Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 354 สปริ๊นท์
Super God Gene – ตอนที่ 354 สปริ๊นท์

ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าคุณอวี้จะสามารถต่อสู้กับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้นานกว่านี้ แต่ทว่าคุณอวี้กับตายอย่างรวดเร็วในสภาพที่โหดร้าย   ‘ทำไมมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวนี้ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้นะ?’ หานเซิ่นสงสัย เมื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มของคุณอวี้ หานเซิ่นก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปยั่วยุนกตัวนั้น   “มันคือฟินิกซ์จริงๆ น่ากลัวมาก!” ซูเสี่ยวเฉียวกลัวจนขนหัวลุก   “ฟินิกซ์ตัวจริงมันแข็งแกร่งกว่านี้แน่นอน แต่สำหรับก็อตแซงชัวรี่เขต 1 แล้ว มอนสเตอร์ตัวนี้ถือว่าไร้เทียมทานได้เลย” หานเซิ่นพูดและหันหลังกลับ   เนื่องจากเขารู้แล้วว่ามันคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด และตอนนี้เขาก็ได้ข้อมูลทั้งหมดที่ต้องการแล้ว ก่อนที่เขาจะหาวิธีฆ่ามันได้ ถึงอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร   อาวุธธรรมดาไม่สามารถทำอะไรนกตัวนี้ได้ เพื่อที่จะฆ่ามัน เขาต้องมีความแข็งแกร่งและความเร็วมากกว่านี้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องหาวิธีทำให้มันบาดเจ็บด้วย   เมื่อหานเซิ่นเดินทางกลับมาสตีลอาเมอร์ เขาก็ไปเช็คคราวด์บีท ซึ่งตัวของมันโปร่งใสมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด อีกไม่นานเขาก็จะสามารถฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้อีกตัวแล้ว   “รีบโตเร็วๆ…” หานเซิ่นพึมพำ ขณะมองดูคราวด์บีท   เมื่อหานเซิ่นกลับมาที่เหยี่ยวดำ เขาก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับจำนวนมาก และยังมีข้อความจากห้องแล็บของศาสตราจารย์เหยียนด้วย   เนื่องจากเขาไปทะเลทรายปีศาจมา หานเซิ่นจึงไม่ได้เข้าไปหาศาสตราจารย์เหยียนหลายวันแล้ว หานเซิ่นรีบเปลี่ยนชุดและตรงไปที่ห้องแล็บของศาสตราจารย์เหยียนทันที   “นายหายไปหลายวันเลยนะ โชคดีที่จิงจี้หยาเป็นตัวทดลองที่ดี ไม่งั้นศาสตราจารย์เหยียนคงไม่ปล่อยนายไปแน่” ฉินจื้อหมิงพูด   หานเซิ่นมองดูจิงจี้หยาที่กำลังวิ่งขึ้นลงด้วยความสงสัย “นั่นมันคืออะไร? ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย”   “มันคืออุปกรณ์ใหม่ล่าสุดของเราเรียกว่า สปริ๊นท์ จุดมุ่งหมายของมันคือการเก็บรวบรวมข้อมูลในสภาวะที่ร่างกายทำงานหนักมาก นายจะลองดูก็ได้นะ” ฉินจื้อหมิงนึกขึ้นมาได้ และถามหานเซิ่น “นายทดสอบอุปกรณ์ที่ฉันให้ไปคราวก่อนแล้วใช่ไหม? นายควรให้ข้อมูลฉันกลับมา”   “ผมยังไม่มีเวลาเลย” หานเซิ่นเองก็นึกเรื่องยาและอุปกรณ์ที่ว่าขึ้นมาได้ ซึ่งเขายังไม่ได้ใช้มันเลย   “งั้นนายก็ลองใช้มันดู ถ้ามีเวลา” ฉินจื้อหมิงไม่ได้ยืนกรานให้หานเซิ่นใช้มัน เพราะเขาไม่ได้ผู้ช่วยทดลองอย่างเป็นทางการเหมือนจิงจี้หยา ในการทดลองนี้ข้อมูลของจิงจี้หยาคือหัวใจสำคัญ   หลังออกมาจากสปริ๊นท์ ตัวของจิงจี้หยาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ มันดูราวกับว่าเขาพึ่งจะผ่านขุมนรกมายังไงยังงั้น   “หานเซิ่น มาลองนี่ดูมั้ง” เมื่อเห็นหานเซิ่น จิงจี้หยาก็รีบลากหานเซิ่นเข้าไปในสปริ๊นท์ และปิดประตูทันที   “อย่างน้อยก็บอกก่อนสิว่ามันใช้ยังไง…” หานเซิ่นเห็นสิ่งกีดขวางมากมาย เขาพูดและยิ้มอย่างขมขื่น   มีกำแพงที่ทำจากโลหะอยู่เต็มไปหมด และมีบางอันที่ดักไว้อยู่บนอากาศด้วย   “นายเห็นโซนสีขาวบนกำแพงนั่นไหม? นายต้องเหยียบไปที่โซนสีขาว เพื่อผ่านกำแพงที่ขว้างกั้นทั้งหมดให้ได้ ถ้านายเหยียบจุดอื่นนอกจากโซนสีขาวล่ะก็ นายจะถูกไฟช็อค และต้องเริ่มใหม่ การจะผ่านการทดสอบ นายต้องผ่านกำแพงทั้งหมดไปโดยที่ไม่โดนไฟช็อคเลย” ฉินจื้อหมิงอธิบายกฎให้หานเซิ่นฟัง   “ดูแล้วก็ไม่น่าจะยาก” หานเซิ่นพูดขณะกำลังจ้องไปที่โซนสีขาวที่มีความกว้างประมาน 1 ฟุต ซึ่งมันก็ถือว่ากว้างมากพอสำหรับเขา   แต่ทว่าเมื่อหานเซิ่นเริ่มการทดสอบ เขาก็รู้สึกว่าเขาคิดผิดถนัด เพราะกำแพงโลหะและโซนสีขาวมันถูกออกแบบมาพิเศษเพื่อให้ผ่านได้ยาก กำแพงมันไม่ได้แบนราบ แต่มันเอียงไปคนละมุม บางอันยังเคลื่อนไหวขึ้นลงได้ด้วย ดังนั้นเขาจะต้องกระโดดไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก   ยิ่งกว่านั้น เขาจะต้องใช้ท่าที่หลากหลายเพื่อผ่านไป กล้ามเนื้อเกือบทุกส่วนจะต้องถูกนำมาใช้ มันถูกออกแบบมาอย่างดีด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์   ถ้าเขาไม่เร็วหรือมีความยืดหยุ่นไม่พอ ไม่มีทางที่เขาจะกระโดดไปบนกำแพงต่างๆได้   มันคือการทดสอบที่มีกฎง่ายๆ แต่ความท้าทายสูงมาก แม้แต่สภาพร่างกายที่เหนือกว่าคนอื่นอย่างหานเซิ่นยังรู้สึกว่ามันยากเลย   เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เขาทดสอบอุปกรณ์นี้ เขาเลยไม่รู้ว่ากำแพงแต่ละอันเคลื่อนไหวยังไงบ้าง หานเซิ่นต้องพึ่งพาปฏิกิริยาตอบสนองในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า   ถ้าเขาได้ฝึกทดสอบมันสัก 3-4 ครั้ง มันจะไม่ยากสำหรับเขา   อย่างไรก็ตามการทดสอบระดับนี้ก็ไม่ได้ทำให้หานเซิ่นลำบากมากนัก ถึงมันจะยากมาก แต่หานเซิ่นก็สามารถผ่านมันไปได้   เมื่อเห็นหานเซิ่นทำการทดสอบ จิงจี้หยาก็เหงื่อตก ขณะที่ฉินจื้อหมิงรู้สึกช็อคมาก   ผู้ทำการวิจัยคนอื่นๆเองก็หยุดงานที่ทำอยู่ และเข้ามาดูการทดสอบของหานเซิ่น พวกเขาดูจะประหลาดใจมาก   สปริ๊นท์มันยากมากสำหรับคนทั่วไปก็จริง แต่สำหรับจิงจี้หยามันไม่ยากที่จะผ่าน แต่กระนั้นจิงจี้หยาก็ต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกับมัน ครั้งแรกจิงจี้หยาถูกไฟฟ้าช็อคไปถึง 8 ครั้ง ก่อนที่เขาจะสามารถผ่านมันได้   หมายความว่าถ้ายังไม่ได้ทำความคุ้นเคยกับมัน มีถึง 8 จุดที่จิงจี้หยายังไม่ไวและแม่นยำพอ ซึ่งมันคือจุดสำคัญที่ถูกออกแบบมา   แน่นอนว่าภายในมีสิ่งกีดขวางมากมาย แต่จิงจี้หยาก็สามารถผ่านมันได้หมด เขาพลาดเพียงแค่ 8 ครั้งเท่านั้นในการทดสอบครั้งแรก   หลังจากเคยพลาดไปครั้งหนึ่งแล้ว อัจฉริยะอย่างจิงจี้หยาก็ไม่พลาดแบบเดิมอีกเลย   แต่ทว่าครั้งแรกที่หานเซิ่นทำการทดสอบ เขาไม่พลาดเลยแม้แต่จุดเดียว ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าหานเซิ่นไม่เคยใช้เครื่องทดสอบนี้ พวกเขาคงจะไม่เชื่อว่าหานเซิ่นพึ่งเคยใช้มันครั้งแรก   “มันค่อนข้างยาก ผมช้าเกินไปใช่ไหม?” หานเซิ่นเดินออกจากสปริ๊นท์ในสภาพที่มีเหงื่อไหลเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก สำหรับคนที่ฝึกกายหยกอย่างเขา   “นายทำได้ดีมากๆ ทั้งสภาพร่างกายและปฏิกิริยายอดเยี่ยมมาก!” ตาของฉินจื้อหมิงเป็นประกาย   นักวิจัยคนอื่นๆก็คิดเช่นเดียวกัน เหมือนว่าระดับความยากของสปริ๊นท์ควรจะต้องปรับเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย   ถ้าหานเซิ่นรู้เรื่องที่พวกเขากำลังคิดอยู่ เขาคงจะรู้สึกผิดกับจิงจี้หยาแน่ๆ  

Super God Gene – ตอนที่ 353 นกเพลิง
Super God Gene – ตอนที่ 353 นกเพลิง

คุณอวี้ถูกไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง เขากลิ้งไปตามพื้นเพื่อพยายามจะดับไฟ เมื่อเขาทำสำเร็จเขาก็พบว่าหานเซิ่นนั่งยองๆอยู่ข้างหน้าเขาเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับใช้มีดจ่อไปที่คอของเขา   “คุณอวี้ คุณเป็นคนที่ใจบุญมาก ผมรู้ว่าคุณอยากจะช่วยเหลือคนยากคนจน และคุณคงจะอยากมอบวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิให้ผมแบบฟรีๆอีก ครั้งนี้คุณคิดจะให้ผมสักกี่ดวงดี?” หานเซิ่นเอามีดของเขาอีกอันลูบไปตามหน้าของคุณอวี้   คุณอวี้อยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆสักที เพื่อลงโทษในความโง่ที่ไปยุ่งกับคนอย่างหานเซิ่น เรื่องอะไรเขาจะยอมให้มันง่ายๆ? เขามีวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิอยู่แค่ 2 ดวง ซึ่งดวงหนึ่งก็ให้หานเซิ่นไปแล้ว และตอนนี้เขากำลังจะต้องเสียไปอีกดวง   ที่เขายังไม่ยอมไปจากก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ก็เพื่อหาเงิน ตอนนี้ไม่ใช่แค่เขาไม่ได้เงินเท่านั้น แต่เขายังต้องเสียวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิที่มีถึง 2 ดวง   แม้คุณอวี้จะเซ็งขนาดไหน แต่เขาก็ต้องยอมส่งวิญญาณอสูรให้กับหานเซิ่้น   “ไป!” หลังจากส่งวิญญาณอสูรให้กับหานเซิ่นแล้ว คุณอวี้ก็มองหน้าหานเซิ่นด้วยสายตาที่เครียดแค้น แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรอีก เขากัดฟันและสั่งคนของเขาออกเดินทาง   “เซิ่น ทำไมนายไม่ฆ่ามันซะเลยล่ะ? กับคนแบบนั้นไม่เห็นต้องไว้ชีวิต” ซูเสี่ยวเฉียวทั้งตื่นเต้นและก็งงในเวลาเดียวกัน ในสายตาของเขาหานเซิ่นจะฆ่าพวกเขายกแก๊งเลยก็ยังได้   “ถ้าฉันฆ่าพวกมันหมดแล้วใครจะช่วยเราตามหามอนสเตอร์” หานเซิ่นยิ้มอย่างชั่วร้าย   คุณอวี้และพวกเดินทางมาที่นี่ก็เพราะต้องการตามหามอนสเตอร์รูปร่างเหมือนนกฟินิกซ์ ถ้าเกิดมันเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดจริงๆ มันจะดีกว่าถ้าปล่อยให้พวกเขาลองสู้กับมันก่อน แทนที่จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยง   ถ้ามันเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด หานเซิ่นก็ไม่อยากเข้าไปเสี่ยง มันจะดีกว่าถ้าเขาได้เห็นความแข็งแกร่ง และรูปแบบการต่อสู้ของมันก่อน   ซูเสี่ยวเฉียวเข้าใจความคิดของหานเซิ่น และเดินทางไปกับหานเซิ่น แต่ทว่าพวกคนที่เหลือต่างก็ไม่อยากจะเดินทางต่อกันอีกแล้ว และเริ่มแยกย้ายกันกลับ   “ตกลงคุณอวี้อะไรนั้นเป็นคนที่วิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยเต็มทั้ง 4 ชนิดจริงๆหรอ? เท่าที่ดูฉันไม่รู้สึกว่าเขาจะแข็งแกร่งตรงไหนเลย เป็นไปได้ไหมที่เขาจะโกหก?” ซูเสี่ยวเฉียวถามหานเซิ่นระหว่างเดินทางด้วยสัตว์อสูร   “ถ้าอยากรู้ นายน่าจะลองด้วยตัวเองนะ ถึงหมอนั้นจะไม่มีทักษะการต่อสู้ แต่ระดับความแข็งแกร่งก็เป็นระดับผู้วิวัฒนาการจริงๆ” หานเซิ่นพูด   “จริงดิ? ฉันคิดว่าพวกที่วิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยเต็มทั้ง 4 ชนิดจะแข็งแกร่งมากๆซะอีก แต่ดูแล้วก็งั้นๆ” ซูเสี่ยวเฉียวเองก็เล็งที่จะวิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยเต็มทั้ง 4 ชนิดเช่นเดียวกัน ตอนแรกเขาต้องการจะใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อวิวัฒนาการตอนอายุ 30 ก็ถือว่าไม่ได้แย่ แต่หลังจากที่เขาเห็นคุณอวี้แล้ว ซูเสี่ยวเฉียวก็เริ่มเปลี่ยนใจ และรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสำคัญ บางทีเขาอาจจะไม่ควรเสียเวลาขนาดนั้น และวิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยกลายพันธ์ก็พอ   “หมอนั้นมันเป็นข้อยกเว้น โดยทั่วไปแล้วผู้ที่วิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก แต่หมอนั้นมันไม่ได้ฝึกวิชาการต่อสู้อะไรเลยทำให้มันดูไม่ได้ต่างอะไรจากผู้ยังไม่วิวัฒนาการ เพียงแค่มีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยิ้ม   ขณะที่พวกเขา 2 คนกำลังคุยกัน กลุ่มของคุณอวี้ก็เร่งควบสัตว์อสูรหนีไป พวกเขาหวังจะเจอมอนสเตอร์ที่ว่าก่อนที่ซูเสี่ยวเฉียวและหานเซิ่นจะหาเจอ   เมื่อเห็นซูเสี่ยวเฉียวและหานเซิ่นตามมา คุณอวี้ก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าพวกเขามาถูกทางแล้ว เขาคิดว่าตราบใดที่เขาเจอมอนสเตอร์ก่อน เขาจะสามารถฆ่ามันได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เนื่องจากเขาวิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ   ดังนั้นพวกเขาจึงเร่งสุดฝีเท้า ไม่นานพวกเขาก็ทิ้งห่างหานเซิ่นเเละซูเสี่ยวเฉียว   “พวกเราไม่อยู่ไกลจากพวกเขาเกินไปหน่อยหรอ? ตอนนี้ฉันมองแทบไม่เห็นพวกเขาแล้ว” ซูเสี่ยวเฉียวพูดอย่างเป็นกังวล   “ไม่ ระยะนี้ดีสุดแล้ว” หานเซิ่นขี่สัตว์ตามพวกเขาต่อไปโดยไม่เพิ่มความเร็ว   หลังจากตามพวกเขาไป หานเซิ่นก็เห็นซากของมอนสเตอร์อยู่ตามทาง ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นฝีมือคุณอวี้ หานเซิ่นเช็คดูซากมอนสเตอร์พวกนั้น และพบว่าส่วนมากถูกฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ดังนั้นน่าจะเป็นฝีมือของคุณอวี้   ‘คุณอวี้ไม่เบาเหมือนกัน ถ้าเขาไปสู้กับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดน่าจะสนุกไม่น้อย’ หานเซิ่นคิด   หลังจากเดินทางมาได้ 2 วัน อยู่ๆหานเซิ่นก็หยุดมองอะไรบางอย่างจากระยะไกล   “มีอะไรหรอ?” ซูเสี่ยวเฉียวมองไปทางเดียวกับที่หานเซิ่นมอง แต่เขาไม่เห็นอะไรเลย   “ดูเหมือนกลุ่มของพวกเขาจะกำลังแย่ ไม่แน่ใจว่าพวกเขาไปเจอกับมอนสเตอร์ตัวที่นายบอกรึเปล่า รีบไปกันเถอะ ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น” หานเซิ่นรีบเร่งความเร็ว   หลังจากวิ่งมาได้ไม่กี่ไมล์ ซูเสี่ยวเฉียวก็เห็นกลุ่มของคุณอวี้กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์   แต่มันดูไม่เหมือนกับกลุ่มของคุณอวี้กำลังล่ามอนสเตอร์สักเท่าไหร่ ดูแล้วมันเหมือนมอนสเตอร์กำลังเป็นฝ่ายไล่ฆ่าเสียมากกว่า นกที่ห่อหุ้มด้วยเปลวไฟสีทองบินกวาดฝูงคน ทุกคนที่สัมผัสถูกปีกของมันจะถูกเผา   เมื่อถูกไฟสีทองแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถดับไฟได้ ไม่นานพวกเขาก็ถูกเผาเป็นถ่าน   คุณอวี้มีสัตว์อสูรที่เร็วทำให้สามารถรอดชีวิตมาได้ แต่คนอื่นๆที่เหลือถูกนกฟินิกซ์เผากลายเป็นถ่านจนหมด   แต่ดูเหมือนคุณอวี้เองก็ไม่รอด เขาเพียงแค่ยืดล้มหายใจออกไปได้แปปเดียว ก่อนที่นกฟินิกซ์จะบินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว ราวกับสายฟ้าสีทอง   เมื่อรู้สึกถึงความร้อนจากด้านหลัง คุณอวี้ก็กวัดแกว่งอาวุธไปที่หัวของมอนสเตอร์ ถึงอาวุธที่เขาใช้จะไม่ใช่อาวุธเลือดศักดิ์สิทธิ แต่มันก็เป็นอาวุธที่แข็งแกร่ง แต่ทว่ามอนสเตอร์กลับไม่ต้องหลบการโจมตีของเขาด้วยซ้ำ มันปล่อยให้อาวุธตรงเข้ามาหาตัวมัน   สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นทำให้หานเซิ่นช็อค มีดของคุณอวี้ผ่านหัวของนกไปราวกับว่ามันตัดผ่านไฟจริงๆ มอนสเตอร์ไม่เป็นอะไรเลย   มอนสเตอร์บินผ่านตัวของคุณอวี้ไป ทำให้คุณอวี้ถูกไฟเผาทั้งเป็น ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือกรีดร้องออกมา   ‘มอนสเตอร์ขั้นสุดยอด.. มันเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดแน่นอน..’ หานเซิ่นทั้งช็อคเเละยินดีในเวลาเดียวกัน เขาดีใจที่ในที่สุดก็พบมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดแล้ว แต่มันกับเป็นตัวที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเต่าซะอีก   หลังจากที่ทุกคนถูกเผาเป็นถ่าน นกก็บินตรงไปที่ยอดภูเขาสูงแห่งหนึ่ง   แม้ภูเขาลูกนี้จะอยู่ในทะเลทราย แต่มันก็สวยงามมาก ยอดภูเขาปกคลุมด้วยหิมะ หานเซิ่นกำลังสงสัยว่าทำไมนกมันถึงเลือกที่แบบนั้นเป็นที่พัก   หลังจากที่นกบินไปแล้ว หานเซิ่นและซูเสี่ยวเฉียวก็ตรงเข้าไปที่กลุ่มของคุณอวี้ เมื่อมองดูร่างของพวกเขาที่เหลือแต่ถ่าน พวกเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา   มันเหมือนกับต้นไม้ไม่มีผิด ร่างของพวกเขาถูกเปลี่ยนเป็นถ่านทันที มันเป็นอะไรที่ดูน่ากลัวมาก