Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 564 ฆ่าอสรพิษเนตรเงิน
Super God Gene – ตอนที่ 564 ฆ่าอสรพิษเนตรเงิน

  หวังเหลี่ยงและคนอื่นๆชื่นชมหานเซิ่นมาก พวกเขายังไม่เคยเจอคนที่มีพรสวรรค์ในการสั่งการแบบนี้มาก่อน การต่อสู้มันเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทุกวินาทีสถานการณ์ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้หมด การที่จะสั่งการคนล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนคนนั้นจะต้องมีความสามารถจริงๆ ตอนนี้พวกเขาทุกคนทำตามหานเซิ่นบอกหมดทุกอย่าง ตั้งแต่หานเซิ่นเริ่มสั่งการก็ยังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เลย   การสั่งของหานเซิ่นไม่ใช่แค่มีประสิทธิภาพอย่างเดียว แต่เขายังสั่งการได้อย่างรวดเร็วและใจเย็น ทำให้คนอื่นๆรู้สึกผ่อนคลายขึ้น   เหตุผลที่พวกเขาชื่อชมหานเซิ่นมากก็เพราะในสมัยที่พวกเขายังอยู่ในกองทัพ พวกเขามักจะเจอแต่ผู้บังคับบัญชาที่ไม่มีความสามารถ พวกเขาไมได้มีพรสวรรค์เหมือนกับหานเซิ่น   ในทางทฤษฎีมันเป็นไปไม่ได้ที่หานเซิ่นจะสั่งการทั้ง 10 คนได้อย่างละเอียด แต่ตอนนี้เขากำลังทำมันอยู่ ต้องขอบคุณความมหัศจรรย์ของศาสตร์ตงเสวียน   ทุกอย่างมันมาจากการคาดการของหานเซิ่นทั้งหมด คำสั่งที่พวกเขาได้รับมา ทำให้พวกเขามีเวลาได้เตรียมตัวสำหรับการโจมตี หานเซิ่นสั่งการพวกเขาทั้ง 10 คนไปในตำแหน่งต่างๆที่หลากหลาย ส่วนการโจมตีเป็นหน้าที่ของพวกเขาเอง พวกเขาแค่ฟังหานเซิ่นว่าต้องไปตรงไหนแล้วก็ทำการโจมตีในแบบที่พวกเขาต้องการ   หัวใจสำคัญของการที่จะทำแบบนี้ได้ก็คือหานเซิ่นต้องรู้ขีดจำกัดและความสามารถของแต่ละคนในทีม เขาจะต้องรู้ว่าใครทำอะไรได้บ้าง ถ้าหานเซิ่นไม่เข้าใจพวกเขา มันก็อาจจะให้พวกเขาไปอยู่ในตำแหน่งที่ผิด ซึ่งมันก็จะไม่มีประโยชน์   นั่นเป็นเหตุผลที่หานเซิ่นถึงต้องถอยหลังออกมายืนสังเกตการณ์อยู่สักพัก เมื่อเขากลับเข้ามาในสนามรบอีกครั้ง เขาก็พร้อมที่จะสั่งการทันที   ภายใต้คำสั่งของหานเซิ่น พวกเขาทั้ง 10 คนต่อสู้อย่างสงบ พวกเขาไว้ใจหานเซิ่นมาก ด้วยคำสั่งของหานเซิ่น บวกกับประสบการณ์การต่อสู้อันโชกโชน ทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ   แม้หวังเหลี่ยงและคนอื่นๆจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่พวกเขาก็ยังทำอะไรงูเลือดศักดิ์สิทธิไม่ได้เช่นเดียวกัน พวกเขาไม่สามารถฆ่ามันได้ ศัตรูไม่ได้ดูช้าลงเลย พละกำลังของมันดูไม่ไร้ขีดจำกัด การต่อสู้ที่เข้มข้นขนาดนี้แม้แต่คนที่ประสบการณ์สูงก็ยังสู้ได้เต็มที่ไม่เกิน 2 ชั่วโมง   แต่หานเซิ่นไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้เขากำลังใช้ทั้ง 10 คนบังคับให้งูไปอยู่ในตำแหน่งที่เขาต้องการ   ในที่สุดงูเลือดศักดิ์สิทธิก็เปิดโอกาสให้หานเซิ่นโจมตีที่หัวของมัน นี่เป็นโอกาสที่เขารอมานาน เขากระโดดขึ้นไปบนหัวของมัน และชกหมัดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังหยินเข้าไปที่หัวของมอนสเตอร์อย่างแรง พลังถูกส่งเข้าไปในกะโหลกของงูเต็มๆ นี่เป็นการโจมตีที่เขากำลังรออยู่ ตอนนี้ดูเหมือนงูเลือดศักดิ์สิทธิจะได้รับบาดเจ็บหนักจากการโจมตี   งูเลือดศักดิ์สิทธิส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน หานเซิ่นลงมาจากหัวของมัน ตอนนี้ลำตัวของงูดูบิดเบี้ยวมาก ถึงมันจะยังดูแข็งแกร่งและเกรี้วกราดเหมือนเดิม แต่การโจมตีของมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับที่ผ่านมา   หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว ดูเหมือนว่าพลังหยินของเขาจะได้ผลจริงๆ งูจะต้องได้รับบาดเจ็บที่สมองแน่ มันถึงได้ดูเคลื่อนไหวแปลกไป และการโจมตีของมันก็ดูไม่มีประสิทธิภาพเท่าเก่า   หานเซิ่นยังคงสั่งการเหมือนปรกติ แต่ไม่นานนักงูเลือดศักดิ์สิทธิก็เอาหัวเข้ามาใกล้ๆหานเซิ่นอีกครั้ง เขาจึงปล่อยหมัดพลังหยินใส่มันอีกครั้ง   หลังจากโดนหมัดที่ 2 เข้าไป มันก็ดูเหมือนกับว่ากำลังเมา เพราะงูเลือดศักดิ์สิทธิเริ่มสูญเสียการควบคุมตัว   หวังเหลี่ยงประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่นี่ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่ากำลังจะได้รับชัยชนะ ภายใต้การสั่งการของหานเซิ่น พวกเขามุ่งมั่นกับการต่อสู้มากกว่าเดิม พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ชื่นชมหานเซิ่น   ปัง! เมื่อหานเซิ่นชกหัวของงูเป็นครั้งที่ 3 งูเลือดศักดิ์สิทธิก็เลิกต่อต้าน ตอนนี้มันล้มลงบนพื้น และดิ้นด้วยความเจ็บปวด   ตอนนี้เหมือนว่าภารกิจพวกเขาเกือบจะสำเร็จแล้ว หานเซิ่นสั่งให้คนอื่นๆคอยรับมือกับงูตัวอื่นๆที่เข้ามา หานเซิ่นเดินไปหางูที่นอนหมดสภาพอยู่ จากนั้นเขาก็กระหน่ำชกไปที่หัวของมันเป็นสิบๆครั้ง จนกระทั่งสมองของมันแหลก   “ขอให้ได้วิญญาณอสูรทีเถอะ..” หานเซิ่นกำลังภาวนาจากใจ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะฆ่ามันได้ และเขายังต้องการวิญญาณอสูรประเภทดาบมากตอนนี้   “อสรพิษเนตรเงินเลือดศักดิ์สิทธิถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10จีโนพ้อย”   เมื่อได้ยินเสียงนั้น หานเซิ่นก็อยากจะตะโกนออกมาดังๆ ‘ขอบคุณพระเจ้า!’ แต่เขาเพียงแค่ตะโกนอยู่ในใจเท่านั้น   เมื่องูเลือดศักดิ์สิทธิถูกฆ่า งูตัวอื่นๆก็ไม่ต้องการจะเสี่ยงชีวิตสู้กับพวกเขาอีกต่อไป ไม่นานพวกมันก็หนีกลับเข้าไปในหุบเขา   หวังเหลี่ยงและคนอื่นๆไล่ตามพวกมันไปจนถึงทางเข้าหุบเขา เมื่อพวกเขากลับมา พวกเขาก็ต้องประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น ผลลัพธ์จากการต่อสู้ก็คือซากศพที่เกลือนกลาดอยู่บนพื้น ตอนนี่มีซากของงูเลือดศักดิ์สิทธิและงูตัวอื่นๆอยู่นับไม่ถ้วน แม้แต่ตัวที่เป็นระดับกลายพันธ์ก็ยังตายกันเป็นกอง   นอกเหนือจากเนื้อพวกนี้แล้ว พวกเขายังได้วิญญาณอสูรกันคนละหลายดวง พวกเขาฆ่ามอนสเตอร์ไปเป็นจำนวนมาก มันมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้ นี่เป็นหนึ่งในการล่าที่พวกเขาได้ผลตอบแทนมากที่สุดครั้งหนึ่ง   “ฉันจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกนายในการช่วยกันขนซากพวกนี้รวมทั้งงูระดับเลือดศักดิ์สิทธิกลับไป” หานเซิ่นรีบพูด จากนั้นเขาก็รีบออกไปจากบริเวณนั้น   หวังเหลี่ยงและคนอื่นๆไม่มีปัญหากับการอยู่ใต้คำสั่งของหานเซิ่นอีกต่อไป เพราะความสามารถในการเป็นผู้นำของเขาสูงมาก และพวกเขาเองก็ยังได้ผลประโยชน์จำนวนมากเมื่อติดตามหานเซิ่น ตอนนี้พวกเขาทั้งเชื่อใจและชื่นชมหานเซิ่น   หานเซิ่นกลับไปที่ยอดเขา จิ้งจอกสีเงินตัวน้อยยังคงรอเขาอย่างอดทน ดูจากแววตาของมันเหมือนกับว่าถ้าเขาไม่กลับมา เจ้าตัวน้อยนี้ก็จะรอคอยเขาไปตลอดกาล   เมื่อมันเห็นหานเซิ่นกลับมา จิ้งจอกสีเงินก็เข้ามาใกล้ขาของเขาทันที มันใช้หางที่สง่างามของมันลูบไปที่ขาของหานเซิ่นเหมือนกับที่มันชอบทำ พร้อมกับใช้หัวของมันถูไปกับขาของหานเซิ่นด้วย   หานเซิ่นเริ่มที่จะตกหลุมรักมันแล้ว เขาอยากจะให้มันเป็นแค่สัตว์ป่าธรรมดาๆ มันจะได้อยู่เคียงข้างเขาไปตลอด เขายังไม่รู้ว่ามันฉลาดพอที่จะแยกแยะมิตรกับศัตรูได้รึเปล่า   หานเซิ่นใช้มือข้างหนึ่งอุ้มจิ้งจอกสีเงิน ขณะที่มืออีกข้างเรียกวิญญาณอสูรอสรพิษเนตรเงินออกมา   ดาบบางๆสีเงินปรากฏขึ้นมาบนมือของหานเซิ่น มันมีความยาวประมาน 3 ฟุตและมีความกว้างประมาน 3 นิ้ว มันเป็นดาบที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับถูกเกะสลักมาจากน้ำแข็ง   แม้มันจะบางแต่ดาบของสรพิษเนตรเงินก็ยังกว้างกว่ากระบี่ของสปิริตผมสีเงิน ซึ่งบางเหมือนกับปีกของจักจั่น ดาบของอสรพิษเนตรเงินดูแข็งแกร่งกว่ามาก ดูเหมือนมันจะเป็นอาวุธคนละสไตล์กัน   หานเซิ่นลองกวัดแกว่งมันดู เมื่อเขาเห็นความงดงามของมัน ขณะเคลื่อนไหวในอากาศ เขาก็รู้สึกประทับใจมาก “ฉันต้องการดาบอีก 1 เล่ม ถ้าฉันได้มันมาเมื่อไหร่ ฉันจะไปเยี่ยมสปิริตแฝดที่เมืองสปิริตราชวงศ์ทันที”  

Super God Gene – ตอนที่ 563 พรสวรรค์ในการเป็นผู้นำ
Super God Gene – ตอนที่ 563 พรสวรรค์ในการเป็นผู้นำ

  เมื่อเห็นหานเซิ่นล่อพวกงูเข้ามาใกล้ พวกเขาก็รูปตั้งท่าเตรียมต่อสู้ทันที   กลุ่มของพวกเขาแต่ละคนล้วนแต่เป็นนักสู้ฝีมือดี พวกเขาบางคนยังทำงานในกองทัพด้วย แต่ถึงบางคนจะไม่ได้อยู่ในกองทัพ แต่พวกเขาก็มีประสบการณ์การต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน   หลังจากที่พวกเขาตั้งรูปขบวน หานเซิ่นก็แค่ล่อพวกงูเข้าไป ตอนนี้นอกจากงูที่เป็นระดับเลือดศักดิ์สิทธิแล้วยังมีงูตัวอื่นๆอีกมากมาย   เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น หานเซิ่นก็เรียกวิญญาณอสูรเฟอเรทโกสพาวออกมา และเริ่มเปิดฉากโจมตีงูระดับเลือดศักดิ์สิทธิทันที   หานเซิ่นหลบขากรรไกของงูเลือดศักดิ์สิทธิ และโจมตีสวนกลับไปด้วยกรงเล็บ กรงเล็บปะทะกับเกล็ดสีเงินจนเกิดเสียงดัง ผิวหนังและเนื้อของงูหนาอย่างที่คาด แต่กระนั้นการโจมตีของหานเซิ่นก็ยังได้ผล มันสามารถฝากรอยแผล 3 รอยไว้บนตัวของงูเลือดศักดิ์สิทธิได้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นบาดแผลที่ร้ายแรงอะไร   คนอื่นๆที่หานเซิ่นพามาด้วยก็เข้ามาช่วยสู้กับงูเลือดศักดิ์สิทธิเช่นกัน พวกเขารักษารูปขบวนเอาไว้ และเข้าโจมตีงูเลือดศักดิ์สิทธิแบบโอบล้อม   เนื่องจากข้างนอกไม่มีหิมะหนา ทำให้พวกงูระดับอื่นๆไม่สามารถต่อสู้กับกลุ่มคนที่หานเซิ่นพามาได้ แค่เวลาผ่านไปไม่นานพวกงูตัวอื่นๆก็ถูกฆ่าไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้พื้นบริเวณนี้ถูกย้อมด้วยเลือดสีแดง   ตอนนี้งูเลือดศักดิ์สิทธิกำลังเกรี้ยวกราดอย่างหนัก ดูจากความบ้าคลั่งของมันในตอนนี้ ทำให้พวกผู้ติดตามหรือหานเซิ่นเองก็ยังไม่กล้าสู้กับมันแบบตัวต่อตัว   มอนสเตอร์ที่ตัวใหญ่ปรกติจะเกิดมาพร้อมกับพละกำลังอันมหาศาลอยู่แล้ว แถมเกล็ดและหนังของมันยังแข็งและหนามาก ถึงหานเซิ่นและผู้ติดตามจะใช้วิญญาณอสูรกระหน่ำโจมตีมันอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่มีใครทำให้มันบาดเจ็บจริงๆจังๆได้ แต่การกระทำของพวกเขากลับทำให้งูโกรธมากขึ้นอีก   เมื่อเห็นว่างูตัวนี้ทรงพลังมากเหมือนกับปีศาจในเทพนิยาย หานเซิ่นก็รู้สึกว่ากรงเล็บของเขาไม่น่าจะทำอะไรมันได้ เพราะมันสั้นเกินกว่าที่จะเอามาใช้กับงูตัวใหญ่ๆแบบนี้ ถ้ามีอาวุธที่ยาวกกว่านี้ บางทีเขาก็น่าจะมีโอกาส   ตอนนี้หานเซิ่นต้องพึ่งพาคนอื่นๆที่เขาพามาด้วย ถ้าไม่ได้พวกเขา หานเซิ่นก็คิดว่าแทบไม่มีโอกาสที่เขาจะทำอะไรงูเลือดศักดิ์สิทธิได้เลย แถมยังต้องเจอกับงูตัวอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก   “สู้กันต่อไปก่อนเลย ฉันขอพักสักครู่” หานเซิ่นตะโกน ขณะที่เดินออกมาจากจุดที่พวกเขาต่อสู้กัน   หนึ่งในผู้ติดตามของหานเซิ่น หวังเหลี่ยงคิด ‘พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยนายสู้นะโว้ย ตอนนี้พวกเรากำลังสู้เสี่ยงชีวิต แล้วอยู่ๆนายก็เดินออกไปขอพักเนี่ยนะ?’   ขณะที่แอบบ่นหานเซิ่นในใจ อยู่ๆอาวุธวิญญาณอสูรที่เขาถืออยู่ก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟ นกฟินิกซ์สีแดงปรากฏตัวออกมา มันทะยานขึ้นจากตัวของหานเซิ่้น ในชั่วพริบตาเปลวเพลิงของมันก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณนี้   หวังเหลี่ยงสังเกตเห็นว่าอาวุธของเขาและเพื่อนๆมีพลังเพิ่มมากขึ้น “วิญญาณอสูรที่มีรัศมีทำงานกว้างใหญ่ขนาดนี้ ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นวิญญาณอสูรออร่าเลือดศักดิ์สิทธิของก็อตแซงชัวรี่เขต 2”   วิญญาณอสูรของทั้งทีมมีพลังเพิ่มขึ้นมาก ทำให้พวกเขาต่อสู้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แรงกดดันที่พวกเขาได้รับก่อนหน้านี้ดูจะเบาบางลงไป   หลังจากที่หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรนกทะเลทรายออกมา เขาก็ยืนดูการต่อสู้ของพวกผู้ติดตามต่อไป เขาจับตาดูการต่อสู้อย่างละเอียด   ในกลุ่มของพวกเขา 10 คน มี 7 คนใช้อาวุธระดับเลือดศักดิ์สิทธิ ส่วนอีก 3 คนใช้อาวุธหนักประเภทค้อนและขวานขนาดใหญ่   แม้อาวุธของพวกเขาจะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แต่เกล็ดของงูก็แข็งมาก พวกเขายังไม่สามารถทำให้มันบาดเจ็บหนักๆได้   “มันก็แค่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ ไม่มีทางไร้เทียมทาน มันจะต้องมีจุดอ่อนอยู่ตรงไหนสักแห่งแน่” หานเซิ่นจับตาดูการเคลื่อนไหวของมันอย่างละเอียด   แต่จุดอ่อนของมันก็ยังไม่ปรากฏออกมาเลย เกล็ดแข็งๆของมันสามารถรับการโจมตีจากผู้วิวัฒนาการทั้ง 10 ได้ ด้วยพลังป้องกันระดับนั้น มันไม่จำเป็นจะต้องเคลื่อนไหวหลบอะไรเลย มันสามารถยืนรับการโจมตีได้สบายๆ   ปัง! ผู้วิวัฒนาการคนหนึ่งไม่สามารถหลบได้ทัน เขาถูกหางของงูฟาดเต็มๆ ทำให้เขาถูกส่งลอยกระเด็นไปไกลถึง 10 เมตร มีเลือดไหลออกมาจากปาก แต่อาการบาดเจ็บก็ยังไม่ถึงตาย ไม่นานเขาก็ลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง   หานเซิ่นเข้าไปเติมตรงตำแหน่งของคนที่ได้รับบาดเจ็บ “หัวหน้า! เกล็ดของมันแข็งมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะฆ่ามันได้! ทำไมพวกเราไม่ถอนก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี?” หวังเหลี่ยงตะโกน ขณะที่กำลังต่อสู้   หานเซิ่นเองก็มีความคิดแบบเดียวกัน ตอนนี้คนอื่นๆเริ่มล่าถอยออกมา ดูเหมือนงูเลือดศักดิ์สิทธิจะยังไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรที่ดูรุนแรงเลย ความหวังที่พวกเขาจะชนะแทบไม่มีเลย   การกลัวหรือการสิ้นหวังในสนามรบนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าเราอ่อนล้า หรือได้รับบาดเจ็บในสนามรบ แต่ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายอีกก็ได้รับความเสียหายพอๆกับเรา มันก็พอจะเห็นโอกาสที่จะชนะ แต่ทว่าตอนนี้งูเลือดศักดิ์สิทธิดูจะไม่ได้รับความเสียหายเลย ทำให้ความหวังของพวกเขาหมดลง   หานเซิ่นไม่ตอบสนองพวกเขา เขายังคงสู้กับงูเลือดศักดิ์สิทธิต่อไป ขณะเดียวกันเขาก็จับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของมัน   เขาต้องรอคอยโอกาส ถ้าเขารอนานมากพอ พิษจากกรงเล็บก็น่าจะออกฤทธิ์ แต่ดูจากตอนนี้ท่าทางของงูยังไม่เปลี่ยนไปเลย ดูเหมือนพิษจะใช้ไม่ได้ผล นี่เป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่หานเซิ่นเคยเห็น   ‘เนื้อและกระดูกของมันแข็งมาก ถึงเราจะใช้พลังหยิน มันก็อาจจะไม่ได้ผล บางทีเราอาจจะต้องใช้พลังหยินไปที่หัวของมัน เพื่อเล่นงานสมองของมันโดยตรง’ หานเซิ่นคิด   ถ้าเขาพยายามจะโจมตีที่หัวของงูจริงๆ นี่จะเป็นการโจมตีที่เสี่ยงมากๆ ถ้าผิดพลาดแค่นิดเดียวอาจจะถูกมันกัดได้ ขากรรไขของงูตัวนี้ทรงพลังมาก ถ้าโดนมันกัดสักครั้งก็น่าจะรอดยาก ยังไม่รวมถึงพิษที่ทำให้เป็นอัมพาต   ปัง! ผู้วิวัฒนาการถูกส่งกระเด็นไปอีกคน มันเป็นการฟาดหางที่ทรงพลังจริงๆ ถึงจะใช้อาวุธเลือดศักดิสิทธิป้องกันแล้วก็ตาม แต่ดาบที่เขาเอามาป้องกันก็ถึงกับงอไปเลย   “หัวหน้า เราต้องถอยก่อน! พวกเราฆ่ามอนสเตอร์ตัวนี้ไม่ได้” มีเสียงหนึ่งในพวกเขาตะโกนขึ้นมา   หานเซิ่นตอบ “สู้ต่อไปเรื่อยๆ! ใครที่ขัดคำสั่งก็อย่าเสนอหน้ากลับมาที่เมืองอีก”   “หวังเหลี่ยงเคลื่อนไปที่ไปทางซ้าย 3 เมตรและโจมตีจากทิศทางนั้น! จ้าวเฉียงเคลื่อนที่ไปด้านขวาอีก 2 เมตร และเข้าไปโจมตีจากด้านขวา” หานเซิ่นสั่งการ   หวังเหลี่ยงไม่มีทางเลือกอื่น เขาจำต้องทำตามคำสั่งของหาเซิ่น พวกเขา 2 คนทำตามที่หานเซิ่นสั่งโดยหวังว่าหัวหน้าของเขาอาจจะทำสำเร็จ   รูปขบวนการต่อสู้ของพวกเขาเป็นผลมาจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก ซึ่งมันสมบูรณ์แบบสำหรับพวกเขา พวกเขาไม่คิดว่าถูกสั่งให้เปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ ในความคิดของพวกเขาไม่ว่าหานเซิ่นจะฉลาดขนาดไหน พวกเขาก็ไม่คิดว่าหานเซิ่นจะสามารถจัดรูปแบบการต่อสู้ให้ดีกว่าที่พวกเขาฝึกซ้อมกันมา   แต่หานเซิ่นคิดต่างออกไป มุมมองของเขา คนพวกนี้ก็เหมือนกับตัวหมากบนกระดานหมากรุก ด้วยพรสวรรค์พรของหานเซิ่น บวกกับที่เขาฝึกศาสตร์ตงเสวียน เขาจึงสามารถสั่งการทุกคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ   ในตอนที่หานเซิ่นออกไปยืนดูการต่อสู้ เขาไม่ได้แค่สังเกตจุดอ่อนของงูเลือดศักดิ์สิทธิเท่านั้น แต่เขายังสังเกตความสามารถและทักษะของแต่ละคนในทีมด้วย   ในตอนแรก หวังเหลี่ยงตั้งจำใจฟังคำสั่งหานเซิ่น แต่ไม่นานความคิดของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับคนอื่นๆในทีม ตอนนี้ตำแหน่งการยืนใหม่ของพวกเขา ทำให้พวกเขาต่อสู้ได้ง่ายขึ้นมาก พวกเขารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น และตอนนี้ก็ไม่มีใครถูกงูฟาดใส่อีกเลย   พวกเขาเริ่มชื่นชมหานเซิ่น พวกเขาเองเคยเป็นทหารมากก่อน พวกเขาคุ้นเคยกับคำสั่งแบบนี้ดี เมื่อเห็นผลลัพธ์เช่นนี้ พวกเขาก็รู้ดีว่าหานเซิ่นมีพรสวรรค์มากแค่ไหน พวกเขายังไม่เคยเจอคนที่สั่งการได้ดีขนาดนี้มาก่อน หานเซิ่นสั่งการได้อย่างสงบเยือกเย็นมาก มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ  

Super God Gene – ตอนที่ 562 อสรพิษเนตรเงิน
Super God Gene – ตอนที่ 562 อสรพิษเนตรเงิน

  ตอนนี้จิ้งจอกสีเงินกำลังใช้หางอันสง่างามของมันลูบขาของหานเซิ่น แต่หานเซิ่นก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าจิ้งจอกตัวนี้ไม่ได้ต้องการจะทำร้ายเขาจริงๆ ดังนั้นเขาจึงลองอุ้มมันขึ้นมา จิ้งจอกสีเงินไม่ได้ขัดขืนเลย มันยอมไปอยู่ในอ้อมแขนของหานเซิ่น หลังจากที่เขากอดมัน จิ้งจอกก็กวัดแกว่งหางอย่างมีความสุข   “จิ้งจอกสีเงินตัวนี้แปลกมาก สงสัยจริงๆว่ามันมาจากที่ไหนกันแน่?” หานเซิ่นอุ้มจิ้งจอกสีเงินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย   แม้ในก็อตแซงชัวรี่จะมีมนุษย์ที่พยายามจะเอามอนสเตอร์มาเลี้ยงจริงๆ แต่โดยปรกติแล้ว พวกเขามักจะเอามันใส่กรงมากกว่า เนื่องจากมันเป็นการฝืนมอนสเตอร์ บางครั้งคนเลี้ยงอาจจะมีจุดจบด้วยการตกเป็นอาหารของมัน   มอนสเตอร์เองก็มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันไป ซึ่งมอนสเตอร์ส่วนมากมักจะต้องการเข้ามาฆ่ามนุษย์ ถ้าพวกมันเห็น แต่ก็มีมอนสเตอร์บางตัวที่ไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ ส่วนมอนสเตอร์ที่เป็นมิตรนั้นยังเคยไม่มีเลย   จิ้งจอกตัวนี้ตรงกันข้ามกับทุกอย่างที่หานเซิ่นเรียนรู้มา มันไม่ได้ดูป่าเถื่อนหรือดุร้ายเหมือนกับมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ ถ้าเขาไม่ได้เห็นมันเกือบจะฆ่าอีตงมู่กับตา เขาก็ไม่อยากที่จะเชื่อว่ามอนสเตอร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด   แต่ตอนนี้มันก็เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับหานเซิ่นแล้ว แม้ตอนนี้มันจะดูสงบและเชื่องมาก แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ถ้าเขาเอามันกลับไปด้วยแล้วอยู่ๆมันดุร้ายขึ้นมา มันก็คือหายนะของเขา   ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ตอนนี้คงไม่มีใครสามารถต้านทานพลังของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตอนโกรธได้ หานเซิ่นเคยเห็นพลังของม้าน้ำมากับตาตัวเองแล้ว มันเผาเมืองใต้ทะเลจนเหลือเพียงเถ้าถ่าน ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกกลัว   “เราจะเอามันกลับไปไม่ได้ ยังไงเราก็จะไม่เอามันกลับไป” หานเซิ่นกำลังจ้องมองจิ้งจอกสีเงินที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่เขาต้องหักห้ามใจไว้ แม้เขาจะรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องทำแบบนี้ แต่เขาก็ตัดสินใจวางมันลงบนพื้น   “จิ้งจอกน้อย ไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการพานายกลับไปด้วยหรอกนะ จริงๆใจฉันก็อยากจะพานายกลับไป.. แต่มันเสี่ยงเกินไป ถ้าฉันพานายไปด้วยจริงๆ ถ้าคนอื่นๆเห็นนายเข้ามันจะเกิดปัญหาเอาได้ นายกลับบ้านของนายไปดีกว่า” หานเซิ่นพูดกับจิ้งจอกสีเงิน จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินจากไป   แต่จิ้งจอกสีเงินไม่ได้ฟังเขา มันยังคงเดินตามหานเซิ่น ถ้าหานเซิ่นเดิน 1 ก้าว มันก็จะเดิน 1 ก้าว ถ้าเขาหยุดมันก็จะหยุดด้วย หานเซิ่นต้องการที่จะไล่มันกลับไป แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่น่ารักของมัน มันก็ทำให้เขาใจละลาย   หานเซิ่นไม่กล้าที่จะใช้กำลัง ยังไงจิ้งจอกสีเงินตัวนี้ก็แข็งแกร่งกว่าเขามาก เขากลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา ถ้าเขาทำรุนแรงกับมัน มีโอกาสสูงมากที่หานเซิ่นจะถูกมันฆ่า ที่สำคัญจิ้งจอกตัวนี้ดูน่ารักมากเกินกว่าที่หานเซิ่นจะตัดใจทิ้งมันได้   หลังจากที่หานเซิ่นเห็นว่ายังไงมันก็จะไม่ยอมเลิกตามเขาแน่ๆ หานเซิ่นเลยตัดสินใจอุ้มมันขึ้นมาอีกครั้ง มันคล้ายๆกับลูกแมวน้อย มันพยายามใช้มือของมันลูบหน้าอกของหานเซิ่น มันดูน่ารักจริงๆ   “ก็ได้ ฉันจะพานายไปที่ปราสาทคริสตัล ถ้ามีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น อย่างน้อยนายก็จะได้ไม่ไปทำร้ายคนอื่น” หานเซิ่นเรียกปีกของเขาออกมา จากนั้นเขาก็บินขึ้นไป พร้อมกับจิ้งจอกสีเงินในอ้อมแขนของเขา   หานเซิ่นต้องการจะซ่อนจิ้งจอกตัวนี้ก่อนที่คนอื่นๆจะมาเห็นมัน เพราะถ้าพวกเขาเห็นมันเข้าก็อาจจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีก   “เราอาจจะต้องทิ้งพวกเขาไว้ที่นั้นก่อน ยังไงจุดนั้นก็ไม่มีอันตราย ถึงจะต้องรอนานหน่อยก็คงไม่เป็นไร” หานเซิ่นกอดจิ้งจอกไว้แน่น ตอนนี้เขากำลังบินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ   หานเซิ่นเตรียมที่จะบินไปยังทะเลทรายน้ำแข็ง แต่อยู่ๆเขาก็เห็นงูหลายตัวกระโดดขึ้นมาจากหิมะภายในหุบเขา มันแปลกมาก เพราะพื้นที่ตรงนั้นก่อนหน้านี้ยังดูว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่เลย ในบรรดางูพวกนั้นมีงูที่ตัวใหญ่เป็นพิเศษอยู่ ทั้งตัวของมันเต็มไปด้วยเกล็ดสีเงินที่เปล่งประกายท่ามกลางหิมะ มันมีความยาวกว่า 100 เมตร ซึ่งดูน่ากลัวมาก   “อสรพิษเนตรเงินเลือดศักดิ์สิทธิ?” หานเซิ่นช็อค ตอนที่เขาเข้ามาในหุบเขา เขายังไม่เห็นมันเลย แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่ามันโผล่มาจากไหน   หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขากลับไปในหุบเขาหิมะ แต่เมื่อเขากลับไปถึงข้างล่าง เขาก็เห็นว่าพวกอสรพิษเนตรเงินกลับเข้าในใต้หิมะอีกครั้ง   “มันต้องเป็นเพราะนายแน่ๆเลย” หานเซิ่นมองจิ้งจอกสีเงิน ตอนนี้พวกงูมุดหายไปใต้หิมะหมดแล้ว แม้แต่ตัวที่เป็นระดับเลือดศักดิ์สิทธิก็ไม่ยอมโผล่ขึ้นมา   ตอนนี้จิ้งจอกสีเงินยังนอนอยู่ในแขนของหานเซิ่น มันแกล้งทำเป็นหลับ หานเซิ่นไม่แน่ใจว่ามันเข้าใจสิ่งที่เขาพูดรึเปล่า หรือมันแค่ไม่สนใจ   หานเซิ่นตัดสินใจบินขึ้นมาอีกครั้ง และวางจิ้งจอกสีเงินลงบนยอดเขาหิมะ จากนั้นเขาก็เห็นว่าพวกงูมันโผล่ขึ้นมาบนพื้นอีกครั้ง   “นานรอฉันอยู่ตรงนี้นะ โอเคไหม?” หานเซิ่นบอกจิ้งจอกสีเงิน จากนั้นเขาก็บินกลับไปที่หุบเขา   ครั้งนี้จิ้งจอกสีเงินไม่ได้ตามหานเซิ่นไป มันยืนอยู่บนยอดเขาหิมะและจ้องมองหานเซิ่นที่ลงไปในหุบเขา   อสรพิษเนตรเงินจ้องมองหานเซิ่นด้วยตาสีเงินของมัน จากนั้นมันก็กางปีกออก และพุ่งเข้าไปใส่หานเซิ่น   “ไม่ผิดแน่ พวกมันคงจะหลบซ่อนตัวจากจิ้งจอกสีเงิน” หานเซิ่นเก็บปีกวิญญาณอสูรของเขา จากนั้นเขาก็ใช้เหยียบเมฆาวิ่งไปตามพื้นหิมะ ตอนนี้หานเซิ่นตัดสินใจทำตามแผนเดิม เขาพยายามล่อมันออกไปที่ทางเข้าหุบเขา   การเจอกับมอนสเตอร์ตัวใหญ่ขนาดนี้ หานเซิ่นยังไม่มั่นใจนักถ้าต้องสู้คนเดียว ยังไม่ต้องพูดถึงถ้ามีงูตัวอื่นๆปรากฏตัวออกมาอีก เขาคงรับมือไม่ไหวแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องทำตามแผนเดิม   ไม่ว่าพวกที่หานเซิ่นพามาจะมีฝีมือระดับไหน แต่ยังไงพวกเขาก็คงจะสามารถช่วยรับมือพวกงูระดับอื่นๆได้อย่างแน่นอน ถึงมันจะดูเป็นการต่อสู้ที่เสี่ยงมาก แต่ถ้าเขาล่อมันออกไปหน้าหุบเขาได้ พวกงูจะซ่อนตัวได้ยากขึ้น เนื่องจากบริเวณนั้นไม่ค่อยมีหิมะหนาเหมือนกับในหุบเขา   อสรพิษเนตรเงินเลือดศักดิ์สิทธิไล่ตามหานเซิ่นมาอย่างรวดเร็ว มันแข็งแกร่งกว่าที่หานเซิ่นคาดไว้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามอนสเตอร์ที่ตัวใหญ่และทรงพลังแบบนี้จะกลัวจิ้งจอกสีเงินตัวเล็กๆแค่นั้น   หานเซิ่นวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดตลอดเวลา เพื่อที่หลบการกัดของอสรพิษเนตรเงิน เขาต้องวิ่งซิกแซกไปตลอดทาง ไม่นานนักหานเซิ่นก็มาถึงทางเข้าหุบเขาจนได้   พวกคนที่หานเซิ่นพามาด้วยกำลังรออย่างวิตกกังวล “เขาเข้าไปข้างในนานมากแล้วนะ ฉันพนันได้เลยว่าเขาถูกงูตัวหัวหน้าฆ่าไปแล้ว” “ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ทำไมพวกเราถึงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นี่มันเงียบสนิทเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น?” “ฉันคิดว่าเขาอาจจะไม่ได้ยินงูเลือดศักดิ์สิทธิด้วยซ้ำ เท่าที่ดูเขาน่าจะทำได้แค่วิ่งอย่างเดียว การวิ่งเข้าไปแบบนั้นคงจะต้องถูกงูตัวอื่นๆตามติดเป็นพันๆแน่ เขาอาจจะตายโดยที่ยังไม่ได้เห็นงูเลือดศักดิ์สิทธิด้วยซ้ำ” “แล้วพวกเราควรทำยังไงต่อไปดี? พวกเราควรจะรอเขาต่อไปไหม?” “พวกเรารอต่อไปอีกหน่อยน่าจะดีกว่า ถ้าพวกเราไปตอนนี้แล้วถ้าเขากลับมาได้จริงๆ พวกเราจะอธิบายยังไง” “แต่เขาเข้าไปนานมากแล้วนะ ไม่มีทางที่เขาจะกลับมาอยู่แล้ว” “รอต่อไปอีกนิดเหอะน่า ยังไงพวกเราก็รอมาตั้งนานแล้ว แค่รออีกนิดจะเป็นอะไรไป? ยังไงนี่มันก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว ถ้าพรุ่งนี้เช้าเขายังไม่กลับมา พวกเราก็ไปกันได้เลย” ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน อยู่ๆก็มีสีดังมาจากในหุบเขา เมื่อพวกเขาหันมองไปทางหุบเขา พวกเขาก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น   พวกเขาเห็นหานซิ่นกำลังวิ่งออกมาจากหุบเขา ซึ่งด้านหลังเขามีฝูงงูจำนวนมากกำลังบินตามเขามาเหมือนกับคลื่นทะเล และในบรรดาพวกมันมีงูตัวใหญ่ที่ดูเหมือนกับมังกรกำลังไล่ตามหานเซิ่นมาอย่างบ้าคลั่ง  

Super God Gene – ตอนที่ 561 จิ้งจอกสีเงิน
Super God Gene – ตอนที่ 561 จิ้งจอกสีเงิน

  สีหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นจิ้งจอกสีเงินตามมา ดูเหมือนมันจะเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มันอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ 5 เมตรเท่านั้น หานเซิ่นตัดสินใจภายในเสี้ยววินาที เขาเรียกปีกเลือดศักดิ์สิทธิออกมาและบินหนีไป   แต่ทว่าจิ้งจอกสีเงินกับยืนมองหานเซิ่นด้วยตาสีแดงเพลิงของมัน   หัวใจของหานเซิ่นแทบจะหยุดเต้น เขาขยับถอยหลังทันที ตอนนี้เขาออกห่างจากอีตงมู่ “แกจะมองฉันเพื่ออะไร? คนที่โจมตีนายคือหมอนี่”   แต่กระนั้นจิ้งจอกสีเงินก็ไม่ได้มองอีตงมู่เลย สายตาของมันจับจ้องมาที่หานเซิ่นตลอด ซึ่งมันทำให้เขากลัว   หานเซิ่นลองเดินออกไปทางด้านซ้าย จิ้งจอกก็หันหน้าตามเขาตลอด หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น “รึว่ามอนสเตอร์ตัวนี้สายตามันจะไม่ดี มันเลยจำคนที่ทำร้ายมันผิด?”   อีตงมู่ที่นอนอยู่บนพื้น เมื่อเห็นว่าได้โอกาส เขาก็รีบเรียกปีกวิญญาณอสูรออกมา และบินหนีขึ้นฟ้าไปทันที   “ขอบคุณมาก ยังไงฉันก็ต้องตอบแทนนายแน่นอน” อีตงมู่พูด จากนั้นเขาก็บินหนีไปเลย   หานเซิ่นโกรธมาก “นายมันคนไม่รู้จักบุญคุณ ถ้าฉันไม่ช่วยนายไว้ นายคงโดนจิ้งจอกฆ่าไปตั้งนานแล้ว พอถึงตอนนี้นายคิดจะทิ้งฉันแล้วหนีเอาตัวรอดคนเดียวงั้นหรอ?”   อีตงมู่ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เขาบินขึ้นไปเหนือหุบเขา จากนั้นเขาก็บินหายลับตาหานเซิ่นไป   หานเซิ่นรู้ดีว่าอีตงมู่เจ็บหนัก ดังนั้นเขาจำเป็นต้องหนี ซึ่งหานเซิ่นก็ไม่ได้โกรธอะไรเขาจริงๆ   จิ้งจอกสีเงินยังคงจ้องมองหานเซิ่นต่อไป มันเอียงคอด้วยความสงสัย หานเซิ่นไม่รู้สึกว่าจิ้งจอกตัวนี้ก้าวร้าวหรือคิดจะเข้ามาฆ่าเขาเลย หานเซิ่นสัมผัสไม่ได้ถึงจิตสังหารของมัน ซึ่งปรกติแล้วพวกมอนสเตอร์จะไม่สามารถซ่อนจิตสังหารได้   แต่เมื่อจิ้งจอกเอาแต่จ้องมองเขาอย่างเดียว ทำให้หานเซิ่นรู้สึกไม่ค่อยดี เพราะเขาไม่รู้ว่ามันจะเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ ถ้าอยู่ๆมันโกรธขึ้นมา มันอาจจะตัดสินใจฆ่าเขาก็ได้   “โอเค ไอ้ตัวน้อย กระดูกของแกมันแข็งแกร่งจริงๆ และใบหน้าของแกก็ดูมีออร่ามาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโตขึ้นมาแกจะต้องเป็นมอนสเตอร์ที่ทรงพลังแน่ แต่ถ้าแกต้องการจะกิน ก็ไปกินเนื้อมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิหรืออะไรอย่างอื่นดีกว่า ไม่ใช่ฉัน เนื้อของฉันมันไม่มีคุณค่าทางอาหารหรอก” หานเซิ่นพยายามเกลี่ยกล่อมจิ้งจอกสีเงิน พร้อมกับขยับถอยหลังไปช้าๆ   แต่ทว่าทุกๆก้าวที่หานเซิ่นขยับถอยหลัง จิ้งจอกก็จะเดินหน้าตาม เมื่อหานเซิ่นขยับไปทางซ้าย มันก็จะขยับไปทางขวา ดูจากสายตาที่มันจ้องมองดูเหมือนมันจะจำเขาได้   “เฮ้ แกจะตามฉันทำไม?” หานเซิ่นกำลังสงสัยมากว่าจิ้งจอกมันต้องการอะไรกันแน่   แต่อยู่ๆหานเซิ่นก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา มันอาจจะเหมือนกับหมาหรือแมวที่ชอบเดินตามมนุษย์ก็ได้!   บ่อยครั้งที่มนุษย์ขวางสิ่งของหรือลูกบอล พวกมันก็จะวิ่งไปเก็บมา บางทีจิ้งจอกตัวนี้ก็อาจจะมีนิสัยเหมือนกับพวกหมาหรือแมวก็ได้   หานเซิ่นลองค้นกระเป๋าของเขาดู แต่เขาก็ไม่มีอะไรที่พอจะเหมือนกับลูกบอลเลย สิ่งที่เขาพอจะมีก็แค่ขวดที่มีขนาดเท่ากับกำปั้น แต่ว่าภายในมันมียาที่ราคาแพงอยู่ มันเป็นยาที่เขาไม่แม้แต่จะใช้รักษาอีตงมู่ แต่ในเมื่อเจอกับสถานการณ์เสี่ยงตายแบบนี้ หานเซิ่นก็ต้องกัดฟันและลองขว้างขวดออกไป   เหมือนที่เขาคิด จิ้งจอกสีเงินมองตามขวดที่ถูกขว้างออกไป และมันก็วิ่งไล่ตามไปทันที   หานเซิ่นรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เขาไม่ได้คิดว่ามันจะสำเร็จจริงๆ ด้วยเวลาที่เขาใช้ยาราคาแพงแลกมา เขาหันหลังและเริ่มวิ่งทันที หานเซิ่นไม่ต้องการจะไปยุ่งเกี่ยวกับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด หลังจากที่เขาเห็นสิ่งที่เกิดกับอีตงมู่แล้ว ทำให้เขาต้องระวังให้มาก   แต่ทว่าหานเซิ่นยังวิ่งไปได้ไม่ไกล เขาก็เห็นจิ้งจอกวิ่งตามมา ถึงเขาจะวิ่งไวที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว แต่จิ้งจอกสีเงินก็ยังสามารถไล่ตามเขาทันได้ ตอนนี้ในปากของจิ้งจอกสีเงินมีขวดที่หานเซิ่นเพิ่งจะขว้างไปอยู่   หานเซิ่นช็อค เมื่อเห็นความเร็วของจิ้งจอก ในชั่วอึดใจเขาก็รู้ว่าความเร็วของเขาตอนนี้ยังไม่พอที่จะสลัดการติดตามของมันได้ หานเซิ่นเริ่มคิดจริงจังเกี่ยวกับการเรียกปีกวิญญาณอสูรออกมา   แต่ไม่นานหานเซิ่นก็ต้องล้มเลิกความคิดนี้ไป เพราะจิ้งจอกสีเงินมันสามารถปีนขึ้นไปตามหน้าผาได้ และมันยังกระโดดได้สูงกว่า 10 เมตร ซึ่งมันรวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วในการบินของหานเซิ่น ถ้าเขาเรียกปีกออกมาจริงๆ เขาก็อาจจะทำให้จิ้งจอกตัวนี้โกรธก็ได้ เขาไม่อยากจะโดนเหมือนกับอีตงมู่   หานเซิ่นหยุดวิ่ง จิ้งจอกสีเงินเองก็หยุดด้วยเช่นกัน มันยืนอยู่ห่างจากเขาแค่ 1 เมตร จากนั้นมันก็เดินเข้ามา และวางขวดยาใกล้ๆเท้าของเขา   “ทำได้ดีมาก” หานเซิ่นพยายามฝืนยิ้มออกมา เขาต้องการจะลูบหัวเพื่อชื่นชมจิ้งจอกสีเงิน แต่เขายื่นมือไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง แขนของเขาก็แข็งทื่อไป   มอนสเตอร์ตัวนี้คือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด ถ้าเขายื่นมือออกไปสัมผัสกับหัวของมัน แล้วถ้ามันโกรธขึ้นมา แขนของเขาอาจจะหายไปเลยก็ได้   ตอนนี้จิ้งจอกเข้ามาใกล้ๆขาของหานเซิ่น และก็เริ่มเลีย   หานเซิ่นกลัวมาก เขาเกือบที่จะเตะจิ้งจอกสีเงิน แต่เขาก็ต้องยับยั้งตัวเองเอาไว้ก่อน เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าจิ้งจอกสีเงินมันเลียบริเวณที่เขาถูกอีตงมู่กัด   แม้เลือดของเขามันจะหยุดแล้วก็ตาม แต่แผลมันก็ยังคงอยู่ แต่หลังจากที่จิ้งจอกสีเงินเลีย มันก็มีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้น เขาเห็นเต็ม 2 ตาว่าบาดแผลมันหายไปอย่างน่าประหลาด   หานเซิ่นอึ้ง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจิ้งจอกสีเงินตัวนี้มันกำลังรักษาเขาอยู่   จิ้งจอกสีเงินขยับถอยหลังไป จากนั้นมันก็ยืนมองเขา พร้อมกับกระดิกหางของมัน ตอนนี้มันดูน่ารักมาก   หานเซิ่นสับสนมาก เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับจิ้งจอกสีเงินตัวนี้ดี เขาลองพยายามยื่นมือออกไปอีกครั้ง แต่เขาก็ยังกลัวอยู่ มือของเขาแข็งค้างอยู่ในอากาศ   แต่คราวนี้จิ้งจอกสีเงินที่เดินเข้ามาหาเขา และก็เอาหัวของมันไปอยู่ตรงมือของหานเซิ่นเอง มันหลับตาและก็เอาหัวของมันทูกับมือของหานเซิ่นอย่างมีความสุข   “หรือว่ามันจะมีนิสัยเหมือนกับสัตว์จริงๆ?” หานเซิ่นยังไม่ค่อยแน่ใจ หานเซิ่นลูบหัวของมัน   จิ้งจอกตัวนี้มันดูเหมือนกับสาวน้อย ตอนนี้มันดูน่ารักมาก ทำให้หานเซิ่นอยากจะกอดมัน   ‘ไม่ จิ้งจอกตัวนี้คงกำลังใช้ลูกไม้กับเราแน่ มันพยายามหลอกล่อให้เรากอดมันงั้นหรอ? บางทีมันอาจจะต้องการให้เราลดความระมัดระวังลง!’ หานเซิ่นบอกกับตัวเอง ยังไงนี่ก็เป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด เขาไม่กล้าที่จะประมาท   หลังจากที่เขาลูบหัวจิ้งจอกสีเงินอยู่สักพัก มันก็เดินมาอยู่ข้างๆขาของหานเซิ่น ท่าทางของมันดูเหมือนกับมันต้องการความรักจากหานเซิ่นจริงๆ     Facebook Page : SSG ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 1620 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 560 ไข่แตกออก
Super God Gene – ตอนที่ 560 ไข่แตกออก

  หานเซิ่นและอีตงมู่ขยับถอยหลังออกมา 3-4 ก้าว ขณะที่กำลังมองไปที่ไข่สีเงินอย่างใจจดใจจอ ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน พวกเขาพร้อมที่จะหนีได้ตลอดเวลา เพราะไข่มีไฟฟ้ารุนแรงขนาดนี้ มันต้องไม่ธรรมดาแน่   ถ้ามอนสเตอร์ที่อยู่ในไข่ออกมาได้ พวกเขาสงสัยว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน   เกิดเสียงปริแตกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เปลือกไข่เริ่มแตกออกมาเยอะแล้ว ภายในไข่มีหัวของมอนสเตอร์ที่มีขนปุกปุยสีเงินโผล่ออกมา มันโผล่หัวออกมาจากไข่ในสภาพที่ตามันเปิดครึ่งหนึ่ง   “มันไม่ใช่งูงั้นหรอ?” ทั้งหานเซิ่นและอีตงมู่ต่างก็ช้อค พวกเขาคิดว่ามันน่าจะเป็นไข่ของงู แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด มอนสเตอร์ที่กำลังออกมาจากไข่มีขนยาวสีเงิน หูของมันแหลม ดูยังไงมันก็คือหมาจิ้งจอกตัวน้อย   ในที่สุดเจ้าตัวน้อยก็ออกมาจากไข่ได้แล้ว ถึงมันจะเพิ่งฝักออกมา แต่ขนาดของมันก็เท่ากับแรคคูนตัวเต็มวัย ขนของมันเป็นเงาดูสละสลวยมาก และหางที่สง่างามของมันก็กำลังกวัดแกว่งอยู่ข้างหลังมัน ดูจากท่าทางของมัน ถ้ามันโตขึ้นมาคงจะเป็นมอนสเตอร์ที่ดุร้ายหรือเป็นนักล่าขนานแท้แน่   ตุบ! หลังจากที่มันออกมาจากไข่ ดูเหมือนมันจะยังยืนได้ไม่แข็ง มันล้มลงบนพื้น ดูเหมือนมันอาจจะเจ็บ เพราะมันส่งเสียงร้องออกมาถึง 2 ครั้ง   “ทำไมสิ่งมีชีวิตแบบนี้ถึงได้มาอยู่ในหุบเขาที่มีแต่งูแบบนี้ได้? แล้วฉันก็ยังไม่เคยเห็นหมาจิ้งจอกที่เกิดมาจากไข่มาก่อน” หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจ   ขณะที่อีตงมู่เริ่มจะเคลื่อนไหวแล้ว มีดในมือของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายลม เขาพุ่งเข้าไปหาจิ้งจอกน้อยที่เพิ่งเกิดขึ้นมา อีตงมู่คิดจะฆ่าลูกจิ้งจอกที่เพิ่งเกิดขึ้นมา   แต่หานเซิ่นกลับขยับถอยหลังออกมาแทน ฉากแบบนี้เขารู้สึกคุ้นๆ ในตอนที่โกลเด้นโกรวเลอร์เพิ่งเกิด เขาก็เคยทำแบบอีตงมู่มาก่อน   อีตงมู่เป็นมือสังหารที่มีพรสวรรค์สูงมาก การโจมตีของเขายากจะคาดเดา ปลายมีดของเขาแทงเข้าไปที่เปลือกตาของจิ้งจอก แต่มีดของเขาก็หยุดอยู่อย่างนั้น พร้อมกับมีเสียงเหมือนกับโลหะกระทบกัน   จิ้งจอกส่งเสียงขู่ออกมา แต่อีตงมู่ก็ยังไม่หยุด เขาพยายามจะดันมีดเข้าไปด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี แต่ก่อนที่เขาจะได้ใส่พลังเข้าไปก็มีกระแสไฟฟ้าพุ่งเข้ามาที่มือของเขาผ่านทางมีด   ตุบ! จิ้งจอกล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง ขณะที่อีตงมู่กระเด็นไป พลังของจิ้งจอกรุนแรงมาก แม้แต่ชุดเกราะของเขาก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว   ครั้งนี้ดูเหมือนอีตงมู่จะเจ็บหนักจริงๆ หลังจากที่ตกถึงพื้น อีตงมู่ก็นอนนิ่งไปเลย จนหานเซิ่นเกือบจะคิดว่าเขาตายไปแล้วจริงๆ   ‘นี่มันคือ…ลูกของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด!’ หานเซิ่นรู้สึกเสียวสันหลัง เขามั่นใจมากว่านี่ไม่ใช่แค่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิแน่ เขารู้ดีว่าอีตงมู่แข็งแกร่งขนาดไหน และพลังในการแทงมีดลงไปของเขาก็ไม่ธรรมดา แต่มันกลับทำอะไรมอนสเตอร์ที่เพิ่งเกิดตัวนี้ไม่ได้เลย   ในตอนที่หานเซิ่นเคยสู้กับลูกโกลเด้นโกรวเลอร์ สถานการณ์มันก็ประมาณนี้ แต่ยังโชคดีที่มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับเขต 2 เขาเลยไม่ได้เจ็บหนักเหมือนกับอีตงมู่ตอนนี้   จิ้งจอกน้อยขนสีเงินดูเหมือนจะเริ่มโกรธแล้ว หลังจากที่มันยืนขึ้นมาได้ มันก็รีบวิ่งเข้าไปหาอีตงมู่ทันที เหมือนว่ามันต้องการเอาคืนที่โดนก่อนหน้านี้   หานเซิ่นรีบวิ่งเข้าไปหาอีตงมู่ที่บาดเจ็บหนักทันที เขาพยายามดึงอีตงมู่ออกไป อีตงมู่คือคนที่ยังมีประโยชน์ต่อเขาอยู่ แถมเขาเป็นคนที่ไม่เรื่องมากเรื่องการต่อลอง ถ้าเขามาตายที่นี่ หานเซิ่นก็คิดว่ามันน่าเสียดายมาก   หานเซิ่นรีบแบกอีตงมู่หนีออกไปข้างนอก จิ้งจอกสีเงินพยายามจะไล่ตามพวกเขา แต่มันเพิ่งจะเกิดขึ้นมา ทำให้มันยังอ่อนแอและควบคุมตัวเองได้ไม่ดีนัก หลังจากวิ่งได้ไม่กี่ก้าวมันก็ล้มลงอีกครั้ง ยากมากที่มันจะไล่ตามความเร็วของหานเซิ่นทัน   หานเซิ่นไม่กล้าที่จะไปยุ่งกับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด เขาแค่แบกอีตงมู่ไปที่ทางออก เขาไม่คิดที่จะเป็นไปศัตรูกับจิ้งจอกสีเงิน   หานเซิ่นรู้สึกว่าจิ้งจอกตัวนี้มันเกิดมาแปลกๆ โดยปรกติสิ่งมีชีวิตแบบนี้มักจะเกิดมาจากท้องแม่ แต่จิ้งจอกตอนนี้เกิดมาจากไข่ ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกสงสัยออยู่   แต่เหมือนกับว่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดทุกตัวอาจจะเกิดมาจากไข่ แต่มันแปลกที่โกลเด้นโกรวเลอร์ตัวน้อยเกิดมาจากท้องแม่ ซึ่งโกลเด้นโกรวเลอร์อาจจะเป็นข้อยกเว้น มันคงเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดที่พิเศษ แถมมันยังเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวเดียวที่ให้เนื้อหลังจากที่ฆ่าได้ ซึ่งหลังจากที่โฮลี่แองเจิลกินมันเข้าไป เธอก็เปลี่ยนร่างทันที แต่นี่ยังเป็นแค่สมมุติฐานของหานเซิ่น ข้อมูลเกี่ยวกับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดยังมีน้อยเกินไป   หานเซิ่นคิดว่าน่าจะสลัดการติดตามของจิ้งจอกสีเงินได้ง่ายๆ หลังจากที่ออกมานอกถ้ำได้ เขาก็แบกอีตงมู่ต่อไปอีก 10 ไมล์ เขามองดูรอบๆและคิดว่าที่นี่เหมาะจะหยุดดูอาการของอีตงมู่ก่อน   ดูเหมือนอาการของเขาจะสาหัสทีเดียว ผิวหนังของเขาไหม้ และมีบางจุดที่ฉีกขาด โชคยังดีที่เขาสวมชุดเกราะ ไม่ังั้นเขาน่าจะตายไปแล้ว   “ฉันเป็นคนดีจริงๆ ฉันช่วยชีวิตนายไว้และก็ยังพานายมาถึงที่นี่ได้ หวังว่าหนี้ครั้งนี้นายจะใช้คืนให้ฉันในอนาคต” หานเซิ่นเอายาที่เขาพกมาด้วยออกมา และใช้มันทำแผลเบื้องต้นให้อีตงมู่ “มันน่าเสียดายมากนะที่ฉันต้องใช้ยากับนาย ถ้านายหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะส่งใบเสร็จไปให้นายถึงบ้านเลย”   “อ้ากก!” อีตงมู่กรีดร้องออกมาด้วยความทรมาน แม้ยาของหานเซิ่นจะมีประสิทธิภาพสูง แต่มันก็ทำให้เจ็บปวดมาก   “หยุดร้องสักที! ลูกผู้ชายเขาไม่ร้องกันแบบนี้หรอก ถ้าแค่นี้ยังทนไม่ได้แล้วต่อไปในอนาคตนายจะทนอะไรได้?” หานเซิ่นพูดหลังจากเห็นอีตงมู่เอาแต่กรีดร้อง   “นายไม่คิดจะใช้ยาชาสักหน่อยหรอ? ก่อนที่นายจะเทยาลงมาบนแผลฉันเนี่ย ทำไมนายไม่ลองดูบ้างล่ะ? ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านายจะร้องไหม” อีตงมู่หน้าซีดด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้ทั้งแขนและขาของเขาสั่นไปหมด   “โทษที แต่ฉันไม่ได้เอายาชามาด้วย นี่เป็นทั้งหมดที่ฉันมีแล้ว นายอย่าคาดหวังเยอะ อย่างน้อยนายก็ไม่ถึงตาย” หานเซิ่นใส่ยาลงไปในแผลของอีตงมู่เพิ่มอีกหน่อย   “อ้ากก!” อีตงมู่กรีดร้องอีกครั้ง เขาคว้าขาของหานเซิ่นและก็กัดมัน   “อ้ากก!” หานเซิ่นกรีดร้องขึ้นมาบ้าง   “ปล่อยฉัน! นายเป็นฉลามรึไงวะ!? รีบปล่อยเร็วเข้า!” หานเซิ่นง้างปากของอีตงมู่เพื่อเอาขาของเขาออกมา เนื่องจากอีตงมู่เจ็บปวดทรมานมาก เขากลัวว่าอาจจะกัดลิ้นตัวเอง ทำให้เขาต้องหาอะไรก็ตามที่อยู่ใกล้ๆกัดไว้ ซึ่งมันก็ไปลงเอ่ยที่ขาของหานเซิ่น   หานเซิ่นกรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาตบหัวของอีตงมู่ไปหลายครั้ง ในที่สุดอีตงมู่ก็ยอมปล่อย หลังจากนั้นอีตงมู่ก็กลิ้งไปตามพื้นน้ำแข็ง เหมือนว่าเขาจะหมดพลังงานแล้ว ตอนนี้เขากำลังนอนหายใจพะงาบๆอยู่บนพื้น   เมื่อหานเซิ่นดูที่ขาของตัวเอง เขาก็เห็นมีเลือดไหลออกมาจากรอยฟัน ขณะที่เขากำลังจะตะโกนด่าอีตงมู่ เขาก็เห็นว่ามีบางอย่างกำลังตรงเข้ามาทางที่พวกเขาอยู่ ซึ่งมันก็คือลูกจิ้งจอกสีเงิน  

Super God Gene – ตอนที่ 559 ไข่กระแสไฟฟ้า
Super God Gene – ตอนที่ 559 ไข่กระแสไฟฟ้า

  ถ้ำน้ำแข็งนี้ไม่ได้ลึกมากนัก หลังจากเดินเข้ามาได้ 3-4 ไมล์ เขาก็มาถึงส่วนปลายของถ้ำแล้ว ตอนนี้ทางเดินเริ่มแคบลง ตั้งแต่เดินเข้ามาหานเซิ่นยังไม่เจออันตรายอะไรเลย   หลังจากเดินผ่านทางเดินแคบๆมา เขาก็มาถึงโถงถ้ำ หานเซิ่นสังเกตเห็นไข่ที่มีความสูงประมาณครึ่งตัวของมนุษย์ มันมีเงินสีเหมือนกับโลหะ และเปลือกไข่ก็มีลวดลายสีดำแปลกๆ   ในที่สุดหานเซิ่นก็ยิ้มออกเมื่อเขาเห็นมัน เขาเดินตรงเข้าไปหาไข่และก็พูด “ฮาฮา! ดูเหมือนพระเจ้าคงจะต้องชอบเรามากแน่ๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมาพบไข่ ซึ่งมันน่าจะเป็นของอสรพิษเนตรเงิน”   หานเซิ่นรู้ว่ามันยากมากที่มอนสเตอร์จะให้กำเนิดลูก แม้แต่โกลเด้นโกรวเลอร์ก็ยังอ่อนล้ามาก หลังจากที่มันให้กำเนิดลูก และที่สำคัญถึงจะเป็นแค่มอนสเตอร์ตัวอ่อนหรืออยู่ในไข่ก็ตาม แต่มันก็ให้จีโนพ้อยเหมือนกับตัวเต็มวัยทุกประการ   หานเซิ่นคิดว่าแม่ของมันน่าจะอยู่แถวนี้ หรือถ้ามันตายเหมือนโกลเด้นโกรวเลอร์ก็น่าจะต้องมีซากของมันอยู่   ถ้ำนี้มองเห็นข้างในได้ค่อนข้างชัด แต่หานเซิ่นก็ยังไม่เห็นอสรพิษเนตรเงินเลย แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ต้องสนใจไข่ที่อยู่ตรงหน้าก่อน นี่เป็นโอกาสทองของเขา เขาไม่ลังเลที่จะเอามือไปสัมผัสกับไข่สีเงิน   “อ้ากกกกก!” อยู่ๆหานเซิ่นก็ชักกระตุก ตอนนี้มีกระแสไฟฟ้าไหลเข้ามาในร่างกายของเขา ขนทุกเส้นบนร่างกายของเขาลุกขึ้น เขารีบถอยออกมาอย่างรวดเร็ว จนตัวเขาเกือบจะล้มลงไป   “นี่มันไข่อะไรวะเนี่ย? ทำไมมันถึงมีไฟฟ้าด้วย?” หานเซิ่นเบิกตากว้าง เขาจ้องมองไข่ด้วยความงง ตอนที่เขาถูกช็อค เขาเห็นว่าลวดลายของไข่ส่องแสงออกมา แต่ตอนนี้มันดับลงไปแล้ว   หานเซิ่นมองดูไข่ใบนี้อย่างละเอียด เขาสงสัยมาก เพราะเขาเคยเห็นไข่มามากมาย แต่เขาก็ยังไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน   ขณะที่เขากำลังคิด เขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก หานเซิ่นคิดว่าแม่งูอาจจะกลับมาแล้ว หานเซิ่นเงี่ยหูตั้งใจฟัง แต่เขากับพบว่ามันน่าจะเป็นเสียงฝีเท้าของคนมากกว่า   หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขามองไปทางที่เสียงนั้นดังมา คนที่เขาพามาด้วยคงจะไม่กล้าเข้ามาถึงที่นี่แน่ ใครก็ตามที่เข้ามาได้ขนาดนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่   จากนั้นหานเซิ่นก็เห็นชายที่สวมชุดเกราะสีฟ้าใช้ปีกสีขาวบินเข้ามา เขาไม่ใช่พวกที่หานเซิ่นพามาด้วย แต่กับเป็นคนที่หานเซิ่นรู้จัก   “อีตงมู่..” หานเซิ่นอึ้ง หานเซิ่นไม่คิดว่าจะมาเจออีตงมู่ที่นี่ แต่การบินที่เขาเข้ามาโต่งๆแบบนั้น เขาโชคดีมากที่ที่นี่ไม่มีงูอยู่ ไม่งั้นเขาอาจจะเสร็จมันไปแล้ว   “แม้นายจะมาถึงที่นี่ก่อน แต่ตามกฎแล้ว ใครเร็วใครได้” เมื่ออีตงมู่เห็นไข่สีเงินตั้งอยู่ เขาก็รีบพุ่งเข้าไปหามันทันที   “อย่า!” หานเซิ่นพยายามจะหยุดอีตงมู่ แต่เมื่อเห็นท่าทางของหานเซิ่น อีตงมู่ก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้น ตอนนี้เขาพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูงสุด เขากอดไข่เต็ม 2 แขน   “อ้ากกกกกก!” อีตงมู่กรีดร้องออกมา ผมของเขาตั้งขึ้นมา เขาล้มลงไปบนพื้นอย่างแรงในท่าที่เหมือนว่าเขากำลังกอดไข่อยู่ ตอนนี้เหมือนเขาจะตัวแข็งไปแล้วหลังจากที่ถูกไฟฟ้าช็อต   หานเซิ่นยิ้ม ขณะเดินเข้าไปใกล้อีตงมู่ เขาส่ายหัวและพูด “ฉันไม่ได้พยายามหยุดนายจากการไปเอาไข่ แต่ฉันแค่ไม่อยากให้นายโดนไฟฟ้าช็อค!”   อีตงมู่มองหานเซิ่นด้วยสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่   หานเซิ่นดูอีตงมู่ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมานั่ง จริงๆเขาก็อยากจะทดสอบอยู่เหมือนกันว่าหลังจากที่เขาโดนไปแล้ว ไข่มันจะยังมีไฟฟ้าเหลืออยู่อีกรึเปล่า   ตอนนี้หานเซิ่นได้คำตอบแล้ว แต่แค่นี้ก็เห็นกันแล้วว่าไข่ใบนี้มันไม่ธรรมดา มันเป็นไข่ที่ทรงพลังใบหนึ่งเท่าที่เขาเคยเห็น   ตอนนี้อีตงมู่เหมือนจะยังมึนๆอยู่ แต่เขาจะไปตำหนิหานเซิ่นก็ไม่ได้ มันเป็นความผิดของเขาเองที่รีบวิ่งเข้าไปกอดมันแบบนั้น   “ฉันไม่เคยได้ยินว่าอสรพิษเนตรเงินมีกระแสไฟฟ้าแบบนี้ ฉันคิดว่ามันน่าจะทำได้แค่กัดให้เป็นอัมพาต ไข่ใบนี้มันมีกระแสไฟฟ้าที่รุนแรงแบบนี้ได้ยังไง?” หานเซิ่นเดินไปรอบๆไข่อยู่หลายรอบ เขาสังเกตมันอย่างละเอียด ลวดลายของมันส่องแสงขึ้นมาอีกครั้งตอนที่ช็อคอีตงมู่ แต่ตอนนี้มันจางลงไปอีกแล้ว   “ฉันคิดว่าพวกเราจะต้องทำให้มันแตกให้ได้ก่อนที่พวกเราจะกินมันเข้าไป ถ้าเทียบกันแล้วนายแข็งแกร่งกว่าฉัน ดังนั้นนายควรจะเข้าไปทำให้มันแตกตกลงไหม?” หานเซิ่นหันไปหาอีตงมู่และถาม   อีตงมู่มองหานเซิ่นพร้อมกับเป้ปาก เขาเหมือนจะพูดว่า ‘นายคิดว่าฉันโง่รึไง?’   หานเซิ่นไม่กล้าที่จะทำให้ไข่เปิดออก เพราะมันมีกระแสไฟฟ้าที่รุนแรง แม้จะสัมผัสมันแค่นิดเดียวก็ตาม ถ้าเขาเปิดมันออกแล้วกระแสไฟฟ้าข้างในไหลออกมาจนหมด เขาจะไม่ตายคาที่เลยหรอ?   เมื่อเห็นสภาพของอีตงมู่ที่ยังขยับไม่ค่อยได้ ทำให้เขาไม่กล้าที่เข้าไปก่อน เขากำลังคิดอยู่ว่าจะเปิดมันยังไงดี   ถ้าเขากลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว เขาก็มีโอกาสกลับไปหาซื้อถุงมือป้องกันไฟฟ้ามาได้ แต่มันไกลมากกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ และไข่ใบนี้ก็ดูไม่ธรรมดา ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าถุงมือกันไฟฟ้าจะป้องกันมันได้   ตอนนี้เขาไม่ได้เอาอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ติดตัวมาด้วยเลย คงไม่มีใครคิดว่าจะมาเจอไข่ในที่แบบนี้ แล้วแถมยังเป็นไข่ที่มีกระแสไฟฟ้าแบบนี้อีก มันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย   ถ้าเขาตัดสินใจกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว เขาก็ต้องปล่อยไข่ไว้แบบนี้ “อีตงมู่ พวกเราก็มากันถึงขนาดนี้แล้ว จะให้กลับไปมือเปล่าก็คงทำใจไม่ได้ นายคิดดีแล้วหรอที่จะไม่ลองพยายามอีกสักครั้ง?” หานเซิ่นพยายามจะหว่านล้อมให้อีตงมู่ลองอีกครั้งให้ได้   “ไม่ ฉันอยากเห็นนายลองมันบ้าง” อีตงมู่ไม่ยอมขยับตัว เขายังคงนั่งอยู่บนพื้นต่อไป ใบหน้าของเขาค่อนข้างซีด ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บจากกระแสไฟฟ้ามากอยู่   “ถ้านายไม่อยากลองก็ไม่เป็นไร เพราะฉันก็ไม่คิดจะลองเหมือนกัน ถ้าพวกเราไม่มีใครทำอะไรสักอย่าง การที่พวกเรามาถึงที่นี่ก็เหมือนเสียเวลาฟรี งั้นฉันขอกลับดีกว่า” หานเซิ่นเริ่มเดินกลับออกไป   แต่อีตงมู่ก็ยังคงนั่งอยู่แบบเดิม เขาไม่ได้พยายามจะหยุดหานเซิ่นเลย “ฉันจะออกไปจริงๆแล้วนะ” หานเซิ่นพยายามเดินช้าๆ และทำเสียงให้มันดังๆเพื่อให้แน่ใจว่าอีตงมู่จะได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา   อีตงมู่พึมพำ “อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ”   หานเซิ่นเดินต่อไปอีก 2-3 ก้าว จากนั้นเขาก็เดินกลับมาอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้ม “นายคงจะเหงา ฉันว่าไม่ควรจะทิ้งนายไว้แบบนี้ บางที่พวกเราน่าจะหาทางร่วมมือกัน”   อีตงมู่ยังไม่หายจากอาการมึน ทำให้เขาไม่ค่อยสนใจอะไรที่หานเซิ่นพูดเท่าไหร่   แต่หานเซิ่นต้องการใช้อีตงมู่เป็นตัวทดลองไฟฟ้าจริงๆ และเขาก็กลัวว่าถ้าเขาออกไปทั้งๆแบบนี้ อีตงมู่อาจจะหาวิธีเปิดเปลือกไข่ใบนี้ได้ ซึ่งถ้าเขาทำสำเร็จ เขาก็คงจะกินของเหลวข้างในจนหมด ทำให้การเดินทางครั้งนี้ของหานเซิ่นมันไร้ความหมาย   ขณะที่พวกเขา 2 คนกำลังนั่งคุยกัน อยู่ๆก็มีเสียงดังมาจากภายในไข่ พวกเขา 2 คนลุกขึ้นยืนและจ้องมองมัน   พวกเขาเห็นไข่เริ่มมีรอยราว เหมือนว่ามันจะเปิดออกมาด้วยตัวเองแล้ว   หานเซิ่นและอีตงมู่มองดูไข่ที่กำลังเปิดออกอย่างใจจดใจจ่อ แม้พวกเขาจะยังกลัวๆอยู่บ้าง แต่การที่มันเปิดด้วยตัวเองตามธรรมชาติ ทำให้พวกเขาคิดว่าครั่งนี้ไม่น่าจะเป็นอะไร   มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง และเปลือกไข่บริเวณด้านบนก็เปิดออก  

Super God Gene – ตอนที่ 558 งูในหุบเขา
Super God Gene – ตอนที่ 558 งูในหุบเขา

  พวกเขาเชื่อว่าหานเซิ่นจะใช้ปีกบินเข้าไปในหุบเขา และล่องูเลือดศักดิ์สิทธิออกมา   มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปข้างใน เนื่องจากมีหลุมหิมะอยู่จำนวนมาก ถ้าใครก็ตามตกลงไป เขาก็แทบหมดโอกาสที่จะปีนขึ้นมา เพราะในหลุมมีงูรอต้อนรับอยู่   ถ้าหานเซิ่นสามารถบินเข้าไปได้มันจะดีกว่ามาก แต่กระนั้นมันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพวกงูเองก็สามารถบินได้เช่นเดียวกัน แม้มันจะบินได้ไม่สูงนัก แต่ถ้าเข้าไปในหุบเขา มันก็ยากที่จะหลบเลี่ยงพวกมันได้ทุกตัว   นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการตัดสินใจเข้าไปข้างในคนเดียวของหานเซิ่น ถึงเหมือนเป็นการฆ่าตัวตาย   แต่ผลปรากฏว่าหานเซิ่นเลือกที่จะเดินเข้าไป โดยไม่ใช่ปีกอย่างที่พวกเขาคาดเอาไว้   เนื่องจากหานเซิ่นมีวิชากายหยก เขาจึงไม่หิมะ และเขาก็คิดว่าเขาน่าจะสามารถหลบเลี่ยงงูทุกตัวได้   หานเซิ่นวิ่งเข้าไปในหุบเขาน้ำแข็งด้วยความเร็วสูง ขณะที่เขาวิ่ง ฝีเท้าของเขาเบามาก รอยเท้าแต่ละรอยของเขาจมลงไปในหิมะแค่ตื้นๆเท่านั้น ถ้าไม่สังเกตดีๆก็แทบจะมองไม่เห็นรอยเท้าของเขาเลย   เหยียบเมฆาเป็นวิชาที่สามารถยืมพลังจากอากาศได้ มันเหมือนกับวิชาตัวเบา ซึ่งมันสามารถทำให้ผู้ใช้ตัวเบาเหมือนกับขนนกได้ ถ้าฝึกถึงขั้น มันเป็นวิชาที่สมบูรณ์แบบมากสำหรับการวิ่งไปบนพื้นหิมะโดยไม่ทำให้จมลงไป   พวกคนที่ติดตามหานเซิ่นมาต่างก็อึ้ง เมื่อเห็นหานเซิ่นวิ่งเข้าไปแบบนั้น มันทำให้พวกเขายิ่งเชื่อว่าหานเซิ่นอยู่เหนือกว่าระดับผู้วิวัฒนาการไปแล้ว   แม้ตัวของเขาจะเบาและเคลื่อนไหวว่องไว แต่มันก็ยังไม่สามารถหลบหนีจากงูไปได้ เขาสังเกตเห็นว่ามีงูสีขาว 2 ตัวพุ่งออกมาจากหิมะ เพื่อที่จะโจมตีเขา   เกล็ดสีเงินของงูพวกนี้เปล่งประกายวาววับ ภายใต้แสงอาทิตย์ในเวลากลางวัน พวกมันยืดตัว และกางปีกของมันออก พวกมันพุ่งเข้ามาโจมตีหานเซิ่นแต่ก็พลาดเป้า พวกมันหมุนตัวในอากาศ และพยายามเข้ามาโจมตีอีกครั้ง   หานเซิ่นได้อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับงูพวกนี้มาก่อน และรู้ว่างูพวกนี้มีปีก ถึงมันจะบินสูงไม่ได้ แต่ปีกก็สามารถทำให้พวกมันบินได้ หลังจากที่รู้แบบนี้เขาก็รู้สึกว่าจะช้าไม่ได้ เขาต้องหลบการโจมตีจากพวกมัน และรักษาความเร็วในการวิ่งเอาไว้   หานเซิ่นไม่เสียเวลาฆ่างู 2 ตัว เขาแค่ต้องการจะล่องูเลือดศักดิ์สิทธิออกมา ถ้าเขาฆ่าพวกมัน กลิ่นเลือดของพวกมันก็อาจจะทำให้งูทั้งหุบเขารู้ตัว   หานเซิ่นมุ่งหน้าตรงไปโดยไม่สนใจงู 2 ตัวที่กำลังไล่ตามมา หลังจากที่เขาเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆก็มีงูตัวอื่นๆไล่ตามเขาเพิ่มขึ้น แต่มันก็ไม่ได้มีความเสี่ยงสำหรับหานเซิ่นเลย ขณะที่เคลื่อนที่ไปบนพื้นหิมะ เขาก็สามารถหลบการโจมตีทั้งหมดของพวกมันได้อย่างสบายๆ   ลูกน้องที่หานเซิ่นพามาหันมามองหน้ากัน พวกเขาช็อคกับสิ่งที่เห็น มันยากมากที่ผู้วิวัฒนาการจะมีพลังถึงขั้นนั้น   “พวกนายคิดว่าเขาจะล่อมันออกมาได้จริงๆไหม?” มีคนหนึ่งพูดขึ้นมา “ฉันก็ไม่แน่ใจ เหมือนว่าพวกเราจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย” “หัวหน้าบอกให้พวกเรารวบรวมข้อมูลของเขาให้มากที่สุด แต่ถ้าพวกเราเอาทุกอย่างที่เห็นไปรายงาน พวกนายคิดว่าหัวหน้าจะเชื่อเราไหม?” “ฉันหวังว่าหัวหน้าจะไม่ให้พวกเราสู้กับเขา คนคนนี้น่ากลัวเกินไป” “ฉันก็หวังว่าจะไม่ต้องสู้กับเขาเหมือนกัน การติดตามเขาก็ไม่เลว เขาก็ดูไม่ได้โหดร้ายป่าเถื่อนเหมือนแบล็คก็อตด้วย จริงๆแล้วเขาก็เป็นคนที่มีเหตุผลคนหนึ่ง”   ไม่นานนักหานเซิ่นก็หายไปลับจากสายตาของทุกคน หุบเขาแห่งนี้มีความยาวเป็นร้อยไมล์ ตามข้อมูลที่หานเซิ่นได้มา อสรพิษเนตรเงินเลือดศักดิ์สิทธิจะอยู่บริเวณกลางๆของหุบเขา   หลังจากที่หานเซิ่นวิ่งเข้าไปได้ประมาณ 10 ไมล์ ตอนนี้ก็มีงูไล่ตามเขาประมาน 300 ตัวได้แล้ว แต่จำนวนแค่นี้ก็ถือว่าน้อยแล้ว ถ้าเขาฆ่าพวกมันตัวใดตัวหนึ่ง งูเป็นพันๆตัวจะออกมาไล่ล่าเขา   “แปลกๆ ตามข้อมูลที่ได้มาจะมีถ้ำหิมะอยู่ประมาน 30 ไมล์ แต่เราเดินทางมา 40 ไมล์แล้ว ทำไมถึงยังไม่เห็นมันเลย?” หานเซิ่นงง ตอนนี้มีงูไล่ตามเขาเป็นพันๆตัวแล้ว ยังดีที่ความเร็วและฟุตเวิร์คของเขาช่วยให้หลบการโจมตีของพวกมันได้   แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ทางเดินในหุบเขาก็เริ่มแคบลงเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังไม่เจอถ้ำเลย   ตามข้อมูลบอกว่าอสรพิษเนตรเงินตัวใหญ่มาก มันมีความยาวอย่างน้อยๆก็ 100 เมตร เพราะฉะนั้นถ้ำที่มันอยู่ก็ต้องมีความกว้างพอสมควร ซึ่งเขาไม่น่าจะมองพลาดได้เลย   หานเซิ่นวิ่งไปอีก 20 ไมล์ แต่เขาก็ยังไม่เห็นถ้ำน้ำแข็งเลย ตอนนี้ในใจของเขาเริ่มสับสนแล้ว หรือว่าเราจะถูกหลอก? ข้อมูลผิดงั้นหรอ? หรือว่าแค่บังเอิญหามันไม่เจอ?   หลังจากที่เขาครุ่นคิด เขาก็คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ ข้อมูลดูน่าเชื่อถือมาก ยังไงพวกเขาก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าหานเซิ่นจะเลือกมาล่างูตัวนี้ แล้วมันเป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะเตรียมข้อมูลแบบผิดๆมาหลอกหานเซิ่น   “อืมม สงสัยว่าเราคงจะต้องลองเข้าไปให้ลึกอีกหน่อย” หานเซิ่นยังคงเดินหน้าต่อไป แต่อยู่ๆเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ   พวกงูที่ไล่ตามหานเซิ่นมาเริ่มน้อยลงแล้ว ขณะที่เข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ พวกงูก็ค่อยๆเลิกไล่ตามเขา หลังจากที่เขาไปต่อได้ไม่กี่ไมล์ พวกมันก็หายไปจนหมด   หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว “หรือว่านี่จะเป็นอาณาเขตของอสรพิษเนตรเงินเลือดศักดิ์สิทธิ? พวกมันเลยไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้” แต่เขากลับไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นแบบนั้นเท่าไหร่ ถ้าเขามาถึงบริเวณที่งูเลือดศักดิ์สิทธิอยู่แล้ว พวกงูตัวอื่นๆก็ควรที่จะเข้ามาปกป้องงูเลือดศักดิ์สิทธิที่เป็นราชา ไม่ใช่หนีไปแบบนี่   หานเซิ่นคิดว่ามันน่าจะมีอะไรผิดปรกติในหุบเขาน้ำแข็งแห่งนี้ มีอะไรบางอย่างทำให้ที่นี่เปลี่ยนไป เขามองดูรอบๆ แต่เขาก็มองไม่เห็นว่าด้านนอกหุบเขาเป็นยังไง เพราะมีหิมะอยู่รอบๆตัวของเขา ตอนนี้เขามองไม่เห็นพวกงูอีกแล้ว ยิ่งลึกเข้าไปในหุบเขา มันก็ยิ่งเงียบ   ตอนนี้ดวงอาทิตย์ถูกเมฆขนาดใหญ่บดบัง และหิมะก็เริ่มตกลงมา ถึงจะไม่ได้ตกหนักมาก แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ บรรยากาศในหุบเขาที่เงียบอยู่แล้วทำให้มันดูแปลกขึ้นไปอีก   “เราเข้ามาลึกขนาดนี้แล้วจะถอยตอนนี้ก็คงไม่ได้แล้ว” หานเซิ่นไม่ต้องการจะยอมแพ้ตอนนี้ เขากัดฟันและลุยต่อไป   เขามีปีกเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กอยู่ ดังนั้นเขาสามารถบินหนีได้ทุกเมื่อ ถึงเขาจะไม่สามารถสู้กับงูเลือดศักดิ์สิทธิได้ แต่ยังไงเขาก็สามารถบินหนีได้เลย   หานเซิ่นเดินลึกเข้าไปอีก 20 ไมล์ แต่เขาก็ไม่เจองูสักตัว สักพักเขาก็มาถึงจุดที่มีกำแพงน้ำแข็งอยู่ข้างหน้าเขา มันดูราบเรียบมาก เขาคิดว่าน่าจะมาถึงจุดสิ้นสุดของหุบเขานี้แล้ว   ในที่สุดหานเซิ่นก็พบถ้ำน้ำแข็งแล้ว ซึ่งมันอยู่ตรงกำแพงด้านหน้าเขานี่เอง แต่มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดไว้ เพราะมันสูงแค่ 3 เมตรและกว้าง 1 เมตรเท่านั้น   หานเซิ่นลองมองเข้าไปดู แต่เขาก็มองไม่เห็นอะไรเลย ดังนั้นเขาเลยเรียกวิญญาณอสูรชุดเกราะสีทองและกรีฟของการ์กอยออกมา หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปข้างใน  

Super God Gene – ตอนที่ 557 ตะวันหยก
Super God Gene – ตอนที่ 557 ตะวันหยก

  เมื่อหานเซิ่นกลับมาที่ห้อง เขาก็เริ่มศึกษาวิชาตะวันหยกทันที ด้วยความรู้ภาษาโบราณของเขา ทำให้เขาไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการตีความหมายเท่าไหร่   ตัวอักษรเป็นแบบโบราณและเนื้อหาของวิชาก็ยอดเยี่ยมเหมือนกับที่จูถิงบอกจริงๆ เหมือนว่ามันจะเป็นวิชาที่ดีในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับไต   ขณะที่เขาจ้องมองข้อความอย่างต่อเนื่อง เขาก็รู้สึกได้ถึงออร่าจากมัน ขณะที่หานเซิ่นศึกษาพวกมัน เขาก็รู้สึกว่าความเข้าใจของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าประหลาด   “วิชาตะวันหยกนี้ไม่ธรรมดาเหมือนกับที่จูถิงพูดจริงๆ มันไม่ได้ต่างจากวิชามนตรานอกรีตที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับหัวใจเลย แต่วิชานี้มันเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับไตแทน” หลังจากที่หานเซิ่นอ่านจบ ผลของมันทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ   หานเซิ่นยิ่งประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาเข้าใจถึงข้อดีของวิชานี้ มันไม่ใช่วิชาที่หาได้ง่ายๆจริงๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยทำไมจูถิงถึงได้กล้าขอแลกกับวิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์ก 10 ดวง   จากที่หานเซิ่นลองประเมินดูวิชาตะวันหยกนี้ดู มันมีระดับเทียบเท่ากับวิชามนตรานอกรีตเลย ถ้าความแข็งแกร่งของหัวใจหมายถึงการเพิ่มพละกำลังแล้ว ความแข็งแกร่งของไตก็หมายถึงการเพิ่มความอึดและความทนทาน   ถ้าไตของคนเราไม่ได้รับการอัพเกรดจากการฝึกตะวันหยก มันก็เหมือนกับการใช้ถ่านหินมาผลิตไฟเพื่อสร้างความอบอุ่น ถึงมันจะได้ผลแต่ก็ไม่มีประสิทธิภาพ มันไม่ใช่การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ เช่นเดียวกันถ้าคนเราเพิ่มความแข็งแกร่งของไต มันก็จะทำให้การเผาผลาญพลังงานสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และพลังกายของคนคนนั้นก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล   ตอนนี้ความแข็งแกร่งและความอึดของเขาไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เขาสงสัยมากว่าถ้าฝึกมันสำเร็จ มันจะทำให้เขาไปถึงขึ้นไหน ถ้าการเผาผลาญพลังงานของเขามีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งความอึดและความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด   ถ้าสิ่งที่หานเซิ่นคาดการณ์ถูกต้อง เขาจะสามารถต่อสู้ได้เป็นระยะเวลายาวนานโดยไม่เหนื่อย ที่ผ่านมาถึงเขาจะอึดมากก็จริง แต่เขาก็ไม่สามารถต่อสู้ด้วยพลังสูงสุดได้ต่อเนื่องนานเกิน 2 ชั่วโมง แต่ถ้าฝึกวิชาตะวันหยกจนไตแข็งแกร่งแล้ว เขาจะสามารถสู้ด้วยพลังสูงสุดติดต่อกัน 24 ชั่งโมง   หานเซิ่นรู้สึกถูกใจมันมาก แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมจูถิงถึงได้ยอมมอบของล้ำค่าขนาดนี้ให้กับเขา ถ้าเขารู้ว่ามันดีขนาดนี้เขาคงจะให้วิญญาณอสูรกลายพันธ์กับจูถิงเพิ่มอีกแน่ๆ   หานเซิ่นคิดว่าจูถิงคงจะฝึกวิชานี้ไปแล้วเหมือนกัน เหมือนว่าคนอื่นๆอีกหลายคนก็คงได้เรียนมันด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากที่พวกเขาเรียนมันแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์กับพวกเขาอีก ถึงจะเก็บมันไว้แล้วอ่านไปเรื่อยๆก็คงจะเพิ่มความเข้าใจได้อีกแค่เล็กน้อย   ด้วยพรสวรรค์ของหานเซิ่น ทำให้เขาเข้าใจหลักการของวิชานี้ครบถ้วนตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่านจบ สาเหตุอีกอย่างก็น่าจะมาจากการที่เขาได้ดูดซับคริสตัลสีแดงเข้าไป ทำให้สมองของเขาดีกว่าคนปรกติ ส่วนอีกสาเหตุก็คือการที่เขาฝึกศาสตร์ตงเสวียน ทำให้ความสามารถในการรับรู้ของเขาเพิ่มขึ้น หานเซิ่นสามารถเข้าใจทั้งหมดได้ทันทีตั้งแต่อ่านครั้งแรก   หลังจากที่หานเซิ่นฝึกตะวันหยกไป 3-4 ครั้ง เขาก็รู้สึกเลยว่าไตของเขากำลังสั่น เขารู้สึกเหมือนกับว่าในร่างกายของเขามีเตาผลิตพลังงานอยู่ 2 เตา ที่ทำหน้าที่ส่งพลังงานให้กับเขา เขารู้สึกว่าไม่ต้องพักเลยถึงจะต้องวิ่ง 3 วัน 3 คืนก็ตาม   “นี่เป็นวิชาที่สุดยอดมาก ถ้าเราเชี่ยวชาญมันล่ะก็ ต่อให้ต้องสู้กับมอนสเตอร์ 10 ตัวในเวลาเดียวกันก็ไม่มีปัญหา” หานเซิ่นอารมณ์ดีมาก   แต่การจะฝึกวิชาตะวันหยกต้องใช้ระยะเวลานาน ซึ่งหานเซิ่นก็ไม่ได้คิดจะเร่งรีบอะไร เขายังคงคิดหาวิธีที่จะฆ่าอสรพิษเนตรเงินเลือดศักดิ์สิทธิ เพราะถ้าเขาได้ดาบเลือดศักดิ์สิทธิมา 2 เล่มเมื่อไหร่ บวกกับพลังกายอันไร้ขีดจำกัด เขาไม่คิดว่าการต่อสู้กับสปิริต 2 พี่น้องจะเป็นปัญหาอีกต่อไป   โชคดีที่หานเซิ่นได้เข้ามาควบคุมเมืองแบล็คก็อตแล้ว ถึงพวกนักสู้ที่เป็นลูกน้องเก่าของเเบล็คก็อตหลายคนจะยังไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขาโดยสมบูรณ์ แต่พวกเขายังคงฟังคำสั่งจากคนที่อยู่เบื้อหลังของแบล็คก็อตอย่างลับๆ ถ้าจะให้ไปฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ ยังไงพวกเขาก็ต้องมากับหานเซิ่นแน่   หานเซิ่นดูลิสต์รายชื่อนักสู้ฝีมือดีในเมืองอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็เลือกมา 10 คน “หัวหน้า พวกเขาเคยพยายามล่ามันหลายครั้งแล้ว แต่พวกเราก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ ไม่เพียงแค่พวกเราจะต้องเดินทางไกลเท่านั้น แต่มันเป็นมอนสเตอร์ที่มีพลังกำลังมหาศาล แถมยังมีลูกน้องคอยคุ้มกันอีกเป็นจำนวนมาก นี่เป็นงานที่เสี่ยงมาก” นักสู้ฝีมือดีบางคนเคยติดตามแบล็คก็อตไปล่ามันมาแล้ว ทำให้พวกเขารู้สึกกลัวเมื่อได้ยินว่าหานเซิ่นต้องการจะไปล่ามอนสเตอร์ตัวนั้น   “ฉันตัดสินใจแล้ว เลิกพูดกันได้แล้ว แค่ทำตามคำสั่งของฉันก็พอ” หานเซิ่นตอบอย่างเยือกเย็น   หลังจากที่ได้ยิน พวกเขาก็รู้สึกสิ้นหวัง พวกเขาจำใจต้องติดตามหานเซิ่นไปโดยไม่มีทางเลือกอื่น   หานเซิ่นพา 10 คนเดินทางมุ่งหน้าไปที่หุบเขาน้ำแข็ง พวกเขาเอาแผนที่มาด้วย ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบลื่น   มันถูกเรียกว่าหุบเขาน้ำแข็งก็จริง แต่พอมาดูจริงๆมันคล้ายกับแกรนด์แคนยอนที่เป็นน้ำแข็ง มีหุบเขาจำนวนมากเรียงตัวกันอย่างสลับซับซ้อน ส่วนพื้นที่เป็นน้ำแข็งบางจุดก็จะมีหลุมขนาดใหญ่ ซึ่งมีหิมะทับถมเป็นจำนวนมาก ถ้าเดินพลาดตกลงไปก็น่าจะอาการสาหัส เพราะอาจจะถูกหิมะฝังทับร่าง   บนพื้นน้ำแข็งที่พวกเขากำลังเดิน พวกเขาสังเกตเห็นงูตัวสีขาวกำลังขุดเจาะอุโมงค์เหมือนกับหนอนที่บ้าคลั่ง   งูพวงนี้มีตัวสีขาว ตาสีเงิน เมื่อพวกมันเข้าไปในกองหิมะก็จะดูกลมกลืนกันมาก ถ้าไม่สังเกตดีๆ พวกเขาก็แทบจะมองไม่เห็นมันเลย ถ้าพวกเขาเดินเข้าไปใกล้โดยไม่ระวัง มันก็อาจจะสายเกินไปที่จะหลบ   พวกเขาไม่รู้ว่าที่หุบเขาที่ซับซ้อนแห่งนี้มีงูแบบนี้อยู่มากมายแค่ไหน ถ้าถูกพวกมันกัดเข้าสักครั้ง คนคนนั้นก็จะเป็นอัมพาตทันที แต่ถ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งก็พอจะต้านพิษของมันได้บ้าง แต่ถ้าไปถูกตัวที่เป็นระดับกลายพันธ์กัด ถึงจะเป็นคนที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 พวกเขาก็จะเป็นอัมพาตเช่นเดียวกัน   พวกคนที่หานเซิ่นพามามีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ทั้งหมด พวกเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ พวกเขาตื่นตัวกันอยู่ตลอดเวลา เพราะพวกเขารู้ว่าทุกวินาทีหมายถึงชีวิต   เมื่อหานเซิ่นเห็นท่าทีของทุกคน เขาก็ยิ้มออกมาและพูด “เอ่อ เอาอย่างงี้ดีไหม? พวกนายทุกคนไม่ต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปในหุบเขา ฉันจะเข้าไปคนเดียว และล่ออสรพิษเนตรเงินเลือดศักดิ์สิทธิออกมา พวกเราจะได้ช่วยกันสู้โดยไม่ต้องเจอกับกองทัพงูตัวอื่นๆ”   “ดี ดี ดี!” พวกเขาพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน พวกเขาต่างก็ไม่อยากจะมาเป็นอาหารให้กับงู ซึ่งถ้าหานเซิ่นเข้าไปคนเดียวแล้วตาย มันก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเขา   “แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันจะต้องบอกพวกนายไว้ก่อน ถ้าฉันล่ออสรพิษเนตรเงินเลือดศักดิ์สิทธิออกมาแล้วมีใครที่ตัดสินใจหนี อย่าหาว่าฉันโหดร้ายเลยนะ ถึงตอนนั้นแม้แต่คนที่อยู่เบื้อหลังพวกนายก็ช่วยอะไรไม่ได้” หานเซิ่นมองตาพวกเขาแต่ละคน   หนึ่งในพวกเขาพูดขึ้นมา “ไม่ต้องกังวลหรอกหัวหน้า พวกเราไม่ทำแบบนั้นหรอก พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยคุณฆ่ามันให้ได้” แม้ปากของเขาจะพูดแบบนั้น แต่ใจของเขาคิดอีกอย่าง เช่นเดียวกับคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็เชื่อว่าถ้าหานเซิ่นเข้าไปข้างในคนเดียว เขาคงจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา  

Super God Gene – ตอนที่ 556 ของแท้
Super God Gene – ตอนที่ 556 ของแท้

  “ไอ้เวรจูถิง งานนี้ได้เห็นดีกันแน่!” เนื่องจากจีเหยียนหรันต้องไประชุม เธอจึงปิดเครื่องมือสื่อสาร ทำให้หานเซิ่นเกือบจะเป็นบ้า เขาวิ่งไปที่เครื่องเทเลพอร์ตและกลับไปที่เมืองทันที “จูถิง ไอ้ลูกหมา! ออกมา!”   “ลูกพี่เกิดไรขึ้น?” จูถิงออกมาจากห้องอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเขาเห็นหานเซิ่นมีท่าทางฉุนเฉียว จูถิงหันหลังและพยายามจะวิ่งหนี แต่หานเซิ่นก็ขวางทางหนีของเขาไว้แล้ว   “จูถิง นายคิดว่าวิชาตะวันหยกอะไรนั้นเป็นวิชาที่ฉันต้องการงั้นหรอ? ไตของฉันแข็งแกร่งกว่าคนปรกติมาก ถ้าฉันมีอารมณ์ขึ้นมาล่ะก็ บางครั้งฉันยังกลัวตัวเองเลย!” หานเซิ่นมองจูถิงด้วยสายตาทิ่มแทงพร้อมกับกัดฟัน   จูถิงรู้สึกเสียวไปถึงสันหลัง เขาพยายามฝืนยิ้มออก “ลูกพี่ อย่าเพิ่งโกรธขนาดนั้น นี่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”   “แล้วมันเป็นยังไง?” หานเซิ่นมองจูถิงด้วยหน้าตาน่ากลัว   จูถิงรู้สึกกลัวหานเซิ่นมาก ตั้งแต่ตอนที่เขาเคยใช้พิษกับหานเซิ่นแล้วโดนซ้อมจนสาหัส เขารีบอธิบาย “วิชาตะวันหยกจะเพิ่มความเป็นชายให้กับคนที่ฝึก แต่ผลของมันไม่ใช่แค่นั้น ถึงวิชานี้จะทำให้ผู้ฝึกสามารถทำกิจกรรมอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่คนอย่างลูกพี่คงจะทำแบบนั้นได้อยู่แล้ว ประโยชน์ที่ลูกพี่จะได้มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้”   “แน่นอน แล้วมันเกี่ยวกับอะไร?” สีหน้าของหานเซิ่นดูจะสงบลงมาบ้าง   “ตะวันหยกมีผลในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับไตของมนุษย์โดยตรง ไตคืออวัยวะหลักของมนุษย์ การที่ไตทรงพลังก็หมายความว่าพลังกายก็จะสูงขึ้น ความทนทาน ความอึด และพละกำลังก็จะเพิ่มขึ้นทั้งหมด สิ่งที่ผมจะเสนอให้ลูกพี่คือของจริงที่ได้มาจากคัมภีร์โบราณต้นฉบับ ไม่ใช่พวกของเก๊อย่างในโฆษณาที่ลูกพี่ไปเจอมา ถ้าลูกพี่ได้เรียนวิชานี้ ลูกพี่จะไม่แม้แต่รู้สึกเหนื่อย ถึงจะต้องเดินทางไกลเป็นพันไมล์โดยไม่หยุดพัก” จูถิงอธิบาย   “เหมือนว่านายพยายามพูดให้สิ่งที่นายนำมาเสนอมันดูดี แต่สำหรับฉันมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกขยะในเน็ตพวกนั้น” หานเซิ่นพูด   “มันไม่เหมือนกัน เรื่องนี้ผมรับประกันได้” จูถิงพูด “เมื่อคัมภีร์ตะวันหยกถูกพบ ก็มีหลายคนต้องการมันมาก หลังจากที่แย่งชิงกัน ทำให้มันได้รับความเสียหาย ฉบับดั่งเดิมที่สมบูรณ์ไม่ปรากฏให้เห็นอีกเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ทว่ายังมีฉบับก็อปปี้ที่สมบูรณ์เหมือนกับของดั่งเดิมอยู่ และผมก็ได้มันมา”   “ไอ้ฉบับก็อปปี้ที่นายว่ามันก็มีอยู่เต็มไปหมด แล้วของนายมันมีอะไรพิเศษ?” หานเซิ่นคิดว่าจูถิงคงพยายาจะเล่นลูกไม้กับเขา   มันไม่ใช่ปัญหาว่าวิชาไฮเปอร์จีโนจะเป็นวิชาที่ก็อปปี้มาหรือไม่ แต่ปัญหาคือเนื้อหาข้างในมันถูกต้องและสมบูรณ์รึเปล่า   “ลูกพี่ วิชาตะวันหยกนี้แตกต่างจากฉบับอื่น บนเน็ตมีวิชานี้หลายเวอร์ชั่นก็จริง แต่ของแต่ละเจ้าก็ให้ผลที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนมากก็มักจะให้ผลที่ไม่ค่อยดีนัก พวกที่อยู่ในเน็ต มันก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้คุณได้เล็กน้อยเท่านั้น” หลังจากหยุดคิดชั่วครู่ จูถิงพูดต่อ “วิชาแบบดั่งเดิม มันค่อนข้างเป็นอะไรที่มหัศจรรย์ ถึงจะมีหลายคนที่รู้เนื้อหาของมัน แต่ทว่าแต่ละคนเวลาอ่านก็จะแปลกันไปในวิธีที่แตกต่างกัน แม้จะเป็นคำคำเดียวกันก็ตาม”   “ทำไม?” หานเซิ่นเริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมา   “ตัวอักษรในนั้นมันถูกคัดลอกมาจากคัมภีร์ที่เป็นภาษาโบราณ ถึงเนื้อหาจะเหมือนกัน แต่ฉบับต่างๆที่แต่ละคนแปลมาจะไปกันคนละเรื่องเลย วิชาในเน็ตส่วนมากแตกต่างจากต้นฉบับเยอะมาก ต้นฉบับจริงๆมันจะให้ผลลัพธ์ที่วิเศษมาก ลูกพี่อาจจะรู้สึกว่าไม่อยากจะเชื่อ แต่ที่ผมพูดมาคือความจริง อีกไม่นานลูกพี่ก็จะรู้เอง”   หานเซิ่นหยิบกระดาษขึ้นมาดูอีกครั้ง เขาอ่านมัน แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรต่างจากเดิม “จูถิง นายกำลังเล่นตลกกับฉันใช่ไหม?” หานเซิ่นเริ่มหมดความอดทนแล้ว เขาเริ่มเชื่อจริงๆแล้วว่าจูถิงพยายามจะหลอกเขา เพราะแผ่นกระดาษพวกนี้ไม่มีอะไรพิเศษ   “ไม่ไม่! กระดาษพวกนี้ผมก็อปปี้มาอีกที ของจริงมันล้ำค่ามาก ผมกลัวว่าลูกพี่จะทำลายมันด้วยความโกรธ ผมเลยเอาของปลอมมาให้ดูก่อน แต่ถ้าลูกพี่ต้องการมันจริงๆ ผมจะเอาของแท้มาให้ดูก็ได้” จูถิงพูด   “เอาของจริงมาให้ฉัน แต่ถ้าฉันรู้ว่าเรื่องที่นายพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก อย่าหาว่าฉันโหดร้ายเลยนะ” หานเซิ่นมองจูถิงด้วยหน้าตาน่ากลัว   “ลูกพี่ ถ้าผมให้ของแท้กับคุณ พวกเราจะมาแลกเปลี่ยนกันได้ไหม? ผมอยากจะได้วิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์กสัก 3-4 ดวงเป็นการแลกเปลี่ยน” จูถิงมองหานเซิ่นอย่างมีความหวัง   “เรื่องนั้นฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง แต่ฉันขอดูของก่อน” หานเซิ่นพูด   จูถิงไม่กล้าที่จะพูดมากไปกว่านี้ เขาเดินไปเอาฉบับก็อปปี้ของจริงมา ไม่นานเขาก็กลับมาหาหานเซิ่นพร้อมกับกล่องใบเล็กๆ   เขาวางมันลงต่อหน้าหานเซิ่น เขาเปิดมันอย่างระมัดระวังแล้งก็หยิบฉบับก็อปปี้ของจริงออกมา   “ลูกพี่ ดูให้ชัดๆแล้วจะเข้าใจเองว่ามันต่างจากทุกฉบับที่คุณเคยเห็นมา” จูถิงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม   หานเซิ่นลองอ่านดูอย่างละเอียด เขาพบว่าฉบับใหม่ที่จูถิงนำมา มันแตกต่างจากฉบับอื่นจริงๆ แต่เขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจมันนัก   จากนั้นเขาก็ลองเอาฉบับก่อนหน้านี้มาเปรียบเทียบกันดู ตัวอักษรรวมถึงสีเหมือนกันหมด แต่เมื่อมองดูของจริงมันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เมื่ออ่านมันแล้วกับตีความได้คนละอย่าง วิชาไฮเปอร์จีโนของจริงมันดูเหมือนกับมีเวทย์มนตร์เลย   “เข้าใจแล้วใช่ไหมลูกพี่ ผมไม่ได้โกหก” จูถิงยิ้ม   “มันดูเหมือนจะแตกต่างกันจริงๆ” หานเซิ่นจ้องมองของจริงมาหลายครั้งแล้ว เขาพยายามจะหาว่าทำไมมันถึงให้ความรู้สึกแปลก เมื่ออ่านของจริง   “มันไม่ใช่แค่ต่างกันนิดหน่อย แต่มันคนละเรื่องเลยถ้าอ่านกันคนละฉบับ แม้ตัวอักษรจะเหมือนกันก็ตาม เนื่องจากต้นฉบับถูกทำลายไปแล้ว ฉบับที่ก็อปปี้ได้เหมือนต้นฉบับทุกอย่าง ถือเป็นสมบัติล้ำค่า ถ้าคุณต้องการเรียนวิชาตะวันหยกแบบดั่งเดิมจริงๆ คุณต้องใช้ฉบับของจริงนี้เท่านั้น พวกฉบับก็อปปี้ที่เป็นงานขยะในเน็ตมันไร้ประโยชน์ ถึงพวกมันจะให้ผลดีอยู่บ้าง แต่มันก็คนละชั้นกับต้นฉบับ เชื่อผมถ้าคุณฝึกวิชานี้สำเร็จ คุณจะเข้าใจว่ามันคือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ” จูถิงพูดหว่านล้อมสารพัด   “งั้นนายคิดว่าจะแลกกับอะไร?” หานเซิ่นมองจูถิงพร้อมกับถาม   “ตะวันหยกฉบับนี้มีทั้งหมด 5 หน้า แต่ละหน้าเท่ากับวิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์ก 2 ดวงเป็นยังไง?” จูถิงไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน เขาเตรียมตัวสำหรับการแลกเปลี่ยนมาหมดแล้ว   “นายสมองกลับรึไง? นายต้องการให้ฉันเอาวิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์ก 10 ดวงแลกกับวิชางี่เง่าแบบนี้เนี่ยนะ?” หานเซิ่นเบิกตากว้าง เขาไม่คิดว่าจูถิงจะกล้าเรียกร้องถึงขนาดนั้น   “แต่นี่มันคือของจริง..” จูถิงพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่โดนหานเซิ่นพูดแทรกก่อน   “วิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์ก 3 ดวงกับวิญญาณอสูรกลายพันธ์ธรรมดาอีก 2 ดวง นี่คือทั้งหมดที่ฉันจะให้ได้ ถ้าไม่ตกลงก็กลับไปได้เลย ฉันให้นายเลือก”   “ลูกพี่ได้โปรด ขอผมเพิ่มอีกหน่อย นี่มันเป็นของแท้ที่ไม่มีทางหาได้อีกแล้ว แม้จะพลิกจักรวาลหาก็ตาม!” จูถิงดูจะผิดหวังมาก   “นั่นคือทั้งหมดที่ฉันจะให้ได้ ถ้านายไม่ต้องการก็เอาของของนายกลับไปได้เลย” หานเซิ่นเสนอวิญญาณอสูรกลายพันธ์ที่พอจะให้ได้ทั้งหมดเป็นข้อแลกเปลี่ยนแล้ว และเขาก็ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าเขามีวิญญาณอสูรเบอร์เซิร์กมากผิดปรกติด้วย   “งั้นก็ได้ วิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์ก 3 ดวงกับวิญญาณอสูรกลายพันธ์ธรรมดา 2 ดวง ผมยอมรับก็ได้” จูถิงกัดฟันรับข้อเสนอ   หานเซิ่นลองดูเอกสารที่จูถิงเอามาแลกเปลี่ยนอีกที เพื่อความแน่ใจว่า จูถิงไม่ได้เล่นตุกติกอะไร จากนั้นเขาก็โอนวิญญาณอสูรให้กับจูถิง   หานเซิ่นลุกขึ้นและเดินจากไป แต่หลังจากที่เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หันกลับมาถามจูถิง “เมื่อฉันฝึกมันสำเร็จ ฉันจะสามารถรับมือผู้หญิง 10 คนได้ในคืนเดียวจริงๆใช่ไหม?”  

Super God Gene – ตอนที่ 555 ฉันทำได้สบายๆ
Super God Gene – ตอนที่ 555 ฉันทำได้สบายๆ

  หานเซิ่นมองสิ่งที่จูถิงเอามาให้เขาดู มันคือแผ่นกระดาษประมาน 3-4 แผ่นที่มีตัวอักษรเขียนอยู่เต็มแผ่น ตัวอักษรเหล่านั้นไม่ได้ถูกพิมพ์ขึ้นมา แต่ถูกเขียนลงไปด้วยมือ   “นี่มันคืออะไร?” หานเซิ่นหยิบกระดาษมาดู 1 แผ่น ตัวอักษรบนแผ่นกระดาษนี้มีขนาดเล็กมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นวิชาชี่กง   กระดาษมีทั้งหมด 3 แผ่น แต่ละแผ่นมีหลายย่อหน้าที่ดูจะไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กัน บางย่อหน้าก็ดูจะสมบูรณ์ แต่มันกลับไม่สามารถเชื่อมโยงกับหน้าอื่นๆได้เลย ราวกับว่ามันมีกระดาษแผ่นอื่นๆอีกหลายแผ่นที่หายไป   “ลูกพี่ คุณชอบวิชาไฮเปอร์จีโนที่เขียนอยู่ในกระดาษพวกนี้ไหม?” จูถิงยิ้ม   “ฉันอ่านมันไม่รู้เรื่อง” หานเซิ่นวางกระดาษลงและพูด เขาพูดความจริงออกไป เพราะมีข้อความจำนวนมากที่หายไป และวิชานี้ก็ดูซับซ้อนอยู่แล้วด้วย เขาไม่เข้าเลยสักนิดว่ามันคือวิชาไฮเปอร์จีโนที่เกี่ยวกับอะไรกันแน่   “ลูกพี่ คุณเคยได้ยินชื่อวิชาไฮเปอร์จีโนที่ชื่อว่า ตะวันหยกไหม?” จูถิงถามพร้อมกับยิ้ม   “ไม่” หานเซิ่นส่ายหัว   “ถ้าคุณมีเวลาว่างก็กลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว และลองไปหาข้อมูลเกี่ยวกับมันดู ถ้าคุณชอบมัน พวกเราค่อยมาคุยกันต่อ ไม่งั้นผมกลัวว่าคุณคงไม่เชื่อผม ถ้าผมพูดถึงสรรพคุณของวิชานี้ด้วยตัวเอง” จูถิงหยุดชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ “สายตาของผมไม่เคยพลาด ข้อความพวกนี้คือข้อความที่คัดลอกมาจากคัมภีร์โบราณ มันคือวิชาของแท้แน่นอน”   หานเซิ่นไม่ได้ตอบอะไร และเมื่อเขากลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว เขาก็ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับวิชาตะวันหยกที่จูถิงพูดถึง   หลังจากหาข้อมูลดู มีข้อมูลเกี่ยวกับวิชานี้ปรากฏขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ดูเหมือนมันจะเป็นวิชาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงระดับหนึ่ง หานเซิ่นเลือกเว็ปไซต์หนึ่งแบบสุ่มๆ เพื่อเข้าไปอ่านรายละเอยีดวิชานี้   “คุณต้องการแข็งและอยู่ได้นานๆใช่ไหม? คุณต้องการให้คู่ขาหรือภรรยาคุณคางตลอดทั้งคืนใช่ไหม? คุณมีปัญหาเรื่องการแข็งตัวหรือเสร็จเร็วเกินไปใช่ไหม? ถ้าใช่งั้นวิชาตะวันหยกก็เหมาะกับคุณจริงๆ มันจะทำให้คุณเป็นชายชาตรี คุณรออะไรอยู่ล่ะ ถ้าคุณสั่งซื้อตอนนี้ คุณจะได้รับส่วนลด…”   “อะไรวะเนี่ย…?” หานเซิ่นพ่นน้ำชาที่เขากำลังดื่มออกมา เขาลองเข้าลิงค์อื่นๆดู แต่เขาก็เจอแต่คนที่เสนอขายวิชาตะวันหยกในลักษณะคล้ายๆกันนี้ แต่ก็มีอยู่เว็ปหนึ่งที่โฆษณาขายให้กับพวกที่มีปัญหาไตเสื่อมสภาพ   หานเซิ่นตระหนักได้ในทันทีว่านี่เป็นวิชาไฮเปอร์จีโนที่มีชื่อเสียง ในเน็ตมีวิชาตะวันหยกอยู่หลายชนิด แต่ละชนิดได้ถูกดัดแปลงมาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ดูแล้วมันคล้ายๆกับวิชาพาโนราม่า   แต่หลักๆแล้ววิชาตะวันหยกเหมือนจะถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของไต ซึ่งมันจะช่วยรักษาโรคได้หลายอย่าง และยังมีผลเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้กับผู้ชายด้วย   “จูถิงมันเพี้ยนไปแล้วหรอ? มันคิดว่าเราจะชอบวิชาแบบนี้งั้นหรอ? อย่างฉันถึงจะต้องเจอกับผู้หญิง 10 คนในคืนเดียวก็รับมือได้สบายๆ” หานเซิ่นรู้สึกว่าเขาต้องดูฮอทมากในสายตาคนอื่นๆ ไม่งั้นแล้วทำไมจูถิงถึงได้เสนอวิชานี้ให้กับเขา   “แล้วที่สำคัญวิชานี้มันโคตรถูกเลยในเน็ต ถ้าฉันต้องการ ฉันก็แค่ซื้อมัน ใครจะไปสนข้อเสนอบ้าๆนี่?” หานเซิ่นรู้สึกเหมือนถูกกวนประสาท   ในระหว่างที่หานเซิ่นกำลังคิดว่าจะสอนบทเรียนให้กับจูถิงยังไงดี อยู่ๆคอมของเขาก็ดังขึ้นมา   หานเซิ่นกดรับสาย และภาพของสาวงามก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขาทันที ซึ่งก็คือหวงฟูฟิงชิง   “พี่สาว ดูเหมือนความสวยของคุณจะเพิ่มขึ้นทุกวันเลยนะ” หานเซิ่นเห็นหวงฟูผิงชิงทั้งดูเป็นผู้ใหญ่และน่าดึงดูด เขารู้สึกว่ามันช่วยไม่ได้ที่เขาจะต้องชื่นชมเธอทุกครั้งที่เห็น   หวงฟูผิงชิงดูจะมีความสุขที่ได้ยิน เธอยิ้มหน้าบาน แต่แล้วอยู่ๆใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เธอมองหน้าของหานเซิ่นแล้วก็ถอนหายใจ   “หน้าผมมีอะไรติดอยู่งั้นหรอ?” หานเซิ่นสัมผัสใบหน้าของตัวเอง เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้มองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ   “ดูเหมือนช่วงนี้น้องหานคงจะต้องเหนื่อยมากแน่ๆเลย” หวงฟูผิงชิงพูดขณะที่สีหน้าแปลกๆ   “ช่วงนี้งานผมค่อนข้างรัดตัว มันก็มีเหนื่อยบ้าง” หานเซิ่นตอบคำถามเธอแบบปรกติ เขายังไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้ดูแปลกๆ   ท่าทางของหวงฟูผิงชิงเหมือนจะสับสน หลังจากผ่านไปชั่วครู่เธอก็พูด “แม้นายจะยังหนุ่มยังแน่น แต่นายก็ควรจะพักผ่อนให้เพียงพอ การใช้แรงมากเกินไปมันจะไม่เป็นผลดีกับสุขภาพ” หลังจากที่พูดจบประโยค หวงฟูผิงชิงก็วางสายไปเลย   “หล่อนเพี้ยนไปแล้วหรอ? หล่อนกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” หานเซิ่นงง คำพูดของเธอฟังดูแปลกๆ เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร ทำไมอยู่ๆถึงได้โทรมาหาเขาแล้วพูดเรื่องแบบนั้น   ขณะกำลังคิดอยู่ เขาก็หันกลับมามองที่หน้าจอคอมที่เปิดทิ้งเอาไว้ จากนั้นเขาก็ตัวแข็งทื่อไปเลย   “คุณต้องการแข็งได้นานๆใช่ไหม? คุณต้องการ…?” โฆษณาที่เขาพึ่งจะเปิดดูเมื่อสักครู่ยังเปิดอยู่เลย และเขาก็เข้าใจได้ในทันทีเลยว่าทำไมหวงฟูผิงชิงถึงได้มีท่าทีแปลกๆแล้วก็รีบวางสายไป   “ไม่..ไม่!” หานเซิ่นรีบโทรหาหวงฟูผิงชิงทันที   นี่มันแย่มากจริงๆ ถ้าหล่อนเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นว่าหานเซิ่นหมดประสิทธิภาพแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน หลังจากคิดได้เช่นนั้นเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที ไม่นานนักหวงฟูผิงชิงก็รับสาย   “พี่สาว ฟังผมก่อน! เรื่องนี้ผมอธิบายได้..” หานเซิ่นพยายามจะบอกว่าทำไมโฆษณาถึงได้อยู่บนหน้าจอ   แต่เขาพูดได้แค่ 2 ประโยค หวงฟูผิงชิงก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายจะต้องมาอธิบายให้ฉันฟัง ผู้หญิงจากตระกูลจี นายสามารถไปทำอะไรกับเธอก็ได้ตามที่นายต้องการ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับฉัน”   เธอไม่เปิดโอกาสให้หานเซิ่นได้อธิบาย เธอวางสายไปก่อนที่หานเซิ่นจะได้เริ่มพูด หานเซิ่นต้องการจะกดโทรอีกครั้ง แต่อยู่ๆก็มีคนโทรมาซะก่อน   หานเซิ่นเริ่มหัวร้อน เพราะเขาต้องการรีบโทรกลับไปอธิบาย แต่มือของเขาลื่นไปโดนปุ่มรับสาย   ภาพโฮโลแกรมของจีเหยียนหรันปรากฏขึ้นมา ตอนแรกเธอมองมาที่หานเซิ่นแล้วก็ยิ้ม แต่ไม่นานรอยยิ้มของเธอก็หายไป   หานเซิ่นต้องการตบกะโหลกตัวเองสักพันครั้ง ทำไมเขาถึงยังไม่ได้ปิดไอ้โฆษณานั่นอีกก็ไม่รู้ เขาพยายามจะอธิบาย “ใจเย็น เหยียนหรัน มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด”   “จริงๆวันนี้ฉันก็มีเวลาว่างนะ แต่ดูเหมือนว่านายจะยังไม่พร้อม ไม่เป็นไรฉันรอได้ ฉันจะรอวันที่นายกลับมาฟิตเหมือนเดิมอย่างใจจดใจจ่อเลย” จีเหยียนหรันพูด   หานเซิ่นเกือบจะเป็นบ้า เพราะในตอนที่เขากำลังจะอธิบาย อยู่ๆก็มีคนมาเรียกจีเหยียนหรัน จากนั้นจีเหยียนหรันก็พูดกับหานเซิ่น “ฉันต้องไปประชุมแล้ว ฉันจะไม่รบกวนนายอีก แต่อย่าลืมพักผ่อนให้เยอะๆนะ”   “ไม่ มันไม่ใช่อย่างนั้น! มันไม่…” หานเซิ่นต้องการจะอธิบาย แต่เธอวางสายไปแล้ว