตาว่านายจะเข้าร่วมกับพวกเราในการล่าได้รึเปล่า แต่เท่าที่ฉันเห็น ฉันไม่คิดว่านายมีความสามารถพอ นายคิดว่าตัวเองจะปลดล็อคยีนขั้นแรกได้เมื่อไหร่?” ควีนพูดอย่างไร้อารมณ์   จริงๆแล้วควีนประทับใจในความสามารถและความแข็งแกร่งของเขา แต่มันติดอยู่ตรงที่เขายังไม่ปลดล็อคยีนขั้นแรก ถ้ายังไม่ปลดล็อค เขาก็ไม่น่าจะรอดจากการออกล่าที่เธอกำลังจะไปล่าได้   “ผมกลัวว่าจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆกว่าผมจะปลดล็อคยีนได้ แต่ผมคิดว่าผมน่าจะช่วยคุณล่าได้”   ควีนไม่ตอบอะไร หลังจากได้ยินเธอก็ลุกขึ้นและเตรียมจะออกจากห้อง เหตุผลที่เธอนั่งอยู่จนถึงตอนนี้ก็เพื่อที่เธอจะได้ถามคำถามนี้ และดูว่าหานเซิ่นจะตอบยังไง  

Super God Gene – ตอนที่ 589 เข้ามา
Super God Gene – ตอนที่ 589 เข้ามา

  หานเซิ่นตกตะลึง ตอนนี้ความอยาก มันกำลังเผาผลาญร่างกายของเขา ไตของเขากำลังส่งเสียงดังจากความร้อน ตอนนี้ราวกับมีลูกไฟกำลังอยู่ภายในร่างกายของเขา ตอนนี้เขารู้สึกอึดอัดมาก เขาต้องการปลดปล่อย   “บ้าเอ้ย! ทำไมถึงได้มาเวลานี้?” ตอนนี้หานเซิ่นไม่มีกะจิตกะใจจะเพ่งสมาธิเพื่อสยบความอยากของเขาแล้ว   ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกมึนงง เขาฟังไม่ออกว่าใครเป็นคนที่พูดอยู่ข้างนอก และผู้หญิงคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่อย่างไรก็ตามหานเซิ่นไม่จำเป็นต้องฟัง เขาก็พอเดาได้ว่าเป็นใคร   ปรกติไม่ค่อยมีคนมาหาเขาที่ห้อง ในเมืองนี้มีไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้ามาหาเขา ผู้หญิงคนเดียวที่มาหาเขาได้ก็คือหยางม่านลี่ แต่เธอจะมาก็ต่อเมื่อมีเรื่องสำคัญจริงๆเท่านั้น นอกจากเธอแล้วก็ไม่น่ามีคนอื่น   แต่เมื่อคิดถึงหยางม่านลี่แล้ว เขาก็ดันไปนึกถึงขาสีขาวอันเรียวยาวของเธอ ตอนนี้หัวของเขาแทบจะระเบิด เขาไม่สามารถหักห้ามใจได้ เขารู้สึกว่าขาของเธอมันน่าอร่อย ตอนนี้เขาไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น นอกจากพังประตูออกไป และจับเธอกดลงกับพื้น   หานเซิ่นพยายามใช้ทุกอย่างเพื่อสยบความอยากของตัวเองได้ให้ ตอนนี้เขาเร่งใช้พลังของตะวันหยกเป็น 2 เท่า เขาพยายามอย่างมากเพื่อทำให้ความต้องการทางเพศของเขาหมดลงให้ได้   ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ไม่เหมือนกับก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ที่ใครก็สามารถเข้าห้องของคนอื่นได้ แต่หยางม่านลี่ไม่ใช่คนที่จะเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้กังวลมาก   อย่างน้อยถ้าหานเซิ่นไม่ได้เห็นเธอตรงๆ เขาคิดว่ายังพอสงบสติอารมณ์ได้ แต่หานเซิ่นก็ต้องช็อค เมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก   ‘เวรเอ้ยย! หยางม่านลี่ ปรกติเธอไม่ใช่คนแบบนี้นี่น่า แล้วทำไมวันนี้ถึงได้เปิดเข้ามา?’ ตอนนี้จิตใจของหานเซิ่นเเตกเหมือนกับเปลือกไข่ หัวใจของเขาเต้นรัว   เขาได้รับเสียงฝีเท้าของผู้หญิงเดินเข้ามาในห้อง ถึงหานเซิ่นจะพยายามบังคับตัวเองให้หลับตา แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงของเธอ จิตใจของเขาก็สั่นคลอน ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่รูปเปลือยของผู้หญิงเต็มไปหมด เขาไม่สามารถคิดอย่างอื่นได้   ขณะเขากำลังพยายามจะสงบตัวเองให้ได้ ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง จมูกของเขามีเลือดไหลออกมา   ผู้หญิงค่อยๆเดินเข้ามาใกล้หานเซิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันทำให้เขาอยากจะกรีดร้องออกมา ผลของเห็ดสีแดงมันรุนแรงจริงๆ ขนาดจูถิงกินไปแค่นิดเดียว มันยังมีผลถึงขนาดนั้น แต่นี่หานเซิ่นกินเข้าไปเกือบทั้งอัน   หานเซิ่นไม่กล้าลืมตาหรืออ้าปาก เขากลัวว่าถ้าเขาเริ่มพูดหรือลืมตาเมื่อไร เขาก็จะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว   “ออกไปซะ ถึงฉันจะมีความสุขที่ได้นอนกับผู้หญิง แต่ฉันจะทำกับผู้หญิงที่ฉันรักเท่านั้น ตอนนี้ฉันกำลังต้านผลข้างเคียงของยาอยู่ ออกไปซะ ออกไปจากที่นี่ ออกไปหยางม่านลี่!” ตอนนี้หานเซิ่นพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว แม้เขาจะต้องกบฏต่อหัวใจตัวเองก็ตาม   แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงเดินเข้ามาหาหานเซิ่น ดูเหมือนเธอจะพบว่าหานเซิ่นมีพฤติกรรมแปลกๆ เธอเดินมาตรงหน้าหานเซิ่น และพยายามดูเขาให้ชัด   ผู้หญิงคนนี้เข้ามาใกล้มากจนหานเซิ่นได้กลิ่นของเธอ ตอนนี้ทั้งตัวของเขามันเหมือนกับถูกไฟเผา เลือดไหลออกมาจากจมูกของเขาเหมือนกับน้ำตก   หานเซิ่นกำลังต่อสู้กับความต้องการ เขากัดฟันอย่างแรงจนลิ้นมีเลือดไหลออกมา เขาหวังว่าความเจ็บมันจะช่วยให้เขาเอาชนะความอยากไปได้ มีเลือดหยดลงมาจากปากของเขา   ผู้หญิงขมวดคิ้ว เธอคิดว่าหานเซิ่นจะต้องฝึกวิชาอะไรบางอย่างจนเกิดอาการผิดปรกติแน่ เธอเริ่มคิดว่าการที่เธอเข้ามาโดยพลการเป็นเหตุ ทำให้เกิดความผิดพลาดในขั้นตอนการฝึกของเขารึเปล่า   ผู้หญิงคนนั้นโน้มตัวเข้ามาใกล้ๆ เธอยื่นมือไปเตะที่คอของหานเซิ่นเพื่อตรวจดูชีพจร เธออยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหานเซิ่น   แต่เมื่อนิ้วของเธอสัมผัสกับคอของหานเซิ่น ตอนนี้หานเซิ่นก็สูญเสียการควบคุมตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว นิ้วของเธอเป็นเหมือนกับน้ำมันที่ราดลงมาในกองเพลิง หานเซิ่นลืมตาขึ้นมา   หญิงสาวรูปงามยืนอยู่ต่อหน้าหานเซิ่น รูปลักษณะของเธอดูสง่างามมาก ความสูงของเธอพอๆกับหานเซิ่น เธอสวมชุดสูทสำหรับต่อสู้สีขาว สัดส่วนของเธอมันช่างยั่วยวน ขายาวๆ ก้นงอนๆและหน้าอกใหญ่ๆของเธอมันดูสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องหัวใจเต้นรัว   ใบหน้าอันเรียบเนียนของเธอดูเย็นชาแต่ก็สง่างาม เธออ้าปากเพื่อพูดบางอย่าง แต่ในตอนนี้หานเซิ่นไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง ถึงผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้ดูเหมือนกับหยางม่านลี่ แต่รูปร่างของเธอก็น่าดึงดูดไม่แพ้กัน บางทีอาจจะยิ่งกว่าหยางม่านลี่ เธอเป็นสาวในสเปคของหานเซิ่นเลย ตอนนี้หานเซิ่นควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว   ตาของหานเซิ่นกำลังฉายแววแห่งความชั่วร้าย เขายื่นมือออกไปพยายามจะจับตัวผู้หญิงคนนั้น   แม้มือของหานเซิ่นจะเร็วมาก แต่ระยะห่างระหว่างพวกเขา ทำให้เธอสามารถขยับถอยหลังหลบมือของเขาได้ทัน   สีหน้าของเธอไม่เปลี่ยน เธอจ้องมองหานเซิ่นด้วยสายตาแปลกๆ แต่ในชั่วอึดใจสีหน้าของเธอก็ต้องเปลี่ยนไป เธอไม่อยากจะเชื่อว่าหานเซิ่นจะพุ่งเข้ามาหาเธอ   เธอไม่ได้คิดว่าหานเซิ่นจะทำแบบนี้ แต่เขาก็ทำมันแล้ว เธอขยับถอยหลังได้ไม่กี่ก้าว หลังของเธอก็ชนกำแพง ซึ่งตอนนี้ไม่มีที่ที่ให้เธอหนีได้อีก   หานเซิ่นขวางทางออกทุกทางที่เธอพอจะหนีได้ ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะวิ่งหนีออกไป ตอนนี้ความรู้สึกช็อคของเธอเปลี่ยนเป็นความรู้สึกโกรธ เธอยื่นมือออกไปชกหน้าหานเซิ่น แต่อยู่ๆเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าการที่เขาเป็นแบบนี้อาจจะเกิดจากการที่เธอเข้ามาโดยพลการ ทำให้เธอต้องดึงหมัดกลับมา   แต่ในจังหวะที่เธอลังเล หานเซิ่นก็ยื่นมือมาจับชุดของเธอในเสี้ยววินาที ชุดสูทสำหรับต่อสู้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกัน ถูกหานเซิ่นฉีกขาดด้วยมือเปล่า หน้าอกสีขาวขนาดใหญ่ของเธอปรากฏออกมาให้หานเซิ่นเห็นเต็ม 2 ตา   หานเซิ่นจับเธอกดกับกำแพง มือข้างหนึ่งของเขาจับไปที่หน้าอกอันใหญ่โตของเธอ ขณะที่มืออีกข้างของเขาเอื้อมลงไปจับที่ก้นของเธอ จากนั้นหานเซิ่นก็ประกบปากกับเธอ   ผู้หญิงเบิกตากว้าง ตอนนี้ตัวของเธอแข็งทื่อ ในชั่วพริบตาร่างกายของเธอก็สัมผัสกับร่างกายของหานเซิ่นแบบเนื้อแนบเนื้อ   ในวินาทีต่อมา ตาของเธอก็เต็มไปด้วยเปลวเพลิงอันเกรี้ยวกราด ราวกับว่าเธอเข้าสู่โหมดเบอร์เซิร์ก ร่างกายของเธอมีแสงสีม่วงอ่อนๆส่องออกมา ทำให้เธอดูเหมือนกับเทพธิดา   ปัง! เธอแทงเข่าเข้าไปที่ท้องของหานเซิ่น แค่การโจมตีครั้งเดียวก็ทำให้อารมณ์ความอยากของหานเซิ่นกระเด็นออกไปทันที จากนั้นเธอก็กระโดดขึ้นพร้อมกับเตะเสยปลายคางของหานเซิ่น จนทำให้เขาลอยขึ้นไปในอากาศ   ก่อนที่เขาจะถึงพื้น เธอก็เตะเข้าไปที่ชายโครงของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก   ปัง!ปัง!ปัง! ขาอันงดงามของเธอเป็นเหมือนกับอาวุธที่น่ากลัว เธอกระหน่ำเตะไปที่หานเซิ่นประมาน 30 ครั้ง เธอเตะไปซ้าย ขาว ล่าง บน จนตัวเขาไม่มีโอกาสจะตกลงถึงพื้น   เธอรู้ดีว่าต้องมีอะไรผิดปรกติเกิดขึ้นกับหานเซิ่นแน่ ซึ่งมันช่วยให้เธอสงบตัวเองลงได้ และหยุดเตะหานเซิ่น ตอนนี้เธอใช้มือของเธอปิดหน้าอกของตัวเอง  

Super God Gene – ตอนที่ 588 ผลข้างเคียงของเห็ด
Super God Gene – ตอนที่ 588 ผลข้างเคียงของเห็ด

  จูถิงไม่ได้กลัวถูกพิษ แต่กระนั้นการที่หานเซิ่นทำแบบนี้ยากที่เขาจะรับได้   “น้องจูไม่ต้องกังวล! น้ำหอมสังหารของนายยอดเยี่ยมที่สุด นายไม่จำเป็นต้องกลัวเห็ดชนิดไหน ถึงมันจะมีพิษ พิษมันก็ไม่มีทางทำอะไรนายได้ นายคือราชาแห่งพิษไม่ใช่หรอ?” หานเซิ่นพยายามปลอบใจจูถิง   “จริงๆก็ใช่…” จูถิงพูด จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “ผมรู้ว่ามันสุดยอดแค่ไหน แต่ยังไงก็ตามเงิน 1 หมื่นยังไม่พอ”   “ไม่มีปัญหา ฉันจะเพิ่มเงินให้นายอีกหน่อย สัก 2 หมื่นเป็นยังไง?” หานเซิ่นยิ้ม   จูถิงเริ่มโกรธ “หานเซิ่น คุณเป็นหัวหน้าคนนะ ผมอุส่าให้ความเคารพคุณ 2 หมื่นงั้นหรอ? นี่เล่นตลกรึยังไง? คุณ…ทำ.. อืม…มีบางอย่างผิดปรกติ”   “เกิดอะไรขึ้น? สรุปมันมีพิษงั้นหรอ? ไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมยามาด้วย! เร็วเข้า ฉันจะล้วงคอให้นายเอง และเดี๋ยวฉันจะพานายไปหาหมอ” หานเซิ่นรีบหยิบยาที่ซุนหมิงฮว่าบอกให้เขาเตรียมมาด้วย   แต่เมื่อเขาหันกลับไปดูจูถิง เขาก็เห็นว่าทั้งใบหน้าของจูถิงเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเหมือนกันทับทิม ตอนนี้เขากำลังหายใจรุนแรงเหมือนกับวัวบ้า เขามองมาที่หานเซิ่นด้วยแววตาที่เร่าร้อน   “น้องจู อย่ามองฉันแบบนั้น! ฉันคิดว่าน้ำหองสังหารของนายจะป้องกันพิษได้ ใครจะรู้ว่า…” ก่อนที่หานเซิ่นจะพูดจบ จูถิงก็เริ่มฉีกเสื้อตัวเอง ซึ่งหานเซิ่นต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นร่างกายสุดฟิตของจูถิง   “เห้ย นายกำลังทำไร?” หานเซิ่นยื่นมือออกไปกันจูถิงที่เข้ามาใกล้   ตาของจูถิงแดงมาก เขาพยายามจะเข้ามาฉีกเสื้อของหานเซิ่น เท่านั้นยังไม่พอเขายังพยายามจะจูบหานเซิ่นอย่างร้อนแรง   “ฉันอยากมาก…ฉันต้องการ..” จูถิงคาง   “บ้าอะไรวะเนี่ย! อย่าบอกนะว่าเห็ดนั่นเป็นยาปลุกเซ็กส์?” หานเซิ่นดันจูถิงออกไป หลังจากนั้นเขาก็หนีออกนอกห้อง และก็ล็อคประตูจากด้านนอก   ปัง!ปัง!ปัง! จูถิงทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง “น้องจู อดทนไว้ เดี๋ยวฉันจะไปหาผู้หญิงมาให้นาย” หานเซิ่นรู้สึกดีที่ประตูของเมืองนี้เป็นประตูหินที่แข็งมาก เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่จูถิงจะพังมันออกมาได้   “ทนไม่ไหวแล้วโว้ยย!” จูถิงกรีดร้องอยู่หลังประตู   “ทนไว้ก่อน! ใช้มือช่วยไปก่อน ฉันไปหาผู้หญิงแปป” หานเซิ่นเอาของหนักๆมาดามประตูไว้อีกทีเพื่อความชัวร์ จากนั้นเขาก็รีบวิ่งออกไป   หลังจากที่เดินหาจนทั่วเมือง เขาก็กลับมาพร้อมกับผู้หญิงที่พร้อมจะพลีกลายเพื่อแลกกับเงิน   “น้องจู ฉันพาผู้หญิงมาให้แล้ว ทำตามที่นายต้องการได้เลย!” ขณะที่หานเซิ่นเปิดประตู เขาก็เห็นจูถิงนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้น พร้อมกับมีกระดาษทิชชูกระจัดกระจายทั่วห้อง   “หานเซิ่น นายยังเป็นมนุษย์อยู่ไหม? ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่านายจะวางยาฉัน!” จูถิงโมโหมาก เขาวิ่งเข้ามาหาหานเซิ่น และพยายามจะบีบคอเขา   หานเซิ่นกระโดดหลบ จากนั้นเขาก็พยายามพูดเหตุผลกับจูิถิง “น้องจู เห็นไหม?ฉันพาผู้หญิงมาแล้วไง แต่ใครจะรู้ว่านายจะเสร็จเร็วแบบนั้น?”   “เร็วบ้าอะไร? นายออกไปตั้ง 2 ชั่วโมง และฉันต้องทรมานอยู่ในห้องคนเดียว ที่สำคัญนายพาผู้หญิงแบบนี้มางั้นหรอ? นี่มันหมูตอน ดูยังไงหล่อนก็น้ำหนักมากกว่า 100 กิโล นี่คนหรือมอนสเตอร์?” จูถิงตะโกนด้วยความโกรธ   หานเซิ่นปล่อยจูถิงอยู่คนเดียวอีกสักพักเพื่อรอให้เขาสงบลง จากนั้นเขาก็กลับมาถามอีกครั้ง “น้องจู นายจะบอกฉันได้รึยังว่าเห็ดนั่นมีผลยังไงบ้าง?”   ก่อนที่เขาจะตอบ จูถิงยื่นมือออกมาและพูด “เอาเงินมาก่อน”   “ใช่ ใช่” หานเซิ่นส่งถุงเงินให้กับจูถิงและพูด “จริงๆฉันต้องให้นายแค่ 2 หมื่น แต่ฉันรู้สึกว่าฉันทำเกินไป ฉันเลยให้นาย 3 หมื่น ส่วนค่าผู้หญิง ฉันก็เอาเงินของฉันออกเอง นายไม่ต้องจ่ายตรงส่วนนั้น”   ในตอนแรกจูถิงก็รู้สึกพอรับได้กับคำพูดของหานเซิ่น จนกระทั่งเขาพูดถึงผู้หญิง ใบหน้าของจูถิงก็มืดมนทันที เขาขว้างเงินกลับไปให้หานเซิ่น “ผมไม่ต้องการเงินคุณ ถ้าคุณต้องการให้อะไรสักอย่างก็ส่งยามา ส่งเห็ดอะไรนั่นมา!”   “ทำไม? นายจะเอามันไปทำอะไร?” หานเซิ่นเบิกตากว้างและมองจูถิง   “นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องใส่ใจ คุณยังติดหนี้ผมอยู่ใช่ไหม? นี่ถือเป็นค่าชดเชย!” จูถิงพูด   หานเซิ่นเอาเห็ดส่วนที่เหลือออกมา เขาโชว์มันให้จูถิงดู แต่เมื่อจูถิงพยายามจะคว้ามันไป หานเซิ่นก็ดึงมันกลับ เขายิ้มให้จูถิง “ฉันให้นายไปส่วนหนึ่งแล้ว นี้เป็นทั้งหมดที่ฉันเหลืออยู่ ถ้านายต้องการมัน นายต้องบอกมาก่อนว่ามันมีผลยังไงบ้าง”   “คุณหมายถึงผลอื่นนอกเหนือจากที่มันทำให้ผมมีอารมณ์ใช่ไหม?” จูถิงพูด ก่อนที่เขาจะยื่นมือออกมาอีกครั้ง   หานเซิ่นดึงเห็ดกลับและพูด “บอกมาให้ชัดๆ”   จูถิงบอกหานเซิ่นว่าผลของเห็ดไม่ใช่แค่ทำให้มีความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่มันยังทำให้ไตแข็งแกร่งขึ้นด้วย ผลของมันยังอยู่จนถึงตอนนี้ ตอนนี้จูถิงรู้สึกว่าไตของเขายังอุ่นๆอยู่ ราวกับว่ามีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อยู่ในร่างกาย   “ดูเหมือนว่ามันจะเป็นของดีจริงๆ” หลังจากที่หานเซิ่นรู้ว่าเห็ดมีผลดีต่อร่างกายมนุษย์ เขาก็รู้สึกมีความสุขมาก นี่เป็นสิ่งที่น่าจะช่วยทำให้วิชาตะวันหยกของเขาก้าวหน้าขึ้นอีก   ดูเหมือนเห็ดนี่จะมีผลที่รุนแรงมาก แม้เขาจะให้จูถิงกินเพียงแค่นิดเดียวก็ยังเห็นผลขนาดนั้น ถ้าเขากินมันทั้งอัน เขาอาจจะสามารถสำเร็จวิชาตะวันหยกเลยก็ได้   แต่ผลข้างเคียงมันทำให้หานเซิ่นต้องคิดหนัก มันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาเอามันให้จีเหยียนหรันกิน?   แต่ยังไงหานเซิ่นก็ไม่มีวิธีที่จะเอาเห็ดออกไปจากก็อตแซงชัวรี่ได้ และจีเหยียนหรันก็ไม่ได้อยู่ในทุ่งน้ำแข็ง   สุดท้ายหานเซิ่นก็ไม่ได้ส่งเห็ดส่วนที่เหลือให้จูถิง เพราะผลข้างเคียงที่ความต้องการทางเพศค่อนข้างรุนแรง ถึงจูถิงจะมีน้ำหอมสังหารก็ยังต้านมันไม่ได้ หานเซิ่นกลัวว่าจูถิงจะเอามันไปใช้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธที่จะมอบเห็ดให้จูถิง   จูถิงเดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย เขารับเงินที่หานเซิ่นยอมเพิ่มให้เป็น 3 หมื่นมา และก็ด่าหานเซิ่นไปตลอดทาง   หานเซิ่นกลับมาที่ห้องและล็อคประตู เขามองดูเห็ดชิ้นสุดท้ายในมือ เขามองดูมันอยู่นานก่อนที่เขาจะเอามันเข้าปากไป   เขาค่อยๆเคี้ยวมันอย่างช้าๆ ไม่นานเขาก็รู้สึกว่าฟันของเขาเริ่มอุ่น มันอุ่นลงไปถึงบริเวณท้อง ไม่นานไตของเขาก็รู้สึกอุ่น ราวกับมันกำลังผลิตพลังให้หานเซิ่นอย่างไม่จำกัด   ในเวลาเดียวกัน หานเซิ่นก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขารู้สึกมีความต้องการทางเพศสูงขึ้นมาก เขาอยากจะฉีกเสื้อของตัวเองออก   หานเซิ่นกัดฟัน เขาต้องอดทนต่อความรู้สึกนี้ให้ได้ ตอนนี้เขากำลังฝึกวิชาตะวันหยกไปพร้อมๆกัน เขาต้องการให้ตะวันหยกดูดซับพลังจากเห็ดสีแดงเข้าไป   ขณะที่เขากำลังฝึกตะวันอยู่ ก็มีใครบางคนมาเคาะประตูห้องของเขา พร้อมกับมีเสียงผู้หญิงดังมาจากด้านหลังประตู  

Super God Gene – ตอนที่ 587 ทดสอบพิษ
Super God Gene – ตอนที่ 587 ทดสอบพิษ

  เมื่อจิ้งจอกสีเงินมองเห็นเห็ดสีแดง มันก็อ้าปาก และกลืนเห็ดเข้าไปทันที จากนั้นหานเซิ่นและจิ้งจอกก็มองหน้ากัน ทั้งคู่ไม่เคลื่อนไหวเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง   “เป็นไงบ้าง? อย่างน้อยก็แสดงท่าทางอะไรออกมาหน่อย” หานเซิ่นรออยู่สักพัก แต่จิ้งจอกสีเงินก็ไม่แสดงท่าทางอะไรออกมาเลย มันดูเหมือนปรกติ ราวกับว่ามันแค่กินลูกอมเข้าไปเท่านั้น สิ่งเดียวที่เขารู้ตอนนี้ก็คือจิ้งจอกดูสนใจเห็ดมาก มันกินทันที เมื่อมันเห็นเห็ดสีแดง   โชคดีที่หานเซิ่นรู้ว่าเขาสามารถหาเห็ดได้อีก 2 อัน ถ้าเขากลับไปยังจุดเดิม ดังนั้นเขาจึงรีบกลับไปจุดที่เขาฝังเห็ดเอาไว้ จากนั้นเขาก็ขุดเห็ดทั้ง 2 อันขึ้นมา   ครั้งนี้เขาไม่ได้ให้มันกับจิ้งจอกสีเงิน เขาตัดมันเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็เอาเห็ด 1 ชิ้นไปห้อยไว้ตรงต้นไม้ เพื่อรอดูมอนสเตอร์ตัวอื่นมากินมัน   ไม่นานก็มีหมีตัวหนึ่งเดินมา มันเดินตรงมาที่เห็ด แต่ถึงมันจะกระโดดไปแล้ว 3-4 ครั้ง แต่มันก็ไม่สามารถคว้าเห็ดได้ ดูเหมือนมันยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มันเดินวนรอบๆเห็ด จากนั้นมันก็ถอดใจเดินหนีไป   ผ่านไปอีกสักพักก็มีมอนสเตอร์ขนาดเล็กหลายตัวเดินเข้ามา มีทั้งงูและแมลง ในกลุ่มของพวกมันมีกระรอกรวมอยู่ด้วย มันปีนขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็วและกินเห็ด ก่อนที่มอนสเตอร์ตัวอื่นๆจะมาถึง   กระรอกตัวนี้มีขนสีเทา แต่หลังจากที่กินเห็ดเข้าไป มันก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ตอนนี้ขนของมันกำลังเปล่งประกายราวกับทับทิม   หานเซิ่นหยิบเห็ดชิ้นเล็กๆออกมาวางกระจายกันไปหลายๆที่ เขาต้องการทดสอบให้มากที่สุด เขาอยากจะดูมอนสเตอร์หลายๆชนิดกินมัน   หานเซิ่นพบข้อมูลใหม่ ไม่ใช่ว่ามอนสเตอร์ทุกตัวกินเห็ดเข้าไปแล้วจะได้ผลที่ดี   แต่กระนั้นทุกตัวที่กินเห็ดเข้าไป หานเซิ่นสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของมัน การตอบสนองของมันแตกต่างจากจิ้งจอกสีเงินที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเลย ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น   แต่สำหรับมอนสเตอร์ทั่วๆไป พวกมันดูฉลาดและมีพลังมากขึ้น หลังจากที่กินเห็ดเข้าไป แต่นอกเหนือจากนี้หานเซิ่นยังบอกอะไรไม่ได้   หานเซิ่นจดบันทึกปฏิกิริยาของมอนสเตอร์แต่ละตัวเอาไว้ จากนั้นเขาก็กลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว และส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้ซุนหมิงฮว่าวิเคราะห์   ศาสตราจารย์ซุนบอกหานเซิ่นว่าเขาต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ เขาจะส่งผลการวิเคราะห์ให้หานเซิ่นภายใน 2 วัน   เห็ดครึ่งหนึ่งที่หานเซิ่นเหลือเอาไว้ และมีแผนที่จะใช้มันทดสอบต่อ แต่เขาดันวางไว้ผิดที่ หลังจากที่จิ้งจอกเห็นมัน มันก็พุ่งเข้ามากินเห็ดเข้าไปทันที จากนั้นมันก็กระโดดมาบนแขนของหานเซิ่นและก็หลับไป   “ยังโชคดีที่ฉันไม่ได้ใช้มันทั้ง 2 อัน ไม่งั้นมันคงไปอยู่ในท้องนายหมดแน่” หานเซิ่นพูดกับจิ้งจอก   ชีซิวเหวินยังคงอยู่ระหว่างการเจรจากับหลี่ซิงหลุนและฟิลิป หานเซิ่นคิดว่าการเจรจาน่าจะไม่ได้ราบลื่นนัก แต่เขาก็ไม่ได้เร่งรีบมาก เขาใช้เวลาช่วงนี้พักผ่อนและอ่านหนังสือ เขาใช้เวลาในการฝึกศาสตร์ตงเสวียนและตะวันหยก ส่วนวิชาดาบคู่ เขาแบ่งเวลาฝึกมันแค่วันละนิดเท่านั้น   “หานเซิ่น หลังจากที่ฉันวิเคราะห์แล้ว ผลสรุปก็คือว่าเห็ดสีแดงที่เธอพบสามารถเพิ่มกำลังวังชาได้ ฉันยังไม่ได้ทำการวิเคราะห์แบบเจาะลึก แต่ฉันแนะนำว่าให้เธอลองกินมันด้วยตัวเองเลยดีกว่า กินมันแค่นิดเดียวก็พอ แล้วดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ศาสตราจารย์ซุนเหมือนจะสนใจเห็ดสีแดงมากทีเดียว เขาอยากจะให้หานเซิ่นลองกินดูเลย เพื่อที่เขาจะได้เห็นผลของมัน   “คุณคิดว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไรแน่นะ ถ้าผมกินมันเข้าไป?” หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆ เขารู้สึกไม่มั่นใจถ้าต้องกินมันในก็อตแซงชัวรี่   “กินมันแค่นิดเดียวพอ อย่าให้เกิน 10 กรัม แต่ก่อนกินเธอก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม เธอต้องเตรียมยาแก้พิษเบื้องต้นเอาไว้ด้วย ยาล้างท้องด้วยก็ยิ่งดี ก่อนที่จะกิน เธอต้องมั่นใจว่าเตรียมตัวพร้อมแล้วจริงๆ” หลังจากนั้นศาสตราจารย์ซุนก็พูดต่อ “แต่เท่าที่ฉันดู ไม่น่ามีอะไรอันตราย มันน่าจะสามารถเพิ่มพลังให้เธอได้ เธอลองกินมันได้เลย แต่ไม่ต้องกินเยอะ”   “ไว้ผมจะลองคิดดูนะครับ” หานเซิ่นยังไม่กล้ารับปากว่าจะกินมัน   “น่าเสียดายที่ฉันไม่รู้ว่าทุ่งน้ำแข็งอยู่ที่ไหน ไม่งั้นฉันคงจะส่งผู้ช่วยของฉันไปช่วยเธอทดสอบได้” ศาสตราจารย์ซุนพูด   แต่คำพูดนั้นของศาสตราจารย์ซุนก็ทำให้หานเซิ่นเกิดความคิดดีๆขึ้นมา ถ้าเขาไม่อยากเสี่ยงกินมันเอง เขาก็แค่หาคนอื่นมากินแทนก็หมดเรื่อง   ‘จูถิงมีน้ำหอมสังหาร มันน่าจะสามารถต้านพิษได้นะ งั้นให้มันเป็นตัวทดลองก็แล้วกัน!’ หานเซิ่นคิด เขาตัดสินใจที่จะใช้จูถิงเป็นหนูทดลอง   จูถิงเป็นคนที่เหมาะที่สุดแล้ว นี่เป็นเรื่องที่อันตราย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เขาจะรับผิดชอบไม่ไหว หานเซิ่นจึงไม่อยากให้เพื่อนของเขาทดลอง นอกจากจูถิงแล้ว เขาก็ไม่รู้จักใครที่มีความสามารถในการต้านพิษ   หานเซิ่นตัดส่วนหนึ่งจากเห็ดที่เหลืออยู่อันสุดท้ายมาทำเป็นอาหาร เขาเตรียมอาหารไว้หลายจาน และเชิญจูถิงมาดินเนอร์   “มาๆ คืนนี้พวกเรามาดื่มสังสรรค์กันหน่อย!” หานเซิ่นลากจูถิงมา จากนั้นก็จับเขานั่งลง   จูถิงมองหานเซิ่นด้วยสีหน้าที่สับสน เขาคิด ‘ทำไมหมอนี่ถึงได้เชิญเรามาดินเนอร์เนี่ย? เขากินยาผิดขวด? หรือว่าในอาหารจะมีพิษ? เขาต้องการวางยาพิษเรางั้นหรอ? ไม่น่าใช่ เขาไม่ใช่คนโง่ เขาก็รู้ว่าเราฝึกน้ำหอมสังหาร และมีภูมิคุ้มกันพิษ เขาคงสมองกลับไปแล้ว ถ้าเกิดเขาคิดจะใช้พิษกับเรา’   วันนี้หานเซิ่นปฏิบัติกับจูถิงดีเป็นพิเศษ เขาเสริฟอาหารให้จูถิงตามที่เขาต้องการ และเครื่องดื่มก็มีให้ไม่อั้น “น้องจู นายมีเรื่องทุกข์ร้อนอะไรเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในทุ่งน้ำแข็งรึเปล่า? ถ้ามีปัญหาก็บอกมาได้ ถึงฉันอาจจะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาใหญ่ๆได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องเล็กๆก็ไม่มีปัญหา ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตของนายสบายขึ้น”   จูถิงเกือบจะสำลักน้ำ เขาคิด ‘นี่มันไม่ใช่แล้ว หมอนี่ทำดีกับเราเพราะต้องการอะไรจากเราแน่ ไม่งั้นเขาคงไม่ทำดีกับเราขนาดนี้หรอก จริงๆถ้าเขามีเรื่องจะขอเรา เขาก็น่าจะใช้ความเป็นหัวหน้าพูดออกมาเลยก็ได้’   “พี่หาน ถ้าคุณต้องการอะไรก็บอกผมมาได้เลย เห็นแก่ความสัมพันธ์ของเรา คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยากแบบนี้” จูถิงกินอาหารและกระดกไวน์ก่อนจะพูด   “จริงๆฉันก็มีเรื่องอยากให้นายทำ มันเป็นเรื่องง่ายๆ” หานเซิ่นพูด   “งั้นบอกมาได้เลย พวกเราเป็นพี่น้องกัน ไม่มีอะไรที่จะต้องอ้อมค้อม พูดมาได้เลย ถ้าผมช่วยได้…” น้ำเสียงของจูถิงเริ่มเปลี่ยนไป “แต่คุณก็รู้ว่าตอนนี้ผมใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบาก ผมเหลือเงินอยู่แค่นิดหน่อย”   “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ถ้านายช่วยฉัน ฉันจะให้นาย 1 หมื่นดอลลาร์” หานเซิ่นพูด   “1 หมื่น?” จูถิงอึ้ง เขาคิด ‘เขาคิดว่าเราเป็นขอทานรึไง? 1 หมื่นเอาไปซื้ออาหารกลางวันดีๆยังไม่ได้ด้วยซ้ำ’   จูถิงหัวเราะและพูด “1 หมื่น ฮาฮา! คุณต้องการให้ผมช่วยนั่งเป็นเพื่อนคุณดื่มใช่ไหม?”   “ก็ประมานนั้นแหละ ฉันบังเอิญไปขุดเจอเห็ดในทุ่งน้ำแข็ง ฉันอยากจะให้นายลองกินมันดู และบอกฉันมาหน่อยว่ามันมีพิษรึเปล่า ฉันรู้ว่านายฝึกวิชาน้ำหอมสังหาร แน่นอนว่านายต้องต้านพิษได้”   “คุณจะให้เงินผมแค่ 1 หมื่น เพื่อกินของอันตรายขนาดนั้น?” จูถิงอึ้ง “โอ้ ไม่” หานเซิ่นตบหน้าขาตัวเอง “ไม่อะไร?” จูถิงถาม   “ทำไมนายถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้? ฉันก็คิดว่านายตอบตกลงแล้วซะอีก ฉันเลยเอาอาหารที่มีเห็ดผสมอยู่ให้นายกินไปเรียบร้อยแล้ว” หานเซิ่นตีหน้าซื่อ   “บ้าเอ้ย” ใบหน้าของจูถิงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว  

Super God Gene – ตอนที่ 586 เห็ดสีแดง
Super God Gene – ตอนที่ 586 เห็ดสีแดง

  หานเซิ่นประทับใจมาก เมื่อได้เห็นเต่าพาลูกๆมากินอาหาร มันเป็นภาพที่หาดูได้ยากมาก เขาเชื่อว่ามีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่มีโอกาสได้เห็นภาพแบบนี้   ขณะที่เต่ากำลังขุดหาอาหารให้ลูกของมัน ก็มีเสียงแหลมๆของนกดังมาจากบนท้องฟ้า นกสีทองปรากฏตัวออกมา ราวกับว่ามันกำลังตามหาเต่าพวกนี้ มันโฉบลงมาด้วยความเร็วสูง ตรียมที่จะใช้กรงเล็บของมันจับเหยื่อ   ตูม! ก่อนที่นกจะได้ทำอะไรพวกมัน เต่าตัวใหญ่ก็ยิงลำแสงความเย็นใส่มัน ไม่นานนกก็กลายเป็นก้อนน้ำแข็ง มันตงลงมาบนพื้น จากนั้นมันก็แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย   “พระเจ้า! นี่มันมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด” หานเซิ่นเบิกตากว้างขณะจ้องมองไปที่เต่า   นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นเห็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอยู่รวมกันมากขนาดนี้ ตอนนี้มีลูกของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอยู่ถึง 8 ตัว หานเซิ่นรู้สึกกลัวจนแทบหยุดหายใจ เขากลัวว่าเต่าจะรู้ตัวว่าเขากำลังแอบดูมันอยู่   เขาเคยเห็นความน่ากลัวของจิ้งจอกสีเงินมาแล้วถึงมันจะยังเด็กอยู่ก็ตาม แต่ตอนนี้ตรงหน้าเขามีลูกมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดถึง 8 ตัว และยังมีแม่มันอีก แทบไม่ต้องคิดเรื่องสู้กับพวกมันเลย ยังไงหานเซิ่นก็ไม่มีทางสู้ได้   เมื่อเห็นนกสีทองแหลกเป็นชิ้นๆ หานเซิ่นก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา เขากลัวจนหายใจไม่เป็นจังหวะ แต่เขาก็พยายามสงบใจเอาไว้ และมองดูเต่าทั้ง 9 ตัวต่อไป   หลังจากที่เต่าตัวเล็กกินเห็ดสีแดงเสร็จ ร่างกายของพวกมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ในตอนแรกเต่ามีสีขาวเหมือนกับหิมะ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนกับสีเลือดไม่มีผิด   เต่าตัวเล็กยังเป็นเด็กอยู่ หลังจากกินเห็ดที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นของมนุษย์เข้าไป พวกมันก็อิ่มแล้ว แต่เต่าตัวใหญ่เหมือนจะหิวจริงๆ มันกินเห็ดไป 10 กว่าอันแล้ว ตอนนี้ตัวของมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนกัน   ดูเหมือนเต่าทุกตัวจะพอใจมาก เต่าตัวใหญ่เอาเห็ดที่ขุดมาเกินฝังกลับเข้าไปใต้หิมะอีกครั้ง จากนั้นมันก็นำเต่าตัวเล็กกลับไปที่ถ้ำหิมะ   หานเซิ่นรอดูจนกระทั่งพวกมันกลับเข้าไปในถ้ำ และเต่าตัวใหญ่ลงไปเป็นตัวสุดท้าย แต่ก่อนที่มันจะลงไปลึก มันก็ปล่อยพลังไอเย็นออกมาเพื่อปิดปากถ้ำเอาไว้ ตอนนี้มองจากภายนอกแทบไม่รู้แล้วว่าตรงนั้นมีถ้ำอยู่   หานเซิ่นรอดูต่ออีกสักพัก หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าพวกมันจะไม่ออกมาอีก เขาก็วิ่งไปตรงจุดที่พวกมันกินเห็ดสีแดง และขุดมันขึ้นมา มันเป็นเห็ดที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นของมนุษย์   พวกมันดูเหมือนกับเห็ดทั่วๆไปที่มนุษย์เอามาทำเป็นอาหาร มันมีสีแดงเป็นประกายระยิบระยับ และยังมีกลิ่นหอม ทำให้หานเซิ่นรู้สึกว่ามันน่าจะมีรสชาติดี   หานเซิ่นศึกษาพฤกษศาสตร์มาพอสมควร เขาเรียนรู้เทคนิคและวิธีการแยกแยะพืช สมุนไพรและก็เห็ด เขามองดูเห็นสีแดง และเห็นว่ามันเหลือเพียงแค่ 3 อัน ที่เหลือพวกเต่ากินไปหมดแล้ว   ดูจากลักษณะภายนอกของมัน ดูเหมือนจะไม่มีพิษ แต่ในก็อตแซงชัวรี่มีพืชแปลกๆอยู่มากมาย ซึ่งส่วนมากจะเป็นอันตรายทั้งนั้น ทำให้หานเซิ่นไม่กล้าที่จะกินมัน   เขาเก็บเห็ดอันหนึ่งใส่ในกระเป๋า เขาไม่ได้เก็บมันเพิ่มอีก เขาอยากจะลองกินเห็ดนี้ เขาคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์   หานเซิ่นเอาเห็ดที่เหลือฝังกลับเข้าไปในหิมะอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เรียกโกลเด้นโกรวเลอร์ออกมา และเก็บซากของนกสีทองที่แหลกเป็นชิ้นๆไว้บนหลังของโกลเด้นโกรวเลอร์ ดูแล้วมันน่าจะเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ ถึงมันจะเป็นแค่มอนสเตอร์กลายพันธ์ ยังไงหานเซิ่นก็จะไม่ทิ้งมันไว้อย่างสูญเปล่า เขารู้สึกเสียดายเลยเอามันกลับไปด้วย   เขากลับไปที่ปราสาทคริสตัล และขอให้ซีโร่เอาเนื้อนกสีทองไปทำเป็นอาหาร หลังจากที่เขากินมันเข้าไป เขาก็ได้ยินเสียง “นกปีกทองเลือดศักดิ์สิทธิถูกกิน คุณได้รับ 1 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ”   หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขมาก ถึงเขาจะล่ามังกรเกล็ดแดงไม่สำเร็จ แต่เขาก็ได้เนื้อมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิมากินแบบฟรีๆ   หานเซิ่นกินเนื้อของนกปีกทองจนอิ่ม แต่เขาก็ไม่ได้จีโนพ้อยเพิ่ม แต่ยังมีเนื้อของมันเหลืออยู่อีกมาก ดังนั้นหานเซิ่นจะค่อยๆกินมันอย่างช้าๆ ยังไงนกตัวนี้ก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก เขาคิดว่าน่าจะกินมันหมดได้ภายใน 10 วัน   หลังกลับมาที่สหพันธ์ดวงดาว หานเซิ่นก็หาทางติดต่อกับศาสตราจารย์ซุนหมิงฮว่า แม้ศาสตราจารย์ซุนหมิงฮว่าจะใช้ทั้งชีวิตอยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 แต่เขาก็เป็นหนึ่งในนักพฤกษศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญมากที่สุดคนหนึ่ง หานเซิ่นบอกรายละเอียดเกี่ยวกับเห็นสีแดงที่เก็บมา และก็บอกเกี่ยวกับเต่าที่ไปพบด้วย เขาต้องการให้ซุนหมิงฮว่ายืนยันว่าเห็ดที่เขาได้มามันจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์รึเปล่า   แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถเอามันออกจาก็อตแซงชัวรี่ได้ ไม่งั้นเขาคงจะเอามันไปให้ซุนหมิงฮว่าดูแล้ว   ศาสตราจารย์ซุนหมิงฮว่าตั้งใจฟังเกี่ยวกับเห็ด จากนั้นเขาก็ถาม 3-4 คำถาม หลังจากนั้นเขาก็สรุป “ตามที่เธอว่ามา เห็ดสีแดงที่ว่าน่าจะค่อนข้างมีพลังทีเดียว”   “ศาสตราจารย์ซุน คุณจะบอกได้ไหมว่าเห็ดสีแดงมีประโยชน์ต่อมนุษย์รึเปล่า?” เขาคิดว่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดคงจะมีความสามารถในการหาอาหารที่มีประโยชน์สูงมากกิน   ของที่พวกมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดกินจะต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน แต่ยังไงร่างกายของมนุษย์ก็มีความแตกต่างจากมอนสเตอร์ ดังนั้นหานเซิ่นเลยไม่รู้ว่ามนุษย์จะกินมันได้รึเปล่า   “มันน่าจะเป็นเห็ดที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก มันควรมีผลกับมนุษย์เช่นเดียวกัน แต่ร่างกายของมนุษย์ต่างจากมอนสเตอร์มาก มันยากที่จะบอกว่ามันมีประโยชน์หรือโทษกันแน่” หลังจากพูดจบ ศาสตราจารย์ซุนก็เงียบไปพักหนึ่ง เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เริ่มพูดกับหานเซิ่นต่อ “ฉันมีบางอย่างที่ต้องบอกเธอ แต่ฉันไม่ต้องการให้เธอเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังเด็ดขาด”   “ผมเข้าใจครับ” หานเซิ่นเริ่มสงสัย   ศาสตราจารย์ซุนพูด “ในก็อตแซงชัวรี่เขต 3 มีพืชที่มหัศจรรย์อยู่ มันสามารถพัฒนายีนของมนุษย์ได้ แต่กระนั้นมนุษย์ก็ยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนมีประโยชน์หรืออันไหนมีโทษ การเลือกให้ดีมีความสำคัญมาก ถ้าเลือกกินผิดจากที่ควรจะได้ประโยชน์ก็อาจจะกลายเป็นความตายได้”   หานเซิ่นคิดว่าสิ่งที่ศาสตราจารย์ซุนพูดมามันฟังดูแปลกๆ ดังนั้นเขาเลยถาม “ถ้ามนุษย์ไม่สามารถรู้ได้ว่าพืชแต่ละอันมีผลยังไง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าอันไหนที่สามารถพัฒนายีนได้?”   “ฉันจะไม่ตอบคำถามนี้ แต่หลังจากที่เธอได้ไปก็อตแซงชัวรี่เขต 3 แล้ว เธอก็จะเข้าใจเอง” ศาสตราจารย์ซุนเลี่ยงที่จะตอบคำถามของหานเซิ่น เขารีบเปลี่ยนประเด็นทันที เขาบอกหานเซิ่นเกี่ยวกับวิธีการแยกแยะลักษณะของเห็ด เพื่อให้เขาไปดูเห็ดสีแดงด้วยตัวเอง   ตอนนี้ในใจของหานเซิ่นเต็มไปด้วยข้อสงสัย จำนวนประชากรที่เป็นผู้เป็นเลิศมีอยู่ไม่มาก ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับก็อตแซงชัวรี่เขต 3 มีอยู่อย่างจำกัดมาก ผู้เป็นเลิศไม่เคยพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย   ตอนนี้เหมือนศาสตราจารย์ซุนจะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องของก็อตเเซงชัวรี่เขต 3 มากไปกว่านี้แล้ว ซึ่งมันเพิ่มความอยากรู้ของหานเซิ่นขึ้นไปอีก   ตามคำแนะนำที่ศาสตราจารย์ซุนบอก หานเซิ่นจะลองเอาเห็ดสีแดงไปให้มอนสเตอร์ตัวอื่นกินบ้าง เพื่อที่เขาจะได้ดูผลของมัน   หานเซิ่นคิด ‘สงสัยจริงๆว่าจิ้งจอกสีเงินจะยอมกินไหม?’ หลังจากกลับไปที่ปราสาทคริสตัล หานเซิ่นอุ้มจิ้งจอกสีเงินมา จากนั้นเขาก็วางเห็ดลงตรงหน้ามัน เขาอยากดูว่ามันจะมีปฏิกิริยายังไง  

Super God Gene – ตอนที่ 585 มังกรเกล็ดแดง
Super God Gene – ตอนที่ 585 มังกรเกล็ดแดง

  “ดูการต่อสู้ของดอลลาร์ไปก็เท่านั้น ฉันอยากจะเห็นหานเซิ่นสู้กับอีตงมู่มากกว่า ถ้ามือสังหาร 2 คนมาสู้กัน น่าจะสนุกมาก!” ถังเตียงลิ่วพูด ขณะนั่งดูวิดีโอการต่อสู้ระหว่างดอลลาร์กับอีตงมู่   “การต่อสู้ระหว่างมือสังหาร 2 คนเป็นการต่อสู้ที่อันตรายมาก” หลินเฟิงพูด   “แบบนั้นมันถึงได้น่าตื่นเต้นไง! แต่พวกเขา 2 คนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ดังนั้นโอกาสที่พวกเขาจะมาสู้กันจึงต่ำมาก น่าเสียดายจริงๆ” ถังเตียงลิ่วพูด   2 คนที่ถังเตียงลิ่วกำลังพูดถึง ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองเดียวกัน พวกเขาอยู่ห่างกันแค่ 1 เมตรเท่านั้น   “ฉันจะไปล่ามังกรเกล็ดแดง นายต้องการไปกับฉันไหม?” อีตงมู่ถามหานเซิ่น   “นั่นมันอันตรายเกินไป” หานเซิ่นกระพริบตา   มังกรเกล็ดแดงที่อีตงมู่พูดถึงเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่ทรงพลังมาก ถึงพวกเขา 2 คนจะร่วมมือกันก็ยังล่าได้ยากอยู่ดี   “ก็เพราะมันอันตรายไง ฉันถึงอยากไปล่า” อีตงมู่พูดจบ เขาก็หันหลังเตรียมออกไปทันที   “งั้นก็ไปกัน” หานเซิ่นรู้ว่าตอนนี้อีตงมู่กำลังเจ็บปวดจากการต่อสู้กับเขา เพราะฉะนั้นหานเซิ่นจึงไม่พูดอะไรมาก เขาตามอีตงมู่ไปที่ภูเขาหิมะแห่งหนึ่ง   อีตงมู่ฆ่ามอนสเตอร์ทุกตัวที่เขาเห็นระหว่างทางด้วยการโจมตีครั้งเพียงเดียว เมื่อเห็นอีตงมู่โกรธถึงขนาดนี้ เขาคิดว่ามันอาจจะดีกว่าถ้าเขายอมแพ้ในการต่อสู้นั้น   แต่ต้องยอมรับว่าอีตงมู่แข็งแกร่งจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะหานเซิ่นเป็นคู่ซ้อมวิชาสายลมสังหารกับเขา หานเซิ่นก็อาจจะไม่สามารถป้องกันการโจมตีนั้นได้ เขารู้สึกว่าชัยชนะของเขาไม่ได้ขาวสะอาด ทำให้หานเซิ่นรู้สึกละอายใจนิดหน่อย   ไม่นานนักพวกเขาก็เดินทางมาถึงภูเขาที่เป็นที่อยู่ของมังกรเกล็ดแดง จากระยะไกลพวกเขาเห็นมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนกับทีเร็กซ์ขดตัวนอนหลับอยู่บนเนินเขา   เพราะยังไม่มีใครรู้ชื่อของมัน อีตงมู่จึงเรียกมันว่ามังกรเกล็ดแดง จากคำบอกเล่าของอีตงมู่ มอนสเตอร์ตัวนี้ทรงพลังและยังรวดเร็วมาก แม้จะใช้อาวุธเลือดศักดิ์สิทธิโจมตีก็ยังยากที่จะเจาะเกล็ดของมันเข้า อีตงมู่เคยพยายามล่ามันถึง 2 ครั้ง แต่ก็ล้มเหลว   แต่วันนี้อีตงมู่จะไม่ยอมล้มเหลวอีกแล้ว เขาตั้งใจไว้ว่าจะฆ่ามันให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้ความพยายามขนาดไหนก็ตาม   อีตงมู่เรียกมีดวิญญาณอสูรออกมา และเขาก็วิ่งเข้าไปหามังกรเกล็ดแดงทันที เขาตะโกนไปตลอดทาง ซึ่งทำให้หานเซิ่นต้องขมวดคิ้ว   “เฮ้ นายเป็นมือสังหาร แล้วทำไมถึงได้ส่งเสียงเหมือนกับพวกคนป่าแบบนั้น?” หานเซิ่นรู้สึกว่าครั้งนี้จะต้องเจอกับงานหยาบแน่ แต่เขาก็ยังเรียกวิญญาณอสูรอสรพิษเนตรเงินและวิญญาณอสูรมอสคอตออกมา เขาวิ่งเข้าไปหามังกรเกล็ดแดงจากอีกด้านหนึ่ง   ติ๊ง!ติ๊ง!ติ๊ง! หานเซิ่นและอีตงมู่ใช้อาวุธของพวกเขาฟันมังกรเกล็ดแดงอย่างบ้าคลั่ง แต่การโจมตีของพวกเขาก็ทำได้แค่ฝากรอยแผลตื้นๆไว้เท่านั้น ดูเหมือนมันจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย   มังกรเกล็ดแดงดูเหมือนกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ มันวิ่งขึ้นวิ่งลงบนเนินขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้อีตงมู่กับหานเซิ่นต้องหลบมันไปเรื่อยๆ   “นายไปเบนความสนใจมัน!” อีตงมู่โกนตะโกนสั่งหานเซิ่น ก่อนที่จะวิ่งไปด้านหลังของมังกรเกล็ดแดง   “ทำไมนายถึงไม่เป็นคนเบนความสนใจมันเอง?” แม้หานเซิ่นจะรู้สึกเซ็ง แต่เขาก็ยังกวัดแกว่งดาบไปที่ขาของมังกรเกล็ดแดง เขาสามารถดึงความสนใจของมังกรเกล็ดแดงได้ ตอนนี้เขาทำหน้าที่วิ่งล่อมันไปทั่วภูเขา   อีตงมู่เจอโอกาสเหมาะ เขากระโดดไปที่หัวของมันจากด้านหลัง และฟันไปที่คอของเขามันรัวๆ ซึ่งเป็นจุดเดียวที่ไม่มีเกล็ดแข็งๆหุ้มเอาไว้   โฮก! มังกรเกล็ดแดงดูจะได้รับความเจ็บปวดจากการโจมตีครั้งนี้ มันสะบัดเหวี่ยงอีตงมู่ไปบนพื้นหิมะ จากนั้นตัวของมังกรเกล็ดแดงก็มีไฟลุกไหมขึ้นมา เกล็ดของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นคริสตัล   “บ้าเอ้ย มันเปลี่ยนเป็นโหมดเบอร์เซิร์ก! วิ่งเร็ว!” หานเซิ่นตะโกน จากนั้นเขาก็รีบวิ่งหนีทันที   แม้อีตงมู่จะอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่เขาก็ไม่ได้โง่ เขาวิ่งไปทางเดียวกับหานเซิ่น พวกเขาวิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุด   แต่มังกรเกล็ดแดงก็รวดเร็วมาก มันไล่ตามพวกเขาไปทั่วภูเขา มันไล่ตามพวกเขามามากกว่า 100 ไมล์ ก่อนที่พวกเขาจะสามารถสลัดมันหลุดได้   อีตงมู่และหานเซิ่นรู้ว่าขาของพวกเขาแทบจะพังอยู่แล้ว พวกเขาฝืนวิ่งจนมาถึงที่นี่ ตอนนี้พวกเขาล้มตัวลงนอน และหายใจพะงาบๆอย่างหมดสภาพ   หลังจากผ่านไปสักพักอีตงมู่พูด “นายกำลังจะไปโจมตีเมืองสปิริตราชวงศ์งั้นหรอ?”   “ใช่” หานเซิ่นหันไปมองอีตงมู่และพูด “นายอยากจะมาร่วมด้วยไหม?”   “ระวังชีซิวเหวินให้ดี” หลังจากที่เตือนหานเซิ่น เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทันที   หานเซิ่นยังคงนั่งอยู่บนหิมะ เขาส่ายหัวและพูด “ฉันยังไม่รู้ว่าชีซิวเหวินจะเกลี่ยวกล่อมหลี่ซิงหลุนและฟิลิปได้รึยัง แต่ฉันอยากจะยึดเมืองสปิริตให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”   หานเซิ่นไม่ได้กังวลเกี่ยวกับชีซิวเหวิน ถ้ามีจิ้งจอกสีเงินอยู่กับเขาตลอดเวลาจะไม่มีผู้วิวัฒนาการคนไหนทำอะไรเขาได้ ยิ่งในทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ไม่มีใครเลยที่จะมีพลังเหนือกว่าจิ้งจอกสีเงินไปได้   หานเซิ่นลุกขึ้น เขาสังเกตเห็นว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่อยู่ในหิมะด้านหน้าเขา หานเซิ่นยืนอยู่นิ่งๆ เขาพยายามจะมองให้ออกมามันคืออะไรกันแน่   หานเซิ่นมองดูอยู่สักพัก ในที่สุดเต่าสีขาวก็โผล่ออกมาจากใต้หิมะ   เต่าตัวนี้ค่อนข้างใหญ่ หลังจากที่โผล่ออกมาจากหิมะ มันก็หันไปมองรอบๆ เหมือนว่ามันกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่   หานเซิ่นมองดูเต่าตัวนั้นจากระยะไกล ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเต่ามันโผล่มาจากไหน ด้านหลังของมันมีถ้ำน้ำแข็งอยู่ ภายในถ้ำมีน้ำขัง ซึ่งผิวน้ำส่วนมากจับตัวกันเป็นน้ำแข็งแล้ว เมื่อมองดูไกลๆมันกลมกลืนกับหิมะมาก   เต่าตัวใหญ่ไม่ได้มองหานเซิ่น หลังจากที่มันเดินวนไปวนมาอยู่ 2-3 รอบ มันก็เดินกลับไปที่ถ้ำ มันเอาหัวของมันจุ่มลงไปในน้ำ ไม่รู้ว่ามันดื่มน้ำหรือทำอะไรกันแน่   ผ่านไปสักพักมันก็ดึงหัวกลับมา ตอนนี้หานเซิ่นนั่งสังเกตถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้อยู่ เพราะเขารู้สึกว่ามันแปลก หลังจากที่เฝ้าดูไปสักพัก ก็มีเต่าตัวอื่นโผล่ออกมาจากน้ำภายในถ้ำแห่งนั้น   แต่ถ้าเปรียบเทียบกับเต่าตัวแรก เต่าตัวนี้ตัวเล็กกว่ามาก มองดูไกลๆมันเหมือนกับถ้วยสีขาวๆ หลังจากเต่าตัวเล็กๆออกมาจากน้ำ ก็มีอีกหลายตัวตามออกมา หลังจากผ่านไปสักพักเต่าทั้ง 9 ตัวก็ออกมาจากภายในถ้ำน้ำแข็ง   หานเซิ่นที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในหิมะเบิกตากว้าง “อย่าบอกนะว่าพวกมันคือลูกของเต่าตัวใหญ่”   หานเซิ่นรู้ดีว่ามันยากมากที่มอนสเตอร์จะให้กำเนิดลูกออกมา เท่าที่เขารู้มาก็มีแค่โกลเด้นโกรวเลอร์ และเต่าขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 1   ถ้าพวกเต่าตัวเล็กๆคือลูกๆของมันจริง ซึ่งมันมีถึง 8 ตัวนี่เป็นจำนวนที่เยอะมากสำหรับมอนสเตอร์   หลังจากเต่าทั้ง 8 ออกมา มันก็เดินตามเต่าตัวใหญ่ เต่าตัวใหญ่นำทางพวกมันไปที่บ่อน้ำแห่งหนึ่ง หลังจากเฝ้าดูมันอยู่นาน เขาก็รู้สึกชื่นชมพวกมัน ดูๆไปพวกมันก็เป็นครอบครัวที่น่ารักดี   หานเซิ่นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเต่าพวกนี้ เขายังไม่เคยเห็นมันมาก่อน และยังไม่รู้ด้วยว่ามันเป็นมอนสเตอร์ระดับไหน ดังนั้นเขาจึงต้องซ่อนตัวและเฝ้ามองมันต่อไป   หลังจากที่เต่าตัวใหญ่ไปถึงบ่อน้ำที่อยู่ใกล้ภูเขา มันก็ใช้เท้าของมันขุดหิมะ หานเซิ่นสังเกตเห็นว่ามันกำลังขุดเห็ดสีแดงขึ้นมาอย่างช้าๆ จากนั้นเต่าตัวเล็กๆก็เดินมาถึง พวกมันเริ่มกินเห็นอย่างมีความสุข   ฝากแฟนๆกดติดตามหรือกดLikeเพจด้วยครับ >>> SSG (ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอนที่ 2015 แล้วครับ)