Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 624 ผลน้ำเต้าประหลาด
Super God Gene – ตอนที่ 624 ผลน้ำเต้าประหลาด

  กระดูกที่มีความยาว 100-200 เมตรกองกันเกลื่อนภูเขาไปหมด แต่ส่วนมากจะถูกตะไคร่หรือเถาวัลย์ยึดเกาะอยู่ ซึ่งเพียงแค่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของมันก็ทำให้คนรู้สึกหนาวแล้ว   หานเซิ่นสังเกตดูกระดูกพวกนี้อย่างละเอียด พวกมันดูเก่าแก่ และแฝงไปด้วยพลังลึกลับ แม้มันจะอยู่เฉยๆ แต่พลังของมันก็ทำให้มอนสเตอร์ตัวอื่นๆไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้ภูเขาแห่งนี้   นี่ไม่ใช่กระดูกธรรมดาๆ เท่าที่ดูหานเซิ่นคิดว่ามันน่าจะเป็นโครงกระดูกของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดที่ตัวใหญ่มากๆ   ‘ถ้าเกิดเราเอากระดูกพวกนี้ไปทำซุป เราจะได้จีโนพ้อยขั้นสุดยอดไหมนะ?’ หานเซิ่นสงสัย แต่เมื่อมองดูโครงกระดูกขนาดใหญ่อีกครั้ง เขาก็ต้องล้มเลิกความคิดนี้ไป   หานเซิ่นเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อสังเกตมันให้ชัดๆ   เฉินรันเห็นหานเซิ่นให้ความสนใจกระดูกของมอนสเตอร์ที่เป็นผู้พิทักษ์ภูเขามาก เขาไม่ได้พูดอะไร เขาปล่อยให้หานเซิ่นดูได้ตามใจชอบ   กระดูกพวกนี้ดูครบถ้วนสมบูรณ์ดี ราวกับว่ามอนสเตอร์ตัวนี้ตายอย่างสงบบนภูเขาแห่งนี้   เฉินรันเรียกลูกน้องที่ชื่อว่า สวี่ตงจิน จากนั้นสวี่ตงจินก็เรียกดาบวิญญาณอสูรออกมา เขาเดินเข้าไปใกล้ๆกระดูก และฟันกระดูกจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วภูเขา แต่ปรากฏว่าไม่มีรอยขีดข่วนบนกระดูกเลยแม้แต่นิดเดียว   “กระดูกพวกนี้แข็งเป็นที่สุด แม้แต่อาวุธเลือดศักดิ์สิทธิก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้” สวี่ตงจินเก็บดาบวิญญาณอสูร และอธิบายถึงความแข็งแกร่งของมัน   แต่นี่เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีเลยว่านี่เป็นโครงกระดูกของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดจริงๆ ไม่งั้นการที่สวี่ตงจินฟันลงไปแรงขนาดนั้นจะต้องหลงเหลือร่องรอยไว้บ้างแล้ว   แต่นี่ก็เป็นปริศนา ทำไมมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดถึงตายอย่างสงบบนภูเขาแห่งนี้?   เฉินรันพูดคุยอยู่กับควีน ขณะที่หานเซิ่นเดินดูกระดูกสันหลังของมอนสเตอร์ ยิ่งเขาเดินไปไกลเท่าไร ก็ยิ่งมีเถาวัลย์เกาะกระดูกมากขึ้น มันทำให้หานเซิ่นสงสัยมากว่ามอนสเตอร์ตัวนี้ตายมานานขนาดไหนแล้ว และโครงกระดูกของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดจะต้องใช้เวลามากแค่ไหนกว่าจะย่อยสลายไป   เมื่อหานเซิ่นเดินไปจนถึงบริเวณหัวกะโหลก เขาก็พบว่ามันดูคล้ายๆกับโครงกระดูกของสุนัข ฟันของมันดูน่ากลัวมาก แค่นึกถึงตอนที่มันฉีกกระชากเหยื่อก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกเสียวสันหลังแล้ว   หานเซิ่นถอนหายใจ ‘น่าเสียดายจริงๆที่มันเหลือแค่โครงกระดูก ไม่รู้ว่ามันตายมานานแค่ไหน แต่ถ้าไม่หลงเหลือเนื้อก็ไร้ประโยชน์’   เมื่อเขาเตรียมจะเดินกลับไปรวมกับคนอื่น เขาก็บังเอิญไปเห็นถั่วที่ขึ้นอยู่บนเถาวัลย์ที่พันอยู่แถวกะโหลก สีของมันเป็นสีเหลืองเหมือนกับเถาวัลย์   หานเซิ่นเดินเข้าไปดูใกล้ๆ และพบว่าจริงๆแล้วมันเป็นผลอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายๆน้ำเต้าขนาดเล็ก ขนาดของมันสามารถถือได้ด้วยมือข้างเดียว ดูเหมือนมันจะแตกหน่อออกมาจากเถาวัลย์พวกนี้   คนปรกติทั่วไปจะไม่ค่อยให้ความสนใจพวกพืช แต่นั่นไม่ใช่หานเซิ่น เนื่องจากมีเถาวัลย์จำนวนมากอยู่บริเวณกะโหลก ทำให้หานเซิ่นคิดว่าผลน้ำเต้าพวกนี้จะต้องมีอะไรพิเศษบางอย่าง   หานเซิ่นเอามือจับผลน้ำเต้า และพยายามจะดึงมันออกมาจากเถาวัลย์ แต่ถึงเขาจะใช้แรงทั้งหมด เขาก็ไม่สามารถดึงมันออกมาได้ นี่ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจมาก ‘ทำไมมันถึงได้ดึงยากขนาดนี้?’   “ยอมแพ้ดีกว่าพ่อหนุ่ม ถึงนายจะพยายามแค่ไหน แต่มันก็จะไม่หลุดออกมาจากเถาวัลย์ ผลน้ำเต้าพวกนั้นก็แข็งเหมือนกับกระดูกนั่นแหละ ถึงนายจะใช้อาวุธช่วย มันก็เปล่าประโยชน์ มีเรื่องหนึ่งที่นายอาจจะยังไม่รู้ มีหลายคนมาที่นี่และพยายามดึงมันดู แต่ก็ยังไม่เคยมีคนดึงมันออกได้มาก่อน แม้บางคนจะใช้ไฟเผา แต่ก็ไม่ได้ผลอยู่ดี” สวี่ตงจินพูดกับหานเซิ่น ขณะเดินเข้ามา   หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น หานเซิ่นก็ยิ่งคันไม้คันมืออยากจะลองขึ้นมา เขาเรียกดาบวิญญาณอสูรมาสค็อตออกมาและก็พูด “ถ้าเป็นแบบที่คุณพูดจริง ก็ช่วยไม่ได้ผมขอลองหน่อยแล้วกัน”   หานเซิ่นฟันลงไปที่ผลน้ำเต้าด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี เขารู้สึกเหมือนกับฟันลงไปบนยาง ดาบของเขาปะทะกับมันแล้วก็เด้งกลับ   “เป็นเหมือนกับที่ฉันบอกเลยใช่ไหม?” สวี่ตงจินหัวเราะ   “ใช่คุณพูดถูก มันแข็งมากจริงๆ!” ความอยากรู้อยากเห็นของหานเซิ่นยิ่งเพิ่มขึ้นอีก เขาคิดว่าผลน้ำเต้าพวกนี้จะต้องเป็นอะไรที่พิเศษแน่ๆ   ถ้าผลน้ำเต้าและเถาวัลย์พวกนี้แข็งแกร่งผิดปรกติ ดูแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้มันฉีกขาด หานเซิ่นเก็บดาบวิญญาณอสูร จากนั้นเขาก็ใช้มือจับผลน้ำเต้าอีกครั้ง เขาแอบปลดล็อคยีนอย่างเงียบๆและเตรียมที่จะดึงมัน แต่อยู่ๆผลน้ำเต้าก็หลุดลงมาบนมือของเขา นี่ทำให้หานเซิ่นช็อค   สวี่ตงจินช็อคยิ่งกว่าหานเซิ่น เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าผลน้ำเต้าจะหลุดออกมาด้วยแรงดึงของหานเซิ่น “นายทำแบบนั้นได้ยังไง?”   มันเป็นเวลานานมากแล้วที่เถาวัลย์พวกนี้พันอยู่บนกระดูกของมอนสเตอร์โบราณ มีคนนับไม่ถ้วนเดินทางมาที่นี่และก็จากไป พวกเขาต่างก็มาเสี่ยงโชคด้วยการลองดึงผลน้ำเต้าที่ขึ้นอยู่บนเถาวัลย์ แต่ก็ยังไม่เคยมีใครทำสำเร็จ   แต่ตอนนี้หานเซิ่นพึ่งจะมาถึง และเขาก็ดึงมันออกได้ด้วยมือเปล่า นี่เป็นเรื่องที่ทำให้สวี่ตงจินช็อค   “ผมก็ไม่รู้ ผมแค่ใช้แรงดึงมันนิดเดียว แล้วอยู่ๆมันก็ล่วงลงมาเอง” หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เขาดึงมันออกมาได้ง่ายเกินไป เขายังไม่ทันจะได้ออกแรงเลยหลังจากปลดล็อคยีน   สวี่ตงจินเห็นหานเซิ่นดึงผลน้ำเต้ากับตา เขาไม่เห็นว่าหานเซิ่นจะใช้แรงมากมายอะไร นี่มันยิ่งทำให้สวี่ตงจินรู้สึกประหลาดใจ   “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?” เฉินรันเดินมาพร้อมกับควีนและลูกน้องคนอื่นๆ   “ดูเหมือนสหายหนุ่มของเราจะดึงผลน้ำเต้าออกมาได้ด้วยมือเปล่าๆ!” สวี่ตงจินรายงานเฉินรันไปตามที่เขาเห็น   เฉินรันและคนอื่นๆดูจะประหลาดใจมาก แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร พวกเขาเชื่อว่ามันเป็นแค่พืชทั่วๆไปไม่ได้มีอะไรพิเศษ   “น้องหาน ดูเหมือนนายจะเป็นคนที่มีดวงชะตาที่ไม่ธรรมดา ไม่มีใครรู้ว่าผลน้ำเต้าพวกนี้อยู่มากี่ปีแล้ว มันไม่เคยถูกใครดึงออกมาได้ก่อนเลย และตอนนี้น้องหานพึ่งจะมาถึง แต่ก็สามารถดึงมันออกมาได้แล้ว ดูเหมือนมันจะยอมรับในตัวนาย” เฉินรันยิ้ม เขาพูดต่อ “ขอฉันดูมันหน่อยได้ไหม?”   “แน่นอน” หานเซิ่นส่งผลน้ำเต้าให้กับเฉินรันโดยไม่ลังเล   เฉินรันสังเกตมันอย่างระเอียด แต่เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรพิเศษ เขาส่งให้สวี่ตงจินดูต่อ ซึ่งสวี่ตงจินเองก็คิดเหมือนกับเฉินรัน จากนั้นสวี่ตงจินก็ส่งมันคืนให้กับหานเซิ่น   “ไม่รู้เหมือนกันว่าผลน้ำเต้านี้มีความหมายอะไร แต่เหมือนว่าควรจะให้หานเซิ่นเก็บมันไว้จะดีกว่า บางทีมันอาจจะเป็นของล้ำค่าก็ได้” สวี่ตงจินพูด   ‘มันไม่ใช่แค่พืชที่เหี่ยวแห้งธรรมดาๆแน่ มันจะต้องเป็นของล้ำค่าแน่นอน ฉันเชื่อแบบนั้น’ หานเซิ่นเก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อ   ทุกคนเริ่มเดินทางขึ้นไปบนยอดเขาต่อ ด้วยการที่มีเฉินรันนำทาง ทำให้พวกเขาสามารถหลบเลี่ยงจุดที่มีมอนสเตอร์ชุกชุมไปได้ นี่ทำให้การเดินทางดูราบลื่นมาก   ขณะที่กำลังเดินอยู่ หานเซิ่นก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ มีบางสิ่งผิดปรกติ ผลน้ำเต้าเริ่มเต้นอยู่ภายในกระเป๋าเสื้อของเขา เหมือนกับการเต้นของหัวใจ   หานเซิ่นช็อค เขาเอานิ้วไปสัมผัสกับผลน้ำเต้าโดยไม่ให้ใครเห็น   จังหวะการเต้นของผลน้ำเต้า ดูคล้ายกับการเต้นของหัวใจมนุษย์มาก แต่เพราะว่ามันเต้นเบามากๆ หานเซิ่นจะไม่รู้ตัวเลยว่ามันเต้นอยู่ ถ้าเกิดว่าเขาไม่ใช้สัมผัสที่ 7   หลังจากที่มันเต้น หานเซิ่นก็รู้สึกหลอนขึ้นมาทันที เขาแทบอยากจะขว้างมันทิ้งไปในทันที ภาพในวันที่ดอกบัวให้กำเนิดแมลงสีแดง 18 ตัวยังอยู่ในหัวของเขา นี่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกกลัวพวกพืชประหลาดๆ    

Super God Gene – ตอนที่ 623 กระดูกของมอนสเตอร์โบราณ
Super God Gene – ตอนที่ 623 กระดูกของมอนสเตอร์โบราณ

  เคร็ง! หอก กระบี่และมีดตกลงไปบนพื้น ทรราช อิจฉาสวรรค์และแมวขี้เกียจถูกหานเซิ่นฟันจนอาวุธหลุดมือ พวกเขาหน้าซีด ขณะมองดูหานเซิ่นที่สีหน้ายังคงดูไร้อารมณ์ความรู้สึก   แม้พวกเขาจะร่วมมือกัน 3 คน แต่ก็ยังแพ้ หานเซิ่นแข็งแกร่งเกินไป เขาอยู่ในระดับที่เหนือมนุษย์ ทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่งและความแม่นยำของเขาอยู่สูงเกินไป   วิชาดาบที่หานเซิ่นใช้เป็นการโจมตีที่รุนแรง มันมีพลังที่เกินจิตนาการ ไม่มีใครเลยในบรรดาพวกเขาทั้ง 3 คนที่สามารถรับการโจมตีของเขาได้   ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าพวกเขาไม่มีทางสู้กับหานเซิ่นได้ ฝีมือมันห่างกันมากเกินนัก   แมวขี้เกียจรู้สึกสิ้นหวัง แต่ตอนนี้เธอก็ตระหนักแล้วว่าทำไมควีนถึงได้ต้องการให้หานเซิ่นเข้าร่วมทีมนัก พลังของเขาน่ากลัวจริงๆ   อิจฉาสวรรค์เบิกตากว้าง เขาเชื่อว่าหานเซิ่นเกินระดับของพวกเขาไปไกลแล้ว การคิดจะเอาชนะหานเซิ่นเป็นเรื่องที่โง่มาก แต่ยังไงเขาก็ยังไม่อยากจะยอมรับเรื่องที่ควีนจะออกจากกลุ่มเพื่อคนที่ไม่รู้จักแบบนี้   “ไปกันเถอะ!” ทรราชพูด จากนั้นเขาก็หันหลัง คงไม่มีใครรู้ได้ว่าตอนนี้ในใจของเขาเจ็บปวดขนาดไหน   ทรราชไม่เคยเห็นหานเซิ่นอยู่ในสายตาเลย แต่แล้วอยู่ๆหานเซิ่นกับมีพลังที่ผิดมนุษย์มนา ถ้าแค่เขาแพ้หานเซิ่นคนเดียวก็ยากที่จะทำใจแล้ว แต่นี่ 3 รุม 1 ก็ยังแพ้   หลังจากที่เห็นพวกเขา 3 คนไปกันหมดแล้ว หานเซิ่นก็เก็บดาบวิญญาณอสูร จากนั้นเขาก็หันไปทางต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง “ตอนนี้คุณน่าจะออกมาได้แล้วนะ!”   ควีนปรากฏตัวออกมาจากต้นไม้ใหญ่ จากนั้นเธอก็เดินเข้ามาหาหานเซิ่นและก็กระซิบ “ขอบคุณ”   “เรื่องอะไรล่ะ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับยิ้ม แม้เขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่เขาก็เข้าใจว่าเธอขอบคุณเรื่องที่เขาไม่ได้ทำอะไรรุนแรงหรือฆ่าพวกเขาทั้ง 3 คน แม้อีกฝ่ายจะต้องการเอาชีวิตเขาก็ตาม   ควีนไม่ตอบ เธอแค่มองไปยังทิศทางที่ 3 คนเดินไป จากนั้นเธอก็ถอนหายใจ   มันยากที่หานเซิ่นจะได้เห็นควีนในสภาพที่หมดอะไรตายอยากขนาดนี้ ตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าในโลกใบนี้คงจะไม่มีอะไรทำให้เธอเป็นทุกข์ได้อีกแล้ว แต่ตอนนี้เขาเห็นเธอดูเป็นทุกข์มาก   “จะไปภูเขาเวหาใช่ไหม? ไปกันได้แล้ว” ควีนกลับไปดูเย็นชาและไร้อารมณ์อีกครั้ง   “มันจะดีจริงๆหรอที่คุณจะทิ้งพวกเขาไปแบบนั้น?” หานเซิ่นอยากจะเข้าใจความคิดของควีน   “ฉันรับพวกเขามาร่วมทีมก็เพราะคิดว่าพวกเขามีประโยชน์ ถ้าวันหนึ่งฉันคิดว่านายหมดประโยชน์เมื่อไหร่ ฉันก็คงจะทิ้งนายโดยไม่ลังเล” ควีนเริ่มเดิน จากนั้นเธอก็พูดต่อโดยไม่หันหลังกลับมามอง “นายเองก็เช่นกัน ถ้าคิดว่าฉันหมดประโยชน์ก็ไปได้เลย”   ‘ผู้หญิงคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่?’ หานเซิ่นถอนหายใจออกมา แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องตามควีนไป   หานเซิ่นมีคำถามมากมายที่อยากจะถาม แต่เขาเลือกที่จะเก็บมันไว้ มันก็เหมือนที่ควีนพูด เธอต้องการพลังของเขา และเขาก็ต้องการพลังของเธอเช่นกัน แค่นั้นก็พอแล้ว   การฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดด้วยตัวคนเดียวเป็นเรื่องที่ยากเกินไป แม้แต่หานเซิ่นเองก็อยากจะร่วมมือกับผู้วิวัฒนาการระดับแนวหน้าอย่างควีน   ภูเขาเวหาดูเหมือนกับเสาขนาดใหญ่ซะมากกว่า มันดูไม่ค่อยเหมือนกับภูเขาที่หานเซิ่นรู้จัก มันเหมือนกับเสาที่เชื่อมต่อท้องฟ้ากับพื้นดิน นี่คงจะเป็นที่มาของชื่อมัน   เมื่อพวกเขาไปถึงตีนเขา ควีนหันมามองหานเซิ่นด้วยสีหน้ากังวล “ภูเขาเวหาเป็นของตระกูลเฉิน ถ้านายไปเจอคนตระกูลเฉินเข้าก็ให้ระวังเฉินรันเป็นพิเศษ”   “เขาแข็งแกร่งมากเลยหรอ?” หานเซิ่นเคยเจอคนตระกูลเฉินมาก่อน รวมถึงจูถิงก็เป็นคนตระกูลเฉินเหมือนกัน เขาฝันอยากจะเรียนเซเว่นทวิสต์มาโดยตลอด แต่เขายังไม่มีโอกาส   แม้จูถิงเองก็ได้เรียนวิชานี้ แต่เหมือนว่าเขาจะเป็นทายาติที่ตระกูลไม่ต้องการ ส่วนเซเว่นทวิสต์ของจูถิงก็แค่ระดับปลายแถว   “เฉินรันปลดล็อคยีนได้เมื่อ 80 ปีก่อน” ควีนพูดแค่ประโยคเดียว และไม่อธิบายอะไรมากกว่านั้น   แต่แค่นี้ก็ทำให้หานเซิ่นรู้ถึงความน่ากลัวของเฉินรันแล้ว น่าแปลกที่เขายังไม่เคยได้ยินชื่อคนคนนี้มาก่อน ก็อตแซงชัวรี่ถูกค้นพบมาได้ไม่นาน ถ้าคนคนนี้ปลดล็อดยีนได้ตั้งแต่ 80 ปีก่อนจริงๆ เขาก็เป็นยอดฝีมือรุ่นเก๋า ขนาด 80 ปีก่อนยังปลดล็อคยีนได้ แล้วตอนนี้เขาจะมีพลังถึงขั้นไหน?   แม้เขาอาจจะยังไม่สามารถปลดล็อคยีนได้หมดทุกวิชา แต่ยังไงจำนวนที่ปลดล็อคได้ก็ต้องมากกว่าผู้วิวัฒนาการคนอื่นๆอยู่แล้ว   การที่ควีนเตือนเขาเกี่ยวกับคนคนนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขา   หานเซิ่นคิดว่าภูเขาเวหามีขนาดที่ใหญ่มาก มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเส้นทางที่ดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงเลือกเส้นทางแบบสุ่มและเดินเท้าขึ้นไป เขาเชื่อว่าถ้าเดินขึ้นไปแบบนี้ก็ไม่น่ามีคนสังเกตเห็น แต่เขาก็ต้องคิดผิด เพราะหลังจากไปได้ไม่นาน เขาก็พบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาหาพวกเขา   หัวหน้ากลุ่มมีผมสีเทา ใบหน้าของเขาเหมือนกับคนวัย 40 ที่ไม่มีรอยเหี่ยวย่น และร่างกายของเขาก็กำยำเหมือนกับคนที่ฝึกฝนมาอย่างหนัก เขาสวมชุดกเราะสีเงิน แถมยังอยู่บนหลังเสือที่สูงกว่า 3 เมตร   “เธอนั่นเอง ถ้ามาภูเขาเวหาทำไมถึงไม่บอกให้ฉันรู้ก่อน? พวกเราก็ไม่เคยแล้งน้ำใจต่อพันธมิตร” เฉินรันหยุดควีนและหานเซิ่นเอาไว้   “พวกเรามาที่นี่เพื่อฆ่าเหยี่ยวเวหาเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องไปรบกวนพวกคุณ” ควีนตอบอย่างสุภาพ   “เธอพูดเหมือนกับว่าเธอเป็นคนอื่นคนไกล ตระกูลเฉินกับตระกูลหวงฟูเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาหลายชั่วคนแล้ว เธอเองก็เหมือนกับคนตระกูลหวงฟู ซึ่งก็ถือว่าเป็นญาติของฉันด้วย ถ้ามาล่าที่นี่ฉันขอรับประกันความปลอดภัยให้เอง” เฉินรันยิ้มและพูดต่อ   “เหยี่ยวเวหาที่เธอต้องการจะล่าอาศัยอยู่บนยอดเขา การจะไปให้ถึงที่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ให้ฉันและผู้ติดตามคอยคุ้มกันเธอด้วยน่าจะดีกว่า”   “งั้นก็ขอบคุณมาก” ควีนเห็นด้วยกับเฉินรัน จากนั้นเฉินรันก็สั่งให้ลูกน้องของเขาปักหลักอยู่ที่ตีนเขาต่อไป ในขณะที่เขาพร้อมกับลูกน้องอีก 10 คนเดินทางไปพร้อมกับควีนและหานเซิ่นด้วย   หานเซิ่นรู้ว่าการที่เฉินรันทำแบบนี้ไม่ใช่เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา แต่จริงๆน่าจะเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ควีนเเละหานเซิ่นไปพบมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดบนภูเขามากกว่า   แต่นั่นก็ไม่มีปัญหาอะไร ยังไงหานเซิ่นก็ไม่ได้มาเพื่อล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอยู่แล้ว ดังนั้นการมีพวกเขาคอยนำทางก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร   ในบรรดา 10 คนที่ติดตามเฉินรันมามีถึง 2 คนที่ปลดล็อคยีนได้แล้ว แต่พวกเขาไม่ใช่คนตระกูลเฉิน ยังไงก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ก็เป็นที่ที่กว้างใหญ่ ถึงตระกูลเฉินจะเป็นตระกูลที่ใหญ่ แต่โอกาสที่พวกเขาจะมารวมตัวกันในสถานที่ใดที่หนึ่ง เป็นเรื่องที่ยาก   หานเซิ่นเงยหน้าขึ้น แต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นยอดเขาได้เลย ยอดเขามันสูงทะลุก้อนเมฆขึ้นไป นี่เป็นภูเขาที่สูงที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา   ‘ดีที่เราไม่ได้พาจิ้งจอกสีเงินมาด้วย ถ้าเฉินรันไม่เจอมอนสเตอร์ระหว่างทางเลย เขาจะต้องสงสัยแน่’ หานเซิ่นคิด   เขามาที่นี่เพื่อล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เอาจิ้งจอกมาด้วย เขาทิ้งมันไว้ที่ห้องในเมืองทรายขาว ซึ่งเขาเช่าเอาไว้   ภูเขาเวหามีความสูงไม่ต่ำกว่า 3000 เมตร ระหว่างทางหานเซิ่นสังเกตเห็นกระดูกเป็นจำนวนมาก มันไม่ใช่กระดูกธรรมดา เพราะมันมีขนาดใหญ่มาก แต่ละชิ้นมีความยาวมากกว่า 100-200 เมตร พวกมันดูทรงพลังมาก ราวกับว่ามันอยู่ที่นี่มาเป็นเวลายาวนานแล้ว แม้จะมีแค่กระดูกไม่มีเนื้อ แต่มันก็ยังดูน่ากลัวอยู่   “ตำนานบอกว่ากระดูกพวกนี้เป็นของมอนสเตอร์ที่คอยพิทักษ์ภูเขาแห่งนี้ ในยุคนั้นไม่มีใครที่จะกล้าเข้าใกล้ที่นี่ในระยะ 1000 เมตร” เฉินรันอธิบาย      

Super God Gene – ตอนที่ 622 ไร้เทียมทาน
Super God Gene – ตอนที่ 622 ไร้เทียมทาน

  บรรยากาศในทีมตอนนี้เริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ “พี่ใหญ่ พวกเราอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วนะ คุณจะทิ้งพวกเราง่ายๆแบบนี้เลยหรอ?” แมวขี้เกียจเริ่มน้ำตาคลอ ตาของเธอแดงมาก   ควีนพูดอย่างสงบ “ตอนพวกเราสร้างทีมขึ้นมา ฉันบอกทุกคนไปแล้วว่าเป้าหมายของฉันคืออะไร ทั้งหมดที่ฉันต้องการก็คือการฆ่ามอนสเตอร์ที่เหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิ ฉันไม่ได้ตั้งกลุ่มมาเพราะต้องการความอบอุ่นหรือมิตรภาพ นี่คือความตั้งใจของฉัน” หลังจากควีนพูดจบ เธอก็หันหลังและก็เดินออกจากห้องไป   ทรราชกำหมัดแน่น แต่เขาไม่พูดอะไร อิจฉาสวรรค์ได้แต่ยืนนิ่ง ขณะที่แมวขี้เกียจเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาแล้ว   หวงฟูผิงชิงกระตุกแขนเสื้อหานเซิ่น จากนั้นเขาก็ตามควีนออกไป ถึงเธอจะออกมาเร็ว แต่ดูเหมือนจะไม่เร็วเท่าควีน ในตอนที่ออกมาควีนก็ออกจากเมืองไปแล้ว   “บางทีฉันก็ไม่เข้าใจหล่อนเลยจริงๆ” หวงฟูผิงชิงถอนหายใจ   “หล่อนน่าจะมีเหตุผลถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ คุณลองคุยกับหล่อนดูสิ” หานเซิ่นพูดด้วยใบหน้าสับสน   ควีนถูกเลี้ยงดูโดยตระกูลหวงฟู เป็นธรรมดาที่หานเซิ่นจะคิดว่าหวงฟูผิงชิงน่าจะพูดคุยกับเหล่อนได้   หวงฟูผิงชิงยิ้มอย่างขมขื่น เธอส่ายหัว “ในสถาบันเอเรสมีแค่ 2 คนเท่านั้น ที่สนิทพอจะพูดคุยและถามเรื่องส่วนตัวของหล่อนได้”   หานเซิ่นพยักหน้า เขาเข้าใจว่าเธอคงจะหมายถึงหวงฟูสงเฉิงและฟูชิงเหมย   “ผมจะไปที่ภูเขาเวหา เนื่องจากแผนที่จะไปช่วยกันล่าพังไปแล้ว กลัวว่าผมจะปกป้องคุณไม่ได้ คุณควรรออยู่ที่เมืองจะดีกว่า” หานเซิ่นพูด ครั้งนี้เธอไม่ได้ดื้อดึง เธอพยักหน้า   หลังจากแยกกับหวงฟูผิงชิงแล้ว หานเซิ่นก็ควบโกลเด้นโกรวเลอร์ตรงไปที่ภูเขาเวหาทันที เขาไม่ค่อยสนใจความคิดของคนอื่น ยังไงแผนการของเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงถึงจะเจอเรื่องดราม่าแบบนั้น   หานเซิ่นออกจากเมืองทรายขาว จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปที่เขตภูเขาเวหาทันที ไม่นานก็มีคน 3 คนมาขวางทางของเขาไว้ พวกเขาคือทรราช อิจฉาสวรรค์และแมวขี่เกียจ   “ในบรรดาพวกเรา 3 คน ฉันต้องการให้นายเลือก 1 คน” ทรราชพูดอย่างใจเย็น   “เลือก 1? เพื่ออะไร?” หานเซิ่นทำหน้างง   “ต่อสู้ ถ้านายเอาชนะหนึ่งในพวกเราได้ ฉันจะให้นายเข้าร่วมทีม” ทรราชตอบด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิ   หานเซิ่นหัวเราะ “โทษที แต่ฉันไม่ได้ต้องการเข้าร่วมทีมเลย และฉันก็ไม่สนใจจะสู้ด้วย”   แม้พวกเขาทั้ง 3 คนจะเแข็งแกร่งและปลดล็อคยีนได้ แต่หานเซิ่นก็ยังคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปร่วมทีมกับพวกเขา พวกเขายังไม่มีความสามารถพอที่จะฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอด   หลังจากที่พูดจบ หานเซิ่นก็ต้องการจะเดินทางต่อ   แมวขี้เกียจดูจะโกรธหานเซิ่นมาก เธอเรียกมีดวิญญาณอสูรออกมา และโจมตีใส่หานเซิ่นอย่างรุนแรง “ยังจะมีหน้ามาพูดอีกหรอ? นายเป็นคนทำให้ทีมของเราต้องพังทลาย! ฉันจะฆ่านายทิ้งซะตรงนี้ ตายซะ!”   แมวขี้เกียจรวดเร็วมาก มีกระแสลมปรากฏให้เห็นขณะที่เธอวิ่ง ความเร็วของเธอเหนือกว่าผู้วิวัฒนาคนอื่นๆที่เขาเคยเห็นมา แต่เธอก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับเสือขาว   เคร๊ง! หานเซิ่นไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง เขาเรียกดาบมาสค็อตออกมา และก็ฟันกลับไปด้านหลังเพื่อหยุดมีดของแมวขี้เกียจเอาไว้   แมวขี้เกียจถอยหลังกลับมา จากนั้นเธอก็หมุนเหมือนกับพายุทอร์นาโด และเข้าโจมตีหานเซิ่นจากอีกด้าน มีดของเธอเล็งไปที่คอของเขา   ตัวของหานเซิ่นไม่ได้ขยับ แต่ดาบของเขาก็เคลื่อนไหวไปแล้ว เขาฟันแบบชิวๆเพื่อหยุดมีดของแมวขี้เกียจ   แมวขี้เกียจเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับสายลม เธอมีพลังงานที่เหลือล้น เธอเรียกมีดออกมาอีกเล่มหนึ่ง จากนั้นก็เล็งไปที่ข้อมือของหานเซิ่น หานเซิ่นลดมือลง และใช้ด้ามของดาบมาสค็อตสกัดมีดของเธอเอาไว้   แมวขี้เกียจยังไม่เลิกลา เธอหมุนราวกับพายุเฮอริเครนไปรอบๆตัวหานเซิ่น มีดทั้ง 2 ของเธอแทงและฟันด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ   แต่หานเซิ่นก็ยังอยู่อย่างสงบ เขาใช้ดาบแค่เล่มเดียวในมือสกัดการโจมตีของเธอทั้งหมด เขาแม่นยำราวกับเครื่องจักร การตอบสนองของหานเซิ่นดูชิวๆสบายๆ   เสียงการปะทะกันของมีดและดาบดังสนั่นหวั่นไหว ไม่ว่าเธอจะโจมตีหนักแค่ไหน หานเซิ่นก็รับมือได้หมดทุกกระบวนท่า แมวขี้เกียจไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อของเขา   หลังจากที่ทรราชและอิจฉาสวรรค์เห็นการต่อสู้ของแมวขี้เกียจ พวกเขาก็ต้องการจะเข้าไปร่วมด้วย แมวขี้เกียจมีพลังธาตุลม และมีดของเธอก็เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่หานเซิ่นกลับรับมือแบบชิวๆ ซึ่งมันทำให้พวกเขาคิดว่าหานเซิ่นมีพลังที่ไม่ธรรมดา   “แมวถอยออกมาก่อน!” อิจฉาสวรรค์ชักกระบี่ของเขาออกมา จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปหาหานเซิ่นพร้อมกับไอเย็น คนคนนี้มีพลังน้ำแข็ง   “นี่เป็นคู่ต่อสู้ของฉัน ปล่อยให้ฉันรับมือเอง!” แมวขี้เกียจยังอารมณ์ร้อนอยู่ หานเซิ่นทำลายสายสัมพันธ์ของทีม เธออยากจะฆ่าหานเซิ่นให้ได้   ดาบมาสค็อตของหานเซิ่นยังคงสกัดการโจมตีของเธอได้หมดทุกกระบวนท่า แต่เมื่ออิจฉาสวรรค์เข้ามาร่วมด้วย หานเซิ่นก็ต้องเรียกวิญญาณอสูรอสรพิษเนตรเงินออกมา   กระบี่ของอิจฉาสวรรค์บางและยืดหยุ่นมาก มันพลิ้วไหวราวกับแส้ เมื่อเขาเข้ามาใกล้หานเซิ่นบริเวณนี้ก็ถูกไอเย็นเข้าปกคลุม พื้นดินกลายเป็นหิมะ   แต่โชคร้ายที่พลังไอเย็นของเขาไม่ได้มีผลอะไรกับหานเซิ่นเลย หานเซิ่นสำเร็จวิชากายหยกขั้นแรกแล้วกับแค่ความเย็นระดับนี้มันไม่คณามือเขาเลย และวิชากระบี่ของอิจฉาสวรรค์ก็ยังด้อยกว่าวิชาดาบของเขาอีกด้วย   หลังจากที่เขาปลดล็อคยีนด้วยวิชากายหยก ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด นอกจากความเร็วแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นมากด้วย   ความเร็วของเขาไม่ได้ด้อยกว่าแมวขี้เกียจ ส่วนด้านอื่นๆเขาเหนือกว่าทั้งหมด ความสามารถของหานเซิ่นสมดุลในทุกด้าน เขาไม่ได้ด้อยหรือมีจุดอ่อนในด้านไหนเลย เขาแข็งแกร่งในทุกด้าน   แม้จะต้องรับมือกับคน 2 คน แต่หานเซิ่นก็ยังไม่ตกเป็นรอง เขาไม่แม้แต่จะตอบโต้กลับไป เขาแค่อยู่กับที่ขณะรับมือพวกเขา ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากจะโจมตี แค่ตั้งรับไปเรื่อยๆก็พอ   สีหน้าของทรราชเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ขณะที่เขาได้เห็นการต่อสู้ ตอนแรกเขาเอาแต่ดูถูกและประเมินหานเซิ่นต่ำเกินไป เขาเชื่อว่าคนคนนี้ไม่มีค่าพอ เขาไม่เคยคิดว่าหานเซิ่นจะมีพลังถึงขนาดนี้ การต่อสู้กับคน 2 คนได้แบบชิวๆโดยไม่มีเหงื่อออกเลยนี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป   จนถึงตอนนี้หานเซิ่นก็ยังไม่ตอบโต้ ทรราชกัดฟัน ร่างกายของเขาส่องแสงสีทองออกมา เขาเรียกวิญญาณอสูรหอกเลือดศักดิ์สิทธิออกมา จากนั้นเขาก็เข้าไปโจมตีหานเซิ่น   เคร็ง! ดาบมาสค็อตของหานเซิ่นปะทะกับหอกสีดำของทรราช ทั้งดาบและหอกต่างก็กระเด็นกลับไป ไม่มีฝ่ายไหนเหนือกว่าชัดเจน   ทรราชเข้ามาร่วมการต่อสู้ด้วย พวกเขา 3 คนช่วยกันสู้กับหานเซิ่น ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ แต่แค่มองดูก็น่ากลัวมากแล้วที่เห็นคนคนเดียวกำลังรับมือกับ 3 ยอดฝีมือด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์แบบนี้   ความเร็วของหานเซิ่นไม่ได้ด้อยกว่าแมวขี้เกียจ ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ด้อยกว่าทรราช ส่วนพลังไอเย็นของอิจฉาสวรรค์ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาต้องเจอกับผู้วิวัฒนาการที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เขาดูจะแข็งแกร่งกว่าควีนซะอีก   ภายใต้การกระหน่ำโจมตีจากคน 3 คน ดาบของหานเซิ่นก็เคลื่อนไหวราวกับเต้นระบำ มันทั้งเร็ว แม่นยำและเฉียบขาด ยิ่งสู้กันนานเท่าไหร่ พวกเขา 3 คนก็เริ่มสิ้นหวัง ตอนนี้การโจมตีของพวกเขาเริ่มช้าลงเรื่อยๆแล้ว   หานเซิ่นเริ่มใช้วิชาดาบคู่ขั้นสูงสุดของเขาแล้ว เขาคิดว่าจะตั้งรับต่อไปตลอดกาลเลยก็คงไม่ได้ เขาต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง ดาบของเขาหนักแน่นเหมือนขุนเขา พลิ้วไหวราวกับสายลม พลังของดาบในมือแต่ละข้างของเขาสูงจนไม่น่าเชื่อ คู่ต่อสู้ของเขาถูกไล่ต้อนให้ถอยหลังไป ดูเหมือนหานเซิ่นกำลังจะได้รับชัยชนะ  

Super God Gene – ตอนที่ 621 วิญญาณอสูรอสรพิษเหมันต์
Super God Gene – ตอนที่ 621 วิญญาณอสูรอสรพิษเหมันต์

  ในตลาดของเมืองทรายขาว หวงฟูผิงชิงกำลังเดินอยู่ข้างๆหานเซิ่น เธอหันไปมองเขาแทบจะตลอดเวลา   “ผมรู้ว่าผมหล่อ ถ้าคุณพอใจผมขนาดนั้น ทำไมพวกเราไม่ไปหาห้องลับตาคน คุณจะได้สังเกตผมได้ชัดกว่านี้?” หานเซิ่นถามเธอ เขารู้สึกอึดอัดที่เธอมาจ้องมองเขาแบบนี้   ตาของหวงฟูผิงชิงเป็นประกายขึ้นมา เธอพูด “แน่นอน ไปกันตอนนี้เลยไหม?”   หานเซิ่นไม่พูดอะไร แค่สายตาของเขาก็เกินพอแล้ว ตอนนี้สายตาของเขาไม่สามารถละจากหน้าอกของเธอได้เลย หน้าอกของเธอก็คล้ายๆกับควีน มันอยู่ในหมู่สุดยอดของสุดยอด   หวงฟูผิงชิงหน้าแดง “นายมองอะไร? ไม่กลัวจีเหยียนหรันจะโกรธรึไง? ถ้าไม่กลัวก็เดี๋ยวไปจองโรงแรมกันเลย”   “นี่คุณพูดจริงรึเปล่าเนี่ย?” หานเซิ่นเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าหวงฟูผิงชิงพูดจริงจังแค่ไหน ถ้าเขาไปจองโรงแรมจริงๆแล้วเธอจะทำยังไง   “นายจะไม่เล่าอะไรให้ฉันฟังหน่อยหรอ? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างควีนจะพูดออกมาว่าหล่อนอยากจะติดตามนาย บอกฉันมาว่านายใช้เวทย์มนตร์อะไร ถึงทำให้หล่อนพูดแบบนั้นออกมาได้?” หวงฟูผิงชิงกระพริบตาและจ้องมองหานเซิ่น   “คุณก็น่าจะรู้ว่าหล่อนไม่ได้พูดจริงจัง” หานเซิ่นพูด เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน   “ฉันไม่รู้ว่าหล่อนพูดจริงจังแค่ไหน แต่มันแปลกมากที่หล่อนบอกว่าจะยอมสละทีมเพื่อนาย นายทำอะไรกับหล่อน?” หวงฟูผิงชิงสงสัยมาก เธอไม่รู้ว่าหานเซิ่นทำอะไรลงไป ควีนถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้   “ผมก็ไม่รู้ บางทีผมอาจจะหล่อมากเกินไป จนหล่อนไม่สามารถละสายตาจากผมได้เลยต้องมาจับคู่และติดตามผม” หานเซิ่นพูด   “เอาที่สบายใจ” หวงฟูผิงชิงมองหานเซิ่นด้วยหางตา   หานเซิ่นหัวเราะจากนั้นเขาก็หันไปมองร้านขายวิญญาณอสูรที่พวกเขามาถึง   ก่อนที่จะออกไปล่า เขาต้องการวิญญาณอสูรลูกธนูมาใช้แก้ขัดไปก่อน ถ้าเขาไม่สามารถหาวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิลูกธนูมาใช้ได้ อย่างน้อยๆเขาก็จะต้องหาวิญญาณอสูรระดับกลายพันธ์ใช้ไปก่อน การจะใช้ลูกธนูโลหะzไปตลอด ไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นต้องการ เพราะวิญญาณอสูรมันใช้ได้สะดวกกว่ามาก   แต่วิญญาณอสูรลูกธนูที่เหมาะจะเอามาใช้กับหน้าไม้หาได้ยากมาก ตั้งแต่ที่เขาเดินตลาดกับหวงฟูผิงชิงมา เขายังไม่เจอสักดวงเลย แต่กระนั้นเขาก็เจอวิญญาณอสูรลูกธนูชนิดอื่นๆอยู่หลายดวง   แต่วิญญาณอสูรลูกธนูพวกนั้นยาวเกินกว่าที่จะเอามาใช้กับหน้าไม้นกยูงเนตรมรณะได้ พวกมันไม่สามารถใส่เข้าไปในช่องสำหรับบรรจุลูกธนูได้ หน้าไม้นกยูงเนตรมรณะเป็นหน้าไม้ขนาดกลาง ซึ่งต้องการลูกธนูที่ค่อนข้างสั้น   “สวัสดีครับ วิญญาณอสูรดวงนี้ขายยังไงครับ?” หานเซิ่นพบวิญญาณอสูรลูกธนูที่พอใช้ได้ในร้านวิญญาณอสูรเล็กๆแห่งหนึ่ง   มันคือวิญญาณอสูรอสรพิษเหมันต์ เป็นลูกธนูสีดำ ที่หัวของมันเคลือบด้วยพิษที่สามารถทำให้เหยื่อเป็นอัมพาตได้   หานเซิ่นประหลาดใจที่เห็นว่าราคาของมันถูกกว่าวิญญาณอสูรลูกธนูดวงอื่นๆในระดับเดียวกันถึง 30% แสดงให้เห็นว่าลูกธนูสำหรับหน้าไม้นั้นไม่ค่อยได้รับความนิยม มีคนน้อยมากที่ต้องการพวกมัน   แล้วยิ่งเป็นวิญญาณอสูรหน้าไม้ยิ่งหาได้ยากยิ่งกว่าลูกธนูที่เอามาใช้กับมันซะอีก   หานเซิ่นซื้อวิญญาณอสูรอสรพิษเหมันต์ระดับกลายพันธ์และก็เดินตลาดต่อ แต่หลังจากเดินดูจนทั่วแล้ว หานเซิ่นก็ต้องตัดใจเพราะไม่มีวิญญาณอสูรลูกธนูที่เหมาะแล้ว   เนื่องจากยังต้องรอสมาชิกคนอื่นๆ หานเซิ่นจึงยังมีเวลาอีกหลายวัน หวงฟูผิงชิงเองก็ต้องการจะไปภูเขาเวหาด้วย ในตอนแรกควีนก็ไม่ยอม แต่หลังจากที่เธอไปพูดกับควีนแบบส่วนตัว ควีนก็ยอมให้เธอไปด้วย   ระดับความแข็งแกร่งของหวงฟูผิงชิงก็ไม่ใช่น้อยๆ จีโนพ้อยของเธอก็เกือบจะเต็มหมดแล้ว แต่แค่เธอยังปลดล็อคยีนไม่ได้ ถ้าเธอไม่ไปเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด เธอก็น่าจะเอาตัวรอดได้   ด้วยพรสวรรค์และวิชาที่เธอได้เรียนจากสถาบันเอเรส ทำให้เธอเก็บจีโนพ้อยได้ไว แถมยังรวบรวมวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิได้หลายดวง ดังนั้นพวกมอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิก็ยังทำอันตรายเธอได้ยากอยู่   ในวันที่ 4 ทรราช อิจฉาสวรรค์และแมวขี้เกียจก็เดินทางมาถึงเมือง เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นก็อยู่ด้วย ทรราชก็แสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจทันที   ทรราชไม่สนใจการมีตัวตนอยู่ของหานเซิ่น เขารีบเข้าไปหาควีนและถาม “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”   หวงฟูผิงชิงมองทรราชด้วยสายตาทิ่มแทง เหมือนเธอจะไม่ชอบเขาเท่าไหร่ และมันก็เห็นกันชัดๆอยู่แล้่วว่าควีนสบายดี คำถามของเขาดูไม่จำเป็นเลย   “ฉันไม่เป็นอะไร” ควีนตอบ เธอมองไปที่พวกเขา 3 คนและพูด “ทุกคนน่าจะได้เห็นความสามารถของหานเซิ่นบ้างแล้วในการต่อสู้ ฉันอยากจะให้เขามาเข้าร่วมทีมกับเรา และฉันก็อยากจะฟังความเห็นของทุกคน”   ทรราชขมวดคิ้วอีกครั้ง “เรื่องนี้พวกเราคุยกันเรียบร้อยแล้วนิ”   ควีนอธิบาย “ตอนนี้พวกเราเหลือสมาชิกกันแค่ 4 คน ฉันคิดว่าถ้าได้หานเซิ่นเข้ามา เขาจะทำประโยชน์ได้มาก ไม่ว่าทุกคนจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่เขาปลดล็อคยีนได้แล้ว เขามีคุณสมบัติพอที่จะมาร่วมทีมกับพวกเรา”   “ฉันไม่คิดว่าเขาจะช่วยอะไรได้ ถ้าเอาเขาเข้ามาจะเป็นผลเสียต่อทีม” ทรราชยังไม่พอใจเกี่ยวกับการติดสินใจโดยพลการของหานเซิ่นที่ไปช่วยควีนตอนล่าเสือขาว เขาพูดต่อ “คนที่ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎได้ ไม่ควรมาเข้าร่วมทีมกับพวกเรา ฉันขอคัดค้านในการให้เขามาเป็นสมาชิกในทีมของเรา”   “ฉันคงไม่สามารถเกลี่ยกล่อมได้จริงๆ” ควีนขมวดคิ้ว   “การตัดสินใจของฉันก็เพื่อผลประโยชน์ของทีมเรา ถึงมันจะดูโหดร้ายไปบ้าง” ทรราชพูด   “งั้นก็โอเค ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็ขอออกจากทีม” ควีนบอกจะออกจากทีมโดยไม่มีความลังเลเลยสักนิด   ทรราช อิจฉาสวรรค์และแมวขี้เกียจอ้าปากค้าง ไม่มีใครคาดคิดว่าควีนจะออกจากทีมเพื่อหานเซิ่น   “พี่ใหญ่ พวกเราค่อยๆคุยกันดีกว่า ไม่เห็นจะต้องทำแบบนั้นเลย!” แมวขี้เกียจพูด เธอพยายามจะทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายความตึงเครียดลง   “ใช่หัวหน้า ทรราชคงไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น ถ้าคุณคิดว่าหานเซิ่นมีประโยชน์กับทีมจริงๆ พวกเราค่อยมาพูดกันดีกว่า” อิจฉาสวรรค์ก็ช่วยพูดด้วย   สีหน้าของทรราชดูมืดมนมาก เขากัดฟันและพูด “หัวหน้า พวกเราร่วมตัวกันมาเป็นปีๆแล้ว อยู่ๆคุณจะมาขอออกง่ายๆแบบนี้น่ะหรอ?”   ควีนพูดอย่างสงบ “ฉันไม่ได้พูดเพื่อเอาชนะใคร จริงๆฉันก็ไม่ได้โกรธนายด้วย แต่ทุกคนลืมกันไปแล้วหรอว่าทีมของเราถูกตั้งขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์อะไร?”   “ฆ่ามอนสเตอร์ที่เหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิ” ทรราชพูด   ควีนพยักหน้า “นี่เป็นทีมเพื่อล่ามอนสเตอร์ที่เหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิ แต่นี่ก็ผ่านมา 1 ปีแล้ว พวกเรายังล่าไม่ได้เลยสักตัว”   “แต่พวกเราก็กำลังทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และช่วงที่ผ่านมาโอกาสในการล่าได้ก็เริ่มเพิ่มขึ้นแล้วด้วย” ทรราชพูด   “แม้แต่ตอนที่ซางชิงยังอยู่กับเรา พวกเราก็ยังฆ่าไม่ได้เลย แล้วตอนนี้ทีมของเราอ่อนแอลง นายคิดว่าพวกเรายังมีโอกาสอยู่อีกไหม?” ควีนพูดแบบตรงไปตรงมา   “งั้นคุณจะบอกว่าถ้าเอาคนคนนี้เข้ามาแล้วพวกเราจะมีโอกาสใช่ไหม?” ทรราชกัดฟันพูด แม้เขาจะรู้สึกเจ็บปวด   ควีนพยักหน้า “ใช่ ฉันเชื่อแบบนั้น”   หลังจากได้ยินไม่เพียงแค่ทรราชไม่รู้จะพูดอะไรต่อเท่านั้น แต่อิจฉาสวรรค์และแมวขี้เกียจต่างก็ช็อค พวกเขาไม่เคยเห็นควีนให้ความเชื่อมั่นกับใครขนาดนี้มาก่อน   ทุกคนหันมามองหานเซิ่น พวกเขายังไม่อยากจะเชื่อว่าหานเซิ่นมีประโยชน์กับทีมอะไรขนาดนั้น มันยากที่พวกเขาจะจิตนาการออกว่าหานเซิ่นพิเศษยังไง ถึงขนาดทำให้ควีนยอมออกจากกลุ่มเพื่อเขา   “ฉันมีเป้าหมายอยู่อย่างเดียวคือต้องฆ่ามอนสเตอร์ที่เหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิให้ได้ และฉันจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ ถ้าหานเซิ่นไม่สามารถเข้าร่วมทีมได้ก็ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องอยู่ทีมนี้อีกต่อไป” ควีนพูดอย่างสงบ ดูเหมือนเธอจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วทำให้คนอื่นไม่ข้อโต้แย้ง  

Super God Gene – ตอนที่ 620 ฉันจะติดตามนาย
Super God Gene – ตอนที่ 620 ฉันจะติดตามนาย

  หลังจากคุยกับจูถิงเสร็จ หยางม่านลี่ก็โทรมาเช่นเดียวกัน เขาคุยกับเธออยู่สักพัก เขาบอกให้เธอเตรียมตัวให้พร้อมไว้ แต่อย่าเพิ่งทำอะไรให้รอให้เขากลับไปถึงก่อน   ในตอนนี้หานเซิ่นไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากจุดที่เขาอยู่ตอนนี้อยู่ใกล้ๆหาดหินขาว การจะกลับไปที่ทุ่งน้ำแข็งไม่ใช่เรื่องง่าย การจะกลับไปให้ทันภายใน 1 เดือนก็ยังถือเป็นเรื่องที่ยาก   หลังจากหารือกับหยางม่านลี่เสร็จ หานเซิ่นก็โทรไปหาหวงฟูผิงชิง เขาต้องการขอซื้อแผนที่จากเธอ เพราะเขาต้องกลับไปที่ทุ่งน้ำแข็งให้เร็วที่สุด   “นายอยู่หาดหินขาว? นายอยู่หาดหินขาวจริงๆหรอ?” ดูเหมือนหวงฟูผิงชิงจะประหลาดใจพอสมควร   “มันแปลกมากเลยหรอที่ผมอยู่ที่หาดหินขาว?” หานเซิ่นทำหน้างง   “งั้นนายก็คงจะอยู่ใกล้ๆเมืองทรายขาวใช่ไหม?” หวงฟูผิงชิงไม่ตอบ แต่ถามกลับไปแทน   “ใช่” หลังจากพูดจบหานเซิ่นก็เบิกตากว้าง “อย่าบอกนะว่าคุณก็อยู่ที่นั่นด้วย?”   “ใช่ ฉันอยู่ที่นั่น รอฉันอยู่ที่เมืองทรายขาว 2 วัน แล้วเดี๋ยวฉันจะไปหานายเอง” หลังจากพูดจบเธอก็วางสายไป   ‘เธอจะรีบวางสายไปไหนเนี่ย เรายังไม่ทันมีโอกาสได้บอกเลยว่าควีนเองก็อยู่ที่เมืองทรายขาวด้วย’   หลังจากนั้น 1 วัน ลูกธนูโลหะzก็ถูกส่งมาให้กับหานเซิ่น ทำให้หานเซิ่นอยากจะไปสนามยิงธนู เพื่อทดสอบพลังของหน้าไม้นกยูงเนตรมรณะ   หานเซิ่นบรรจุลูกธนูเข้าไป และเล็งไปยังเป้าหมายที่ทำจากทองคำขาว หลังจากที่เขาเหนี่ยวไก ลูกธนูก็ถูกยิงออกไป มันพุ่งออกไปเหมือนกับลำแสงสีฟ้าขนาดเล็ก   ตูม! เป้าหมายที่ทำจากทองคำขาวคุณภาพสูงแหลกเป็นชิ้นๆ ทำให้หานเซิ่นถึงกับอ้างปากค้าง   “แม่เจ้า! หน้าไม้นี่แม้งโคตรโหด” หานเซิ่นอุทานออกมา ตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขอย่างมาก   แม้จะใช้แค่ลูกธนูโลหะz พลังของมันก็ยังมหาศาลขนาดนี้ ถ้าเขาใช้กับวิญญาณอสูรลูกธนูเลือดศักดิ์สิทธิจะขนาดไหน บางทีมันอาจจะพอมีหวังที่จะยิงทะลุผิวหนังของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้   “นี่มันขีปนาวุธชัดๆ เราต้องรีบไปฆ่าเหยี่ยวเวหาเร็วๆซะแล้ว” เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ทำให้เขาอยากจะฆ่าเหยี่ยวเวหาขึ้นไปอีก ตอนนี้เขาอยากได้ลูกธนูวิญญาณอสูรจนตัวสั่น   หลังจากกลับเข้ามาในเมืองอีกครั้ง ควีนก็บอกกับเขาว่าเธอหาทางติดต่อกับทรราชได้แล้ว สมาชิกทีมที่เหลือจะมาร่วมตัวกันที่เมืองนี้ในอีกไม่กี่วัน   “งั้นพวกเราก็อยู่ห่างจากทุ่งหิมะไม่มากอย่างที่คิดน่ะสิ” หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจ   “ถ้าไปทางทะเลน่าจะใช้เวลา 1 เดือน ถ้าหากว่าพวกเราไม่ถูกฆ่าตายในทะเลก่อน” ควีนพูด   “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไร” หานเซิ่นอยากจะหลีกเลี่ยงการเดินทางในทะเล เขากลัวว่าจะไปเจอกับกุ้งล็อบสเตอร์   “พวกเราจะรอให้พวกทรราชมาถึง ครั้งนี้ฉันจะเสนอให้นายเข้าร่วมทีมอีกครั้ง และฉันก็เชื่อว่าไม่น่าจะมีใครโต้แย้ง” ควีนพูด   “ไม่เป็นไร จริงๆผมก็ไม่ค่อยถนัดทำงานร่วมกับคนอื่นอยู่แล้ว” หลังจากที่ได้เห็นพวกเขาต่อสู้กับเสือขาวแล้ว หานเซิ่นก็คิดว่าถึงมีคนอื่นช่วยก็ไม่ค่อยจะได้ประโยชน์เท่าไหร่ มันมีโอกาสที่เขาจะถูกมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดฆ่าตายได้ตลอดเวลา   และถ้าสมาชิกทีมไม่เชื่อใจเขาด้วยยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ การผสานงานผิดพลาดเพียงเล็กน้อยหมายถึงชีวิตเมื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ชั้นสุดยอด   หานเซิ่นอยากจะหาคนที่เขาเชื่อใจได้มากกว่า ซึ่งทรราชและคนอื่นๆไม่ใช่ในแบบที่เขาต้องการ   “ทำไม?” ควีนขมวดคิ้วพร้อมกับจ้องมองหานเซิ่น   “จะให้ผมร่วมทีมกับคุณก็ได้ แต่ผมไม่อยากร่วมมือกับคนอื่นๆที่เหลือ” หานเซิ่นต้องสารภาพความจริงออกไป เพราะในทีมนั้นหานเซิ่นคิดว่าคนที่พอมีหวังช่วยเขาฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้มีแค่ควีนคนเดียว   ถ้าจะให้ร่วมมือกับคนอื่นๆที่เหลือ เขาคิดว่าถ้าจับคู่กับควีนแล้วล่ากันแค่ 2 คนจะทำอะไรได้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูงกว่า   ควีนจ้องมองหานเซิ่น ตอนนี้เธอกำลังคิดหนัก เธอไม่พูดอะไรราวกับว่าเธอพยายามอ่านใจของหานเซิ่นอยู่   “โอ้ใช่ พี่ผิงชิงบอกว่าเธอจะมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่พบเธอแล้ว ผมว่าจะออกไปล่าก่อน คงจะยังไม่เดินทางกลับทุ่งน้ำแข็งทันที” หานเซิ่นพูด   “นายคิดจะไปล่าที่ไหน?” ควีนถาม   “ภูเขาเวหา” หานเซิ่นตอบทันที ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปกปิด   เมื่อควีนได้ยินชื่อสถานที่ เธอก็ชะงักไปเลย หลังจากที่เธอคิดอยู่ชั่วครู่ เธอก็พูดกับหานเซิ่น “บางทีอาจจะมีมอนสเตอร์ที่เหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิอยู่แถวนั้น นายควรจะรอให้ทุกคนมาถึงก่อน แล้วเราค่อยไปพร้อมกัน”   หานเซิ่นยอมรับคำแนะนำของเธอ เขาคิดว่ามันไม่ใช่ความคิดที่แย่อะไร ในตอนที่เขาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับที่นั่น เขาก็พบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะพบมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด ถ้าควีนและทีมของเธออยากจะไปที่นั่นก็ไม่มีปัญหา ยิ่งมีคนไปมากเขาก็คิดว่าจะหนีได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีจำนวนคนที่ค่อยเบนความสนใจเยอะ   วันรุ่งขึ้นหวงฟูผิงชิงก็มาถึงตามที่เธอบอกเอาไว้ เมื่อเธอเห็นหานเซิ่นอยู่กับควีน เธอก็เบิกตากว้าง “ทำไมคุณ 2 คนถึงอยู่ด้วยกันได้เนี่ย?” หวงฟูผิงชิงถาม   “ฉันอยากจะให้หานเซิ่นเข้าร่วมทีม” ควีนตอบ   “คุณพี่กำลังบอกว่าคุณอยากให้หานเซิ่นเข้าร่วมทีม?” หวงฟูผิงชิงคิดว่าหูของเธอคงจะเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ การที่ควีนชวนคนเข้าทีมเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ   และที่สำคัญหานเซิ่นพึ่งจะเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้ประมาณ 1 ปี เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมควีนถึงอยากจะให้หานเซิ่นเข้าร่วมทีม   เธอรู้เกี่ยวกับทีมของควีนดี เธอรู้ว่าแต่ละคนในทีมล้วนแล้วแต่มีพรสวรรค์สูงมาก พวกเขาต่างก็ปลดล็อคยีนได้ตั้งแต่อยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 หานเซิ่นไม่น่าจะมีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมได้   “แต่เขาปฏิเสธ” ควีนพูด   นี่ทำให้หวงฟูผิงชิงยิ่งช็อคเข้าไปอีก เธอหมดคำพูด สิ่งที่เธอทำได้ก็แค่จ้องมองหานเซิ่น พร้อมกับเบิกตากว้าง   ควีนชวนหานเซิ่นร่วมทีม แต่หานเซิ่นปฏิเสธ นี่เหมือนกับเนื้อเรื่องในนิยาย พูดไปใครจะเชื่อ ถ้าไม่ใช่ควีนที่เป็นคนพูดออกมา เธอจะไม่เชื่อเรื่องนี่เด็ดขาด   หานเซิ่นอยากจะหัวเราะออกมา แต่เขาต้องกั้นเอาไว้ “ควีนก็แค่ล้อเล่น ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเข้าร่วม แต่มีสมาชิกในบางคนทีมไม่อยากให้ผมเข้าร่วมก็แค่นั้น”   “ใคร?” หวงฟูผิงชิงคิดว่าคำพูดของหานเซิ่นยังน่าเชื่อมากกว่า แต่ใครกันถึงได้กล้าขัดใจควีน?   หานเซิ่นรีบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้หวงฟูผิงชิงฟัง คนที่ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่อยากให้เขาเข้าร่วมก็คือ ทรราช   “ฉันรู้จักเขา คนคนนี้เป็นคนที่อวดดีมาก นอกจากคุณพี่แล้ว เขาไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา การที่เขาปฏิเสธนายก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” หวงฟูผิงชิงเริ่มเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น เธอพูดต่อ “แต่คนคนนี้ไม่ธรรมดา เขาคือสุดยอดในหมู่ผู้วิวัฒนาการ แถมเขายังปลดล็อคยีนได้แล้วด้วย นอกจากคุณพี่แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทีม”   หลังจากที่ฟังการพูดคุยระหว่างหานเซิ่นกับหวงฟูผิงชิงอยู่สักพัก อยู่ๆควีนก็พูดขึ้นมา “ถ้านายอยากจะเข้าร่วมทีม ฉันจะเสนอชื่อนายอีกครั้ง แต่ถ้านายปฏิเสธจะเข้าร่วม ฉันก็จะออกจากทีม และมาจับคู่กับนายแทน”   หลังจากที่ได้ยินประโยคนั้นของควีน หวงฟูผิงชิงก็เหมือนวิญญาณอสูรหลุดออกจากร่าง เธอเบิกตากว้าง ขณะจ้องมองควีนและหานเซิ่น   เธอคิดว่าสมองน้อยๆของเธอไม่อาจจะทำความเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขาได้ เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับควีนบ้าง มันถึงขั้นที่ทำให้เธอคิดว่านี่อาจจะเป็นควีนตัวปลอม . . ฝากแฟนๆกดติดตามหรือกดLikeเพจด้วยครับ >>> SSG (ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอนที่ 2021 แล้วครับ)

Super God Gene – ตอนที่ 619 เกาะลึกลับปรากฏตัว
Super God Gene – ตอนที่ 619 เกาะลึกลับปรากฏตัว

  ขณะที่ควีนกำลังหันไปมองทางอื่น หานเซิ่นก็เรียกวิญญาณอสูรนกยูงเนตรมรณะออกมา   นกยูงปรากฏตัวออกมาต่อหน้าหานเซิ่น มันกระพือปีกซึ่งมีความยาวกว่า 2 ฟุต หลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นหน้าไม้ รูปทรงของหน้าไม้มีลักษณะคล้ายนกยูงที่กางปีกออก ส่วนปากของมันจะอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นจุดที่ยิงลูกธนูออกไป ส่วนปลายของหัวจะเป็นศูนย์เล็ง หน้าไม้นี้ดูสมบูรณ์แถมยังงดงามมาก   ความยืดหยุนของสายธนูไม่ธรรมดาเลย มันดูเกือบจะโปร่งแสง มันทอดยาวระหว่างปลายปีกหน้าไม้ทั้ง 2 ข้าง สายธนูรั้งได้ง่ายมากๆ แทบจะเรียกว่าไร้น้ำหนักเลยก็ว่าได้   หานเซิ่นมองดูภายในซองธนูที่มันแถมมาด้วย เขาเห็นว่าพื้นที่ภายในสามารถเก็บลูกธนูได้ประมาณ 8 ดอก ซึ่งก็เป็นจำนวนที่ไม่ถือว่าน้อยจนเกินไป สำหรับอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงแบบนี้   ถ้าเขาใช้วิญญาณอสูรลูกธนูก็ถือว่ามีลูกธนูไม่จำกัดอยู่แล้ว ถึงซองธนูจะใส่ได้แค่ 8 ดอก แต่ก็ไม่มีผลอะไร   หานเซิ่นสังเกตดูหน้าไม้อย่างละเอียด มันดูเป็นอาวุธที่ทรงพลัง แต่ถ้าเขายังไม่มีลูกธนูดีๆมาใช้ มันก็ไม่ต่างจากไม้กระบองที่เอาไว้ฟาดหัวมอนสเตอร์เท่านั้น   ‘ยอดเยี่ยมมาก แต่อย่างน้อยก็น่าจะแถมลูกธนูมาให้สักดอก สงสัยเราต้องไปหาลูกธนูมาลองด้วยตัวเองแล้ว’ แม้หานเซิ่นจะดีใจ แต่ก็ยังดีใจได้ไม่สุด   ตอนนี้เขามั่นใจมากว่ามันเป็นธนูที่ทรงพลัง แต่เนื่องจากยังไม่มีลูกธนู เขาเลยยังไม่มีโอกาสได้ทดสอบมัน   ‘ไม่มีปัญหา ช่วงแรกคงต้องหาลูกธนูโลหะzมาใช้ไปก่อน หลังจากนั้นค่อยหาลูกธนูวิญญาณอสูรมาใช้’ หานเซิ่นเก็บวิญญาณอสูรธนูไปก่อน เขาตระหนักว่าตอนนี้เขายังใช้ประโยชน์จากมันไม่ได้ แต่ขอแค่หาลูกธนูมาให้ได้ก็พอ ถึงลูกธนูจะไม่ได้ดีมาก แต่มันก็น่าจะทรงพลังพอสมควร   แต่ยังไงธนูนี้มันเป็นประเภทหน้าไม้ ซึ่งมันต่างจากธนูปกติตรงที่ไม่ต้องอาศัยแรงรั้งสายธนู หน้าไม้แทบจะเรียกได้ว่ายิงแบบอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นอาวุธประเภทนี้จึงต้องพึ่งพลังจากลูกธนูพอสมควร หานเซิ่นวางแผนว่าถ้ากลับไปที่เมืองเทพธิดาได้ เขาจะไปหาซื้อหรือไม่ก็ล่ามอนสเตอร์ที่ให้วิญญาณอสูรลูกธนูระดับเลือดศักดิ์สิทธิ   พวกเขายังคงแล่นอยู่ในทะเลไปอีก 10 วัน ก่อนที่พวกเขาจะไปเจอแผ่นดินใหญ่ ซึ่งไม่ใช่แค่เกาะเล็กๆเหมือนที่ผ่านๆมา ที่นั่นมีเมืองของมนุษย์อยู่ใกล้ๆชายหาดด้วย   หลังจากที่หานเซิ่นขึ้นฝั่งได้ เขาก็เทเลพอร์ตกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาวทันที หานเซิ่นเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่ค่อนข้างนานแล้ว เขากลัวว่าจีเหยียนหรันจะกังวล ดังนั้นเขาจะต้องรีบกลับไปให้เธอเห็นหน้าบ้าง เพื่อทำให้เธอสบายใจ และเขาก็ต้องไปหาลูกธนูมาใช้กับหน้าไม้ด้วย   จีเหยียนหรันกังวลมากอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ เมื่อเธอเห็นเขากลับมา เธอก็ดีใจและประหลาดใจมาก จากนั้นเธอก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะเก็บซ่อนความเศร้าของเธอเอาไว้ หานเซิ่นพยายามปลอบใจเธอเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น   ที่จีเหยียนหรันรู้สึกเศร้าไม่ใช่เพราะหานเซิ่นหายไปนาน แต่เป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ว่าเขาปลอดภัยดีรึเปล่า   ขณะที่หานเซิ่นกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงในคืนนั้น เขาก็ตัดสินใจล็อคอินเข้าไปในเว็บไซต์ของกองทัพ เขาอยากจะหาซื้อลูกธนูโลหะzดีๆมาใช้ไปก่อน   ในเว็บไซต์ของกองทัพมีอาวุธแทบจะทุกรูปแบบ แต่กระนั้นเขาก็หาซื้อได้เฉพาะอาวุธแบบธรรมดาๆทั่วไปเท่านั้น ส่วนอาวุธที่มีพลังธาตุด้วยจะไม่เปิดขาย   หานเซิ่นหาอยู่นานในที่สุดเขาก็เจอลูกธนูโลหะzที่ถูกใจ ลูกธนูที่เอามาใช้สำหรับหน้าไม้นั้นมีให้เลือกไม่มากนัก   แต่ข้อดีของหน้าไม้ก็คือว่ามันเป็นอาวุธที่ใช้ได้คล่องกว่าธนู ส่วนลูกธนูที่จะเอามาใช้กับหน้าไม้จะต้องไม่ยาวมาก ดังนั้นหานเซิ่นเลยเลือกลูกธนูสำหรับหน้าไม้มา 3-4 ชนิด และก็ซื้อพวกมันมา   หลังจากซื้อลูกธนูได้แล้ว เขาก็ลองค้นหาข่าวดู เขาอยากจะรู้ว่าช่วงที่เขาหายไปมีข่าวอะไรในสหพันธ์ดวงดาวบ้าง มีข่าวมากมายเช่นกึ่งเทพฆ่ามอนสเตอร์ได้เป็นกองทัพ, ชัยชนะของสงครามระหว่างดวงดาว, ข่าวเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างมนุษย์กับชูร่า   แต่กระนั้นพวกนี้ก็เป็นข่าวที่มีให้เห็นอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งยังไม่มีเหตุการณ์อะไรที่หานเซิ่นจะต้องให้ความสนใจ หลังจากค้นหาข่าวเสร็จ เขาก็เข้าไปค้นหาข้อมูลในเน็ตต่อ เขาค้นหาเกี่ยวกับข้อมูลวิธีการใช้หน้าไม้   หลังจากค้นหาลูกธนูแบบเฉพาะทางที่เหมาะจะเอามาใช้กับหน้าไม้แล้ว เขาก็พบว่าลูกธนูพวกนี้หาได้ยากมากในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะอาวุธประเภทหน้าไม้นั้นปรกติแทบไม่มีคนใช้เลย   หานเซิ่นลองค้นหาข้อมูลแบบเจาะลึกเกี่ยวกับวิญญาณอสูรลูกธนูสำหรับหน้าไม้ และเขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะว่ามันมีอยู่น้อยจริงๆ   หานเซิ่นลองดูสถานที่ที่คนประกาศขายแล้ว แต่เมื่อเห็นชื่อเมืองเขาก็พบว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อนเลย บางเมืองก็อยู่ห่างไกลมาก หรือไม่ก็เป็นสถานที่ที่ไปได้ยากลำบาก เหมือนว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหาซื้อวิญญาณอสูรลูกธนูสำหรับหน้าไม้   “ถ้าเราหาซื้อมันไม่ได้ ฉันก็คงจะต้องออกล่ามอนสเตอร์ด้วยตัวเอง” หานเซิ่นลองหาข้อมูลบริเวณทุ่งน้ำแข็ง หาดทรายเหลืองและก็หาดหินขาว เพื่อหวังว่าจะมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่ให้วิญญาณอสูรลูกธนูบ้าง   หลังจากที่ค้นหาอยู่นาน เขาก็พบมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่จะให้วิญญาณอสูรลูกธนูแบบที่เหมาะกับใช้กับหน้าไม้ ซึ่งมันอยู่ใกล้ๆหาดหินขาว   มอนสเตอร์ตัวนั้นถูกเรียกว่าเหยี่ยวเวหา พวกมันส่วนใหญ่เป็นมอนสเตอร์ระดับสามัญและโบราณ แต่ในหมู่พวกมันก็มีระดับกลายพันธ์ให้เห็นอยู่บ้าง ส่วนราชาของพวกมันก็คือมอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิ   หลายคนที่เคยล่าเหยี่ยวเวหามาแล้ว พวกเขาให้ข้อมูลว่าลูกธนูที่ได้จากพวกมันค่อนข้างทรงพลัง   หลังจากได้ข้อมูลเกี่ยวกับเหยี่ยวเวหามาพอสมควรแล้ว หานเซิ่นก็รู้สึกสนใจขึ้นมา ถ้าเขาได้วิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิมา และเปลี่ยนมันเป็นเบอร์เซิร์กก็คงเป็นการจับคู่ที่ทรงพลัง ซึ่งบางทีเขาอาจจะสามารถโจมตีทะลุเกล็ดหรือผิวหนังของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ก็ได้   แต่เหยี่ยวเวหานั้นอาศัยอยู่บริเวณยอดเขาแห่งหนึ่งที่คนเรียกกันว่าภูเขาเวหา ซึ่งบริเวณนั้นมีมอนสเตอร์ประเภทนกอยู่เต็มไปหมด ทำให้ยากที่จะขึ้นไปให้ถึงยอดเขา   คนที่ให้ข้อมูลรู้ว่าเหยี่ยวเวหามันอยู่แถวนั้นก็เพราะเขาเห็นบางตัวที่มันหลงมาแถวตีนเขาเท่านั้น ส่วนตัวเขายังไม่เคยขึ้นไปบนยอดเขามาก่อน ดังนั้นข้อมูลที่เขาได้มาจึงยังไม่ละเอียดมากนัก   “ถ้าเอาจิ้งจอกสีเงินไปด้วยก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการขึ้นไปให้ถึงยอดเขา” หานเซิ่นบอกกับตัวเอง   หานเซิ่นต้องการวิญญาณอสูรเหยี่ยวเวหามากในตอนนี้ อย่างน้อยๆถ้าเขาฆ่าตัวระดับเลือดศักดิ์สิทธิได้ ถึงจะไม่ได้วิญญาณอสูร เขาก็ยังเอาเนื้อมันมากินเพื่อเพิ่มจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิได้ เนื่องจากตัวมันค่อนข้างเล็กนี่จึงนับเป็นการออกล่าที่ดูคุ้มค่ามาก   หลังจากที่หานเซิ่นหาข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาเวหาต่อไป ไม่นานหานเซิ่นก็ต้องขมวดคิ้ว มีคนให้ข้อมูลว่าเคยเห็นมอนสเตอร์แปลกๆ ซึ่งมันกำลังขี่ก้อนเมฆสีแดงอยู่แถวภูเขาเวหา   ถ้าดูจากคำบอกเล่า หานเซิ่นคิดว่ามีโอกาสที่จะเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด   ในขณะที่หานเซิ่นกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงคอมของเขาดังขึ้น ครั้งนี้คนที่โทรเข้ามาก็คือจูถิง จูถิงเคยขอเบอร์ของเขาเมื่อนานมาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่จูถิงโทรมาหาเขา หานเซิ่นสงสัยว่าจูถิงต้องการอะไรกันแน่   “ลูกพี่ นี่ไม่ดีแน่!” จูถิงพูดแบบดูลุกลี้ลุกลน   “อะไรไม่ดี?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว   “เกาะลึกลับ ตอนนี้มีเกาะลึกลับลอยอยู่เหนือทุ่งน้ำแข็ง คุณอยู่ที่ไหน? รีบกลับมาเร็วเข้า! ไม่งั้นเดี๋ยวคนอื่นจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปหมด” สีหน้าของจูถิงดูตื่นตระหนกมาก   หานเซิ่นอึ้งไปชั่วขณะ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมจูถิงถึงได้ดูรีบร้อนถึงขนาดนั้น   เกาะลึกลับของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ต่างจากของเขต 1 ตรงที่มีเมืองสปิริตระดับราชวงศ์ตั้งอยู่ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผลประโยชน์ที่อยู่ข้างบนจะสูงมาก  

Super God Gene – ตอนที่ 618 วิญญาณอสูรนกยูงเนตรมรณะ
Super God Gene – ตอนที่ 618 วิญญาณอสูรนกยูงเนตรมรณะ

  ศาสตร์ตงเสวียนดูดซับพลังงานและสารอาหารจากรากบัวเข้าไปในเซลล์ของหานเซิ่น ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังผลิตเซลล์ใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็เข้าไปแทนที่เซลล์เก่าที่ได้รับความเสียหาย นอกจากร่างกายของเขาจะบริสุทธิ์กว่าที่เคยแล้ว ศาสตร์ตงเสวียนยังพัฒนาขึ้นไปอีกระดับด้วย   ยิ่งศาสตร์ตงเสวียนพัฒนาขึ้นเท่าไหร่ กลิ่นของหานเซิ่นก็ยิ่งหอมขึ้นเรื่อยๆ แต่มันไม่ได้เป็นกลิ่นที่เข้มข้นอะไร มันเป็นกลิ่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก   หานเซิ่นไม่รู้ว่าทำไมศาสตร์ตงเสวียนถึงได้ทำให้เขามีกลิ่นหอมแบบนี้ แต่นี่ก็เหมือนจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาฝึกศาสตร์ตงเสวียน เขาก็จะมีกลิ่นแบบนี้ตลอด   ในช่วงแรกเขาก็สงสัยเกี่ยวกับกลิ่นนี่มาก แต่หลังจากฝึกไปนานๆแล้ว เขาก็เริ่มที่จะชินกับมัน แต่ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าควีนกำลังดูดซับกลิ่นของเขาเข้าไป ไม่เพียงแค่นั้นหมากล้อมสวรรค์ของเธอยังพัฒนาขึ้นด้วย   หัวใจของควีนเต้นรัว เธอช็อคมากเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ทั้งหมดที่เธอทำก็คือการสูดดมกลิ่นของหานเซิ่นเข้าไปให้มากที่สุด เพื่อที่หมากล้อมสวรรค์ของเธอจะได้พัฒนา   เมื่อรากบัวถูกดูดซับจนสมบูรณ์แล้ว บาดแผลของหานเซิ่นก็หายสนิทแล้ว เขารู้สึกว่าเขามีพลังงานเต็มเปี่ยมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   เมื่อหานเซิ่นลืมตาขึ้นมาเขาก็เห็นว่าควีนกำลังเพ่งสมาธิฝึกวิชาอยู่ เขาประหลาดใจ เพราะตอนนี้รอบๆตัวเธอเต็มไปด้วยแสงสีเหลือง เธอดูงดงามมาก เธอดูเปล่งประกายราวกับเทพธิดาแห่งดาวจันทร์   แต่มันมีอะไรแปลกๆ ด้วยประสาทสัมผัสอันเหนือชั้นของเขา หานเซิ่นมองเห็นว่ากลิ่นหอมของเขากำลังถูกออร่ารอบๆตัวเธอดูดเข้าไป นี่มันไม่ใช่เรื่องปรกติธรรมดา แถมควีนตอนนี้ก็ไม่เหมือนกับควีนที่เขารู้จักก่อนหน้านี้ หลังจากที่หานเซิ่นลองเข้าไปใกล้ๆเธอดู เขาก็พบว่าตอนนี้กลิ่นของเธอไม่ต่างจากกลิ่นของเขาตอนที่ฝึกศาสตร์ตงเสวียนเลย   หานเซิ่นเฝ้าดูเธอ เขาสังเกตเห็นว่าตอนนี้ร่างกายของเธอกำลังเปลี่ยนแปลงไป เซลล์ภายในร่างกายของเธอเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ตอนนี่ร่างกายของเธอเป็นประกายระยิบระยับ   แต่นั่นไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเธอยังสวมชุดเกราะวิญญาณอสูรเกล็ดโลหิตอยู่ แต่เขาสามารถมองเห็นการเปลี่ยนในร่างกายของเธอได้ราวกับภาพx-ray   แต่ถึงเขาจะมีภาพx-ray การเปลี่ยนแปลงระดับเซลล์ของมนุษย์ก็ยากที่ตาของมนุษย์ปรกติจะมองเห็น แต่ทว่าหานเซิ่นกับมองเห็นมันจริงๆ เขาเห็นว่าร่างกายเธอกำลังเปลี่ยนแปลงไป   นี่มันเป็นเรื่องที่พิศวงมาก เขามองเห็นได้แม้กระทั่งชี่กงที่ควีนกำลังฝึกอยู่ หานเซิ่นมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน เขาสามรถเห็นมันได้ทุกรายละเอียด แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็ตาม ไม่มีอะไรที่หลบซ่อนจากสายตาของเขาได้   ด้วยความสามารถนี้ถึงเขาจะยังไม่รู้เกี่ยวกับมันแน่ชัด แต่ตอนนี้เขาก็สามารถมองเห็นรายละเอียดของวิชาที่ควีนกำลังฝึก เขาสามารถเรียนรู้มันได้   ตอนนี้หานเซิ่นเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์ เมื่อเขารู้สึกตัวอีกที เขาก็พบว่าสิ่งที่เขามองเห็นไม่ใช่เกิดจากตามอง   ‘กลิ่น! มันจะต้องเป็นกลิ่นของเธอแน่ๆ!’ หานเซิ่นประหลาดใจ ที่เขาสามารถรู้รายละเอียดของวิชาที่ควีนฝึกอยู่ได้ก็เพราะกลิ่น เมื่อเขาดมกลิ่นเข้าไป เขาสามารถก็ล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของควีนราวกับตาเห็น   ‘มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่านี่ก็เป็นความมหัศจรรย์ของศาสตร์ตงเสวียน?’ หานเซิ่นมองควีนด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน หมากล้อมสวรรค์ที่เป็นสุดยอดวิชาลับ แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรลับสำหรับเขาอีกแล้ว ตอนนี้เขาเห็นมันทุกรายละเอียด   ในขณะที่หานเซิ่นกำลังใช้ความคิด เขาก็รู้สึกว่าศาสตร์ตงเสวียนของเขาเริ่มทำงานขึ้นมาอีกแล้ว แต่มันเริ่มทำงานในวิธีที่แตกต่างไปจากปรกติ มันกำลังไหลไปตามกระแสพลังของควีน เขาสังเกตเห็นว่ามันกำลังลอกเลียนแบบวิชาหมากล้อมสวรรค์ของเธออยู่   กระแสพลังภายในร่างกายของหานเซิ่นกำลังเชื่อมต่อกับกลิ่นของควีน ซึ่งมันทำให้เขาเข้าใจหมากล้อมสวรรค์มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   ‘ถ้าควีนรู้ว่าเราขโมยวิชาลับหมากล้อมสวรรค์ของเธอล่ะก็ เธออาจจะฆ่าเราก็ได้’ หานเซิ่นรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา   หมากล้อมสวรรค์ของควีนยังคงพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง พลังของเธอพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ เมื่อเธอดูดซับกลิ่นหอมรอบๆไปจนหมดแล้ว เธอก็ลืมตาขึ้นมา เธอดูมีความสุขมาก แต่เมื่อเธอเห็นว่าหานเซิ่นกำลังยืนอยู่ข้างหน้าเธอ และจ้องมองเธอตาไม่กระพริบ เธอก็หน้าแดงขึ้นมา   หานเซิ่นอึ้งไปชั่วขณะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอทำหน้าแบบนี้ ผู้หญิงที่เย็นชาแบบเธอกับทำใบหน้าที่เขินอายได้น่ารักแบบนั้น เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ใบหน้าของเธอราวกับเทพธิดา ไม่ว่าผู้ชายคนไหนมาเห็นก็ต้องตาค้างแน่   ควีนรู้สึกผิดเกี่ยวกับการที่เธอไปดูดซับกลิ่นของหานเซิ่นเข้าไปโดยไม่ได้บอกเขาก่อน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไหมเธอถึงได้รู้สึกอับอาย   เธอมองหานเซิ่น แต่อยู่ๆเธอก็ลุกขึ้นมาจับหูของหานเซิ่น และก็พูดใส่หูของเขาเสียงดัง “นายลงไปทำอะไรในทะเล?!”   หานเซิ่นได้สติกลับมาอีกครั้ง เมื่อควีนบิดหูของเขา ตอนนี้ควีนหน้าแดงมาก เธอปล่อยหูของเขา และก็กลับไปทำสีหน้าที่เย็นชาเหมือนกับปรกติ จากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ฉันกำลังถามนายว่า นายไปทำอะไรในทะเล?”   หานเซิ่นเอามือจับหูของเขา พร้อมกับตอบคำถาม “คุณไม่เห็นหรอ? ผมหนีตายขนาดนั้น ผมเกือบจะไม่ได้อะไรเลย โชคร้ายที่ผมทำพลาดจนเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว”   ควีนขมวดคิ้วขณะจ้องมองหานเซิ่น เธอไม่รู้เลยว่าครั้งนี้เขาพูดความจริงหรือโกหกกันแน่ แต่เมื่อเธอมองดูเขาสีหน้าของเขา ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้อะไรเลยจากการลงไปในทะเลจริงๆ   แต่ตอนนี้สิ่งที่ควีนสนใจยิ่งกว่าเรื่องที่เขาลงไปในทะเลก็คือกลิ่นหอมๆรอบตัวของหานเซิ่นตอนนี้ เธอคิดว่าอาจจะเป็นรากบัวที่เขากินเข้าไป   เหมือนว่าหานเซิ่นจะย่อยสารอาหารและพลังงานจากรากบัวไม่หมด ทำให้พลังงานบางส่วนถูกเธอดูดซับไว้แทน แต่นี่เป็นแค่ความคิดของควีนเท่านั้น เธอยังต้องค้นหาความจริงต่อไป   “นายฝึกวิชาอะไรงั้นหรอ? ทำไมนายถึงได้มีกลิ่นแปลกๆ?” ควีนถามลองเชิงไป   “กลิ่นแปลกๆ? ผมน่ะหรอ ?” หานเซิ่นแบมือทั้ง 2 ข้าง เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และมองควีนพร้อมกับยิ้ม   ควีนมองเธอหานเซิ่นด้วยสีหน้าจริงจัง แต่หลังจากนั้นเธอก็หันหน้าไปทางอื่น และก็เลิกสนใจเขา   หานเซิ่นกำลังโกหกหน้าตาย เธอรู้เรื่องนี้ดี ตลอดเวลาที่เธอถามอะไรเขา เขามักจะปกปิดความจริงบางส่วนเอาไว้เสมอ ในใจเธอเชื่อว่ามันเป็นเพราะรากบัวที่เขากินเข้าไป หรือไม่ก็วิชาอะไรบางอย่างที่เขากำลังฝึกอยู่   แต่เธอก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีวิชาอะไรที่สามารถช่วยให้วิชาของคนอื่นพัฒนาได้มาก่อนเลย   ไม่ว่ายังไงหานเซิ่นก็ไม่มีทางบอกความจริงให้เธอรู้เด็ดขาด เพราะเขากลัวว่าถ้าบอกไป เธออาจจะฆ่าเขาปิดปากก็ได้   หานเซิ่นยังจำได้ดีเกี่ยวกับสิ่งที่หวงฟูผิงชิงเคยบอกเขาไว้ ‘ในจักรวาลนี้มีคนเพียง 2 คนเท่านั้นที่รู้วิชาหมากล้อมสวรรค์ คนแรกก็คือภรรยาของหวงฟูสงเฉิง ฟูชิงเหมย ส่วนอีกคนก็คือควีน’ แต่ว่านับแต่วันนี้เป็นต้นไป คนที่รู้วิชานี้ได้เพิ่มเป็น 3 คนแล้ว   แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่คิดจะทุ่มเทเวลาไปฝึกหมากล้อมสวรรค์ เพราะเขายังเชื่อว่าศาสตร์ตงเสวียนเป็นวิชาที่ดีกว่า ขนาดเขายังฝึกไม่สำเร็จสักขั้นก็ยังวิเศษขนาดนี้ ทำให้เขาอยากจะรู้ว่าถ้าฝึกสำเร็จมันจะสุดยอดขนาดไหน   หานเซิ่นต้องการปลดล็อคยีนขั้นแรกวิชานี้ และดูให้เห็นกับตาว่าศาสตร์ตงเสวียนเป็นวิชาที่สุดยอดขนาดไหน   หลังจากที่หานเซิ่นหยุดคิดเพ้อฝัน เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาพึ่งจะได้วิญญาณอสูรขั้นสุดยอดมา นี่เป็นวิญญาณอสูรขั้นสุดยอดดวงแรกที่เขาได้ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2   ประเภทของวิญญาณอสูรนกยูงเนตรมรณะขั้นสุดยอด : ธนู  

Super God Gene – ตอนที่ 617 กลิ่นหอม
Super God Gene – ตอนที่ 617 กลิ่นหอม

  กุ้งล็อบสเตอร์ไล่หลังหานเซิ่นมาด้วยความเร็วสูง หานเซิ่นไม่รู้ว่าเขาจะสามารถหลบการโจมตีของมันได้รึเปล่า ตอนนี้เขาไม่มีอะไรที่จะงัดออกมาเพื่อเสียสละอีกแล้ว ถ้าเขาหลบมันไม่ได้ เขาก็น่าจะตายก่อนที่จะขึ้นไปถึงผิวน้ำได้   เขาใช้มือจับบริเวณหน้าอก ขณะที่มีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้หานเซิ่นกำลังสวมชุดเกราะแฟรี่ควีนอยู่ ซึ่งเขาก็รู้ดีว่าจะเสี่ยงถูกโจมตีไม่ได้   หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรปักษาอัสนี 4 ปีกออกมา นกที่มี 4 ปีกปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าเขา   ปัง! วิญญาณอสูรปักษาอัสนี 4 ปีกเลือดศักดิ์สิทธิถูกก้ามของกุ้งล็อบสเตอร์บดขยี้เป็นชิ้นๆในชั่วพริบตา หานเซิ่นใช้เวลานี่เพื่อขึ้นไปบนผิวน้ำ เขาเรียกวิญญาณอสูรปีกออกมา และก็บินหนีขึ้นฟ้าทันที   หานเซิ่นกำลังบินอยู่ในระดับความสูง 40 เมตรจากผิวน้ำ แต่อยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อมอย่างแรง กุ้งล็อบสเตอร์ขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากน้ำ มันพุ่งขึ้นมาในอากาศ นี่คงจะเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายของมันแล้ว มันพยายามจะคว้าตัวหานเซิ่นให้ได้   ความเร็วของปีกวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กที่ทรงพลังยังไม่เร็วพอที่จะหนีกุ้งล็อบสเตอร์ได้ ดูแล้วมันน่าจะคว้าหานเซิ่นได้อย่างแน่นอน   แต่ทว่าขาของหานเซิ่นก็มีพลังที่เหลือล้น เขาใช้วิชาเหยียบเมฆาพุ่งออกไปด้านข้าง 2 เมตรในชั่วพริบตา ทำให้กุ้งล็อบสเตอร์โจมตีพลาด   ตูม! กุ้งล็อบสเตอร์ตกลงไปในน้ำ ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ทั่วบริเวณนี้ เหมือนกับมีอุกาบาตตกลงไปในทะเล   หานเซิ่นรีบบินขึ้นสูงโดยไม่ลังเล กุ้งล็อบสเตอร์ว่ายน้ำอยู่รอบๆเพื่อเฝ้ามองเขาอยู่ชั่วขณะ ในที่สุดมันก็ตระหนักว่ามันไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้อีก มันก็คว้าซากของนกยูง และลากกลับลงทะเลลึกไป   ควีนกระพือปีกพร้อมกับอุ้มจิ้งจอกสีเงินอยู่ในอ้อมแขน จิ้งจอกสีเงินดูสีหน้าไม่ค่อยดี ดูเหมือนมันจะอ่อนเพลียอยู่มาก เมื่อเห็นหานเซิ่นกลับไปหา มันก็กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเขาทันที จากนั้นมันก็อยู่นิ่งๆไม่เคลื่อนไหว   หานเซิ่นยังคงไอและกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง อวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก เขาเกรงว่าอาจจะต้องใช้เวลานานเลยกว่าจะฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเหมือนเดิม   “ไปกันเถอะ” หานเซิ่นกัดฟันขณะเอามือปิดบาดแผลตรงหน้าอกตลอดเวลา แม้จะเจ็บปวดทรมานมาก แต่เขาก็ต้องรีบออกจากบริเวณนี้ให้ได้ก่อน เมื่อบินได้สักพัก และเห็นว่าสถานการณ์น่าจะปลอดภัยแล้ว ควีนก็เรียกวาฬของเธอออกมา   หานเซิ่นล้มตัวลงนอนบนหลังวาฬ จิ้งจอกสีเงินเอาหัวมุดอยู่แถวๆแขนของหานเซิ่น ในตอนแรกเขาก็ไม่รู้ว่ามันกำลังจะทำอะไร แต่ไม่นานนักเขาก็เห็นว่าจิ้งจอกสีเงินดึงรากบัวออกมา จากนั้นมันก็เริ่มเคี้ยว   “นายมันจิ้งจอกไร้หัวใจ ขนาดฉันเจ็บหนักขนาดนั้น นายยังคิดจะขโมยไปกินอีกหรอ” หานเซิ่นรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจ แต่เขาก็ไม่มีแรงพอที่จะโวยจิ้งจอกหนักๆ   แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็ต้องอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากจิ้งจอกสีเงินเคี้ยวรากบัวแล้ว มันก็เอามาป้อนให้หานเซิ่น   หานเซิ่นประหลาดใจ เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้กินเอง การที่มันป้อนให้หานเซิ่นแบบนี้แสดงว่ามันรักเขามาก   แต่หานเซิ่นก็รู้สึกไม่ดีที่ต้องมากินอาหารที่โดนสัตว์เลี้ยงเคี้ยวไปแล้ว ในตอนแรกเขาก็เกือบจะปฏิเสธมัน แต่การที่รากบัวแทบจะกลายเป็นของเหลวแล้ว มันคงไหลลงคอเขาทันที   หานเซิ่นรู้ดีว่ามันเสี่ยงมากที่กินรากบัวเข้าไปโดยไม่ศึกษาดูให้ดีก่อนว่ามนุษย์จะกินได้ไหม แต่ตอนนี้เขาได้แต่ต้องทำใจ เขายอมกินมันเข้าไปโดยไม่คิดอะไรมาก   หลังจากกินมันเข้าไปแล้ว เขาก็รู้สึกสดชื่นและกระปี้กระเป่า เหมือนมีพลังงานกำลังไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขา บาดแผลที่เขากำลังเจ็บปวดทรมานค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้อัตราการเต้นหัวใจของเขาเริ่มสงบลง   หานเซิ่นรีบใช้ศาสตร์ตงเสวียนทันที เขาดูซับพลังงานจากรากบัวเพื่อฟื้นพลัง วิชากายหยกของเขาถูกจำกัดอยู่ เขาสามารถปลดล็อคยีนได้แค่ขั้นแรก การปลดล็อคขั้นที่ 2 แทบจะเป็นไปไม่ได้ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 นั่นเป็นเหตุผลที่เขาจะต้องหันมามุ่งเน้นฝึกศาสตร์ตงเสวียนแทน   ศาสตร์ตงเสวียนมีผลดีต่อระบบการหายใจ ตอนนี้อัตราเมตาบอริซึมของเซลล์ในร่างกายของเขาเพิ่มสูงขึ้น อาการบาดเจ็บและบาดแผลของเขาเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เซลล์ที่เกิดใหม่เข้าไปแทนที่เซลล์เก่า ซึ่งทำให้แผลของเขาหายเร็วยิ่งขึ้น   ต้องขอบคุณสารอาหารจากรากบัว ไม่งั้นศาสตร์ตงเสวียนคงจะไม่สามารถรักษาเขาได้เร็วขนาดนี้   ตอนนี้เซลล์ในร่างกายของเขาแทบจะเป็นเซลล์ใหม่ทั้งหมด เขารู้สึกสดชื่นมาก หลังจากที่ใช้ศาสตร์ตงเสวียนดูดซับพลังงานจากรากบัว ร่างกายของเขาดูขาวและเนียนมากขึ้น กลิ่นของเขาหอมสดชื่น   จิ้งจอกสีเงินที่นั่งอยู่ข้างๆหานเซิ่นก็ดมกลิ่นใหม่ของเจ้านายมันอย่างสนุกสนาน   ควีนสังเกตเห็นรากบัวทั้ง 2 อัน และเธอก็รู้ได้ทันทีว่ามันมาจากไหน แต่เมื่อเห็นจิ้งจอกสีเงินเอามันไปป้อนให้หานเซิ่น ทำให้เธอได้แต่เฝ้าดูด้วยความสงสัย   ในตอนแรกอาการบาดเจ็บของหานเซิ่นค่อนข้างหนัก สีหน้าของเขาดูซีดมาก แต่ตอนนี้ทั้งๆที่เวลาผ่านไปไม่นาน สีหน้าของเขากับดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของเขาเริ่มกลับมาเหมือนปกรติ ผิวหนังของเขาเริ่มเปล่งประกาย   ‘หน้าของเขาดูขาวและก็มีเลือดฝาดเล็กน้อย มันดูพิเศษจริงๆ’ เมื่อเห็นหานเซิ่นตอนนี้ มันก็ช่วยไม่ได้ที่ควีนจะคิดแบบนี้ เมื่อเธอเห็นรูปลักษณ์ใหม่ของเขา เธอก็คิดว่ามันเหมาะกับเขามาก   ใบหน้าของหานเซิ่นคมเหมือนกับรูปปั้นเกะสลัก บวกกับผิวที่ขาวเนียน ทำให้เขาดูมีออร่ามาก   ควีนรู้สึกอิจฉาเขาเล็กน้อย แต่ยังไงเธอก็เป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องรูปลักษณ์อยู่แล้ว   ‘นี่จะต้องเป็นผลของวิชาไฮเปอร์จีโน หรือบางทีมันอาจจะเป็นผลจากรากบัว’ ควีนคิด   แต่ทันใดนั้นอยู่ๆก็มีกลิ่นหอมสดชื่นมาเตะจมูกของเธอ ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกินผลไม้แห่งชีวิตเข้าไป รูขุมขนของเธอเปิดออกทั้งหมด   ‘เกิดอะไรขึ้น?’ ควีนมองหานเซิ่นด้วยความสับสน หลังจากที่เธอได้กลิ่น วิชาหมากล้อมสวรรค์ของเธอก็มีปฏิกิริยา เหมือนมันเริ่มดูซับกลิ่นหอมๆนี้เข้าไป   ควีนไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่คาดคิดเลยว่ากลิ่นหอมนี้จะมีผลกับหมากล้อมสวรรค์   ถ้าเธอไม่ได้เจอเรื่องแบบนี้ด้วยตัวเอง ถึงจะมีคนมาบอกเธอ เธอก็จะไม่มีทางเชื่อเลยว่ามันคือเรื่องจริง   แต่สิ่งที่หน้าตกใจไปกว่านั้นก็คือ กลิ่นนี้มันยังช่วยพัฒนาหมากล้อมสวรรค์ของเธอได้อีกด้วย เธอฝึกวิชาหมากล้อมสวรรค์มาเป็นเวลานานแล้ว และมันเริ่มจะมาถึงทางตัน   เเม้ควีนจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เธอจะไม่ปล่อยให้โอกาสแบบนี้หลุดลอยไปแน่ เธอรีบเข้ามานั่งใกล้ๆหานเซิ่น เพื่อที่เธอจะได้ดูดซับพลังจากเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้   แสงสีม่วงที่ห่อหุ้มร่างกายของเธออยู่เริ่มสว่างมากขึ้น มันกำลังดูดซับพลังจากกลิ่นหอมรอบๆตัว ในที่สุดแม้แต่ตัวเธอเองก็เริ่มมีกลิ่นหอมคล้ายๆกับหานเซิ่นแล้ว   ปรกติรูปลักษณ์ของควีนมักจะทำให้เธอดูเป็นคนเย็นชา แต่ตอนนี้เธอดูน่ารักมากขึ้น เธอดูเปล่งประกาย ถ้าใครได้เห็นเธอตอนนี้ก็คงอึ้งไปเลย ไม่ว่าใครก็ต่างใฝ่ฝันว่าอยากจะมีหน้าตาแบบเธอ   รากบัวนี้จะต้องมีคุณประโยชน์ต่อผู้หญิงมากอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ผู้ชายเองก็น่าจะได้ประโยชน์เช่นกัน แต่ควีนมั่นใจว่าผู้หญิงจะได้รับประโยชน์จากมันมากกว่า   รากบัว 2 อันนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ทั้งสารอาหารและคุณค่าทางยามันสูงอย่างไม่น่าเชื่อ การที่หานเซิ่นดูดซับพลังของมันด้วยศาสตร์ตงเสวียน ทำให้ศาสตร์ตงเสวียนของเขาก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับแล้ว

Super God Gene – ตอนที่ 616 หลบหนี
Super God Gene – ตอนที่ 616 หลบหนี

  หานเซิ่นไม่ได้ใช้พลังหยินหยางห่อหุ้มฝ่ามือของเขาเอาไว้ เพราะถ้าทำแบบนั้น เขาก็คงจะตายไปด้วยแรงมหาศาลของกุ้งล็อบสเตอร์แล้ว   ดิเวอร์ชั่น! หานเซิ่นเคยฝึกวิชาที่เรียกว่าดิเวอร์ชั่นมาก่อน เขาไม่ได้ใช้เทคนิคในการสกัดกั้นพลังอะไรเลย เขาเพียงแค่ยืมแรงจากกุ้งล็อบสเตอร์เพื่อส่งให้เขากระเด็นออกไป   แต่พลังของกุ้งล็อบสเตอร์นั้นมากเกินไป ถึงเขาจะดูดซับพลังของมันไว้ได้มากแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังได้รับพลังที่มหาศาล หานเซิ่นรู้สึกว่าอวัยวะภายในและกระดูกของเขาได้รับความเสียหาย มีเลือดไหลออกมาจากปากของเขาเป็นจำนวนมาก แต่เสียงที่เขาได้ยินในหัว ทำให้เขามีความสุขมาก   “นกยูงเนตรมรณะขั้นสุดยอดถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรนกยูงเนตรมรณะ เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยขั้นสุดยอด”   แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่หานเซิ่นจะมาฉลองกับการได้วิญญาณอสูรขั้นสุดยอด ขาเอามือจับที่หน้าอกของตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บ และก็พยายามว่ายน้ำต่อไป ถ้าเขาไปถึงฝั่งได้ เขาก็จะมีโอกาสรอดชีวิต   แม้กุ้งล็อบสเตอร์จะแข็งแกร่งมาก แต่มันก็เป็นมอนสเตอร์ทะเล หานเซิ่นสามารถบินได้ ดังนั้นเขาสามารถหนีมันขึ้นไปบนฟ้าได้สบายๆ ไม่มีทางที่กุ้งล็อบเสอตร์จะทำอะไรเขาได้   หานเซิ่นทำให้กุ้งล็อบสเตอร์โมโหมาก มันจับร่างที่ไร้วิญญาณอสูรของนกยูง และก็พุ่งเข้ามาหาหานเซิ่น มันแทบจะมาถึงตัวหานเซิ่นในทันที   “จิ้งจอกสีเงิน ถ้านายไม่ทำอะไรสักอย่าง พวกเขาทั้งคู่จะต้องตายอยู่ที่นี่” หานเซิ่นพูดกับจิ้งจอก ขณะลูบหัวมัน   จิ้งจอกสีเงินดูสับสนมาก แต่แล้วสายฟ้าสีเงินก็ปรากฏขึ้นในตาของมัน จากนั้นมันก็ว่ายน้ำไปขวางทางกุ้งล็อบสเตอร์ไว้ และปลดปล่อยแสงสีเงินที่ดูน่ากลัวออกมา   ในชั่วพริบตาแสงสีเงินก็ขยายและเริ่มถักกันเหมือนกับตะข่าย   “อ๊ากกก!” หานเซิ่นกรีดร้อง จิ้งจอกสีเงินไม่ใช่แค่โจมตีกุ้งล็อบสเตอร์เท่านั้น แต่พลังของมันยังส่งผลถึงหานเซิ่นด้วย   สายฟ้าสีเงินขยายตัวในน้ำ ราวกับว่ามันไม่สนใจมิตรหรือศัตรู ขนของหานเซิ่นลุกทั่วทั้งร่างด้วยความช็อค ตอนนี้มีเลือดไหลออกจากปากของเขามากขึ้น   ตอนนี้หานเซิ่นรู้แล้วว่าทำไมจิ้งจอกสีเงินถึงไม่ยอมใช้สายฟ้าสีเงิน เพราะพลังนี้จะไม่ฆ่ากุ้งล็อบสเตอร์แต่จะเป็นหานเซิ่นแทน   กุ้งล็อบสเตอร์เริ่มถููกไฟฟ้าช็อต ซึ่งทำให้ความโกรธของมันเพิ่มขึ้น ด้วยความโกรธทำให้มันหันไปสนใจจิ้งจอกสีเงินแทน   แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอะไร จิ้งจอกสีเงินก็เปลี่ยนทิศทางและว่ายน้ำหนีทันที มันว่ายได้รวดเร็วยิ่งกว่าหานเซิ่น   เมื่อเห็นกุ้งล็อบสเตอร์หันไปสนใจจิ้งจอกสีเงิน เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง แต่เขาก็ยังมีความกังวลอยู่ เขากลัวว่าถ้ากุ้งล็อบสเตอร์ไล่ทัน มันอาจจะฆ่าจิ้งจอกสีเงินก็ได้   จิ้งจอกสีเงินยังเด็กอยู่ ไม่มีทางที่มันจะแข็งแกร่งเหมือนกับกุ้งล็อบสเตอร์ สายฟ้าสีเงินที่มันปล่อยออกมาทำได้เพียงแค่ทำให้กุ้งล็อบสเตอร์หยุดชะงักไปชั่วครู่เท่านั้น มันไม่ได้มีผลที่รุนแรงเหมือนกับแสงสีฟ้าของนกยูง   แม้ความเร็วของจิ้งจอกจะเหนือกว่าหานเซิ่นก็ตาม แต่มันก็ยังไม่พอที่จะหนีกุ้งล็อบสเตอร์ได้ ในชั่วพริบตากุ้งล็อบสเตอร์ก็เคลื่อนที่ไล่มา ราวกับเทเลพอร์ตได้ มันมาอยู่ด้านหน้าของจิ้งจอกสีเงินแล้ว   ตูม! สายฟ้าสีเงินของจิ้งจอกถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง มันช็อตกุ้งล็อบสเตอร์ที่อยู่ด้านหน้าแบบเต็มๆ   ในเวลาเดียวกัน จิ้งจอกสีเงินก็เคลื่อนที่หนีไปด้วย มันสามารถหนีกุ้งล็อบสเตอร์ไปได้อีกครั้ง ตอนนี้มันเริ่มทิ้งระยะห่างจากกุ้งล็อบสเตอร์   พลังของสายฟ้าสีเงินไม่พอที่จะทำให้กุ้งล็อบสเตอร์บาดเจ็บได้ แต่มันก็พอที่จะทำให้กุ้งล็อบสเตอร์หยุดชะงักได้ชั่วครู่ และตอนนี้กุ้งล็อบสเตอร์ก็เริ่มไล่มาอีกแล้ว   จิ้งจอกสีเงินปล่อยสายฟ้าเหมือนกับครั้งที่แล้วออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล กุ้งล็อบสเตอร์เริ่มจะชินกับมันแล้ว   เมื่อกุ้งล็อบสเตอร์ไล่มาเป็นครั้งที่ 3 สายฟ้าก็ทำอะไรมันไม่ได้ มันยื่นก้ามเข้าไปหาจิ้งจอกเพื่อจะฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ   จิ้งจอกสีเงินหลบการโจมตีที่เข้ามาอย่างกล้าหาญ แต่กระนั้นมันก็หลบไม่พ้น แม้จะหลบไม่ให้ถูกหนีบได้ แต่ก็ยังโดนกระแทกจากก้ามของกุ้งล็อบสเอตร์ ร่างเล็กๆของมันถูกส่งกระเด็นไปเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่   หานเซิ่นกัดฟันและเรียกวิญญาณอสูรร็อคเวิร์มและชุดเกราะสัตว์เลี้ยงขั้นสุดยอดออกมา เขาสั่งให้ร็อคเวิร์มไปขวางหน้ากุ้งล็อบสเตอร์เอาไว้ ในขณะที่มันกำลังจะโจมตีเล่นงานจิ้งจอกซ้ำ   ปัง! ร็อคเวิร์มสีทองที่สวมชุดเกราะขั้นสุดยอดเบอร์เซิร์กของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ถูกเรียกออกมาได้เพียง 3 วิ มันก็ถูกบดขยี้ด้วยพลังจากก้ามของกุ้งล็อบสเตอร์ มันไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย วิญญาณอสูรร็อคเวิร์มและชุดเกราะถูกทำลายไปตลอดกาล   แต่การเสียสละของมันก็สามารถช่วยให้จิ้งจอกสีเงินหนีต่อไปได้หลาย 10 เมตร ตอนนี้มันอยู่ห่างจากฝั่งแค่ไม่กี่เมตร   หานเซิ่นว่ายน้ำเร็วที่สุดเท่าที่เขาทำได้ เขาใช้วิญญาณอสูรร็อคเวิร์มและชุดเกราะสัตว์เลี้ยงเพื่อช่วยชีวิตจิ้งจอกสีเงินเอาไว้ในครั้งนี้ ตอนนี้เขาเสียมันไปแล้ว เขาจะไม่มีโอกาสใช้มันได้อีก   “โถ่ร็อคเวิร์มและชุดเกราะสัตว์เลี้ยงที่น่าสงสาร! พวกแกอยู่กับฉันมานาน พวกเรารผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าพวกแกจะถูกกุ้งล็อบสเตอร์บ้านั่นฆ่าตาย แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะกลับมาแก้แค้นให้พวกแกแน่นอน สักวันฉันจะต้องฆ่ากุ้งล็อบสเตอร์ตัวนี้และเอามันมาทำเป็นอาหารเพื่อเซ็นวิญญาณพวกแก ไว้ฉันจะสร้างสุสานให้พวกแกด้วย” หานเซิ่นทั้งโกรธและเสียใจ เขาพยายามทำให้ตัวเองสงบลง   พวกเขายังมีโอกาสที่จะหลบหนีได้ แต่ทว่าตอนนี้กุ้งล็อบสเตอร์ก็ไล่ตามจิ้งจอกสีเงินมาได้ทันอีกครั้งหนึ่งแล้ว หานเซิ่นไม่แน่ใจว่ากุ้งล็อบสเตอร์ไล่จิ้งจอกเพราะไปทำให้มันโกรธ หรือว่ามันแค่ต้องการล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดมากกว่ามนุษย์   เมื่อเห็นกุ้งล็อบสเตอร์ไปอยู่ตรงหน้าจิ้งจอกสีเงินอีกครั้ง หานเซิ่นก็รู้สึกกังวล ถึงเขาต้องการจะช่วย แต่ไม่ว่าเขาจะทำยังไงมันก็ไม่มีความหมาย ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้ ไม่มีอะไรที่จะป้องกันการโจมตีของกุ้งล็อบสเตอร์ได้อีกแล้ว   ทันใดนั้นจิ้งจอกสีเงินก็ปลดปล่อยสายฟ้าสีเงินอีกครั้ง ครั้งนี้สายฟ้าห่อหุ้มขนของมันเอาไว้ทุกเส้น กระแสสายฟ้าที่มหาศาลกำลังพุ่งออกจากตัวของมัน   กุ้งล็อบสเตอร์มาขวางหน้าจิ้งจอกสีเงินอีกครั้ง มันยกก้ามขึ้นเตรียมที่จะจัดการเหยื่อของมัน   ตูม! สายฟ้าสีเงินที่จิ้งจอกสีเงินปล่อยออกมาเป็นเหมือนกับไอพ่นของจรวด ทำให้จิ้งจอกเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว มันถูกส่งลอยออกจากน้ำทะเล และหนีรอดจากการโจมตีของกุ้งล็อบสเตอร์ได้   “เห้ย!” หานเซิ่นอึ้ง เขาไม่คิดว่าจิ้งจอกสีเงินจะมีความสามารถแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้จิ้งจอกสีเงินมันพุ่งหายไปแล้ว หมายความว่าตอนนี้หานเซิ่นจะต้องกลายเป็นเป้าหมายของกุ้งล็อบสเตอร์อีกครั้ง   หานเซิ่นไม่พูดอะไรอีก เพราะตอนนี้เขากลายเป็นเป้าหมายของกุ้งล็อบสเตอร์แล้ว เขาต้องรีบช่วยเหลือตัวเองก่อน เขาว่ายน้ำด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ โชคดีที่จิ้งจอกล่อกุ้งล็อบสเตอร์ออกไปไกล ทำให้หานเซิ่นมีระยะห่างมากพอที่จะหนีมัน   “บ้าเอ้ย ถ้าเรารู้ว่าจิ้งจอกมีแผนที่จะทำแบบนั้น เราคงจะตั้งหน้าตั้งตาหนีไปไกลแล้ว” หานเซิ่นรู้สึกเจ็บปวดมาก จริงๆเขาสามารถหนีได้โดยไม่ต้องหันไปสนใจจิ้งจอก แต่เขากับยอมเสียสละวิญญาณอสูร   ตอนนี้หานเซิ่นอยากจะมีแขนเพิ่มอีกสัก 2 แขน เพื่อที่เขาจะได้ว่ายน้ำเร็วขึ้น ตอนนี้้กุ้งล็อบสเตอร์ว่ายน้ำมาอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตามันก็จะไล่ตามหานเซิ่นทันแล้ว ราวกับว่ามันเทเลพอร์ตได้เลย   “เอาหน่อย เราต้องเร็วกว่านี้ อีกแค่นิดเดียวก็ออกจากที่นี่ได้แล้ว” ตอนนี้กุ้งล็อบสเตอร์กำลังไล่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆแล้ว โอกาสที่กุ้งล็อบสเตอร์จะไล่เขาทันก่อนที่เขาจะหนีได้สูงจริงๆ  

Super God Gene – ตอนที่ 615 ฆ่านกยูง
Super God Gene – ตอนที่ 615 ฆ่านกยูง

  หานเซิ่นไล่ตามกุ้งล็อบสเตอร์ไป ซึ่งตอนนี้มันดำไปลึกกว่า 1000 เมตรแล้ว แสงสีฟ้าของนกยูงเริ่มมืดลงเรื่อยๆ นี่เป็นสัญญาณที่บอกว่ามันใกล้จะตายแล้ว   ปีกของมันหักด้วยก้ามของกุ้งล็อสเตอร์ เนื้อจำนวนมากของมันถูกฉีกออก ตอนนี้น้ำบริเวณโดยรอบเปลี่ยนเป็นสีแดง   หานเซิ่นสามารถมองเห็นจุดที่พวกมันอยู่ได้โดยดูจากแสงสีฟ้าของนกยูง ตอนนี้ใบหน้าของนกยูงเละแล้ว เนื้อของมันเปื่อยและเน่า เผยให้เห็นกะโหลกของมัน   นกยูงมีบาดแผลทั่วร่าง ขนของมันหลุดจนเกือบหมด ที่บริเวณหลังของมันถูกกุ้งล็อบสเตอร์ทำให้เป็นบาดแผลลึก ตอนนี้นกยูงที่เคยดูสง่างาม สภาพไม่ต่างจากไก่ไร้ขน   ‘เหมือนมอนสเตอร์ที่มีพลังป้องกันสูงจะได้เปรียบกว่าจริงๆด้วย ถึงจะโดนพิษเหมือนกัน แต่กุ้งล็อบสเตอร์ก็ดูไม่เป็นอะไรเลย แถมมันยังตามมาเล่นงายนกยูงได้อีก’ หานเซิ่นคิด แม้นกยูงจะทรงพลังมาก แต่พลังของมันก็ไม่พอที่จะทำให้กุ้งล็อบสเตอร์บาดเจ็บได้   กุ้งล็อบเสอตร์ไม่ใช่เป้าหมายของหานเซิ่น แม้แต่นกยูงที่เป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดก็ยังทำได้แค่สร้างรอยตื้นๆบนเปลือกของมันเท่านั้น เห็นได้ชัดว่ากุ้งล็อบสเตอร์ตัวนี้มีพลังป้องกันที่สูงมากๆ เขาไม่อยากจะเข้าไปเสี่ยงเพราะเขาอาจจะกลายเป็นเป้าหมายต่อไปของมันก็ได้   เมื่อเห็นนกยูงใกล้จะตายแล้ว หานเซิ่นก็รีบตามลงไปทันที เลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาเป็นทางยาวช่วยให้เขาไล่ตามพวกมันได้อย่างไม่ยากเย็น   ตอนนี้หานเซิ่นอยู่ห่างจากพวกมันประมาน 10 เมตร กุ้งล็อบสเตอร์ดูจะมีความสุขกับการได้เล่นสนุกกับร่างของนกยูง มันไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย   นกยูงหมดแรงที่จะโต้ตอบแล้ว ตาของมันกลายเป็นสีขาว ตอนนี้มันเริ่มแน่นิ่งไปแล้ว มันจะขยับก็ต่อเมื่อถูกกุ้งล็อบสเตอร์โจมตีเท่านั้น   หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรมาสค็อตออกมา เขากำดาบไว้แน่น ดาบเล่มนี้คือดาบวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์ก ถ้าเขาสามารถโจมตีไปที่จุดที่อ่อนทีสุดของนกยูงในสภาพใกล้ตายได้ บางทีเขาอาจจะสามารถปิดชีวิตมันได้   จุดอ่อนที่ว่าหานเซิ่นเลือกจากจุดที่มันได้ความเสียหายจากการโจมตีของกุ้งล็อบสเตอร์มากที่สุด   หานเซิ่นเคลื่อนที่อย่างระมัดระวัง เขาไม่ต้องการให้กุ้งล็อบสเตอร์มันหันมาสนใจเขา แต่เขาก็จะต้องไปอยู่ในระยะที่เข้าไปโจมตีนกยูงได้ในเวลาอันสั้นด้วย   หลังจากสังเกตสภาพของนกยูงในตอนนี้แล้ว เขารอให้ถึงช่วงที่เหมาะที่สุด เขามีโอกาสโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากโจมตีไป 1 ครั้งแล้ว กุ้งล็อบสเตอร์จะต้องเห็นเขาเป็นศัตรูที่เข้าไปแย่งเหยื่อของมันแน่   บาดแผลบนปีกของนกยูงดูจะสาหัสมาก แต่ถ้าเกิดเขาเข้าไปโจมตีตรงนั้นแล้วมันไม่ตายละก็ สถานการณ์ของเขาจะวิกฤตทันที   แม้สภาพของนกยูงจะดูร่อแร่แล้ว บาดแผลของมันมีอยู่ทั่วร่าง และยังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ยังไม่มีบาดแผลอันไหนที่พอจะทำให้มันถึงตายได้ ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว นกยูงอาจจะกำลังจะตายด้วยสาเหตุขาดอากาศหายใจหรือจมน้ำตายมากกว่า   หานเซิ่นยังเฝ้าดูมันต่อไป ถ้าเขาต้องการจะฆ่านกยูงด้วยการโจมตีครั้งเดียว เขาคิดว่าบาดแผลที่เขาจะโจมตีหวังผลได้มากที่สุด คงจะเป็นจุดที่แมลงสีแดงใช้เหล็กในแทงเข้าไป   ใบหน้าของนกยูงละเทะไปหมดแล้ว มีเลือดไหลออกมาจากหู ตา จมูกปาก ส่วนสมองของมันก็ถูกพิษ   หานเซิ่นต้องคอยหลีกเลี่ยงพิษที่กระจายออกมาด้วย ถึงมันจะดูคล้ายๆกับเลือด แต่พิษเวลากระจายไปในน้ำ มันจะจับตัวกันเป็นผลึก มันจะไม่ผสานรวมกับน้ำเหมือนเลือด   หานเซิ่นพรางตัวในเลือด และก็ลอบเข้าไปซ่อนแถวๆด้านหลังของนกยูง กุ้งล็อบสเตอร์ยังคงโจมตีนกยูงต่อไป โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าหานเซิ่นได้เข้ามาซ่อนตัวแล้ว   หานเซิ่นเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว ถ้าเขาถูกพบเข้าล่ะก็ เขาจะไม่มีโอกาสทำอะไรได้เลย นอกจากต้องถอยหนีเต็มตัว ไม่มีทางที่เขาจะสู้กับกุ้งล็อบสเตอร์ได้   แม้กุ้งล็อบสเตอร์จะไม่ได้น่ากลัวเหมือนแมลงสีแดง แต่เปลือกของมันก็แข็งอย่างไม่น่าเหลือ ที่สำคัญมันคล่องแคล่วและว่องไวมากเมื่ออยู่ในน้ำ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายังไงมันก็เร็วกว่าเขา เขาไม่กล้าที่จะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า   ถ้าอยู่บนบุก หานเซิ่นยังพอมีโอกาสตอบโต้ได้บ้าง แต่พออยู่ในน้ำแล้ว หานเซิ่นก็ทำได้แค่ภาวนาว่าอย่าให้มันพบตัวเขาเข้า   เป็นโชคดีของหานเซิ่น ตอนนี้เขาสามารถเข้าไปใกล้ๆนกยูงจากด้านข้างได้โดยที่กุ้งล็อบสเตอร์ไม่สังเกตเห็น   หานเซิ่นอยากจะโจมตีตาของนกยูง แต่นั่นเสี่ยงมาก เพราะกุ้งล็อบสเตอร์กำลังเผชิญหน้ากับนกยูงจากทิศทางนั้น ถ้าเขาไปโจมตีตรงนั้น มันจะเห็นเขาแน่นอน   หานเซิ่นเกาะอยู่บนตัวของนกยูงมาสักพักแล้ว ตอนนี้เขากำลังรอโอกาสเหมาะที่สุด ซึ่งยังไม่มาถึง   หลังจากรออยู่นานโอกาสของเขาก็ยังไม่มาสักที ตอนนี้เหมือนว่าโอกาสอาจจะไม่มาให้เขาแล้ว นกยูงเริ่มที่จะยอมแพ้แล้ว ร่างกายของมันอ่อนปวกเปียก มันแน่นิ่งไปแล้ว ถึงจะถูกกุ้งล็อบสเตอร์กัด มันก็ไม่มีแรงดิ้นแล้ว   ‘ไม่ เราจะรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าเราไม่โจมตีตอนนี้นกยูงต้องตายแน่ แม้จะเสี่ยงมาก แต่ก็ต้องลองดู’ หานเซิ่นกัดฟัน เขาถือดาบมาสค็อตแน่น และก็จ้องที่หัวของนกยูง   เขาใช้โอเวอร์โหลด มนตรานอกรีตและตะวันหยกจนถึงขีดสุด หัวใจของเขาเต้นรัว ไตของเขาสูบฉีดพลังๆอันมหาศาล ตอนนี้ร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง พลังของเขาถึงจุดสูงสุดแล้ว   หานเซิ่นเลือกที่จะไม่เปลี่ยนร่างเป็นหญิงสาวหิมะ เขาตัดสินใจใช้แฟรี่ควีนแทน เขาต้องการพลังจากประสาทสัมผัสของแฟรีควีน เพื่อวิเคราะห์สภาพของนกยูงและการเคลื่อนไหวของกุ้งล็อบเสเตอร์   เขาใช้สัมผัสที่ 7 ถึงขีดสุด เพื่อสังเกตทุกรายละเอียด เขาพยากรณ์ทุกความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น   เพื่อที่หลังจากที่เขาโจมตีแล้ว กุ้งล็อบสเตอร์มันจะต้องรู้ตัวแน่ ถึงตอนนั้นเขาจะต้องรีบหาทางหนีให้ได้ ดังนั้นเขาไม่สามารถทำผิดพลาดได้เลย เขาจะต้องวางแผนทุกขั้นตอนให้รัดกุมที่สุด   และแล้วโอกาสก็มาถึงจนได้ หานเซิ่นไม่คิดจะปล่อยให้มันผ่านไป เขารีบลงมือทันที เขาว่ายน้ำตรงไปที่หัวของนกยูง พร้อมกับดาบในมือ   ในตอนที่หานเซิ่นเคลื่อนไหว กุ้งล็อบสเตอร์ก็เหมือนจะรู้ตัว ก้ามของมันที่กำลังใช้เล่นงามนกยูงอยู่ก็เปลี่ยนเป้าหมายมาที่หานเซิ่นแทน   ตาของหานเซิ่นยังคงเยือกเย็น เมื่อเขาเข้าสู่โหมดปลดล็อคยีนแล้ว เขาจะกลายเป็นคนที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก เขาไม่กลัวความตายเลย   ก้ามของกุ้งล็อบสเตอร์รวดเร็วมาก เขารู้ว่าถ้ายังหวังจะโจมตีนกยูงต่อไป เขาจะไม่สามารถหลบการโจมตีของกุ้งล็อบสเตอร์ได้ทัน   แต่ถ้าเขาเลือกที่จะถอยหนีตอนนี้ โอกาสในการฆ่านกยูงก็จะไม่มีอีกแล้ว   หานเซิ่นใช้ดาบมาสค็อตแทงเข้าไปที่ดวงตาของนกยูงแบบรัวๆ และในเวลาเดียวกัน เขาก็เรียกวิญญาณอสูรชุดเกราะราชาปูทองและกรีฟการ์กอยล์ออกมา เขาพยายามใช้มืออีกข้างเพื่อหยุดก้ามของกุ้งล็อบสเตอร์ให้ได้   ดาบมาสค็อตแทงลึกเข้าในดวงตาของนกยูงได้หมดทั้งใบมีด ดูเหมือนมันจะไม่มีแรงต้านเลย   แต่ในเวลาเดียวกัน ก้ามสีม่วงของกุ้งล็อบสเตอร์ก็มาถึงตัวของเขาแล้ว หานเซิ่นใช้มือที่ห่อหุ้มด้วยชุดเกราะราชาปูทอง กรีฟการ์กอยล์ ไมโครคริสตัลและกายหยกป้องกันก้ามของกุ้งล็อบสเตอร์เอาไว้   ปัง! มือของหานเซิ่นเด้งกลับมาชนหน้าอกของตัวเอง เขากระอักเลือดออกมาทันที เขาถูกส่งกระเด็นไปเหมือนกับลูกปืนใหญ่