Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 681 โจมตีในครั้งเดียว
Super God Gene – ตอนที่ 681 โจมตีในครั้งเดียว

  ต้นไม้หักโค่น พื้นดินสะเทือน ภูเขาพังทราย ตอนนี้มอนสเตอร์ที่น่ากลัวหลายตัวกำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย หานเซิ่นเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ด้วย แต่เขาก็เป็นเหมือนกับเม็ดเบี้ย ตอนนี้เขาเน้นหลบเป็นหลัก เขาไม่กล้าที่จะใช้ท่าเอเลเฟ่นเร็กซ์สไตล์ ถึงเขาจะอยากใช้มันใจจะขาด แต่เขาก็รู้ว่าหลังจากใช้มันแล้วร่างกายของเขาจะหมดพลัง ซึ่งถ้าต้องมาหมดพลังท่ามกลางการต่อสู้ของมอนสเตอร์หลายตัวแบบนี้ล่ะก็ มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่   หลังจากใช้ท่านั้นแล้วพลังงานในร่างกายของหานเซิ่นจะถูกดึงออกมาใช้เกินขีดจำกัด ทำให้เรี่ยวแรงของเขาเรียกได้ว่าหมดจริงๆ ถึงเขาจะมีวิชาตะวันหยกและมนตรานอกรีต แต่มันก็ต้องการเวลาเป็นชั่วโมงๆกว่าจะฟื้นพลังกลับมา   สถานการณ์ตอนนี้ยังซับซ้อนและคาดเดาได้ยากว่าฝ่ายไหนจะชนะ หานเซิ่นเลยยังไม่คิดจะใช้เอเลเฟ่นเร็กซ์สไตล์ ถ้าเขาหมดพลังไปก่อน คนที่จะได้ผลประโยชน์ทั้งหมดจากการต่อสู้ดูแล้วน่าจะเป็นงูสีชมพู   แต่การที่มีหานเซิ่นอยู่ที่นี่ ทำให้ช้างยังไม่สามารถจัดการแม่หมีได้ง่ายๆ หานเซิ่นกับลูกหมีช่วยกันก่อกวนช้างตลอดเวลา ทำให้ช้างไม่สามารถทุ่มพลังทั้งหมดจัดการแม่หมีได้   ช้างส่งเสียงกรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆ มันใช้เท้ากระทืบพื้นอย่างตื่นตระหนก “ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เจ้างูตัวนั้นอาจจะเป็นคนฆ่าช้างก็ได้” หานเซิ่นรู้สึกว่าต้องรีบแล้วเหมือนกัน เขากับหมีเป็นคนที่ต้องรับศึกหนักกับช้างที่บ้าคลั่ง ขณะที่งูโจมตีแบบสบายๆภายในตัวของช้าง งูสีชมพูสามารถกัดกินจากภายในได้ ซึ่งถ้ามันฆ่าช้างได้ ความพยายามทั้งหมดของหานเซิ่นก็จะสูญเปล่า   แต่หานเซิ่นก็ยังไม่รู้ว่าจะฆ่าช้างได้ยังไง ถึงเขาจะใช้เอเลเฟ่นเร็กซ์สไตล์ แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าพลังพอที่จะตัดกระดูกของช้างได้รึเปล่า โอกาสที่หานเซิ่นจะฆ่าได้แบบชัวร์ยังไม่มีเลย   เมื่อยังไม่มีวิธีแก้ปัญหา หานเซิ่นเลยต้องก้มหน้าก้มตาสู้ต่อไปเรื่อยๆ   ปัง! ช้างปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา มันฟาดแม่หมีกระเด็นไป จากนั้นมันก็วิ่งตรงไปที่ภูเขา พร้อมกับส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด   ลูกหมีวิ่งตรงไปที่แม่หมี ดูเหมือนพวกมันไม่ต้องการจะตามช้างไป หานเซิ่นมองพวกมันด้วยความผิดหวัง จากนั้นเขาก็กัดฟันและวิ่งตามช้างไปด้วยตัวเอง   แม้แม่หมีจะบาดเจ็บหนัก แต่มันก็ยังพอสู้ได้ ยิ่งกว่านั้นยังมีลูกหมีคอยช่วยอีกแรง หานเซิ่นยังเสียเปรียบอยู่มาก ถ้าจะสู้กับพวกมัน ยังไงมันก็คือการต่อสู้ 1 ต่อ 2   หานเซิ่นวิ่งตัดผ่านภูเขาไปเพื่อไล่ตามช้าง หานเซิ่นคิดว่างูอาจจะสร้างความเสียหายจากภายในได้หนักจริงๆ ตอนนี้อวัยวะภายในของช้างคงจะเสียหายไปหมดแล้ว มันถึงได้วิ่งหนีไปแบบนั้น   หานเซิ่นเห็นช้างดูตื่นตระหนกมาก มีเลือดไหลออกมาจากหูและปากของมัน เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็ยิ่งรู้สึกกลัวพลังของงู ถ้าเขาต้องเป็นคนสู้กับงู เขาก็ไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันได้แค่ไหน เขารู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที   ในตอนแรกงูสีชมพูโผล่มาข้างหลังของหานเซิ่นได้โดยที่เขายังไม่รู้ตัวเลย ตอนนี้ตัวของหานเซิุ่นชุ่มไปด้วยเหงื่อเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น   ตอนนี้มีเลือดไหลออกมาจากทุกรูทวารของช้าง เลือดของมันไหลไปเป็นทางยาว แต่ช้างก็ยังไม่หยุด;bj’   ตูม! หน้าผาเริ่มพังลงมา ช้างใช้หัวของมันกระแทกหน้าผา มีก้อนหินจำนวนมากตกลงมาใส่มัน แต่มันก็ไม่สนใจ มันเอาหัวโขกหน้าผาครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่ามันพร้อมที่จะบดขยี้สมองของตัวเองให้แหลกไปพร้อมกับก้อนหินพวกนั้น   ช้างใช้งวงของมันฟาดหัวตัวเองรัวๆ จนกะโหลกของมันเกือบจะแหลกอยู่แล้ว   หานเซิ่นขนลุกเมื่อเห็นภาพนั้น เขาตัดสินใจว่าไม่มีทางให้งูตัวนี้เข้ามาใกล้อีก แม้มันจะตัวเล็กแต่มันอันตรายมากจริงๆ   ถ้าเขาต้องโดนเหมือนกันช้างตัวนี้ เขาคิดว่าเขาคงจะทนได้ไม่ถึงนาทีแน่ แม้แต่ช้างที่มีพลังหมาศาลยังอยู่ในสภาพนั้น   ช้างชนจนหน้าผาพังทลายลงมา จากนั้นมันก็วิ่งผ่านหน้าผ่าออกไป แต่ละก้าวของมันทำให้พื้นดินสะเทือน ช้างดูจะเจ็บปวดทรมานมาก   หานเซิ่นรักษาระยะห่างจากมัน ช้างตัวนี้แข็งแกร่งมาก และเขาก็คิดว่าตอนนี้งูสีชมพูคงกำลังกัดกินอวัยวะภายในของช้างอยู่ ซึ่งมันทำให้ช้างบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ   ไม่มีอะไรที่หานเซิ่นจะทำได้ เขาต้องตัดสินใจแล้วว่าจะใช้เอเลเฟ่นเร็กซ์สไตล์ตอนไหนดี   ตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่างูสีชมพูกำลังกัดกินสมองของช้างอยู่ ช้างจะตายตอนไหนก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว   มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอย่างช้างตัวนี้ เมื่อต้องมาเจอกับมอนสเตอร์ตัวเล็กๆที่กัดกินอวัยวะภายใน มันกลับทำอะไรไม่ได้เลย แต่ที่งูทำแบบนั้นได้ก็เพราะมันเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน ถ้าเป็นหานเซิ่นเข้าไปในหูช้าง เขาก็คงจะทำอะไรไม่ได้มาก เพราะยังไงอวัยวะภายในของมันก็เป็นระดับขั้นสุดยอด ซึ่งมันคงแข็งมาก   แม้กัดครั้งเดียวจะไม่เข้า แต่ถ้ากัดหลายๆครั้งก็ไม่แน่ บวกกับงูสีชมพูตัวนี้มีพิษด้วย พิษของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดน่าจะเป็นอะไรที่ร้ายแรงมากๆ   ช้างพุ่งชนหน้าผาอีกครั้ง ไม่นานหน้าผาที่สูงกว่า 200 เมตรก็พังถล่มลงมาด้วยงาช้าง ซึ่งในตอนนี้ช้างก็ได้หยุดเคลื่อนไหวแล้ว มันล้มลงบนพื้น เสียงของมันเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ เหมือนกับว่ามันใกล้จะตายเต็มทีแล้ว   แม้แต่น้ำตาของมันยังไหลออกมาเป็นเลือด ขณะที่แสงสีแดงของดวงตามันเกือบจะดับลงแล้ว ตอนนี้สมองของมันน่าจะถูกงูสีชมพูกัดกินไปเกือบหมดแล้ว   ตอนนี้มันนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น พร้อมกับมีเลือดไหลออกจากปาก จมูกและหูจำนวนมาก มันคงจะตายในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน มันดูสิ้นหวังมาก   หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว ช้างตัวนี้เอาหัวของมันชนกันหน้าผานับครั้งไม่ถ้วน แต่กะโหลกของมันก็ไม่ได้แตก นั่นหมายความว่าหานเซิ่นคงจะฆ่ามันไม่ได้ง่ายๆแน่ แต่ยังไงเขาก็ต้องทำอะไรสักอย่าง   แม้เขาจะใช้เอเลเฟ่นเร็กซ์ไตล์ มันก็ยังไม่การันตีว่าจะฆ่ามันได้ ดูเหมือนคนที่จะปิดชีวิตของช้างตัวนี้ได้คงจะเป็นงูสีชมพูเป็นแน่   หานเซิ่นกัดฟันและบินลงมายืนอยู่ข้างๆหัวของช้าง ตอนนี้มันไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย คงจะเป็นช่วงไม่กี่วินาทีสุดท้ายก่อนมันจะตาย   หานเซิ่นใช้สัมผัสอันทรงพลังของเขาสแกนร่างของช้างโดยเฉพาะส่วนหัว ฝ่ามือของเขาเปลี่ยนเป็นหยก เขารวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่ฝ่ามือ เขาใช้ศาสตร์ตงเสวียนเลียนแบบพลังภายในของช้าง ตอนนี้ร่างกายของเขามีพลังรูปแบบเดียวกับช้าง ทั้งกล้ามเนื้อและกระดูกของหานเซิ่นส่งเสียงร้องออกมา มือของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาล   หานเซิ่นไม่ได้เรียกเร็กซ์สไปค์เพิลงอัคคีอออกมา เพราะยังไงถึงจะใช้มันก็คงเจาะกะโหลกของช้างไม่ได้ง่ายๆแน่ เขามีโอกาสเพียงครั้งเดียว เขาต้องการความชัวร์ในการฆ่าช้าง เพราะถ้าเอเล่เฟ่นเร็กซ์สไตล์ไม่ได้ผล เขาก็จะไม่มีโอกาสครั้งที่ 2   เขาเลือกที่จะใช้ฝ่ามือแทน เพราะเขาจะใช้พลังช้างผสานกับคลื่นหยินหยาง เพื่อส่งพลังเข้าสู่สมองของช้างโดยตรง   หานเซิ่นยังไม่รีบร้อน เมื่อใช้พลังช้างแล้ว เขาจะโจมตีได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เขาต้องระมัดระวังให้มาก และเลือกช่วงเวลาที่ช้างกำลังจะสิ้นใจจริงๆเท่านั้น   ในเวลาเดียวกันหานเซิ่นก็จะใส่พลังทั้งหมดลงไปตรงตำแหน่งที่งูสีชมพูอยู่ด้วย เขาหวังจะทำความเสียหายให้มันอย่างหนัก ด้วยลมปราณของช้าง บวกกับพลังหยิน บางทีงูอาจจะตายเลยก็ได้ ถึงมันจะไม่ตายแต่ถ้ามันสร้างความเสียหายได้มากจริงๆ อย่างน้อยมันก็ช่วยซื้อเวลาให้เขาหนีได้ ถ้าเขาไม่โจมตีมอนสเตอร์ทั้ง 2 ตัวในการโจมตีครั้งเดียว หลังจากช้างตายแล้วเขาจะต้องเสร็จงูอย่างแน่นอน . . ฝากกดติดตามหรือกดLikeเพจด้วยครับ >>> SSG (ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอนที่ 2249 แล้วครับ)

Super God Gene – ตอนที่ 680 พยายามฆ่าช้าง
Super God Gene – ตอนที่ 680 พยายามฆ่าช้าง

  งูสีชมพูบังคับให้หานเซิ่นเข้าไปใกล้ๆช้าง เนื่องจากมันมีแผนที่จะฆ่ามอนสเตอร์ทั้ง 2 ตัวเลย แต่ลำพังตัวของมันเองยังรู้สึกกลัวพลังของช้าง ดังนั้นมันเลยคิดที่จะให้หานเซิ่นเข้าไปตัดกำลังก่อน   หานเซิ่นเองก็สนใจทั้งช้างและลูกหมีในถ้ำเช่นกัน ตอนนี้อย่างดีที่สุดเขามีโอกาสได้ผลึกพลังชีวิตถึง 3 ก้อน โดยปรกติแล้วหลังจากที่ฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ก็จะไม่มีซากของมอนสเตอร์หลงเหลือเอาไว้   หานเซิ่นคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะพวกมันคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดรุ่นแรก ที่น่าจะเกิดมาจากรังของมอนสเตอร์โดยตรง   ส่วนช้างและลูกหมีคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดรุ่นที่ 2 ถ้าพวกมันเหมือนกับโกลเด้นโกรวเลอร์ ร่างของพวกมันก็จะไม่สลายไป หลังจากที่ถูกฆ่า ซึ่งนางฟ้าน้อยก็มาถึงจุดที่เธอไม่ค่อยจะกินอะไรแล้ว ตอนนี้แม้แต่เนื้อมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ เธอก็ยังไม่มอง มันน่าจะใกล้ถึงเวลาที่เธอจะวิวัฒนาการแล้ว บางทีเนื้อขั้นสุดยอดอาจจะเป็นสิ่งที่เธอกำลังต้องการ   หานเซิ่นทำทีเป็นถูกงูกดดัน เขาเชื่อว่าเขาควรจะจัดการช้างก่อนถูกต้องแล้ว ไม่งั้นถ้าหมีดำตายก่อน ยากมากสำหรับหานเซิ่นที่จะจัดการช้างในตอนนั้น   งูสีชมพูอยู่บนกิ่งไม้อย่างนิ่งเงียบ เมื่อเฝ้ามองหานเซิ่น มันอ้าปากและแลบลิ้นออกมา เพื่อขู่ให้เขาเข้าไปหาช้าง   หานเซิ่นกัดฟัน และในที่สุดเขาก็เรียกเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีออกมา หลังจากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปหาช้างทันที   เมื่องูสีชมพูเห็นหานเซิ่นลุยเข้าไป มันก็กางปีกสีแดงของมันและบินตรงเข้าไปบริเวณหูช้างราวกับลูกธนู เป้าหมายของมันชัดเจน มันต้องการสร้างความเสียหายให้ช้างจากภายใน   ช้างเหมือนจะรู้ทันความคิดของงู มันรีบหันหูหลบไปอีกทาง จากนั้นมันก็ใช้งวงโจมตีไปที่งูทันที งูหมุนตัวและบินหลบการโจมตีที่เข้ามา   หานเซิ่นพุ่งมาจากอีกด้าน เขาใช้เร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีโจมตีโดนช้างเต็มๆ เกิดเสียงดังคล้ายเสียงโลหะปะทะกัน แต่กระนั้นมันก็ทำได้แค่สร้างรอยตื้นๆไว้บนกระดูกของช้างสีแดงเท่านั้น มือของหานเซิ่นแทบจะไร้ความรู้สึกไปเลย เขาเกือบจะถืออาวุธไว้ไม่อยู่   “มันแข็งเกินไปรึเปล่าเนี่ย!” หานเซิ่นประหลาดใจ   เนื่องจากช้างมีขนาดใหญ่มาก หลังจากที่มันถูกหานเซิ่นโจมตี มันก็พยายามจะหันไปหาเขา แต่มันหันได้ค่อยข้างช้า ทันใดนั้นหมีดำก็ใช้อุ้งมือจับที่งาของช้างทำให้มันหันไปไม่ได้ นี่เป็นโอกาสที่งูสีชมพูจะเข้าไปที่หูช้างอีกครั้ง   หานเซิ่นยกเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีขึ้น และพุ่งเข้าไปใกล้ๆช้าง ตอนนี้ช้างโครงกระดูกเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งตัวแล้ว มันดูจะไร้จุดอ่อน ดังนั้นหานเซิ่นเลยต้องเล็งไปที่กระดูกชิ้นที่ดูตะบางที่สุด และโจมตีที่จุดนั้น   งาของช้างยังถูกหมีดำจับไว้แน่น ช้างไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มันส่งเสียงร้องดังไปถึงท้องฟ้า ด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาล มันใช้งายกตัวหมีขึ้นมา และก็โยนหมีตรงไปที่ข้างภูเขา เกิดเสียงดังจากการกระแทก ภูเขาพังทลายลงมาทันที   ช้างรีบใช้งวงของมันดึงตัวงูออกมาจากภายในหู ขณะเดียวกันมันก็ใช้ขาหลังเตะไปที่เร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีของหานเซิ่น หานเซิ่นถูกเตะจนกระเด็นไปไกล   ช้างโครงกระดูกตัวนี้แข็งแกร่งจริงๆ แม้จะต้องสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งทั้ง 3 มันก็ยังสู้ได้อย่างไม่เป็นรองเลยสักนิด หานเซิ่นลอยไปชนกับต้นพีชอยู่หลายต้นกว่าที่เขาจะล่วงลงมาถึงพื้น   ถึงเขาจะสวมชุดเกราะและกรีฟการ์กอยล์ป้องกัน แต่เขาก็ยังกระอักเลือดออกมา เขารู้สึกร้อนบริเวณอกเหมือนกับถูกไฟเผา   “บ้าเอ้ย ช้างตัวนี้มันจะแข็งแกร่งไปถึงไหนกัน” หานเซิ่นกัดฟันและพยายามจะลุกขึ้นมา ยังดีที่อาวุธของเขารับแรงกระแทกส่วนมากของช้างไป ทำให้แรงที่เข้ามากระแทกเขาหลงเหลือแค่บางส่วน ไม่งั้นเขาเกรงว่าเขาอาจจะสภาพปางตายไปแล้วก็ได้   ช้างส่งเสียงร้องอีกครั้ง มันก้มหัวต่ำลงเพื่อหันงาตรงไปทางหมีดำที่ยังนอนแน่นิ่งอยู่ จากนั้นมันก็วิ่งตรงเข้าหาหมีดำทันที มันเป็นการโจมตีที่ดูจะรุนแรงมาก ถ้าเกิดหมีดำโดนเข้าละก็ มันคงอาการสาหัสจนมีโอกาสตายได้เลย   ตอนนี้หมีดำก็บาดเจ็บหนักมากอยู่แล้ว มันพยายามตะเกียดตะกายลุกขึ้นจากกองเศษก้อนหิน   เสียงคำราม! ลูกหมีที่ซ่อนอยู่ในถ้ำเห็นว่าแม่ของมันใกล้จะถูกฆ่าแล้ว ทำให้มันส่งเสียงร้องออกมา ขนของมันเป็นเงางามราวกับหินออฟซิเดี่ยน มันวิ่งออกมาจากถ้ำและตรงเข้าไปหาช้าง มันตะปบไปที่กระดูกของช้าง ทำให้เกิดล่องข่วนลึกบนกระดูก   ช้างส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มันใช้งวงของมันจับลูกหมี แต่นั่นมันก็ทำให้แม่หมีมีเวลามากพอที่จะลุกขึ้นจากพื้นได้   เมื่อมันเห็นว่าช้างกำลังจะโยนลูกหมี แม่หมีก็ใช้มือของมันจับงวงของช้างไว้ ทำให้ลูกหมีตกลงมา มันส่งเสียงคำราม ขณะพยายามดึงงวงของช้างด้วยแรงทั้งหมดที่มันมี มันไม่ยอมให้ช้างขยับไปไหนได้   ช้างพยายามสลัดแม่หมีให้หลุดออกไปให้ได้ แต่ทว่ามันเกาะแน่นมาก   แม่หมีใช้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี มันใช้ขาของมันขุดลงไปบนพื้นดิน ไม่ว่ายังไงมันก็จะไม่ให้ช้างไปโจมตีลูกหมีได้   งูสีชมพูใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าไปในหูของช้างเป็นครั้งที่ 3 ทำให้ช้างได้รับความเจ็บปวดทรมานมาก มันส่งเสียงร้องดังไปจนถึงท้องฟ้า จากนั้นมันก็เกิดบ้าคลั่งขึ้นมา มันโยนทั้งแม่หมีและลูกหมีกระเด็นไป   หานเซิ่นอยู่ข้างหลังช้าง เขาใช้กระบวนท่าลับเพื่อที่จะทะลวงตูดของช้าง เขาต้องการใช้ท่าที่เขาเคยเผด็จศึกหมียักษ์เหมันต์ได้   แรงหมุนที่ทรงพลังทะลวงเข้าไปในตูดของช้าง ซึ่งทำให้เกิดประกายไฟจำนวนมาก แต่ทะลวงเข้าไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่มันก็หยุด   กระดูกของช้างแข็งยิ่งกว่าเหล็ก หานเซิ่นไม่มีพลังพอที่จะแทงมันเข้าไปลึกๆ ถ้าเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีไม่สามารถตัดกระดูกของมันได้ การจะแทงเข้าไปลึกๆเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้   เมื่อเห็นช้างเริ่มบ้าครั่งแล้ว หานเซิ่นก็รีบหลบออกมา ตอนนี้เขาเพ่งสมาธิไปที่การหลบเป็นหลัก เมื่อเห็นช้างกำลังจะเตะมาที่เขาอีกครั้ง เขาก็กระโดดหลบ   งูสีชมพูเลื้อยเข้าไปในหูได้ค่อนข้างลึกแล้ว ทำให้ช้างคลั่งยิ่งกว่าเดิม หานเซิ่นและหมีช่วยกันโจมตีช้างพร้อมๆกัน แต่ก็ยังไม่สามารถเอามันลงได้   ตอนนี้แม่หมีที่อึดที่สุดในบรรดาพวกเขารับหน้าที่เป็นตัวรับการโจมตี ถ้าไม่ใช่เพราะแม่หมีเป็นตัวเข้าจน หานเซิ่นกับลูกหมีคงจะตายไปนานแล้ว   หานเซิ่นทุ่มพลังทั้งหมดในการโจมตี ไม่ว่ากระบวนท่าอะไรในวิชามังกรพิษทะยาน เขาก็งัดออกมาใช้ทั้งหมด เขาพยายามจะเบนความสนใจของช้างออกมาเพื่อไม่ให้มันเผด็จศึกแม่หมีได้   งูสีชมพูที่เลื้อยเข้าไปในหู ดูจะเป็นตัวที่ทำความเสียหายให้ช้างได้มากที่สุดแล้ว ตอนนี้ช้างบ้าคลั่งและส่งเสียงร้องตลอดเวลา   ปัง! ลูกหมีถูกงวงของช้างฟาดเต็มๆ มันกระเด็นไปไกล ร่างเล็กๆของมันชนต้นพีชหักไปหลายต้นก่อนมันจะตกลงมา แต่ทว่ามันก็ดูจะไม่เป็นอะไรเลย มันลุกขึ้นมาหน้าตาเฉย และลุยเข้าหาช้างอีกครั้ง หานเซิ่นประหลาดใจมากเมื่อเห็นแบบนั้น   “ลูกของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดแข็งแกร่งจริงๆ” หานเซิ่นช็อค ถึงลูกหมีจะเด็กมาก แต่มันก็มีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก เมื่อมันโตขึ้นมา ด้วยการที่มันเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดรุ่น 2 เหมือนกับช้าง มันน่าจะมีพลังพอๆกับช้างเลย  

Super God Gene – ตอนที่ 679 การต่อสู้ระหว่างมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด
Super God Gene – ตอนที่ 679 การต่อสู้ระหว่างมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด

  บางทีอาจจะเป็นเพราะงูฝูงนี้ที่กำลังตามเขาอยู่ก็ได้ ทำให้หานเซิ่นไม่เจอมอสเตอร์ตัวอื่นเลย ตอนนี้ป่าลูกพีชเต็มไปด้วยงูจำนวนนับไม่ถ้วน   หานเซิ่นไม่รู้ว่าเขามาไกลขนาดไหนแล้ว แต่ไม่ว่าเขาจะหนีไปไกลขนาดไหน เขาก็เห็นแค่งูและต้นไม้ ขณะที่เสียงคำรามของหมีดำก็ยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ   จากระยะไกล หานเซิ่นเห็นต้นไม้สั่นไหวอย่างรุนแรง กิ่งไม้กระจายเกลื่อนพื้นไปหมด ส่วนพื้นดินก็เป็นหลุมเป็นบ่อ   และในที่สุดเขาก็เห็นหมีดำ มันกำลังเฝ้าปากทางเข้าถ้ำอยู่ ตัวของมันเต็มไปด้วยเลือด มันส่งเสียงคำรามดังไปถึงท้องฟ้า ด้านหน้าของมันมีช้างโครงกระดูกอยู่   ช้างโครงกระดูกกำลังใช้งาและง่วงของมันโจมตีหมีดำอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าหมีดำไม่มีโอการที่จะเอาชนะช้างตัวนี้ได้เลย ตัวมันเต็มไปด้วยบาดแผล แต่กระนั้นมันก็ยังคงเฝ้าหน้าถ้ำไม่หนีไปไหน   “หรือว่าในถ้ำจะมีสมบัติอยู่? มอนสเตอร์ขั้นสุดยอด 2 ตัวกำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงสมบัติ?” หานเซิ่นเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อที่จะมองเข้าไปในถ้ำให้ชัดขึ้น   แต่สิ่งที่เขาเห็นมันไม่ใช่สมบัติ มันคือลูกหมีตัวเล็กๆที่อยู่ภายในถ้ำ ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมหมีดำที่ดูจะอ่อนแอกว่าช้างถึงได้ยืนกรานที่จะขวางทางช้างเอาไว้ มันต้องการปกป้องลูกของมัน   ช้างโครงกระดูกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะที่ตัวของหมีดำก็เริ่มมีสีดำมืดขึ้นเรื่อยๆ พวกมันทั้งคู่ต่างก็เด่นในด้านพละกำลัง ฉากการต่อสู้ของพวกมันเป็นภาพที่น่าตกใจมาก ก้อนหินแหลกละเอียด ต้นไม้โค่น และทั่วทั้งบริเวณนี้สั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว   หมีดำมีขนาดตัวที่ใหญ่มาก หานเซิ่นคิดว่ามันน่ากลัวยิ่งกว่าหมียักษ์เหมันต์ซะอีก หมียักษ์เหมันต์มีพลังธาตุน้ำแข็ง แต่หมีดำตัวนี้มีพละกำลังที่มหาศาล ถึงหานเซิ่นจะมีเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคี แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะทำให้มันบาดเจ็บได้   น่าเสียดายที่หมีตัวนี้ต้องมาเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างช้างโครงกระดูก พวกมันต่างก็เป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดที่แข็งแกร่งมากๆ แต่ในเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายเด่นในด้านพละกำลัง เมื่อมีตัวใดตัวหนึ่งอ่อนแอกว่า อีกฝ่ายก็สามารถใช้กำลังกดดันตัวที่อ่อนแอกว่าได้   หมียักษ์สีดำถูกงาของช้างแทงเข้าที่ลำตัว แรงของช้างมหาศาลมากทำให้หมีดำถูกดันให้ถอยหลังไปติดหน้าผา หน้าผาเริ่มมีรอยร้าว งาของช้างแข็งแกร่งพอที่จะแทงทะลุร่างกายของหมีไปได้ มีเลือดไหลออกมาตามงาที่แทงเข้าไป   ปัง! หมีดำตบไปที่คอของช้าง ซึ่งทำให้มันถอยหลังไปนิดหน่อย แต่เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของหมียังไม่ทรงพลังพอ มันแทบจะทำความเสียหายให้ช้างไม่ได้เลย   ตอนนี้ฝูงงูที่ตามหานเซิ่นมาได้หายไปหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ต้องการเข้ามายุ่งกับการต่อสู้นี้ งูสีชมพูเองก็หายไปด้วย หานเซิ่นไม่รู้ว่าทำไมงูสีชมพูถึงได้ไล่ต้อนให้เขามาที่นี่   “มันคงจะไม่ได้ไล่เรามาถึงที่นี่เพื่อให้ดูการต่อสู้หรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว ขณะที่เขากำลังคิดหาเหตุผล   แต่เมื่อเขามองดูหมีดำและลูกที่อยู่ภายในถ้ำ ตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ายังไงหมีดำก็ไม่มีทางเอาชนะช้างตัวนี้ได้ ถ้ามันยังคงต่อสู้กันต่อไปแบบนี้ มันก็คงขึ้นอยู่กับเวลาว่ามันจะตายเมื่อไหร่ จะเป็นยังไงถ้าเขาฉวยโอกาสนี้ในการฆ่ามัน?   ถ้าหมีดำสามารถให้กำเนิดลูกออกมาได้ บางทีผลึกพลังชีวิตของมันก็คงจะเหมือนกับโกลเด้นโกรวเลอร์ ซึ่งมันอาจจะกินได้เลยก็ได้   เมื่อมีความคิดเช่นนี้ หานเซิ่นก็ตื่นเต้นขึ้นมา บางทีเทพีแห่งโชคชะตาคงจะอยู่ข้างเขาอีกแล้ว ด้วยโอกาสที่หาได้ยากแบบนี้ หานเซิ่นอาจจะไขความลับของผลึกพลังชีวิตได้   หานเซิ่นกำลังลังเลอยู่ว่าจะเข้าไปโจมตีตอนไหนดี แต่ทันใดนั้นอยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง หานเซิ่นรีบหันกลับไปด้วยความตกใจ เขาเห็นงูสีชมพูกำลังเลื้อยอยู่แถวกิ่งไม้ใกล้ตัวเขา   หานเซิ่นช็อค เขาไม่รู้ว่ามันเข้ามาใกล้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาสัมผัสถึงตัวมันไม่ได้เลย มันไม่น่าจะเป็นไปได้สำหรับคนอย่างหานเซิ่นที่มีสัมผัสเหนือมนุษย์   งูสีชมพูอยู่ห่างจากหานเซิ่นประมาน 2 ฟุต เขาเลยไม่กล้าที่จะขยับ เพราะเขากลัวว่างูจะโจมตี ถ้าเขาขยับตัว   เร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีเป็นอาวุธที่ใหญ่เกินไปสำหรับจะนำมาใช้กับงูตัวแค่นี้ มันเป็นอาวุธที่เหมาะสำหรับล่ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ๆ แต่เมื่อเจอกับงูตัวแค่นี้ เขาต้องการความแม่นยำและความรวดเร็วมากกว่า เร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคีจะกลายเป็นอะไรที่เกะกะทันทีเมื่อต้องสู้กับงู   แต่ดูเหมือนงูสีชมพูไม่ได้มีความคิดที่จะโจมตีเขา งูมันจ้องมองหานเซิ่น จากนั้นมันก็เอาตัวของมันพันกิ่งไม้และก็หักมัน แล้วมันก็เลื้อยไปที่พื้นพร้อมกับกิ่งไม้ที่หัก จากนั้นมันก็ใช้กิ่งไม้เขียนอะไรบางอย่างบนพื้นดิน   หานเซิ่นมองดูงูสีชมพูด้วยความประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่ามันต้องการอะไร แต่ดูแล้วมันเป็นมอนสเตอร์ที่โดดเด่นในด้านสติปัญญาอย่างไม่ต้องสงสัย   หานเซิ่นมองดูงูสีชมใช้กิ่งไม้ขีดเขียนง่ายๆอยู่หลายขีด และในที่สุดมันก็รวมกันเป็นรูปของช้าง หานเซิ่นเข้าใจได้ทันทีว่ามันคงจะหมายถึงช้างโครงกระดูกแน่ แต่หานเซิ่นก็ยังไม่เข้าใจว่างูมันจะวาดรูปช้างทำไม ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่ เขาก็เห็นงูมันวาดรูปตัว ‘X’ บนรูปช้าง   เมื่อเห็นรูปโคงกระดูกช้างถูกกากบาท หานเซิ่นก็เข้าใจได้ว่างูสีชมพูคงจะพยายามบอกให้หานเซิ่นกำจัดช้างตัวนี้   หานเซิ่นขมวดคิ้ว ในตอนแรกที่ถูกไล่ต้อนมา เขาก็คิดว่ามันอาจจะต้องการให้เขาฆ่ามอนสเตอร์ตัวที่ฆ่าได้ง่ายๆอย่างหมีดำ   เพราะยังไงหมีดำก็ได้รับบาดเจ็บหนัก มันอ่อนแอกว่าช้างแน่ๆอยู่แล้ว สิ่งที่เขาต้องทำก็คือหาจังหวะโจมตีปิดชีวิตของมันก็พอ   แต่การที่งูสีชมพูต้องการให้ฆ่าช้าง ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะมันเป็นงานสุดหินจริงๆ   ‘สัตว์ก็คือสัตว์แหละน่า ถึงมันจะดูฉลาด แต่มันก็ไม่รู้จักดูสถานการณ์เลย’ หานเซิ่นคิดว่างูสีชมพูยังไม่ฉลาดเท่าที่ควร เพราะมันดันเลือกช้างเป็นเป้าหมาย   แต่เมื่อเขาลองคิดเกี่ยวกับมันดีๆแล้ว เขาก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เขาเคยเห็นสติปัญญาของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอย่างราชาหมาป่าและราชาเพกาซัสมาแล้ว งูตัวนี้ก็ไม่ต่างกัน เรื่องแค่นี้มันคงจะมองออกง่ายๆอยู่แล้ว มันต้องมีเหตุผลแน่ที่ต้องการให้จัดการช้างก่อน   หานเซิ่นจำได้ว่าตอนที่อยู่ใต้ต้นพีชยักษ์ งูสีชมพูและหมีดำก็เหมือนๆกัน พวกมันไม่สามารถโคจรพลังได้ พลังภายในของพวกมันดูพร่ามัว แต่ช้างโครงกระดูกและลูกหมีตัวเล็กๆสามารถโคจรพลังภายในได้   ‘เรื่องนี้จะมีความเกี่ยวข้องกันไหมนะ? หรือมันจะเป็นสิ่งที่งูต้องการ’ ยิ่งหานเซิ่นคิด เขาก็ยิ่งช็อค   ถ้างูสีชมพูเล็งที่จะฆ่ามอนสเตอร์ที่สามารโคจรพลังได้ การที่มันต้องการจะจัดการช้างตัวนี้ก็เป็นเรื่องปรกติ   ส่วนหมีดำตัวนี้ก็บาดเจ็บหนักอยู่ ถ้าช้างถูกกำจัดไปแล้ว แม่หมีก็ไม่น่าจะมีแรงพอที่จะปกป้องลูกของมันได้ ซึ่งพวกลูกหมีก็จะต้องเป็นเหยื่อรายต่อไปของงู   เพราะยังไงป่านี้ก็เป็นอาณาเขตของงูตัวนี้อยู่แล้ว ด้วยกองทัพลูกสมุนของมัน มันสามารถรุมเล่นงานแม่หมีที่บาดเจ็บได้ไม่ยาก   ‘งูตัวนี้มันร้ายจริงๆ!’ หานเซิ่นรู้สึกช็อค แต่เขาก็รู้สึกว่านี่อาจจะเป็นโอกาสของเขาด้วยเช่นกัน  

Super God Gene – ตอนที่ 678 งูสีชมพู
Super God Gene – ตอนที่ 678 งูสีชมพู

  ซินเหวินเจาเป็นเด็กหนุ่มที่สุภาพและรู้จักวางตัวดี ดังนั้นหานเซิ่นเลยไม่มีปัญหาสำหรับการเป็นผู้คุ้มครองให้เขา   แต่เรื่องที่หานเซิ่นประหลาดใจมากที่สุดก็คือ ซินเหวินเจาดูจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ ตอนนี้มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดก็ถูกค้นพบแล้ว หานเซิ่นเลยสงสัยว่าทำไมตระกูลซินถึงได้ปล่อยให้เขาวิวัฒนาการเร็วขนาดนี้ เขาสามารถรอได้อีกหลายปีเพื่อเก็บจีโนพ้อยขั้นสุดยอดก่อน   ในช่วงนี้ตารางงานของหานเซิ่นค่อนข้างยุ่ง เขาเลยไม่มีเวลาจะไปหามอนสเตอร์ขั้นสุดยอด ดังนั้นเขาเลยใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับการฝึกศาสตร์ตงเสวียน และไขความลับของผลึกพลังชีวิต   แต่ดูเหมือนจะไม่มีความก้าวหน้าเลยสักอย่าง เนื่องจากเขายังไม่สามารถหาทางที่จะกินผลึกพลังชีวิตได้ เขาเลยตัดสินใจว่าจะให้ตระกูลจีเอามันไปวิจัย เพราะตราบใดที่มันอยู่ในมือเขาก็จะมีสายตานับไม่ถ้วนที่คอยจับจ้องเขาตลอดเวลาเหมือนกับเหยี่ยว การให้พวกเขาลืมผลึกพลังชีวิตไปดูจะปลอดภัยกว่า ถ้าให้ตระกูลจีไปคนอื่นๆก็จะได้เลิกมาเฝ้าจับตาดูเขา หานเซิ่นจะได้รู้สึกเป็นอิสระ   มันจะเป็นเรื่องที่วิเศษมาก ถ้าพวกเขาหาวิธีดูดซับผลึกพลังชีวิตได้ ถ้าพวกเขาไขปริศนาได้ หานเซิ่นก็จะได้มุ่งมั่นกับการล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอด แน่นอนว่าถ้าพวกเขาหาวิธีไม่ได้ ยังไงเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร   เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรให้ทำ หานเซิ่นเลยเตรียมที่จะพาซินเหวินเจาและซูเสี่ยวเฉียวออกไปผจญภัย   แต่ความจริงแล้วหานเซิ่นมีจุดหมายปลายทางในใจ ซึ่งก็คือป่าลูกพีช เขาอยากที่จะฝึกศาสตร์ตงเสวียนให้สำเร็จ เขาไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานแค่ไหน ถ้ายังคงฝึกแบบนี้ทุกวันต่อไป   ถ้าเขาไปเก็บลูกพีชจากต้นพีชยักษ์นั้นมากินได้ บางทีเขาอาจจะฝึกศาสตร์ตรงเสวียนขั้นแรกสำเร็จเลยก็ได้   หานเซิ่นพาซินเหวินเจาและซูเสี่ยวเฉียวไปกับเขาด้วย ซึ่งทุกอย่างก็ดูจะราบลื่น ระหว่างการเดินทางไปที่ป่าลูกพีช พวกเขาฆ่ามอนสเตอร์ไปจำนวนมาก   เมื่อพวกเขาไปถึงป่าลูกพีช หานเซิ่นก็ไม่กล้าที่จะให้พวกเขาเข้าไปข้างในด้วย เขามองดูป่าลูกพีช ในตอนนี้เขาสังเกตเห็นว่าดอกไม้ทั้งหมดเหี่ยวแห้งไปหมดแล้ว แต่ที่ใต้ใบไม้สีเขียวมีผลไม้สีเขียวๆที่มีขนาดเล็กเท่ากับถั่ว มันดูเหมือนจะต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าที่มันจะสุกได้ที่   หานเซิ่นแอบมองจากนอกป่า จากนั้นเขาก็เตรียมที่จะเดินทางกลับ ด้วยการที่เขาพามือใหม่มาด้วย 2 คน เขาไม่กล้าเสี่ยงจะเข้าไป เพราะป่าลูกพีชเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก เขาไม่รู้ว่าข้างในมีมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอยู่กี่ตัว แม้แต่ตัวหานเซิ่นเองก็ยังไม่มั่นใจที่จะเข้าไปเลย   ในตอนที่พวกเขาเตรียมจะกลับ พวกเขาก็ได้ยินเสียงของมอนสเตอร์ดังออกมาจากในป่า มันดังมาจากระยะที่ไกลมาก ดังนั้นเสียงมันเลยดูบางๆ แต่สำหรับหูที่เป็นเหมือนกับเรด้าของหานเซิ่นแล้ว เขาพอที่จะฟังออก   เสียงนั้นเหมือนจะเป็นเสียงของหมีตัวสีดำที่เขาเคยเจอที่ใต้ต้นพีชยักษ์ มันเป็นเสียงคำรามที่มีทั้งความโกรธและเศร้าปนกันอยู่ เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะมีอะไรที่ทำให้มันร้องออกมา   แม้หานเซิ่นอยากที่จะเข้าไปดูให้เห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ต้องพาซินเหวินเจาและซูเสี่ยวเฉียวไปส่งที่เมืองใกล้ๆก่อน เมื่อไปถึงที่นั่นหานเซิ่นก็ให้พวกเขารออยู่ที่เมือง ส่วนเขาก็กลับมาที่ป่าลูกพีช   จากภายนอกป่า หานเซิ่นยังคงได้ยินเสียงร้องของหมีดำ มันเป็นเสียงที่ทำให้เขาคิดว่ามันอาจกำลังจะตาย หานเซิ่นรีบเข้าไปในป่าอย่างเงียบๆ เขาพยายามก้าวเท้าให้เบาที่สุด ขณะที่วิ่งตามเสียงร้องไป   เนื่องจากเขาไม่ได้พาจิ้งจอกสีเงินมาด้วย เขาเลยไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยตลอดการเดินทาง ครั้งนี้มันยากกว่าครั้งที่แล้ว เขาอาจจะเจอมอนสเตอร์จำนวนมากระหว่างทางก็ได้   ตลอดทางที่หานเซิ่นผ่านมา มีงูอยู่แทบทุกที่ เขาเรียกชุดเกราะและกรีฟการ์กอยล์ออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากพวกงู จากนั้นเขาก็รีบตามเสียงของหมีดำต่อไป   ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นงูสีชมพูกำลังเลื้อยอยู่ ซึ่งถ้าเขาไม่เคยมาที่ป่านี้ เขาก็คงจะลุยต่อไปโดยไม่สนใจ   งูตัวนี้ค่อนข้างตัวเล็ก มันมีความยาวประมาณ 1 ฟุตและตัวผอมมาก ด้วยตัวที่สีชมพูทำให้รู้สึกว่ามันไม่น่าจะมีอันตราย มันให้ความรู้สึกว่ามันเป็นมอนสเตอร์ที่ล่าได้ง่ายๆ   แต่หานเซิ่นจำงูตัวนี้ได้ งูตัวสีชมพูตัวนี้อยู่ที่ใต้ต้นพีชพร้อมๆกับเขา มันเป็นงูที่น่ากลัวมาก   หานเซิ่นหยุดเคลื่อนที่ทันที เขาพยายามกดพลังของตัวเองให้เบาบางที่สุด เขาเพียงแค่อยากจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมีดำ เขาไม่ต้องการจะสู้กับงูตัวนี้   แต่งูสีชมพูดูเหมือนมันไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นหานเซิ่น มันแค่เลื้อยไปอีกทางหนึ่งอย่างช้าๆ ราวกับมันกำลังเดินเล่นในสวนสาธารณะ หลังจากมันไปถึงต้นพีชต้นหนึ่ง มันก็ตัดสินใจเลื้อยขึ้นไป   หานเซิ่นรู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปรกติแน่ ดังนั้นเขาเลยปลดล็อคยีน แต่เมื่อเขาสังเกตดูงูที่อยู่บริเวณโดยรอบ พวกมันมีสีแดง สีเขียว สีดำ สีขาวและอื่นๆ พวกมันเลื้อยไปตามพืชและต้นไม้เหมือนกับเถาวัลย์ เขาบอกไม่ได้ว่ามันมีจำนวนเท่าไหร่แน่   “ราชาของเจ้าพวกนี้มันร้ายจริงๆ” หานเซิ่นช็อค เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็ตัดสินใจเรียกปีกวิญญาณอสูรออกมา และพยายามจะบินหนีไป แต่แล้วเขาก็เห็นงูที่มีปีกพุ่งออกจากต้นไม้ แม้แต่งูตัวสีชมพูดก็มีปีกสีแดงที่ดูโปร่งใส มันบินมาเหนือหานเซิ่นและปิดล้อมบริเวณนั้นไว้หมด   หานเซิ่นรีบเรียกเร็กซ์สไปค์เพลิงอัคคี อาวุธที่ยาวกว่า 2 เมตรปรากฏออกมา เขาใช้มันฟันไปที่ฝูงงูทันที พวกมันถูกเผาเป็นถ่านในทันที เมื่อเห็นช่องว่างพอที่ฝ่าออกไปได้ เขาก็หนีออกไปทันที   ไม่นานนักหานเซิ่นก็ตระหนักว่างูตัวสีชมพูก็คล้ายๆกับราชาหมาป่าและราชาเพกาซัส มันมีพลังในการสั่งการลูกน้องของมัน งูพวกนี้ก็มีรูปขบวนเช่นเดียวกัน ถึงพวกมันจะถูกหานเซิ่นตอบโต้อย่างรุนแรง แต่พวกมันก็ยังสามารถกดดันให้หานเซิ่นต้องหนีลึกเข้าไปในป่า   “งูสีชมพูมันต้องการอะไร?” หานเซิ่นช็อค   เขาก็สังเกตว่างูตัวสีชมพูอาจจะไม่ได้ต้องการจะฆ่าเขา มันแค่จะกดดันให้เขาหนีลึกเข้าไปในป่าลูกพีชเรื่อยๆ ไม่มีใครรู้ว่ามันต้องการอะไร แต่สิ่งที่มันทำ เห็นได้ชัดมากว่ามันต้องการให้เขาเข้าไปในป่าลึก   หานเซิ่นไม่อยากจะประมาทสติปัญญาของมอนสเตอร์พวกนี้ เขาต้องการจะหนี แต่เขายังไม่เจอโอกาสดีๆเลย   ป่านี้เต็มไปด้วยงู บ่อยครั้งที่พวกมันจะพุ่งออกมาจากต้นพีชโดยไม่ให้เขาได้ตั้งตัว พวกมันไล่กดดันหานเซิ่นให้หนีลึกเข้าไปในป่าลูกพีช   งูมันกำลังไล่หานเซิ่นให้ตรงเข้าไปหาหมีดำ หานเซิ่นถูกไล่ให้หนีไปเป็น 100 ไมล์แล้ว เสียงร้องของหมีเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นเสียงร้องที่ดังกว่าที่เขาจิตนาการไว้มาก หมีดำดูจะโกรธมากๆในตอนนี้   หานเซิ่นกัดฟัน เขาคิดว่าความเร็วในตอนนี้อาจจะพอผ่านหมีตัวนั้นไปได้ ฝูงงูยังไม่ได้โจมตีเขา แต่พวกมันรักษาความเร็วในการไล่ตามเขาไป และด้วยเหตุผลบางอย่างดูเหมือนพวกมันต้องการให้หานเซิ่นเข้าไปตรงนั้น . . ฝากกดติดตามหรือกดLikeเพจด้วยครับ >>> SSG (ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอนที่ 2175 แล้วครับ)

Super God Gene – ตอนที่ 677 ต้นแบบ
Super God Gene – ตอนที่ 677 ต้นแบบ

  หลังจากที่หานเซิ่นกลับมาที่เมืองเทพธิดา หลูฮุยและผู้ครองดินแดนทางเหนือ หวงยวิ๋นหลง ได้ส่งคนมาหาเขา พวกเขาหวังว่าจะได้ร่วมมือกับหานเซิ่นในการล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวอื่นๆต่อไป   หานเซิ่นไม่ได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธ เขาพูดเพียงว่า “สักวันจะได้ร่วมมือกัน”   แม้แต่ฟิลิปก็ยังเดินทางมาพบหานเซิ่น เพื่อดูว่าเขาพอมีโอกาสที่จะได้เข้าร่วมทีมของหานเซิ่นรึเปล่า   แม้ซีซิวเหวินจะไม่ต้องการก้มหัวให้หานเซิ่น แต่พ่อของเขาก็สั่งให้เขาไปหาหานเซิ่นเพื่อขอเข้าร่วมทีมด้วย   ในตอนนี้คนที่ดูจะยุ่งที่สุดก็คือหยางม่านลี่ เนื่องจากหานเซิ่นเป็นหัวหน้าแค่ในนามเท่านั้น จริงๆแล้วเขาแทบไม่ได้ทำงานทำการเลย งานในฐานะหัวหน้าทั้งหมดของเขาจึงเป็นหน้าที่ที่หยางม่านลี่ต้องจัดการ ดังนั้นเธอจึงเป็นคนที่ต้องค่อยรับหน้าพวกคนที่จะมาขอเข้าร่วม ยิ่งกว่านั้นเธอยังมีหน้าที่ในการรับผิดชอบกองกำลังเทพธิดาด้วย นี่ยังไม่ร่วมกับหน้าที่ของหน่วยพิเศษอีก ทำให้เธอแทบไม่มีเวลาทำอะไรเลย   “ไม่ว่านายจะเป็นผู้ครองเมืองหรือหน้าหัวอะไรก็ตาม แต่นายก็ควรจะทำอะไรบ้าง” มันยากมากที่หยางม่านลี่จะทำงานเสร็จในแต่ละวัน และวันนี้หยางม่านลี่ก็รับภาระต่อไปไม่ไหว เธอเลยต้องมาพบหานเซิ่น เธอต้องการมาคุยกับเขาในเรื่องสำคัญ แต่เมื่อเธอเห็นเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา เธอก็เห็นหานเซิ่นนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งถือผลน้ำเต้าสีทองและมืออีกข้างก็ลูบขนของจิ้งจอกสีเงินอยู่   มีสปิริตสาวผมสีเงินอยู่ข้างหลังเขา เธอกำลังยุ่งอยู่กับการนวดไหล่ให้เขา ขณะที่สปิริตผมบลอนด์ก็นวดเท้าให้กับเขา   หยางม่านลี่รู้สึกว่านี่มันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ เธอต้องทำงานหนักทุกวัน ขณะที่หานเซิ่นเอาแต่นั่งชิวๆ   “ฉันประทับใจกับผลงานของเธอมาก” หานเซิ่นยิ้ม ตอนนี้หน้าที่ทุกอย่างในการบริหารทุ่งน้ำแข็งเป็นของหยางม่านลี่   “อย่างน้อยๆนายก็ควรจะเขียนรายงายเองบ้าง” หยางม่านลี่ไม่ค่อยชอบใจกับทัศนคติของหานเซิ่นในตอนนี้เท่าไหร่ เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่ไม่ทำอะไรเลย ถึงได้นั่งรอรับผลประโยชน์ที่มหาศาล ขณะที่เธอทำงานงกๆอยู่ทุกวันกลับแทบไม่ได้อะไรเลย ยิ่งเธอทำงานหนักเท่าไหร่ คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือหานเซิ่นคนเดียว แม้ตำแหน่งในปัจจุบันของเธอ จะทำให้เธอได้ค่าตอบแทนสูงมากก็ตาม แต่มันก็ยังทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่   การที่หานเซิ่นไม่ค่อยสนใจเรื่องธุรกิจ ทำให้พวกผู้นำคนอื่นๆได้รับผลประโยชน์ด้านนี้ไปเต็มๆ แต่สำหรับคนที่เพิ่งจะฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้อย่างเขา กับเรื่องแค่นี้คงจะไม่อยู่ในสายตาของเขา   ‘เขาเป็นมนุษย์คนแรกที่ฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้จริงๆหรอ?’ แม้หยางม่านลี่จะชินกับการที่จะต้องมาค่อยประหลาดใจกับหานเซิ่นแล้วก็ตาม แต่ในเรื่องนี้เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อจริงๆ   เป็นเวลามากกว่า 200 ปีแล้วที่มนุษย์เข้ามาตั้งหลักปักฐานในก็อตแซงชัวรี่ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา หานเซิ่นกับเป็นคนแรกที่ทำเรื่องนี้ได้ มันทำให้หยางม่านลี่ทำใจเชื่อยาก   คนที่เธอเคยคิดว่าไม่เอาไหนกลับมาได้ไกลถึงขนาดนี้ และตอนนี้เขาก็นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ   “รายงานอะไร? ฉันคิดว่าปรกติเธอจะคอยจัดการเกี่ยวกับรายงานของฉันไม่ใช่หรอ?” หานเซิ่นมองหยางม่านลี่ด้วยความประหลาดใจ   เมื่อหยางม่านลี่ได้ยินที่เขาพูด เขาก็กัดริมฝีปาก เธอพูด “แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่านายฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้? แล้วจะให้ฉันเขียนรายงานยังไง?”   “ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็จะเล่ารายละเอียดให้เธอฟัง” หานเซิ่นไม่ค่อยซีเรียสเรื่องการเขียนรายงาน เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เสียเวลา ปรกติถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือสำคัญจริงๆ คนที่จะจัดการทั้งหมดคือหยางม่านลี่   ด้วยการที่มีหยางม่านลี่คอยช่วย ทำให้เขามีเวลาว่างพอที่จะทำทุกอย่างที่ต้องการได้ ถ้าอยู่ๆมีคนมาขโมยเธอไป เขาคงจะต้องแย่แน่ๆ เขาคงจะไปหาคนอย่างหยางม่านลี่มาไม่ได้อีกแล้ว ใครมันจะไปยอมทำงานหนักขนาดนี้?   ‘หรือว่าเราควรจะขึ้นเงินเดือนให้เธอ? เราคงจะต้องเพิ่มส่วนแบ่ง%ให้เธอบ้าง’ หานเซิ่นคิด   “ฉันสามารถช่วยนายเขียนรายงานได้ แต่มีภารกิจที่นายต้องไปทำด้วยตัวเอง” หยางม่านลี่พูด   “ภารกิจอะไร?” หานเซิ่นถาม   “มีชายหนุ่มเพิ่งจะมาถึงก็อตแซงชัวรี่เขต 2 และเขาก็ถูกส่งมาที่ทุ่งน้ำแข็ง เขาขอให้นายไปคุ้มครอง” หยางม่านลี่พูด   หานเซิ่นขมวดคิ้ว “แล้วฉันจะเอาเวลาไหนไปทำเรื่องแบบนั้น? ส่งลูกน้องของเธอไปคุ้มครองเขาแทนก็ได้นิ”   “ฉันเกรงว่าเรื่องนี้ฉันจะทำไม่ได้” หยางม่านลี่ยิ้ม   “แน่นอนว่าเธอต้องทำมันได้ ถึงเขาจะเป็นบุตรของเทพ ฉันก็ไม่เห็นจะต้องไปปฏิบัติกับเขาเป็นพิเศษกว่าคนอื่นเลย” หานเซิ่นพูด   “เขาไม่ใช่บุตรของเทพ แต่เขาแซ่ซิน นายควรจะทำงานนี้ ฉันไม่สามารถช่วยนายได้จริงๆ” หยางม่านลี่ยักไหล่   “ซิน?” หานเซิ่นประหลาดใจ เขาถาม “เขาเป็นญาติของกัปตันซินหรอ?”   “เขาคือหลานของเธอ” หยางม่านลี่ยิ้ม   “อ่า ฉันเข้าใจแล้ว งั้นให้เขามาพบฉัน!” น้ำเสียงของหานเซิ่นเปลี่ยนไปทันที   ตระกูลซินคือตระกูลที่ดูแลหน่วยพิเศษอยู่ พวกเขาช่วยหานเซิ่นไว้มากจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องการคุ้มกันครอบครัวของหานเซิ่น ถ้าไม่ได้พวกเขาหานเซิ่นคงจะไม่ได้อยู่อย่างสบายใจอย่างทุกวันนี้ เมื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์กับซินเสวียน เขาจะต้องรับงานนี้   ขณะที่เขากำลังรอซินเหวินเจา แต่ดูเหมือนจะมีผู้ติดตามของซินเหวินเจาตามมาด้วย ซึ่งเป็นคนที่หานเซิ่นคุ้มเคยเป็นอย่างดี   “ซูเสี่ยวเฉียว?” หานเซิ่นมองคนคนนั้นด้วยความประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยว่าคนคนนี้จะวิวัฒนาการแล้วถูกส่งมาที่ทุ่งน้ำแข็งด้วย   “น้องเซิ่น ในที่สุดฉันก็พบนาย” ซูเสี่ยวเฉียวเข้าไปกอดหานเซิ่นอย่างตื่นเต้น ดูเขาดีใจจนเกือบจะร้องไห้เลยทีเดียว   หานเซิ่นคุยกับซูเสี่ยวเฉียวอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็ขอให้หยางม่านลี่หาตำแหน่งในกองกำลังเทพธิดาให้ซูเสี่ยวเฉียนด้วย จากนั้นเขาก็เดินออกไปพบซินเหวินเจา   คนนี้ดูแล้วน่าจะอายุน่าจะเฉียดๆ 20 เขาดูเป็นคนที่สุภาพอ่อนโยน ชายหนุ่มหน้าละอ่อนอยู่ตรงหน้าของหานเซิ่น   “สวัสดีครับ อาเซิ่น ผมซินเหวินเจา” ชายหนุ่มทักทายหานเซิ่นอย่างสุภาพ แต่ในใจของหานเซิ่นคิด ‘อา? ฉันแก่ถึงขนาดนั้นแล้วหรอ? ฉันแก่กว่านายแค่ไม่กี่ปีเองนะ!’   ดูเหมือนซินเหวินเจาจะดูออกว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไรอยู่ เขาพูด “น้าของผมบอกให้ผมเคารพคุณให้มาก และเนื่องจากพวกคุณน่าจะอายุพอๆกัน ผมเลยคิดว่าควรจะเรียกคุณว่าอา ถ้าผมไม่เรียกคุณว่าอา น้าของผมอาจจะหาว่าผมไม่เคารพคุณ”   “ฉันคิดว่าแบบนั้นก็คงไม่เป็นไร” หานเซิ่นตอบ เขาไม่ค่อยจะสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เขามองซินเหวินเจาและถาม “ทำไมนายถึงอยากให้ฉันเป็นผู้คุ้มครอง?”   ซินเหวินเจาตอบ “น้าของผมมักจะพูดอยู่สมอว่าคุณคือคนที่แข็งแกร่งมากๆ ผมหวังว่าสักวันจะเป็นอย่างคุณให้ได้ โชคดีจริงๆที่ผมถูกส่งมาที่ทุ่งน้ำแข็ง ดังนั้นผมเลยหวังจะได้เรียนรู้จากคุณ ผมจะไม่ทำตัวให้เป็นภาระ ผมจะทำงานและฝึกซ้อมอย่างหนัก”   “จริงหรอ? น้าของนายพูดแบบนั้นจริงๆใช่ไหม?” หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขมากที่ได้ยิน เขาเลยต้องถามให้แน่ใจ   “ใช่ครับ เธอพูดถึงคุณบ่อยมาก เธอมักจะใช้คุณเป็นแบบอย่างในการสอนพวกเรา พวกเด็กรุ่นใหม่ในตระกูลเรา ทุกคนชื่นชมคุณทั้งนั้น” ซินเหวินเจาพูด   “เอ่อ… นายลองยกตัวอย่างให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมว่าซินเสวียนพูดถึงฉันว่ายังไงบ้าง?” หานเซิ่นถามอย่างไม่อาย  

Super God Gene – ตอนที่ 676 สมมติฐานเกี่ยวกับผลึกพลังชีวิต
Super God Gene – ตอนที่ 676 สมมติฐานเกี่ยวกับผลึกพลังชีวิต

  “นายฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้จริงๆหรอ?” จีเหยียนหรันถาม จากนั้นเธอก็อ้าปากค้างด้วยความช็อค ขณะฟังหานเซิ่นอธิบาย แม้หานเซิ่นจะอธิบายรายละเอียดให้เธอฟังแบบพอเข้าใจ แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อ ดังนั้นเธอเลยต้องถามอีกครั้ง   “ฉันก็เพิ่งจะบอกว่าฉันฆ่ามันไม่ใช่หรอ? มันยากเกินไปสำหรับเธอที่จะเชื่อฉันหรอ?” หานเซิ่นนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงานของจีเหยียนหรัน ขณะที่จีเหยีนหรันนั่งอยู่บนตักของเขา   “เรื่องแบบนี้มันเชื่อกันได้ง่ายๆซะที่ไหน?” จีเหยียนพรันพูด   “แล้วครอบครัวของเธอว่าไงบ้าง” หานเซิ่นถามพร้อมกับยิ้ม   “พ่อบอกให้ฉันมาถามนายว่า ฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้จริงๆรึเปล่า เขายังให้ถามอีกว่าได้วิญญาณอสูรมาด้วยรึเปล่า ส่วนเรื่องผลึกพลังชีวิต เขาให้ถามนายว่า นายอยากจะขายรึเปล่า” จีเหยียนหรันบอกกับหานเซิ่นตามจริงโดยไม่มีการปิดบัง   “ฉันฆ่ามันจริงๆ แต่ฉันไม่ได้วิญญาณอสูร ฉันได้ผลึกพลังชีวิต แต่ถ้าเธอต้องการ ฉันก็จะยกมันให้เธอ” หานเซิ่นยิ้ม หานเซิ่นเข้าใจจีเหยียนหรันดี เขาเลยพูดออกไปแบบนั้น   จีเหยียนหรันรู้สึกดีที่ได้ยินแบบนั้น เธอตอบ “นั่นเป็นความคิดของพ่อ ถ้านายต้องการนายควรเก็บไว้เองดีกว่า ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครมากดดันให้นายขายมัน แต่ถ้านายอยากจะขายมันจริงๆก็ขอให้ขายให้ตระกูลจีก่อนก็พอ เพราะยังไงฉันก็เป็นแฟนของนาย”   “ฉันขอเวลาศึกษามันอีกสักหน่อย นี่มันเป็นผลึกพลังชีวิตอันแรกของฉัน ถ้าฉันยังไม่สามารถหาวิธีที่จะกินมันได้ งั้นฉันก็คงจะต้องให้ภรรยาของฉันเป็นคนจัดการ” หานเซิ่นยิ้ม   “ใครคือภรรยานาย?” จีเหยียนหรันมองหานเซิ่นด้วยหางตา แต่ในใจของเธอรู้สึกชอบคำพูดของเขามาก   หานเซิ่นต้องรีบหาวิธีที่กินผลึกพลังชีวิตให้ได้ ถ้าเขายังหาวิธีไม่ได้ล่ะก็ เขาคิดว่ามันคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะให้ตระกูลจีเป็นคนศึกษาวิจัย เพราะยังไงตระกูลจีก็เป็นตระกูลที่มีความพร้อมในทุกด้านอยู่แล้ว มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะหาวิธีการกินมันได้ และมันยังทำให้จีเหยียนหรันมีความสุขด้วย   จีเหยียนหรันไม่เคยบ่นเรื่องฐานะของเขาตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเลย แต่เขาก็รู้ว่าเธอคงจะได้รับแรงกดดันจากครอบครัวไม่มากก็น้อยที่มาเลือกคนอย่างเขา   แต่แน่นอนว่าการที่เขาจะยกผลึกพลังชีวิตให้เธอ ต้องเป็นกรณีที่เขาจนปัญญาแล้วจริงๆ เพราะยังไงหานเซิ่นก็ต้องการกินมันมาก ถ้าเขาหาวิธีได้ เขาคงจะไม่ขายให้ตระกูลจี   หานเซิ่นมีสมมุติฐานอยู่ 2-3 ข้อเกี่ยวกับผลึกพลังชีวิต แต่เขายังไม่ได้พิสูจน์มัน   ถ้าพวกตระกูลจียังไม่สามารถกินผลึกพลังชีวิตของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ได้ ก็หมายความว่าผลึกพลังชีวิตของทั้ง 2 เขตนั้นเหมือนๆกัน การจะดูดซับมันจะต้องมีวิธีการพิเศษ   แต่หานเซิ่นกับสามารถกินมันได้แบบง่ายๆตอนอยู่ก็อตแซงชัวรี่เขต 1 เมื่อเขานึกย้อนกลับไปตอนนั้น ก็อตแซงชัวรี่เขต 1 มีความแตกต่างจากก็อตแซงชัวรี่เขต 2 อยู่หลายประการ   ผลึกพลังชีวิตอันแรกที่เขาได้มา มันไม่ได้มาจากการล่า แต่มันเป็นเพราะโกลเด้นโกรวเลอร์คายมันออกมาเพื่อให้ลูกของมันกิน จากนั้นหานเซิ่นก็ขโมยมา   ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หานเซิ่นก็สามารถกินผลึกพลังชีวิตทุกอันที่ได้มาจากการล่า ในตอนนี้หานเซิ่นเริ่มคิดว่ามันน่าจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลัง   นอกเหนือจากนั้นแล้วหานเซิ่นก็นึกไม่ออกว่ามีอะไรที่แตกต่างกันอีก ถ้าเทียบกับตอนที่อยู่ก็อตแซงชัวรี่เขต 1 แล้ว ตัวเขาในตอนนี้เหนือกว่าตอนนั้นทุกอย่าง แต่เขากับกินผลึกพลังชีวิตไม่ได้   เหตุผลข้อเดียวเลยที่หานเซิ่นพอจะคิดได้ การที่เขากินผลึกพลังชีวิตในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ได้นั่นก็คือโกลเด้นโกรวเลอร์   แต่เมื่อคิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้มันเป็นแบบนั้น เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงมันคงยากที่เขาจะกินมันได้ เขาไม่มีทางหามอนสเตอร์ที่จะคายผลึกพลังชีวิตออกมาให้เขาอีกแล้วในก็อตแซงชัวรี่เขต 2   ‘มันจะต้องมีวิธีดูดซับผลึกพลังชีวิตอยู่แน่ แต่เราแค่ยังหามันไม่เจอ’ หานเซิ่นคิด   หลัวจากกลับมาที่ห้อง หานเซิ่นก็นั่งตอบข้อความพวกคนที่เขารู้จัก เขาบอกทุกคนไปว่าเขาฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้จริง   ในยุคนี้มนุษย์พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นว่าพวกเขาจะล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้เมื่อไหร่ โดยเฉพาะในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 มีความเป็นไปได้สูงในการฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอด หานเซิ่นไม่คิดว่ามันมีประโยชนอะไรที่จะปกปิดเรื่องนี้ต่อไป   แต่การจะฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 หานเซิ่นคิดว่ามนุษย์คงจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่จะทำสำเร็จเหมือนกับที่เขาทำ   มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 มีพลังที่น่ากลัวมาก ไม่เคยมีใครทำให้มันบาดเจ็บได้เลยด้วยซ้ำ ถ้ามนุษย์ไม่ได้เก็บจีโนพ้อยขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ได้เต็มก่อน พวกเขาก็แทบจะหมดสิทธิ   ถ้าคนอื่นๆต้องการจะฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 พวกเขาจะต้องรอให้มีคนที่วิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยขั้นสุดยอดขึ้นมาจากก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ก่อน   เนื่องจากมนุษย์ในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ยังไม่รู้วิธีที่จะกินผลึกพลังชีวิตเลยด้วยซ้ำ เลยยังไม่น่าจะมีใครเก็บจีโนพ้อยขั้นสุดยอดให้เต็มได้   ในตอนนี้หานเซิ่นถือว่ามีสถานะที่ได้เปรียบคนอื่นอยู่มาก เขาเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่มีสิทธิที่จะฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้ เขาจะต้องเก็บจีโนพ้อยขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ให้เต็มแล้ววิวัฒนาการเท่านั้น เพราะหานเซิ่นกลัวว่าขนาดมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ยังน่ากลัวขนาดนี้ แล้วมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดในก็อตแซงชัวรี่เขต 3 เขต 4 จะน่ากลัวขนาดไหน   รัฐบาลยังไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลของก็อตแซงชัวรี่เขต 3-4 ให้คนทั่วไปได้รับรู้ อาจจะเป็นเพราะมันเป็นสถานที่ที่อันตรายเกินไป พวกเขาเลยไม่อยากให้ประชาชนเข้าไปกัน ข้อมูลเกี่ยวกับก็อตแซงชัวรี่เขต 3 ขึ้นไปมีน้อยมากๆ   ถึงแม้หานเซิ่นจะสามารถวิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยขั้นสุดยอดแล้วไปที่ก็อตแซงชัวรี่เขต 3 เขาจะยังมีความสามารถพอที่จะฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้รึเปล่าตัวเขาเองก็ยังไม่มั่นใจ   เมื่อไม่มีจีโนพ้อยขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 เป็นพื้นฐาน ทำให้มนุษย์ดูอ่อนแอเมื่ออยู่ก็อตเเซงชัวรี่เขต 2 ยิ่งเป็นก็อตแซงชัวรี่เขต 3 เหตุผลที่มนุษย์ดูอ่อนแอมากตอนอยู่ที่นั่น ก็เพราะพวกเขาไม่มีพื้นฐานจีโนพ้อยขั้นสุดยอดจากเขต 1 และ 2 ทำให้พวกเขามีโอกาสรอดชีวิตต่ำมาก   การใช้ชีวิตอยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 3 เป็นเรื่องที่ยากมาก แม้แต่ยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์ยังต้องดิ้นร่นเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน   ‘มันยังเร็วเกินไปที่เราจะไปคิดเรื่องนั้น เรายังหาวิธีกินผลึกพลังชีวิตไม่ได้เลยด้วยซ้ำ’ หานเซิ่นเตือนสติตัวเอง     หานเซิ่นบอกให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับความสำเร็จของเขา “บ้าไปแล้ว! นายบอกว่านายฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้งั้นหรอ?” หลังจากที่ได้ยินถังเตียงลิ่วก็อ้าปากค้าง   “แข็งแกร่งจริงๆ” อีตงมู่พูดสั้นๆ   “พระเจ้า! คุณคือมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 อย่างไม่ต้องสงสัย!” จูถิงช็อค   ปฏิกิริยาของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป แต่หลักๆแล้วพวกเขาช็อคกันหมด จูถิงบอกหานเซิ่นว่าตอนนี้มีคนจากตระกูลเฉินตามหาเขาอยู่ พวกเขาบอกให้จูถิงเป็นเพื่อนกับหานเซิ่นต่อไป พวกเขาหวังจะให้จูถิงเป็นส่วนหนึ่งในทีมของหานเซิ่น สมาชิกตระกูลเฉินส่วนใหญ่ไม่ต้องการจะเอาเรื่องหานเซิ่นเกี่ยวกับประเด็นการตายของเฉินรันอีกต่อไป พวกเขาหวังจะให้หานเซิ่นขายผลึกพลังชีวิตให้พวกเขา ตระกูลเฉินจะได้มีโอกาสขึ้นมาเป็นใหญ่บ้าง   ในตอนแรกจูถิงก็รู้สึกกังวลมากจริงๆ แต่หลังจากที่รู้ว่าหานเซิ่นฆ่ามอนเสอตร์ขั้นสุดยอดได้ สถานการณ์ก็เปลี่ยน ตอนนี้เขารู้สึกโล่งขึ้นมาก   “พวกเขาทำได้จริงๆหรอเนี่ย?” เมื่อเหล่ยเฮิงหวู่ได้ยินข่าวก็ทำให้เขาช็อคมาก เมื่อเห็นหานเซิ่นและหวังอวี่ฮังทำได้ มันก็ทำให้เขารู้สึกแย่ที่ตัดสินใจไปเข้ากับหลูฮุยแทน  

Super God Gene – ตอนที่ 675 ตกตะลึงทั้งสหพันธ์ดวงดาว
Super God Gene – ตอนที่ 675 ตกตะลึงทั้งสหพันธ์ดวงดาว

  แม้สมาชิกตระกูลจีจะไม่เชื่อว่ามันเป็นความจริง แต่ก็มีหลายคนถามพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องที่หานเซิ่นได้ผลึกพลังชีวิต มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและคนจากองค์ต่างๆที่เข้ามาถาม เนื่องจากทุกคนเชื่อว่าหานเซิ่นคือคนของตระกูลจี   การที่ต้องเป็นจุดสนใจของผู้คนแบบนี้ ทำให้ตระกูลจีต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ในที่สุดเรื่องก็ไปถึงสมาชิกระดับสูงของตระกูล   “ลูกสาวของพ่อ ดูเหมือนลูกจะเลือกผู้ชายได้ถูกคนจริงๆ” จียัวเจินยิ้มอย่างขมขื่น เนื่องจากเขาได้รับคำถามเกี่ยวกับหานเซิ่นมามากมายเหลือเกิน ทำให้เขาต้องติดต่อไปหาจีเหยีนหรัน   “ว่าที่ประธานสหพันธ์หาเวลาว่างโทรมาหาลูกสาวได้แล้วหรอคะ?” จีเหยียนหรันยิ้ม   ในช่วง 2 ปีนี้ จียัวเจินกำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งประธานสหพันธ์ดวงดาว ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาแทบไม่มีเวลาให้ครอบครัวเลย เขาแทบจะไม่ได้ติดต่อจีเหยียนหรันเลย แต่เธอก็เข้าใจดีว่าพ่อของเธอกำลังทำงานที่สำคัญมากๆอยู่   “อย่าพูดแบบนั้น พ่อเป็นแค่หนึ่งในผู้สมัคร” จียัวเจินยิ้มอย่างอบอุ่น เขาพูดต่อ “ช่วงนี้พ่อยุ่งมากจริงๆ แต่เหตุผลที่พ่อต้องติดต่อลูกก็เพราะเรื่องเกี่ยวกับว่าที่ลูกเขยของพ่อ”   “ทำไม? เกิดอะไรขึ้นกับหานเซิ่น? เขาไปทำอะไรผิดใช่ไหม?” สีหน้าของจีเหยียนหรันเปลี่ยนไปทันที   “มันเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ และมันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างช็อคทีเดียว” จียัวเจินหยุดยิ้ม เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เครียดเล็กน้อย   “เกิดอะไรขึ้น?” จีเหยียนหรันรีบถาม   “เขาอาจจะฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้ ลูกช่วยถามเขาให้หน่อยได้ไหม ช่วยยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี่และ…” จียัวเจินไม่ได้ปกปิดข้อมูลนี้กับลูกสาวของเขา เขารู้จักเธอดี เธอชอบที่จะฟังความจริงมากกว่าไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม   จีเหยียนหรันทั้งช็อคและดีใจ เธอรู้ว่าแฟนของเธอเป็นอัจฉริยะ แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนี้ ถ้านี่เป็นความจริง มันก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆ และมันก็มีความสำคัญต่อตัวเธอเองด้วย   เนื่องจากจีเหยียนหรันไม่ได้มีพรสวรรค์ ทั้งในด้านการต่อสู้ เธอก็ไม่เอาไหน และเธอก็ยังไม่ชอบเข้าสังคมกับพวกคนใหญ่คนโตด้วย ส่วนเรื่องเกี่ยวกับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด เธอก็รู้มาพอๆกับคนอื่น เธอรู้เรื่องที่จีชิงฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ และสร้างชื่อให้ตระกูลมาก แต่งบประมาณที่ใช้ไปก็มหาศาลจริงๆ   แต่หานเซิ่นกับฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้แบบเงียบๆ โดยไม่มีกำลังสนับสนุน นี่เป็นเรื่องที่ช็อคมากจริงๆ   มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 จะต้องฆ่าได้ยากกว่าเขต 1 มากแน่ๆ แล้วมันเป็นไปได้ยังไงที่หานเซิ่นสามารถทำมันได้   จีเหยียนหรันรีบโทรหาหานเซิ่นทันที โดยไม่สนใจฟังที่พ่อเธอจะพูดต่อ แต่เธอก็พบว่าสายไม่ว่าง ดูเหมือนเขาจะคุยกับคนอื่นอยู่   จีเหยียนหรันวางสายไปก่อน เธอไม่ได้ดังทุรังจะโทรไปเรื่อยๆ เพราะเธอรู้ว่าหานเซิ่นคงจะมาหาเธอแน่ มันแค่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น   หลังจากที่หานเซิ่นกลับมาที่สหพันธ์ดวงดาว เสียงคอมของเขาก็ดังไม่หยุด เมื่อหานเซิ่นดู เขาก็พบว่ามีสายโทรเข้ามานับไม่ถ้วน แต่คนที่กำลังโทรหาเขาตอนนี้ก็คือซินเสวียน   หานเซิ่นรับสาย และภาพของซินเสวียนก็ปรากฏขึ้นมา เธอพูดทันที “ฉันรู้ว่านายคงจะยุ่งมากในตอนนี้ แต่ฉันต้องขอถามนายในฐานะหัวหน้างาน นายฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้จริงๆใช่ไหม? แล้วถ้านายทำได้จริง นายสนใจจะขายผลึกพลังชีวิตไหม?”   “ผมฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้จริง มันคือหมียักษ์เหมันต์ แต่ผมยังไม่มีแผนที่จะขายผลึกพลังชีวิต เอาไว้ถ้าเกิดผมเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ ผมจะติดต่อคุณก่อนก็แล้วกัน” หานเซิ่นยิ้ม   ซินเสวียนมองหานเซิ่นด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เธอเห็นหานเซิ่นเติบโตและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเธอก็ชื่นชมเขามาก เธอคิดว่าเขาเป็นคนที่พิเศษ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่เธอก็ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นคนแรกที่ฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้   ในตอนนี้มีหลายองค์กร หลายหน่วยงาน หลายตระกูลที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อจะล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดให้ได้ แต่ก็ไม่มีทีมไหนทำได้สำเร็จ ในตอนที่ตระกูลจีทำสำเร็จ พวกเขาก็ต้องใช้งบประมาณมหาศาล   แต่หานเซิ่นกับฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้แบบเงียบๆ โดยไม่ต้องมีกำลังสนับสนุน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ช็อคมาก ใครๆก็จินตนาการออกว่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 จะต้องล่าได้ยากกว่าเขต 1 มากๆอยู่แล้ว   ทุกคนเชื่อว่าหานเซิ่นเป็นคนของตระกูลจี และคงได้รับกำลังสนับสนุนจากพวกเขา แต่ซินเสวียนรู้ดีว่ามันไม่ใช่แบบนั้น เธอไม่เคยคิดเลยว่าตระกูลจีจะให้ความช่วยเหลืออะไรเขา เรื่องนี้คงจะเป็นความสามารถเขาเองล้วนๆ   มันทำให้เธอนึกถึงเด็กหนุ่มตัวน้อยๆที่เพิ่งจะเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่ในสมัยก่อน ในตอนนี้เด็กหนุ่มคนนั้นมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว เขาทำเรื่องที่ใครก็คาดไม่ถึง ซึ่งมันทำให้ซินเสวียนรู้สึกแปลกๆ นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน   “ตกลงตามนั้น ถ้านายเปลี่ยนใจก็ให้ติดต่อมาหาฉัน นายคงยุ่งมาก งั้นฉันคงไม่รบกวนนายมากไปกว่านี้” ซินเสวียนพูดพร้อมกับยิ้ม   “ครับกัปตัน ไว้เราค่อยหาเวลาคุยกันวันหลัง” หานเซิ่นพูด   หานเซิ่นวางสาย จากนั้นเขาก็ปิดเครื่องคอมของเขาไปเลย เพราะมีคนจำนวนมากกำลังโทรมาหาเขาในตอนนี้ ซึ่งกว่าครึ่งเป็นคนที่เขาไม่รู้จักด้วย ดังนั้นเขาเลยไม่อยากที่จะมาไล่รับสายทีละคน   หานเซิ่นไปที่ห้องทำงานของจีเหยียนหรัน ตอนนี้ราวกับว่าทั้งสหพันธ์ดวงดาวรู้เรื่องที่เขาทำลงไป เขารู้สึกว่าแฟนของเขาเป็นคนแรกๆที่ควรจะได้รับคำอธิบายจากเขาก่อน   ขณะที่เขามาถึงประตูเข้าห้องทำงานของจีเหยีนหรัน เขาก็เจอแอนนี่ สายตาที่เธอมองเขาในวันนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านๆมา มันไม่ได้เย็นชา เหมือนเธอมีเรื่องบางอย่างในใจที่อยากจะพูดกับเขา   แอนนี่แข็งแกร่งกว่าหานเซิ่นมาก พวกเขา 2 คนอยู่คนละระดับกัน แต่ตอนนี้แอนนี่ไม่กล้าที่จะไปประเมินหานเซิ่นต่ำเกินไปอีกแล้ว   เธอก็ได้ยินข่าวเรื่องที่หานเซิ่นเพิ่งจะทำไป เขาฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ก็คือสุดยอดของสุดยอด   หานเซิ่นทำได้โดยไม่ต้องพึ่งแรงสนับสนุนจากใคร แต่คนส่วนมากก็ยังเชื่อว่าตระกูลจีเป็นเเบล็คอัพให้เขา แต่แอนนี่รู้ความจริงดี ตระกูลจีไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไรเขาเลย และเขาก็ไม่เคยขอความช่วยเหลืออะไรไปด้วย   ความช่วยเหลือเดียวที่หานเซิ่นได้รับจากตระกูลจีก็คือ เรื่องที่จีเหยียนหรันให้พ่อของเธอใช้เส้นสายเอาเขามาทำงานที่ยานแดฟเน่ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้แอนนี่เชื่อเสมอว่าหานเซิ่นก็แค่พวกเกาะผู้หญิงเท่านั้น   แต่ตอนนี้เขาไม่ได้พึ่งพาอิทธิพลของครอบครัวจีเหยียนหรันเลย เขาฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ด้วยตัวเอง   เรื่องนี้ไม่ใช่แค่แอนนี่เท่านั้นที่ช็อค แต่คนทั้งสหพันธ์ดวงดาวเองก็เช่นกัน ตอนนี้แอนนี่ไม่กล้าที่จะคิดว่าหานเซิ่นเป็นพวกเกาะผู้หญิงอีก ที่สำคัญเขาดูเป็นสภาพบุรุษกว่าที่เธอคิด เขาอ่อนโยนกับจีเหยียนหรันมาก ตอนแรกเธอก็ยังคิดเลยว่าเขาแกล้งทำเพื่อหลอกจีเหยียนหรัน แต่ตอนนี้เธอเริ่มเชื่อแล้วว่านั่นคือตัวตนจริงๆของเขา . . ฝากกดติดตามหรือกดLikeเพจด้วยครับ >>> SSG (ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอนที่ 2145 แล้วครับ)