Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 421 เตรียมตัวก่อนวิวัฒนาการ
Super God Gene – ตอนที่ 421 เตรียมตัวก่อนวิวัฒนาการ

หลังจากซีโร่กระโดดเข้าใส่นกเพลิง เธอก็ทะลุผ่านตัวนกเพลิงที่กำลังลุกไหม้อยู่ไปโผล่อีกฝั่ง หลังจากนั้นซีโร่ก็ตกลงไปบนภูเขา ทำให้พื้นโดยรอบบริเวณที่เธอตกพังทลายลงมาทั้งหมด ภูเขาหายไปเกือบ 1 ใน 3   ในมือของซีโร่มีลูกไฟสีทองคล้ายจะเป็นดวงวิญญาณของนกไฟ นกเพลิงส่งเสียงร้องออกมา ขณะที่ตัวของมันระเบิด และเปลี่ยนสภาพเป็นเหมือนกับดอกไม้ไฟ   ซีโร่กระโดดกลับหาหานเซิ่น และขว้างลูกไฟให้กับหานเซิ่นโดยไม่พูดอะไร เธอกลับมายืนข้างๆหานเซิ่นเหมือนปรกติ   “เอ่อ..ขอบคุณนะ!” หานเซิ่นรู้สึกละอาย เขาไม่เคยปฏิบัติกับซีโร่ดีๆเลย ขณะที่ซีโร่ทำในสิ่งที่เขาต้องการโดยไม่พูดอะไรสักคำ   ซีโร่ไม่ได้ตอบอะไรหานเซิ้น เธอยิ้มหวานๆให้กับหานเซิ่น เผยให้เห็นฟันขาวๆที่แวววับของเธอ   แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่หานเซิ่นจะพูดอะไรแล้ว เพราะดวงไฟสีทองกำลังเผาไหม้มือของเขาอยู่ มันเกือบจะย่างมือของหานเซิ่นเป็นบาร์บีคิวอยู่แล้ว หานเซิ่นรีบเรียกมีดเคิร์สวูฟออกมา และฟันไปที่ลูกไฟ   “นกทะเลทรายขั้นสุดยอดถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรนกแห่งทะเลทราย เมื่อกินผลึกพลังชีวิต คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยขั้นสุดยอด”   เมื่อได้ยินเสียงในหัว หานเซิ่นก็เกือบจะกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น ‘วิญญาณอสูรขั้นสุดยอดอีกดวงแล้ว! ช่างโชคดีอะไรแบบนี้!’   หานเซิ่นจับผลึกพลังชีวิตสีทองที่มีขนาดพอๆกับลูกมะนาวโยนใส่ปากทันที ถึงเขาจะรู้สึกเสียดายบ้างที่กินมันเข้าไปทั้งก้อนแบบนี้ ทั้งๆที่ต้องการแค่จีโนพ้อยเดียว เขาสามารถเก็บมันหลังจากที่เลียมันไปบางส่วนแล้วก็ยังได้ แต่ยังไงเขาก็ไม่มีวิธีจะขายมันได้ ดังนั้นเขาเลยกินมันเข้าไปทั้งๆอย่างนั้นเลย   “ผลึกพลังชีวิตของนกทะเลทรายถูกกิน คุณได้รับ 1 จีโนพ้อยขั้นสุดยอด.. จีโนพ้อยขั้นสุดยอดเต็มแล้ว” หานเซิ่นตระหนักว่าในที่สุด เขาก็เก็บจีโนพ้อยขั้นสุดยอดได้เต็มแล้ว มันเต็มก่อนจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิซะอีก   หานเซิ่นเช็คดูในจิตของเขาอย่างความสุข เขาเห็นวิญญาณอสูรดวงใหม่ของเขา   ชนิดของวิญญาณอสูรนกทะเลทรายขั้นสุดยอด : ออร่า   หานเซิ่นหัวเราะออกมาเสียงดัง มันคือวิญญาณอสูรออร่า ซึ่งหาได้ยากมากๆ   หานเซิ่นรู้สึกว่าประสิทธิภาพของเฟลมเลฟเทนแนนท์ยังไม่สูงพอ ด้วยวิญญาณอสูรออร่าดวงใหม่ หานเซิ่นจะมีของที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าใช้   แม้เขาพร้อมที่จะวิวัฒนาการแล้ว แต่หานเซิ่นก็ยังไม่รีบร้อน เขายังเหลือเวลาอีก 2 เดือน ก่อนที่เขาจะต้องไปรายงานตัวที่เเดฟเน่ เขายังสามารถทำอะไรได้อีกหลายอย่างในช่วงเวลาที่เหลือ   หานเซิ่นเรียกโกลเด้นโกรวเลอร์ออกมา และพาซีโร่ไปตามตำแหน่งที่หนิงเยวี่ยระบุเอาไว้ ซึ่งเขาก็ได้พบกับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดจริงๆ   90% ของมอนสเตอร์ที่กลุ่มสตาร์สงสัยว่าอาจจะเป็นมอนสเตอร์ที่มีระดับสูงกว่าเลือดศักดิ์สิทธิ มันก็คือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดจริงๆ ซึ่งทำให้หานเซิ่นประหลาดใจมาก มีแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ   แม้มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดจะหายากมาก แต่พวกเขาก็ยังหาพวกมันพบมากขนาดนี้ เหตุผลเพียงข้อเดียวที่จีโนพ้อยขั้นสุดยอดยังไม่ถูกค้นพบก็เพราะพวกเขายังไม่สามารถที่จะฆ่ามันได้   เหตุผลที่หานเซิ่นเดินทางไปเช็คมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดพวกนี้ ไม่ใช่เพราะเขาต้องการจะฆ่าพวกมัน แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ยังไปเช็คดูมอนสเตอร์ทีละตัว เขาไปหามอนสเตอร์ทุกตัว และลองต่อสู้กับพวกมันจนเอาชนะได้ หานเซิ่นมี 2 จุดประสงค์ที่เขาทำแบบนี้ อย่างแรกก็คือเขาอยากจะฝึกทักษะการต่อสู้ อย่างที่ 2 เขาต้องการวางรากฐานให้กับหานเหยียน   หานเหยียนยังเด็กมาก อีกหลายปีกว่าที่เธอจะเข้ามาที่ก็อตเเซงชัวรี่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่หานเซิ่นจะรอเธอ ดังนั้นเขาเลยไม่มีโอกาสที่โอนวิญญาณอสูรขั้นสุดยอดให้เธอ เนื่องจากพอเขาไปในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 แล้ว เขาจะไม่สามารถกลับมาที่เขต 1 ได้อีก และวิญญาณอสูรก็ไม่สามารถโอนกันภายนอกก็อตแซงชัวรี่ได้ ดังนั้นในอนาคตเธอจะต้องฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดด้วยตัวเอง   หานเซิ่นเรียนรู้จุดอ่อน และจุดแข็งของมอนสเตอร์ทุกตัวแล้ว ดังนั้นเขาสามารถสอนหานเหยียนเกี่ยวกับวิธีการจัดการพวกมันได้ในอนาคต   แต่ถ้าหานเหยียนไม่มีความสามารถถึงขั้นนั้น หานเซิ่นก็อาจจะไม่พูดถึงเรื่องมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด และปล่อยให้เธอวิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ เพราะเขาเห็นแก่ความปลอดภัยของเธอเป็นหลัก   ‘ถ้าเราอยู่ที่นี่ เราจะไม่มีทางปล่อยให้เหยียนต้องลำบากเหมือนกับเราในช่วงแรก ถ้าเธอสามารถวิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยขั้นสุดยอดก็จะเป็นอะไรที่วิเศษมาก แต่น่าเสียดายที่เรารอขนาดนั้นไม่ได้ แต่แค่นี้ก็น่าจะโอเคแล้ว’ หานเซิ่นคิด ตอนนี้เขาทำทุกอย่างที่เขาพอจะทำได้แล้ว   ในออฟฟิศส่วนกลางของหน่วยพิเศษ จ้งเจิ่นหงที่กำลังจัดการเอกสารด่วน ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู   “เจี้ยงเซิง ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญก็อย่าพึ่งเข้ามารบกวนฉัน” จ้งเจิ่นหงพูด หลังจากเห็นว่าคนที่มาเคาะประตูก็คือเลขาของเขา เจี้ยงเซิง   การทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการของหน่วยพิเศษไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาไม่ใช่ทำหน้าที่เพียงแค่จัดการบริหารสมาชิกในหน่วยเท่านั้น แต่เขายังต้องจัดการกับงานหลายอย่าง เช่นกันพิจารณางานที่พวกคนใหญ่คนโตขอให้ทำ บางครั้งมันก็ทำให้เขาหงุดหงิด และหมดความอดทน จนเขาต้องการจะดุใครสักคน   “ผู้การ หัวหน้าหน่วยพิเศษเสนอวิญญาณอสูรเพื่อจ้างพวกเราทำงาน” เจี้ยงเซิงพูดด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน   “อย่ามารบกวนฉันด้วยเรื่องพันนี้ บอกให้เขาทำตามขั้นตอนก่อนจะส่งเรื่องมา ฉันคงไม่ต้องสอนนายเกี่ยวกับเรื่องนั้นใช่ไหม?” จ้งเจิ่นหงรู้สึกหงุดหงิดที่เจี้ยงเซิงมารบกวนเขาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง   “หัวหน้าหน่วยพิเศษต้องการจะเรียกวิญญาณอสูรกับโควต้าการคุ้มครองสมาชิกในครอบครัวของเขา” เจี้ยงเซิงรู้ว่าจ้งเจิ่นหงอารมณ์ไม่ดี ซึ่งเขาก็เข้าใจว่าหัวหน้าต้องทำงานหลายอย่างภายใต้แรงกดดัน ดังนั้นเจี้ยงเซิงพูดอย่างอดทน แต่สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน   “ทุกคนๆก็ต้องการการคุ้มกันทั้งนั้น พวกเขาคิดว่าสมาชิกของหน่วยพิเศษมี 6 แขนกันรึยังไง?” ตอนนี้เรื่องที่เขากำลังพิจารณาอยู่ก็เกี่ยวข้องกับการขอให้คุ้มกันเหมือนกัน ทำให้เขายิ่งโกรธเมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยงเซิง   แต่กระนั้นเขาก็เข้าใจดีว่าเจี้ยงเซิงไม่ได้ทำอะไรให้เขา ดังนั้นเขาเลยต้องสงบอารมณ์เอาไว้ “เขาเป็นคนในหน่วยงานของพวกเรา พวกเราเป็นคนกันเองก็ควรจะพิจารณาเรื่องของเขาเป็นอันดับแรกๆ แต่ยังไงช่วงนี้พวกเราขาดสมาชิกฝีมือดี เพราะตอนนี้พวกฝีมือดีของเรากำลังยุ่งอยู่กับการคุ้มครองพวกลูกคนใหญ่คนโต ขอให้เขารอไปก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะรีบดูให้ทีหลัง”   เจี้ยงเซิงพูดต่อด้วยสีหน้าแปลกๆ “ผู้การ คนคนนั้นไม่ได้ต้องการให้คุ้มครองตอนนี้ แต่เป็นอีก 5-6 ปีข้างหน้า”   “เหลวไหล ทำไมเขาถึงมายื่นเรื่องตอนนี้ ในเมื่อเขาต้องการให้เราคุ้มครองในอีก 5-6 ปีข้างหน้า?” จ้งเจิ่นหงเอามือทุบโต๊ะด้วยความโกรธ   “ผู้การ ผมว่าคุณควรจะดูข้อมูลวิญญาณอสูรที่เขาเสนอมาก่อนนะครับ” เจี้ยงเซิงวางเอกสารตรงหน้าจ้งเจิ่นหง   “มันยังมีอะไรต้องดูกัน….อีก..” จ้งเจิ่นหงกำลังหัวเสีย แต่ทว่าหลังจากที่ได้ดูรายละเอียดของวิญญาณอสูรแต่ละดวงในเอกสารนั้นแล้ว เขาก็ต้องกลื่นคำพูดของเขาไป และเบิกตากว้าง    

Super God Gene – ตอนที่ 420 นกเพลิงอีกเเล้ว
Super God Gene – ตอนที่ 420 นกเพลิงอีกเเล้ว

กฎของการเทเลพอร์ตก็คือเมื่อเทเลพอร์ตออกจากก็อตแซงชัวรี่ พวกเขาจะถูกส่งมายังเครื่องเทเลพอร์ตเครื่องเดียวกับที่เขาใช้เทเลพอร์ตเข้าไป ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่เมืองไหนก็ตาม     ถ้าเครื่องเทเลพอร์ตได้รับความเสียหายแล้ว คนคนนั้นก็จะถูกส่งไปยังเครื่องเทเลพอร์ตที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งกฎนี้ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อว่าซีโร่จะบังเอิญเทเลพอร์ตเข้าไปในก็อตเเซงชัวรี่ด้วยเครื่องเดียวกับที่เขาใช้     เดิมทีหานเซิ่นคิดว่าจะสลัดการติดตามได้หลังจากเทเลพอร์ตออกมาจากก็อตแซงชัวรี่ แต่ดูเหมือนว่าเธอยังสามารถตามเขามาได้อยู่ดี ทำให้หานเซิ่นต้องขมวดคิ้ว     สาวน้อยคนนี้เหมือนกับระเบิดเวลา ดังนั้นหานเซิ่นไม่กล้าพาเธอไปที่บ้าน แต่อย่างไรก็ตามหานเซิ่นไม่สามารถไปแจ้งตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่าเธอเป็นชูร่าได้ เพราะไม่ว่าจะมองยังไงเธอก็ดูเหมือนกับมนุษย์ ทางสหพันธ์คงจะบอกว่าหานเซิ่นเสียสติหรือไม่บอกว่าเขาพยายามจะใส่ร้ายซีโร่     หานเซิ่นไม่รู้จะทำยังไงดี เขายืนมองหน้าซีโร่อยู่สักพัก จากนั้นเขาก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาตัดสินใจเทเลพอร์ตกลับไปที่ก็อตแซงชัวรี่     เมื่อเขากลับมาที่ห้องของเขาในสตีลอาเมอร์แล้ว หานเซิ่นก็จ้องไปที่เครื่องเทเลพอร์ตในห้องของเขาอย่างใกล้ชิด และแล้วสิ่งที่เขากังวลอยู่ก็เกิดขึ้น     ไม่นานนัก ซีโร่ก็ปรากฏตัวออกมาจากเครื่องเทเลพอร์ตด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ     ปรกติแล้วเครื่องเทเลพอร์ตที่อยู่ในห้องจะสามารถใช้ได้แค่เจ้าของห้องเท่านั้น สำหรับคนที่ไม่มีห้องจะสามารถใช้เครื่องเทเลพอร์ตสาธารณะประจำเมืองได้ แต่ทว่าซีโร่กับสามารถใช้เครื่องเทเลพอร์ตในห้องของหานเซิ่นได้ และยังสามารถเทเลพอร์ตไปจุดเดียวกับเขาตอนออกจากก็อตเเซงชัวรี่ เมื่อเขากลับมาเธอก็ยังสามารถตามเขากลับมาที่ห้องของเขาได้อีก     ‘บ้าเอ้ย! นี่มันเกิดอะไรเนี่ย?’ ตอนนี้ดูเหมือนไม่มีวิธีที่เขาจะสามารถกำจัดซีโร่ได้ หานเซิ่นตัดสินใจเทเลพอร์ตกลับไปสหพันธ์ดวงดาวอีกครั้ง และซีโร่ก็ตามมาอย่างที่คาด ถึงหานเซิ่นจะรู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น แต่เขาก็ยังรู้สึกแย่     ‘เหมือนว่าทางเดียวที่เราจะกำจัดเธอได้ก็คือเราต้องรีบวิวัฒนาการและไปก็อตแซงชัวรี่เขต 2’ หานเซิ่นใช้คอมของเขาอ่านข้อมูลในเมมโมรี่การ์ด เผื่อจะได้ข้อมูลที่มีประโยชน์     ไม่นานหานเซิ่นก็ต้องผิดหวัง ถึงจะมีข้อมูลมากมายบรรจุอยู่ในเมมโมรี่การ์ด แต่ทั้งหมดก็เกี่ยวข้องกับวิธีการผลิตยาปรับปรุงพันธุกรรม แทบไม่มีข้อมูลอะไรเลยนอกจากข้อมูลเทคโนโลยี     หานเซิ่นไม่ได้สนใจเกี่ยวกับยาปรับปรุงพันธุกรรม เท่าที่ดูเขาก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรที่พิเศษ และเขายังไม่ค่อยเข้าใจมันด้วย     หานเซิ่นไม่พบข้อมูลอะไรเกี่ยวกับซีโร่เลย และเขาก็ไม่สามารถพาเธอกลับไปที่บ้านได้ด้วย ดังนั้นหานเซิ่นจึงจำใจต้องกลับมาที่สตีลอาเมอร์     หานเซิ่นตัดสินใจพาซีโร่ออกไปล่ามอนสเตอร์ด้วย เนื่องจากเขายังต้องการจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิอีก 3 จีโนพ้อย ด้วย 3 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ บวกกับผลึกพลังชีวิตที่เขามีอยู่ หานเซิ่นน่าจะสามารถวิวัฒนาการได้เลย     หานเซิ่นเริ่มสงสัยแล้วว่าโชคของเขาหมดแล้วหรือเปล่า หรือไม่บางที่ซีโร่อาจจะนำพาโชคร้ายมาให้เขา ตลอดหลายวันมานี้ หานเซิ่นท่องไปทั่วทะเลทรายปีศาจ แต่เขายังไม่เจอมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิเลยสักตัว     หลังจากกินผลึกพลังชีวิตเสร็จ ในที่สุดเขาก็มีจีโนพ้อยขั้นสุดยอด 99 จีโนพ้อย เขาขาดอีกแค่ 1 จีโนพ้อยก็จะเต็มแล้ว ‘ดวงเราจะซวยไปไหนเนี่ย?!’ หานเซิ่นคิด ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ซีโร่ก็จะคอยเดินตามเขาเหมือนกับเงา เนื่องจากเธอไม่พูดอะไร และก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้เขา แม้หานเซิ่นต้องการจะดุหรือขู่ให้เธอกลัว แต่เขาไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรดี     ที่สำคัญด้วยระดับความแข็งแกร่งของซีโร่ หานเซิ่นไม่กล้าที่จะทำให้เธอโกรธ ถ้าเธอบ้าคลั่งขึ้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอจะทำอะไรบ้าง     หานเซิ่นต้องเดินทางไปทั่วทะเลทรายปีศาจ และในที่สุดเหมือนโชคของเขาจะกลับมาอีกครั้ง หานเซิ่นมองเห็นภูเขาที่อยู่ไกลออกไป มันดูเหมือนกับภูเขาไฟที่บนยอดปกคลุมไปด้วยหิมะ มันเป็นภูเขาลูกเดียวกับที่เขาเคยเห็นมอนสเตอร์เหมือนนกฟินิกซ์อย่างแน่นอน     หานเซิ่นรู้สึกดีใจมาก ขอแค่เขาฆ่ามอนสเตอร์ตัวนี้ได้ เขาจะได้จีโนพ้อยขั้นสุดยอดที่ขาดอยู่ เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะสามารถวิวัฒนาการ และสลัดการติดตามจากซีโร่ได้     ร็อคเวิร์มที่สวมชุดเกาะขั้นสุดยอดเกือบจะถูกทำลายโดยการโจมตีของซีโร่ ในตอนนี้มันยังคงฟื้นสภาพตัวเองอยู่ในจิตของหานเซิ่น ซึ่งในช่วงนี้เขาไม่สามารถเรียกมันออกมาใช้ได้     หานเซิ่นเรียกโฮลี่แองเจิลออกมา และสั่งให้เธอบินไปสำรวจพบภูเขา หานเซิ่นยังสงสัยเกี่ยวกับพลังของนกตัวนี้อยู่มาก เขาไม่กล้าที่จะเข้าไปเสี่ยงด้วยตัวเอง     โฮลี่แองเจิลบินตรงไปที่ยอดเขา ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงร้องของนกดังมาจากยอดเขา นกประหลาดที่ตัวห่อหุ้มด้วยเปลวไฟบินลงมาจากยอดเขา และบินเข้ามาหาโฮลี่แองเจิล     ผมยาวเป็นประกายของโฮลี่เเองเจิลกำลังปลิวไสวในอากาศ ดวงตาสีทองของเธอเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เธอกระพือปีก และเคลื่อนที่หลบนกเพลิงที่กำลังบินเข้ามา     นกเพลิงส่งเสียงร้อง และบินมาที่โฮลี่เเองเจิลอีกครั้ง โฮลี่แองเจิลและนกเพลิงเริ่มต่อสู้กันในอากาศ โฮลี่แองเจิลพยายามหลบการโจมตีของนกเพลิงอย่างต่อเนื่อง เธอหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเปลวไฟของมัน ในขณะที่นกเพลิงเองก็โจมตีอย่างระมัดระวัง ไม่เปิดช่องว่างให้โฮลี่เเองเจิลได้โจมตี     แม้การต่อสู้ของทั้ง 2 ฝ่ายจะดูค่อนข้างรุนแรง แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวกันสุ่มสี่สุ่มห้า ต่างฝ่ายต่างก็ระวัง หานเซิ่นเห็นว่าแม้แต่โฮลี่เเองเจิลก็ยังเกรงกลัวเปลวไฟของนกเพลิง และไม่กล้าที่จะเสี่ยงสัมผัสกับมัน     หานเซิ่นมีระดับความแข็งแกร่งต่ำกว่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอด ดังนั้นแม้ว่าหานเซิ่นจะอยากเข้าไปช่วยสู้แค่ไหน เขาก็อาจจะไปเป็นภาระมากกว่าช่วย     อย่างไรก็ตามหานเซิ่นก็วิตกกังวลมาก เมื่อเห็นโฮลี่แองเจิลต่อสู้กับนกเพลิงอย่างสูสี ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบไหนก็ไม่แปลก ทั้ง 2 ฝ่ายต่างสู้กับแบบระวังตัว     แต่หานเซิ่นก็ไม่มีวิธีแก้ปัญหา ถ้าเกิดชุดเกราะขั้นสุดยอดไม่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของซีโร่ เขาคงจะให้โฮลี่แองเจิลใส่มันไปแล้ว ซึ่งมันอาจจะช่วยป้องกันเธอจากเปลวไฟได้ ถ้าเป็นแบบนั้นป่านนี้นกเพลิงก็น่าจะถูกฆ่าไปแล้ว     ‘เรานี่โชคร้ายจริงๆ’ หานเซิ่นหันไปมองซีโร่ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ     หลังจากที่ได้เห็นหน้าของซีโร่ ตาของหานเซิ่นก็เป็นประกายขึ้นมา เขาคิด ‘อยากรู้จังว่าหล่อนจะยอมช่วยเรารึเปล่า ถ้าหากเราขอให้หล่อนไปฆ่านกเพลิง ยังไงหล่อนก็ไม่ได้สนใจผลึกพลังชีวิต ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าหล่อนจะเก็บผลึกพลังชีวิตไว้เอง’     “เอ่อ…ซีโร่ ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นลังเลก่อนจะตัดสินใจพูด     หลังจากที่ได้ยิน ซีโร่ไม่แม้แต่จะหันมามองหานเซิ่น เธอกระโดดขึ้นไปทันที ด้วยการกระโดด เธอไปถึงยอดภูเขาด้วยก้าวเพียงไม่กี่ก้าว เธอยื่นมือไปที่นกเพลิง และจับมัน ขณะที่มันกำลังสู้กับโฮลี่เเองเจิลอยู่     VIPถึงตอนที่ 1299 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/