Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 584 ในชีวิตนี้ ในโลกใบนี้ ใต้ท้องฟ้านี้ ในจักรวาลนี้ เพื่อการโจมตีนี้
Super God Gene – ตอนที่ 584 ในชีวิตนี้ ในโลกใบนี้ ใต้ท้องฟ้านี้ ในจักรวาลนี้ เพื่อการโจมตีนี้

  ผู้ชมที่นั่งดูอยู่บนสเเตนด์ลุกขึ้นยืนอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้พวกเขายืนอ้าปากค้าง พวกเขากำลังดูการโจมตีสุดท้ายของอีตงมู่   โมเมนตัมและพลังของอีตงมู่ถึงขีดสุดแล้ว ในที่สุดมีดในมือของเขาก็ขยับ มีดของเขาเคลื่อนไหวเร็วยิ่งกว่าอากาศ   ตอนนี้มีดได้หายไปในอากาศ ไม่มีใครสามารถมองเห็นมัน มันเป็นการโจมตีที่ไร้ร่องรอย   แม้ทุกคนจะรู้ว่าอีตงมู่กำลังโจมตี แต่เมื่อเขาโจมตีจริงๆ พวกเขาก็มองตามไม่ทัน   ความเร็วของมันสูงมาก ทุกคนไม่สามารถตามความเร็วของใบมีดได้ทัน ตอนนี้ทุกคนได้แต่อ้าปากค้าง เมื่อเห็นการโจมตีที่น่าตกใจนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือก ราวกับพวกเขาเองก็ได้รับความเจ็บปวดจากการโจมตีนี้เช่นเดียวกัน   แม้พวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นว่ามีดอยู่ทางไหน แต่ทุกคนก็พอจะจินตนาการได้ พวกเขาคิดว่ายังไงมีดก็ต้องไปถูกตัวดอลลาร์แน่ ครั้งนี้พวกเขาอาจจะได้เห็นหัวของดอลลาร์ขาดกระเด็นเลยก็ได้   พร้อมกับการโจมตีของอีตงมู่ มีกระแสลมลูกใหญ่พัดมา จากนั้นมีดก็หายไปจากสายตาของทุกคน   “สายลมสังหาร!” คุณหลงตระโกน พร้อมกับเบิกตากว้าง เขามองดูการโจมตีของอีตงมู่   แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจฟังคำพูดของเขา สายตาทุกคู่กำลังจับจ้องไปที่การโจมตีของอีตงมู่กันหมด   ทุกคนอยากจะรู้ผลลัพธ์มาก พลังโจมตีอันน่ากลัวของบูชายัญ 150 ก้าวจะรุนแรงถึงขนาดไหน และพวกเขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นจะรับมือการโจมตีนี้ยังไง   นอกจากการถอยหนีเต็มตัวแล้ว พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะรับมือการโจมตีนี้ยังไง   แต่เมื่อพวกเขาลองคิดดีๆแล้ว ใครจะสามารถรับมือและหลบหนีจากการโจมตีที่รวดเร็วแบบนี้ได้ทัน?   พวกเขาจินตนาการว่าถ้าพวกเขาเป็นคนที่อยู่ตรงนั้น หัวพวกเขาจะต้องหลุดจากบ่าอย่างแน่นอน ยังไงก็ไม่มีทางหลบการโจมตีนี้ได้   สายลมที่พัดเข้ามาไม่ได้คมกริบ แต่ภายในนั้นมีมีดซ่อนอยู่ ในมือของหานเซิ่นไม่มีอาวุธ ในเสี้ยววินาทีเขาทำท่าพนมมือ ราวกับท่าภาวนาตามแบบศาสนาพุทธ ถึงตาของเขาจะมองไม่เห็นว่ามีดมาทางไหน แต่กระนั้นเขาก็ยังดูสงบและเยือกเย็นมาก ท่าทางของเขาราวกับพระโพธิสัตว์ ซึ่งตรงกันข้ามกับอีตงมู่ที่ดูเหมือนกับปีศาจ   การโจมตีที่ทุ่มสุดตัวของอีตงมู่ บูชายัญ 150 ก้าวในที่สุดก็ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมดแล้ว แต่มีดปรากฏออกมาอีกทีก็อยู่ตรงกลางระหว่างฝ่ามือของหานเซิ่นเรียบร้อยแล้ว   ในตอนนั้นเหมือนกับพายุได้สงบลง อากาศรอบๆเริ่มสงบอีกครั้ง อารมณ์ความตื่นเต้นที่ถูกบิวจนถึงขีดสุด ตอนนี้กลายเป็นความว่างเปล่า ความเงียบเข้าปกคลุ่มทั่วทั้งสแตนด์ การโจมตีที่รุนแรงถูกหยุดด้วยมือเปล่าๆ   ทุกคนอ้าปากค้าง พวกเขารู้สึกช็อค ไม่มีใครยอมรับผลแบบนี้ได้ การโจมตีที่ดูรุนแรงถึงขนาดนั้นไม่น่าจะถูกหยุดได้ง่ายๆแบบนี้   มันเหมือนกับรถบรรทุกที่วิ่งมาด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่งโมงแล้วหยุดทันที โดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า ยากที่พวกเขาจะยอมรับในสิ่งที่เห็นได้ ความเร็วขนาดนั้นไม่น่าจะถูกหยุดได้ในทันทีแบบนั้น   แม้รถบรรทุกจะชนเข้ากับกำแพง มันก็ต้องมีแรงที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้รับ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทุกอย่างถูกหยุดในทันที   ใบมีดและหน้าผากของดอลลาร์อยู่ห่างกันแค่ 1 นิ้วเท่านั้น แต่ยังไงมันก็หมายถึงว่าการโจมตีนี้ไม่ได้ผล   ดอลลาร์เหมือนกับพระโพธิสัตว์ที่สามารถควบคุมทุกสรรพสิ่ง ฝ่ามือของเขาสามารถรับได้ทุกอย่างไม่ว่าฟ้าจะถล่มลงมาก็ไม่มีทางผ่านฝ่ามือเขาไปได้   มันเป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ไม่มีเสียงแม้แต่เสียงเดียวดังออกมาจากที่นั่งบนสแตนด์ ราวกับว่าสมองของทุกคนไม่สามารถสั่งการได้ สายตาของผู้คนจำนวนมากจ้องมองมาที่นักสู้ทั้ง 2   มือของอีตงมู่ยังคงกำมีดอยู่ มือของเขากำลังสั่น การโจมตีที่เขาคิดว่าสามารถทำลายทุกอย่างได้ แต่กับไม่สามารถผ่านฝ่ามือของคู่ต่อสู้ไปได้   ตามหลักของมือสังหารนี้ถือเป็นความล้มเหลว ตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาหวังเอาไว้ ใจที่จะต่อสู้ของเขาถูกทำลายลงแล้ว ใบหน้าของเขาซีดเหมือนกับหิมะ มือของเขากำลังสั่นหนักมาก เขาแทบจะกำมีดเอาไว้ไม่อยู่   หานเซิ่นขยับมือไปคว้ามีด จากนั้นเขาก็ส่งมันคืนให้อีตงมู่ “ฉันยอมรับในความมุ่งมั่นของการโจมตีครั้งนี้ ในชีวิตนี้ ในโลกใบนี้ ใต้ท้องฟ้านี้ ในจักรวาลนี้ เพื่อการโจมตีนี้”   ร่างกายของอีตงมู่กำลังสั่น เขารับมีดคืนมา พร้อมกับมองหานเซิ่นด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน   การต่อสู้ไม่ได้ดำเนินต่อไป หานเซิ่นล็อคเอ้าออกจากแพลตฟอร์มทันที ตอนนี้ทั้งดอลลาร์และอีตงมู่ล็อตเอ้าออกไปทั้งคู่ แม้พวกเขาทั้ง 2 คนจะยังสู้กันไม้รู้ผลแพ้ชนะ แต่ยังไงตอนนี้ทุกคนก็รู้กันหมดแล้ว   “ฉันยอมรับในความทุ่มเทของเขา อีตงมู่ผู้น่าสงสาร” “ในชีวิตนี้ ในโลกใบนี้ ใต้ท้องฟ้านี้ ในจักรวาลนี้ เพื่อการโจมตีนี้ อีตงมู่ควรรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ยินคำพูดนี้ มันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังจริงๆ น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้เป็นดอลลาร์” “ไม่ต้องร้องอีตงมู่ พวกเราสนับสนุนคุณเสมอ จากใจของพวกเราคุณคือราชาของมือสังหาร” “ดอลลาร์ก็ยังเป็นดอลลาร์” …   เฟิงหมิงเฉวียนถอนหายใจยาว เขาพูด “การโจมตีนี้เป็นการโจมตีที่ตัดสินชีวิต แต่ผลลัพธ์มันไม่เป็นไปอย่างที่พวกเราคิด การต่อสู้นี้เป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 ตำนาน นี่เป็นการต่อสู้ที่พวกเราจะไม่มีวันได้เห็นอีกแล้ว”   หลังจากที่ได้ยินเฟิงหมิงเฉวียนพูด ทุกคนก็รู้สึกเศร้าทันที เพราะดอลลาร์กับอีตงมู่มีข้อตกลงกันอยู่ พวกเขาจะไม่สู้กันอีกแล้วนี่เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเขา   “คุณหลง คุณคิดยังไงกับการต่อสู้ครั้งนี้?” เฟิงหมิงเฉวียนหันไปถามคุณหลง   “ในชีวิตนี้ ในโลกใบนี้ ใต้ท้องฟ้านี้ ในจักรวาลนี้ เพื่อการโจมตีนี้” คุณหลงพูด จากนั้นเขาก็ล็อคเอ้าออกจากแพลตฟอร์ม   ทุกคนที่ได้ดูการต่อสู้ในวันนี้ พวกเขาย้อนดูอีกหลายครั้ง แต่ไม่ว่าพวกเขาจะดูไปกี่ครั้ง พวกเขาก็ยังตื่นเต้นและรู้สึกช็อคทุกครั้ง พวกเขาดูมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า “น่าเสียดายมากอีตงมู่” “เป็นการโจมตีที่ทุ่มสุดตัวจริงๆ ฉันอยากจะเห็นมันอีก” “น่าสงสาร เจ้าชายแห่งมือสังหาร” “ฉันยอมแยกด้วยอายุขัย 10 ปีของฉันเลย ถ้าจะได้ดูการต่อสู้ของพวกเขาอีกครั้ง” “ฉันยอมรับในความมุ่งมั่นของอีตงมู่ ฉันอยากจะร้องไห้ ดอลลาร์โหดร้ายเกินไป เขาทำลายการโจมตีแห่งจิตวิญญาณของอีตงมู่” …   หลังจากที่เฟิงหมิงเฉวียนกลับมาที่ห้องทำงาน เขาก็ทำการอัพวิดีโอการต่อสู้ลงไปบนเน็ต เขาไม่ต้องปรับแต่งใดๆ เขาแค่ต้องใส่ชื่อและคำบรรยายลงไป มันไม่ใช่บทความเพื่อดอลลาร์ แต่เป็นอีตงมู่ “ราชามือสังหาร ชีวิตนี้และโลกใบนี้มันยังไม่จบลง ท้องฟ้านี้ จักรวาลนี้ การโจมตีนี้ ทุกสิ่งที่ผมเห็นมาตลอดหลายปีนี้ มีแค่ความทุ่มเทของการโจมตีครั้งนี้เท่านั้นที่ผมสัมผัสมันได้มากที่สุด” “นี่เพื่อราชามือสังหารของผม อีตงมู่”   หลังจากที่ได้ดูการต่อสู้ครั้งนี้ มีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่พูดถึงดอลลาร์ คนส่วนมากจะพูดถึงอีตงมู่กันหมด ถึงเขาจะไม่ชนะ แต่การโจมตีของเขามาจากหัวใจจริงๆ ไม่ว่าใครก็สัมผัสถึงมันได้ ทุกคนยกให้เขาเป็นราชามือสังหาร   แต่สำหรับดอลลาร์ เขาคือนักสู้ที่ไร้เทียมทานอยู่แล้ว ไม่มีใครสงสัยในความสามารถของเขาอีก

Super God Gene – ตอนที่ 583 การโจมตีสุดท้าย
Super God Gene – ตอนที่ 583 การโจมตีสุดท้าย

  10 ก้าว… 20 ก้าว… 30 ก้าว ทุกคนกำลังคำนวณระยะห่างระหว่างอีตงมู่กับหานเซิ่น ซึ่งมันมีระยะห่างประมาน 50 ก้าว ถ้าหานเซิ่นไม่เคลื่อนไหวหรือโจมตีเลย อีตงมู่จะต้องเดินอีก 50 ก้าวเพื่อไปให้ถึงหานเซิ่น   อีตงมู่เดินไปแล้ว 30 ก้าว โมเมนตัมของเขายังไม่สูงพอ ตอนนี้เขายังคงทำสมาธิ และเดินต่อไปให้มากที่สุดเพื่อเพิ่มโมเมนตัม   ทุกๆก้าวของเขาเหมือนกับคลื่นทะเลที่ซัดเข้าชายฝั่ง ตอนนี้แต่ละก้าวของอีตงมู่สร้างแรงกดดันให้หานเซิ่น เหมือนกับพายุลูกใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ   แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่ขยับ เขาแค่มองดูอีตงมู่อย่างสงบ เขากำลังยืนต้านคลื่นทะเลอย่างมั่นคง   ตูม! ทุกๆก้าวของอีตงมู่สร้างคลื่นที่ทรงพลังซัดเข้าหาหานเซิ่น เร็วขึ้นและเร็วขึ้น สเต็ปเท้าของอีตงมู่เร็วขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากหานเซิ่นเพียงแค่ 5 ก้าว ตัวของเขาเริ่มส่องแสงออกมา โมเมนตัมของเขาพุ่งขึ้นสูง ทำให้คนที่มองเขารู้สึกกลัวขึ้นมา   “เขากำลังจะโจมตี!” ทุกคนแทบจะหยุดหายใจ พวกเขาสังเกตอีตงมู่มานาน แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าอีตงมู่จะโจมตีในรูปแบบไหน ถึงตอนนี้มีดของอีตงมู่จะยังอยู่ในมือ แต่มันก็อยู่ในท่าที่ไม่พร้อมจะโจมตี   ระยะห่างของทั้งคู่ในที่สุดก็เหลือแค่ 2 ก้าว ในที่สุดหานเซิ่นก็เริ่มเคลื่อนไหว แต่เขาไม่ได้ไปข้างหน้า เขาเคลื่อนที่ถอยหลังแทน   หานเซิ่นกำลังเผชิญหน้ากับอีตงมู่ด้วยสีหน้าที่สงบ ซึ่งตรงกันข้ามกับใบหน้าของอีตงมู่ที่ดูเคร่งเครียดมาก ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างกันแค่ 1 ก้าว เมื่อหานเซิ่นถอยหลัง 1 ก้าว อีตงมู่ก็ก้าวไปข้างหน้า 1 ก้าว   “ดอลลาร์…กำลังถอยหนี..” ผู้ชมจำนวนมากเบิกตากว้าง พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าดอลลาร์จะถอยหนีแบบนั้น จนถึงตอนนี้ดอลลาร์ยังไม่เคยถอยหนีคู่ต่อสู้แบบนี้มาก่อน   “ดอลลาร์กลัววิชาบูชายัญของอีตงมู่งั้นหรอ?” ตอนนี้ทุกคนคิดว่าดอลลาร์กำลังกลัว   “สวยงามมาก! ดอลลาร์ฉลาดจริงๆ” คุณหลงชมเชยการกระทำของหานเซิ่น   “คุณหลง คุณคิดว่าดอลลาร์ทำดีแล้วจริงหรอ?” เฟิงหมิงเฉวียนมองคุณหลงด้วยสีหน้าที่สับสน   “ใช่ มันเป็นการหนีที่ชาญฉลาดมาก” คุณหลงดูตื่นเต้นมาก เขาพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ผมยังไม่ได้พูดถึงส่วนที่สำคัญของวิชาบูชายัญ ถ้าคุณเก็บโมเมนตัมได้เต็มแล้ว หลังจากนั้นคุณจะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ตอนนี้อีตงมู่ก้าวไปทั้งหมด 53 ก้าวแล้ว ถ้าดอลลาร์เลือกที่จะสู้กับเขาตอนนี้ มันจะเป็นการตัดสินใจที่แย่มาก การที่เขาถอยหนีแบบนี้ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเอง ถ้าเขาสามารถหลบหนีอีตงมู่ต่อไปได้เรื่อยๆแบบนี้ เขาสามารถรอจนอีตงมู่อ่อนพลังลง นี่เป็นการตอบสนองที่งดงามมาก ซึ่งมันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นนักสู้ที่เก่งขนาดไหน”   หลังจากที่ได้ยินคุณหลงวิเคราะห์ ทุกคนก็เริ่มเข้าใจการกระทำของหานเซิ่น “หมายความว่าอีตงมู่จะต้องไล่ดอลลาร์ให้ทันก่อนที่โมเมนตัมของเขาจะลดลง ไม่งั้นก็ยากที่เขาจะชนะ ผมเข้าใจถูกไหม?” เฟิงหมิงเฉวียนถาม   “ใช่เเล้ว” คุณหลงพยักหน้า “คุณที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น สามารถเคลื่อนไหวในสภาพนั้นได้เพียงแค่ 100 ก้าว ถ้าอีตงมู่สามารถไล่ตามดอลลาร์ได้ทันภายใน 100 ก้าว พลังในโจมตีที่เขาปลดปล่อยออกมาจะร้ายแรงจนยากที่จะป้องกันได้ ซึ่งมันคงจะสามารถจัดการดอลลาร์ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ถ้าเขาไม่สามารถไล่ตามดอลลาร์ได้ทันภายใน 100 ก้าว ดอลลาร์จะมีโอกาสชนะถึง 90%”   ตอนนี้ทุกๆคนกำลังมองตามนักสู้ทั้ง 2 คนในสนามแบบตาไม่กระพริบ ทั้งสนามเงียบสงัดไม่มีใครพูดอะไร สายตาทุกคู่จ้องมองไปที่พวกเขา   พวกเขาอยู่ห่างกันแค่ 1 ก้าวเท่านั้น ถ้าอีตงมู่ก้าวอีกแค่ก้าวเดียว เขาก็สามารถใช้มีดของเขาโจมตีหานเซิ่นได้เลย แต่ก้าวสุดท้ายนี้อีตงมู่ก็ยังไม่สามารถทำได้สักที   พวกเขาจ้องมองกันตลอดเวลา ขณะที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกเขาเหมือนกับนกแฝด แต่ละก้าวของพวกเขาสามารถไปได้ไกลถึง 10 เมตร   60.. 70.. 80 ทุกคนกำลังนับก้าวของอีตงมู่อยู่ในใจ ยิ่งจำนวนก้าวเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งบีบหัวใจของคนดู ไม่ใช่แค่โมเมนตัมและพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างเดียว แต่ความเร็วตอนนี้ของอีตงมู่ก็น่ากลัวมาก   “อีตงมู่จะสามารถไล่ตามดอลลาร์ได้ทันก่อนจะถึง 100 ก้าวจริงๆหรอ?” แม้แต่ถังเตียงลิ่วยังอดรู้สึกเครียดตามไม่ได้ ตอนนี้มือของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ   หลินเฟิงตอบอย่างสงบ “100ก้าว? นั่นมันแค่เริ่มต้นเท่านั้น”   ถังเตียงลิวหันมามองหลินเฟิงด้วยความช็อค “นายหมายความว่ายังไง?”   “งั้นก็ลองดู” หลินเฟิงพูด จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ทั้ง 2 คนในสนาม   85.. 90.. 95..100 หานเซิ่นยังคงหนีต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่อีตงมู่ก็ยังไม่สามารถไล่ตามเขาได้ทัน หลังจากก้าวที่ 100 หัวใจของทุกคนก็แทบจะหยุดเต้น ตอนนี่อีตงมู่มีพลังอันมหาศาลที่พร้อมจะระเบิดออกมา แต่ดูเหมือนว่ากลยุทธ์ของดอลลาร์จะได้ผล ยากมากที่อีตงมู่จะได้ใช้พลังทั้งหมดในการโจมตี   หลังจากก้าวที่ 100 ทุกคนก็กลัวว่าโมเมนตัมของอีตงมู่จะเริ่มตกลง เขายังไม่สามารถไล่ตามดอลลาร์ได้ทัน สถานการณ์ของเขาดูเสียเปรียบมาก   ทุกคนคิดว่ายังไงดอลลาร์ก็คงชนะ แม้แต่แฟนคลับของดอลลาร์ก็ดูจะผิดหลังเล็กน้อย การเอาชนะในรูปแบบนี้ ดูน่าเบื่อมากสำหรับพวกเขา พวกเขาหวังจะได้ดูการต่อสู้ที่มันสุดยอดกว่านี้   แต่ยังไม่มีใครตระหนักว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากก้าวที่ 100 ซึ่งโมเมนตัมของอีตงมู่ก็ยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด แต่มันยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในจำนวนที่น่าตกใจ เขาดูเหมือนกับปีศาจ ตอนนี้เขากำลังไล่ตามหานเซิ่นด้วยความเร็วที่สูงมาก   110…115..120 “โอ้พระเจ้า ทรงพลังจริงๆ บูชายัญ 120 ก้าว?! และโมเมนตัมของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นในระดับที่น่ากลัว หนุ่มคนนี้เกิดมาเพื่อวิชานี้จริงๆ เขามีพรสวรรค์มาก ผมไม่อยากจะเชื่อจริงๆ!” คุณหลงพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่น ตอนนี้เขาดูจะตื่นเต้นมาก   อีตงมู่ก้าวเข้าไปหาหานเซิ่นอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้หัวใจของทุกคนเต้นรัว ราวกับว่าพวกเขากำลังวิ่งไปพร้อมกับอีตงมู่   ตูม! 150 ตอนนี้ตัวของอีตงมู่ฉีกอากาศออกเป็น 2 ซีก การเคลื่อนที่ของเขาทำให้เกิดเสียงดังราวกับฟ้าผ่า เส้นผมของเขาตั้งขึ้นและปลิวไสวไปในอากาศ เขากำลังไล่ตามหานเซิ่นเหมือนกับเทพสายฟ้า ตอนนี้ร่างกายของเขาถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว เหมือนกับเขาจะสามารถฟันทุกดวงดาวให้ขาดได้ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว   “150 ก้าว? โกหกใช่ไหมเนี่ย?!” คุณหลงหมดคำพูด ทั้งชีวิตเขาเพิ่งจะเคยเห็นอะไรแบบนี้ อีตงมู่มีพรสวรรค์ที่สูงจนน่ากลัว   และในจังหวะนั้นเองหานเซิ่นก็หยุด ตอนแรกเขากำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่อยู่ๆเขาก็หยุดแบบกะทันหัน เขาทำตัวเป็นเหมือนขุนเขาที่เตรียมรับแรงกระแทกจากคลื่นทะเล   หลังจากก้าวที่ 150 โมเมนตัมของอีตงมู่ก็ถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว “ตายซะ!” ในก้าวสุดท้ายนี้ อีตงมู่ดูไม่เหมือนกับมนุษย์แล้ว ตอนนี้เขาดูเหมือนกับปีศาจ ผมยาวๆของเขากำลังปลิวไสวในอากาศอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดมือของเขาก็ขยับ   ในจังหวะนั้นทุกคนก็เข้าใจว่าดอลลาร์ไม่ได้กำลังถอยหนี เขาไม่ได้กลัวคู่ต่อสู้ เขาไม่ได้ใช้กลยุทธ์อะไรอย่างที่คุณหลงพูดเลย เขาแค่กำลังรอให้คู่ต่อสู้ถึงขีดกำจัดสูงสุด  

Super God Gene – ตอนที่ 582 บูชายัญ
Super God Gene – ตอนที่ 582 บูชายัญ

  อีตงมู่ไม่คิดอะไรมาก ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือการเอาชนะดอลลาร์ให้ได้   อีตงมู่ถือมีดในลักษณะหันปลายมีดลง สายตาที่เยือกเย็นของเขาจับจ้องที่หานเซิ่น ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะดูผ่อนคลายมากขึ้น   เขาเดินตรงเข้าไปหาหานเซิ่นอย่างช้าๆ มันไม่เหมือนกับว่าเขาต้องการจะเอาชีวิตคู่ต่อสู้แ0ต่อย่างใด การเดินของเขาดูสบายๆราวกับเดินในสวนสาธารณะ   “คุณหลง คุณคิดยังไงเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้?” เฟิงหมิงเฉวียนถามผู้บรรยายอีกคน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้วิวัฒนาการที่มีชื่อเสียง   คุณหลงคนนี้เป็นที่รู้จักกันดี เขาเป็นคนที่เข้ามาต่อสู้ในแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการบ่อยครั้ง   เขามีอายุมากกว่า 100 ปี เขาเป็นคนที่สร้างวิดีโอสอนการต่อสู้ให้กับผู้วิวัฒนาการหน้าใหม่ เขาสอนเกี่ยวกับว่าจะต้องทำยังไงหรือล่ามอนสเตอร์ยังไง วิดีโอของเขาส่วนมากจะเป็นประโยชน์กับผู้วิวัฒนาการหน้าใหม่มาก วิดีโอของเขาช่วยลดความเสี่ยงเวลาใช้ชีวิตอยู่ในก็อตแ0ซงชัวรีเขต 2 เนื่องจากผลงานของเขามีมากมาย เขาจึงเป็นหนึ่งในคนที่ชื่อเสียงในหมู่ผู้วิวัฒนาการ   การที่เฟิงหมิงเฉวียนเชิญเขามาร่วมบรรยาย ทำให้สามารถดึงผู้ชมจำนวนมากเข้ามาดูรายการสด หลายคนต้องการดูคนมีชื่อเสียงอย่างเขาวิเคราะห์การต่อสู้แ0บบสดๆ   คุณหลงมองทั้ง 2 คนที่อยู่ในสนามประลองแ0ละพูด “ผมไม่ได้ศึกษาข้อมูลของอีตงมู่มา แ0ต่สำหรับดอลลาร์ ผมทำการค้นคว้าข้อมูลของเขามาพอสมควร โดยดูจากการต่อสู้ของเขาที่ผ่านๆมา”   “คุณหลง ถ้าคุณทำการค้นคว้าแ0ละวิเคราะห์เกี่ยวกับดอลลาร์อย่างจริงจังแ0ล้ว คุณช่วยสรุปคราวๆให้พวกเราฟังได้ไหม? ในวันนี้พวกเราจะเห็นอะไรจากดอลลาร์บ้าง พวกเราหลายคนต่างก็สงสัยอยู่ว่าดอลลาร์กำลังใช้วิชาหมากล้อมสวรรค์ในตำนานอยู่ เรื่องนี้เป็นความจริงหรือเปล่าครับ?” เฟิงหมิงเฉวียนถาม   “เรื่องนี้ผมทำการวิเคราะห์มาแ0ล้ว สิ่งที่เขาใช้ไม่ได้เป็นไปตามหลักของหมากล้อมสวรรค์ทั้งหมด 100% มันด้อยกว่าวิชาหมากล้อมสวรรค์จริงๆมาก” คุณหลงพูดอย่างมั่นใจ   ถ้าหานเซิ่นได้ยินสิ่งที่คุณหลงพูด เขาคงจะรู้สึกชื่นชมความสามารถในการสังเกตของคุณหลง เพราะหานเซิ่นก็แ0ค่ลอกเลียนแ0บบจากควีนแ0บบหยาบๆ จากนั้นเขาก็เอามาดัดแ0ปลงนิดหน่อยจนนำมาใช้งานได้ ซึ่งมันยังห่างชั้นกับของจริงมาก   “งั้นคุณหลง คุณมั่นใจเลยสิว่าวิชาที่ดอลลาร์ใช้ไม่ใช่หมากล้อมสวรรค์ คุณพอมีหลักฐานอะไรที่จะสนับสนุนคำพูดของคุณไหม?” เฟิงหมิงเฉวียนยิงคำถามใส่คุณหลง ตอนนี้ผู้ชมจำนวนมากกำลังตั้งใจฟัง แ0ฟนคลับของดอลลาร์หลายคนดูไม่ค่อยพอใจกับการวิเคราะห์ของเขาเท่าไหร่   คุณหลงเองก็มองเห็นคอมเมนต์จากทางบ้านเช่นเดียวกัน แ0ต่กระนั้นเขาก็พูดอย่างสงบ “แ0ม้ผมจะไม่ใช่คนที่โชคดีอะไรนัก แ0ต่ในตอนเด็ก ผมมีก็โอกาสได้ไปล่ากับฟูชิงเหมย แ0ละผมก็ได้เห็นวิชาหมากล้อมสวรรค์ของแ0ท้มากับตาตัวเอง”   หลังจากที่เขาพูดแ0บบนั้นออกไปก็ไม่มีคนถามหาหลักฐานอ้างอิงจากเขาอีกเลย ถ้าคุณหลงเคยเห็นฟูชิงเหมยใช้หมากล้มสวรรค์กับตาจริงๆ การวิเคราะห์ของเขาก็ไม่มีทางผิดแ0น่ ทุกคนรู้จักหมากล้อมสวรรค์ของฟูชิงเหมยดี ที่เธอมีชื่อเสียงขึ้นมาก็เพราะวิชานี้   ในตอนนี้อีตงมู่กำลังเคลื่อนที่เข้าหาหานเซิ่น คุณหลงจากตอนแ0รกที่นั่งดูอย่างสบายๆ อยู่ๆเขาก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา “หืมม?”   “เกิดอะไรขึ้นหรอครับคุณหลง?” แ0ม้เฟิงหมิงเฉวียนจะเป็นนักบรรยายมืออาชีพ แ0ต่เขาก็ไม่ได้รู้เกี่ยวกับการต่อสู้ละเอียดเท่ากับคุณหลง ตอนนี้เขายังไม่รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษ   คุณหลงพูดด้วยน้ำเสียงที่ชื่นชม “ถ้าผมดูไม่ผิด อีตงมู่กำลังใช้วิชาบูชายัญอยู่ มันเป็นวิชาที่ต้องพึ่งพลังทางจิตใจมาก วิชานี้ไม่ใช่แ0ค่ต้องมีพลังกายอย่างเดียว ถ้าคุณไม่สามารถเพ่งสมาธิให้แ0น่วแ0น่ได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เป็นเลิศ คุณก็ไม่มีทางเคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ”   “ฟังดูเหมือนเป็นวิชาการต่อสู้ที่สุดยอด แ0ล้วที่อีตมู่กำลังใช้ คุณคิดว่าเขาเชี่ยวชาญถึงระดับไหน?” เฟิงหมิงเฉวียนถาม   “วิชาการต่อสู้ไม่ใช่คณิตศาสตร์ การวัดผลมันจะต้องขึ้นอยู่กับการเอาไปใช้ในสนามจริง แ0ละยังมีปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง ผมไม่สามารถวัดระดับความเชี่ยวชาญของเขาได้ แ0ต่ที่ผมพอจะพูดได้ก็คือ อีตงมู่เป็นผู้เชี่ยวชาญวิชานี้ หนุ่มคนนี้จะต้องมีอนาคตที่สดใสอย่างแ0น่นอน”   เฟิงหมิงเฉวียนถามต่อ “ความรู้เกี่ยวกับวิชาการต่อสู้ของผมมีจำกัดมาก ดังนั้นผมไม่แ0น่ใจว่าวิชาบูชายัญมันเป็นยังไง คุณจะช่วยอธิบายเกี่ยวกับวิชานี้ให้ผู้ชมทางบ้านฟังได้ไหมครับ คุณหลง?”   “การใช้วิชาบูชายัญ คุณจะต้องโยนความคิดอื่นๆในหัวออกไปให้หมด คุณต้องปราศจากความกลัว ความกังวล ความเศร้าแ0ละความสุข จิตใจของคุณจะต้องแ0น่วแ0น่ไม่มีความลังเล โดยมีจุดประสงค์เดียว ถ้าคุณทำได้ คุณก็จะเข้าใจหลักการของวิชานี้แ0ละมันจะช่วยคุณได้มาก แ0ต่การจะทำให้ได้มันยากกว่าที่ทุกคนคิด การจะทำให้จิตใจอยู่ในสภาวะที่มุ่งมั่นแ0ต่เพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ แ0ม้แ0ต่พวกยอดฝีมือหลายๆคนก็ยังทำไม่ได้เลย อีตงมู่ยังหนุ่ม แ0ต่เขาก็ใช้วิชาบูชายัญได้ถึงระดับนี้ มันหาได้ยากมาก”   เฟิงหมินเฉวียนสังเกตว่าคุณหลงไม่ได้พูดถึงวิชานี้ตรงๆ เขายังไม่ได้อธิบายเลยว่าวิชานี้เป็นยังไงหรือใช้ทำอะไรได้กันแ0น่ เขาเลยต้องถาม “ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเป็นวิชาแ0บบไหน”   “คำอธิบายที่ตรงประเด็นที่สุดที่ผมจะให้ได้ก็คือวิชาบูชายัญคือวิชาที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ แ0ต่มันไม่ใช่แ0ค่การเคลื่อนที่ มันคือการผสานรวมฟ้าดินให้เป็นหนึ่ง ทุกๆก้าวของเขาจะเพิ่งโมเมนตัมให้กับเขา และยัง0ทำให้ความแ0ข็งแ0กร่งของเขาเพิ่มขึ้นด้วย ยิ่งเขาเคลื่อนที่ได้มากเท่าไหร่ พลังแ0ละโมเมนตัมของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้น ถ้าเขาสามารถเคลื่อนไหวได้ถึง 100 ก้าว พลังแ0ละโมเมนตัมของเขาก็จะเต็ม ถ้ามันเกิดขึ้น ผมไม่คิดว่าจะมีใครหยุดการโจมตีของเขาได้”   “มันทรงพลังขนาดนั้นจริงๆหรอครับ? งั้นถ้าอีตงมู่สามารถเคลื่อนไหวได้ถึง 100 ก้าว ดอลลาร์ก็จะแ0พ้งั้นหรอครับ?” เมื่อเฟิงหมิงเฉวียนได้ยิน เขาก็ช็อค   ผู้ชมที่ดูถ่ายทอดสดอยู่เริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ที่ผู้เชี่ยวชาญพูดเป็นความจริงรึเปล่า? มันฟังดูเหมือนกับเวทย์มนตร์เลย” “ตามที่คุณหลงพูด ถ้าอีตงมู่สามารถก้าวได้ถึงหมื่นก้าว เขาก็คงจะสามารถทำลายโลกได้ละมั้ง ฮาฮา” “มันต้องมีเหตุผลที่ทำให้คุณหลงพูดแ0บบนั้น” “ฉันคิดว่าที่คุณหลงพูดฟังดูมีเหตุผล ดูเหมือนโมเมนตัมของอีตงมู่จะเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” “บูชายัญทรงพลังขนาดนั้นเลยหรอ?” “โอ้ไม่นะ ดอลลาร์ต้องไม่รู้แ0น่ว่าอีตงมู่กำลังใช้วิชาบูชายัญอยู่ เขาควรจะรีบโจมตีตอนนี้ ก่อนที่อีตงมู่จะมีโมเมนตัมเพิ่ม” …   คุณหลงส่ายหัวแ0ละพูด “แค่คิดมันง่ายที่เราจะเพ่งสมาธิกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แ0ต่การเอามันออกมาใช้งานจริงๆไม่ง่ายอย่างนั้น วิชาบูชายัญผู้ใช้จะต้องมีสมาธิตลอดเวลา ยิ่งเขาเคลื่อนไหวแ0ละต่อสู้มากเท่าไหร่ จิตใจของเขาก็มีโอกาสสั่นคลอนได้ ถ้ามันสั่นแ0ม้แ0ต่นิดเดียว โมเมนตัมของเขาก็จะลดลง”   “ผมสงสัยจริงๆว่าอีตงมู่จะสามารถทำได้สักกี่ก้าว” เฟิงหมิงเฉวียนตั้งใจดูอีตงมู่ตาไม่กระพริบ   หลังจากที่คุณหลงอธิบาย ผู้ชมที่ดูการถ่ายทอดสดอยู่ก็เริ่มนับก้าวของอีตงมู่ทันที  

Super God Gene – ตอนที่ 581 ถ้านายแพ้ บอกฉันมาว่านายเป็นใคร
Super God Gene – ตอนที่ 581 ถ้านายแพ้ บอกฉันมาว่านายเป็นใคร

  อีตงมู่ไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นเบลอหน้า ทำให้ทุกคนมองเห็นว่าเขาคืออีตงมู่   “เขาหล่อมาก ฉันหวังว่าอีตงมู่จะแก้แค้นสำเร็จ” เมื่อสาวๆมองอีตงมู่ พวกเธอก็แอบหวังให้เขาชนะ “ใช่ เขาหล่อจริงๆ อีตงมู่จะต้องชนะแน่นอน!” “อีตงมู่คือชายในฝันของฉัน”   ผู้หญิงบางคนเลือกเชียร์โดยดูจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียว ตอนนี้เสียงกรีดดังลั่นสแตนด์ หลังจากที่อีตงมู่ปรากฏตัว   แต่นั่นก็ทำให้พวกหนุ่มๆโกรธ ดังนั้นพวกเขาเลยเลือกที่จะเชียร์ดอลลาร์แทน “พวกผู้หญิงไม่รู้อะไร! ใครจะไปสนรูปลักษณ์ภายนอก การต่อสู้มันวัดกันที่ความแข็งแกร่ง ดอลลาร์จะฆ่าอีตงมู่ด้วยการโจมตีครั้งเดียวเหมือนกับการต่อสู้ครั้งก่อน” “ใช่ จับตาดูดอลลาร์ให้ดีๆ เขานี่แหละที่คือยอดฝีมือตัวจริง ทั้งลึกลับและแข็งแกร่ง ถ้าอยากจะมองหาผู้ชายก็ควรจะมองที่ดอลลาร์ ไม่ใช่หนุ่มน่ารักเหมือนกับอีตงมู่” “ดอลลาร์ของพวกเราแข็งแกร่งเกินบรรยาย ครั้งนี้ก็คงจะเป็นการต่อสู้ที่จบด้วยการโจมตีครั้งเดียว”   หานเซิ่นได้ยินเสียงเชียร์ระหว่างนับถอยหลัง เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ผิดไป ทำไมพวกผู้หญิงถึงได้ไปเชียร์อีตงมู่กันหมด ส่วนคนที่เชียร์เขาดันมีแต่พวกผู้ชายตัวใหญ่ๆ?   ตอนนี้ฝั่งที่ตะโกนเชียร์หานเซิ่นอยู่มีแต่พวกผู้ชายรูปร่างกำยำ ขณะที่อีกฝั่งที่เชียร์อีตงมู่มีแต่ผู้หญิงสาวๆ   “ไอ้หนุ่มนี่ เราต้องเล่นมันให้หนัก!” หลังจากที่เห็นกลุ่มคนที่เชียร์แล้ว หานเซิ่นก็ตัดสินใจที่จะอัดอีตงมู่ให้เละ ในตอนแรกเขาก็เห็นใจอีตงมู่ที่เขาอุส่าฝึกซ้อมมา แต่ตอนนี้ความเห็นใจของเขาหายไปหมดสิ้นแล้ว   ‘ตอนนี้อีตงมู่คือศัตรูของผู้ชายทุกคนในจักรวาล วันนี้แหละนายจะต้องพบกับจุดจบด้วยมือของฉัน!’ ในตอนนี้หานเซิ่นแทบจะลืมว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว   เฟิงหมิงเฉวียนผู้ดำเนินรายการพูด “วันนี้จะต้องเป็นการต่อสู้ที่น่าจดจำอย่างแน่นอน ถึงส่วนตัวผมจะเชื่อมั่นในตัวดอลลาร์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่วันนี้ผมอยากจะเห็นอีตงมู่โชว์ทีเด็ดออกมาบ้าง ครั้งนี้เขาคงไม่อยากจะแพ้เป็นครั้งที่ 2”   “พี่เฟิง นั่นมันไม่ถูกนะ! คุณเป็นแฟนคลับของดอลลาร์ แล้วทำไมคุณถึงได้พูดเชียร์อีตงมู่แบบนั้น?” ผู้บรรยายอีกคนพูด   “มันก็เพราะ อืมม… มีสาวๆหลายคนเชียร์อีตงมู่ ถ้าผมเลือกข้างไม่ดีละก็ พวกสาวๆอาจจะมองผมในแง่ลบก็ได้ ผมไม่ต้องการเป็นโสดไปตลอดหรอกนะ” เฟิงหมิงเฉวียนพูดติดตลก “ฮาฮา!”   เมื่อการนับถอยหลังจบลง อีตงมู่และหาเนซิ่นก็เข้ามาในสนามประลอง อีตงมู่ไม่ได้รีบบุกเข้าไปโจมตี เขายืนอยู่กับที่ และจ้องมาที่หานเซิ่นโดยไม่พูดอะไร   หานเซิ่นเองก็เช่นกัน พวกเขา 2 คนยืนจ้องหน้ากันอย่างเดียว ตอนนี้ผู้ชมกำลังเฝ้าจับตาดูอย่างไม่กระพริบตา ทั้งสนามเงียบสงัด แม้จะมีเสียงน้ำหยุดลงมาก็อาจจะได้ยินกันทั่ว   ไม่มีฝ่ายไหนขยับตัวเลย ตอนนี้ความตึงเครียดแพร่กระจายไปทั่วสนามประลอง มันดูเหมือนกับท้องฟ้าที่สงบ ก่อนพายุลูกใหญ่กำลังจะมา   ในที่สุดอีตงมู่ก็ทำลายความเงียบ “ถ้าฉันชนะ บอกฉันมาว่านายเป็นใคร”   คำขอของเขาเป็นคำของ่ายๆ และผู้ชมจำนวนมากก็ต้องการรู้กันทั้งนั้น ทุกคนสงสัยเรื่องตัวจริงของดอลลาร์ว่าเขาเป็นใครกันแน่ แต่ก็ยังไม่มีใครเข้าใกล้ความจริง   ตัวจริงของเขาเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการรู้มาตลอด ในช่วงที่ชื่อเสียงของดอลลาร์โด่งดังที่สุด ผู้เชี่ยวชาญหลายคนพยายามวิเคราะห์ลักษณะท่าทางและหาว่าตัวจริงของเขาคือใคร แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครรู้ตัวจริงของเขา   หลังจากที่อีตงมู่พูดแบบนั้นออกไป ทุกคนก็หันมามองที่หานเซิ่น พวกเขาหวังจะได้คำตอบรับจากหานเซิ่น   “ตกลง” หานเซิ่นพูดคำเดียว จากนั้นเสียงเสียงกรีดก็ดังสนั่นสแตนด์ทันที “อีตงมู่ฉันเชียร์นาย จัดการดอลลาร์ให้ได้” “ล้มเขาซะ! เอาชนะเขาให้ได้” “ฮาฮา ดอลลาร์ไร้เทียมทานจริงๆ การตอบรับรวดเร็วแบบนั้นบ่งบอกว่าเขาไม่กลัวว่าจะแพ้เลย” “อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น ช่วงหลายปีที่ผ่านมาอีตงมู่คงจะฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อรอโอกาสแก้แค้น ดอลลาร์คงเอาชนะเขาได้ไม่ง่ายนักหรอก” “ดอลลาร์ต้องแพ้ ฉันต้องการรู้ตัวจริงของเขา!” “ตอนนี้ทุกคนเปลี่ยนไปเชียร์อีตงมู่กันหมดแล้วหรอ?” …   จากนั้นหานเซิ่นก็พูดต่อ “แต่ฉันมีเรื่องที่จะขอเหมือนกัน” หานเซิ่นมั่นใจความสามารถของตัวเองมาก เขาไม่คิดว่าจะแพ้เลย เขารู้จักอีตงมู่ดี ขณะที่อีตงมู่แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแพ้   “ตกลงบอกมา” อีตงมู่พูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เขายังคงจ้องหานเซิ่น ตอนนี้หลายๆคนพยายามเดาว่าหานเซิ่นจะขออะไร   “ถ้านายแพ้ นี่จะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเรา” หานเซิ่นพูด   อีตงมู่ไม่รู้ว่าหานเซิ่นคือดอลลาร์ พวกเขาเพิ่งที่จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน นอกจากนั้นเขายังขอให้หานเซิ่นไปเป็นคู่ซ้อมให้ด้วย ถ้าอีตงมู่รู้ว่าจริงๆแล้วหานเซิ่นคือดอลลาร์ เขาไม่รู้ว่าอีตงมู่จะรู้สึกยังไง เขาอาจจะเกลียดหานเซิ่นไปเลย ดังนั้นหานเซิ่นจึงต้องหาทางหลีกเลียงการต่อสู้กับอีตงมู่   “ตกลง” ตาของอีตงมู่ยังคงจับจ้องที่หานเซิ่นตลอด นานมากกว่าที่เขาจะตอบออกมา   หลังจากที่อีตงมู่ตอบตกลง ผู้ชมก็เริ่มตื่นเต้นทันที แต่พวกเขาก็รู้สึกกังวลด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะถ้าครั้งนี้อีตงมู่แพ้ การต่อสู้ระหว่างทั้ง 2 คนก็จะจบสิ้นลง และจะไม่มีใครได้เห็นการต่อสู้ระหว่างพวกเขาอีก   พวกกองเชียร์ที่สนับสนุนอีตงมู่ไม่พูดอะไร พวกเขารู้สึกเครียดขึ้นมาทันที ตอนนี้ในสนามประลองอีตงมู่กำลังชักมีดออกมาอย่างช้าๆ   “นายคิดว่าอีตงมู่ตอบตกลงไวไปไหม?” ถังเตียงลิ่วค่อนข้างประหลาดใจ   หลินเฟิงพูดอย่างสงบ “อีตงมู่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากตอบตกลง”   “ทำไม?” ถังเตียงลิ่วไม่เข้าใจ เขามองที่หลินเฟิงเพื่อให้เขาอธิบายเพิ่ม   “อีตงมู่ถนัดวิชาลอบสังหาร หลักของการเป็นมือสังหารก็คือการก้าวไปข้างหน้า พวกเขาจะไม่มีวันก้าวถอยหลังหรือหยุดพัก ความเชื่อมั่นของพวกเขาจะไม่มีวันเปลี่ยน ถ้าเขาไม่ตอบตกลงละก็ มันก็หมายหมายว่าเขามีข้อสงสัยในความสามารถตัวเองว่าเขาอาจจะไม่ชนะ ถ้าไม่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาก็ขาดหลักของการเป็นมือสังหาร ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะแพ้แน่นอน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมอีตงมู่ตอบตกลง และตอนนี้เขาจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อล้มดอลลาร์ให้ได้” หลินเฟิงอธิบาย   “ฉันพอจะเข้าใจแล้ว ดอลลาร์ก็มีจิตวิทยาสูงเหมือนกัน” ในตอนที่ถังเตียงลิ่วกำลังพูด การต่อสู้ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว  

Super God Gene – ตอนที่ 580 การต่อสู้แห่งโชคชะตา
Super God Gene – ตอนที่ 580 การต่อสู้แห่งโชคชะตา

  “อืมม นักเต้นคนนี้ไม่เบาเลย เขากดดันให้ดอลลาร์ต้องอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบตลอด” ถังเตียงลิ่วเองก็เข้ามาดูเช่นกัน ตอนนี้เขากำลังจับตาดูการต่อสู้อย่างใกล้ชิด   “หมัดจักรกลของเขาร้ายกาจทีเดียว ระดับของเขาเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญได้เลย ยิ่งเป็นการต่อสู้ระยะใกล้ เขายิ่งทำได้ดี” หลินเฟิงเองก็กำลังดูการต่อสู้อยู่เช่นเดียวกัน   “มันร้ายกาจขนาดนั้นเลยหรอ?” ถังเตียงลิ่วถาม   “ใช่ ถ้าเขาเข้าประชิดตัวนายได้ นายก็จบเห่” หลินเฟิงยิ้ม   “ถ้านายพูดถึงขนาดนั้น แสดงว่าวิชาของเขาต้องทรงพลังมาก ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าดอลลาร์จะแก้สถานการณ์ยังไง? แน่นอนว่าเขาคงจะหลบแบบนี้ต่อไปตลอดไม่ได้”   ไม่ใช่แค่หลินเฟิงและถังเตียงลิ่วที่เข้ามาดู คนอื่นๆก็ทยอยกันเข้ามาดูการต่อสู้เช่นเดียวกัน   อีตงมู่ที่ตอนนี้อยู่ในสหพันธ์ดวงดาว เมื่อได้ยินข่าวเกี่ยวกับการต่อสู้ของดอลลาร์ เขาก็รีบเข้ามาดูทันที เขากำลังนั่งอยู่บนสแตนด์ เขายังไม่กระพริบตาแม้แต่ครั้งเดียวระหว่างดูการต่อสู้   เชียนเหอเจิ้นและคนอื่นๆจากสถานบันเอเรสเองก็มาดูการต่อสู้ด้วย เนื่องจากพวกเขาได้ยินข่าวมาว่าดอลลาร์กำลังใช้วิชาหมากล้อมสวรรค์ ซึ่งเป็นวิชาโคตรลับของสถาบันเอเรส มีศิษย์ของสถาบันไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยได้เห็นมัน เป็นธรรมดาที่พวกเขาอยากจะดูดอลลาร์ใช้มันกับตา   เชียนเหอเจิ้นชวนควีนมาดูด้วย แต่เธอไม่สนใจ เธอจึงปฏิเสธที่จะมา ทั้งคนมีชื่อเสียงและผู้วิวัฒนาการระดับแนวหน้าต่างก็มาดูการต่อสู้นี้ พวกเขาอยากจะดูวิชาที่ดอลลาร์ใช้ โดยเฉพาะหมากล้อมสวรรค์ และพวกเขาเองก็อยากจะรู้ว่าดอลลาร์จะงัดอะไรออกมาโชว์อีก   เนื่องจากการต่อสู้ครั้งก่อนๆของสังหารดอลลาร์ ทำให้หลายคนเชื่อว่าดอลลาร์น่าจะเป็นคนของสถาบันเอเรส ไม่งั้นแล้วเขาจะใช้หมากล้อมสวรรค์ได้ยังไง?   การโจมตีต่อเนื่องของนักเต้นยังกระหน่ำต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ ทำให้ผู้ชมต่างก็ทึ่งในการโจมตีที่เกรี้ยวกราดของเขา แต่ยิ่งการต่อสู้ผ่านไปนาน คนก็เริ่มดูออกทีละนิดว่านักเต้นเริ่มไม่ได้เปรียบเหมือนกับตอนแรก ตอนนี้เขากำลังถูกไล่ต้อนไปที่มุมทีละนิดๆ   “มันเป็นไปได้ยังไง? ดอลลาร์เอาแต่หลบ แล้วทำไมนักเต้นถึงถูกต้อนไปที่มุมได้?” “ดอลลาร์ก็คือดอลลาร์ ถึงจะไม่ได้โจมตีเลย เขาก็ยังสุดยอด” “มหัศจรรย์จริงๆ” พวกผู้ชมทั่วๆไปช็อค เมื่อเห็นความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อของดอลลาร์ แต่พวกผู้วิวัฒนาการระดับแนวหน้ามองได้ลึกกว่านั้น   “นี่คือหมากล้อมสวรรค์จริงๆใช่ไหม?” ถังเตียงลิ่วหันไปถามหลินเฟิงด้วยความประหลาดใจ   “ดูเหมือนจะใช่” หลินเฟิงพูดแบบสรุป เขาไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม   “หมากล้อมสวรรค์งั้นหรอ? ดอลลาร์เป็นคนของเอเรสจริงๆสินะ” อีตงมู่ขมวดคิ้ว   เชียนเหอเจิ้นและศิษย์จากสถาบันเอเรสคนอื่นๆเบิกตากว้าง วิชาที่ดอลลาร์กำลังใช้คล้ายกับหมากล้อสวรรค์มากจริงๆ   แต่กระนั้นพวกเขาก็รู้ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ดอลลาร์จะเป็นคนของสถาบันเอเรส ที่สำคัญศิษย์คนเดียวของเอเรสที่ใช้วิชานี้ได้ก็คือควีน   “บ้าเอ้ย หมอนี่เป็นใครกันแน่?” เชียนเหอเจิ้นเริ่มหงุดหงิด เพราะเขาคิดว่าการที่ดอลลาร์ทำแบบนี้เป็นการหมิ่นเกียรติของสถาบันเอเรส   ตอนนี้นักเต้นเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว เพราะเขากระหน่ำโจมตีมาตั้งแต่ต้น แต่ทว่าเขายังไม่สามารถสัมผัสถูกแม้แต่เสื้อผ้าของอีกฝ่ายได้เลย   ไม่ใช่แค่นั้น นักเต้นรู้สึกว่าพื้นที่ที่เขาสามารถเคลื่อนที่ได้เหลือน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้โจมตีได้ยากขึ้นเรื่อยๆ   นักเต้นรู้สึกเหมือนกำลังโดนคู่ต่อสู้ข่มอยู่ ถึงคู่ต่อสู้จะไม่ได้โจมตีเลยก็ตาม แต่การหลบของเขาก็บังคับให้นักเต้นไปในตำแหน่งที่เขาต้องการได้ การจะทำแบบนี้ได้ต้องมีพลังสมองที่สูงมากๆ   “ไม่ ถ้าฉันยังโจมตีแบบนี้ต่อไปต้องแย่แน่ๆ เราต้องทำอะไรสักอย่าง” นักเต้นเริ่มกลัว การเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้คุกคามเขามากขึ้น   คนอื่นๆที่ดูอยู่ต่างก็สังเกตเห็นสถานการณ์แปลกๆนี้ได้ นักเต้นโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว ขณะที่ดอลลาร์เอาแต่หลบ เขาไม่ได้โจมตีสวนกลับเลย ยิ่งเวลาผ่านไป นักเต้นก็ยิ่งเคลื่อนไหวลำบากขึ้นเรื่อยๆ การโจมตีของเขาดูไร้ประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้คนทั่วๆไปรู้สึกแปลก พวกเขาไม่รู้ว่านักเต้นกำลังทำอะไรอยู่   แต่พวกผู้วิวัฒนาการระดับแนวหน้ารู้ถึงความน่ากลัวของดอลลาร์ พวกเขาคิดว่าดอลลาร์กำลังใช้หมากล้อมสวรรค์จริงๆ เพราะไม่มีวิชาอื่นที่ทำแบบนั้นได้   ปัง! สุดท้ายนักเต้นก็ไม่มีที่ให้เคลื่อนไหวอีกแล้ว ตอนนี้เขาหลังชนกำแพง เขาไม่สามารถโจมตีได้อีกต่อไป   ปัง! ดอลลาร์ชกไปที่จุดอ่อนของนักเต้น ปิดฉากการต่อสู้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว   “แข็งแกร่งเกินไปแล้ว หมัดเดียวตาย ดอลลาร์ก็คือดอลลาร์จริงๆ” “เขาคือดอลลาร์ตัวจริงแน่นอน” “พวกเขาห่างชั้นกันเกินไป” หลายๆคนพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนอีกหลายคนก็หวังจะมีโอกาสจับคู่เจอกับดอลลาร์   “ขอลองหน่อยว่าฉันจะสู้เขาได้รึเปล่า” ถังเตียงลิ่วรีบกดสุ่มหาคู่ต่อสู้ทันที   อีตงมู่ก็กดสุ่มหาคู่ต่อสู้โดยไม่ลังเล เชียนเหอเจิ้นและคนอื่นๆจากสถาบันเอเรสก็เช่นเดียวกัน   หานเซิ่นตัดสินใจว่าจะสู้ต่ออีกสัก 1 แมท ตอนนี้เขาไม่สนว่าจะมีใครดูอยู่บ้าง เขาแค่ต้องการจะต่อสู้กับคนเก่งๆแบบนักเต้น   หานเซิ่นได้ประโยชน์มากมายจากหมัดจักรกลของนักเต้น ถ้าเขาใช้วิชาหมัดต่อสู้กับนักเต้น เขาก็คิดว่าเขาอาจจะไม่ชนะ   แต่นักสู้ที่ดีจะต้องเก่งรอบด้าน ถึงจะมีโอกาสชนะมากขึ้น ในสนามการต่อสู้แบบนี้จะเด่นแค่หมัดอย่างเดียวไม่ได้   ไม่นานหานเซิ่นก็เข้าสู่ลานประลอง ทันทีที่เขาเข้าไปคนจำนวนมากก็เข้ามาดูทันที   “อีตงมู่?” ถังเตียงลิ่วเห็นคู่ต่อสู้ของดอลลาร์ เขาก็ต้องประหลาดใจ จากนั้นเขาก็หัวเราะ “มันจะบังเอิญไปไหม มันแฮคระบบรึเปล่า คนจำนวนมากกดสุ่มพร้อมๆกัน แต่มันกับเป็นคนที่ได้สู้กับดอลลาร์ แต่มันก็น่าสนุกดีเหมือนกัน อยากจะรู้นักว่าอีตงมู่พัฒนาไปถึงขนาดไหนแล้ว”   ไม่ใช่แค่ถังเตียงลิ่วเท่านั้นที่จำอีตงมู่ได้ คนอื่นๆเองก็จำเขาได้ ทุกคนเบิกตากว้าง พวกเขาไม่คิดว่าจะได้มาดูแมทล้างตาระหว่างอีตงมู่กับดอลลาร์อีกครั้ง   หลายๆคนยังจดจำการต่อสู้ระหว่างพวกเขาในศึกชิงตำแหน่งผู้ถูกเลือกได้ ทุกคนตื่นเต้นมากที่จะได้ดูการต่อสู้ของทั้งคู่อีก ทันทีที่ทุกคนเห็นอีตงมู่ พวกเขาก็ส่งเสียงโห่ร้องทันที   เฟิงหมิงเฉวียนที่ได้ยินข่าวถึงจะมาไม่ทันแมทแรก แต่เขาก็ไม่พลาดแมทที่ 2 ตอนนี้เขาเตรียมการถ่ายทอดสดพร้อมหมดแล้ว เขาตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นที่จะได้บรรยายการต่อสู้ระหว่างทั้งคู่อีก   “พระเจ้า นั่นอีตงมู่! นี่มันจะต้องเป็นแมทล้างตาที่สวรรค์ประทานให้เขาอย่างแน่นอน”  

Super God Gene – ตอนที่ 579 หมัดจักรกล
Super God Gene – ตอนที่ 579 หมัดจักรกล

  ในตอนแรกหานเซิ่นกำลังคิดหนักอยู่ว่าจะทำยังไงให้หลี่ซิงหลุนและฟิลิปยอมมาร่วมมือด้วย แต่ตอนนี้ชีซิวเหวินได้อาสาไปเจรจากับพวกเขาให้ ทำให้หานเซิ่นประหยัดเวลาในการจัดการปัญหานี้   การเกลี่ยกล่อมให้หลี่ซิงหลุนและฟิลิปมาร่วมมือนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขายังคงหวาดกลัวแมลงสีเงินที่เจอเมื่อคราวก่อน ทำให้พวกเขาคิดว่าการยึดเมืองปสิริตราชวงศ์ไม่น่าจะเป็นไปได้   หลังจากกลับมาที่สหพันธ์ดวงดาว ยานแดฟเน่ก็ยังคงอยู่ในช่วงซ่อมแซม ทำให้หานเซิ่นว่างงานมาก ช่วงนี้ไม่มีภารกิจอะไรมาให้เขาทำเลย   ด้วงคริสตัลกำลังปีนป่ายอยู่ภายในกรงที่หานเซิ่นสร้างขึ้นมา หานเซิ่นล้มตัวลงนอน และเฝ้าดูมันอยู่ชั่วขณะ เขายังไม่เข้าใจเลยว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์คริสตัลไลเซอร์หรือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ของพวกคริสตัลไลเซอร์กันแน่   ถ้ามันถูกสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีของคริสตัลไลเซอร์ หานเซิ่นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงได้อ่อนแอแบบนี้ แต่ถ้ามันเป็นสิ่งมีชีวิตคริสตัลไลเซอร์ ทำไมมันถึงดูโง่นัก แถมยังไม่ต้องกินอะไรด้วย?   หานเซิ่นอ่านหนังสือเกี่ยวกับคริสตัลไลเซอร์มามาก แต่เขาก็ยังไม่เคยเจอข้อมูลที่อะไรเกี่ยวกับด้วงตัวนี้เลย   “นายยังเฝ้าดูมันอยู่อีกหรอ? แล้วรู้รึยังว่ามันมาจากไหน?” จีเหยียนหรันเข้ามานอนลงข้างๆหานเซิ่น และสังเกตด้วงคริสตัล   “ยังไม่รู้เลย” หานเซิ่นส่ายหัว จากนั้นเขาก็หันไปหาจีเหยียนหรันและยิ้ม “กัปตันที่รัก ทำไมอยู่ๆถึงได้มีเวลามาพบผมได้ล่ะ?”   “เรื่องแค่นี้อย่าโกรธกันเลยนะ ช่วงนี้ฉันยุ่งมากจริงๆ” จีเหยียนหรันยื่นมือไปสัมผัสกับใบหน้าของหานเซิ่น “ผิวของนายกลายเป็นที่น่าอิจฉาของพวกผู้หญิงเข้าไปทุกวัน ไม่ว่านายจะใช้ยาเวทมนตร์อะไรอยู่ก็ตาม บอกให้ฉันรู้บ้างสิ”   “เสียใจด้วย ฉันไม่ได้ใช้ยาอะไร” หานเซิ่นจับมือของเธอออกอย่างนุ่มนวล   “ฉันไม่เชื่อ ถ้านายไม่ได้ใช้ยาอะไร แล้วกลิ่นนี้มันหมายความว่ายังไง? นายมีกลิ่นที่น่ารื่นรมย์ แต่นายบอกว่าไม่ได้ใช้หอม อย่าบอกฉันนะว่ามันเป็นกลิ่นธรรมชาติ” จีเหยียนหรันยื่นหน้าเข้ามาใกล้คอของหานเซิ่น เธอพยายามสูดดมกลิ่นของเขา เพราะมันทำให้เธอรู้สึกสดชื่น   หานเซิ่นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่อยู่ๆเขาก็ตัวสั่น จีเหยียนหรันใช้ลิ้นของเธอเลียคอของเขา เธอเอาปากงับคอของหานเซิ่นเตรียมที่จะกัดมัน “หนุ่มน้อย รีบบอกฉันมาดีกว่า ไม่งั้นจะต้องถูกลงโทษ”   “อืมม ให้ตายฉันก็ไม่บอก” หานเซิ่นตอบ   “งั้นก็อย่าหาว่าฉันโหดร้ายเลยนะ” จีเหยียนหรันกัดคอของหานเซิ่นจนทำให้เกิดรอยฟัน จากนั้นเธอก็ประคองหน้าของหานเซิ่นขึ้นมาและจูบเขา …   หานเซิ่นตัดสินใจที่จะไปฝึกซ้อมต่อ ขณะที่เขากำลังอารมณ์ดี เขาก็เข้าไปใช้แพลตฟอร์มต่อสู้อย่างเป็นทางการ   มันผ่านมาสักพักแล้ว ตั้งแต่ที่เขาล็อคอินครั้งก่อน ครั้งนี้ไม่มีใครส่งคำท้ามาให้เขา ราวกับว่าทุกคนยอมแพ้ที่จะรอให้เขาเข้ามาแล้ว มันก็พอจะเข้าใจได้ เพราะหานเซิ่นหายไปหลายเดือน ตั้งแต่ที่เขาล็อคอินเข้ามาครั้งก่อน   หานเซิ่นตัดสินใจใช้ระบบค้นหาคู่ต่อสู้แบบสุ่ม ไม่นานเขาก็ได้คู่ต่อสู้ เมื่อคนคนนั้นเห็นชื่อไอดีของหานเซิ่น เขาก็ตื่นเต้นมาก เขารีบส่งข้อความบอกเพื่อนๆทันที “เข้ ฉันจับคู่เจอสังหารดอลลาร์ว่ะเพื่อน รีบๆเข้ามาดูเร็วเข้า!” “จริงหรอเนี่ย?” “นายไม่ได้โกหกใช่ไหม?” “ฉันกำลังเข้าไป!” “ดอลลาร์ตัวจริงเลยใช่ไหม?”   หลายคนรีบล็อคอินเข้ามาดูการต่อสู้ทันที หลังจากที่พวกเขาเห็นชื่อไอดีของหานเซิ่น พวกเขาก็ตื่นเต้นมาก ทุกคนรีบส่งข้อความไปหาเพื่อนๆต่อไปเป็นทอดๆ “ดอลลาร์กลับมาแล้ว รีบเข้ามาดูเร็วเข้า!” “ดอลลาร์กำลังจะเริ่มสู้แล้ว เร็วเข้า!” …   ไม่นานข่าวเรื่องดอลลาร์เข้ามาสู้ในแพลตฟอร์มอีกครั้งก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เดิมทีหานเซิ่นหวังจะได้ต่อสู้อย่างสงบ แต่ทว่าหลังจากที่ถูกสุ่มจับคู่ได้ไม่นาน ผู้ชมจำนวนมากก็เข้ามาก่อนที่การนับถอยหลังจะเริ่มขึ้นซะอีก   เมื่อการนับถอยหลังจบลง หานเซิ่นและคู่ต่อสู้ก็เข้าไปในสนามประลอง คู่ต่อสู้ของหานเซิ่นพูด “ดอลลาร์ ถึงผมจะชื่นชอบสไตล์การต่อสู้ของคุณ แต่ผมก็จะไม่ออมมือ ผมจะทำให้ดีที่สุด เพื่อแสดงความเคารพต่อคุณ”   “ดี” หานเซิ่นไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาดูมากขนาดนี้ นี่เขาเพิ่งจะเข้ามาได้ไม่กี่นาที   หลังจากที่ชายคนนั้นพูดเสร็จ เขาก็เริ่มออกหมัดใส่หานเซิ่นทันที มันเป็นหมัดที่รุนแรงและรวดเร็ว พลังที่เขาใส่ไปในแต่ละหมัดนั้นไม่ธรรมดาเลย   “หมัดตรงงั้นหรอ? ทำได้ไม่เลว” หานเซิ่นรีบเคลื่อนไหวหลบการโจมตีที่เข้ามาทันที   หมัดที่คู่ต่อสู้ของหานเซิ่นใช้เป็นกึ่งระหว่างหมัดตรงกับหมัดแย็บ ถึงมันจะไม่ได้เร็วเท่ากับหมัดแย็บ แต่ถ้าใช้ดีๆมันจะสามารถชกต่อเนื่องได้ เพื่อบังคับให้คู่ต่อสู้ต้องตั้งรับอย่างเดียว   “ฮาฮาขอบคุณที่ชม นี่เรียกว่าหมัดจักรกล” จากนั้นร่างกายทุกส่วนของชายคนนั้นก็เริ่มขยับ อยู่ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นเหมือนกับอาวุธร้ายแรง หมัด เท้า เข่า ศอก ขา ก้น หลัง ทุกอย่างกลายเป็นอาวุธของเขาได้หมด เขากระหน่ำโจมตีหานเซิ่นอย่างต่อเนื่อง   หานเซิ่นประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าจะมาเจอกับผู้เชี่ยวชาญวิชาหมัดจักรกล แม้มันจะเป็นวิชาที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม แต่มันก็เป็นวิชาที่ฝึกให้เชี่ยวชาญได้ยากมาก ผู้ใช้จะต้องมีระดับความแข็งแกร่งที่สูง และยังต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก ดังนั้นจำนวนของคนที่ฝึกมันจนถึงขั้นที่เรียกว่าเชี่ยวชาญจึงมีค่อนข้างน้อย   หมัดจักรกลเป็นวิชาที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนร่างกายให้เป็นเหมือนกับเครื่องจักร และใช้ทุกส่วนของร่างกายในการต่อสู้   หานเซิ่นเคยเห็นวิดีโอของผู้เชี่ยวชาญวิชานี้มาครั้งหนึ่ง คนคนนั้นถึงขั้นที่สามารถใช้เส้นผมในการเอาชนะคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันได้   ในตอนแรกเมื่อหานเซิ่นเห็นชื่อไอดีของคู่ต่อสู้ ซึ่งก็คือ ‘นักเต้น’ เขาก็คิดว่าคู่ต่อสู้คงจะเป็นนักสู้สายฟุตเวิร์คมากกว่า เขาไม่ได้หวังว่าจะมาเจอคนที่ใช้วิชาหมัดจักรกล   ร่างกายของนักเต้นไม่จำเป็นต้องมีจังหวะหยุดพัก เขาโจมตีต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด และการโจมตีแต่ละครั้งของเขายังรุนแรงกว่าวิชาหมัดอื่นๆด้วย   เมื่อหมัดของเขาขยับ ศอกก็จะยับตามทันที เมื่อศอกขยับ ไหลก็จะขยับ เมื่อไหล่ขยับ ลำตัวก็จะขยับตามต่อเนื่องกันไป ถึงการโจมตีของเขาจะดูแปลก แต่ตอนนี้เขาก็เป็นฝ่ายที่โจมตีหานเซิ่นอยู่ฝ่ายเดียว แถมระดับความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ธรรมดาด้วย   เมื่อต้องเจอกับการโจมตีที่แปลกและรุนแรง หานเซิ่นก็ต้องถอยหลัง และหลบการโจมตีที่เข้ามา   “เป็นหมัดจักรกลที่ทรงพลังจริงๆ นักเต้นเป็นใครกันแน่? เขาดูสุดยอดไปเลย เหมือนเขากำลังไล่ต้อนดอลลาร์อยู่” “ไม่รู้จักเขากันงั้นหรอ? ล่าสุดในการแข่งขันมวยหมัดเงินของสหพันธ์ดวงดาว เขาก็เพิ่งได้ที่ 3 มา หมัดจักรกลของเขายอดเยี่ยมมาก” “จริงหรอ?” “พวกผู้วิวัฒนาการเลือดศักดิ์สิทธิไม่มีคนอ่อนๆเลยสินะ คนที่สามารถต่อสู้กับดอลลาร์ได้แบบนี้จะต้องเป็นยอดฝีมือจริงๆ”   นักเต้นรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาต่อสู้สุดฝีมือ ตอนนี้ฟอร์มการต่อสู้ของเขาเป็นไปตามที่หวังไว้ และถ้าเขาเอาชนะดอลลาร์ได้ เขาก็จะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงขึ้นมา   นักเต้นมีจุดประสงค์ที่เขาต้องเอาชนะให้ได้ เพราะครอบครัวของเขาทำธุรกิจสอนวิชาหมัดมวย โดยพวกเขาจะเน้นสอนวิชาหมัดจักรกล ถ้าครั้งนี้เขาเอาชนะหานเซิ่นได้จริงๆ มันก็จะทำให้ธุรกิจของครอบครัวเขามีชื่อเสียงมากขึ้น และพวกเขาก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย  

Super God Gene – ตอนที่ 578 การกบฏ
Super God Gene – ตอนที่ 578 การกบฏ

  ตอนนี้หานเซิ่นมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิชากายหยกมากเกินไป ทำให้เขาตัดสินใจว่าจะหยุดฝึกวิชานี้ก่อน และหันไปมุ่งเน้นฝึกศาสตร์ตงเสวียนแทน   หานเซิ่นต้องการฝึกศาสตร์ตงเสวียนให้สำเร็จเร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะได้ปลดล็อคยีนขั้นแรก   เมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งของเสวียอี้ขวง หลังจากที่การปลดล็อคยีนขั้นแรก หานเซิ่นก็เริ่มตระหนักว่าเขาเองก็จะได้รับพลังแบบนั้นมาในอนาคต ซึ่งมันจะช่วยเขาได้มาก ตอนที่ต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด เขาได้เห็นความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดมากับตาแล้ว ทั้งจิ้งจอกสีเงินและม้าน้ำต่างก็มีพลังที่สูงเกินจินตนาการ ทำให้เขาเข้าใจดีว่าจะต้องพัฒนาอีกมากเพื่อที่จะสู้กับพวกมัน   ‘อยากรู้จริงๆว่าเราจะได้รับพลังอะไร หลังจากที่ปลดล็อคยีนขั้นแรกได้? ศาสตร์ตงเสวียนไม่มีธาตุที่แน่ชัด เช่นน้ำ ไฟ หรือแม้แต่สายฟ้า สิ่งที่มันทำได้ก็มีแค่ทำให้ตัวเรามีกลิ่นหอม! อย่าบอกนะว่ามันจะเหมือนกับหอมน้ำสังหารของจูถัง และจะทำให้เราเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ด้วยการใช้กลิ่นงั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิด   แต่เขาก็ตระหนักว่ามันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ตงเสวียนที่เป็นระดับปรมาจารย์เต๋าจะใช้กลิ่นในการเอาชนะศัตรู ดูแล้วมันไม่น่าจะใช่แนวทางของเขา   หานเซิ่นคาดหวังเป็นอย่างมาก เขาหวังจะได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่ หลังจากที่ปลดล็อคยีนขั้นแรกของวิชานี้ได้ แต่เขาก็ยังไม่ได้เร่งรีบมาก หานเซิ่นพยายามฝึกมันทุกๆวัน เพื่อทำให้ร่างกายของบริสุทธิขึ้นด้วย   ในตอนนี้วิชาดาบคู่ของหานเซิ่นเกือบจะสมบูรณ์แล้ว ไม่นานเขาจะสามารถสู้กับสปิริตแฝดได้จริงๆ ถึงตอนนั้นโอกาสที่เขาจะชนะก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว แต่กระนั้นมันก็ยังเป็นการต่อสู้ที่ยาก   ตอนนี้หานเซิ่นมีแผนที่จะทำให้หลี่ซิงหลุนและฟิลิปมาร่วมมือกันยึดเมืองสปิรตราชวงศ์ เพราะถึงเขาจะสามารถเอาชนะสปิริตได้ แต่มันก็ยังมีปัญหาในการยึดครองเมือง เพราะในเมืองมีมอนสเตอร์จำนวนมหาศาล ยังไงเขาก็ยังต้องการคนช่วยกวาดล้าง   ที่สำคัญถ้าสปิริตภักดีกับหานเซิ่นแล้ว พวกมอนสเตอร์ก็อาจจะวิ่งหนีกระจัดกระจายไป หานเซิ่นรู้สึกเสียดายมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ เขาต้องการคนจำนวนมากเพื่อมาจัดการพวกมันให้หมด อย่างน้อยๆเขาก็น่าจะได้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิเพิ่ม   “พี่หานวันนี้คุณว่างไหม? ช่วยสอนผมต่อสู้หน่อยได้ไหม?” เมื่อเห็นหานเซิ่นกลับมาที่เมืองแบล็คก็อต ชีซิวเหวินก็เข้ามาพูดกับเขาทันที   “ตอนนี้ฉันยังไม่ว่าง ฉันมีเรื่องที่สำคัญมากต้องทำ” หานเซิ่นตอบ   “พี่หาน มีงานใหญ่อะไรที่คุณกำลังทำอยู่งั้นหรอ?” ชีซิวเหวินมองหานเซิ่นด้วยสายตาแปลกๆ   “ฉันต้องไปเกลี่ยกล่อมให้เมืองสตาร์วีลและฟิลิปมาร่วมมือกับเรา เพื่อไปยึดเมืองสปิริตราชวงศ์” หานเซิ่นตอบ   “พี่หาน มันเป็นงานใหญ่อย่างที่คุณบอกจริงๆ ผมก็อยากจะช่วยด้วย ผมสามารถช่วยคุณในการยึดเมืองสปิริตราชวงศ์ได้” ชีซิวเหวินพูดอย่างตื่นเต้น   “ถ้านายมีใจอยากจะช่วย ฉันก็จะยกหน้าที่ในการเจรจากับเมืองสตาร์วีลและฟิลิปให้นาย” หานเซิ่นยิ้มให้ชีซิวเหวิน   “ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” ชีซิวเหวินขอให้ลูกน้องของหานเซิ่นติดตามไปด้วย 4-5 คน และเขาก็ออกเดินทางไปที่เมืองฟิลิปทันที   “คุณชี คุณจะช่วยหานเซิ่นยึดเมืองสปิริตราชวงศ์จริงๆหรอ?” หลังจากที่พวกเขาออกมาจากเมืองแล้ว ผู้ติดตามของชีซิวเหวินก็ถามทันที   “แล้วมันมีปัญหายังไงหรอ?” ชีซิวเหวินพูด   “ถ้าคุณจะยึดเมืองสปิริตจริงๆ อย่างน้อยก็รอให้พวกเรายึดอำนาจจากหานเซิ่นให้ได้ก่อน ถึงตอนนั้นคุณจะได้เป็นผู้นำทัพ ถ้าเรารีบยึดมันตอนนี้ ผลประโยชน์จะไปตกอยู่กับหานเซิ่นทั้งหมด” ผู้ติดตามของชีซิวเหวินไม่เข้าใจความคิดของเขา   ชีซิวเหวินยิ้ม “พวกนายคาดการผิดแล้ว ถ้าพวกเราปล่อยให้หานเซิ่นยึดเมืองสปิริตตอนนี้ คนที่ได้ประโยชน์ก็คือพวกเรา ”   “ทำไม? คุณมีแผนอะไรงั้นหรอ?” ผู้ติดตามของชีซิวเหวินเริ่มสนใจเป้าหมายของเจ้านายพวกเขา   “พวกนายรู้ไหมว่าที่อีกฝากของเมืองสปิริตราชวงศ์มีอะไรอยู่” ชีซิวเหวินไม่ตอบคำถามพวกเขาตรงๆ   พวกผู้ติดตามส่ายหัว เพราะยังไม่เคยมีใครเดินทางไปเกินเขตที่เมืองสปิริตตั้งอยู่มาก่อน ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าข้างหลังเมืองปริตมีอะไรอยู่   “หลังจากที่ฉันวิวัฒนาการและมาถึงทุ่งน้ำแข็ง ฉันก็สำรวจพื้นที่บริเวณนี้ด้วยตัวเอง เมื่อไม่นานมานี้ฉันก็เพิ่งส่งสปายจำนวนมากไปสำรวจข้างหลังเมืองสปิริต” ชีซิวเหวินยิ้ม   หนึ่งในผู้ติดตามเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาพูด “คุณชี คุณจะรอให้หานเซิ่นยึดเมืองสปิริตราชวงศ์ได้ก่อนใช่ไหม ถึงตอนนั้นพวกเราจะเข้าปิดล้อมเมืองสปิริตราชวงศ์ไว้ และยึดมันมาเป็นของพวกเขาเอง!”   “เอ่อ พวกเรามีคนจากเมืองแบล็คก็อตเดิมและเมืองย่อยอีกจำนวนมาก ขณะที่หานเซิ่นมีคนจากเมืองเทพธิดาและคนจากเมืองเเบล็คก็อตแค่ส่วนน้อยเท่านั้น เรื่องเมืองสปิริตราชวงศ์ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงระหว่างพ่อของฉันกับตระกูลถัง เพราะฉะนั้นหลังจากที่พวกเขายึดครองเมืองสปิริตได้แล้ว พวกเรามีสิทธิที่จะยึดมันมาเป็นของพวกเราได้”   ผู้ติดตามคนหนึ่งพูดอย่างลังเล “แต่หานเซิ่นแข็งแกร่งมาก! ตอนที่เขาฆ่าอดีตหัวหน้าเรา เเบล็ตก็อตอยู่ใต้การคุ้มกันของนักสู้ฝีมือดีนับ 100 แต่เขาก็ยังทำสำเร็จ ผมกลัวว่า..”   ชีซิวเหวินยิ้มและพูด “พวกนายกลัวว่าเขาจะทำร้ายฉันเมื่อเขาโกรธงั้นหรอ? เขาไม่กล้าหรอก ยังไงเขาก็มีกำลังคนไม่มากพอที่จะต่อต้านฉันได้ ถึงเขาจะไม่พูดถึงเรื่องการยึดครองเมืองสปิริตราชวงศ์ ยังไงฉันก็จะต้องหาทางทำให้เขายึดมันอยู่แล้ว แต่ฉันไม่คิดว่าอยู่ๆเขาจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเอง มันช่างได้จังหวะเหมาะเลย”   ผู้ติดตามหลายคนดูท่าทางลังเล ชีซิวเหวินยิ้ม “ฉันใช้เวลาอยู่กับหานเซิ่นมามาก ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันขอให้เขาสอนอะไรฉันหลายอย่าง ฉันเรียนรู้เกี่ยวกับความสามารถของเขาทั้งหมด ถึงจะทั้งหมด 100% แต่อย่างน้อยๆก็น่าจะได้ประมาน 70% บวกกับเรามีคนมากกว่า พวกเราไม่มีอะไรจะต้องกลัว”   แต่กระนั้นความลังเลของบรรดาผู้ติดตามก็ยังคงอยู่ ชีซิวเหวินพูดต่อ “อย่าลืมว่ากำลังหลักของเมืองแบล็คก็อตยังอยู่ข้างเรา และฉันยังขอความช่วยเหลือจากอสูรอัสนีและเทพอัสนีได้ แบบนี้แล้วพวกนายยังจะคิดว่าหานเซิ่นมีโอกาสชนะอีกหรอ?”   “อสูรอัสนีและเทพอัสนีจะยอมเข้าร่วมกับพวกเราหรอ?” ในชั่วพริบตาท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที ดูเหมือนพวกเขาจะมีความหวังมากขึ้น   อสูรอัสนีและเทพอัสนีเป็นพี่น้องกัน ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของพวกเขา พวกเขาคือผู้วิวัฒนาการที่มีชื่อเสียง พวกเขาเป็นลูกน้องของชีตงลี่ พ่อของชีซิวเหวิน พวกเขาคือหนึ่งในผู้วิวัฒนาการแถวหน้า และอีกไม่นานพวกเขาก็จะได้เป็นผู้เป็นเลิศ   มีข่าวลือว่าอสูรอัสนีสามารถปลดล็อคยีนขั้นแรกได้แล้ว เขามีพรสวรรค์ที่น่ากลัวมาก ไม่มีผู้วิวัฒนาการคนไหนกล้าเป็นศัตรูกับเขา   “ถ้าพวกเรามีผู้วิวัฒนาการ 10000 คนจากเมืองแบล็คก็อต และยังได้รับความช่วยเหลือจากอสูรอัสนีและเทพอัสนี หานเซิ่นชะตาขาดแน่” พวกผู้ติดตามของชีซิวเหวินหัวเราะอย่างชั่วร้าย   ชีซิวเหวินยิ้มและพูด “จริงๆหานเซิ่นเป็นคนฉลาดและมีพรสวรรค์มาก มันน่าเสียดายถ้าจะฆ่าเขา ถ้าเขารู้จักประเมินตัวเอง และยอมเชื่อฟังคำสั่งของฉันล่ะก็ ฉันอาจจะเก็บเขาไว้เป็นลูกน้องก็ได้”   “หานเซิ่นอันตรายเกินไป ถ้าคุณให้โอกาสเขาผมกลัวว่า…” เป็นอีกครั้งที่ผู้ติตามยังไม่ทันพูดจบ ชีซิวเหวินก็พูดขึ้นมาก่อน ราวกับเขารู้ว่าคนอื่นจะพูดอะไร “ก็ให้เขากินยาเสริมสร้างยีนก่อนสิ”   ใบหน้าของพวกผู้ติดตามดูตกใจมาก เมื่อได้ยินคำว่า ‘ยาเสริมสร้างยีน’  

Super God Gene – ตอนที่ 577 กายหยกของปลอมหรือของแท้
Super God Gene – ตอนที่ 577 กายหยกของปลอมหรือของแท้

  ยิ่งเวลาผ่านไปความเย็นภายในกายของหานเซิ่นก็มีพลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เซลล์ในร่างกายของเขากำลังเคลื่อนไหว เหมือนกับว่าพวกมันเปลี่ยนเป็นคริสตัลหมดแล้ว   ในเวลาเดียวกันศาสตร์ตงเสวียนก็เริ่มทำงาน ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกแปลก มันบังคับให้เขาต้องหยุดวิชากายหยกเอาไว้ก่อน   ใบหน้าของหานเซิ่นดูค่อนข้างน่ากลัว แต่เขาก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้รวมไอเย็นทั้งหมดเข้ากับเซลล์ในร่างกาย และปลดล็อคยีนขั้นแรก แต่ความรู้สึกนั้นก็หายไป หลังจากที่เขาเริ่มใช้ศาสตร์ตงเสวียน   ‘หรือว่า 2 วิชานี้มันจะขัดกันเอง?’ หานเซิ่นรู้สึกเซ็งนิดหน่อย ถ้า 2 สุดยอดวิชาไม่สามารถเอามาใช้ผสานกันได้ มันก็จะน่าเสียดายมาก ถ้ามันเข้ากันไม่ได้จริงๆ และเขายังฝืนฝึกมันต่อไป มันก็อาจจะทำให้ร่างกายของเขาได้รับความเสียหายได้   จิ้งจอกสีเงินยังคงนั่งเฝ้าหานเซิ่นตลอดเวลา หลังจากที่หานเซิ่นลืมตาขึ้นมา มันก็วิ่งเข้าไปหาเข้าทันที ตอนนี้อารมณ์ของหานเซิ่นกำลังสับสนอยู่ เมื่อเห็นมันเข้ามา หานเซิ่นก็ใช้มือผลักมันออกไป   หลังจากที่เห็นใบหน้าอันไร้เดียงสาของจิ้งจอกสีเงิน เขาก็ต้องช็อค ตอนนี้หานเซิ่นเรียกสติกลับมาได้แล้ว เขาหยิบกระจกที่เขาเตรียมมาสำหรับเอาไว้ใช้วิญญาณอสูรบีทเทิลไนท์ออกมา เขาส่องกระจกดู แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีอะไรที่แปลกไป   เมื่อหานเซิ่นเริ่มใช้กายหยก เขาก็รู้ว่าร่างกายของเขาเย็นลงทันที ถึงพลังมันจะไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับของเสวียอี้ขวง แต่อย่างน้อยๆมันก็ทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้ ถ้าเป็นปรกติหานเซิ่นก็น่าจะดีใจกับผลลัพธ์แบบนี้ แต่เมื่อเขามองดูตัวเองในกระจกอีกครั้ง เขาก็เหงื่อตกทันที เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนๆแล้ว ถึงมันจะไม่ได้เข้มอะไร แต่มันก็สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายๆ   หานเซิ่นคิดว่าตาของเขาเองเริ่มเหมือนกับพวกคนตระกูลเสวียแล้ว มันทั้งดูเลือดเย็น ไร้ความรู้สึกและโหดร้ายป่าเถื่อน   ‘นี่มันอะไรกันเนี่ย? วิชานี้มันเป็นวิชาบ้าอะไร? ถ้าเป็นปรกติ ยังไงเราก็ไม่มีทางที่จะผลักจิ้งจอกออกไปแน่นอน หรือว่าวิชากายหยกมันจะเปลี่ยนจิตใจของเราได้?’ ยิ่งหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกกังวล เขาเกือบจะทำลายกระจกในมือ เขาเริ่มกลัวแล้วว่ามีอะไรบางอย่างในตัวเขาที่ผิดปรกติไป   หานเซิ่นเลิกใช้กายหยกทันที จากนั้นเขาก็ใช้ศาสตร์ตงเสวียนแทน เพื่อเข้าสู่สภาวะที่มีสมาธิขั้นสูง(เข้าฌาน) ซึ่งมันทำให้เซลล์ในร่างกายของเขาตื่นตัว และส่งกลิ่นหอมออกมา   อากาศหนาวเย็นที่ปกคลุมเซลล์ของเขาอยู่ถูกกลิ่นหอมๆไล่ออกไป ทำให้เกิดหมอกสีขาวรอบๆตัวของหานเซิ่น   เขาเพิ่งจะเริ่มฝึกศาสตร์ตงเสวีย ซึ่งมันยังไม่สำเร็จในขั้นแรก เพราะฉะนั้นมันไม่สามารถสู้กับวิชากายหยกขั้นแรกได้แน่นอน แต่ทว่าหลังจากที่เขาเข้าฌานเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เขาก็สามารถกำจัดพลังน้ำแข็งที่อยู่ภายในร่างกายของเขาได้หมด   หานเซิ่นยังคงใช้ศาสตร์ตงเสวียนติดต่อกันหลายๆรอบ จิ้งจอกสีเงินนั่งอยู่ใกล้ๆหานเซิ่นตลอดเวลา มันสังเกตบริเวณรอบๆด้วยหน้าตาที่เคร่งเครียด แต่ตัวมันก็ไม่ได้ขยับไปไหน   ตอนนี้บนท้องฟ้าเริ่มมีเมฆหนาๆมาปกคลุม และเกิดพายุหิมะขึ้นรอบๆ ไม่นานหานเซิ่นก็ถูกหิมะฝังกลบ ร่างกายของจิ้งจอกไม่ได้มีหิมะเกาะแต่อย่างใด แต่กระนั้นมันก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมของมัน มันเฝ้าระวังให้เจ้านายของมันโดยไม่ขยับไปไหน   ทั้งกลางวันและกลางคืน จิ้งจอกและหานเซิ่นไม่ได้ขยับตัวเลย หิมะบนตัวหานเซิ่นเปลี่ยนไปน้ำแข็งไปเรียบร้อยแล้ว   “โห! จิ้งจอกตัวน้อยนี่น่ารักจังเลย” ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขาอยู่มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้นมา   “ลิ่วชิงอย่าไปถูกรูปลักษณ์ภายนอกหลอก! ไม่ว่ามอนสเตอร์จะน่ารักยังไง มันก็ยังมีสัญชาตญาณที่ดุร้าย ฉันไม่เคยเห็นมอนสเตอร์แบบนี้มาก่อน เพราฉะนั้นพวกเราควรจะระวัง” มีเสียงของชายหนุ่มดังตามขึ้นมา   พวกเขา 2 คนค่อยๆเดินตรงไปยังทางที่จิ้งจอกอยู่ ผู้หญิงสังเกตเห็นว่าจิ้งจอกสีเงินไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียว มันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมข้างๆตุ๊กตาหิมะ อยู่ๆเธอก็ประหลาดใจขึ้นมา “โอ้ ดูนี่สิตุ๊กตาหิมะ! จิ้งจอกตัวน้อยนั่งเฝ้ามันตลอดเวลา ฉันคิดว่ามันเป็นคนสร้างตุ๊กตาหิมะนี่ขึ้นมา”   “จินตนาการของเธอมันฟังดูงี่เง่ามาก บอกฉันหน่อยว่าจิ้งจอกมันจะสร้างตุ๊กตาหิมะขึ้นมาได้ยังไง? ฉันคิดว่าคงจะมีคนมาสร้างมันไว้แน่ๆ แต่ฉันก็ยอมรับนะว่ามันแปลก ฉันไม่รู้ว่าทำไมจิ้งจอกถึงได้นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ยอมไปไหนเลย?” ผู้ชายเองก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเหมือนกัน   “ขอฉันเข้าไปดูหน่อยนะ บางทีมันอาจจะถูกแช่แข็งก็ได้” ผู้หญิงต้องการจะสัมผัสจิ้งจอก   ผู้ชายรีบห้ามเธอไว้ “ระวังหน่อยสิ! นี่มันอาจจะเป็นกับดักก็ได้ พวกเราควรจะวิ่งเข้าไปและก็ใช้ดาบกระแทกมันดู แบบนี้น่าจะไม่อันตราย”   หลังจากนั้นเขาก็เรียกวิญญาณอสูรดาบออกมา และเริ่มวิ่งตรงไปที่จิ้งจอกสีเงินทันที เมื่อชายคนนั้นใช้ดาบฟันไปที่เป้าหมาย ปรากฏว่าเขาฟันไม่โดนอะไรเลย ตุ๊กตาหิมะข้างๆจิ้งจอกขยับมีมือที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งยื่นออกมา เขาใช้นิ้วกลางและนิ้วชี้หยุดดาบของชายคนนั้นเอาไว้   จากนั้นก็เกิดเสียงแตกหัก ดาบวิญญาณอสูรถูกนิ้วมือตัดขาดเป็น 2 ท่อน   ชายหญิงคู่นั้นช็อค พวกเขารีบถอยออกมาทันที จากนั้นพวกเขาก็เห็นตุ๊กตาหิมะเริ่มสั่นมีเงาของคนปรากฏออกมา เขาคว้าจิ้งจอกสีเงิน และวิ่งออกไปทันที ภายในเวลาแค่ 1-2 วินาที พวกเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย   “นั่นจะต้องเป็นเทพจิ้งจอกแน่!” ผู้หญิงพูดขึ้นมา   “เทพจิ้งจอกอะไรกัน? ยังไงมันก็ต้องเป็นมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์” ผู้ชายพูด ตอนนี้หน้าของเขาดูซีดมาก   พวกเขาไม่ได้เห็นหน้าของหานเซิ่นชัดๆ เขาเห็นเพียงแค่รูปร่างที่เหมือนมนุษย์เท่านั้น ซึ่งเขาก็คว้าจิ้งจอกและวิ่งหนีไป   “อืมใช่ เทพจิ้งจอกเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์” ผู้หญิงยังคงเชื่อว่าสิ่งที่เธอเห็นคือเทพจิ้งจอก   ทั้งผู้หญิงและผู้ชายไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่พวกเขาเห็น แต่ยังไงก็คงไม่มีใครคิดว่าจะมีคนอยู่ในตุ๊กตาหิมะแบบนั้นได้ เท่านั้นยังไม่พอเขาคว้าจิ้งจอกและหายในไปภายในชั่วอึดใจ ไม่หลงเหลือแม้แต่รอยเท้า คนธรรมดาๆใครจะไปทำแบบนั้นได้?   ไม่นานข่าวลือเรื่องเทพจิ้งจอกหรือมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์กับจิ้งจอกก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว มีคนมากมายพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้   ตอนนี้หานเซิ่นกำลังมุ่งหน้ากลับไปที่ปราสาทคริสตัลพร้อมกับจิ้งจอกสีเงิน เขาพยายามใช้กายหยกอีกครั้ง และพบว่าพลังน้ำแข็งที่เขาดูดมาจากเสวียอี้ขวงหายไปแล้ว ร่างกายของเขาไม่ได้รู้สึกหนาวอีกต่อไป   หลังจากที่เขาใช้กายหยก เขาก็เอากระจกขึ้นมาดูอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่เห็นว่าร่างกายของเขามีอะไรที่ผิดปรกติอีกแล้ว ในที่สุดความเครียดของเขาก็หายไปสักที   ตอนนี้ถึงเขาจะใช้พลังน้ำแข็งแบบเสวียอี้ขวงไม่ได้แล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ากายหยกมีอะไรแตกต่างไปจากเดิม ขณะที่กำลังวิ่ง เขารู้สึกว่าหัวของเขาเย็นสบายมาก ตอนนี้ประสาทสัมผัส และความสามารถในการรับรู้ของเขาเฉียบคมขึ้นมาก   ยิ่งเขาใช้กายหยกมากขึ้นเท่านั้น เขายิ่งรู้สึกสงบ เหมือนกับว่ามันไม่มีผลกระทบต่ออารมณ์ของเขาอีกแล้ว   ‘แปลกมาก มันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิด วิชากายหยกของตระกูลเสวียอาจจะมีปัญหาบางอย่าง’ หานเซิ่นจำได้ว่าในงานแลกเปลี่ยน เสวียอี้หยางเคยขึ้นไปพูดเรื่องวิชาอีกวิชาหนึ่งของตระกูลเสวีย ชื่อว่าหัวใจน้ำแข็ง มันน่าจะเป็นวิชาที่ทำให้อารมณ์ของพวกเขาสงบลงได้ ทุกคนยังบอกอีกว่าคนในตระกูลเสวียทุกคนจะต้องฝึกหัวใจน้ำแข็ง   แต่แล้วทำไมพวกคนในตระกูลเสวียแต่ละคนที่หานเซิ่นเคยเจอกับมีอารมณ์โกรธที่รุนแรง หลังจากที่เรียนวิชากายหยก นี่มันทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าวิชากายหยกอาจจะมีปัญหาบางอย่าง  

Super God Gene – ตอนที่ 576 ดูดซับพลังน้ำแข็ง
Super God Gene – ตอนที่ 576 ดูดซับพลังน้ำแข็ง

  เสวียอี้ขวงดูเหมือนกับปีศาจ ดวงตาของเขาเป็นสีแดง และร่างกายของเขาก็กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว บรรยากาศรอบๆตัวเขาเริ่มหมุนวน ถึงมันจะไม่ได้ส่งผลที่ร้ายแรงอะไร แต่ถ้าคนธรรมดาสัมผัสกับอากาศนั้น มันก็จะทำให้เขารู้สึกว่าเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งในสภาพที่เปลือยเปล่า   หานเซิ่นทุ่มพลังเกือบทั้งหมดไปที่การใช้กายหยก เพื่อที่เขาจะสามารถต้านทานอากาศที่หนาวเย็นขนาดนี้ได้ เขาไม่กล้าที่จะสัมผัสร่างกายของเสวียอี้ขวง เพราะพลังน้ำแข็งของเขารุนแรงเกินไป   ‘วิชาที่เราฝึกมันไม่ใช่กายหยกของจริงงั้นหรอ? ทั้งๆที่สำเร็จขั้นแรกเหมือนกัน แต่ทำไมถึงได้แตกต่างกันมากขนาดนี้?’ หานเซิ่นคิด   เมื่อตอนที่เขาฝึกกายหยก เขาไม่ได้ใช้ยาปรับปรุงพันธุกรรม ถ้าวิชาที่เขาได้มาจากเสวียหลงเหยียนไม่ใช่ของปลอม คงไม่มีคำอธิบายอะไรที่สามารถอธิบายเรื่องที่กายหยกของเขานั้นด้อยกว่าเสวียอี้ขวงได้   ตอนที่เขาฝึกวิชากายหยกขั้นแรกสำเร็จ เป็นเพราะเขาใช้ยาปรับปรุงพันธุกรรมของไมโครคริสตัล ในตอนแรกเขาดีใจมากที่สามารถฝึกกายหยกขั้นแรกสำเร็จได้ แต่ตอนนี้เขากับพบว่าวิชากายหยกของเขานั้นด้อยกว่ากายหยกของเสวียอี้ขวงมาก   ต้องขอบคุณความมหัศจรรย์ของศาสตร์ตงเสวียน แม้เสวียอี้ขวงจะปลดล็อคยีนขั้นแรกได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำให้หานเซิ่นบาดเจ็บจริงๆจังๆได้ในเวลาสั้นๆ   แต่ตอนนี้หานเซิ่นก็ยังตกอยู่ในวิกฤตอยู่ เพราะเขายังไม่สามารถหาทางโต้ตอบเสวียอี้ขวงได้ และหมัดวายุเหมันต์ของเสวียอี้ขวงก็ทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ   หานเซิ่นยังคงหลบหมัดของเสวียอี้ขวงอย่างต่อเนื่อง ขณะเคลื่อนที่ถอยหลังไปด้วย หานเซิ่นรู้สึกถึงสิ่งผิดปรกติ อากาศที่ที่เกิดจากพลังของเสวียอี้ขวงถูกกายหยกของหานเซิ่นดูดเข้าไป ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากผ่านไปสักพัก หานเซิ่นก็รู้สึกว่าพลังเหล่านั้นได้ถูกดูดเข้ามาในตัวของเขา มันเพิ่มพลังให้กับเขา   พลังน้ำแข็งค่อยๆถูกหานเซิ่นดูดกลืนเข้ามา แต่มันไม่ได้ทำร้ายหรือทำให้เขาบาดเจ็บ มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา   ‘ร่างกายเรากำลังดูดกลืนพลังน้ำแข็งของเสวียอี้ขวงงั้นหรอ?’ หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขมาก   หลังจากที่ได้ดูดซับพลังน้ำแข็งเข้าไป เขารู้สึกว่ากายหยกของเขาเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ถึงตอนนี้หานเซิ่นจะยังไม่สามารถสัมผัสร่างกายของเสวียอี้ขวงได้ แต่อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบจากอากาศที่เย็นจัดอีกต่อไป   ปัง! หานเซิ่นออกหมัดไปปะทะกับหมัดของเสวียอี้ขวงเต็มๆ ตอนนี้เขารู้สึกว่าพลังที่เขาดูดซับมายังไม่พอ เขาต้องการทดสอบให้เห็นกับตาว่าเขาจะสามารถดูดซับพลังจากตัวเสวียอี้ขวงได้โดยตรงรึเปล่า   เมื่อหมัดปะทะกัน หานเซิ่นก็รู้สึกช็อคกับปริมาณพลังที่ร่างกายของเขาดูดเข้ามา ภายในชั่วอึดใจร่างกายครึ่งท่อนของเขา รวมถึงการไหลเวียนของเลือดแทบจะหยุดนิ่ง ตอนนี้ผิวหนังด้านนอกของเขากลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว ทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของหานเซิ่นหายไปหมด   “ตายซะ!” ตาของเสวียอี้ขวงเต็มไปด้วยความแค้น เขาออกหมัดที่ทรงพลังไปที่ลำตัวของหานเซิ่น   “เวรเอ้ย! พลังน้ำแข็งมันดันมากเกินไป มันเกินกว่าที่กายหยกของเราจะรับไหว” หานเซิ่นรู้สึกว่าตอนนี้เขาต้องแย่แน่ๆ ในหัวของเขากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เขาต้องหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตอนนี้ให้ได้   ตูม! ในที่สุดจิ้งจอกสีเงินที่อยู่บนไหล่ของหานเซิ่นก็ขยับตัว มันพุ่งออกไปราวกับสายไฟสีเงิน มันฉีกกำปั้นของเสวียอี้ขวงด้วยเล็บอันแหลมคมของมัน ในชั่วพริบตากำปั้นที่ห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งของเสวียอี้ขวงก็ถูกฉีกขาด และถูกส่งกระเด็นไปไกล ตอนนี้กระแสไฟฟ้ากำลังช็อตร่างของเสวียอี้ขวง หลังจากที่เสวียอี้ขวงตกลงไปบนพื้น ตัวของเขาก็เต็มไปด้วยรอยไหม้ กำปั้นของเขาเกิดบาดแผลลึกจนถึงกระดูก ซึ่งมันเกิดจากเล็บของจิ้งจอกสีเงิน   เสวียอี้ขวงมองจิ้งจอกสีเงินด้วยความช็อค จิ้งจอกสีเงินหอนออกมา จากนั้นมันก็กระโจนเข้าใส่เสวียอี้ขวงอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนที่แต่ละครั้งของมันเหมือนกับสายฟ้าสีเงิน มันว่องไวจนยากที่จะมองทัน   “อ้ากกก!” เสวียอี้ขวงสะบัดแขนอย่างบ้าคลั่ง เพื่อจะสลัดจิ้งจอกสีเงินให้หลุด แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จิ้งจอกสีเงินกระโจนไปที่หน้าอกของเขา และใช้เล็บข่วนจนเกิดแผลลึก ตอนนี้เลือดจำนวนมากไหลออกราวกับน้ำผุ พลังอันน่ากลัวของกระแสไฟฟ้าฉีกน้ำแข็งที่ห่อหุ้มร่างของเสวียอี้ขวงจนหมด   ตอนนี้จิ้งจอกสีเงินดูดุร้ายและก้าวร้าวมาก มันคงโกรธเสวียอี้ขวงจริงๆ มันเคลื่อนไหวไปรอบๆตัวเขาราวกับสายฟ้า   เสวียอี้ขวงที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งมากๆก็ยังไร้ทางป้องกัน เมื่อเจอกรงเล็บของจิ้งจอกสีเงิน จิ้งจอกสีเงินสร้างรอยแผลให้กับเสวียอี้ขวงที่ละรอยๆ ตอนนี้เลือดไหลอาบร่างของเสวียอี้ขวง   ตอนนี้เสวียอี้ขวงรู้สึกช็อคและกลัวมาก เขาพยายามจะใช้พลังน้ำแข็ง แต่มันก็ไม่สามารถต้านพลังของจิ้งจอกได้ มันฉีกกระชากน้ำแข็งได้ง่ายๆ ไม่มีทางเลยที่เสวียอี้ขวงจะสามารถต่อต้านอะไรมันได้   ‘มันคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดจริงๆ เป็นแค่ลูกหมา แต่กับมีพลังที่น่ากลัวถึงขนาดนี้’ หานเซิ่นอ้าปากค้าง แม้เขาจะคิดอยู่แล้วว่าจิ้งจอกสีเงินต้องมีพลังที่มหาศาลซ่อนอยู่ แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะน่ากลัวถึงขนาดนี้   เสวียอี้ขวงที่สามารถปลดล็อคยีนขั้นแรกได้แล้ว แต่กับไม่มีโอกาสต่อสู้ได้เลย ตอนนี้เขาทำได้แค่ดิ้นร่นอย่างสูญเปล่า   ปัง! สายฟ้าสีเงินพุ่งชนหน้าอกของเสวียอี้ขวง มันรุนแรงจนทำให้เขากระเด็นไปกระแทกกับกำแพงน้ำแข็งที่อยู่ด้านหลัง ตอนนี้ร่างกายของเขาดำเป็นถ่าน และมีกระแสไฟฟ้ากำลังไหลอยู่ทั่วร่างของเขา เสวียอี้ขวงดิ้นทุร่นทุรายด้วยความทรมาน   “ไม่มีทาง! นี่มันเป็นไปได้ยังไง?” เสวียอี้ขวงร้องออกมา เขาจ้องไปที่จิ้งจอกสีเงิน เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะถูกสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆอย่างนี้ฆ่า   จิ้งจอกสีเงินที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้าพุ่งชนเสวียอี้ขวงอีกครั้ง “อ้าากกก!” เสวียอี้ขวงกรีดร้องออกมา ไม่นานร่างกายของเขาก็กลายเป็นเถ้าถ่าน เมื่อสายลมพัดมาร่างของเขาก็ปลิวไปตามลม ตอนนี้ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ตรงจุดที่เขาเคยอยู่อีกต่อไป   “เสวียอี้ขวงตายง่ายๆแบบนั้นเลยหรอ?” หานเซิ่นเบิกตากว้าง เขาพยายามจะหาร่องรอยของเถ้าถ่านที่อยู่บนพื้น   เขาเคยเห็นจิ้งจอกสีเงินเชื่องและสงบมาก มันดูไม่มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวเลย จนเขาเกือบจะลืมไปเลยว่ามันคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด เมื่อได้เห็นมันมีพลังที่น่ากลัวแบบนี้ เขาก็ต้องช็อค   แต่ตอนนี้หานเซิ่นก็ต้องกลับมาโฟกัสที่ตัวเองก่อน เพราะตัวของเขาก็ยังเป็นน้ำแข็งอยู่ เลือดในกายของเขาหยุดไหลเวียน ตอนนี้ถ้าเขาไม่สามารถเอาน้ำแข็งพวกนี้ออกไปได้ เขาก็คงแข็งตายเร็วๆนี้   หานเซิ่นพยายามใช้กายหยกอย่างช้าๆ เขารู้สึกว่าน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนตัวเขาเริ่มหายไปทีละนิด มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของอากาศ และเริ่มหมุนวนรอบๆตัวเขา   จิ้งจอกสีเงินกำลังนั่งอยู่บนหิมะข้างๆหานเซิ่น มันไม่มีแต่จะกระพริบตา มันเฝ้ามองเจ้านายของมันอย่างใกล้ชิด   อากาศที่หมุนวนรอบๆตัวหานเซิ่นเริ่มหายไป ไม่นานมันก็กลับมาเป็นเหมือนปรกติ ถึงน้ำแข็งที่เกาะตัวของเขาได้หายไปแล้ว แต่ผิวหนังของเขามันก็ยังดูเหมือนกับน้ำแข็งอยู่ ไม่เพียงแค่คผิวหนัง เนื้อรวมถึงกระดูกก็ใสจนเหมือนกับคริสตัล   ขณะที่เวลาผ่านไป พลังที่หานเซิ่นพยายามขับออกมาก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เนื้อและกระดูกของเขาโปร่งใสมากขึ้น ตอนนี้มันสามารถมองเห็นเส้นเลือดในร่างกายของเขาได้  

Super God Gene – ตอนที่ 575 ความน่ากลัวของวิชากายหยก
Super God Gene – ตอนที่ 575 ความน่ากลัวของวิชากายหยก

  ช่วงหลังๆมาชีวิตของหานเซิ่นค่อนข้างราบลื่น เขาสามารถจัดเก็บค่าเช่าและภาษีจากคนในเมืองแบล็คก็อตได้ และเขายังสามารถสั่งการให้คนในเมืองแบล็คก็อตออกไปล่าแทน ทำให้เขามีโอกาสที่จะไปเยี่ยมเยือนเมืองสปิริตราชวงศ์เพื่อฝึกซ้อมบ่อยๆ หลายวันมานี้เขารู้สึกผ่อนคลายมาก   ขณะที่ชีวิตของหานเซิ่นกำลังไปได้สวย แต่เสวียอี้ขวงกลับมีชีวิตที่ลำบาก เขาต้องดั้นด้นเดินทางไกลมากกว่า 10000 ไมล์เพื่อมาที่ทุ่งน้ำแข็ง และเขาก็พบว่าหานเซิ่นได้กลายเป็นผู้ครองเมืองแบล็คก็อตเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากในทุ่งน้ำแข็ง   เสวียอี้ขวงไม่ได้เข้าไปพูดคุยและพบปะกับผู้คนในเมือง เพราะถ้ามีใครรู้เรื่องที่เขากำลังจะทำ และไปบอกหานเซิ่นละก็งานของเขาก็จะยากขึ้น   ดังนั้นเสวียอี้ขวงเลยต้องรอคอยอย่างอดทน เขาต้องค่อยๆรวบรวมข้อมูลของหานเซิ่นให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยไม่ทำตัวเป็นจุดเด่น   วันนี้หานเซิ่นออกจากเมืองแบล็คก็อตเพื่อเดินทางไปที่เมืองสปิริตเหมือนกับทุกที แต่ทว่าวันนี้ขณะที่เขากำลังวิ่งอยู่บนทุ่งน้ำแข็ง จิ้งจอกสีเงินก็ยกหัวของมันขึ้นมา ดูท่าทางของมันแปลกๆไป ขนสีเงินของมันตรงขึ้น ตาที่ปรกติจะดูง่วงนอนเบิกกว้าง   จิ้งจอกสีเงินมองไปยังทิศทางที่มีลำธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหานเซิ่นนัก   หานเซิ่นลูบหัวจิ้งจอกเพื่อให้มันสงบลง ตอนนี้ตัวเขาเองก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ทำให้จิ้งจอกมันเป็นกังวล เขามองไปยังทิศทางที่จิ้งจอกมองไป   “ออกมาเถอะ” หานเซิ่นพูดอย่างนุ่มนวล   เสวียอี้ขวงที่สวมชุดสีขาวปรากกฎตัวออกมา ร่างกายที่ดูแข็งแกร่งของเขามันยากที่จะลืมได้ และผิวหนังของเขาก็ขาวเหมือนกับน้ำแข็ง มันดูเรียบเนียนยิ่งกว่าผิวของผู้หญิงซะอีก บวกกับหน้าตาที่ดูน่ากลัวของเขา ทำให้คนที่มองเขาต้องขนรุก   “เสวียอี้ขวง?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว ในงานแลกเปลี่ยนหานเซิ่นเคยเห็นคนคนนี้ เสวียอี้ขวงไม่ได้ขึ้นไปพูดบนเวทีเหมือนกับน้องชายของเขา แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ยังจำเขาได้   เสวียอี้ขวงไม่ตอบสนอง เขายกหมัดของเขาขึ้น และเริ่มวิ่งตรงเข้ามาหาหานเซิ่นทันที เขาอยู่ห่างจากหานเซิ่นมากกว่า 10 เมตร แต่แค่ก้าวเดียวเขาก็มาปรากฏตัวต่อหน้าหานเซิ่นแล้ว หานเซิ่นมองดูกำปั้นที่เหมือนกับคริสตัลของเขา และสังเกตเห็นว่ามีออร่าน้ำแข็งอยู่รอบๆมัน ตอนนี้พื้นที่โดยรอบก็มีพายุหิมะเกิดขึ้นมา   เคร็ง! หานเซิ่นเรียกดาบวิญญาณอสูรอสรพิษเนตรเงินออกมา และใช้มันรับการโจมตีที่ตรงเข้ามา หลังจากที่หมัดปะทะกับดาบ กำปั้นของเสวียอี้ขวงไม่มีแม้แต่เลือดสักหยุดไหลออกมา หานเซิ่นกระเด็นถอยหลังไป 3-4 ก้าว ดาบของเขาสั่นอย่างรุนแรง มันเหมือนกับว่าเขาฟันลงไปบนหินแข็งๆอย่างแรง   เสวียอี้ขวงไม่พูดอะไร เขากระหน่ำชกมาที่หานเซิ่น แต่ละหมัดของเขาใส่พลังพอที่จะฆ่าคนได้อย่างสบายๆ มันรุนแรงจนแค่มองดูก็รู้สึกกลัวแล้ว   ตอนนี้หานเซิ่นเรียกดาบออกมาทั้ง 2 เล่ม เขาตัดสินใจใช้วิชาดาบคู่กับผู้ไม่ประสงค์ดีคนนี้ หมัดและดาบปะทะกันอย่างรวดเร็ว   หมัดที่เหมือนกับน้ำแข็งของเสวียอี้ขวงแทบไม่ได้รับความเสียบหายอะไรเลย ถึงจะต้องเจอกับดาบเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กของหานเซิ่นก็ตาม ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจและเริ่มเป็นกังวล   ‘คนตระกูลเสวียมันบ้าแบบนี้เหมือนกันหมดทุกคนเลยหรอ? ถ้ามีความเห็นที่ต่างกันทำไมไม่พูดคุยกันก่อน? พวกเขากับนิ่งเงียบและก็กระหน่ำชกมาเหมือนกับคนป่า ชายคนนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!’ ตอนนี้หานเซิ่นไม่มีเวลาที่จะพูดอะไร เขาได้แต่ตั้งรับการโจมตีที่เข้ามา   วิชาหมัดของเสวียอี้ขวงน่ากลัวมาก ถึงจะต้องเจอกับวิชาดาบที่สุดยอดของหานเซิ่น เขาก็ยังเหนือชั้นกว่า หานเซิ่นต้องพึ่งศาสตร์ตงเสวียนเพื่อตามให้ทันความเร็วของเสวียอี้ขวง   ความสามารถในการต่อสู้ของเสวียอี้ขวงดีกว่าเสวียอี้หยางมาก หานเซิ่นใช้ความสามารถทั้งหมดแล้ว แต่เขาก็ยังเสียเปรียบ มันยากมากที่เขาจะรับการโจมตีจากชายคนนี้ได้   หลังจากที่กระหน่ำชกเข้ามาราวกับพายุหิมะ เสวียอี้ขวงก็ถอยหลังกลับไป 2-3 ก้าว ตอนนี้พายุหิมะได้หายไปหมดแล้ว เสวียอี้ขวงยืนนิ่งและพูด “นายไม่ธรรมดาจริงๆ นายสามารถป้องกันวิชาหมัดวายุเหมันต์ของฉันได้”   “เสวียอี้ขวง ฉันไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับนาย ทำไมจะต้องทำแบบนี้ด้วย?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว   “ฉันไม่ต้องการเหตุผลในการฆ่าใครทั้งนั้น ถ้าฉันต้องการฆ่า ฉันก็จะฆ่า มันก็แค่นั้น” เสวียอี้ขวงมองหานเซิ่นด้วยสายตาที่ภาคภูมิ “แต่นายไม่ธรรมดาจริงๆ นายแข็งแกร่งพอที่จะทำให้ฉันต้องใช้วิชากายหยกของตระกูลเสวีย”   “กายหยกไม่ได้ดีเลิศอะไรขนาดนั้น” หานเซิ่นพูดด้วยสีหน้าที่ดูถูก   ตาของเสวียอี้ขวงเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง เขาหัวเราะและเดินเข้าไปหาหานเซิ่นอย่างช้าๆ แต่ละก้าวของเขามีออร่าน้ำแข็งอยู่รอบๆ ตอนนี้ผิวของเขาเหมือนกับน้ำแข็งไม่มีผิด ความเย็นกำลังไหลเข้าไปในตัวเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด   ตอนนี้พวกเขากำลังยืนอยู่ห่างกันประมาน 3 เมตร หานเซิ่นสามารถรับรู้ได้ถึงไอเย็นที่ออกมาจากตัวเสวียอี้ขวง หานเซิ่นประหลาดใจมาก ทำไมวิชากายหยกที่คนตระกูลเสวียใช้ ถึงปลดปล่อยพลังน้ำแข็งได้ แต่เขากับทำไม่ได้   เสวียอี้ขวงเดินเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ ตอนนี้ทั้งตัวเสวียอี้ขวงกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว หานเซิ่นคิดว่าเซลล์ในร่างกายของเสวียอี้ขวงคงเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว เขาดูเหมือนกับปีศาจน้ำแข็งจริงๆ   แม้หานเซิ่นจะมีกายหยกเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกหนาวขึ้นมา ร่างกายของเขาเริ่มมีน้ำแข็งก่อตัวขึ้น   “ในจักรวาลนี้มีผู้วิวัฒนาการไม่กี่คนที่สามารปลดล็อคยีนได้ วันนี้นายควรจะรู้สึกว่านายโชคดี ที่นายจะได้ตายด้วยพลังของวิชากายหยกขั้นแรกของฉัน” เสวียอี้ขวงพูด จากนั้นเขาก็ชกไปที่หานเซิ่น ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกว่าอากาศรอบๆตัวเขาเริ่มจะแข็งตัวแล้ว   หานเซิ่นพยายามที่จะก้าวถอยกลับมา แต่หมัดของเสวียอี้ขวงนั้นเร็วเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถหลบมันได้ เขาเลยต้องใช้ดาบมาสคอตเพื่อโต้กลับไป   เคร็ง! หมัดปะทะกับดาบ ด้วยความรุนแรงของพลังน้ำแข็งที่ส่งออกมาจากหมัดของเสวียอี้ขวง ในชั่วพริบตาดายมาสคอตก็ถูกน้ำแข็งกลืนกิน มันเหมือนกับปรสิตที่กำลังไล่กัดกิน ตอนนี้น้ำแข็งค่อยๆขยายตัวและกลืนกินดาบ   นิ้วของหานเซิ่นรู้สึกได้ถึงความเย็นที่เข้ามา มันทำให้เลือดของเขาไหลช้าลงจนแทบจะหยุดไหล   หานเซิ่นรู้สึกกลัว เขาต้องการจะทิ้งดาบและถอยหลังกลับมา แต่โชคร้ายนิ้วของเขาชาไร้ความรู้สึกไปแล้ว มันไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของหานเซิ่นแล้ว   ยังดีที่เขาก็เรียนวิชากายหยกมา เมื่อเขาใช้มัน เขาก็รู้สึกว่านิ้วของเขากลับมาใช้การได้อีกครั้ง   ‘เกิดอะไรขึ้น? เสวียอี้ขวงบอกว่าเขาพึ่งจะสำเร็จขั้นแรกของวิชากายหยก แต่นั่นมันก็เท่าๆกับเราไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมเขาถึงสามารถปลดปล่อยพลังที่รุนแรงได้ถึงขนาดนั้น แต่เรากับทำไม่ได้?’ ใบหน้าของหานเซิ่นดูน่ากลัวมาก เมื่อเขามองเสวียอี้ขวง   เสวียอี้ขวงสังเกตเห็นว่านิ้วของหานเซิ่นถูกพลังน้ำแข็งของเขาเข้าไปแล้ว แต่แล้วทำไมมันถึงยังไม่ตายไป เขาขมวดคิ้วและเริ่มโจมตีหานเซิ่นอีกครั้ง   เสวียอี้ขวงปลดล็อคยีนขั้นแรกได้แล้ว ซึ่งมันทำให้ความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นมันยังทำให้เขาสามารถปลดปล่อยพลังน้ำแข็งได้อีกด้วย แต่กระนั้นพลังกายของเขาก็ยังมีจำกัด เนื่องจากเขายังไม่สามารถรับพลังจากธรรมชาติได้เหมือนกับสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ ทำให้เขาไม่สามารถดูดพลังภายนอกเข้ามาในร่างกายได้   ถ้าใครก็ตามมาสัมผัสร่างกายของเขา ก็จะถูกน้ำแข็งกัดกินทันที แม้แต่อาวุธเลือดศักดิ์สิทธิก็ไม่มีข้อยกเว้น เช่นดาบของหานเซิ่นที่เพิ่งจะโดนไป ผู้วิวัฒนาการที่มีพลังน่ากลัวขนาดนี้มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น   หานเซิ่นเปลี่ยนร่างเป็นหญิงสาวหิมะ หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับเครื่องยนต์ ไตของเขากำลังสูบฉีดพลังงาน ตอนนี้ขาของหานเซิ่นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน บวกกับความเร็วที่ได้จากหญิงสาวหิมะ ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก หานเซิ่นหลบหมัดที่กำลังตรงเข้ามาทั้งหมด   ในงานแลกเปลี่ยนหานเซิ่นได้ยินมาว่าผู้วิวัฒนาการที่สามารถปลดล็อคยีนขั้นแรกได้ ก่อนที่จะกลายเป็นผู้เป็นเลิศ พวกเขาจะมีพลังที่เหนือกว่าผู้วิวัฒนาการคนอื่นๆ