Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 614 โอกาส
Super God Gene – ตอนที่ 614 โอกาส

  หานเซิ่นจำได้ดีว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของนกยูงที่พวกเขาเจอก่อนหน้านี้ มันถูกแมลงใช้เหล็กในต่อยเข้าที่ใบหน้า จากนั้นมันก็หนีหายไปเลย พวกเขาไม่คิดว่าจะได้มาเจอมันอีกครั้ง   “เสียงของมันดูเจ็บปวดและทรมาน รึว่าจะเป็นเพราะพิษ?” ควีนพูด ขณะที่มองไปยังทิศทางที่เสียงดังมา   ถ้าเป็นเพราะพิษจริงๆ นี่ก็เป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้กับพวกเขา มันเป็นโอกาสครั้งแรกของมนุษย์ที่จะฆ่ามอนสเตอร์ที่เหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิได้   “ไปดูกันเถอะ!” สีหน้าของหานเซิ่นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ถ้าเขามีโอกาสได้ฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวแรกของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ถึงจะไม่ได้วิญญาณอสูร แต่แค่ได้จีโนพ้อยมาก็น่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้มากแล้ว   พวกเขามองหน้ากัน ทั้งหานเซิ่นและควีนต่างก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายดี ควีนสั่งให้วาฬตรงไปทางที่เสียงดังมา   ตอนนี้นกยูงส่งเสียงกรีดร้องดังมาก เหมือนจะฉีกอากาศที่อยู่รอบๆได้เลย พวกมอนสเตอร์ที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างก็ดูตื่นกลัว   พวกเขาเดินทางในทะเลต่อไปอีก 40 ไมล์ ก่อนที่พวกเขาจะเห็นเกาะที่อยู่ไกลออกไป มันเป็นเกาะที่เล็กมากจะเรียกว่าโขกหินก็ยังได้   นกยูงกำลังยืนอยู่บนเกาะนั่นด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว ใบหน้าของมันมีแผลไหม้สีแดง มีเลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลของมันตลอด   “ดูเหมือนพิษของแมลงจะรุนแรงมาก ตอนนี้มันก็ยังแสดงผลอยู่” หานเซิ่นพูด   เขามีความสุขที่ได้เห็นนกยูงอยู่ในสภาพนี้ เห็นได้ชัดว่ามันกำลังทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส แต่เขาก็มีความกังวลอยู่ว่าถึงจะฆ่ามันได้ แต่เขาจะกินเนื้อมันได้รึเปล่า เพราะพิษรุนแรงมาก   ควีนสั่งให้วาฬหยุด เธอไม่ได้ต้องการจะเข้าไปแบบโต้งๆ ถึงมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดจะอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส แต่ยังไงมันก็คือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด พวกเขาไม่น่าที่จะฆ่ามันได้ง่ายๆ พวกเขายังไม่รู้ด้วยว่าอาการของนกยูงหนักหนาแค่ไหน ถ้าเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่   “การที่มันส่งเสียงร้องได้ดังขนาดนี้ แสดงว่ามันยังเหลือพละกำลังอยู่มาก บางทีเราควรจะรออยู่ที่นี่อีกสัก 3-4 วัน เพื่อรอดูไปก่อนว่ามันจะเป็นยังไง” หานเซิ่นแนะนำ   ยิ่งพวกเขารอนานเท่าไหร่ นกยูงก็ยิ่งอาการแย่ลงเรื่อยๆ ถ้าพวกเขาต้องการเสี่ยงเข้าไปฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดเพื่อลุ้นวิญญาณอสูรล่ะก็ พวกเขาควรจะรีบลงมือในเร็วๆนี้   แต่ทันใดนั้นเอง อยู่ๆทะเลแถวเกาะที่นกยูงอยู่ก็สั่นสะเทือน มีคลื่นสูง 20-30 เมตรก่อตัวขึ้น มีก้ามขนาดใหญ่สีม่วงโผล่ออกมาจากคลื่นที่ก่อตัวขึ้น เป้าหมายของมันดูยังไงก็น่าจะเป็นนกยูง   กุ้งล็อบสเตอร์สีม่วงปรากฏตัวมาอีกแล้ว เนื่องจากมันไม่ได้ประโยชน์อะไรสักอย่างตอนที่บุกไปบนเกาะ ดูเหมือนมันจะไม่ยอมขาดทุน ตอนนี้มันมาเพื่อเล่นง่านนกยูงที่บาดเจ็บหนัก   นกยูงถูกพิษเข้าที่บริเวณใบหน้า ซึ่งมันน่าจะมีผลถึงสมองของมันด้วย ดูมันไม่ได้ฉลาดเหมือนกับก่อนหน้านี้ ตอนนี้กุ้งล็อบสเตอร์จับปีกของมันไว้   ตอนนี้เป็นไปไม่ได้แล้วที่นกยูงจะหนีรอดจากกุ้งล็อบสเตอร์ไปได้ มันพยายามกระพือปีกอย่างเต็มกำลัง แต่มันก็ไม่สามารถหนีได้ ยิ่งกระพือหนักเท่าไหร่ขนนกก็ยิ่งร่วง   นกยูงรำแพนหาง มันพยายามสร้างแสงสีฟ้าขึ้นมา หลังจากที่กุ้งล็อบสเตอร์โดนเข้าไปมันก็มึนทันที   เหมือนกุ้งล็อบสเตอร์จะรู้อยู่แล้วว่าต้องเจอแบบนี้ ดังนั้นมันเลยจับปีกของนกยูงไว้แน่น ไม่ว่านกยูงจะพยายามตอบโต้ยังไง กุ้งล็อบสเตอร์ก็จะไม่ยอมปล่อยมัน   เปลือกของกุ้งล็อบสเตอร์หนาและแข็งมาก นกยูงไม่สามารถทำอะไรมันได้ ในที่สุดปีกของนกยูงก็เริ่มมีเลือดไหลออกมา ขนนกกระจายไปทั่วบริเวณ   ขณะที่มอนสเตอร์ 2 ตัวกำลังต่อสู้กันอยู่ ควีนหลับตา และก็หันหน้าหลบแสงสีฟ้า   แม้ระยะที่พวกเขาอยู่จะไม่ได้ใกล้จนเกินไป แต่แสงก็ทรงพลังพอที่จะส่งผลต่อดวงตา แค่มองมันไม่กี่วินาทีก็เกิดอาการมึนงงแล้ว ถ้ายังมองมันต่อไปมีโอกาสที่เธอจะตกลงไปในทะเล   หานเซิ่นเองก็ทำเหมือนกับควีน แต่ตอนนี้เขาเข้าสู่โหมดปลดล็อคยีนแล้ว ด้วยสัมผัสที่ทรงพลัง เขาไม่จำเป็นต้องใช้ตามองดูพวกมันก็ได้ เขาสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้   ‘นกยูงแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ด้วยผลของพิษที่รุนแรงแบบนั้น ยังไงกุ้งล็อบสเตอร์ก็ดูจะเป็นต่อมาก ตอนนี้นกยูงคงได้แต่รอความตายแล้ว’ หานเซิ่นคิด เขากำลังหาทางเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสถานการณ์ครั้งนี้ให้ได้   เกาะที่พวกมันอยู่เริ่มมีรอยแยก มันเริ่มจะพังแล้วจากการต่อสู้ที่ดุเดือด ก้อนหินเริ่มที่จะรับน้ำหนักของมอนสเตอร์ไม่ไหว   เปลือกของกุ้งล็อสเตอร์แข็งมาก มันพยายามใช้ก้ามของมันทิ่มเข้าไปที่ตัวของนกยูงให้ลึกที่สุด ในขณะที่นกยูงได้แต่จิกเปลือกของมันต่อไปอย่างสิ้นหวัง   แม้นกยูงจะยังขัดขืนอยู่ แต่ยังไงวันนี้ก็น่าจะเป็นวันตายของมันแน่ ตอนนี้ก็แค่ขึ้นอยู่กับเวลา   ‘แล้วทำไมกุ้งล็อบสเตอร์ถึงไม่ได้รับผลของพิษเหมือนกับนกยูง?’ หานเซิ่นคิด   เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็คิดว่าดีแล้วที่พวกเขาไม่ได้เข้าไปโจมตีมันตั้งแต่ตอนแรก ถ้าพวกเขาเลือกที่จะเข้าไป พวกเขาคงจะถูกกุ้งล็อบสเตอร์ฆ่าตายได้ง่ายๆ   ตูม! 3 ชั่วโมงต่อมา ในที่สุดเกาะก็พังลงมา นกยูงจมไปพร้อมๆกับเกาะ แม้นกยูงจะยังส่องแสงออกมา แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลที่รุนแรงเหมือนกับที่ผ่านมา ตอนนี้มันไม่ได้มีผลกับหานเซิ่นและควีน   ควีนหันกลับไปมองดูที่ทะเล เธอเห็นแสงสีฟ้าส่องออกมาจากในทะเล ตอนนี้นกยูงกำลังดิ้นร่นอย่างบ้าคลั่ง ส่งผลให้ในทะเลเกิดคลื่นขนาดใหญ่บริเวณจุดที่มันจมลงไป   “เป็นมอนสเตอร์ที่น่ากลัวจริงๆ มันยากเกินไปสำหรับพวกเราที่จะสู้กับมัน” ควีนถอนหายใจ   ‘มันก็จริงอยู่ที่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะฆ่ามัน แต่ตอนนี้พวกเรามีโอกาสอยู่’ หานเซิ่นมองไปที่คลื่นทะเลด้วยแววตาแห่งความโลภ   พวกเขาไม่สามารถสู้กับนกยูงได้แม้มันจะถูกพิษ แต่ว่าตอนนี้มันถูกกุ้งล็อบสเตอร์โจมตีและก็ถูกลากลงไปใต้ทะเล ไม่นานมันก็จะต้องตาย และนี่บางทีอาจจะเป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้หาจังหวะฆ่ามันได้   แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปแย่งเหยื่อของกุ้งล็อบสเตอร์แบบตรงๆ เขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำแบบนั้นได้   แต่ยังไงเขาก็ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง เพราะเขายังมีลุ้นว่าจะได้วิญญาณอสูร ถ้าเขาสามารถโจมตีปิดฉากได้   “นายกำลังจะทำอะไร” ควีนขมวดคิ้ว   “คุณรออยู่ที่นี่ก่อน” หลังจากพูดจบ หานเซิ่นก็ดำลงไปในน้ำทันที   จิ้งจอกสีเงินยังคงอยู่บนไหล่ของหานเซิ่น ตอนนี้มันใช้ขาของมันเกาะคอของหานเซิ่นเอาไว้ มันดำน้ำไปพร้อมๆกับเขา   เพราะมอนสเตอร์ 2 ตัวสู้กันอยู่ในน้ำ ทำให้สถานการณ์ใต้น้ำตอนนี้ยากจะคาดเดา แม้แต่หานเซิ่นก็ยังถูกกระแสน้ำวน ทำให้เขาหมุนไป เขาพบว่าตอนนี้ว่ายน้ำได้ยากมาก   แต่ก็ยังโชคดีที่เขาสามารถหายใจในน้ำได้ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เขาไม่ต้องกลัวว่าจะจมน้ำ ตอนนี้เขายังสามารถว่ายต่อไปได้แม้จะว่ายได้ช้าลงมากก็ตาม   กุ้งล็อบสเตอร์พยายามอย่างมากที่จะลากนกยูงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงนกยูงจะพยายามขัดขืนเต็มที่ แต่ก็ไร้ผล ตอนนี้กุ้งล็อบสเตอร์กำลังลงไปลึกเรื่อยๆ   หานเซิ่นไล่ตามมอนสเตอร์ 2 ตัวไป เขามองดูการต่อสู้อย่างใจจดใจจ่อ เขารอคอยโอการที่ดีที่สุดที่เขาจะได้โจมตี   แม้นกยูงจะไม่สามารถสู้กับกุ้งล็อบสเตอร์ใต้น้ำได้ แต่มันก็ยังดิ้นร่นอยู่ ยังดูไม่เหมือนว่ามันจะถูกฆ่าเร็วๆนี้  

Super God Gene – ตอนที่ 613 ได้รับสมบัติ
Super God Gene – ตอนที่ 613 ได้รับสมบัติ

  ควีนขมวดคิ้วขณะมองกลับไปที่เกาะ ตอนนี้ไม่มีเสียงกรีดร้องของมอนสเตอร์ให้ได้ยินอีกแล้ว พวกมอนสเตอร์ตัวอื่นๆไม่หนีไปได้ก็คงถูกฆ่ากันหมดแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างเงียบสงบ   แต่ยังไงเกาะนี้ก็ดูเหมือนกับขุมนรก มีซากศพและเลือดกระจายอยู่ทุกที่ แค่มองดูก็ทำให้ขนลุกแล้ว   “นายคิดว่าพอมีหวังที่จะฆ่าแมลงพวกนั้นได้ไหม?” ควีนถามหานเซิ่น   หานเซิ่นรู้เจตนาของควีนดี เขาส่ายหัวและพูด “ความเร็วของผมยังด้อยกว่าแมลงพวกนั้นมาก ผมรู้จุดอ่อนของมันก็จริง แต่ถ้าโจมตีมันไม่ได้ก็ไม่มีโยชน์อะไร ยิ่งกว่านั้น…”   “ยิ่งกว่านั้นอะไร?” ควีนรีบถาม   “ไม่มีอะไรการันตีว่าผมจะฆ่ามันได้แม้จะโจมตีโดนจุดอ่อนก็ตาม ผมอาจจะคงทำความเสียหายให้มันได้เล็กน้อยเท่านั้น” หานเซิ่นไม่อยากจะประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป   ในตอนที่เขาสู้กับโกลเด้นโกรวเลอร์ เขาไม่สามารถทำให้ดวงตาของมันเสียหายได้ด้วยซ้ำ แม้แมลงพวกนี้จะมีจุดอ่อน แต่ยังไงมันก็คงแข็งมากอยู่ดี   จุดอ่อนของมันอาจจะเป็นแค่จุดที่อ่อนที่สุดในตัวมัน แต่ยังไงมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดก็แข็งแกร่งมากๆ ดังนั้นแค่จุดอ่อนของมันก็เกินกำลังของหานเซิ่นแล้ว   ควีนถอนหายใจ เธอเข้าใจความหายของหานเซิ่นดี บนเกาะมีแมลงทั้งหมด 18 ตัว และพวกเขาก็หนีแทบเป็นแทบตาย ถึงจะเจอแค่ตัวเดียว มันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะรอดชีวิตถ้าเจอมันหลายๆตัว   มีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่จะหลบการโจมตีของพวกมันได้อย่างหานเซิ่น แม้แต่ตัวควีนเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถหลบมันได้แบบที่หานเซิ่นทำ   เกาะนี้เหมือนกับเกาะแห่งความตาย พวกเขาจ้องมองมันอยู่ชั่วขณะ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าพวกเขาไม่มีหวังที่จะกลับไปที่นั่นได้ พวกเขาจำใจต้องเดินทางออกไปจากเกาะแห่งนี้โดยใช้วาฬ   แต่ทว่าจิ้งจอกสีเงินก็กระโดดออกจากแขนของหานเซิ่น มันกลายเป็นแสงสีเงิน และก็วิ่งกลับเข้าไปที่เกาะ   “จิ้งจอกสีเงิน นายคิดจะทำไร?” หานเซิ่นตื่นตระหนกทันที เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดกว่าจะหนีได้ แต่แล้วทำไมจิ้งจอกถึงได้วิ่งกลับไปอีก?   “รีบหยุดมันเร็วเข้า! ตอนนี้แมลงทั้ง 18 ตัวน่าจะรวมตัวกันแล้ว ถ้าไปเจอกับพวกมันเข้า ต้องแย่แน่ๆ” ควีนพูด   “คุณรออยู่ที่นี่ก่อน ผมจะไปเอามันกลับมา” หานเซิ่นกลับไปที่เกาะโดยไม่ลังเล หานเซิ่นไม่ได้ต้องการจะเสี่ยงชีวิตเพื่อจิ้งจอกสีเงิน แต่เขาเข้าใจมันดี ตัวมันเองไม่ได้โง่ มันก็คงไม่ต้องการเสี่ยงชีวิตเหมือนกัน   ถ้ามันดื้อดึงถึงขนาดนั้น ตอนที่หานเซิ่นสู้กับแมลงอยู่ จิ้งจอกก็คงลงมือทำอะไรไปแล้ว แต่มันกับเลือกที่จะอยู่เฉยๆ แล้วตอนนี้มันกับเลือกที่จะวิ่งกลับไปที่เกาะ แสดงว่าสถานการณ์บนเกาะอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้   หานเซิ่นวิ่งไล่ตามจิ้งจอกสีเงิน และเขาสังเกตเห็นว่ามันกำลังวิ่งตรงไปที่ดอกบัว เมื่อเห็นเช่นนั้นหานเซิ่นก็ยังคงไล่ตามมันต่อไป   หานเซิ่นใช้พลังสัมผัสของเขา แต่เขาก็สัมผัสถึงแมลงบนเกาะไม่ได้เลย แสดงว่าพวกมันอาจจะออกจากเกาะนี้ไปแล้ว   ‘พวกมันออกไปจากเกาะแล้วงั้นหรอ?’ หานเซิ่นตั้งคำถามกับตัวเอง แต่นี่มันก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัย ถ้าพวกแมลงออกไปจากเกาะแล้ว นั่นก็น่าจะหมายความว่าดอกบัวนั่นก็ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษ แต่ถ้าเกิดมันไม่ได้มีอะไรพิเศษ แล้วทำไมจิ้งจอกสีเงินถึงได้กลับมาอีกล่ะ?   ‘หรือว่าจิ้งจอกสีเงินจะต้องการอะไรอย่างอื่น?’ หานเซิ่นสงสัยมาก ตอนนี้เขามาถึงภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของดอกบัวพร้อมกับจิ้งจอก   มันเป็นภาพที่น่ากลัวมาก ซากศพของมอนสเตอร์นอนตายเกลื่อนเต็มไปหมด แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือแกนของดอกบัวยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เหมือนตอนก่อนที่แมลงจะบินออกไป   จิ้งจอกไม่มีความลังเล เมื่อมันเห็นแกนดอกบัว มันก็กระโดดกัดทันที มันพยายามจะกลืนดอกบัวเข้าไปทั้งหมด แกนดอกบัวที่ใสเหมือนกับคริสตัลถูกจิ้งจอกเคี้ยวเป็นชิ้นๆ   “เหลือไว้ให้ฉัน! เหลือไว้ให้ฉันด้วย!” หานเซิ่นจับจิ้งจอก เขาพยายามจะค้างปากของมัน แต่กระนั้นจิ้งจอกก็กลืนมันลงท้องไปเรียบร้อยแล้ว   “บ้าเอ้ย! นายมันทุเรศ นายมันโหดร้าย ฉันพึ่งจะช่วยชีวิตนาย ฉันพานายวิ่งหนี! นายมันหมาเห็นแก่ตัว แค่เหลือไว้ให้ฉันสักคำก็ยังไม่ได้!” หานเซิ่นโวยใส่จิ้งจอกชุดใหญ่   แต่จิ้งจอกสีเงินก็ไม่สนใจ ตอนนี้มันกำลังใช้จมูกของมันดมตามพื้น หลังจากมันดมอยู่สักพัก มันก็เริ่มขุดพื้นบนยอดเขาทันที   ผิวของภูเขาที่เป็นหินถูกขุดได้อย่างง่ายดาย เหมือนกับเต้าหู่ด้วยอุ้งเท้าของจิ้งจอกสีเงิน ไม่นานมันก็ขุดหลุมลึกกว่า 2 เมตร   “มันมีอะไรอยู่ข้างล่างงั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความโมโห ตอนนี้เขายังโกรธจิ้งจอกอยู่ ตาของเขาลุกเป็นไฟ แต่ทว่าเขามองเห็นอะไรบางอย่างเชื่อมต่อกับรากของบัวอยู่ ตอนนี้จิ้งจอกกำลังขุดลงไปอย่างต่อเนื่อง หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าที่ใต้ดินมีบางสิ่งสีขาวๆ   “มันจะเป็นอะไรก็ช่าง แต่นายพอแค่นั้นแหละ นายได้กินจนพอใจแล้ว ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของฉัน” หานเซิ่นรีบกระโดดลงไปในหลุม เขาเอาจิ้งจอกมาไว้บนไหล่ เขาต้องการขุดมันด้วยตัวเอง   ครั้งนี้เขาก็กลัวว่าจิ้งจอกสีเงินจะขุดของดีๆขึ้นมากินคนเดียว ถ้าจิ้งจอกกินหมด เขาก็จะไม่มีโอกาส เขาไม่ต้องการให้เรื่องแบบนั้นเกิดซ้ำอีก   หานเซิ่นขุดไปได้แค่แปปเดียว เขาก็เห็นรากบัว 3 ราก พวกมันหนาพอๆกับแขนของเด็ก และมีความยาวหลายสิบเมตร   แม้มันจะอยู่ใต้ดิน แต่พวกมันก็เปล่งประกายเหมือนกับคริสตัล พวกมันดูเหมือนกับหิมะอันบริสุทธิ์ และกลิ่นของพวกมันยังหอมมากอีกด้วย   หานเซิ่นดึงรากบัวออกมา และมองดูมันใกล้ๆ แต่ก่อนที่เขาจะได้ดูมันชัดๆ จิ้งจอกสีเงินที่อยู่บนไหล่ของเขาก็กระโดดลงมา และก็แย่งมันไป 1 อัน จากนั้นมันก็เริ่มเคี้ยวทันที   “ฉันไม่น่าลืมเลย นายมันพวกจิ้งจอกเห็นแก่ตัว” หานเซิ่นรู้สึกเจ็บเหมือนมีคนเอามีดมากรีดที่หัวใจของเขา เขายังไม่ทันได้ดูว่ามันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าขนาดไหน แต่มันก็ถูกจิ้งจอกกินไปแล้ว 1 อัน   “ต่อไปนี้ที่เหลือคือของฉัน นายกินส่วนของนายไปมากพอแล้ว” เมื่อเห็นจิ้งจอกสีเงินจ้องมองรากบัวที่เหลือ หานเซิ่นก็กำพวกมันไว้แน่น ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้มันได้ไปอีกแน่   จิ้งจอกสีเงินเดินมาใกล้ๆขาของหานเซิ่น จากนั้นมันก็เอาหัวของมันถูกับขาของหานเซิ่น   “ยังจะมาทำตัวน่ารักอีกหรอ ยังไงพวกนี้ก็คือของฉัน” หานเซิ่นเก็บรากบัวใส่กระเป๋า จากนั้นเขาก็อุ้มจิ้งจอกขึ้นมา   ตอนนี้ควีนเองก็เข้ามาที่เกาะเช่นเดียวกัน ตอนที่เธอเกือบจะมาถึงภูเขา หานเซิ่นก็รีบวิ่งลงไปหาเธอทันที พร้อมกับจิ้งจอกสีเงินในมือ เขาไม่ต้องการให้เธอรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เขาไปเจอมา   “ผมไม่รู้ว่าพวกแมลงไปไหนกันแล้ว แต่ดูเหมือนพวกมันจะออกไปจากเกาะแล้ว” หานเซิ่นพูด   “แล้วนายพบอะไรบ้างไหม?” ควีนถามหลังจากที่ดูท่าทางของหานเซิ่น   “ก็มีแค่ดอกบัวส่วนที่เหลือ แต่ตอนที่ผมไปถึง เจ้าจิ้งจอกก็กินไปหมดแล้ว มันไม่เหลืออะไรไว้ให้ผมเลย ดังนั้นผมเลยไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์ยังไง เจ้านี่มันเห็นแก่ตัวมาก!” หานเซิ่นพูด เพื่อหวังว่าควีนจะเห็นใจ   แต่ผลไม่ได้เป็นอย่างที่เขาหวัง สายตาของควีนเหมือนจะไม่เชื่อที่เขาพูด แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเดินกลับไปที่ชายหาด   พวกเขา 2 คนเริ่มเดินทางต่อ พวกเขาหวังที่จะหาทางกลับแผ่นดินใหญ่ให้ได้ แต่หลังจากเดินทางในทะเลมาได้ 5 วัน พวกเขาก็ยังไม่พบอะไรเลย แม้แต่เกาะสักเกาะ   แต่อยู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากระยะไกล หานเซิ่นและควีนต่างก็คุ้นกับเสียงนั้นดี ตอนนี้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที  

Super God Gene – ตอนที่ 612 สุดยอดประสามสัมผัส
Super God Gene – ตอนที่ 612 สุดยอดประสามสัมผัส

  หานเซิ่นต้องการกระโดดลงไปในทะเล แต่แมลงสีแดงเข้ามาสกัดเขาไว้ก่อน มันอยู่ใกล้เกินกว่าที่เขาจะไปในจุดที่เขาต้องการได้ ตอนนี้เขาต้องหลบมันไปเรื่อยๆ   ไม่ว่าทักษะและความเร็วของหานเซิ่นจะสูงแค่ไหน แต่แมลงตัวเล็กนี้ก็สามารถทำลายแผนการของเขาได้   แม้เขาจะถูกแมลงไล่ตามโจมตีอย่างหนัก แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่พลาดถูกโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งมันทำให้ควีนต้องประหลาดใจ   ควีนลองจินตนาการว่าถ้าเธอเป็นหานเซิ่น เธอคิดว่าเธออาจจะถูกมันเล่นงานไปแล้วก็ได้   ควีนคิดว่าการที่หานเซิ่นสามารถหลบการโจมตีทั้งหมดของมันได้ไม่ใช่แค่เพราะทักษะฟุตเวิร์คของเขาเหนือชั้นอย่างเดียว แต่เป็นเพราะความสามารถในการอ่านการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ ก่อนที่แมลงจะทำการโจมตี หานเซิ่นก็สามารถเคลื่อนไหวหลบมันได้ก่อนหนึ่งจังหวะแล้ว   ถ้าเขาใช้แค่ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างเดียว เขาจะไม่สามารถหลบมันได้ทัน ไม่ว่าเขาจะเร็วแค่ไหนก็ตาม ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะพึ่งความสามารถในการคาดการณ์เป็นหลัก   ที่สำคัญหานเซิ่นยังไม่ได้งัดวิชาอะไรออกมาใช้เลย เขายังไม่ได้ปลดล็อคยีนเลยด้วยซ้ำ แต่เขาสามารถทำแบบนี้ได้ ควีนคิดนี่คงเป็นพรสวรรค์ของเขา   แต่การคาดเดาของเธอผิดไปไกลเลย เธอไม่รู้ว่าจริงๆแล้วหานเซิ่นปลดล็อคยีนได้แล้ว และไม่เพียงแค่สัมผัสที่ 7 เท่านั้น แต่สัมผัสอื่นๆของเขาก็พัฒนาเหนือกว่าคนอื่นไปไกล   ถ้าคนอื่นๆเจอกับสถานการณ์นี้ ถึงพวกเขาจะเร็วกว่าหานเซิ่นมาก แต่พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะหลบการโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรงของแมลงตัวนี้ได้   ควีนเล็งมีดอยู่นาน แต่เธอก็ยังไม่ได้ขว้างออกไป คล้ายๆกับจิ้งจอกสีเงิน เธอเองก็ยังหาโอกาสโจมตีเหมาะๆไม่ได้เลย เธอกัดฟัน จากนั้นเธอก็เรียกวิญญาณอสูรโล่เลือดศักดิ์สิทธิออกมา และวิ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่น   “อย่าเข้ามา!” เมื่อหานเซิ่นเห็นว่าควีนวิ่งเข้ามา เขาก็ต้องประหลาดใจ แม้หมากล้อมสวรรค์ของเธอจะสุดยอดมาก แต่มันก็ยังไม่พอที่จะหลบการโจมตีของแมลงตัวนี้ได้   ควีนไม่สนใจ เธอยังคงวิ่งตรงเข้าไปหาเขา หลังจากนั้นเธอก็ขวางโล่ออกไป พร้อมกันตะโกน “วิ่ง!”   หานเซิ่นเห็นโล่พุ่งเข้ามา มันพุ่งตรงมายังจุดที่แมลงกำลังจะโจมตีมา เขาก็ตระหนักได้ทันทีถึงความสามารถในการอ่านการเคลื่อนไหวของควีน   ‘เธอสมกับเป็นควีนจริงๆ’ หานเซิ่นรู้สึกชื่นชม เขาใช้โล่ที่ควีนขว้างมาเป็นตัวช่วยในการถ่วงเวลา จากนั้นเขาก็กระโดดลงน้ำไป   ติ๊ง! แต่การโจมตีของแมลงก็เหมือนกับกระสุนปืน มันเจาะผ่านโล่ ถึงโล่ของควีนจะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่มันก็สามารถทะลุผ่านได้โดยที่ความเร็วของมันแทบไม่ได้ลดลงเลย   ปัง! ในตอนนั้นควีนก็ขว้างมีดที่อยู่ในมืออีกข้าง ซึ่งมันพุ่งเข้าไปที่หัวของแมลงเต็มๆ   มีดที่ถูกขวางออกมาแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีดโดนเข้าที่หัวของแมลงเต็มๆ แต่ความเร็วของมันก็แทบจะไม่ได้ลดลงเลย มันหลบเศษมีดที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นมันก็พุ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่น   หานเซิ่นใช้เวลาที่สร้างขึ้นมาให้เป็นประโยชน์ เขาวิ่งหนีไปได้ไกลประมาน 10 เมตร แต่แมลงก็มาถึงตัวเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็สังเกตเห็นบางอย่าง แม้แมลงตัวนี้จะพุ่งทะลุโล่มาได้ และถึงจะโดนมีดเข้าไปทีหัวเต็มๆก็ไม่เป็นอะไร แต่ดูเหมือนมันจะหลบเศษมีดที่แตก   มันไม่น่าจะกลัวเศษมีด เพราะก็มีเศษมีดบางอันที่โดนตัวมัน และมันก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่มันก็ยังหลบ นี่แสดงว่ามันจะต้องมีบางจุดที่เป็นจุดอ่อนของมัน   แม้หานเซิ่นจะยังไม่ได้เผชิญหน้าสู้กับแมลงตัวนี้ตรงๆ แต่เขาก็สามารถวิเคราะห์ทุกรายละเอียดของมันได้ด้วยสัมผัสที่ทรงพลังของเขา   หานเซิ่นเห็นว่ามันหลบเศษมีดไม่ให้โดนบริเวณเอว ซึ่งคือส่วนที่เป็นข้อต่อระหว่างท้องและทรวงอก มันคล้ายๆกับเอวของมนุษย์ เมื่อมีเศษมีดเข้าไปใกล้ๆบริเวณนั้น ดูมันจะระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ   ส่วนอื่นแมลงแทบไม่ได้ให้ความสนใจเลย ถ้ามีดไปโดนมันจะเด้งออกหรือแตกหักทันที   ‘ขอลองดูหน่อยแล้วกัน’ ตาของหานเซิ่นเป็นกระกายขึ้นมา หานเซิ่นเปลี่ยนร่างเป็นหญิงสาวหิมะ จากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มปล่อยไอเย็นๆออกมา ไม่เพียงแค่ร่างกายเท่านั้น แต่จิตใจของเขาเองก็เย็นและใสมาก ราวกับคริสตัล ตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะที่ไร้อารมณ์และปราศจากความกลัว   ทันใดนั้นอยู่ๆหานเซิ่นก็เปลี่ยนทิศทาง เขาเคลื่อนที่เข้าไปหาแมลงที่กำลังพุ่งเข้ามาเล่นงานเขา   “นายกำลังจะทำอะไร?” ควีนประหลาดใจ แมลงตัวนั้นมีพลังที่น่ากลัวมาก ตอนนี้เหมือนหานเซิ่นเตรียมที่จะสู้กับมันแบบเต็มตัว   แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้ควีนต้องเบิกตากว้าง แมลงพุ่งเข้ามาถึงหน้าของหานเซิ่นในพริบตา ควีนมองดูไม่ทันเลยว่ามันใช้เหล็กในแทงไปที่จุดไหน แต่มือของหานเซิ่นก็ขยับเรียบร้อยแล้ว   มันเป็นภาพที่ไม่น่าเชื่อ มือของหานเซิ่นเป็นเหมือนกับมีด มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงราวกับสายฟ้า หานเซิ่นใช้ฝ่ามือฟันไปที่บริเวณเอวของแมลง   อาวุธวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิแบบใช้ได้ครั้งเดียวของเธอยังไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย แต่ครั้งนี้แมลงกับต้องหลบการโจมตีของหานเซิ่น   การโจมตีของหานเซิ่นพลาดเป้า แต่มันก็ยืนยันได้อย่างดีเลยว่าแมลงตัวนี้มีจุดอ่อนอยู่ ไม่งั้นมันก็ไม่จำเป็นจะต้องหลบ การที่มันหลบแสดงว่ามันกลัว   ขณะที่หานเซิ่นถอยหลัง เขาก็พยายามจะโจมตีแมลงที่เข้ามาต่อไป แมลงตัวเล็กต้องหลบการโจมตีของหานเซิ่นอย่างต่อเนื่อง การโจมตีของหานเซิ่นรุนแรงและรวดเร็วมาก มันทำให้แมลงไม่มีโอกาสได้โต้ตอบ   ตอนนี้พอมีเวลาให้หานเซิ่นได้พักหายใจหายคอบ้าง ตอนนี้เขาโจมตีแมลงไปด้วย ขณะถอยหนีไปที่ทะเล   ตอนนี้ควีนอยู่ในน้ำเรียบร้อยแล้ว เธอเพียงแค่ยื่นหัวโผล่พ้นน้ำมาเพื่อดูหานเซิ่นที่กำลังต่อสู้กับแมลงอยู่   ความเร็วในการโจมตีของหานเซิ่นไม่สามารถเทียบกับความเร็วของแมลงได้ก็จริง แต่ตำแหน่งการโจมตีของเขาทำให้แมลงไม่มีโอกาสได้โต้กลับ ซึ่งมันทำให้เธอช็อคมาก   หานเซิ่นไม่ได้ใช้กระบวนท่าที่พิสดารอะไรเลย เขาแค่ใช้การคาดการณ์ล้วนๆ ขณะที่ดูการต่อสู้ระหว่างหานเซิ่นกับแมลง เธอก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นรัว จนเธอต้องเอามือมาจับที่หน้าอกตัวเอง   ตูม! ในที่สุดหานเซิ่นก็กระโดดลงน้ำได้สำเร็จ แมลงเองก็ไม่กล้าที่จะลงน้ำเหมือนกับเสือขาว และโชคดีที่มันไม่ได้มีความสามารถเหมือนกับเสือขาว มันไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นตอนอยู่ในน้ำได้ เนื่องจากมันไม่สามารถตามหานเซิ่นได้ หลังจากที่มันบินวนอยู่สักพัก มันก็ตัดสินใจบินกลับไปที่เกาะ   “นายซ่อนมันได้ไม่เลว” หลังจากที่พวกเขาหนีไปในที่ปลอดภัยได้แล้ว ควีนก็มองหานเซิ่นด้วยสายตาที่เย็นชา   “โอ้ ผมพึ่งจะปลดล็อคยีนได้ไม่นาน ผมถูกบังคับให้ต้องใช้มัน เนื่องจากมันเป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงตาย” หานเซิ่นหัวเราะ หลังจากที่เขาอธิบาย เขาตระหนักดีว่าเขาไม่สามารถปิดบังเรื่องที่เขาปลดล็อคยีนได้อีกต่อไป   ควีนมองหานเซิ่นด้วยหางตา ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยพอใจที่โดนหานเซิ่นหลอกมาตลอด แต่เธอก็ไม่อยากจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ เธอเรียกวาฬออกมาและก็ขึ้นไปนั่ง   “ขอบคุณ” หานเซิ่นขอบคุณจากใจจริง จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปนั่งพร้อมกับจิ้งจอกสีเงิน   ถ้าไม่ใช้เพราะการโจมตีของควีน เขาจะไม่รู้ถึงจุดอ่อนของแมลง และเขาอาจจะไม่รอดมาถึงที่นี่ก็ได้  

Super God Gene – ตอนที่ 611 กับดักที่น่าสะพรึงกลัว
Super God Gene – ตอนที่ 611 กับดักที่น่าสะพรึงกลัว

  ตอนนี้พวกมอนสเตอร์บนเกาะไม่ได้ต่อสู้กันอย่างหนักเหมือนกับที่ผ่านมา พวกมันต่างก็รีบวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด พวกมันต้องการจะเอาเม็ดบัวก่อนที่ตัวอื่นจะเอามันไป นกยูงอยู่ใกล้ที่สุด และด้วยพลังแสงสีฟ้าของมัน ทำให้มันได้เปรียบกว่าตัวอื่นมาก   แม้หานเซิ่นจะต้องการดอกบัวนั้นจริงๆ แต่เขาก็ต้องเสียโอกาสไป เพราะเขามัวแต่กันไม่ให้จิ้งจอกสีเงินเข้าไป ตอนนี้เหมือนเขาจะหมดโอกาสแล้ว   ขณะที่นกยูงเกือบจะจิก หนึ่งในเม็ดบัวก็มีรอยแตกขึ้นมา ตอนนี้มันดูเหมือนกับคริสตัลสีเลือดจริงๆ มีปีกออกมาจากรอยแยก มันเป็นปีกที่โปร่งใส และบางเหมือนกับปีกจั๊กจั่น ปีกของมันเริ่มกระพือ จากนั้นพวกมันก็เริ่มบินหนีออกไปจากดอกบัวทันที   พวกเม็ดบัวที่กำลังบิน อยู่ๆมันก็พุ่งเข้าใส่หน้าของนกยูง ทำให้มอนสเตอร์ตัวใหญ่ๆอย่างนกยูงกระเด็นถอยหลังไป นกยูงส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มีรอยไหม้สีแดงขนาดใหญ่อยู่บนหน้าของมัน จากนั้นนกยูงก็บินหนีขึ้นฟ้าไป และก็ไม่กลับมาอีกเลย   กุ้งล็อบสเตอร์เหมือนจะไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับนกยูง ตอนนี้มันกำลังเข้าไปใกล้เม็ดบัวเรื่อยๆ นี่เป็นโอกาสของมันแล้วที่จะได้กินเม็ดบัว   แต่ทันใดนั้นพวกเม็ดบัวก็บินขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง จากนั้นมันก็พุ่งเข้าไปชนกับเปลือกของกุ้งลอบสเตอร์   กุ้งล็อบสเตอร์ส่งเสียงคำรามออกมา หลังจากที่มันถูกชนเข้าเต็มๆ แม้แต่มอนสเตอร์ที่มีพลังป้องกันสูงอย่างกุ้งล็อบสเตอร์ก็ยังตัดสินใจถอยหนี ตอนนี้มันวิ่งหนีเต็มตัว   หานเซิ่นช็อค เขายืนอ้าปากค้าง เขาคิดว่ามันคงไม่ใช่แค่เม็ดบัวธรรมดาๆแล้ว เมื่อมองดูดีๆแล้ว มันน่าจะเป็นแมลงตัวเล็กมากกว่า ลักษณะของมันดูเหมือนกับอัญมณีสีแดง พวกมันแต่ละตัวจะมีเหล็กในอยู่   หานเซิ่นมองเห็นอย่างชัดเจนว่าแมลงพวกนั้นมันใช้เหล็กในแทงเข้าไปในเปลือกของกุ้งล็อบสเตอร์ง่ายดายราวกับว่าไร้การป้องกัน   เมื่อเห็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอย่างนกยูงและกุ้งล็อบสเตอร์ถอยหนีไปอย่างตื่นกลัว หานเซิ่นก็รู้สึกเสียวสันหลัง ตอนนี้เขารู้สึกดีที่เขาไม่ได้เข้าไปแย่งมันกับมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ ถ้าเขาโดนมันต่อยเข้าสักทีละก็ เขาก็คงจะศพไม่สวยอย่างแน่นอน   แมลงที่เหมือนกับคริสตัลสีแดงจำนวนมากกำลังบินออกจากดอกบัว หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าดอกบัวให้กำเนิดแมลงพวกนี้หรือว่าแม่ของแมลงมันไปวางไข่ไว้ในดอกบัวกันแน่ แต่ไม่ว่ามันจะเกิดมายังไงก็ตาม แต่นี่มันคือกับดักที่น่ากลัวมาก ล่อให้มอนสเตอร์ตัวอื่นๆเข้ามา และก็เล่นงานอย่างหนักหน่วง   ตอนนี้มีแมลงบินออกมาจากดอกบัวทั้งหมด 18 ตัว พิษของมันมีผลกับมอนสเตอร์ทั่วๆไป ไม่เว้นแม้แต่มอนสเตอร์ขั้นสุดยอด หลังจากโดนเหล็กในมันเข้าไปแล้ว ในตอนแรกก็จะมีรอยสีแดงเหมือนกับรอยไหม้ จากนั้นกระดูกของมอนสเตอร์ตัวที่โดนก็จะกลายเป็นของเหลว และในที่สุดตัวมันก็พองขึ้นเรื่อยๆจนระเบิดกลายเป็นกองเลือด   เมื่อมอนสเตอร์ตัวอื่นๆไปถูกพิษที่กระจายออกมา แม้ผลของมันจะไม่ได้รุนแรงเท่ากับตัวที่โดนเหล็กใน แต่ร่างกายของพวกมันก็เกิดแผลที่เหมือนกับถูกไฟไหม้ขึ้น   “วิ่ง!” หานเซิ่นอุ้มจิ้งจอกขึ้นมา จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปที่ชายหาดทันที แมลงสีแดงน่ากลัวมาก หานเซิ่นไม่รู้ว่าร่างกายของเขาจะทนรับการโจมตีของมันได้สักทีรึเปล่า   เมื่อไม่มีแสงสีฟ้าของนกยูงแล้ว จิ้งจอกและควีนก็สามารถลืมตาขึ้นมาได้ ในตอนแรกพวกมอนสเตอร์ต่างก็ถูกกลิ่นหอมล่อให้เข้ามาใกล้ๆดอกบัว แต่ตอนนี้ทุกอย่างตกอยู่ในความโกลาหล พวกมันต่างก็ตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่านี่คือกับดัก   พวกมอนสเตอร์ต่างก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอด ตอนนี้บนเกาะดูยุ่งเหยิงมาก มีซากมอนสเตอร์ตายเกลื่อนไปหมด   คน 2 คนกับจิ้งจอก 1 ตัวกำลังวิ่งตรงไปที่ทะเล ตอนนี้ไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนเข้ามาเล่นงานพวกเขา แม้มันมักจะเล่นงานมนุษย์ ถ้าพวกมันเห็น แต่ตอนนี้พวกมันเลือกที่จะวิ่งหนีเอาชีวิตรอดก่อน   ‘เราก็คิดว่าจะได้ประโยชน์จากดอกบัวบ้านั่น แต่ใครจะรู้ว่ามันคือความผิดพลาด เราเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งซะแล้ว!’ หานเซิ่นรู้สึกว่าตัวเขาช่างโง่จริงๆ เขาทั้งมีความรู้เกี่ยวกับพืชและสัมผัสทั้ง 7 ที่เหนือชั้น แต่เขากับดูไม่ออก   เมื่อหานเซิ่นหันกลับไปมองข้างหลัง เขาก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะมีแมลงตัวหนึ่งกำลังมุ่งหน้าตรงมาทางพวกเขา มันดูเหมือนกับลูกฟ้าสีแดงที่พุ่งตรงมาด้วยความเร็วที่น่ากลัว   ‘เมื่อคนมันซวยก็มักจะซวยซ้ำซวยซ้อน มอนสเตอร์บนเกาะมีตั้งมากมาย แล้วทำไมมันถึงได้มาเลือกตามพวกเรา?!’ หานเซิ่นคิด   ร่างกายของหานเซิ่นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับเครื่องยนต์ ตอนนี้สัมผัสที่ 7 ของเขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ตอนนี้เขารู้สึกว่าเลือดในกายของเขาเริ่มเดือดขึ้นมาแล้ว   ควีนสังเกตเห็นว่าหานเซิ่นไม่ได้ช้ากว่าเธอเลย ซึ่งมันทำให้เธอประหลาดใจ ถ้าหานเซิ่นยังไม่ได้ปลดล็อคยีน แล้วทำไมเขาถึงสามารถวิ่งด้วยความเร็วที่พอๆกับเธอได้   แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาตั้งคำถาม เธอกัดฟันและวิ่งต่อไปด้วยความเร็วสูงสุด   หลังจากวิ่งต่อไปอีกสักพัก เธอก็สังเกตเห็นว่าหานเซิ่นเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานเขาก็วิ่งแซงเธอไป หลังจากวิ่งไปสักพัก หานเซิ่นก็ทิ้งห่างเธอไปไกล เธอไม่สามารถตามความเร็วของเขาได้ทัน   หานเซิ่นเองก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ หลังจากที่เขาปลดล็อคยีน   แม้กายหยกจะไม่ได้มอบพลังที่เกี่ยวกับน้ำแข็งให้เขาหลังจากที่ปลดล็อคยีน แต่พลังมหาศาลที่เขาได้มา รวมถึงความเร็ว มันเหนือกว่าที่คนอื่นๆได้จากการปลดล็อคยีน   แต่ความสุขของเขาก็ต้องจางหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเห็นว่าแมลงเริ่มเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ   เห็นได้ชัดว่ามันเลือกที่จะตามพวกเขาอย่างจริงจัง ไม่งั้นไม่มีทางที่มันจะตามพวกเขามาไกลถึงขนาดนี้   แต่หานเซิ่นยังไม่แน่ใจว่าในบรรดา 3 คนใครกันแน่ที่เป็นเป้าหมายจริงๆของแมลงสีแดง จิ้งจอกสีเงิน? ควีน?หรือว่าจะเป็นเขา?   “พวกเราควรจะแยกกัน!” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนทิศทางทันที   ผลปรากฏว่าเป็นไปตามที่หานเซิ่นคาดเอาไว้ หลังจากที่เขาเปลี่ยนทิศทาง แมลงสีแดงก็เปลี่ยนทิศทางตามเขาทันที เห็นได้ชัดว่าหานเซิ่นหรือไม่ก็จิ้งจอกสีเงินคือเป้าหมายของมัน   “เวร! ตอนนี้มันเล็งมาที่เราหรือว่าที่จิ้งจอกสีเงินกันแน่?” ถึงจะเป็นตามที่เขาคาดเอาไว้ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกดีเลย   แมลงมีความเร็วที่สูงมาก ถึงความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ตอนนี้แมลงเกือบจะไล่ตามเขาทันแล้ว   แมลงเริ่มโจมตีทันที หานเซิ่นทุ่มพลังทั้งหมดหลบการโจมตี ขณะที่เขายังคงรักษาความเร็วในการเคลื่อนที่เอาไว้   แมลงสีแดงตัวนี้มีขนาดที่เล็กมาก ยากมากที่จะหลบการโจมตีอันรวดเร็วของมัน ถ้าไม่ใช่เพราะสัมผัสที่ 7 ของหานเซิ่นทรงพลังมาก เขาก็น่าจะโดนเหล็กในของมันไปแล้ว   แม้แมลงตัวนี้จะสังเกตเห็นได้ยาก แต่ด้วยสัมผัสที่ทรงพลังของเขา รวมกับศาสตร์ตงเสวียน ทำให้เขาสามารถรู้ได้ว่ามันจะโจมตีมาแบบไหน   จิ้งจอกสีเงินที่อยู่บริเวณหน้าอกของหานเซิ่นอยู่ในสภาพพร้อมต่อสู้แล้ว สายฟ้าเริ่มปรากฏขึ้นภายในดวงตาของมัน แต่มันก็ยังลังเลที่จะลงมือ เพราะแมลงตัวนี้อาจจะเร็วเกินไปที่สายฟ้าของมันจะโจมตีโดน   หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าเขาจะวิ่งหนีต่อไปได้อีกนานแค่ไหน แต่ตอนนี้ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือการวิ่งและหลบการโจมของมันไปเรื่อยๆ เขาต้องรีบหนีลงทะเลให้ได้ ก่อนที่แมลงตัวอื่นๆจะมาไล่ตามเขาเพิ่ม ถ้าแมลงตัวอื่นมาเล่นด้วยทุกอย่างก็จบ ไม่ว่าสัมผัสของเขาจะดีแค่ไหน แต่ถ้าต้องหลบพวกมันหลายๆตัวมันก็ยากเกินกำลังของเขา   ถ้ามีแมลงมาอีกสักตัว หานเซิ่นก็คิดว่ามันน่าจะเป็นหายนะของเขา แค่รับมือกับแมลงตัวเดียวในตอนนี้ เขาก็รู้สึกว่าเริ่มล้าแล้ว เขาไม่สามารถใช้สัมผัสที่ 7 ติดต่อกันได้นาน ตอนนี้สัมผัสที่ 7 ของเขาเริ่มอ่อนกำลังลง   ควีนไปถึงชายหาดเรียบร้อยแล้ว เมื่อเธอเห็นว่าหานเซิ่นกำลังวิ่งมาจากระยะไกล และมีแมลงตามเขามาติดๆ เธอก็กัดฟัน และเรียกมีดวิญญาณอสูรออกมา จากนั้นเธอก็เตรียมจะขว้างมันไปที่ทิศทางที่หานเซิ่นวิ่งมา   แต่เนื่องจากแมลงทั้งตัวเล็กและยังรวดเร็วมาก แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีดจะโดนตัวมัน  

Super God Gene – ตอนที่ 610 แย่งชิง
Super God Gene – ตอนที่ 610 แย่งชิง

  โชคดีที่จิ้งจอกไม่ได้ดื้อจนเกินไป ถึงมันจะต้องการเม็ดบัวมาก แต่มันก็ยังยอมกระโดดขึ้นมาบนไหล่ของหานเซิ่นเมื่อได้ยินหานเซิ่นเรียก   หานเซิ่นโล่งอก เขารีบวิ่งตามควีนไป แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าไปใกล้ทะเล พวกเขาเลยต้องแอบซ่อนตัวอยู่แถวภูเขา   หลังจากที่พวกเขาออกไปได้ไม่นาน นกยูงก็บินลงมาตรงจุดที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้ ส่วนกุ้งล็อบสเตอร์ก็ขึ้นมาบนบก มันกวัดแกว่งก้ามของมันอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเคลื่อนที่เข้าไปใกล้จุดที่ดอกบัวอยู่   สงครามแย่งชิงดอกบัวได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากที่นกยูงเห็นว่าเม็ดบัวยังไม่สุกได้ที่ มันจึงเลือกที่จะหันไปทางกุ้งลอบสเตอร์ และก็ส่งเสียงร้องขู่ออกไป   กุ้งล็อบสเตอร์ไม่ได้กลัว มันใช้ก้ามของมันฟาดไปที่นกยูง ถึงมันจะตัวใหญ่และมีเปลือกหนา แต่ความเร็วของมันก็ไม่ธรรมดาเลย   นกยูงกางปีกออก และรีบบินขึ้นไปบนฟ้าทันที จากนั้นมันก็รำแพนหางเพื่อข่มขวัญศัตรู หางของมันเป็นเสมือนจุดรวมแสง ไม่นานก็มีแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นมา   เมื่อหานเซิ่นมองที่แสงสีฟ้าตรงห่างของนกยูง เขาก็รู้สึกมึนงงทันที   “อย่าไปจ้องแสงสีฟ้านั่น” ควีนพูด เธอหลบตาเรียบร้อยแล้ว แสงสีม่วงปรากฏขึ้นมารอบๆตัวเธอ แสดงให้เห็นว่าเธอเข้าสู่โหมดปลดล็อคยีนแล้ว   หานเซิ่นทำตามที่เธอบอก และเขาใช้มือปิดตาของจิ้งจอกสีเงินไว้ แต่กระนั้นแสงสีฟ้าก็ยังสามารถทะลุผ่านเปลือกตาของเขาได้   หานเซิ่นหันไปรอบๆ จากนั้นเขาก็รีบไปหลบหลังก้อนหิน ควีนเองก็ไปหลบหลังก้อนหินเช่นเดียวกัน พวกเขาทั้ง 2 ไม่มีใครกล้าลืมตาขึ้นมา พวกเขาต้องพึ่งพาแค่หูของตัวเองเท่านั้น เพื่อสัมผัสว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอกบ้าง   หานเซิ่นเข้าสู่โหมดปลดล็อคยีน ตอนนี้ถึงเขาจะไม่สามารถลืมตาได้ แต่เขาก็ยังสามารถสังเกตการณ์พื้นที่รอบๆได้ เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมองดูเลย   กุ้งล็อบสเตอร์ขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมึนงงไปเลย หลังจากที่จ้องแสงสีฟ้าของนกยูง มันเดินเซไปซ้ายทีขวาที ดูเหมือนนกยูงจะเป็นต่ออยู่มาก   แต่ทว่าเปลือกของกุ้งล็อบสเตอร์ก็แข็งอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงนกยูงจะใช้ปากจิก แต่มันก็สามารถทำได้เพียงฝากรอยข่วนสีขาวๆไว้บนเปลือกของกุ้งล็อบสเตอร์เท่านั้น   หานเซิ่นรู้สึกทึ้งมาก แม้กุ้งล็อบสเตอร์จะดูเป็นรอง แต่เหมือนมันจะมีพลังป้องกันที่มหาศาล ดูแล้วนกยูงไม่น่าจะทำอะไรมันได้   แสงสีฟ้าที่นกยูงสร้างขึ้นยังคงทำให้กุ้งลอบสเตอร์มึนงงอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถทำให้กุ้งล็อบเตอร์บาดเจ็บได้ ดูแล้วสถานการณ์ยังสูสีกันอยู่   แต่อย่างไรก็ตามพวกมันทั้งคู่มาที่นี่เพื่อดอกบัว ถ้านกยูงสามารถใช้แสงสีฟ้ากดดันกุ้งลอบสเตอร์ได้ต่อไปจนกระทั่งเม็ดบัวสุก มันก็น่าจะเป็นฝ่ายที่ได้ดอกบัวไป หลังจากเอาดอกบัวแล้ว มันจะสามารถบินหนีไปได้ สถานการณ์ตอนนี้ดูยังไงกุ้งล็อบเตอร์ก็ไม่น่าจะมีหวังได้ดอกบัวไป   “เราควรจะทำยังไงดี” หานเซิ่นถาม เขาก็อยากจะได้ดอกบัวเหมือนกัน   “ไม่มีอะไรที่พวกเราทำได้แล้ว แสงสีฟ้าของนกยูงสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตที่จ้องมองมันมึนงงได้ ถึงพวกเราจะหลับตาและวิ่งลุยเข้าไป เปลือกตาของเราก็ไม่หนาพอที่จะป้องกันแสงสีฟ้าได้ และที่สำคัญนายคิดว่าพวกเราจะสู้กับมอนสเตอร์ที่เหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิได้ในขณะที่หลับตาอยู่งั้นหรอ?” ควีนพูด   หานเซิ่นไม่พูดอะไร แต่ตอนนี้เขาได้กลิ่นหอมสดชื่น เขาสังเกตว่ากลิ่นนี้ลอยมาจากดอกบัว   ดอกบัวเริ่มส่องแสงสีแดงออกมา ไม่นานก็มีหมอกบางๆสีแดงปรากฏขึ้นมาและปกคลุมดอกบัวเอาไว้ ตอนนี้บริเวณรอบๆดอกบัวถูกย้อมด้วยแสงสีแดง มันเป็นภาพที่งดงาม กลิ่นหอมของมันทรงพลังจนสามารถได้กลิ่นมันจากทุกที่บนเกาะนี้   ‘เม็ดบัวเกือบจะสุกแล้ว!’ หานเซิ่นยังสังเกตการณ์การต่อสู้ระหว่างนกยูงเเละกุ้งล็อบสเตอร์ ตอนนี้เขายังคงคิดหาทางที่จะไปเอาดอกบัวมาก่อนที่พวกมอนสเตอร์จะได้มันไป เขาไม่สามารถรอให้มันสุกก่อนได้ ถ้าเขารอให้มันสุก มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดจะเอามันไปทันที   ตอนนี้จิ้งจอกสีเงินดูท่าทางเหมือนต้องการจะกระโดดออกไปจากแขนของหานเซิ่นได้ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่ามันต้องการเม็ดบัวใจจะขาด แต่เมื่อมันลืมตาขึ้นมา มันก็เอาหัวกลับมาซบไว้ตรงหน้าอกของหานเซิ่น แสงสีฟ้ามีความเข้มข้นสูงมาก   ขณะที่หานเซิ่นกำลังลังเลอยู่ว่าจะเสี่ยงวิ่งออกไปเลยดีไหม อยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากทะเล   ‘อย่าบอกนะว่ามีมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดโผล่มาอีกตัว?’ หานเซิ่นรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที เขารีบใช้สัมผัสที่ 7 สำรวจดูบริเวณชายหาด   แต่สิ่งที่เขาเห็นมันก็ต้องทำให้เขาต้องช็อค ตอนนี้รอบๆเกาะมีมอนสเตอร์จำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ พวกมันทุกตัวต่างก็ต้องการดอกบัว มีทั้งปลาขนาดใหญ่ กุ้งขนาดใหญ่ หรือแม้แต่มอนสเตอร์ที่มีลักษณะเหมือนหอยขนาดใหญ่ และยังมีอีกหลายตัวที่หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร   มอนสเตอร์กลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาที่เกาะแห่งนี้ ‘นี่มันบ้าอะไรว่ะเนี่ย?! ดอกบัวนั่นมันคืออะไร? แค่กลิ่นของมันก็ถึงกับทำให้มอนสเตอร์พวกนี้กล้าโผล่มาโดยไม่เกรงกลัวการมีอยู่ของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด’ หานเซิ่นประหลาดใจ มันน่าเหลื่อเชื่อมากสำหรับเขา เขามั่นใจว่าพวกมันไม่ใช่มอนสเตอร์ขั้นสุดยอด แต่กระนั้นพวกมันก็ยังกล้าเข้ามาที่เกาะ แสดงว่าความต้องการดอกบัวของพวกมันสามารถเอาชนะความกลัวที่มีต่อมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้   บนท้องฟ้าตอนนี้มีมอนสเตอร์ประเภทนกและมอนสเตอร์มีปีกชนิดอื่นๆปรากฏตัวออกมาจำนวนมาก พวกมันบินโฉบลงมาที่ดอกบัวโดยไม่มีความเกรงกลัวใดๆ พวกมันไม่สนใจมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดที่กำลังต่อสู้กันอยู่   แต่เมื่อมันเข้ามาใกล้ดอกบัว มันก็ต้องเจอกับแสงสีฟ้าของนกยูง พวกมันหมดสติกลางอากาศและก็ล่วงลงมาบินพื้น ดูเหมือนพวกมอนสเตอร์ระดับต่ำจะไม่สามารถทนแสงสีฟ้าของนกยูงได้   มอนสเตอร์เริ่มทยอยมาที่ภูเขาเรื่อยๆ แต่เมื่อพวกมันมาถึง พวกมันก็ตายทันที พวกมันไม่สามารถทนต่อแสงสีฟ้าได้ ส่วนตัวที่แข็งแกร่งพอจะทนได้ก็ต้องตกเป็นเหยื่อของกุ้งล็อบสเตอร์และนกยูงที่กำลังสู้กัน ไม่นานนักมอนสเตอร์จำนวนมากก็ถูกฆ่าตายจนซากศพนอนเกลื่อนเป็นภูเขา พื้นที่บริเวณนั้นถูกย้อมด้วยเลือด   “พวกเราต้องถอยก่อน ที่นี่มันอันตรายเกินไป” ควีนพูด เธอเตรียมที่ถอยออกจากที่นี่   หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าเม็ดบัวใกล้จะสุกเต็มทีแล้ว และเขาก็ไม่ต้องการจะกลับไปมือเปล่าด้วย หลังจากที่เขาคิดไตร่ตรองอย่างดีแล้ว เขาก็ส่งจิ้งจอกไปให้ควีน “ขอฝากมันไว้ก่อน ผมจะลองไปเอาเม็ดบัวนั่นมา”   แต่จิ้งจอกสีเงินไม่ยอม มันไม่ต้องการหนีไปพร้อมกับควีน ถึงตัวมันก็ทนแสงสีฟ้าไม่ไหวเหมือนกัน ตอนนี้มันดูจะมึนงงเหมือนๆกับกุ้งล็อบสเตอร์   แม้แสงสีฟ้าจะไม่สามารถทำให้จิ้งจอกสีเงินบาดเจ็บได้ก็ตาม แต่มันก็ทำให้จิ้งจอกสีเงินอ่อนแรงลง ยากที่มันจะเข้าไปเอาดอกบัวมาได้   “นายต้องออกไปจากที่นี่ก่อน ไม่ต้องห่วง ฉันจะแบ่งเม็ดบัวให้นายด้วย ถ้าฉันเอามันมาได้” หานเซิ่นบอกกับจิ้งจอกสีเงิน   จิ้งจอกสีเงินไม่ยอมฟังหานเซิ่น มันดื้อมาก มันต้องการจะเข้าไปเอาเม็ดบัว ถึงมันจะรู้ว่าพลังของมันด้อยกว่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอีก 2 ตัวก็ตาม   หานเซิ่นดึงจิ้งจอกสีเงินไว้ เขาใช้กำลังบังคับให้มันกลับมา ตอนนี้พฤติกรรมมันเหมือนกับมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ มันยอมสละทุกอย่างเพื่อเข้าไปเอาเม็ดบัวมาให้ได้   นกยูงกับกุ้งล็อบสเตอร์กำลังต่อสู้กัน และขวางทางขึ้นภูเขาเอาไว้ ถ้ามีมอนสเตอร์ตัวอื่นพยายามจะขึ้นไป พวกมันจะฆ่าทันที ดูเหมือนไม่ว่ายังไงพวกมันก็ไม่ต้องการให้มอนสเตอร์ตัวไหนมาแย่งมันไปทั้งนั้น   ทันใดนั้นจู่ๆก็มีแสงสีแดงพุ่งออกมาจากดอกบัว มันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าคล้ายกับแสงเลเซอร์ มันมีความกว้างพอๆกับดอกบัว กลิ่นหอมกระจายไปทั่วทั้งเกาะ ซึ่งล่อให้มอนสเตอร์ตัวอื่นๆเข้ามาใกล้ๆมากขึ้น ตอนนี้ดูเหมือนเม็ดบัวจะสุกได้ที่แล้ว . . ฝากแฟนๆกดติดตามหรือกดLikeเพจด้วยครับ >>> SSG (ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอนที่ 2019 แล้วครับ)

Super God Gene – ตอนที่ 609 เม็ดบัวสุก
Super God Gene – ตอนที่ 609 เม็ดบัวสุก

  เมื่อหานเซิ่นกลับไปที่ชายหาด เขาก็เห็นว่าควีนกำลังย่างปลาอยู่ แม้เธอจะใช้แค่ไม้กับเถาวัลย์เป็นเชื้อเพลิง แต่ดูเหมือนเนื้อปลาจะสุกได้ที่แล้ว หลายวันที่ผ่านมาพวกเขาต้องกินแต่ปลาดิบๆ เมื่อเห็นเนื้อปลาย่างแบบนี้ก็ทำให้เขาน้ำลายไหล   หานเซิ่นเห็นว่ามีดาบเล่มอื่นๆที่มีปลาเสียบอยู่ หานเซิ่นถาม “คุณทำไว้ให้ผมด้วยใช่ไหม”   “นายหมายความว่ายังไง ทำไว้ให้นาย? ฉันทำมันไว้กินเองทั้งหมด” ควีนตอบ   “ผมขอสักตัวหนึ่งได้ไหม?” หานเซิ่นถาม   “ถ้านายต้องการก็บริการตัวเอง” ควีนพูดโดยไม่ได้มองหน้าหานเซิ่น เธอยังคงมองเนื้อในมือของเธอต่อไป   หานเซิ่นยิ้ม เขาหยิบปลามาและก็เริ่มกัดมันทันที แต่จริงๆเขาน่าจะต้องรออีกหน่อย เพราะตอนนี้ปากของเขาแทบจะไหม้ด้วยความร้อน ปลาพวกนี้เพิ่งจะย่างเสร็จใหม่ๆ รสชาติของมันดีมาก ถ้าเทียบกับเนื้อปลาดิบๆแล้วมันต่างกันราวฟ้ากับดิน   “จิ้งจอกของนายไปไหนแล้ว?” ควีนมองหานเซิ่นที่กำลังกินเหมือนกับคนอดยาก เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เธอจึงถาม   “ผมเรียกมันกลับไปแล้ว” หานเซิ่นกระพริบตา   “จริงหรอ?” ควีนมองหานเซิ่น เหมือนเธอจะไม่เชื่อเขา “เรียกมันออกมาด้วย พวกเราจะได้กินด้วยกัน”   “ไม่จำเป็น มันก็แค่วิญญาณอสูรสัตว์เลี้ยง ไม่ต้องไปสนมันหรอกน่า” หานเซิ่นรู้ว่าควีนอยากจะตอบแทนจิ้งจอกที่ช่วยรักษาเธอ แต่เขาไม่สามารถเรียกจิ้งจอกออกมาได้ เขาจึงต้องหาวิธีกลบเกลื่อนไปก่อน   “งั้นก็ไม่เป็นไร” ควีนไม่พูดมากไปกว่านี้ เธอกินเนื้อของเธอต่อไป   หานเซิ่นกินปลาไปทั้งหมด 8 ตัว ตอนนี้เขารู้สึกอิ่มแล้ว เขาล้มตัวลงนอนบนทราย “สุดยอดไปเลย!”   ควีนกินไปพอๆกับเขา หลังจากเธอกินเสร็จ เธอก็เรียกวิญญาณอสูรดาบของเธอกลับ จากนั้นเธอก็เดินตรงไปที่ภูเขา   “คุณกำลังจะไปไหน?” หานเซิ่นรีบลุกขึ้นถามทันที เขากังวลว่าควีนอาจจะกำลังตามหาจิ้งจอกสีเงิน ซึ่งตอนนี้มันนั่งเฝ้าดอกบัวอยู่   “ฉันแค่จะไปเดินเล่น” ควีนตอบ จากนั้นเธอก็เดินตรงไปที่ภูเขาทันที   “งั้นผมจะไปกับคุณด้วย!” หานเซิ่นเริ่มตามเธอไปทันที เขาคิด ‘เวรล่ะสิ แบบนี้เธอก็รู้ว่าเราไม่ได้เรียกมันกลับ’   หลังจากเดินไปได้สักพัก ควีนก็พบจุดที่จิ้งจอกสีเงินและดอกบัวอยู่ หลังจากปีนขึ้นไปบนภูเขา เธอก็จ้องมองไปที่จิ้งจอกสีเงินและดอกบัว เธอหันไปรอบๆ และก็มองหานเซิ่นที่กำลังฝืนยิ้มอยู่ในตอนนี้ จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปใกล้จิ้งจอก   “นี่อะไร?” ควีนชี้ไปที่ดอกบัว   “ผมไม่รู้ แต่จิ้งจอกไม่ยอมออกห่างจากมันเลย หลังจากที่พวกเราเจอมัน” หานเซิ่นอธิบาย ควีนเข้าไปมองดูมันใกล้ๆ จากนั้นเธอก็ไปนั่งพักผ่อนข้างๆดอกบัว   วันรุ่งขึ้นควีนถามหานเซิ่น “นายคิดจะออกจากเกาะนี้เมื่อไร?”   “ถ้าจิ้งจอกสีเงินไม่ยอมไป ผมก็ไม่ไปเหมือนกัน คุณต้องการจะไปก่อนเลยไหม?” หานเซิ่นถามพร้อมกับกระพริบตา   “พวกเราแบ่งกันคนละครึ่งเป็นยังไง?” ควีนมองที่หานเซิ่นและถาม เหมือนว่าเธอก็ต้องการดอกบัวเช่นกัน   “ครึ่งอะไร? นี่มันของจิ้งจอก คุณต้องการแย่งอาหารกับสัตว์เลี้ยงงั้นหรอ?” ใจของหานเซิ่นต้องการตอบว่าไม่ แต่เขาก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไว้ก่อน เพราะเขาเองก็ต้องการดอกบัวเช่นกัน   “ถ้าจิ้งจอกเป็นคนกิน ฉันก็จะไม่เอา แต่ถ้านายเป็นคนเอาดอกบัวไป ฉันจะต้องขอส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง” ควีนพูด   “ผมจะเอามันไปทำไม? นี่มันของจิ้งจอก ผมไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ผมไม่มีทางต้องการของแบบนี้” หานเซิ่นพูด ตอนนี้เขารู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มยากแล้ว ความหวังที่เขาจะได้ดอกบัวเริ่มหมดลง   ควีนไม่พูดอะไรอีก เธอนั่งอยู่ข้างๆจิ้งจอกสีเงิน และก็เฝ้าดอกบัวไว้เช่นกัน   ‘ตอนแรกมีแค่จิ้งจอกสีเงิน เราก็ยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ควีนดันมาเฝ้ามันอีกคน’ หานเซิ่นคิด เขาเริ่มคิดแล้วว่าจิ้งจอกตัวนี้อาจจะเป็นตัวเมียรึเปล่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดว่ามันเป็นตัวผู้ มนุษย์จะไม่สามารถแยกแยะเพศของมอนสเตอร์ได้ เพราะพวกมันเหมือนกับทุกประการ เขาเริ่มคิดว่าจิ้งจอกน่าจะเป็นตัวเมีย ไม่งั้นทำไมมันถึงมีพฤติกรรมคล้ายๆควีน? ทั้งจิ้งจอกและควีนดูจะเอาแต่ใจมาก   แต่หานเซิ่นไม่เคยรู้ตัวเลยว่า ตัวเขาเองดูจะเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวมากกว่าจิ้งจอกและควีนรวมกันซะอีก   พวกเขาอยู่บนเกาะแห่งนี้มา 4 วันแล้ว กลีบดอกบัวสีขาวๆเริ่มล่วงโรยอย่างช้าๆ แต่มันช้ามากๆ มันจะร่วงแค่วันละ 0-1 กลีบเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่วันมันถึงจะร่วงหมด   เม็ดบัวที่อยู่ภายในเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้พวกมันดูเหมือนกับคริสตัลสีแดง พวกมันยังคงเจริญเติบโตเรื่อยๆ และเริ่มส่งกลิ่นหอมสดชื่นออกมา เมื่อดมกลิ่นเข้าไปก็ทำให้จิตใจผ่อนคลาย   ‘นี่จะต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน แต่เราจะทำยังไงดีถึงจะเอาเม็ดบัวทั้งหมดมาโดยที่จิ้งจอกและควีนไม่รู้ตัว?’ หานเซิ่นยังคงเฝ้าดูดอกบัวต่อไป เขากำลังหาวิธีที่จะเอามันมาให้ได้   หานเซิ่นไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะควีนและจิ้งจอกได้ ไม่งั้นเขาคงจะเข้าไปเอามันมาตั้งนานแล้ว   ครึ่งเดือนผ่านไป ในที่สุดกลีบดอกบัวก็ร่วงจนหมด ตอนนี้เม็ดบัวดูจะเติบโตเต็มที่แล้ว พวกมันดูเหมือนกับทับทิม   ตอนนี้หานเซิ่นยังหาวิธีที่เขาจะแย่งมันมาไม่ได้เลย ขณะที่เขากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก อยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงแหลมๆของนก เขาเห็นนกสีเขียวปนฟ้า ดูคล้ายๆกับนกยูง เขาไม่รู้ว่ามันโผล่มาจากไหน แต่หานเซิ่นเห็นมันบินวนไปวนมาอย่างบ้าคลั่งบนท้องฟ้า ดูเหมือนมันจะกำลังขู่ให้พวกเขากลัวอยู่   จิ้งจอกสีเงินดูจะตรึงเครียดขึ้นมาทันที มันยืนขึ้นและมองไปที่นกยูงบนท้องฟ้า ดูเหมือนมันจะเห็นนกยูงเป็นศัตรูของมัน   หานเซิ่นและควีนช็อค พวกเขาเข้าใจทันทีว่ามันคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด ถึงที่นี่จะมีจิ้งจอกสีเงินอยู่ แต่มันกลับกล้าที่จะโผล่หน้าออกมา   นกยูงยังคงบินวนไปวนมาบนท้องฟ้า แต่มันก็ยังไม่ลงมาเช่นกัน ดูเหมือนมันเองก็กำลังรอให้เม็ดบัวสุกได้ที่อยู่   ‘นกบ้านี่มันมาจากไหนเนี่ย? ทำไมอยู่ๆมันดันโผล่มาตอนนี้?’ หานเซิ่นคิด ตอนแรกถึงจะมีทั้งจิ้งจอกและควีนอยู่ แต่เขาก็คิดว่าน่าจะได้ส่วนแบ่งเม็ดบัวบ้างไม่มากก็น้อย แต่ตอนนี้เมื่อมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดปรากฏตัว สถานการณ์ก็ยากจะคาดเดาแล้ว   แม้ควีน หานเซิ่นและจิ้งจอกสีเงินจะร่วมมือกันก็ไม่น่าจะรับมือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวเต็มวัยได้   ขณะที่หานเซิ่นกำลังรู้สึกสิ้นหวัง และใช้ความคิดอย่างหนัก อยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากทางชายหาด เขามองออกไปที่ทะเล และเห็นว่าน้ำกำลังเดือดอยู่ มอนสเตอร์ขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับกุ้งลอบสเตอร์ปรากฏตัวออกมา เปลือกของมันเป็นสีม่วง มันมีความยาวหลาย 10 เมตร หลังจากมันปรากฏตัวออกมาก็ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ จากนั้นมันก็ว่ายไปรอบๆเกาะ   ‘บ้าไปแล้ว! มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอีกตัวงั้นหรอ? พวกมันต้องการเม็ดบัวกันหมดเลย?’   ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดพวกนี้มาจากไหน แต่โชคดีที่ไม่มีมอนสเตอร์ตัวอื่นมาเพิ่มแล้ว นอกจากนกยูงและกุ้งลอบสเตอร์ ดูเหมือนจะไม่มีมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวอื่นมาร่วมศึกชิงเม็ดบัวครั้งนี้เพิ่มแล้ว   ตอนนี้มีมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดตัวหนึ่งอยู่ในทะเล ส่วนอีกตัวอยู่บนฟ้า เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะหนี   “ถอยก่อน ถ้าพวกเราถูกปิดล้อม พวกเรารอดยาก” ควีนพูดอย่างสงบ   “รีบมาเร็วเข้า!” หานเซิ่นตะโกนไปที่จิ้งจอกสีเงิน ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง เขากลัวว่าจิ้งจอกจะอยู่เฝ้าดอกบัวต่อไป ถ้าเป็นแบบนั้นมันต้องแย่แน่ๆ ถึงมันจะเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด แต่พลังของมันยังด้อยกว่าอีก 2 ตัวแน่นอน  

Super God Gene – ตอนที่ 608 พืชลึกลับ
Super God Gene – ตอนที่ 608 พืชลึกลับ

  ตอนนี้มีมอนสเตอร์ขนาดใหญ่กำลังว่ายน้ำอยู่ในทะเล ซึ่งดูเหมือนกับเกาะเคลื่อนที่เลย   เมื่อเห็นมัน หานเซิ่นและควีนแทบไม่กล้าที่จะหายใจ ควีนสั่งให้วาฬไปอีกทิศทางหนึ่งทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมัน ตอนนี้พวกเขามีจิ้งจอกสีเงินอยู่ด้วย มอนสเตอร์ที่กล้าเข้ามาใกล้จะต้องเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย   พวกเขา 2 คนหลงอยู่ในทะเลเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว และนี่เป็นครั้งที่ 2 ที่พวกเขาเห็นมอนสเตอร์ตัวนี้ โชคดีที่มันไม่ได้สนใจพวกเขา มันมุ่งหน้าไปในทิศทางของมันต่อไป   พวกเขารอจนกระทั่งมอนสเตอร์ขนาดใหญ่หายลับไปจากสายตา จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลังจากผ่านไปอีกครึ่งวัน อยู่ๆหานเซิ่นก็มีเห็นอะไรบางอย่างอยู่ไกลออกไป ดูแล้วมันน่าจะเป็นเกาะ   ‘พวกเรารอดแล้ว! มีเกาะอยู่ตรงนั้น ถึงจะเป็นเกาะร้าง เราก็น่าจะหาอาหารดีๆกินได้บ้าง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราได้แต่ดื่มเลือดปลาจนจะอ้วกอยู่แล้ว’   ควีนดูจะมีความสุขมากเมื่อเห็นเกาะ ตลอดเวลาที่อยู่บนหลังวาฬ พวกเขากินแต่เนื้อปลาและเลือดของปลา ตอนนี้พวกเขาเบื่อมันจะแย่อยู่แล้ว   พวกเขาเริ่มเข้าไปใกล้มันมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นเกาะจริงๆ บนเกาะมีภูเขาที่ค่อนข้างชัน แต่เป็นภูเขาเตี้ยๆ ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้จำนวนมาก   แต่บนเกาะแทบไม่มีต้นไม้สูงๆเลย มีก็แต่ต้นไม้ต้นเล็กๆอยู่เป็นจำนวนมาก ต้นไม้พวกนั้นมีผลที่ดูคล้ายๆกับองุ่น ซึ่งดูน่าอร่อยมาก   ควีนเรียกปีกวิญญาณอสูรออกมาและก็บินเข้าไปดูบนเกาะ เกาะนี้ไม่ใหญ่มาก และดูเหมือนจะไม่ค่อยมีมอนสเตอร์ด้วย   พวกเขา 2 คนเบื่อหน่ายกับการอยู่ในทะเลเต็มที่แล้ว พอเห็นเกาะพวกเขาก็รีบขึ้นฝั่งทันที หานเซิ่นมองดูต้นไม้ต้นเล็กๆ ซึ่งมีผลที่คล้ายๆลูกเบอร์รี่สีแดงๆ เขาคิด ‘พวกลูกเบอร์รี่นี่มันจะเหมือนกับเห็นสีแดงรึเปล่า?’   ควีนเข้าไปสำรวจในเกาะเรียบร้อยแล้ว หลังจากสำรวจอยู่สักพัก เธอก็พบบ่อน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขา ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นน้ำสะอาด ทำให้เธอตื่นเต้นมาก   “นายกำลังดูอะไรอยู่?” เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นกำลังมองดูต้นไม้ที่มีลูกเบอร์รี่สีแดงอยู่ ควีนขมวดคิ้วและถาม   “ผมกำลังสงสัยว่าเราจะกินมันได้รึเปล่า ผมเบื่อกับการกินเนื้อปลาเต็มทีแล้ว ผมอยากจะลองกินผลไม้แบบนี้ดู” หานเซิ่นตอบ   “อย่าไปกินอะไรมั่วๆ ถ้าที่นี่ไม่มีมอนสเตอร์ เราก็ต้องทนกินปลาต่อไป” ควีนพูด   แม้เธอจะเบื่อปลาแล้วเช่นกัน แต่พืชก็เป็นอะไรที่อันตรายมาก ถึงลูกเบอร์รี่จะดูน่าอร่อย แต่ใครจะรู้ว่าถ้ากินเข้าไปแล้วมันจะเป็นอันตรายรึเปล่า?   “ผมคิดว่ามันน่าจะกินได้ ไม่มีปัญหาอะไรนะถ้าเราจะกินมัน” หานเซิ่นยังคงสังเกตเบอร์รี่ต่อไป จากความรู้ที่เขาได้รับมาเกี่ยวกับการแยกแยะพืช เขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันน่าจะกินได้   ควีนไม่สนใจหานเซิ่น เธอเดินกลับไปที่ชายหาด และก็เริ่มหาปลามาทำเป็นอาหาร แค่เธอได้ดื่มน้ำจากบ่อน้ำแทนเลือดปลา เธอก็มีความสุขมากแล้ว เธอไม่คิดที่จะเสี่ยงกินผลไม้ในก็อตแซงชัวรี่   แม้หานเซิ่นจะมั่นใจว่ามันกินได้ แต่เขาเองก็ไม่กล้าเสี่ยงเช่นกัน ในตอนนี้ก็เกิดคำถามขึ้นในหัวของเขา ‘ทำไมลูกเบอร์รี่ที่ดูน่าจะกินได้ถึงได้มาเจริญเติบโตอยู่บนเกาะที่อยู่ห่างไกลแบบนี้? และทำไมพวกมันดูเหมือนกับไม่เคยถูกสัมผัสมาก่อนเลย?’   ในตอนที่อยู่ในทะเล หานเซิ่นเห็นนกจำนวนมากบินผ่านหัวพวกเขาไป และในละแวกใกล้ๆนี้ก็ไม่มีเกาะอื่นๆแล้วด้วย นี่มันทำให้หานเซิ่นคิดว่ามีบางอย่างแปลกๆ   หานเซิ่นเลิกสนใจลูกเบอร์รี่ชั่วคราวก่อน ตอนนี้เขาตัดสินใจว่าจะลองสำรวจเกาะแห่งนี้ดู เพราะเขารู้สึกว่ามันแปลกๆ   เกาะนี้ไม่ได้ใหญ่มาก มนุษย์สามารถเดินรอบมันได้ในเวลาครึ่งวัน ด้วยความสามารถของโกลเด้นโกรวเลอร์ การสำรวจจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา   นอกจากเกาะจะไม่ใหญ่มากแล้ว ภูเขาบนเกาะสีดูแปลกๆ พวกมันเป็นภูเขาหินที่ไม่สูงมาก พวกมันสูงเกือบๆ 20 เมตร   หานเซิ่นปีนขึ้นไปบนภูเขาและก็มองไปรอบๆ บนยอดภูเขาที่สูงที่สุด เขามองเห็นต้นไม้ที่ดูเหมือนกับดอกบัว มันดูเหมือนกับดอกบัวธรรมดาๆ มันมี 7 กลีบที่มีสีขาวบริสุทธิ์   หานเซิ่นขมวดคิ้ว โดยปรกติแล้วดอกบัวมักจะเจริญเติบโตในน้ำ อย่างน้อยๆบริเวณที่มันอยู่จะต้องมีความชื่นสูง ซึ่งมันทำให้เขาสงสัยว่ามันจะเป็นดอกบัวจริงๆรึเปล่า   เนื่องจากมันเป็นแค่พืช เขาจึงไม่คิดว่ามีอะไรที่น่ากลัว หานเซิ่นอุ้มจิ้งจอกและปีนขึ้นไปบนภูเขา เขาขึ้นไปบนยอดเขาที่สูงที่สุด เมื่อขึ้นไปถึง เขาก็สังเกตดูดอกบัว 7 กลีบทันที   เมื่อดูใกล้ๆ หานเซิ่นก็มั่นใจว่ามันคือดอกบัวจริงๆ กลีบของมันขาวเหมือนกับหิมะ ดอกบัวนี้มีขนาดพอๆกับลูกฟุตบอล ก้านของมันเป็นสีขาว ซึ่งต่างจากดอกบัวปรกติที่ก้านจะเป็นสีเขียว   มันดูกึ่งๆโปร่งใส หานเซิ่นสามารถมองเห็นว่ามีเม็ดบัวสีแดงอยู่ภายใน เม็ดบัวพวกนี้ไม่ได้ใหญ่มาก ดูเหมือนมันจะยังไม่โตเต็มที่   หานเซิ่นยังคงสังเกตมันต่อไป แต่อยู่ๆจิ้งจอกสีเงินก็กระโดดออกจากแขนของเขา มันใช้จมูกสูดดมใกล้ๆดอกบัว มันกระพริบตาเหมือนมนุษย์ เหมือนมันจะสงสัยมาก มันเดินวนไปรอบๆดอกบัว หลังจากที่มันดูดอกบัวอยู่สักพัก มันก็ตัดสินใจนั่งลงข้างๆดอกบัว   “จิ้งจอกสีเงิน นายบอกฉันได้ไหมว่ามันคืออะไรกันแน่?” หานเซิ่นถาม ขณะที่เขากำลังจ้องมองจิ้งจอกด้วยความสงสัย เพราะปรกติแล้วถ้าจิ้งจอกมันต้องการกินอะไร มันจะกินทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด เขายังไม่เคยเห็นมันนั่งรออย่างนี้มาก่อน   ดูจากหน้าของจิ้งจอกสีเงิน หานเซิ่นรู้ว่ามันอยากจะกินดอกบัวนี้มากๆ แต่กระนั้นมันก็ยังนั่งอยู่ข้างๆดอกบัว หานเซิ่นไม่แน่ใจว่ามันคิดอะไรอยู่   “นายอยากจะรอให้มันสุกก่อนใช่ไหม?” หานเซิ่นคิดว่ามีแค่ทางนี้ทีพอเป็นไปได้ เขาถามจิ้งจอก   แต่จิ้งจอกไม่ตอบ ตอนนี้สิ่งที่มันทำก็คือชำเลืองมองดอกบัว ขณะที่นั่งข้างๆมัน เหมือนกับว่าจิ้งจอกสีเงินกำลังนั่งเฝ้าดอกบัวอยู่   หานเซิ่นได้กลิ่นควันลอยมาจากชายหาด ซึ่งเขาคิดว่าควีนน่าจะกำลังทำอาหารอยู่ หานเซิ่นยื่นมือไปเพื่อจะอุ้มจิ้งจอก แต่มันไม่ยอมไป มันยังนั่งอยู่ข้างดอกบัวไม่ยอมขยับไปไหน   “ถ้านายอยากจะรอให้มันสุกก่อนมันจะต้องใช้เวลา ไม่มีใครแย่งมันไปหรอก พวกเราไปกินอาหารกันก่อนแล้วค่อยกลับมาก็ได้” หานเซิ่นพูดกับจิ้งจอก และพยายามจะอุ้มมันอีกครั้ง   แต่จิ้งจอกก็ยังไม่ยอม มันไม่ต้องการจะออกห่างจากดอกบัวนี้ มันตัดสินใจที่จะนั่งเฝ้าดอกบัวนี้อย่างจริงจัง   เนื่องจากเขาไม่สามารถทำอะไรได้ หานเซิ่นตัดสินใจกลับไปที่ชายหาดก่อน ระหว่างทางที่เขากำลังไปที่ชายหาดเขาคิด ‘ดอกบัวนั่นมันจะต้องเป็นของดีมากแน่ๆ ไม่งั้นทำไมจิ้งจอกสีเงินถึงได้ต้องการมันมากขนาดนั้น?’   ‘ไม่ได้ เราจะให้จิ้งจอกเอามันไปกินคนเดียวไม่ได้! กล้าพนันได้เลยว่าจิ้งจอกกำลังรอให้เม็ดบัวสุกอยู่ ไม่งั้นมันก็คงกินไปตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่มันจะต้องนั่งรอแบบนั้น แต่เราจะหาทางแย่งมันมายังไง ถ้าเกิดจิ้งจอกสีเงินตัดสินใจสู้กับเราขึ้นมาจะทำยังไง?’ ตอนนี้หานเซิ่นกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เขามีข้อสงสัยหลายอย่างในหัว และเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี   จิ้งจอกสีเงินไม่ยอมออกจากจุดนั้นเลย การขโมยเม็ดบัวจากมันคงเป็นเรื่องที่ยากมาก    

Super God Gene – ตอนที่ 607 ควีนหัวร้อน
Super God Gene – ตอนที่ 607 ควีนหัวร้อน

  ควีนรู้สึกโกรธที่ต้องมาอยู่ในสภาพน่าอับอายแบบนี้ เธอไม่รู้ว่าหานเซิ่นกำลังจะทำอะไร แต่เมื่อเธอมองลงไปที่บาดแผล เธอก็รู้สึกว่ามันเริ่มหายเป็นปรกติแล้ว ขณะที่จิ้งจอกสีเงินกำลังเลียมันอยู่ เธอจ้องมองจิ้งจอกด้วยความประหลาดใจ   หานเซิ่นเองก็จ้องมองจิ้งจอกเช่นกัน แต่ตาของเขาก็มองไปทุกที่ เขาสังเกตเห็นว่าหน้าอกของควีนเริ่มฟื้นสภาพกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว เมื่อเห็นจิ้งจอกเลียมัน หานเซิ่นก็ถึงกับน้ำลายหก   ควีนประหลาดใจเมื่อเห็นว่าจิ้งจอกมีความสามารถนี้ เธอเกือบจะลืมไปเลยว่าหานเซิ่นก็นั่งอยู่ใกล้ๆด้วย เมื่อเธอหันไปมองหานเซิ่น เธอก็ต้องช็อค เพราะเขากำลังจ้องมองหน้าอกของเธออยู่   หน้าของเธอแดง เธอรีบเอามือมาปิดหน้าอกของตัวเองทันที แต่เนื่องจากมีจิ้งจอกอยู่ด้านบน ทำให้เธอไม่สามารถเอามือมาปิดได้ ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากพูดกับหานเซิ่น “นายกำลังมองอะไร?!”   “โอ้ โทษที!” หานเซิ่นเอามือมาปิดตาตัวเอง   ควีนรู้สึกอายมาก แม้หานเซิ่นจะเอามือปิดตา แต่เธอก็มั่นใจว่าเขาต้องแอบมองผ่านนิ้วมือ   “หันไปทางอื่น!” ควีนเริ่มหัวร้อน   “ก็ได้ ก็ได้” หานเซิ่นหันไปอย่างลังเล เขารู้สึกอิจฉาจิ้งจอกสีเงินที่ยังสามารถอยู่ตรงนั้นได้ แต่เขากับถูกบังคับให้หันไปทางอื่น   หลังจากบาดแผลของควีนหายสนิทแล้ว จิ้งจอกสีเงินก็กระโดดกลับไปหาหานเซิ่น เขาไม่ได้ยินควีนพูดอะไรเลย   “ผมหันไปได้รึยัง?” ในที่สุดหานเซิ่นก็ถาม   “ฉันขอยืมวิญญาณอสูรชุดเกราะหน่อย” ควีนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา   “แน่นอน” หานเซิ่นหันกลับไปมองควีน   ตอนนี้ควีนกำลังอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าปราศจากเสื้อผ้า ร่างกายของเธอเป็นประกายระยิบระยับท่ามกลางแสงอาทิตย์ เธอดูสง่างามมากเหมือนกับเทพธิดา   “ยังจะมองอีก” ควีนพูดพร้อมกับกัดฟัน แววตาของเธอดูน่ากลัว   “ตาถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมองสิ่งสวยงาม ผมไม่สามารถเพิกเฉยต่อความต้องการของพวกมันได้” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยักไหล่   เขาหันไปมองอีกทาง จากนั้นเขาก็เรียกวิญญาณอสูรชุดเกราะเกล็ดโลหิตออกมา และสวมมันให้ควีน   ในชั่วพริบตาชุดเกราะก็ห่อหุ้มร่างของควีน ถึงชุดเกราะนี้จะทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอได้ แต่แค่ได้เห็นใบหน้าสวยๆของเธอมันก็เกินพอแล้ว เธอดูเหมือนกับเทพธิดาที่ชายหลายคนต่างก็หมายปอง   “ดูเหมือนอาการของคุณดีขึ้นแล้ว” หานเซิ่นพูด   “อย่าคิดว่าการช่วยชีวิตฉันจะทำให้นายสามารถทำอะไรก็ได้ ฉันจะฆ่านายทันที ถ้านายพูดอะไรเกี่ยวกับร่างกายของฉัน” ควีนจ้องหานเซิ่นด้วยสายตาทิ่มแทง ดูจากสายตาของเธอถ้าคิดลองดีกับเธอล่ะก็ เขาคงได้ตายจริงๆแน่   “ไม่ต้องห่วง ผมไม่พูดออกไปหรอก” หานเซิ่นยิ้ม   “แล้วก็อย่าคิดถึงมันด้วย” ควีนพูดเสริม เมื่อเห็นหานเซิ่นยิ้มทำให้เธอรู้สึกทนไม่ได้ เธอคิดว่าเขาคงจะจดจำสิ่งที่เห็นได้   “ผมกลัวว่าจะทำแบบนั้นไม่ได้ แม้จิตใจนี้มันจะเป็นของผม แต่ผมก็ไม่สามารถควบคุมมันได้เด็ดขาด ถ้าใจผมมันอยากจะคิดอะไรมันก็จะคิด” หานเซิ่นพูด   ควีนกัดฟัน แต่เธอไม่พูดอะไรต่อ ถึงเธอจะดูโกรธมากก็ตาม   “ผมว่าคุณดูดีขึ้นนะเมื่อคุณโกรธ มันทำให้คุณดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น” หานเซิ่นพูด   ควีนคิดว่าเธอคิดผิดมาก การที่ได้มารู้จักกับหานเซิ่นถือเป็นความผิดพลาดอย่างหนึ่งในชีวิตเธอ ก่อนหน้านี้หานเซิ่นก็สร้างวีรกรรมฉีกเสื้อของเธอตอนครั้งแรกที่พบกัน เขาทำเรื่องไว้มาก ตอนนี้แค่เธอได้เห็นหน้าหานเซิ่นหรืออยู่ใกล้เขา เธอก็รู้สึกอับอายมากแล้ว   ในที่สุดควีนก็สงบลงได้ เธอพยายามอย่างหนักที่จะสงบสติอารมณ์ให้ได้ ยังไงหานเซิ่นก็คือคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ เธอจะรู้สึกแย่ถ้าเกิดเธอลงมือหรือทำอะไรรุนแรงกับเขา   แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเธอมองเห็นหานเซิ่นอีกครั้ง เธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที ตอนนี้อารมณ์ของเธอขึ้นอีกครั้ง เธอหันไปมองทางอื่นและถาม “พวกเราอยู่ที่ไหน?”   “ผมไม่รู้ ผมคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องออกห่างจากเสือขาว ผมเลยว่ายหนีไปมั่วๆ ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกาะที่พวกเขาอยู่ตอนแรกมันอยู่ทิศทางไหน” หานเซิ่นกระพริบตา   ควีนขมวดคิ้ว “ทิ้งจิ้งจอกไว้ที่นี่ก่อน เดี๋ยวพวกเราค่อยกลับมารับมัน ตอนนี้พวกเราควรจะไปหาอาหารก่อน”   “ไม่จำเป็น เดี๋ยวผมจัดการเอง” หานเซิ่นวางจิ้งจอกสีเงินลงบนหลังของวาฬ จากนั้นเขาก็กระโดดลงไปในน้ำคนเดียว ไม่นานเขาก็กลับขึ้นมา พร้อมกับปลาขนาด 2 ฟุต   หานเซิ่นถลกหนังและแล่เนื้อมันทันที เขาหั่นเนื้อเป็นชิ้นบางๆ และก็เลือกมาหนึ่งชิ้น   “ฉันกินเอง…” ควีนคิดว่าหานเซิ่นจะป้อนเธอ แต่ก่อนที่เธอจะพูดปฏิเสธจบ เธอก็สังเกตเห็นว่าหานเซิ่นเอาเนื้อไปป้อนให้จิ้งจอกสีเงินแทน เธอหน้าแดงและรีบปิดปากทันที   “คุณก็จะให้ผมป้อนด้วยหรอ?” หานเซิ่นได้ยินที่เธอพูด ดังนั้นเขาเลยหยิบเนื้อมาหนึ่งชิ้นและก็เอาไปให้เธอ “มารีบอ้าปาก”   ควีนรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังจะระเบิด ตอนนี้เลือดของเธอสูบฉีกไปทั่วร่างโดยเฉพาะใบหน้า เธอกัดฟันและไม่พูดอะไร จากนั้นเธอก็รับเนื้อปลามาแล้วก็เอามันใส่ปากเอง   หานเซิ่นยักไหล่ จากนั้นเขาก็เอาปลามากินเองบ้าง ตอนนี้หานเซิ่นและจิ้งจอกสีเงินกำลังนั่งอยู่ด้านหน้าควีน พวกเขากำลังแบ่งกันกินเนื้ออย่างมีความสุข เมื่อมาถึงเนื้อปลาชิ้นสุดท้าย หานเซิ่นก็หยินมาใส่ปากตัวเองทันที แต่ในตอนที่มันเกือบจะเข้าปากของเขา จิ้งจอกสีเงินก็กระโดดมากัดมันไปครึ่งหนึ่ง   ตอนนี้พวกเขา 2 คนไม่มีใครยอมใคร ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการเอาเนื้อชิ้นนี้ไปให้ได้ ซึ่งมันทำให้ควีนรู้สึกหงุดหงิดกับภาพที่เห็น เธอถามตัวเอง ‘หมอนี่คงเพี้ยนไปแล้ว เขาเป็นคนประเภทไหนกันถึงได้ไปต่อสู้แย่งชิงอาหารกับสัตว์เลี้ยงแบบนั้น?’   แต่เธอก็ต้องรู้สึกแปลกๆ เมื่อเห็นปากของจิ้งจอกสัมผัสกับปากของหานเซิ่น เพราะก่อนหน้านี้จิ้งจอกตัวนั้นเพิ่งจะเลียหน้าอกของเธอมา   ใบหน้าที่เย็นชาของควีนแดงขึ้นมาอีกครั้ง เธอเดินไปที่หัวของวาฬ และมองออกไปที่ทะเล   ‘ครั้งนี้เธอโกรธเรื่องอะไรอีกล่ะเนี่ย?’ หานเซิ่นเกาหัว เขาแค่เล่นกับจิ้งจอกสีเงินเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เธอโกรธขึ้นมาอีก   แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขา 2 คนก็รู้ตัวแล้วว่าพวกเขาหลงทางอยู่ ตอนนี้วาฬว่ายน้ำมาได้เกินครึ่งวันแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เจอเกาะเลย  

Super God Gene – ตอนที่ 606 ช่วยชีวิต
Super God Gene – ตอนที่ 606 ช่วยชีวิต

  ไม่นานหลังจากที่ดำลงไปในทะเล เขาก็เห็นควีนตรงเข้ามาใกล้ เธอกระโดดลงทะเลในสภาพที่เลือดอาบไปทั้งตัว เลือดของเธอกระจายออกไปในน้ำ   เขาเห็นแสงสีขาวๆพุ่งลงมาในทะเล มันคือกระแสลมที่เกิดจากกรงเล็บของเสือขาว   เมื่อเสือขาวใช้อุ้งเท้าตะปบลงไปในน้ำทะเล ทะเลก็แยกตัวออกไปหลายเมตร ดูเหมือนเสือขาวจะยังไม่ยอมเลิกราง่ายๆ   สีแสงม่วงส่องออกมาจากตัวควีน ตอนนี้หอกสีม่วง 2 อันปรากฏขึ้นมาในมือของควีน เธอหมุนตัวหลบ และใช้หอกป้องกันการโจมตีที่ตรงเข้ามา   เคร็ง! ไม่นานหอกทั้ง 2 ก็ถูกทำลาย มีเลือดจำนวนมากไหลออกจากบริเวณหน้าอกของเธอ ตอนนี้เธอถูกกระแสลมซัดจนกระเด็นลึกลงไปในทะเล   ปัง! ควีนกระเด็นลงไปถึงก้นทะเล เมื่อตัวเธอกระแทกกับก้นทะเลก็ทำให้เกิดหลุมลึกขึ้นมา ตอนนี้อาการของเธอสาหัสทีเดียว   แม้เสือขาวจะไม่ได้ว่ายน้ำลงมา แต่มันก็ยังใช้อุ้งเท้าของมันตะปุบลงมาในน้ำรัวๆ กระแสลมที่รุนแรงซัดลงมาในทะเลอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เกิดคลื่นสูงหลายเมตร   “บ้าเอ้ย ไอ้เสือนี่มันจะมากไปแล้ว” หานเซิ่นวางแผนไว้ว่าจะมาเจอกับควีนที่ก้นทะเล แต่เขาไม่คิดว่าเสือขาวมันจะบ้าคลั่งถึงขนาดนี้ ถึงเขาจะว่ายไปช่วยควีนตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเขาได้แต่รอลุ้นให้ควีนหลบการโจมตีต่อไป   แต่ตอนนี้อาการของควีนดูจะสาหัส ทำให้ความสามารในการเคลื่อนที่ของเธอตกลงไป แค่ลงมาอยู่ในน้ำนานๆแบบนี้ มันก็เกินกำลังของเธอแล้ว   เมื่อหานเซิ่นมองเห็นว่าควีนไม่สามารถหลบการโจมตีครั้งต่อไปได้ เขากัดฟัน และว่ายน้ำตรงไปที่ควีนอย่างรวดเร็ว   ขณะที่ควีนกำลังดิ้นร่นเอาชีวิตรอด เธอก็เห็นเงาของคนกำลังตรงเข้ามาหาเธอ ไม่นานเธอก็เห็นว่าเงานั้นก็คือหานเซิ่น   หานเซิ่นดึงควีนออกไปให้ห่างจากชายฝั่ง หานเซิ่นมีความคล่องแคล่วสูงมากเวลาอยู่ในน้ำ เขาเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าควีนมาก   “เกาะผมไว้ก่อน” หานเซิ่นเอาควีนไว้บนหลัง และก็บอกให้เธอจับเอวของเขาไว้ จากนั้นเขาก็รีบหนีด้วยความเร็วสูงสุด ตอนนี้เขาต้องออกห่างจากชายหาดให้มากๆไว้ก่อน   เสือขาวยังไม่อยากจะยอมแพ้ง่ายๆ มันยังคงซัดกระแสลมใส่ทะเลอย่างต่อเนื่อง แต่ความเร็วในการว่ายน้ำของหานเซิ่นเหนือชั้นมาก เขาสามารถหลบกระแสลมที่ตรงมาจากทางชายฝั่งได้อย่างไม่ยากเย็น   ควีนเกาะหานเซิ่นไว้แน่น ควีนเกือบจะสิ้นหวังอยู่แล้ว เธอไม่คิดว่าหานเซิ่นจะมาช่วยเธอไว้แบบนี้   แม้จะอยู่ในทะเล แต่ด้วยความสามารถที่เขาได้มาจากการฝึกศาสตร์ตงเสวียน ทำให้เขาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เขาหลบการโจมตีที่ตรงเข้ามาได้ทุกรูปแบบ โดยที่ความเร็วแทบไม่ตกลงเลย   แต่เสือขาวก็ยังไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ ถึงหานเซิ่นจะออกห่างจากชายหาดเป็นร้อยเมตรแล้วก็ตาม ที่ระยะนี้แม้กระแสลมของเสือขาวจะทรงพลัง แต่ยังไงมันก็ไม่มีทางโจมตีโดนหานเซิ่นได้   แต่กระนั้นเสือขาวมันก็ยังไม่ยอมเลิกรา ไม่ว่าหานเซิ่นจะว่ายไปไกลแค่ไหน เสือขาวก็ยังส่งกระแสลมลงมาในทะเลเรื่อยๆ มันจะไม่ยอมปล่อยให้เหยื่อหลุดรอดไปง่ายๆ มันคงมั่นใจมากว่าไม่นานพวกเขาก็ต้องขึ้นไปบนผิวน้ำ   ‘ไอ้เสือบ้านี่ เมื่อไหร่มันจะเลิกโจมตีสักที?’ หานเซิ่นว่ายน้ำออกไปเกิน 300 เมตรแล้ว แต่หานเซิ่นก็ยังต้องว่ายต่อไป เพราะเสือขาวยังไม่เลิกโจมตี   หลังจากว่ายน้ำไปประมานครั่งชั่วโมง ในที่สุดเสือขาวก็เลิกโจมตีสักที ตอนนี้มันได้แต่ยืนจ้องมองพวกเขาจากระยะไกล   หานเซิ่นเตรียมที่จะว่ายไปให้ไกลกว่านี้ แต่เขาก็พบว่าควีนดูท่าทางแปลกๆ   หานเซิ่นหันกลับไปดู และเห็นว่าสีหน้าของเธอดูไม่ดีเลย ไม่ใช่เพราะว่าเธอทรมานจากอาการบาดเจ็บ แต่น่าจะเป็นเพราะเธอทนอยู่ในน้ำต่อไปไม่ได้แล้ว   หานเซิ่นช็อค เขาลืมเรื่องนี้ไปเลย เพราะเขาฝึกศาสตร์ตงเสวียน ทำให้เขาหายใจในน้ำได้ จิ้งจอกสีเงินก็อยู่ในน้ำได้นานเหมือนกัน แต่เขาลืมไปว่าควีนทำไม่ได้   ถ้าควีนไม่ได้รับบาดเจ็บ เธอก็น่าจะทนอยู่ในน้ำได้นานกว่านี้ แต่ตอนนี้เธอได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าอก ปอดของเธอได้รับความเสียหาย ทำให้ยากที่เธอจะกลั้นหายใจต่อไปได้   ควีนทำมือส่งสัญญาณบอกหานเซิ่นว่าเธอทนไม่ไหวแล้วให้หานเซิ่นพาเธอขึ้นไปบนผิวน้ำ ถึงเธอจะรู้ว่าถ้าขึ้นไปตอนนี้จะเสี่ยงมาก แต่เธอก็กลั้นหายใจต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ   หานเซิ่นดึงเธอเข้ามาใกล้ๆ เขาส่ายหน้า จากนั้นเขาก็จ้องตาเธอ และประกบปากกับเธอทันที   ตอนนี้เหมือนกับพวกเขากำลังจูบกันอยู่ ควีนเบิกตากว้าง เธอรู้ว่าเขากำลังพยายามทำอะไร เธอไม่ได้ดันเขาออกไป แม้เธอจะอยากดันเขาออกไปก็ตาม หลังจากที่หานเซิ่นแบ่งลมหายใจให้เธอแล้ว ควีนก็เบาจากอาการทรมานและอึดอัดจากการขาดอากาศ   หลังจากที่เธอค่อยยังชั่วแล้ว เธอก็ผลักหานเซิ่นออกไป จากนั้นพวกเขาก็ว่ายน้ำต่อไป เมื่อควีนกลั้นหายใจต่อไปไม่ได้แล้ว หานเซิ่นก็จะแบ่งลมหายใจให้เธอ   หลังจากที่ทำแบบนี้ไป 3-4 ครั้ง พวกเขาก็ออกห่างจากชายหาดกว่า 2000 เมตรแล้ว ในที่สุดเสือขาวก็เดินกลับไปที่เกาะ   หานเซิ่นรู้สึกโล่งอก ตอนนี้พวกเขาน่าจะปลอดภัยแล้ว เขาว่ายน้ำต่อไปอีกหลายไมล์ และกลับขึ้นไปบนบก เมื่อพวกเขากลับขึ้นมา พวกเขาก็ไม่เห็นเสือขาวแล้ว   ควีนเรียกวาฬของเธอออกมา และเธอก็รีบขึ้นไปนั่งบนวาฬทันที หน้าของเธอดูซีดมาก บาดแผลบนหน้าอกของเธอลึกมาก เธอยังไม่มีโอกาสที่จะได้รักษามัน เนื่องจากต้องอยู่ในน้ำ ตอนนี้เธอสูญเสียเลือดไปมาก   หานเซิ่นค้นดูสิ่งของที่เขาเอาติดตัวมา แต่เขาก็ตระหนักว่าข้าวของมันหายไปหมดแล้วตั้งแต่ตอนที่อยู่ในทะเล   “ไม่ต้องห่วงฉันยังไหว แค๊ก! แค๊ก!” ควีนพยายามอยู่อย่างสงบ ราวกับว่าเธอไม่ได้เจ็บปวดจากบาดแผล ถ้าดูจากความสงบของเธอ มันก็ยากที่จะบอกว่าเธอได้รับบาดเจ็บหนัก   แต่เห็นได้ชัดว่าปอดของเธอได้รับความเสียหาย แค่พูดออกมา เธอก็ไอจนเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก   “อดทนไวก่อน!” หานเซิ่นใช้มือของเขาฉีกชุดสูทสำหรับต่อสู้ของเธอออก เพื่อทำความสะอาดบาดแผลให้เธอ ชุดเกราะวิญญาณอสูรของเธอถูกเสือขาวทำลายไปแล้ว ชุดสูทด้านในก็ได้รับความเสียหาย ทำให้หานเซิ่่นสามารถฉีกมันได้ง่ายๆ   ตอนนี้หน้าอกสีขาวขนาดใหญ่ของควีนปรากฏออกมาให้หานเซิ่นเห็น แต่เธอได้รับความเสียหายอย่างหนักมีรอยแผลค่อนข้างลึก หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกดีหรือรู้สึกกลัวกันแน่   ควีนเบิกตากว้าง เธอรู้สึกว่าสถานการณ์นี้มันน่าอับอายมาก แต่เธอก็ไม่ได้ขยับตัว สิ่งที่เธอทำได้ก็คือนั่งหน้าแดง   ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ หานเซิ่นไม่มีอารมณ์จะมีนั่งชื่นชมความงามของเรือนร่างเธอ เขารีบยกจิ้งจอกไปวางไว้บนหน้าอกของเธอทันที จากนั้นเขาก็พูดกับมัน “จิ้งจอกสีเงิน โปรดช่วยเธอหน่อย!”   จิ้งจอกสีเงินหันมามองหานเซิ่น จากนั้นมันก็หันกลับไปมองควีน และก็เริ่มเลียบาดแผลของเธอ   หลังจากที่จิ้งจอกเลียไปได้สักพัก ควีนก็เริ่มสั่น บาดแผลของเธอค่อยๆสมานตัว ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว บาดแผลเริ่มฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ  

Super God Gene – ตอนที่ 605 ถอย
Super God Gene – ตอนที่ 605 ถอย

  “ใช้แผน C” ควีนตะโกน ขณะที่ตัวของเธอกำลังส่องแสงสีม่วงออกมา   ส่วนร่างกายของทรราชก็ส่องแสงสีทองออกมา ราวกับเขาลงมาจากสวรรค์ เขาถือหอกสีดำขนาดใหญ่ เขาตั้งใจจะใช้มันแทงเสือขาว   แมวขี้เกียจเองก็เริ่มเคลื่อนไหว ถึงเธอจะดูตัวเล็กและรูปร่างอวบๆ ทำให้หานเซิ่นคิดว่าเธอน่าจะเชื่องช้า แต่เธอกลับว่องไวและคล่องแคล่วมาก เธอเหมือนกับเสือขาว เธอเองก็มีพลังของธาตุลม   อิจฉาสวรรค์กำลังถือกระบี่ที่เป็นมันเงา ใบมีดของมันบางยิ่งกว่าปีกจักจั่น หลังจากที่เขาตวัดมันก็มีพลังไอเย็นถูกสร้างขึ้นมา พลังของเขาดูคล้ายๆกับคนตระกูลเสวีย   จุดประสงค์ของเสือขาวนั้นชัดเจน เป้าหมายของมันก็คือควีน กระแสลมที่มันสร้างจากกรงเล็บพุ่งตรงไปที่ควีน   ตัวของควีนห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วง ขาที่เรียวยาวของเธอมีพละกำลังที่มหาศาลมาก มันช่วยให้เธอเคลื่อนที่หลบออกไปด้านข้างได้อย่างรวดเร็ว   กระแสลมสีเขียวที่เกิดจากกรงเล็บของเสือขาวพุ่งผ่านเธอไป จากนั้นมันก็ไปชนเข้ากับก้อนหินที่อยู่ข้างหลัง ก้อนหินขาดออกเป็น 2 ส่วนทันที   ติ๊ง! มีดของแมวขี้เกียจแทงถูกตัวของเสือขาว จากนั้นกระบี่ของอิจฉาสวรรค์และหอกของทรราชก็แทงเข้าไปที่เสือขาวแทบจะพร้อมๆกัน   แต่สิ่งที่น่ากลัวก็เกิดขึ้น นอกจากเสือขาวมันจะมีขนที่ปกป้องแล้ว รอบๆตัวมันยังมีกระแสลมที่คอยป้องกันให้มันอยู่ มีดของแมวขี้เกียจ กระบี่ของอิจฉาสวรรค์และหอกของทรราชไม่สามารถแม้แต่จะสัมผัสกับร่างกายของเสือขาว พวกมันไม่สามารถผ่านกระแสลมไปได้ ตอนนี้เสือขาวเหมือนกับมีชุดที่มองไม่เห็นป้องกันอยู่   โฮก! เสือขาวสะบัดตัว พร้อมกับส่งเสียงคำราม ในชั่วพริบตาลมหมุนก็ก่อตัวขึ้น   กระแสลมหมุนก่อตัวขึ้นรอบๆอาวุธของพวกเขาทั้ง 3 คน และก็ทำให้มันบิดเบี้ยว มีเพียงแค่หอกของทรราชที่หนักและแข็งแรงพอจะคงสภาพอยู่ได้ แต่ก็มีรอยบากลึกบนผิวของมันหลายรอย   พวกเขา 3 คนถอยกลับเต็มตัว ตอนนี้พวกเขาแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เพราะกระแสลมที่เสือขาวปล่อยออกมามันรวดเร็วและรุนแรงเกินจนทำให้เกิดปรากฎการณ์ Sonic Boom (คือชื่อเรียกของปรากฏการณ์ที่เมื่อวัตถุวิ่งทะลุสิ่งที่เรียกว่า “กำแพงเสียง” แล้วจะเกิดเสียงดังขึ้น) ตอนนี้พวกเขารู้สึกปวดหัวมาก   “ถอยก่อน! ถอยเต็มตัว!” ควีนส่งเสียงกรีดร้องออกมาเพื่อให้อีก 3 คนได้ยิน จากนั้นเธอก็เรียกวิญญาณอสูรมีดออก และขว้างมันใส่เสือขาว มีดของควีนมีพลังที่รุนแรงมาก มันฉีกกระชากอากาศรอบๆขณะที่มันเคลื่อนที่   โฮก! เสือขาวคำรามอีกครั้ง กระแสลมที่รุนแรงพุ่งออกจากปากของมัน และกลายเป็นเหมือนกับมีดสายลมที่คมกริบ   ตูม! มีดของควีนระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และพุ่งใส่หน้าของเสือขาวด้วยความเร็วสูง แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถผ่านกระแสลมที่ห่อหุ้มร่างของเสือขาวได้   หานเซิ่นช็อค มีดเล่มนั้นน่าจะเป็นมีดวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิแบบใช้ได้ครั้งเดียวของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 มันมีพลังที่รุนแรงมาก แต่มันกับทำอะไรเสือขาวไม่ได้เลย   ดูเหมือนเสือขาวมันจะเกรี้ยวกราดขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่มันเจอการโจมตีของควีนเข้าไป มันกระโจนเข้าไปหาควีนทันที ฟุตเวิร์คของควีนเหนือชั้นมาก ตอนนี้เธอเหมือนกับเทพธิดาเต้นระบำ เธอสามารถหลบกรงเล็บของเสือขาวได้   หานเซิ่นมองควีนด้วยสายตาที่ชื่นชม เขารู้สึกเกรงขามวิชาหมากล้อมสวรรค์ของเธอจากใจจริง ประสิทธิภาพของวิชานี้อาจจะอยู่ในระเดียวกับศาสตร์ตงเสวียนเลยก็ว่าได้ แตกต่างกันตรงที่มันให้ประโยชน์กันคนละอย่างเท่านั้นเอง   แม้จะต้องเผชิญหน้ากับเสือขาวที่ทรงพลังขนาดนี้ แต่เธอก็ยังสามารถหลบการโจมตีของมันได้ทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอคล่องแคล่วมากแค่นั้น   ทรราชและคนอื่นๆถอยหนีตามคำสั่งของควีน พวกเขาถอยหนีเต็มตัว   เสือขาวแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้มาก มันไม่เหมือนกับมอนสเตอร์ตัวอื่นๆที่พวกเขาเคยเห็น พวกเขาไม่มีหวังที่จะเอาชนะมันได้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบถอย ตอนนี้พวกเขาเลิกล้มแผนที่จะสู้กับมันแล้ว   “หานเซิ่น นายกำลังยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น? รีบไปเร็ว!” แมวขี้เกียจตะโกนไปทางที่หานเซิ่นยืนอยู่ ขณะที่ตัวเธอกำลังวิ่ง เหมือนกับว่าพวกเขาไว้ใจควีนมาก ตอนนี้พวกเขาให้ควีนยื้อเวลาให้   หานเซิ่นพยักหน้า จากนั้นเขาก็อุ้มจิ้งจอกวิ่งหนีไปเหมือนกับคนอื่นๆ แต่เขาไม่ได้หนีด้วยความเร็วที่เท่ากับคนอื่น แต่เขาวิ่งอยู่รั้งท้าย   แม้พวกเขาจะมั่นใจวิชาหมากล้อมสวรรค์ของควีนก็ตาม แต่หานเซิ่นเป็นคนเดียวที่เข้าใจวิชานี้ เขาเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้มากกว่าคนอื่นๆ   หมากล้อมสวรรค์คือสุดยอดวิชาฟุตเวิร์ค มันสามารถช่วยให้ควีนหลบการโจมตีทั้งหมดของเสือขาวได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้ควีนกำลังเผชิญหน้ากับกระแสลมที่รุนแรงและรวดเร็ว   ไม่ว่าหมากล้อมสวรรค์จะเป็นโคตรวิชาจากไหน แต่ยังไงเธอก็ไม่มีทางสลัดการไล่ตามของเสือขาวได้ ถ้าเธอเคลื่อนไหวผิดพลาดแค่ก้าวเดียว เธอจะถูกฆ่าทันที   ยังไงเธอก็เป็นแค่มนุษย์ ถ้าเธอยังไม่สามารถสลัดการไล่ตามของเสือขาวได้ ไม่ช้าก็เร็วยังไงเธอก็คงจะต้องเคลื่อนไหวพลาด ถึงเธอจะสมบูรณ์แบบจนไม่พลาดเลย แต่ยังไงเธอก็มีพลังงานที่จำกัด ถ้าเธอเหนื่อยก็เท่ากับว่าทุกอย่างจบ   หานเซิ่นอยากจะหาทางช่วยควีน สำหรับหานเซิ่นควีนก็ถือว่าเป็นอาจารย์ของเขาคนหนึ่งเหมือนกัน เป็นเพราะเธอเขาถึงได้เรียนวิชาที่สุดยอดอย่างหมากล้อมสวรรค์   ควีนกำลังพาเสือขาวมุ่งตรงไปที่ชายหาด ตอนนี้หานเซิ่นพยายามใช้ความคิดอย่างหนัก แต่เขาก็ยังหาวิธีดีๆไม่ได้เลย   หานเซิ่นเข้าใจว่าควีนกำลังจะทำอะไร เธอคิดจะใช้ทะเลเป็นตัวช่วยในการสลัดการติดตามของเสือขาว เสือขาวมีพลังธาตุลม ถ้าต้องเจอกับน้ำ พลังของมันอาจจะตกลงพอสมควร   ในตอนนั้นหานเซิ่นก็คิดอะไรได้บางอย่าง จากนั้นเขาก็วิ่งแยกไปอีกทางทันที   “นายกำลังจะทำอะไร? อย่าวิ่งไปมั่วๆ!” ทรราชพยายามเรียกให้หานเซิ่นกลับมา   หานเซิ่นไม่สนใจ เขาเรียกโกลเด้นโกรวเลอร์ออกมา และก็มุ่งหน้าไปที่ชายหาดทันที ด้วยความรู้เกี่ยวกับวิชาหมากล้อมสวรรค์ของเขา บวกกับสัมผัสที่ 7 อันเฉียบคม เขารู้ว่าควีนต้องการจะทำอะไร ดังนั้นเขาจะต้องรีบไปช่วย   ตอนนี้เสือขาวเริ่มโกรธขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นเกรงว่าควีนอาจจะทนได้อีกไม่นาน เธออาจจะหนีไม่ถึงชายหาดก็ได้   “เฮ้! นายคิดจะทำอะไร? หยุดเดี๋ยวนี้!” แมวขี้เกียจตะโกนเรียกหานเซิ่น   “ปล่อยเขาไป แบบนี้แหละฉันถึงไม่อยากจะร่วมทีมกับพวกอ่อนหัด” ทรราชพูด   หานเซิ่นแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เขาทำตามความคิดของตัวเอง เขาไม่ใช่สมาชิกอย่างเป็นทางการ ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องฟังพวกเขา และเขาก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายการกระทำของตัวเองด้วย การล่าของพวกเขามันจบสิ้นแล้ว ความพยายามของพวกเขาล้มเหลว   หานเซิ่นควบโกลเด้นโกรวเลอร์มุ่งตรงไปที่ชายหาด และเขาก็ไปถึงที่นั่นก่อนที่ควีนจะไปถึง เนื่องจากเธอจะต้องหลบการโจมตีจากเสือขาวไปเรื่อยๆขณะเคลื่อนที่ ตอนนี้เขามองเห็นควีนกำลังตรงมาจากระยะไกล   ตอนนี้เธอมีเลือดอาบ พร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง ชุดเกราะวิญญาณอสูรของเธอสภาพล่อแล่แล้ว มันจะถูกทำลายเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลา   แต่ยังดีที่บาดแผลของเธอไม่ได้เป็นบาดแผลที่หนักหนาสาหัสมาก ความสามารถในการเคลื่อนที่ของเธอยังไม่ตกลง   หานเซิ่นถอนหายใจออกมายาวๆอย่างโล่งอก ‘ควีนสุดยอดจริงๆ ถ้าเป็นเราที่ต้องทำแบบนั้นบ้าง เราอาจจะมาได้ไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ’   หานเซิ่นเรียกโกลเด้นโกรวเลอร์กลับ จากนั้นเขาก็เดินลงไปในทะเล ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องไปยืนอยู่บนชายหาด เพราะมันเสี่ยงมาก เขาจะช่วยควีนที่ใต้ทะเล