Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 534 วิญญาณอสูรหญิงสาวหิมะ
Super God Gene – ตอนที่ 534 วิญญาณอสูรหญิงสาวหิมะ

  หลังจากลองใช้งานจริงแล้ว หานเซิ่นก็พบว่าวิชาของเขามีจุดอ่อนเยอะมาก ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นเริ่มตระหนักว่าการสร้างวิชาขึ้นมาเองนั้นยากแค่ไหน   แต่หานเซิ่นไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว วิชาดาบแบบใหม่กว่าจะสร้างขึ้นมาได้ ก็คงจะต้องผ่านการแก้ไขนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นเขาจะต้องอดทน และจดจำจุดด้อยทุกจุดในระหว่างการต่อสู้ เพื่อเอามาปรับปรุงให้มันดีขึ้น   ถ้ามีข้อผิดพลาดเกินขึ้น ตอนนี้เขายังสามารถแก้ไขมันได้อย่างอิสระ แต่ถ้าเป็นในการต่อสู้จริงๆ ความผิดพลาดเพียงน้อยนิดอาจจะหมายถึงชีวิต ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้รีบร้อน   หานเซิ่นค่อยๆปรับปรุงมันไปเรื่อยๆ เขาจะพยายามทำให้มันสมบูรณ์ที่สุด วันนี้หานเซิ่นก็เข้ามาในเมืองสตาร์วีลเหมือนกับทุกวัน แต่วันนี้หลี่ซิงหลุนมาหาเขาด้วยท่าทีที่แตกต่างออกไปจากปกติ   “หานเซิ่น ฉันหาวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างรูปร่างมนุษย์ได้แล้ว” น้ำเสียงของหลี่ซิงหลุนฟังดูแปลกๆ   “เจ้าของคือใคร?” หานเซิ่นถาม   หลี่ซิงหลุนมองหานเซิ่นและพูด “ตอนแรกฉันส่งข่าวให้พวกเพื่อนๆที่รู้จักว่าต้องการจะแลกเปลี่ยนวิญญาณอสูรของนายกับวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างรูปร่ามนุษย์ แม้จะมีหลายคนต้องการแลก แต่เท่าที่ฉันเช็คดูไม่มีใครมีวิญญาณอสูรที่พอจะแลกกับของนายได้เลย”   หลี่ซิงหลุนหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “เมื่อวานแบล็คก็อตติดต่อฉันมาว่าเขาต้องการแลกวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างรูปร่างมนุษย์เลือดศักดิ์สิทธิกับวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กของนาย”   “เขามีวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างรูปร่างมนุษย์จริงหรอ?” หานเซิ่นถาม   “ใช่ ฉันดูแล้ว มันคือวิญญาณอสูรหญิงสาวหิมะเลือดศักดิ์สิทธิ ความสามารถของมันค่อนข้างพิเศษ มันไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้ผู้ใช้เลย แต่มันจะเพิ่มแค่ความเร็วเพียงอย่างเดียว ส่วนความสามารถพิเศษของมันก็คือมันจะลดอุณหภูมิของผู้ใช้ แต่เหมือนจะเป็นความสามารถที่ไร้ประโยชน์ และดูจะเป็นปัญหาซะด้วยซ้ำ ฉันคิดว่ามันไม่คุ้มแน่ ถ้าจะเอาวิญญาณอสูรของนายแลกไปกับวิญญาณอสูรหญิงสาวหิมะ แต่นายอาจจะขออย่างอื่นเพิ่มได้ แต่นายก็ต้องเจอกับแบล็คก็อตก่อน” หลี่ซิงหลุนแนะนำ   “นายได้บอกรึเปล่าว่าคนที่ต้องการแลกคือฉัน?” หานเซิ่นถาม   “ไม่ ฉันบอกแค่ว่าเพื่อนของฉันต้องการแลก” หลี่ซิงหลุนส่ายหัว   หานเซิ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูด “งั่นก็โอเค นายบอกเขาได้เลยว่าฉันเป็นคนที่ต้องการแลก ถ้าเขายังต้องการแลก บอกให้เขามาที่เมืองสตาร์วีลเพื่อทำการแลกเปลี่ยน”   ตอนนี้ความเร็วเป็นสิ่งที่หานเซิ่นต้องการมาก เพราะจุดเด่นของสปิริต 2 พี่น้องก็คือความเร็ว ถ้าเขาสามารถรับมือกับความเร็วของพวกเธอได้ เขาก็น่าจะสู้กับพวกเธอได้   บวกกับความสามารถลดอุณหภูมิในร่างกาย สำหรับหานเซิ่นแล้วมันไม่ได้เป็นผลเสีย วิชากายหยกของเขาจะทำงานได้ดีขึ้นถ้าร่างกายมีอุณหภูมิที่ต่ำ นอกจากมันจะไม่เป็นผลเสียต่อหานเซิ่นแล้ว มันยังถือว่าเป็นผลดีด้วย   สำหรับคนอื่นๆอาจจะคิดว่าความสามารถนี้เป็นผลเสีย แต่หานเซิ่นรู้สึกว่ามันเป็นข้อดี   ที่สำคัญในเขตทุ่งน้ำแข็งนี้วิญญาณอสูรรูปร่างมนุษย์นั้นหาได้ยากมาก มันเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเขาสามารถแลกเอาวิญญาณอสูรหญิงสาวหิมะมาได้   “นายต้องการแลกเปลี่ยนกับแบล็คก็อตจริงๆหรอ?” หลี่ซิงหลุนถาม “นายต้องคิดเกี่ยวกับมันให้ดีๆ ถ้านายแลกเปลี่ยนกับแบล็คก็อตแล้ว เขาอาจจะใช้วิญญาณอสูรของนายมาเล่นงานนายในอนาคตได้”   หานเซิ่นหัวเราะ “ขอบคุณที่เป็นห่วง ถ้าฉันตั้งใจจะแลกแล้ว แน่นอนว่าฉันไม่กลัว ถึงเขาจะใช้มันมาเล่นงานฉัน”   “โอเค งั้นนายเอาวิญญาณอสูรมาด้วยรึเปล่า? ฉันขอดูหน่อย ฉันจะได้ไปบอกแบล็คก็อตถูกว่ามันมีข้อดียังไงบ้าง” หลี่ซิงหลุนยิ้ม   เมื่อ 2 วันก่อนหานเซิ่นอัพเกรดวิญญาณอสูรโคไฟนรกเป็นเบอร์เซิร์กเรียบร้อยแล้ว เมื่อเขาเรียกมันออกมา ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นวัวกระทิงที่มีปีกสีดำทันที   เขาบอกความสามารถของโคไฟนรกให้หลี่ซิงหลุนฟัง สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของหลี่ซิงหลุน หลังจากได้เห็นมันก็คือ ‘น่าเสียดาย’ วิญญาณอสูรโคไฟนรกทั้งเพิ่มระดับความแข็งแกร่งขอผู้ใช้ได้มาก แถมยังบินได้ด้วย ดูยังไงมันก็แข็งแกร่งกว่าวิญญาณอสูรหญิงสาวหิมะมาก   วิญญาณอสูรหญิงสาวหิมะเป็นวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างรูปร่างมนุษย์ก็จริง แต่มันก็เพิ่มแค่ความเร็วอย่างเดียว ความสามารถในการลดอุณหภูมิของผู้ใช้ก็ดูงี่เง่าและไร้ประโยชน์มาก แต่หานเซิ่นก็ยังยืนกรานว่าต้องการแลกเปลี่ยน ดังนั้นหลี่ซิงหลุนจึงต้องติดต่อไปหาเเบล็คก็อต   ผ่านไป 2 วัน หานเซิ่นก็กลับไปที่เมืองสตาร์วีล หลี่ซิงหลุนได้พูดคุยกับแบล็คก็อตเรียบร้อยแล้วแล้ว นอกเหนือจากหญิงสาวหิมะแล้ว หลี่ซิงหลุนยังเจรจาต่อลองวิญญาณอสูรกลายพันธ์มาอีก 2 ดวง   “ขอบคุณมาก แต่วิญญาณอสูรกลายพันธ์ พวกเราแบ่งคนละดวงจะดีกว่า” หานเซิ่นพูด   แต่หลี่ซิงหลุนไม่ต้องการ เขาบอกหานเซิ่นว่าเขายินดีที่ได้ช่วย เพราะหานเซิ่นเป็นคนช่วยที่เมืองสตาร์วีลเอาไว้ มันเป็นเกียรติที่เขาได้ช่วยหานเซิ่น   เมื่อถึงเวลาที่นัดกันเอาไว้ แบล็คกก็อตก็พาคนของเขามาที่เมืองสตาร์วีล เขามองหานเซิ่นด้วยสายตาอาฆาต แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร   หลังจากที่พวกเขาได้ดูวิญญาณอสูรของอีกฝ่ายแล้ว พวกเขาก็โอนวิญญาณอสูรของตัวเองให้กับหลี่ซิงหลุน จากนั้นหลี่ซิงหลุนก็จะเป็นคนโอนวิญญาณอสูรให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งการแลกเปลี่ยนก็เป็นไปอย่างราบลื่น   หานเซิ่นรับวิญญาณอสูรทั้ง 3 ดวงมา หลังจากที่เขาเช็คดูแล้วว่าไม่มีอะไรผิดพลาด เขาก็เตรียมที่จะบอกลาหลี่ซิงหลุน แต่อยู่ๆแบล็คก็อตก็เรียกเขา   เเบล็คก็อตมองหานเซิ่นด้วยสายตาอาฆาตและพูด “หานเซิ่น นายกล้าเดิมพันกับฉันไหม?”   “นายต้องการอะไร?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว   “นายกับฉันมาสู้กันตัวต่อตัว ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ก็ให้ถือว่าความบาดหมางระหว่างเรายุติที่นี่” แบล็คก็อตจ้องมองหานเซิ่นและพูดต่อ “แน่นอนว่าถ้านายแพ้ นายต้องคืนวิญญาณอสูรหญิงสาวหิมะมา แต่ถ้าฉันแพ้ ฉันก็จะคืนวิญญาณอสูรโคไฟนรกให้นายเช่นเดียวกัน”   หลี่ซิงหลุนขมวดคิ้ว เขารีบพูด “แบล็คก็อต วันนี้พวกเราแค่มาแลกเปลี่ยนกัน เรื่องอื่นไม่ต้องพูด”   “ฉันแค่เสนอวิธีคลี่คลายความบาดหมาง มันก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าเขาต้องการรึเปล่า ถ้าเขาไม่อยากจะสู้ก็ไม่เป็นไร” แบล็คก็อตพูดอย่างดูถูก   “ถ้าฉันไม่เดิมพันกับนาย จะเป็นยังไง?” หานเซิ่นพูด   “นายก็จะเป็นศัตรูกับฉันต่อไป และฉันก็ต้องหาทางกำจัดศัตรูให้สิ้นซากไป” ผู้ติดตามที่ตามแบล็คก็อตเรียกวิญญาณอสูรของพวกเขาออกมาทันที   “แบล็คก็อตที่นี่คือเมืองสตาร์วีล ไม่ใช่เมืองเเบล็คก็อต” หลี่ซิงหลุนเรียกลูกน้องของเขาเข้ามา ลูกน้องของหลี่ซิงหลุนล้อมพวกของแบล็คก็อตไว้ทันที   “หลี่ซิงหลุน นี่มันเรื่องระหว่างฉันกับหานเซิ่น ไม่ใช่ธุระอะไรของนาย” เเบล็คก็อตขมวดคิ้ว   “ฉันเป็นคนกลางในการแลกเปลี่ยน ฉันไม่สนว่านายกับหานเซิ่นจะมีปัญหาอะไรกัน แต่ในเมืองสตาร์วีลของฉัน ห้ามใครแตะต้องหานเซิ่น” หลี่ซิงหลุนพูดอย่างเด็ดขาด เหมือนว่าถ้ามีปัญหาจริงๆ เขาไม่ลังเลที่จะกำจัดเเบล็คก็อต   “หลี่ซิงหลุน นายต้องการมีเรื่องกับฉันเพราะคนที่นายไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้างั้นหรอ?” แบล็คก็อตมองหลี่ซิงหลุน   “หานเซิ่นช่วยเมืองสตาร์วีลจากวิกฤต เขาคือผู้มีพระคุณของฉัน ใครจะฆ่าเขาต้องข้ามศพฉันไปก่อน” หลี่ซิงหลุนพูดความจริงออกไป   ท่าทีของแบล็คก็อตเปลี่ยนไปทันที บรรยากาศภายในห้องตึงเครียดขึ้นมาทันที เหมือนว่าในห้องนี้มีระเบิดลูกใหญ่ที่พร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา   “ฉันโอเคที่จะสู้กันตัวต่อตัว แต่วิญญาณอสูรที่ใช้เดิมพันต้องฝากหลี่ซิงหลุนไว้ก่อน” ท่ามกลางความตึงเครียด หานเซิ่นพูดขึ้นมา ถ้าหานเซิ่นไม่พูดขึ้นมา เขาคิดว่าหลี่ซิงหลุนกับแบล็คก็อตอาจจะฆ่ากันตายจริงๆก็ได้ ซึ่งเขาไม่อยากทำให้หลี่ซิงหลุนเดือดร้อน ที่สำคัญเขาไม่คิดว่าจะแพ้   ขณะที่จุดประสงค์จริงๆของแบล็คก็อต เขาไม่ได้ต้องการวิญญาณอสูรแต่แรกแล้ว เขาต้องการจะฆ่าหายเซิ่นในการประลอง   หานเซิ่นขโมยปลาเลือดศักดิ์สิทธิ และใช้กรงเล็บที่มีพิษโจมตีเขา ซึ่งมันทำให้เขาบาดเจ็บหนัก แบล็คก็อตโกรธแค้นจนอยากจะสับหานเซิ่นเป็นชิ้นๆ  

Super God Gene – ตอนที่ 533 วิชาดาบคู่
Super God Gene – ตอนที่ 533 วิชาดาบคู่

  วิญญาณอสูรโคไฟนรก : เปลี่ยนร่าง หานเซิ่นมองดูวิญญาณอสูรดวงใหม่ของเขา เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่าง แต่ที่แย่ก็คือมันไม่ใช่วิญญาณอสูรรูปร่างคล้ายมนุษย์ เมื่อเปลี่ยนร่างแล้วผู้ใช้จะมีรูปร่างเหมือนกับวัวกระทิง   หานเซิ่นไม่ได้สนใจวิญญาณอสูรประเภทนี้เลย เพราะตอนนี้หานเซิ่นเป็นนักสู้สายที่พึ่งพาเทคนิคและวิชาการต่อสู้ ถ้าเขาเปลี่ยนร่างเป็นวัวแล้ว เขาจะไม่สามารถใช้อาวุธหรือเทคนิคได้ แต่ยังดีที่วิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างนี้มีความสามารถในการบิน หลังจากเปลี่ยนร่างผู้ใช้จะสามารถบินได้ ซึ่งมันน่าจะขายได้ราคาสูงมาก   ยิ่งถ้าเขาใช้คริสตัลสีดำอัพเกรดให้มันเป็นวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์ก ราคาของมันก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก   ส่วนวิญญาณอสูรกลายพันธ์อีกดวงเป็นวิญญาณอสูรโล่ ซึ่งหานเซิ่นไม่สนใจวิญญาณอสูรประเภทนี้ ตามหลักของศาสตร์ตงเสวียน การรุกคือการรับที่ดีที่สุด หานเซิ่นไม่มีความจำเป็นต้องใช้โล่ ดังนั้นเขาจึงมีแผนที่จะขายมันด้วยเช่นเดียวกัน   ‘ถ้าเรามีวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างรูปร่างมนุษย์ดีๆสักดวง เราน่าจะมีโอกาสเอาชนะสปิริต 2 พี่น้องได้’ หานเซิ่นคิด   แม้วิญญาณอสูรแฟรี่ควีนจะยังถือว่ามีประสิทธิภาพสูง แต่มันก็มีจุดอ่อนอยู่หลายจุด จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ เมื่อเปลี่ยนร่างเป็นแฟรี่ควีนแล้ว เขาจะไม่สามารถใส่ชุดเกราะได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นพลังป้องกันของเขาจะต่ำมาก   หานเซิ่นต้องหาทางแก้ปัญหานี้ให้ได้ แม้อาการบาดเจ็บของเขาจะไม่ถึงตาย แต่มันก็ทำให้เขาต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง   ก่อนจะกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว หานเซิ่นไปพบหลี่ซิงหลุน และขอให้หลี่ซิงหลุนตามหาคนที่ขายวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างรูปร่างเหมือนมนุษย์ให้   “วิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างรูปร่างมนุษย์งั้น? นั่นเป็นของแรร์มากเลยนะ โดยเฉพาะในเขตทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ ถึงจะมีคนได้มันมา ก็คงไม่มีทางที่เขาจะขายหรือแลกมันแน่ๆ” หลี่ซิงหลุนพูด   “ฉันจะเสนอวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างเลือดศักดิ์สิทธิเป็นการแลกเปลี่ยน แม้มันจะไม่ได้มีรูปร่างเหมือมนุษย์ แต่มันก็มีความสามารถในการบิน ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นวิญญาณอสูรเบอร์เซิร์ก” หานเซิ่นพูด   “วิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กประเภทเปลี่ยนร่างแถมยังบินได้ นายมีวิญญาณอสูรที่ว่านั่นจริงๆหรอ?” หลี่ซิงหลุนช็อค   แม้วิญญาณอสูรของหานเซิ่นจะไม่ใช่วิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างรูปร่างมนุษย์ แต่เมื่อรวมกับการที่มันเป็นเบอร์เซิร์กและยังบินได้แล้ว ราคาของมันย่อมสูงกว่าวิญญาณอสูรปรกติมาก   “แน่นอน มันคือเรื่องจริง ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องโกหก” หานเซิ่นไม่เรียกวิญญาณอสูรโคไฟนรกออกมา เพราะเขายังไม่ได้ทำให้มันเป็นเบอร์เซิร์ก ถ้าเรียกมันออกมาตอนนี้อาจจะมีปัญหาได้ เพราะถ้ามันกลายเป็นเบอร์เซิร์กลักษณะภายนอกของมันจะเปลี่ยนไป   “โอเค ฉันจะช่วยนายหาเอง แต่ฉันจะติดต่อนายยังไงดี ถ้าฉันหาคนขายวิญญาณอสูรเจอแล้ว?” หลี่ซิงหลุนถาม   “ตอนนี้ฉันมีเรื่องที่ต้องทำหลายอย่าง เลยไม่สะดวกที่เราจะติดต่อสื่อสารกัน แต่อีกไม่นานฉันจะกลับมาที่เมืองสตาร์วีล ไว้เราค่อยคุยกันตอนนั้น” หานเซิ่นพูด   “งั้นก็เอาตามนั้น” หลี่ซิงหลุนพูด   หานเซิ่นใช้เครื่องเทเลพอร์ตจากเมืองจากสตาร์วีลกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว ขณะที่เขากำลังรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ เขาก็นั่งคิดอยู่ตลอดว่าจะเอาชนะวิชากระบี่ของสปิริต 2 พี่น้องได้ยังไง   ด้วยความรู้เกี่ยวกับวิชากระบี่ของพวกเธอในตอนนี้ หานเซิ่นสามารถหาวิธีป้องกันได้ แต่ถ้าพวกเธอโจมตีมาพร้อมๆกัน มันจะแตกต่างจากการสู้ตัวต่อตัวมาก   หานเซิ่นไม่มั่นใจเลยว่าจะสามารถรับมือพวกเธอพร้อมๆกันได้ ถ้าจะให้ดีเขาจะต้องหาวิชาไฮเปอร์จีโนที่สามารถต้านวิชากระบี่ของพวกเธอให้ได้   ด้วยเหตุนี้หานเซิ่นจึงต้องเข้าไปเลือกวิชาไฮเปอร์จีโนของสถาบันเซนท์ในส่วนของกองทัพ   เพลงกระบี่ของ 2 พี่น้องจะพึ่งพาความเร็วเป็นหลัก ดังนั้นมันน่าจะมีหลายวิธีที่จะใช้รับมือได้ อย่างเช่นใช้วิชาที่มีความเร็วสูงกว่ากระบี่ของพวกเธอ หรือไม่ก็ใช้วิชาสายตั้งรับแล้วหาทางโจมตีสวนกลับอย่างรุนแรง หานเซิ่นเห็นวิชาดาบสำหรับผู้วิวัฒนาการหลายวิชา แต่เขาก็ยังไม่ถูกใจสักวิชา   ในส่วนของกองทัพนั้นจะมีวิชาไฮเปอร์จีโนให้เลือกมากกว่าส่วนของพลเรือนมาก   หลังจากอ่านคำอธิบายอย่างย่อๆมาหลายวิชา ในที่สุดหานเซิ่นก็เจอวิชาที่น่าจะใช้การได้   มันคือวิชาดาบผสานที่มีชื่อว่า ‘ดูโอ้’ วิชานี้ต้องการผู้ใช้ 2 คน พวกเขาจะต้องฝึกวิชาเหมือนๆกันเพื่อใช้ผสานกัน   หานเซิ่นครุ่นคิดอยู่นาน ถ้าเขาใช้วิชาดาบธรรมดาๆ มันยากมากที่เขาจะรับมือวิชากระบี่ของ 2 พี่น้องสปิริตได้ ด้วยความเร็วของพวกเธอ ไม่ว่าวิชาดาบของหานเซิ่นจะไวแค่ไหน มันก็ยากมากที่จะไวกว่าสปิริตทั้ง 2 ได้   ถ้าเขาต้องการจะเอาชนะพวกเธอให้ได้จริงๆ เขาจะต้องใช้วิชาดาบ 2 วิชาพร้อมๆกัน ดังนั้นเขาจึงเลือก ‘ดูโอ้’ เพื่อที่เขาจะได้เข้าใจหลักการของการใช้วิชาแบบผสาน   แน่นอนว่าเขาคงจะไม่หาคนมาจับคู่ฝึกด้วย สิ่งที่หานเซิ่นต้องการก็คือเรียนรู้หลักของวิชาดูโอ้ จากนั้นเขาก็จะไปฝึกวิชาดาบอีก 2 วิชา โดยใช้มือแต่ละข้างคนละวิชากัน ถ้าเขาฝึกได้ถึงขั้นก็มีโอกาสที่จะเอาชนะสปิริตทั้ง 2 ได้   ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วๆไป มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะใช้ดาบทั้ง 2 มือคนละวิชากัน แต่เนื่องจากหานเซิ่นเป็นที่คนมีพรสวรรค์ เขาถนัดทั้ง 2 มือเท่าๆกัน แถมสมองของเขายังพัฒนาไปมากกว่าคนปรกติ บวกกับความสามารถในการควบคุมร่างกายที่ได้มาจากวิชากายหยก ทำให้เขาสามารถควบคุมมือแต่ละข้างได้สมบูรณ์แบบมากๆ   ไม่มีปัญหาสำหรับหานเซิ่นในการดัดแปลงวิชาดูโอ้ให้เป็นวิชาของเขาเอง ยิ่งกว่านั้นหานเซิ่นจดจำวิชาผสานของสปิริต 2 พี่น้องได้หมดแล้ว ตอนนี้เขามีวิชาดาบวายุ และก็ยังมี 13 คมดาบที่เรียนมาจากสังหารทั้งหมดด้วยดาบคู่ หานเซิ่นเชื่อว่าเขาจะสามารถดัดแปลงวิชาดาบต่างๆให้สามารถเอาชนะสปิริตได้   หานเซิ่นมีใบอนุญาตระดับSอยู่หลายใบ เขาจึงไม่ลังเลเลยที่ซื้อวิชาดูโอ้ แต่เขาก็ต้องรอให้ยาปรับปรุงพันธุกรรมมาถึงก่อน เขาถึงจะเริ่มฝึกมันได้   ตอนนี้บาดแผลของหานเซิ่นยังไม่หายสนิท ดังนั้นเขาจะฝึกวิชาหนักๆไม่ได้ ทุกๆวันเขาจะเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่เพื่อกินเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์ที่เตรียมเอาไว้ และก็ใช้เวลาที่เหลือทำความเข้าใจวิชาดูโอ้   หลังจากที่เริ่มเรียนมันแล้ว หานเซิ่นก็พบว่าวิชานี้เป็นวิชาดาบที่ต้องการคน 2 คนที่มีสไตล์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝึกคนเดียวสำเร็จได้   เพราะถ้ามี 2 คน พวกเขาจะสามารถโจมตีจากคนละตำแหน่งกันได้ ขณะที่คนคนเดียวใช้ 2 มือ ตำแหน่งและมุมในการโจมตีจะจำกัดกว่าการใช้ 2 คนมาก   แต่หานเซิ่นไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ และเขาก็คิดว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะเอาชนะสปิริต 2 พี่น้องได้   ตอนนี้เขาต้องหาทางดัดแปลงวิชานี้ แต่ก่อนหน้านั้นเขาจะต้องเรียนรู้วิชาดูโอ้แบบปรกติก่อน   การดัดแปลงวิชาดาบที่ซับซ้อนแบบนี้ทำได้ยากมาก แต่การที่หานเซิ่นฝึกพาโนราม่ามาหลายปี ทำให้เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์การต่อสู้ต่างๆอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นการดัดแปลงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขา   ขณะที่เขานึกถึงวิชากระบี่ของพี่น้องสปิริต เขาก็ดัดแปลงวิชาดาบของเขาไปพร้อมๆกัน เขาเอาวิชา 13 คมดาบเข้ามารวมด้วย เพื่อให้การโจมตีของเขารวดเร็วยิ่งขึ้น   ผ่านไป 12 วัน หานเซิ่นก็สามารถดัดแปลงวิชาดาบคู่ได้สำเร็จ แต่หลังจากนี้การฝึกคนเดียวจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เพื่อที่จะหาจุดอ่อนของวิชา หานเซิ่นตัดสินใจเข้าไปสู้ในเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพ  

Super God Gene – ตอนที่ 532 วิญญาณอสูรโคไฟนรก
Super God Gene – ตอนที่ 532 วิญญาณอสูรโคไฟนรก

  สัตว์ขี่ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 เมื่อกลายเป็นเบอร์เซิร์กแล้วประสิทธิภาพของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสัตว์ขี่เลือดศักดิ์สิทธิของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ที่สำคัญด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ ทำให้แต่ละก้าวของมันสามารถไปได้ไกลกว่า 300 ฟุต แม้จะเป็นความเร็วของสปิริตสาวก็ไม่สามารถไล่ตามมันได้ทัน   ยิ่งกว่านั้นพวกมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ เมื่อมาอยู่ต่อหน้าโกลเด้นโกรวเลอร์ พวกมันก็เหมือนกับมดตัวหนึ่ง ซึ่งพวกมันไม่สามารถขัดขวางโกลเด้นโกรวเลอร์ได้   แต่กระนั้นมอนสเตอร์จำนวนมากก็พยายามเข้ามาโจมตีโกลเด้นโกรวเลอร์ ซึ่งทำให้โกลเด้นโกรวเลอร์เริ่มมีเลือดไหลออกมา โกลเด้นโกรวเลอร์ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด   ตอนนี้หานเซิ่นพยายามจะฆ่าพวกมันสเตอร์ที่เข้ามาโจมตี ทั้งเลือดและซากศพของมอนสเตอร์ตายเกลื่อนไปหมด มันเป็นฉากที่สยดสยอง   ปัง! หานเซิ่นถูกกระแทกที่หัวอย่างแรง โดยปากของนกสีเงิน 2 หัว แม้หมวกของหานเซิ่นจะไม่ได้ความเสียหาย แต่มันก็เจ็บมากจนทำให้หานเซิ่นร้องออกมา เขาเกือบจะตกจากโกลเด้นโกรวเลอร์   ในตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าบนตัวของโกลเด้นโกรวเลอร์มีมอนสเตอร์อยู่กี่ตัว เลือดของโกลเด้นโกรวเลอร์ไหลออกมาทั่วร่าง แม้แต่มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ก็ยังได้รับความทุกข์ทรมานถึงขนาดนี้   โกลเด้นโกรวเลอร์คำรามออกมา และก็กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อมันล่วงลงมาปราสาทหลายหลังก็พังลงมาทันที ทั้งเมืองสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว มอนสเตอร์จำนวนมากตายจากการที่ถูกโกลเด้นโกรวเลอร์กระโดดเหยียบ   หานเซิ่นพยายามยึดเกาะขนสีทองของโกลเด้นโกรวเลอร์ โกลเด้นโกรวเลอร์ลุกขึ้น และก็วิ่งตรงไปที่ประตูอีกครั้ง กลุ่มของมอนสเตอร์เองก็ตามมันไปติดๆ   ฆ่า ฆ่า ฆ่า! นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หานเซิ่นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้หนักขนาดนี้ เขาไม่รู้ว่าเขาฆ่ามอนสเตอร์ไปกี่ตัวแล้ว ตอนนี้มือของเขาชาจนไร้ความรู้สึก แต่มอนสเตอร์ก็ยังกระโจนใส่เขาอยู่เรื่อยๆ   ห่างจากประตูเมืองแค่ 1 ไมล์ โกลเด้นโกรวเลอร์คำรามออกมา และก็ล้มลงบนพื้นอย่างแรง   ตอนนี้เนื้อตัวมันเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล อุ้งเท้าข้างหนึ่งของมันเปิดออกมาจนเห็นกระดูก การที่มันทนมาถึงตอนนี้ได้ก็ถือว่ามันเป็นสัตว์ขี่ที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว   หานเซิ่นเรียกโกลเด้นโกรวเลอร์กลับทันที จากนั้นเขาก็ใช้ปีกไนท์แมร์บินออกไปนอกเมือง   แต่ทว่าพวกมอนสเตอร์ที่บินได้ก็บินตรงมาหาเขา โดยเฉพาะมอนสเตอร์ที่เหมือนกับวัว มันพุ่งตรงเข้ามาหาหานเซิ่น พร้อมเขาที่เหมือนกับหอกของมัน   เนื่องจากตอนนี้เขาไม่มีโกลเด้นโกรวเลอร์คอยปกป้องแล้ว หานเซิ่นรู้ว่าจะหยุดไม่ได้ เมื่อเห็นนกสีเงิน 2 หัวกำลังไล่ตามมาข้างหลัง หานเซิ่นก็กัดฟัน และพุ่งเข้าไปปะทะกับมอนสเตอร์ที่เหมือนกับวัวมีปีกทันที   มันดูเหมือนกับสายฟ้าสีทองและสายฟ้าสีดำเข้ามาปะทะกัน เมื่อหัวของหานเซิ่นเกือบจะถูกเขาของมันชน หานเซิ่นเก็บปีก และเขาก็ถีบไปที่หัวของวัว จากนั้นเขาก็ใช้กรงเล็บแทงไปที่ท้องของวัวอย่างแรง   กรงเล็บเฟอเรทโกสพาวแทงเข้าไปในท้องของวัวสีดำ หานเซิ่นดึงกรงเล็บออกมา จากนั้นเลือดจำนวนมากก็ไหลออกมาจากท้องของวัว   วัวกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นร่างกายอันใหญ่โตของมันก็ล่วงหล่นลงไปบนพื้น   หานเซิ่นเหยียบหลังของวัว จากนั้นเขาก็เรียกปีกออกมาอีกครั้งแล้วก็บินออกจากเมืองทันที   ตูม! พร้อมกับเสียงวัวตกลงไปบนพื้น หานเซิ่นก็ได้ยินเสียง “โคไฟนรกเลือดศักดิ์สิทธิถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรโคไฟนรก เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ”   แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ไม่มีเวลาพอที่จะกลับไปเอาเนื้อของมันแล้ว ตอนนี้เขาเหมือนกับผีเสื้อที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล เขาฝ่าวงล้อมของพวกมอนสเตอร์ที่บินได้ และหนีออกจากเมือง   เมื่อเห็นหานเซิ่นหนีออกไปได้ สปิริตสาวผมสีเงินก็โกรธมาก แต่ยังไงเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้   ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ แต่หานเซิ่นก็ยังหนีออกไปได้ ซึ่งมันเหนือความคาดหมายของเธอ ดังนั้นเธอเลยไม่แผน 2 ไว้คอยรับมือ   ที่ด้านนอกของเมือง ทั้งมอนสเตอร์และมนุษย์ต่างก็ถอยหนีกันไปหมดแล้ว พวกแมลงสีเงินเองก็กลับกันไปแล้ว   ปีกไนท์แมร์ของหานเซิ่นมีความเร็วที่สูงมาก ไม่นานเขาก็บินหายไปทางทุ่งน้ำแข็ง   หานเซิ่นกลับมาที่ประสาทคริสตัล ตอนนี้หานเซิ่นกำลังนั่งทำแผล พร้อมกับคิดเรื่องสปิริตสาวทั้ง 2   หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกผิดหวังหรือรู้สึกแย่อะไร ถึงสถานการณ์จะยากขึ้น แต่มันก็เป็นโอกาสของเขาด้วย ตอนนี้เขามีโอกาสที่จะได้สปิริตราชวงศ์สายต่อสู้ทีเดียว 2 คน   หานเซิ่นต้องการพวกเธอมาก สปิริตแฝดมันหาได้ยากมาก แถมทั้งคู่ยังเป็นสปิริตราชวงศ์ พวกเธอทั้งแข็งแกร่งและรูปงาม เหมือนกับเป็นของขวัญจากสรรค์เลยทีเดียว   ‘ฉันต้องเอาพวกเธอมาครองให้ได้’ หานเซิ่นคิด ตอนนี้เขาทั้งรักทั้งแค้นสปิริตสาวทั้ง 2   แต่กระนั้นสปิริตทั้ง 2 ก็แข็งแกร่งมากๆ และยังมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิหลายตัวคอยช่วย ถึงหานเซิ่นจะแอบเข้าไปในเมืองตอนจังหวะชุลมุน แต่เขาก็ยังต้องเจอกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิหลายตัว ถ้าเกิดเป็นสถานการณ์ปรกติ เขาอาจจะต้องเจอกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ 30-40 ตัวเลยก็ได้ ดังนั้นมันยากมากๆที่บุกเข้าไปให้ถึงสปิริตสโตน   แต่มันก็ไม่ได้ทำให้หานเซิ่นถอดใจยอมแพ้ ยังไงความโลภในใจของเขาก็เอาชนะทุกสิ่งได้ ตอนนี้เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเอาพวกสปิริตทั้ง 2 มาเป็นข้ารับใช้ให้ได้ ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน   ‘เพื่อที่จะได้พวกหล่อนมา เราจะต้องมีความสามารถพอที่จะเอาชนะพวกหล่อนได้ พวกมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิไม่ได้น่ากลัว พวกมันไม่ได้ฉลาด ยังไงเราก็หาทางรับมือได้ แต่ทว่าสปิริตผมสีบลอนด์ทั้งแข็งแกร่งและก็ฉลาดไม่ได้ด้อยกว่าสปิริตผมสีเงินเลย ถ้าเราไม่สามารถรับมือทั้งคู่ได้พร้อมๆกัน คงไม่มีทางที่เราจะเอาสปิริตสโตนมาได้’ หานเซิ่นกำลังคิดย้อนไปถึงการต่อสู้   หานเซิ่นโดนการโจมตีจาก 2 พี่น้องสปิริตนับครั้งไม่ถ้วน อย่างน้อยๆเขาน่าจะโดนไป 100-200 ครั้ง ด้วยประสบการณ์ครั้งนี้ อย่างน้อยๆเขาก็ได้รู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับวิชากระบี่ของพวกเธอ   “ขอเวลาอีกสักหน่อย ยังไงเราก็หาวิธีรับมือได้อย่างแน่นอน” หานเซิ่นมีความมั่นใจมาก   เพลงกระบี่ของ 2 พี่น้องทั้งแปลกและรวดเร็ว และเมื่อทั้ง 2 รวมมือกัน เหมือนว่าแทบจะไม่มีวิธีรับมือได้เลย   แต่อย่างไรก็ตาม ถึงมันจะแปลกหรือแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ยังไงมันก็ต้องมีรูปแบบ ขอแค่มันมีรูปแบบ ยังไงก็ต้องมีวิธีแก้ทางได้ หานเซิ่นต้องหาวิชาที่เอามาแก้ทางให้ได้   ‘รออีกไม่นาน พวกเธอทั้งคู่จะต้องเป็นของฉัน’ หานเซิ่นคิด   แม้เขาจะต้องเสียโล่คลั่งไป แต่โชคดีที่หานเซิ่นสามารถฆ่ามอนสเตอร์ในเมืองได้เป็นจำนวนมาก เขาได้วิญญาณอสูรระดับโบราณและกลายพันธ์มาหลายดวง ที่สำคัญเขายังได้วิญญาณอสูรโคไฟนรกมาด้วย จริงๆก็ไม่ถือว่าเขาขาดทุน  

Super God Gene – ตอนที่ 531 แฝด
Super God Gene – ตอนที่ 531 แฝด

  หานเซิ่นต้องการจะเรียกโล่คลั่งกลับ แต่กระบี่ของสปิริตสาวเร็วเกินไป ก่อนที่เขาจะได้เรียกโล่คลั่งกลับ เธอก็ฟันไปที่โล่คลั่งอีกครั้งหนึ่งแล้ว   ครั้งนี้โล่ของโล่คลั่งขาดครึ่งจริงๆ กระบี่เล็กๆบางๆตัดผ่านโล่ไปอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาตัวของโล่คลั่งก็ขาดเป็น 2 ซีก   ตุบ! ร่างของโล่ครั้งล้มลงบนพื้น โล่คลั่งถูกฆ่าด้วยการโจมตีเพียง 2 ครั้งเท่านั้น   หานเซิ่นไม่มีเวลามาเสียใจ ตอนนี้เขาต้องวิ่งไปให้ถึงรูปปั้นด้วยความเร็วสูงสุด   แต่ทว่าสปิริตสาวก็ไม่ได้ช้าไปกว่าเขาเลย ต้องบอกว่าเธอมีความเร็วสูงกว่าเขาถึงจะถูก ในชั่วพริบตาเธอก็สามารถไล่ตามหานเซิ่นได้ทัน เธอใช้กระบี่แทงไปที่หลังของหานเซิ่น   หานเซิ่นไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไป ร็อคเวิร์มในชุดเกราะสีแดงเหมือนเปลวเพลิงปรากฏตัวที่ด้านหลังของหานเซิ่น ขณะเดียวกันหานเซิ่นก็กระโดดขึ้นไป และก็เรียกปีกไนท์เเมร์ออกมา เขาพุ่งไปเพื่อที่จะคว้าอัญมณีที่อยู่ตรงหน้าผากของรูปปั้นปีศาจ   เคร็ง เคร็ง เคร็ง! สปิริตสาวฟันร็อคเวิร์ม 3 ครั้งติดต่อกัน และก็ทิ้งรอยบากลึกไว้บนชุดเกราะสีแดง แม้ชุดเกราะและร็อคเวิร์มจะไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาแล้ว   โชคดีที่ชุดเกราะบลัดสเนลแข็งแกร่งกว่าโล่ของโล่คลั่ง ดังนั้นร็อคเวิร์มจึงยังไม่ถูกฆ่า   หานเซิ่นเรียกร็อคเวิร์มกลับ เนื่องจากสปิริตสโตนอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว แม้ว่าสปิริตสาวจะมาเล่นงานเขาตอนนี้ มันก็คงจะไม่ทันแล้ว ยังไงเธอก็ไม่มีทางที่จะหยุดหานเซิ่นจากการคว้าสปิริตสโตนได้   แต่ทว่าเมื่อนิ้วของหานเซิ่นเกือบจะสัมผัสกับสปิริตสโตน อยู่ๆเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดัน เขารู้สึกเสี่ยวสันหลังขึ้นมาทันที ตอนนี้หลังของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ   “มีอะไรบางอย่างผิดปรกติ..” หานเซิ่นรู้สึกแบบนั้น เขาเห็นเงาสีทองพุ่งออกมาจากด้านหลังของรูปปั้น ในเวลาเดียวกันกระบี่สีทองก็แทงมาที่หน้าอกของหานเซิ่น   กระบี่รวดเร็วเกินไปและหานเซิ่นก็อยู่ใกล้มันมาก ดังนั้นเขาไม่มีเวลาพอที่จะหลบการโจมตีครั้งนี้ได้   สวบ! กระบี่สีทองแทงทะลุชุดเกราะเข้ามาที่หน้าอกของเขา จากนั้นหานเซิ่นก็เห็นหน้าคนที่แทง เธอคือผู้หญิงผมสีบลอนด์เป็นลอนๆ เธอดูเหมือนกับสปิริตสาวผมสีเงินทุกอย่าง เพียงแค่ผมและชุดเกราะของเธอมีสีทองเท่านั้น พวกเธอทั้ง 2 คนเหมือนกับตุ๊กตาที่สร้างจากคนคนเดียวกัน ทั้งสีหน้าท่าทางและอารมณ์เหมือนกันหมด   ปัง! สปิริตสาวผมสีบลอนด์เตะหานเซิ่นตกลงไปบนพื้น ขณะที่กำลังตกลงมา เขาก็มองเห็นด้านหลังของรูปปั้นมีอีกใบหน้าอยู่ รูปปั้นนี้มี 2 ใบหน้า และที่ระหว่างคิ้วของใบหน้าที่อยู่ด้านหลังก็มีอัญมณีสีทองเป็นประกาย ซึ่งมันน่าจะเป็นสปิริตสโตนอีกอัน   “สปิริตแฝดงั้นหรอ..?” ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจแล้วว่าทำไมสปิริตสาวผมสีเงินถึงได้ดูผ่อนคลายนัก เธอไม่ได้ให้พวกมอนสเตอร์เข้ามาช่วยสู้เลย   เมืองสปิริตที่มีสปิริต 2 คนถือว่าหาได้ยากมากๆ คงไม่มีใครคาดคิดว่านอกจากสปิริตสาวผมสีเงินแล้ว ยังมีสปิริตสาวผมสีบลอนด์แอบซ่อนตัวอยู่ในเมือง   ด้วยกำลังของหานเซิ่นตอนนี้ แม้จะสู้ตัวต่อตัวกับสปิริตสาวผมสีเงิน เขาก็ยังสู้ไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงสปิริต 2 คน   หานเซิ่นไม่ลังเล ทันทีที่เขาตกลงไปบนพื้น เขาก็รีบหนีออกไปข้างนอกทันที หานเซิ่นใช้มนตรานอกรีตและโอเวอร์โหลดจนถึงขีดสุด กล้ามเนื้อของเขาเริ่มฉีกขาด กระดูกของเขากำลังส่งเสียงร้องออกมา หานเซิ่นวิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุด   สปิริตสาวทั้ง 2 ไม่มีทางปล่อยให้เขาหนีไปได้ พวกเธอวิ่งไล่ตามหานเซิ่นราวกับสายลม   มีเลือดหยดไปเป็นทาง หานเซิ่นใช้เทคนิคการไคท์ติ้งจนถึงขีดจำกัด แต่เขาก็ทำได้แค่การหลีกเลี่ยงจุดสำคัญของร่างกาย กระบี่สีเงินและสีทองทิ้งรอยแผลไว้ให้เขาทีละรอยๆ   วิชากระบี่ของสปิริตสาวทั้ง 2 ส่งเสริมซึ่งกันและกัน เมื่อพวกเธอร่วมกันต่อสู้ วิชากระบี่ของพวกเธอก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้หานเซิ่นไม่คิดจะต่อสู้อีกแล้ว เขาคาดการผิดตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาไม่มีโอกาสที่จะชนะได้เลย สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ตอนนี้ก็คือการวิ่งหนีเอาชีวิตรอด   ตอนนี้เลือดของหานเซิ่นไหลออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ทว่าใจจิตของเขาก็ยังคงสงบและเยือกเย็นอยู่ ตาของเขาใสราวกับน้ำ เขาคำนวณทุกความเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากถูกสปิริต 2 คนรุม ทำให้เขาไม่มีโอกาสที่จะคว้าสปิริตสโตนมาได้อีกต่อไป   ทุกการเคลื่อนไหวแลกมาด้วยการที่เขาต้องยอมได้รับบาดเจ็บ ทุกๆก้าวเขาวางแผนมาเป็นอย่างดี เพื่อที่จะทำให้เขาหนีได้   ในตอนนี้เขาจำต้องยอมได้รับบาดเจ็บเพื่อแลกกับชีวิต เมื่อไปถึงประตูหิน เขาก็อาบไปด้วยเลือดแล้ว   ในตอนนี้หานเซิ่นต้องขอบคุณทั้งชุดเกราะและกรีฟของเขา ไม่งั้นแล้วถึงเขาจะมีสุดยอดวิชาอย่างกายหยก เขาก็คงจะตายไปเป็นพันๆครั้งแล้ว   ประสิทธิภาพของชุดเกราะและกรีฟการ์กอย ทำให้เขาสามารถป้องกันแรงส่วนใหญ่จากการโจมตีได้ เมื่อเขาถูกฟัน แรงที่หลงเหลือมาถึงตัวเขา จริงๆนั้นมีไม่ถึง 30% ด้วยกายหยกทำให้บาดแผลที่ถูกฟันไม่ได้ลึกมาก   แม้บาดแผลเหล่านี่จะดูน่ากลัว แต่มันก็ไม่ทำให้ถึงตาย ในสภาพนี้หานเซิ่นยังพอจะต่อสู้ได้อีก   แต่กระนั้นที่ด้านนอกวิหารก็เต็มไปด้วยมอนสเตอร์จำนวนมาก รวมถึงมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่เหมือนกับงูสีดำ ตอนนี้มันดูน่ากลัวยิ่งกว่าขุมนรก   หานเซิ่นไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าเขาสามารถฝ่าออกไปได้ เขาก็จะรอด มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิพวกนี้อ่อนแอกว่าสปิริตสาว ที่สำคัญพวกมันไม่ฉลาด   แม้จะมีมอนสเตอร์ขวางประตูอยู่จำนวนมาก หานเซิ่นก็ไม่ลังเลสักนิด เขาวิ่งฝ่าฝูงมอนสเตอร์ออกไป   วัวที่มีปีกพุ่งเข้ามาหาหานเซิ่น มันต้องการจะชนหานเซิ่นด้วยเขาของมัน แต่ทว่าในชั่วพริบตามีมอนสเตอร์สีทองขนาดมหึมาตกลงมาจากท้องฟ้า   “รีบฝ่าออกไป!” หานเซิ่นกระโดดขึ้นไปบนหลังของโกลเด้นโกรวเลอร์ ซึ่งมีขนาดเท่ากับภูเขา   โกลเด้นโกรวเลอร์วิ่งฝ่าฝูงมอนสเตอร์ไปอย่างบ้าคลั่ง มันมุ่งหน้าไปที่ประตูหลักของเมือง     Facebook Page : SSG ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 1549 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 530 สู้กับสปิริตผมเงิน
Super God Gene – ตอนที่ 530 สู้กับสปิริตผมเงิน

  งู 2 ตัวอ้าปากกว้าง ขวางทางหานเซิ่นไว้ ปากของมันดูเหมือนกับประตูสู่ขุมนรก เขี้ยวของมันมีความยาวกว่า 3 ฟุต มีพิษหยุดลงมาจากเขี้ยวของมันอย่างต่อเนื่อง   หานเซิ่นมองไม่เห็นทางอื่นที่เขาจะสามารถผ่านไปได้ ทางเดียวก็คือทางที่งู 2 ตัวขวางเอาไว้ แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ หานเซิ่นวิ่งเข้าไปในปากของงูตัวหนึ่งโดยไม่ลังเล   งูสีดำปิดปากอย่างรวดเร็ว มันพยายามจะเขมือบหานเซิ่นเข้าไป แต่ทว่าเลือดของมันก็ทะลักออกมาจากตัว และผิวหนังของมันก็ฉีกออก ทั้งเลือดและชายในชุดเกราะสีทองก็พุ่งออกมา   ปัง! หานเซิ่นวิ่งออกมาจากท้องของงู จากนั้นเขาก็ชกไปที่ประตูหินขนาดใหญ่ทันที หลังจากที่ประตูเปิดออก และเขาก็เข้าไปข้างในโดยไม่ลังเล   ข้างในของสถาปัตยกรรมดูเหมือนกับวัดโบราณ มันเต็มไปด้วยสัญลักษณ์และรูปปั้นของเทพ ภายในวัดมีรูปปั้นปีศาจที่มีความสูงมากกว่า 100 ฟุตอยู่   ระหว่างคิ้วของรูปปั้นปีศาจมีอัญมณีสีเงินที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นอยู่ ซึ่งดูแล้วมันน่าจะเป็นสปิริตสโตน   ด้านล่างของรูปปั้น สปิริตผมสีเงินที่เปลี่ยนเป็นโหมดต่อสู้ เธอกำลังยืนรอต้อนรับหานเซิ่นอยู่ก่อนแล้ว ผิวที่ขาวเนียนกับชุดเกราะสีเงินของเธอช่างเข้ากันได้ดี เธอดูเหมือนกับเทพธิดาที่ลงมาจากสวรรค์ เธอกำลังถือกระบี่สีเงิน และจ้องมองหานเซิ่นด้วยสายตาที่เย็นชา   หานเซิ่นรีบพุ่งเข้าไปหาสปิริตสาวอย่างรวดเร็ว เดิมทีเขาคิดว่าพวกมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิคงจะตามเขาเข้ามาข้างในแน่ แต่พวกมันกับเฝ้าอยู่ข้างนอก ไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนเข้ามาข้างในเลย ดูเหมือนว่าสปิริตต้องการจะสู้กับหานเซิ่นแบบตัวต่อตัว   หานเซิ่นรู้สึกยินดีที่ได้เห็นแบบนี้ แค่รับมือกับสปิริตอย่างเดียว เขาคิดว่าน่าจะรับมือได้ไม่ยาก ที่สำคัญเขาเคยฆ่าหล่อนไปแล้วครั้งหนึ่ง ถึงครั้งนี้เขาอาจจะฆ่าหล่อนไม่ได้ แต่เขาก็น่าจะแย่งสปิริตสโตนมาได้   เมื่อเห็นหานเซิ่นเข้ามาใกล้รูปปั้น สปิริตผมสีเงินก็ใช้กระบี่ของเธอแทงไปที่คอขอหานเซิ่นทันที มันเกือบจะถึงคอของหานเซิ่นในพริบตา   ครั้งนี้หานเซิ่นไม่สามารถทำแบบครั้งที่แล้วได้ เมื่อครั้งที่แล้วเขาจงใจรับการโจมตีด้วยร่างกาย ดังนั้นไม่ว่ากระบี่ของเธอจะเร็วแค่ไหน หานเซิ่นก็ไม่จำเป็นต้องหลบ   แต่ทว่าครั้งนี้เธอเล็งมาที่คอของหานเซิ่น ถ้าไม่หลบ เขาก็จะถูกเสียบทะลุคอทันที ซึ่งเขาจะไม่มีทางปล่อยให้มันเกิดขึ้น   เมื่อได้ลองต่อสู้กับสปิริตผมสีเงินแบบซึ่งๆหน้า หานเซิ่นก็รับรู้ได้ถึงความเร็วของกระบี่เธอ หานเซิ่นยกกรงเล็บขึ้นมาป้องกันการโจมตี   เคร็ง! กระบี่สีเงินและกรงเล็บเฟอเรทโกสพาวปะทะกัน เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ใช้แรงมหาศาล ทำให้หานเซิ่นกระเด็นถอยหลังไป ดูเหมือนความแข็งแกร่งของสปิริตผมสีเงินจะแข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อย   สปิริตสาวยังไม่ได้หยุดการโจมตีแค่นั้น เธอกระหน่ำโจมตีใส่หานเซิ่นต่อเนื่อง กระบี่สีเงินของเธอรวดเร็วดั่งสายฟ้า ทำให้เขาต้องตั้งรับอย่างเดียว   หลังจากรับการโจมตีของเธอไปกว่า 10 กระบวนท่า หานเซิ่นรู้สึกว่ากระบี่ของเธอรวดเร็วมาก และยากที่จะคาดเดา เขาทำได้แค่ป้องกันและก็ถอยหลังอย่างเดียว   เช่นเดียวกับทักษะการใช้กระบี่ ฟุตเวิร์คของเธอก็ยอดเยี่ยมมาก เธอตามโจมตีหานเซิ่นเหมือนกับเงา เธอแทบไม่เปิดโอกาสให้หานเซิ่นได้หายใจเลย   เคร็ง เคร็ง เคร็ง! แม้หานเซิ่นจะรับการโจมตีจากสปิริตสาวผมเงินได้ทั้งหมด แต่กรงเล็บของเขาก็ถูกกระบี่ของเธอฟันหลายครั้ง เนื่องจากเรี่ยวแรงอันมหาศาลของเธอ ทำให้มือของเขาเริ่มจะชาแล้ว   ในตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกว่าเขาโชคดีมากที่คราวก่อนสามารถฆ่าเธอได้ ถ้าเขาไม่ได้รับกระบี่ของเธอด้วยร่างกาย ซึ่งมันถือเป็นการโจมตีที่ไม่คาดฝัน เขาคิดว่าไม่มีโอกาสที่จะฆ่าเธอได้เลย   ในตอนนั้นหานเซิ่นมีระดับความแข็งแกร่งน้อยกว่าตอนนี้มาก ขนาดตอนนี้เขายังตกเป็นรองเมื่อสู้กับเธอซึ่งๆหน้า นั่นหมายความว่าครั้งที่แล้ว ถ้าเขาไม่โชคดี เขาก็คงจะตายไปนานแล้ว   เหมือนว่าสปิริตสาวจะเกลียดหานเซิ่นเอามากๆ เธอไม่ได้ยั้งมือเลย ทุกการโจมตีเธอใส่แรงอันมหาศาล ทำให้หานเซิ่นต้องตั้งรับไป ถอยไป   แม้จะปรับเปลี่ยนฟุตเวิร์คและใช้เทคนิคการไคท์ติ้ง หานเซิ่นก็ยังไม่สามารถเทียบกับสปิริตสาวได้ เหตุผลก็เพราะเขาไม่มีทักษะการใช้กรงเล็บระดับสูง มันยากมากที่จะประยุกต์เพลงดาบวายุให้เข้ากันกับกรงเล็บ ถ้าไม่ใช่เพราะฟุตเวิร์คอันเหนือชั้นของเขา หานเซิ่นคงจะถูกฆ่าไปนานแล้ว   แม้ฟุตเวิร์คของเขาจะเหนือกว่า แต่มันก็ยากมากที่หานเซิ่นจะโจมตีโต้กลับไป สิ่งที่เขาทำได้ก็คือถอยหลังไปเรื่อยๆ ตอนนี้เขาถอยมาจนถึงห้องโถงแล้ว เพื่อหลบการโจมตีของสปิริตสาวผมสีเงิน ถ้าเขายังรับการโจมตีต่อไป แม้กรงเล็บของเขาจะไม่เป็นอะไร แต่มือของเขาก็คงจะรับต่อไปไม่ได้แล้ว ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกว่าแขนของเขาใกล้จะหัก   ทักษะการใช้กระบี่ของสปิริตสาวยอดเยี่ยมไร้ที่ติ เธอแทบจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ กระบี่ของเธอรวดเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า การเคลื่อนไหวของเธอก็เร็วจนเห็นเป็นแค่ภาพเบลอๆ   หานเซิ่นพยายามจะใช้เทคนิคการสกัดกั้นที่อยู่ในคัมภีร์ตงเสวียน เพื่อป้องกันกระบี่ของสปิริตสาว แต่กระนั้นเขาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวิชากระบี่ของเธอเลย และเขาก็ไม่รู้การเคลื่อนไหวของเธอด้วย เนื่องจากความรู้และความเข้าใจของเขายังน้อยเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถใช้มันป้องกันกระบี่ของเธอได้   เคร็ง! หานเซิ่นรับมือพลาด แต่เขาก็สามารถหลบเลี่ยงจุดตายได้อย่างรวดเร็ว เขาถูกฟันเข้าที่หัวไหล่ มีเลือดไหลออกมาจากรอยขาดของชุดเกราะ   หานเซิ่นช็อค แม้แต่ชุดเกราะและกรีฟก็ยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีของเธอได้ เห็นได้ชัดเลยว่ากระบี่ของเธอคมแค่ไหน   สปิริตสาวโจมตีแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอกวัดแกว่งกระบี่เร็วขึ้นและก็เร็วขึ้น ทำให้หานเซิ่นเริ่มรับมือยากขึ้นเรื่อยๆ   กระบี่ของเธอเกือบจะถึงหน้าของเขาอยู่แล้ว ตำแหน่งของกรงเล็บก็อยู่ไกลเกินกว่าที่เขาจะใช้มันป้องกันได้ทัน ดังนั้นดูเหมือนเขาจะไม่สามารถรับการโจมตีครั้งนี้ได้   “เวรเอ้ย!” หานเซิ่นกัดฟันและก็เรียกโล่คลั่งออกมา โล่คลั่งยืนอยู่ด้านหน้าของหานเซิ่น และรับการโจมตีจากสปิริตสาว จากนั้นหานเซิ่นก็รีบวิ่งไปที่รูปปั้นที่เป็นที่ตั้งของปสปิริตสโตนทันที   เคร๊ง! หลังจากเสียงโลหะปะทะกัน หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงฉีกขาด โล่ของโล่คลั่งถูกกระบี่ของสปิริตสาวฟันจนเกือบจะขาดครึ่งอยู่แล้ว  

Super God Gene – ตอนที่ 529 บุกเดี่ยวเข้าเมือง
Super God Gene – ตอนที่ 529 บุกเดี่ยวเข้าเมือง

  จุดแข็งของพวกแมลงสีเงินก็คือฟันที่แหลมคม และจำนวนที่มหาศาล ส่วนด้านอื่นๆก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร   ขอแค่หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรกรีฟการ์กอยและชุดเกราะสีทอง เขาก็จะสามารถป้องกันการโจมตีจากแมลงสีเงินได้อย่างสมบูรณ์ ชุดเกราะสีทองเป็นแบบปิดมิดทุกส่วน ซึ่งมันไม่มีช่องโหว่ให้แมลงเข้ามาโจมตีได้เลย   แมลงสีเงินไม่เพียงแต่ขับไล่กองทัพมนุษย์ให้ถอยกลับไปเท่านั้น แต่มันยังทำให้พวกมอนสเตอร์ตัวอื่นๆตกอยู่ในความโกลาหลด้วย นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดี หานเซิ่นสามารถใช้โอกาสนี้เข้าไปในเมืองสปิริต และบางทีเขาอาจจะมีโอกาสได้สปิริตสโตร   หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรกรีฟการ์กอยและชุดเกราะออกมา จากนั้นเขาก็ลอบเข้าไปในเมืองภายใต้สถานการณ์ที่ยุ่งเหยิง   ทันทีที่เขาเข้าไปในสนามรบ ฝูงแมลงสีเงินก็ตรงมาที่เขาทันที หานเซิ่นได้ยินเสียงเหมือนโลหะกระทบกัน พวกมันพยายามที่จะกัดชุดเกราะของเขา แต่เมื่อต้องมาเจอกับวิญญาณอสูรระดับเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กถึง 2 ดวง พวกมันก็ไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้   หานเซิ่นมีความมั่นใจมาก เขาวิ่งฝ่าฝูงแมลงสีเงินตรงเข้าไปในเมืองสปิริต เนื่องจากมีแมลงจำนวนมาก ทำให้ไม่มีคนสังเกตเห็นหานเซิ่น   หานเซิ่นสามารถฝ่าเข้าไปในเมืองได้สำเร็จ มอนสเตอร์ส่วนมากวิ่งหนีไปเพราะกลัวแมลงสีเงิน ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าภายในเมืองน่าจะมีมอนสเตอร์เหลืออยู่ไม่มากเหมือนตอนแรก   เมื่อเห็นสปิริตผมสีเงินกำลังเดินตรงไปที่ใจกลางของเมือง หานเซิ่นก็กัดฟัน และตามเธอไปที่ทิศทางนั้น   ภายในเมืองไม่มีแมลงสีเงิน แต่มีมอนสเตอร์จำนวนมากพุ่งเข้ามาโจมตีหานเซิ่นแทน   หานเซิ่นไม่ได้คิดจะเสียเวลาต่อสู้กับพวกมัน เขาเรียกปีกวิญญาณอสูรไนท์เเมร์ออกมา และเขาก็บินตรงไปที่สปิริตสาวทันที   มีนกประหลาดและก็พวกมอนสเตอร์ที่มีปีกบินตรงเข้ามาหาหานเซิ่น หานเซิ่นบินหลบการโจมตี รวมทั้งใช้อาวุธปัดป้องพวกมอนสเตอร์ที่บินเข้ามา ด้วยความเร็วของปีกเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์ก เขาสามารถบินไปถึงจุดที่สปิริตยืนอยู่ได้ในเวลาไม่นาน   สปิริตสาวเดินเข้าไปในสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับสถาปัตยกรรมโบราณ เธอรู้สึกว่าบนท้องฟ้าดูสับสนอลหม่าน เธอมองขึ้นไปดูด้านบน เมื่อเธอเห็นหานเซิ่นกำลังบินอยู่บนฟ้า ม่านตาสีม่วงของเธอก็หดย่อลงมาทันที   แม้เขาจะสวมชุดเกราะที่ปกปิดทุกส่วน แต่สปิริตผมสีเงินก็จำเขาได้ เธอไม่ได้พึ่งพาสายตา แต่เธอสัมผัสกลิ่นอายของหานเซิ่นได้ ซึ่งมันเป็นกลิ่นที่เหมือนกับคนที่ฆ่าเธอ   สีหน้าของเธอยังคงเยือกเย็น สปิริตผมสีเงินกวัดแกว่งไม้เท้า จากนั้นนกและมอนสเตอร์ที่มีปีกจำนวนมากก็พุ่งเข้าไปโจมตีหานเซิ่น นกสีเงิน 2 หัวและวัวสีดำที่มีปีกก็บินเข้ามาโจมตีหานเซิ่นด้วย   หานเซิ่นไม่สนใจพวกมอนสเตอร์โบราณ เพราะความเร็วของพวกมันด้อยกว่าเขามาก หานเซิ่นสามารถฆ่าพวกมันเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนนกสีเงินกับวัวที่มีปีก เห็นได้ชัดว่าพวกมันคือมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ พวกมันมาขวางทางหานเซิ่น พร้อมกับมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ   หลังจากนั้นสปิริตผมสีเงินก็ไม่ได้สนใจหานเซิ่นอีกต่อไป เธอเดินเข้าไปในสถาปัตยกรรมที่ดูลึกลับต่อไป   หลังจากที่สปิริตเข้าไปในสถาปัตยกรรมแล้ว ก็มีงูสีดำ 2 ตัวกำลังเลื้อยตามหานเซิ่นมาจากด้านหลัง มันแลบลิ้น 2 แฉกออกมาเพื่อขู่   หานเซิ่นเคยเห็นหนึ่งในงูตัวสีดำมาก่อน ในตอนที่สปิริตบุกเข้าโจมตีเมืองสตาร์วีล เธอนำงูสีดำพวกนี้ไปด้วย พวกมันเองก็เป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ   “เมืองสปิริตราชวงศ์ ทำไมถึงได้มีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิมากมายขนาดนี้?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว   ความจริงแล้วไม่ใช่ว่าเมืองสปิริตราชวงศ์ทุกเมืองจะมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิจำนวนมากเหมือนกันหมด จำนวนของมอนสเตอร์จะขึ้นอยู่กับขนาดของเมือง และก็ความสามารถของสปิริตที่ครองเมืองด้วย   ถ้าดูจากขนาดของกองทัพมอนสเตอร์ เห็นได้ชัดเลยว่าสปิริตที่ครองเมืองนี้อยู่มีความสามารถสูงขนาดไหน   จะอยู่หนีหรือจะลุยต่อ หานเซิ่นต้องตัดสินใจ มีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิจำนวนมาก ถ้าหานเซิ่นถูกพวกมันล้อมจับได้ เขาก็จะไม่มีโอกาสหนีไปไหนได้เลย   หานเซิ่นตัดสินใจในเสี้ยววินาที เขาเข้ามาในเมืองได้แล้ว ดังนั้นนี่ก็เป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดแล้ว   ถ้าแม้แต่ 3 เมืองใหญ่ที่รวมตัวกันก็ยังไม่สามารถยึดเมืองสปิริตเมืองนี้ได้ หานเซิ่นคิดว่าเขาอาจะไม่มีโอกาสอีกเลยก็ได้   ตาของหานเซิ่นใสเหมือนกับสายน้ำ เขากำลังคำนวณและคาดการณ์การเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ทุกตัวที่เขาเห็น ในหัวของเขาเหมือนกับมีภาพโฮโลแกรม   หานเซิ่นบินข้างหน้า เพื่อโจมตีนกสีเงินและก็วัวมีปีก แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหานเซิ่นบินอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มอนสเตอร์จำนวนมากที่อยู่บนพื้นเริ่มกระโดดใส่เข้า   หานเซิ่นยังคงเยือกเย็น เขาล่อนลง เพื่อหลบการโจมตีของมอนสเตอร์จากบนพื้น จากนั้นเขาก็บินขึ้นอีกครั้ง   บนท้องฟ้านกสีเงิน 2 หัวและมอนสเตอร์ตัวอื่นๆบินเข้ามาโจมตีเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก หานเซิ่นเปลี่ยนทิศทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลบการโจมตีจากมอนสเตอร์ทุกตัว   ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งเขาได้ หานเซิ่นเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วภายในสถาปัตยกรรม เขาบินขึ้นบินลงตลอดเวลา หานเซิ่นใช้ช่องว่างที่มีอยู่ภายในสถาปัตยกรรมให้เป็นประโยชน์ พวกมอนสเตอร์จำนวนมากตามหานเซิ่นเข้ามา แต่เมื่อเจอกับสิ่งกีดขวางจำนวนมาก มันก็ไล่ตามหานเซิ่นได้ยากขึ้น   แม้แต่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิบินได้ทั้ง 2 ตัวก็ยังไม่สามารถจับหานเซิ่นได้   อย่างไรก็ตาม หานเซิ่นยังไม่ได้วิ่งตรงไปในทันที เขาวิ่งวนไปมาอยู่หลายรอบ เพื่อสลัดการติดตามจากพวกมอนสเตอร์   งูตัวสีดำ 2 ตัวเลื้อยออกมาจากหลังเสาต้นใหญ่ มันมาขวางประตูที่ทำจากหินเอาไว้ พวกมันอ้าปาก และก็ส่งเสียงขู่หานเซิ่น   หานเซิ่นไม่หยุดเข้าวิ่งขึ้นไปบันได และก็ตรงเข้าไปหางูสีดำทั้ง 2 ทันที ด้านหลังของเขามีมอนสเตอร์จำนวนมากตามมา พวกมันดูเหมือนกับอสูรกายจากขุมนรก พวกมันพยายามจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ  

Super God Gene – ตอนที่ 528 แมลงสีเงิน
Super God Gene – ตอนที่ 528 แมลงสีเงิน

  “ฉันกลัวว่าคงจะต้องทำให้นายต้องผิดหวังแล้ว ฉันเป็นศัตรูกับแบล็คก็อต ดังนั้นมันคงจะไม่ดี ถ้านายพาฉันไปด้วย” หานเซิ่นยิ้ม   “นายเป็นคนที่ทำให้แบล็คก็อตบาดเจ็บ และขโมยปลาเลือดศักดิ์สิทธิไปจริงๆสินะ?” หลี่ซิงหลุนนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เขามองไปที่หานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ   “ฉันนี่แหละ ฉันคิดว่าเราไม่ควรไปด้วยกัน เดี๋ยวฉันจะแอบตามไปทีหลัง” หานเซิ่นพูด   “คงจะต้องเป็นแบบนั้น แต่นายต้องระวังตัวให้ดี ครั้งนี้เมืองแบล็คก็อตจะต้องระดมพวกนักสู้ฝีมือดีไปร่วมด้วยแน่ ถ้าแบล็ตก็อตต้องการจะเล่นงานนาย คงยากที่นายจะป้องกันตัว ฉันรับหน้าที่เข้าโจมตีทางตะวันตก นายมาอยู่กับฉันก็แล้วกัน” หลี่ซิงหลุนครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมา   “แล้วใครทำหน้าที่เข้าโจมตีที่ประตูหลัก?” หานเซิ่นถาม   “แบล็คก็อตคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะฉะนั้นเขาจึงรับหน้าที่นั้น” หลี่ซิงหลุนพูด   หลังจากที่ถามรายละเอียดอีก 3-4 คำถาม หานเซิ่นก็เตรียมจะออกเดินทางทันที แต่กระนั้นเขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปประตูหลักที่แบล็คก็อตอยู่   แน่นอนว่าก่อนที่จะยึดเมืองได้ หานเซิ่นจะไม่เข้าไปเล่นงานแบล็คก็อต แต่ทว่าหลังจากที่ยึดเมืองสปิริตได้แล้ว หานเซิ่นก็จะไม่ยั้งมืออีกต่อไป   นี่เป็นครั้งแรกที่มนุษย์ในเขตทุ่งน้ำแข็งจะร่วมแรงร่วมใจกัน คนจำนวนมากกำลังเตรียมการสำหรับสู้รบ พวกนักสู้ระดับสูงของแต่ละเมืองจะออกไปล่ามอนสเตอร์เพื่อนำมาเป็นเสบียงอาหาร   เนื่องจากทรัพยากรบริเวณทุ่งน้ำแข็งมีจำนวนจำกัด มนุษย์จึงต้องพยายามขยายเขตแดน พวกเขาต่อสู้กับเมืองสปิริตราชวงศ์มาเป็นร้อยปีแล้ว   แต่ทว่าครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มนุษย์ทุ่มทุกอย่างที่มีเพื่อที่จะทำให้สำเร็จ ถ้ามนุษย์เป็นฝ่ายแพ้ พวกเขาจะเสียหายหนักมาก ดังนั้นไม่มีใครกล้าทำเป็นเหมือนเรื่องเล่นๆ   ที่สำคัญยังมีปัญหาเรื่องการแบ่งผลประโยชน์กันอยู่ เมื่อเมืองสปิริตถูกยึดได้แล้ว ไม่มีใครรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่สู้กันเอง เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์   หานเซิ่นไม่ได้รีบร้อนไปที่เมืองสปิริต เขาอยากจะไปหลังจากที่การต่อสู้เริ่มแล้ว   เป็นจริงดั่งที่หลี่ซิงหลุนพูด ทั้ง 3 เมืองใหญ่ต่างก็ร่วมแรงร่วมใจกันบุกโจมตีเมืองสปิริต ซึ่งเเบล็คก็อตจะรับหน้าที่โจมตีทางประตูหลัก   จากระยะไกลหานเซิ่นเห็นกลุ่มมอนสเตอร์กำลังวิ่งออกจากเมืองสปิริต เเบล็คก็อตพาคนที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 มา 10 กว่าคน พวกเขาพยายามที่บุกเข้าไปข้างในให้ได้ แต่ทว่าพวกเขาก็ถูกหยุดโดยมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิจำนวนมาก   ซึ่งอีก 2 ทางก็ถูกหยุดไว้เช่นเดียวกัน มีการต่อสู้เกิดขึ้นแทบทุกจุด สปิริตสาวกำลังยืนสังเกตการณ์อยู่บนกำแพงเมืองที่สูงที่สุด เธอมองไปรอบๆด้วยสายตาที่เยือกเย็น ดูเหมือนเธอจะไม่มีแผนที่จะเข้าไปสู้ด้วยตัวเอง   ในที่สุดหานเซิ่นก็ได้เห็นศึกใหญ่ หานเซิ่นมองเห็นไม่ชัดว่าทางด้านหลี่ซิงหลุนและฟิลิปเป็นยังไง แต่สำหรับทางด้านเเบล็คก็อต ตอนนี้พวกผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 กำลังรับมือกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิเกือบ 20 ตัวที่วิ่งออกมาจากเมือง พวกมันขวางไม่ให้พวกแบล็คก็อตบุกเข้าไปในเมือง   เห็นได้ชัดว่านี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่สปิริตราชวงศ์มี ภายในเมืองยังมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์อยู่อีกมาก แถมยังมีบางส่วนที่ไปต่อสู้กับอีก 2 เมืองที่กำลังบุกตีอีก 2 ทิศทาง เมืองสปิริตราชวงศ์เมืองนี้มีกำลังมหาศาลจริงๆ   “มนุษย์คงจะยังไม่เคยยึดเมืองสปิริตที่ใหญ่ขนาดนี้ได้มาก่อน” หานเซิ่นรู้สึกทึ่งมาก ถ้าไม่มีการร่วมตัวกันของทั้ง 3 เมืองใหญ่ คงไม่มีใครยึดเมืองสปิริตนี้ได้แน่นอน ถ้าหากเขายังไม่มีพลังเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด   งูยักษ์มีความยาวกว่า 300 ฟุต อสูรที่ตัวใหญ่เหมือนกับไททัน มอนสเตอร์บินได้ขนาดใหญ่ และยังมีนกตัวเล็กบนท้องฟ้าจำนวนมาก ตอนนี้การต่อสู้กำลังดุเดือด นี่เป็นฉากการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าในหนังซะอีก   มันดูยิ่งใหญ่เหมือนกับสงครามระหว่างดวงดาวเลยทีเดียว ที่สำคัญถ้าเป็นสงครามระหว่างดวงดาวคงจะไม่ได้เย็นเลือดมากมายขนาดนี้   แม้หานเซิ่นจะเตรียมการมาเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเลือดในกายเริ่มเดือดขึ้นมา   ดูเหมือนความสามารถในการสั่งการของแบล็คก็อตจะดีกว่าที่หานเซิ่นคิดเอาไว้ เนื่องจากมีผู้ช่วยจำนวนมาก ทำให้เขาสามารถสั่งการและควบคุมกองทัพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้วิวัฒนาการที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงจะเข้าไปสู้เป็นแนวหน้า   ขณะพวกที่อ่อนแอกว่าจะทำให้หน้าที่สนับสนุนอยู่แนวหลัง เมื่อมีคนได้รับบาดเจ็บ พวกเขาก็จะช่วยพาออกมารักษาเบื้องต้นก่อน ทำให้จำนวนคนที่ตายจากการต่อสู้ไม่ได้สูงมากนัก   ‘แบล็คก็อตคนนี้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว เขาสามารถสั่งการกองทัพที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ ช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ’ หานเซิ่นคิด แต่ยังไงศัตรูก็คือศตรู ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม   เนื่องจากเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้วที่มนุษย์ถูกเมืองสปิริตเมืองนี้กดหัวเอาไว้ พวกเขาเคยสู้กับกองทัพของสปิริตมาหลายครั้งแล้ว ทำให้พวกเขารู้ดีว่ากองทัพของสปิริตแข็งแกร่งขนาดไหน หลังจากปรึกษากันแล้ว ทั้ง 3 กองกำลังก็เริ่มทำการโจมตีทันที แม้เมืองสปิริตราชวงศ์จะแข็งแกร่ง แต่เหมือนว่ามันจะไม่สามารถต้านทานกองกำลังทั้ง 3 ได้นานนัก   แต่ทว่าดูเหมือนสปิริตผมสีเงินก็ยังไม่มีท่าทีที่จะเคลื่อนไหวเลย เธอมองดูการต่อสู้ด้วยสายตาที่เยือกเย็น เธอขยับไม้เท้าของเธอ เพื่อสั่งการพวกมอนสเตอร์   ‘ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เมืองสปิริตก็คงถูกยึดได้แน่’ หานเซิ่นคิด   ถ้ามันเป็นเมืองสปิริตขุนนาง หานเซิ่นก็คงบุกเข้าไปข้างในเพื่อขโมยสปิริตสโตนแล้ว แต่ทว่าเนื่องจากมันเป็นเมืองสปิริตราชวงศ์ที่ใหญ่ขนาดนี้ เขาไม่รู้ว่าข้างในจะมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอยู่มากขนาดไหน ถึงหานเซิ่นจะเสี่ยงบุกเข้าไปข้างใน เขาก็ยังไม่แน่ว่าจะหาสปิริตสโตนเจอ   ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด เขาก็เห็นสปิริตผมสีเงินเดินลงจากกำแพงเมือง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้เข้าไปร่วมต่อสู้ เธอเดินกลับเข้าไปในเมือง   หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวของเธอ ตอนนี้การต่อสู้อยู่ในจุดวิกฤต กองทัพมอนสเตอร์กำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถ้าพวกมันไม่มีเธอคอยสั่งการแล้ว พวกมันจะเอาชนะได้ยังไง?   ในขณะที่หานเซิ่นกำลังงง อยู่ๆเขาก็เห็นว่าพื้นบริเวณสนามรบเริ่มสั่นสะเทือน และก็เริ่มมีแมลงปีกแข็งจำนวนมากออกมาเหมือนกับคลื่นทะเล   ทุกที่ที่แมลงพวกนี้ผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นร่างของมนุษย์หรือมอนสเตอร์ก็จะถูกกินโดยสมบูรณ์   มีช่องว่างที่เกิดจากพื้นแยกตัวอีกหลายจุดที่มีแมลงสีเงินเดินออกมา ในตอนนี้สนามรบกำลังตกอยู่ในความโกลาหล ทั้งมนุษย์และมอนสเตอร์ต่างก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอด ไม่มีใครมีกระจิตกระใจจะต่อสู้แล้ว   มนุษย์และมอนสเตอร์ที่กำลังต่อสู้กันเมื่อประมาน 1 นาทีก่อน ตอนนี้ได้แยกย้ายหนีกันไปคนละทิศละทาง   แม้แต่มอนสเตอร์ขนาดใหญ่ก็วิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุดของมัน เหมือนว่าพวกมันจะกลัวแมลงพวกนี้มาก   หานเซิ่นเองก็เริ่มกลัวแล้วเหมือนกัน แต่ทว่าเมื่อสังเกตดีๆ เขาพบว่าจริงๆแล้วแมลงพวกนี้ไม่ได้มีความแข็งแกร่งอะไรมาก พวกมันดูจะแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์โบราณแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ทว่ามันมีจำนวนที่มหาศาลมาก และปากของพวกมันก็แหลมคม แม้แต่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิก็ยังได้รับบาดเจ็บ ถ้าโดนมันกัด   อย่างไรก็ตามหานเซิ่นรู้สึกว่าตอนนี้มันน่าจะเป็นโอกาสของเขาแล้ว  

Super God Gene – ตอนที่ 527 วิญญาณอสูรไนท์แมร์
Super God Gene – ตอนที่ 527 วิญญาณอสูรไนท์แมร์

  เมื่อหานเซิ่นไปถึงรังอีกครั้ง เขาก็เรียกวิญญาณอสูรทั้งหมดออกมาทันที   ในช่วงที่เขาพักอยู่ในสหพันธ์ดวงดาว วิญญาณอสูรราชาปูทองก็ถูกอัพเกรดกลายเป็นวิญญาณอสูรเบอร์เซิร์กเรียบร้อยแล้ว ทำให้ชุดเกราะสีทองดูงดงามยิ่งกว่าเดิม   นกทะเลทรายกำลังกระพืออยู่บนหัวของหานเซิ่น ทำให้พลังของวิญญาณอสูรทุกดวงเพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกว่าเขามีพลังมากพอที่จะทำลายดาวได้ทั้งดวง   หลังจากที่เข้าไปในรัง การ์กอยเบอร์เซิร์กก็พุ่งเข้ามาใส่เขาทันที   ครั้งนี้หานเซิ่นไม่หลบ เขารับการโจมตีจากการ์กอยด้วยกรงเล็บเฟอเรทโกสพาว   ปัง! กรงเล็บและแขนของการ์กอยปะทะกันอย่างรุนแรง แขนของการ์กอยได้รับบาดเจ็บมีเลือดสีเงินไหลออกมาทันที   หานเซิ่นขยับถอยหลังมา 1 ก้าว ตอนนี้ระดับความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ด้อยกว่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กเลย   การ์กอยคำรามออกมา มันพยายามจะตะปบหานเซิ่น ด้วยกรงเล็บอันแหลมคมเหมือนกับมีดสีเงิน   เนื่องจากตอนนี้ระดับความแข็งแกร่งและความเร็วของหานเซิ่นไม่ได้ด้อยไปกว่ามัน ที่สำคัญฟุตเวิร์คของหานเซิ่นยังดีกว่ามันมาก ดังนั้นไม่มีทางเลยที่มันจะโจมตีหานเซิ่นโดน ขณะที่การ์กอยโจมตีมา หานเซิ่นไม่เพียงแค่หลบ แต่เขายังโจมตีสวนกลับไปหลายที ทำให้การ์กอยเริ่มมีบาดแผลและมีเลือดไหลออกมา   การ์กอยคำรามออกมาด้วยความโกรธ แต่มันไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้เลย มันไม่สามารถสัมผัสร่างการของเขาได้ เพราะเทคนิคการไคท์ติงของหานเซิ่นเหนือชั้นมาก   ขณะที่หานเซิ่นกำลังได้ใจ การ์กอยสีเงินก็กระโจนเข้ามาตะปบเขาอย่างรวดเร็ว หานเซิ่นหลบทันที แต่ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะหลบไม่ทัน   กรงเล็บที่ดูเหมือนกับมีดของการ์กอยปะทะกับชุดเกราะของหานเซิ่น   เคร๊ง! มีเสียงเหมือนกับโลหะปะทะกันดังขึ้น แต่กระนั้นกรงเล็บที่ดูเหมือนกับมีดก็ไม่สามารถแทงทะลุชุดเกราะของเขาได้ มันทำได้แค่หลงเหลือรอยข่วนตื้นๆไว้เท่านั้น   หานเซิ่นประหลาดใจมาก ชุดเกราะเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์ก และวิญญาณอสูรกรีฟการ์กอยเบอร์เซิร์ก เมื่อใช้ร่วมกันพลังป้องกันของเขาจะสูงมาก แม้แต่การ์กอยเบอร์เซิร์กตัวนี้ก็ยังไม่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้   หลังจากโดนการโจมตีนี้ หานเซิ่นก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น เขาเรียกวิญญาณอสุรเฟอเรทโกสพาวกลับ และสู้กับการ์กอยด้วยหมัด   ปัง ปัง! หมัดของหานเซิ่นชกไปอย่างรวดเร็ว และขาของเขาก็เคลื่อนไหวไปมาราวกับเต้นระบำ   เมื่อการ์กอยถูกหมัดของเขา มันก็เดินโซเซถอยหลังไปทันที หานเซิ่นมีพลังมากกว่าการ์กอยอย่างชัดเจน ในที่สุดมันก็ถูกหานเซิ่นฆ่าโดยการใช้พลังหยิน   “การ์กอยนรกเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซอร์ถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เนื้อไม่สามารถกินได้”   หานเซิ่นอึ้ง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเจอกับผลลัพธ์แบบนี้ เขาไม่ได้ทั้งวิญญาณอสูรและก็เนื้อ ดูเหมือนโชคของเขาอาจจะหมดแล้วก็ได้   แต่หานเซิ่นก็ไม่ได้คิดมาก ยังดีที่รังมีไข่อยู่ ซึ่งโอกาสที่เขาจะได้วิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิคือเกือบ 100% นั่นก็เท่ากับว่าเขาได้วิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กมา เพราะยังไงเขาก็สามารถอัพเกรดมันได้   “มันจะเป็นวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิแบบไหนกันนะ? ถ้าเป็นปีกก็จะดีมาก หรือไม่ก็เป็นวิญญาณอสูรเสริมพลังอย่างเดวิลซอร์ด” หานเซิ่นปีนไปตามห้องจำนวนมากที่อยู่ภายในรัง   มีห้องจำนวนมาก แต่กระนั้นขณะที่เขาเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ เขาก็ยังไม่เจอมอนสเตอร์เลย เหมือนว่าการ์กอยเบอร์เซิร์กตัวนั้นจะเป็นมอนสเตอร์ตัวเดียวที่อาศัยอยู่ที่นี่   “ไม่มีไข่งั้นหรอเนี่ย?” หานเซิ่นเริ่มรู้สึกกังวลหลังจากหามานาน แต่หลังจากที่เขาเดินหาไปอีกสักพัก ในที่สุดเขาก็เห็นไข่ หานเซิ่นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก   หานเซิ่นเดินตรงเข้าไปหาไข่ และก็ใช้กรงเล็บของเขาทำลายมันทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย “กำลังสุ่มวิญญาณอสูร..” มีหมอกไหลออกมาจากไข่ และเริ่มก่อตัวเป็นวิญญาณอสูร   วิญญาณอสูรดวงนี้เป็นสีเงินราวกับทำจากโลหะทังสเตน มันดูเหมือนกับเสือโคร่งหรือไม่ก็เสือดำ ที่สำคัญมอนสเตอร์ตัวนี้มีปีกบนหลังด้วย มันดูงดงามและก็ทรงพลังมาก   วิญญาณอสูรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นแสง และก็เข้าไปในจิตของหานเซิ่น ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียง “คุณได้รับวิญญาณอสูรไนท์แมร์เลือดศักดิ์สิทธิ”   หานเซิ่นรีบเช็คดูข้อมูลของวิญญาณอสูรไนท์เเมร์ทันที และเขาก็พบว่ามันคือวิญญาณอสูรปีก   หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรไนท์เเมร์ออกมา ทันใดนั้นปีกสีเงินขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนหลังของเขา ลักษณะมันดูเหมือนกับปีกของพวกปีศาจ   หานเซิ่นลองทดสอบความเร็วของมัน และพบว่ามันเร็วกว่าวิญญาณอสูรปีกของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 มาก เขาแทบจะบินถึงทางออกในชั่วพริบตา   “ฮ่าฮ่า ในที่สุดเราก็บินได้อีกครั้งแล้ว” หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขมาก ด้วยความสามารถในการบิน ต่อไปนี้เขาจะสามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้ง่ายขึ้น   หานเซิ่นใช้คริสตัลสีดำกับไนท์เเมร์ทันที ปีกเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์ก น่าจะเป็นปีกที่เร็วที่สุดในหมู่มนุษย์ก็อตแซงชัวรี่เขต 2 แล้ว   ด้วยปีกไนท์แมร์ ถ้าคู่ต่อสู้ไม่ใช่มอนสเตอร์ขั้นสุดยอด หานเซิ่นคิดว่าเขาสามารถชนะได้หมด เขาสามารถเป็นราชาของก็อตเเซงชัวรี่เขต 2 ได้เลย   “มันจะยิ่งดีกว่านี้ ถ้าเราได้วิญญาณอสูรธนูและลูกธนูเลือดศักดิ์สิทธิมาด้วย เราจะสามารถขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้อย่างสบายๆ” หานเซิ่นรู้สึกเสียดายที่วิญญาณอสูรธนูและลูกธนูหาได้ยากมาก หลังจากที่ทำลายไข่เสร็จ หานเซิ่นก็ไม่ต้องการจะอยู่ในเขตเมืองเทพธิดาอีกแล้ว เขาตัดสินใจว่าจะไปสังเกตการณ์ที่ทุ่งน้ำแข็ง   หลี่ซิงหลุนเคยเอ่ยถึงเรื่องการปรึกษากับเมืองอื่นๆ เพื่อร่วมมือกันยึดเมืองสปิริต หานเซิ่นอยากจะรู้ว่าพวกเขาตกลงกันได้รึยัง ถ้า 3 เมืองใหญ่ร่วมมือกันไปยึดเมืองสปิริต หานเซิ่นจะต้องหาโอกาสไปเอาสปิริตราชวงศ์มาเป็นของเขาให้ได้   หานเซิ่นเดินทางไปที่ทุ่งน้ำแข็งโดยใช้ปราสาทคริสตัล อาร์คแองเจิล หิมะเจ้าเสน่ห์ เหมียวและโล่คลั่งถูกหานเซิ่นเรียกออกมาทั้งหมด หานเซิ่นไม่กังวลว่าจะมีใครเห็น เพราะตอนนี้เขาอยู่ใต้ทะเล   หิมะเจ้าเสน่ห์และโล่คลั่งมีหน้าที่ในการล่ามอนสเตอร์ในน้ำ หลังจากที่ได้เนื้อกลายพันธ์มาแล้ว เจ้าหญิงเงือกและอาร์คเเองเจิลก็จะเป็นคนมาเสิร์ฟให้เขา ตอนนี้เขาเหมือนกับอยู่บนสวรรค์   เมื่อหานเซิ่นไปถึงทะเลสาบน้ำแข็ง หานเซิ่นก็ได้จีโนพ้อยกลายพันธ์มามาอีก 3 จีโนพ้อย เนื่องจากมอนสเตอร์ที่ล่ามาได้มีขนาดใหญ่ หานเซิ่นเลยกินมันหมดไปแค่ 1/3   ในช่วงที่เดินทางใต้ทะเล หานเซิ่นเห็นมอนสเตอร์ที่ดูน่ากลัวจำนวนมาก เขาคิดว่าควรจะต้องเรียนวิชาไฮเปอร์จีโนสำหรับใช้ใต้น้ำโดยเฉพาะสักวิชา เขาจะได้ล่ามอนสเตอร์ระดับสูงในน้ำได้   เนื่องเขาไม่สามารถกินเนื้อทั้งหมดได้ เขาจึงให้อาร์คแองเจิลกินแทน ถ้าอาร์คแองเจิลเปลี่ยนร่างเมื่อไหร่ หานเซิ่นก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทานในก็อตแซงชัวรี่เขต 2   ‘ตอนเรากลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว เราคงจะต้องหาวิชาไฮเปอร์จีโนที่เอาไว้ใช้ในน้ำบ้างแล้ว อยากรู้ว่าจะมีวิชาที่ทำให้หายใจในน้ำได้บ้างรึเปล่า’ หานเซิ่นคิด   หานเซิ่นมาที่เมืองสตาร์วีลอีกครั้ง ก่อนที่หานเซิ่นจะไปพบหลี่ซิงหลุน หลี่ซิงหลุนก็เป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาก่อน   “หานเซิ่น ในที่สุดฉันก็พบนาย ฉันทำข้อตกลงกับแบล็คก็อตและฟิลิปได้แล้ว พวกเราจะบุกโจมตีเมืองสปิริตราชวงศ์ในอีกไม่กี่วัน นายอยากจะมาช่วยฉันไหม?” หลี่ซิงหลุนพูดอย่างตื่นเต้น  

Super God Gene – ตอนที่ 526 ความเข้าใจใหม่ๆ
Super God Gene – ตอนที่ 526 ความเข้าใจใหม่ๆ

  หลังจากที่ได้พูดคุยกับศาสตราจารย์สวี่ หานเซิ่นก็รู้สึกมีแรงบันดาลใจมาก ตำราที่ศาสตราจารย์สวี่ให้มา ทำให้เขาเข้าใจสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน   หลังจากนั้นเมื่อเขาลองอ่านคัมภีร์ตงเสวียนอีกครั้ง เขาก็ได้เข้าใจสิ่งใหม่ๆมากขึ้น ถึงจะยังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยๆเขาก็เข้าใจศาสตร์ตงเสวียนลึกซึ้งมากขึ้น   โชคร้ายที่มันมีคำศัพท์ทางเทคนิคเกี่ยวกับการฝึกฝนจำนวนมากในคัมภีร์ตงเสวียน ทำให้มันยากมากที่จะเข้าใจคำเหล่านั้น แม้หานเซิ่นจะแปลทุกอย่างตามความรู้ของเขาแล้วก็ตาม   แต่กระนั้นหลังจากที่ได้อ่านตำราและถามศาสตราจารย์สวี่ หานเซิ่นก็เริ่มที่จะแปล และสามารถทำความเข้าใจเทคนิคใหม่ได้   เหตุผลที่หานเซิ่นสามารถอ่านเทคนิคใหม่เข้าใจได้ก็เพราะเขาเคยอ่านเกี่ยวกับวิชาคลื่นหยินหยางมาก่อน   เทคนิคใหม่นี้จะเน้นการใช้พลังหยิน ซึ่งมันมีส่วนคล้ายกับวิชาคลื่นหยินหยาง   แต่อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดเลยว่าเทคนิคที่เขียนอยู่ในคัมภีร์ตงเสวียนดีกว่า ถ้าเขาสามารถฝึกมันสำเร็จ เขาจะสามารถใช้พลังหยินเจาะทะลุวัตถุหนาๆได้ มันน่าเหลือเชื่อมากสำหรับหานเซิ่น ในคัมภีร์กล่าวไว้ว่าเขาสามารถใช้พลังหยินโจมตีใส่คู่ต่อสู้ที่หลบอยู่หลังภูเขาได้เลย หานเซิ่นคิดว่ามันดูเวอร์เกินไป แต่อย่างน้อยๆมันคงไม่ยาก ถ้าเขาจะฝึกให้มันเจาะทะลุแผ่นเหล็กหนาหลายฟุต   หานเซิ่นคือคนที่ชื่นชอบพลังหยินอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงกระตือรือร้นที่จะฝึกเทคนิคใหม่มาก ถ้าเขาฝึกมันได้ถึงขั้น ในอนาคตเขาจะสามารถโจมตีอวัยวะภายในของมอนสเตอร์ตัวใหญ่ๆได้โดยตรง   หลังจากฝึกไปหลายวัน หานเซิ่นก็รู้สึกว่าเขาใช้พลังหยินได้ดีขึ้น ก่อนฝึกพลังหยินของเขามีความสามารถในการทะลุทะลวงแค่ 3-4 นิ้ว แต่ตอนนี้เขาสามารถทะลุได้ถึง 1 ฟุตแล้ว   “คัมภีร์เล่มนี้มันยอดเยี่ยมจริงๆ มันควรจะถูกเรียกว่า คัมภีร์รวมเทคนิคขั้นสุดยอด ถ้าเราจะฝึกมันให้ได้ทั้งหมดจริงๆก็คงจะเหนื่อยกว่าฝึกกายหยกมาก” หานเซิ่นต้องการจะแปลคัมภีร์ทั้งหมดซะตอนนี้เลย แต่เขาไม่สามารถเร่งรัดได้ ถ้าเขาฝึกมันทั้งๆที่ยังไม่มีความเข้าใจมากพอ เขาก็อาจจะได้รับอันตรายได้ เนื่องจากไม่มียาปรับปรุงพันธุกรรมที่ทำมาเพื่อฝึกศาสตร์ตงเสวียน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเสี่ยงฝึกแบบยังไม่เข้าใจ   ในระหว่างที่พักอยู่ หานเซิ่นก็จะเข้าไปกินเนื้อปูทุกวัน หลังจากที่กินมันจนหมด เขาก็ได้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิมาอีก 7 จีโนพ้อย ทำให้ตอนนี้หานเซิ่นมีจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิทั้งหมด 28 จีโนพ้อยแล้ว   หานเซิ่น : ร่างกายขั้นสุดยอด คิงสปิริต สถานะ : ผู้วิวัฒนาการ อายุขัย : 300 ปี จีโนพ้อย : จีโนพ้อยสามัญ 100, จีโนพ้อยโบราณ 100, จีโนพ้อยกลายพันธ์ 43, จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ 28 (ต้องการ 100 จีโนพ้อยเพื่อวิวัฒนาการขั้นต่อไป) หานเซิ่นกำลังเช็คดูความก้าวหน้าของเขา หานเซิ่นรู้สึกว่าตัวเลขนี้ถือว่าดีเยี่ยม สำหรับคนที่เข้ามาในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้ไม่ถึง 1 ปี   ในตอนนี้ระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่นเกิน 120 ไปแล้ว นี่เป็นแค่การประมาน ถ้าจะให้รู้ตัวเลขจริงๆ เขาจะต้องเข้าไปทดสอบ แต่ยังไงตอนนี้เขาก็แข็งแกร่งกว่าทหารเสือจากบูลบลัดเรียบร้อยแล้ว   หานเซิ่นลองประมานดูคร่าวๆ ถ้าเขาเก็บจีโนพ้อยเต็มทั้ง 4 ชนิด เขาจะมีระดับความแข็งแกร่งประมาน 170-180 ตอนนี้เขายังสงสัยอยู่ว่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 จะแข็งแกร่งสักแค่ไหน และเขาจะต้องมีความแข็งแกร่งระดับไหน ถึงจะสามารถทำให้มันบาดเจ็บได้   แต่ตอนนี้มันยังเร็วเกินไปที่จะมาคิดเรื่องนี้ สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือเขาต้องเก็บจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิเพิ่มก่อน สำหรับจีโนพ้อยกลายพันธ์ หานเซิ่นไม่ได้กังวลมาก เพราะในทะเลมีมอนสเตอร์กลายพันธ์อยู่เป็นจำนวนมาก ขอแค่อดทนยังไงเขาก็สามารถเก็บจีโนพ้อยกลายพันธ์เต็มได้ไม่ยาก   แต่สำหรับการฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่อยู่ในทะเลเป็นเรื่องที่ยากมาก ธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อลงไปในน้ำความสามารถในการต่อสู้จะลดลงอย่างมาก ถึงจะต้องสู้กับมอนสเตอร์ที่มีระดับความแข็งแกร่งพอๆกับเขา หานเซิ่นก็ยังรู้สึกกลัว   ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในทะเล เขาจะไม่สามารถหันหลัง และใช้ฟุตเวิร์ควิ่งหนีได้เหมือนกับตอนที่อยู่บนบก   “ฉันจะต้องไปฆ่าการ์กอยเบอร์เซิร์กก่อน” หานเซิ่นกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่อีกครั้ง เขาตั้งใจว่าจะไปที่รัง   ยังไงวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิก็ยังน่าดึงดูดมากสำหรับหานเซิ่น ที่สำคัญโดยปรกติแล้ววิญญาณอสูรที่ได้จากไข่มักจะเป็นวิญญาณอสูรที่หายาก   แต่ทว่าก่อนที่หานเซิ่นจะออกจากเมืองเทพธิดา จูถิงก็มาพบเขาก่อน “ลูกพี่ ผมได้ยินว่าคุณมีวิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์กหลายดวง เป็นความจริงรึเปล่า?” จีถิงยิ้ม   “มีแค่ 2 นายต้องการงั้นหรอ?” หานเซิ่นยิ้ม   “ใช่ครับ บอกราคามาเลย” จูถิงรีบพยักหน้า วิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์กมีความสามารถด้อยกว่าวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิแค่เล็กน้อยเท่านั้น แน่นอนว่าจูถังต้องการพวกมันมาก   ในสถานที่ที่เลวร้ายแบบนี้ แค่ได้วิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์กมาก็ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นมาก เพราะมันจะง่ายขึ้นถ้าต้องไปล่ามอนสเตอร์ที่ไม่ใช่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ   “ง่ายๆ นายก็เอาเซเว่นทวิตส์มาแลก” หานเซิ่นยิ้ม   จูถิงหน้าเหวอทันที “ลูกพี่ คุณยังไม่เข้าใจ ผมไม่กล้าให้เซเว่นทวิตส์กับคุณ ถ้าผมทำ เฉินคงจะไม่ยกโทษให้ผมแน่”   “งั้นก็ช่วยไม่ได้ นายไปขอซื้อจากม่านลี่ก็แล้วกัน” หานเซิ่นพูด   “ไม่ได้หรอก ราคาที่หล่อนตั้งไว้มันสูงเกินไป ถ้าใช่พวกเศรษฐี คงไม่มีใครสามารถซื้อมันได้หรอก” จีถิงรู้สึกหมดหวัง ถ้าเขามีเงินมากขนาดนั้น เขาก็คงไม่ต้องมาพบหานเซิ่นแบบนี้   จริงๆแล้วหานเซิ่นบอกกับหยางม่านลี่ว่าไม่ต้องรีบขายวิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์ก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหยางม่านลี่ถึงได้ตั้งราคาสูงมาก หานเซิ่นแค่ต้องการจะแสดงพลังของกลุ่มเทพธิดาให้คนในเมืองได้เห็น เขาไม่ได้ตั้งใจจะขายออกไปง่ายๆ แน่นอนว่ามีบางคนที่ยอมซื้อมันในราคาสูง ซึ่งหานเซิ่นก็ยินดีที่จะขาย   “ฉันคงช่วยอะไรนายไม่ได้หรอก” หานเซิ่นลูบไหล่ของจูถิง และเขาก็ออกไปจากเมือง   จูถิงมองหานเซิ่นด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหานเซิ่นถึงได้หาวิญญาณอสูรดีๆแบบนี้ได้ง่ายนัก   หานเซิ่นอยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 น้อยกว่าเขา แต่กระนั้นในเวลาไม่ถึงปี ในสถานที่แย่ๆแบบนี้ หานเซิ่นกับสามารถหาวิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์กมาขายได้ มันน่าเหลือเชื่อมาก   จูถิงกัดฟัน และตัดสินใจว่าจะไปซื้อวิญญาณกลายพันธ์เบอร์เซิร์กด้วยเงินทั้งหมดที่เขามี แต่ทว่าเมื่อจูถิงไปหาหยางม่านลี่ ปรากฏว่าหยางม่านลี่บอกเขาว่าไม่มีวิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์กขายแล้ว แม้แต่วิญญาณอสูรกลายพันธ์ธรรมดาก็ถูกขายไปจนหมด   “บ้าเอ้ย ทำไมถึงได้มีพวกคนรวยๆเยอะขนาดนี้” จูถิงเสียใจมากที่เขาไม่ได้ซื้อวิญญาณอสูรวานรคลั่ง ทั้งๆที่เขาพอจะมีเงินซื้อมันได้   “เหมือนว่าเราจะต้องไปหาวิธีหว่านล้อมหานเซิ่น เขาจะต้องมีวิญญาณอสูรที่ดีกว่านี้แน่ บางทีเราอาจจะได้วิญญาณอสูรที่สุดยอดยิ่งกว่าวิญญาณอสูรพวกนั้น” จูถิงพึมพำ  

Super God Gene – ตอนที่ 525 ศึกษาภาษาโบราณ
Super God Gene – ตอนที่ 525 ศึกษาภาษาโบราณ

  สมาชิกกลุ่มเทพธิดาทุกคนสามารถซื้อเนื้อและวิญญาณอสูรได้ราคาต่ำกว่าคนอื่นๆ ขณะที่คนนอกกลุ่มจะต้องจ่ายในราคาที่สูง แต่กระนั้นคนจำนวนมากก็แย่งกันซื้อทั้งเนื้อและวิญญาณอสูร   ทรัพยากรแถวๆเมืองเทพธิดานั้นมีอยู่อย่างจำกัดมาก ถ้าพวกเขาไม่รีบตัดสินใจซื้อพวกมัน คนอื่นๆก็พร้อมที่จะจ่ายเช่นกัน   หานเซิ่นวางแผนที่จะเอาทั้งเนื้อและวิญญาณอสูรมาขายนานๆครั้ง เพราะนอกจากเขาจะสามารถทำเงินได้มหาศาลแล้ว เขายังทำให้คนในเมืองมีระดับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นด้วย   แต่อย่างไรก็ตาม หานเซิ่นไม่คิดที่จะทำมันบ่อยๆ เขาไม่ต้องการเสียเวลากับมันมากเกินไป เขาอยากจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาตัวเอง และรีบวิวัฒนาการ   ตอนนี้ยังมีเนื้อของปูสีทองเหลืออยู่อีกจำนวนมาก หานเซิ่นจะต้องใช้เวลาอีก 3-4 วันกว่าจะกินพวกมันหมด ซึ่งการกินอาหารเดิมๆทุกวัน ทำให้หานเซิ่นรู้สึกเบื่อ เขาเลยต้องสลับไปกินอย่างอื่นบ้าง   หานเซิ่นตัดสินใจที่จะหยุดพักสัก 3-4 วัน หลังจากที่เขากินเนื้อของปูสีทองหมดแล้ว หานเซิ่นก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะลองไปฆ่าการ์กอยเบอร์เซิร์กที่อยู่ในรัง   เมื่อหานเซิ่นกลับมาที่ยานแดฟเน่ แอนนี่ก็เมินเขาเหมือนกับทุกที ในตอนที่เขามาหาจีเหยียนหรัน แอนนี่ไม่แม้แต่จะมองหานเซิ่น แต่แค่เธอไม่เข้ามาขวาง หานเซิ่นก็รู้สึกพอใจมากแล้ว   “เซิ่น นายสนใจภาษาโบราณไหม? เดี๋ยวจะมีผู้เชี่ยวชาญมาที่นี่ ถ้านายสนใจก็ลองไปเจอเขาดู”   เมื่อได้ยินคำพูดของจีเหยียนหรัน หานเซิ่นก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขารีบถาม “ผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณงั้นหรอ? ทำไมเขาถึงได้มาที่ยานเเดฟเน่?”   จีเหยียนหรันยิ้ม “ศาสตราจารย์สวี่ เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในภาษาศาสตร์มาก เขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในสหพันธ์ดวงดาว นอกเหนือจากภาษาโบราณแล้ว เขายังศึกษาภาษาของเผ่าพันธุอื่นด้วย”   “ถ้าเขาเป็นคนดัง แล้วเขาจะไม่เมินฉันหรอ ถ้าอยู่ๆฉันไปเจอเขา?” หานเซิ่นถาม   “ฉันก็ไม่รู้ เบื้องบนส่งเขามาที่นี่เพื่อสอนความรู้เกี่ยวกับคริสตัลไลเซอรให้พวกเรา นายลองไปดูก่อนก็ได้ ถ้ามีโอกาส นายก็ลองถามเขาเกี่ยวกับภาษาโบราณดู คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” จีเหยียนหรันพูด   หานเซิ่นพอจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากแดฟเน่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทำให้พวกเขายังไม่สามารถออกปฏิบัติการได้ พวกเขาจึงต้องรับสมาชิกใหม่เข้ามา และฝึกอบรมก่อนที่เริ่มปฏิบัติงานจริง   ครั้งนี้ศาสตราจารย์สวี่ถูกส่งมาเพื่อสอนพวกเขาเกี่ยวกับคริสตัลไลเซอร์ เห็นได้ชัดเลยว่าช่วงนี้คงจะยังไม่มีภารกิจเข้ามาแน่ และนี่ก็แสดงให้เห็นว่าเบื้องบนดูแลเอาใจใส่แดฟเน่และภารกิจสำรวจโบราณสถานคริสตัลไลเซอร์มาก   ตอนนี้หานเซิ่นสนใจเกี่ยวกับวิชาภาษาโบราณมาก เขารู้ว่าถึงเขาจะสามารถอ่านทุกอย่างในคัมภีร์ตงเสวียนได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าใจมัน ตอนนี้ยังมีอีกหลายส่วนที่เขายังไม่เข้าใจ ซึ่งเขาจะยังไม่ฝึกมัน จนกว่าเขาจะเข้าใจว่ามันเป็นเทคนิคแบบไหนและใช้งานยังไง   เมื่อถึงเวลาการบรรยายของศาสตราจารย์สวี่ หานเซิ่นก็เข้าไปฟังด้วย หานเซิ่นไม่คิดว่าจะได้เห็นหัวหน้าห้องครัวและก็สมาชิกในห้องครัวคนอื่นๆ หลังจากคุยกับพวกเขาอยู่สักพัก เขาก็รู้ว่าการบรรยายนี้เป็นภาคบังคับ ทหารทุกคนยกเว้นเจ้าหน้าที่ระดับสูงและบอดี้การ์ด ซึ่งก็คือแอนนี่กับหานเซิ่น ทุกคนจะต้องมาเข้าร่วมฟังบรรยายครั้งนี้   ภาษาของคริสตัลไลเซอร์มีความซับซ้อนมาก พวกมันไม่ได้เป็นคำพูดหรือตัวอักษร แต่พวกมันดูเหมือนกับรูปภาพมากกว่า ความซับซ้อนอยู่ที่เส้นจำนวนมากที่เชื่อมต่อกันเป็นรูปภาพ ดูเหมือนกับผังวงจรของเครื่องจักร ซึ่งมันยากมากที่จะเข้าใจความหมายของมัน   แม้สมองของหานเซิ่นจะได้รับการเพิ่มพลังจากคริสตัลสีแดงแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันยากมากที่จะจดจำรูปภาพต่างๆ ส่วนทหารคนอื่นๆได้แต่เอามือกุมหัว เมื่อพวกเขาเข้ามาฟังการบรรยาย พวกเขารู้สึกเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้อะไรเลย   แม้มันจะยากมากที่จะเรียนภาษาคริสตัลไลเซอร์ แต่หานเซิ่นก็ยังตั้งใจและพยายามจดจำทุกอย่าง ดูเหมือนมันจะมีความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างแมว 9 ชีวิตและคริสตัลไลเซอร์ ที่สำคัญยังไงเขาก็ต้องไปทำภารกิจที่โบราณสถานของคริสตัลไลเซอร์ในอนาคต ดังนั้นมันก็ไม่เสียหายที่จะทำความเข้าใจภาษาคริสตัลไลเซอร์   หลังจากจบการบรรยาย หานเซิ่นก็เดินเข้าไปหาศาสตราจารย์สวี่ และก็ทำความเคารพเขา “ศาสตราจารย์ ผมมีคำถามเกี่ยวกับภาษาโบราณ ศาสตราจารย์พอจะมีเวลาว่างไหมครับ?”   ศาสตราจารย์สวี่มียศพลตรี ซึ่งสูงกว่าหานเซิ่น แต่เนื่องจากเป็นยศที่กองทัพมอบให้กับพวกผู้เชี่ยวชาญ จริงๆพวกเขาก็ไม่ได้มีอำนาจสั่งการอะไร   “มันเกี่ยวกับคริสตัลไลเซอร์รึเปล่า? ถ้าเธอสงสัยตรงไหนก็ถามมาได้” โชคดีที่ศาสตราจารย์สวี่ไม่ใช่คนหยิ่ง ดูแล้วเขาน่าจะเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย   “ผมต้องการถามเกี่ยวกับภาษาโบราณของมนุษย์” หานเซิ่นพูด   ศาสตราจารย์สวี่มองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ “เธอก็เรียนวิชาภาษาโบราณด้วยหรอ?”   ในยุคนี้ พวกคนหนุ่มสาวมักจะใช้เวลาไปกับการฝึกวิชาไฮเปอร์จีโน ซึ่งมันจะช่วยให้พวกเขาสามารถอยู่รอดในก็อตแซงชัวรี่ได้ มีคนน้อยมากที่จะใช้เวลาในการศึกษาศาสตร์ต่างๆหรือใช้เวลาอ่านหนังสือ   ศาสตราจารย์สวี่ไม่รู้ว่าหานเซิ่นศึกษาวิชาภาษาโบราณมาจริงหรือเปล่า หรือเขาเพียงแค่อยากจะมาตีสนิท   “ผมเรียนมานิดหน่อย แต่ผมรู้สึกสับสนอยู่หลายจุด ความรู้ของผมมันยังไม่พอ” หานเซิ่นพูด   “ไม่มีปัญหา นี่ก็เกือบจะได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว งั้นเราไปด้วยกันเลย” ศาสตราจารย์สวี่พูด   ศาสตราจารย์สวี่ไม่ใช่คนหยิ่ง ถ้าหานเซิ่นสนใจวิชาภาษาโบราณจริงๆ ศาสตราจารย์สวี่ก็อยากจะตอบคำถามของเขา   หานเซิ่นดีใจมาก เขาเดินตามศาสตราจารย์สวี่ไปที่ห้องอาหาร หลังจากที่สั่งอาหารแล้ว พวกเขาก็หามุมเงียบๆนั่งคุยกัน   ในตอนแรกศาสตราจารย์สวี่ยังไม่แน่ใจว่าหานเซิ่นศึกษามาจริงหรือเปล่า เขาอาจจะเข้ามาแค่ตีสนิท เพราะดูจากอายุของเขาแล้ว เขายังหนุ่มมาก น้อยมากที่จะศึกษาวิชาภาษาโบราณ   แต่หลังจากที่ได้คุยกับหานเซิ่น เขาก็พบว่าหานเซิ่นศึกษาภาษาโบราณมาอย่างหนัก หานเซิ่นเป็นคนที่มีพรสวรรค์และก็มีความรู้มาก ซึ่งมันทำให้ศาสตราจารย์สวี่รู้สึกประหลาดใจ ระดับความรู้ของหานเซิ่นมันเกินกว่าอายุของเขาจริงๆ   “หานเซิ่น เธอมีญาติหรือคนในครอบครัวที่เรียนวิชาภาษาโบราณรึเปล่า?” ศาสตราจารย์สวี่ถามอย่างอดไม่ได้   “ไม่ครับ ครอบครัวผมทำธุรกิจโลหะอัลลอย แต่ตอนนี้ปิดไปแล้ว” หานเซิ่นไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมศาสตราจารย์สวี่ถึงได้ถามแบบนี้   “แล้วเธอเริ่มศึกษาวิชาภาษาโบราณตั้งแต่เมื่อไหร่?” ศาสตราจารย์สวี่ถามอีกครั้ง   “น่าจะประมาน 2 ปีก่อน” หานเซิ่นพูด แต่จริงๆแล้วเขาพึ่งจะมาศึกษาหลังจากที่เขาวิวัฒนาการแล้ว ดังนั้นเขายังศึกษามาได้ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ   ศาสตราจารย์สวี่รู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม แค่ 2 ปีหานเซิ่นก็มีความรู้ถึงขั้นนี้ ซึ่งมันหาได้ยากมาก หานเซิ่นเป็นคนที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมหาตัวจับได้ยาก ไม่งั้นเขาไม่มีทางที่จะเรียนรู้ได้เร็วขนาดนี้   จริงๆแล้วหานเซิ่นไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านภาษาอะไร แต่เหตุผลที่เขาสามารถเรียนรู้ได้เร็วถึงขนาดนี้ เป็นเพราะสมองของเขาได้ดูดซับพลังจากคริสตัลสีแดง ทั้งความจำและความสามารถในการวิเคราะห์ของเขาพัฒนาไปมาก ยิ่งเขาใช้ความจำหรือใช้สมองในการวิเคราะห์มากเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าเขาจะพัฒนาได้อีก   เนื่องจากพวกเขามีสิ่งที่สนใจเหมือนๆกัน ทำให้ศาสตราจารย์สวี่กับหานเซิ่นนั่งคุยกันอย่างถูกคอ ยิ่งคุยกันถึงหานเซิ่น ตัวศาสตราจารย์สวี่ก็ยิ่งทึ่งในความสามารถของอีกฝ่าย   ศาสตราจารย์สวี่อธิบายให้หานเซิ่นฟัง ซึ่งหานเซิ่นสามารถเข้าใจและจดจำได้รวดเร็วมาก หานเซิ่นเริ่มถามศาสตราจารย์ลึกและซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้ศาสตราจารย์สวี่ประทับใจในตังหานเซิ่นมาก   พวกเขาพูดคุยกันจนลืมกินข้าว และพวกเขาทั้ง 2 คนก็เดินออกจากห้องอาหาร ในตอนที่ห้องครัวเกือบจะปิดแล้ว   ก่อนที่เขาจะไป ศาสตราจารย์สวี่มอบตำราเกี่ยวกับภาษาโบราณให้หานเซิ่น และเขายังบอกอีกว่าถ้ามีตรงไหนที่ไม่เข้าใจหานเซิ่นสามารถถามเขาได้โดยตรง