Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 554 ชายผู้เป็นตำนานแห่งทุ่งน้ำแข็ง
Super God Gene – ตอนที่ 554 ชายผู้เป็นตำนานแห่งทุ่งน้ำแข็ง

  เมืองแบล็คก็อตเปลี่ยนผู้นำภายในเวลาชั่วข้ามคืน นี่เป็นข่าวที่ทำให้ทุกคนต้องช็อค   แถมเมืองแบล็คก็อตยังเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองเทพธิดาแล้วด้วย ซึ่งเมืองที่อยู่ใต้อิทธิพลของเมืองแบล็คก็อตเองก็ต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเมืองเทพธิดาเช่นเดียวกัน   ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก   หลายๆคนต้องการยืนยันว่าข่าวลือ พวกเขารีบเดินทางไปเมืองแบล็คก็อต และสอบถามเรื่องราวจากคนที่รู้จักกัน ผลปรากฏว่าทุกอย่างเป็นความจริง ทำให้ตอนนี้ชื่อของหานเซิ่นก็ดังกระฉ่อนไปทั่วทุ่งน้ำแข็งแล้ว   “แบล็คก็อตพาคน 300 คนไปโจมตีเมืองเทพธิดา ซึ่งในนั้นก็มีผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 6 คนร่วมอยู่ด้วย แต่ทว่าหานเซิ่นเพียงคนเดียวกับทำลายกองทัพของเขาย่อยยับได้ จากนั้นหานเซิ่นก็บุกยึดทุกอย่างของแบล็คก็อตภายในคืนเดียว!” “พวกนายยังไม่รู้ใช่ไหมว่าหานเซิ่นสูงตั้ง 8 ฟุต? เขาแข็งแกร่งราวกับปีศาจ! แบล็คก็อตพาทหารมีฝีมือไปกับเขา 3000 คน พวกเขาสู้กันอยู่ 3 วัน 3 คืน แต่ปรากกว่าหานเซิ่นไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน” “นายแน่ใจใช่ไหม? ทำไมฉันได้ยินว่ามากองทัพของแบล็คก็อตคือ 30000 คน และหานเซิ่นก็ฆ่าคนไปเป็นหมื่นๆ ทำให้ภูเขาหิมะกลายเป็นทะเลเลือด ซากศพนอนตายเกลื่อนไปหมด” “พวกนายกำลังพูดเรื่องอะไรกัน หานเซิ่นเป็นผู้หญิงรูปงาม พวกนายไม่รู้หรอ?” “ใครเชื่อก็โง่แล้ว เขาจะเป็นผู้หญิงได้ไงนั่นมันชื่อผู้ชาย!” “เอ่อ ฉันคิดว่ามันเริ่มเวอร์ไปใหญ่แล้ว ถ้าพวกนายอยากจะรู้เรื่องจริงๆ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง จริงๆแล้วเรื่องมันเป็นแบบนี้…” …   ตำนานของหานเซิ่นแพร่กระจายไปทั่วทุ่งน้ำแข็ง แต่ยิ่งมันถูกเล่าต่อๆกัน มันก็จะยิ่งถูกเติมแต่งเพิ่มความเวอร์ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่คนเข้าใจเหมือนกันก็คือ หานเซิ่นยึดเมืองแบล็ตก็อตภายในคืนเดียว   ในตอนที่หลี่ซิงหลุนและฟิลิปได้ยินข่าว มันเป็นเวอร์ชั่นที่หานเซิ่นฆ่าผู้วิวัฒนาการ 30000 คนได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว ซึ่งมันทำให้พวกเขาช็อคจนตกเก้าอี้   การฆ่าคนจำนวนมากและขยายอาณาเขตมากขนาดนี้ในคืนเดียว มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับพวกเขามาก แต่เดิมแค่ผู้ครองเมืองคือเเบล็คก็อตก็น่ากลัวพออยู่แล้ว   เหตุผลที่หานเซิ่นสามารถยึดเมืองได้ภายในคืนเดียวก็เพราะความช่วยเหลือจากถังเตียงลิ่ว   ถังเตียงลิ่วบอกหานเซิ่นว่าแค่เขาฆ่าแบล็คก็อตก็พอแล้ว ที่เหลือให้เป็นหน้าที่เขา หานเซิ่นเลยตัดสินใจลองทำดู ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นหมดปัญหาเรื่องการยึดอำนาจจากเเบล็คก็อต   แต่ถึงถังเตียงลิ่วจะทำไม่ได้ หานเซิ่นก็จะพาคนไปยึดเมืองมาเองอยู่แล้ว แม้จะต้องใช้เวลามากกว่า 1 คืนก็ตาม แต่ยังไงไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องยึดมาจนได้   แต่ผลปรากฏว่าถังเตียงลิ่วสามารถคุยกับคนที่อยู่เบื้องหลังแบล็คก็อตได้ เขาเจรจาจนทำให้หานเซิ่นสามารถครอบครองเมืองแบล็คก็อตได้อย่างราบลื่น ตอนนี้ผู้ติดตามของแบล็คก็อตก็กลายมาเป็นผู้ติดตามของหานเซิ่นแทน   หลี่ซิงหลุนและฟิลิปกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองแบล็คก็อต พวกเขาต้องการจะไปดูให้เห็นกับตาว่าข่าวที่พวกเขาได้ยินมาคือเรื่องจริงรึเปล่า หลังจากมาถึงพวกเขาก็เห็นว่าเมืองของเเบล็คก็อตยังคงตั้งอยู่อย่างสงบเหมือนปรกติ แต่ตอนนี้ผู้นำก็คือหานเซิ่น ถึงพวกเขาจะรู้สึกดีที่เห็นหานเซิ่นเป็นผู้ครองเมืองมากกว่าแบล็คก็อต แต่ยังไงพวกเขาก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี   หานเซิ่นยังไม่มีแผนที่จะควบรวมเมืองบนทุ่งน้ำแข็งให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งถ้าเขาทำแบบนั้นได้ เขาจะได้รับประโยชน์มากมาย แต่กระนั้นตอนนี้กำลังของเขายังมีไม่พอ คนส่วนมากยังไม่ได้สมัครใจอยู่ใต้คำสั่งของเขาโดยสมบูรณ์ การจะพึ่งพาคนพวกนี่ไปยึดเมืองทุกเมืองบนทุ่งน้ำแข็งจึงเป็นไปไม่ได้ แต่ถึงจะยึดได้ คนที่เขาพอไว้ใจได้ก็ยังไม่พอที่จะดูแลเมืองมากมายขนาดนั้น   ตอนนี้หานเซิ่นต้องการที่จะหาทางร่วมมือกับหลี่ซิงหลุนและฟิลิปในการไปตีเมืองสปิริตราชวงศ์มากกว่า เขาจำเป็นต้องพึ่งพากำลังจากทั้ง 3 ขั่วอำนาจ เขาคนเดียวยังมีกำลังไม่พอที่จะตีเมืองสปิริตราชวงศ์ได้   หลี่ซิงหลุนและฟิลิปต่างก็โล่งอกที่เห็นหานเซิ่นไม่มีความคิดที่จะยึดเมืองทุกเมืองในทุ่งน้ำแข็ง   การยึดเมืองของแบล็คก็อตมาทำให้เขาได้ผลประโยชน์มหาศาล ไม่เพียงแค่เขาจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่เขายังได้รับข้อมูลและกำลังคนที่มีความสามารถมาครอบครองด้วย   บนทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ยังมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอยู่อีกมากมาย แม้กำลังของเมืองแบล็คก็อตจะไม่สามารถกวาดล้างพวกมันได้หมด แต่อย่างน้อยๆข้อมูลและกำลังคนก็ทำให้เขารู้ที่อยู่ของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิมากขึ้น   ซึ่งข้อมูลพวกนี้แลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย รวมถึงเลือดเนื้อของผู้ที่รวบรวมมันมา พวกเขาต้องใช้เวลาในการรวบรวมนานมากกว่าที่จะได้ข้อมูลภูมิประเทศแถบนี้โดยละเอียด   “ดูเหมือนว่าทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้จะมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิมากกว่าที่เราคิดไว้ แต่คนของเรายังมีไม่พอที่จะกวาดล้างพวกมันได้หมดในเวลาสั้นๆ” หลังจากที่ได้ข้อมูลมาหานเซิ่นก็ตัดสินใจจะไปล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ   แม้เขาจะฝึกวิชาดาบคู่ใกล้สมบูรณ์แล้ว แต่เขาก็ยังไม่มีดาบเลือดศักดิ์สิทธิ ซึ่งเขาต้องการถึง 2 เล่ม ไม่งั้นแล้วถึงวิชาของเขาจะร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่สามารถสู้กับสปิริต 2 พี่น้องได้ การเอาชนะพวกเธอด้วยดาบระดับกลายพันธ์ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย เพราะดาบกลายพันธ์จะถูกฟันหักอย่างง่ายดายเมื่อต้องสู้กับพวกเธอ   แต่หลังจากที่หานเซิ่นศึกษาข้อมูลดีๆแล้ว เขาพบมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิแต่ละตัว คือมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิระดับที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งมาก   แต่มันก็สมเหตุสมผลอยู่ เพราะถ้าพวกมันฆ่าได้ง่ายๆ แบล็คก็อตคงจะพาคนไปฆ่ามันตั้งนานแล้ว ตัวที่เหลืออยู่แสดงว่าพวกเขาไม่สามารถฆ่ามันได้ ดังนั้นความแข็งแกร่งของพวกมันจะต้องไม่ธรรมดาแน่   หานเซิ่นดูข้อมูลมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิทีละตัวๆ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจว่าจะไปสู้กับตัวไหน เขาต้องศึกษาข้อมูลให้มากที่สุด   หลังจากที่ดูข้อมูลของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอยู่นาน ในที่สุดเขาก็เจอมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่จะให้วิญญาณอสูรประเภทดาบ   มันคืออสรพิษเนตรเงิน พวกมันอาศัยอยู่กันเป็นฝูงใหญ่ พวกมันมีทั้งระดับโบราณ กลายพันธุ์แล้วก็เลือดศักดิ์สิทธิ ซึ่งพวกมันจะให้วิญญาณอสูรประเภทดาบ   แต่จุดที่พวกมันอยู่ก็คือบริเวณหุบเขาน้ำแข็ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อันตรายมาก มันยากสำหรับเขาที่จะนำคนออกไปในที่ที่อยู่ห่างไกลแบบนั้น แถมพวกมอนสเตอร์ยังอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ และความแข็งแกร่งของพวกมันก็ไม่ธรรมดา เกล็ดของมันยากมากที่อาวุธจะแทงมันเข้า แถมพวกมันยังมีพละกำลังมหาศาล เขี้ยวที่มีพิษของมันสามารถกัดทะลุโล่ระดับเลือดศักดิ์สิทธิได้ แถมพวกมันยังบินได้อีก   ตามข้อมูลที่บันทึกมา พวกเขาเคยไปล่ามันหลายครั้งแล้ว รวมทั้งแบล็คก็อตเองก็เคยไปล่ามันด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง แต่ผลปรากฏว่าล้มเหลว ไม่ว่าจะพยายามยังไง พวกเขาก็ไม่สามารถฆ่าอสรพิษเนตรเงินได้   ในระหว่างที่หานเซิ่นกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก จูถิงก็เดินเข้ามา พร้อมกับยิ้ม “ลูกพี่ไม่ได้กำลังพักผ่อนอยู่หรอ?”   “ไม่ ทำไมหรอ? มีเรื่องอะไร?” หานเซิ่นยิ้มให้จูถิง ที่ผ่านมาคนคนนี้ยังคงซื่อสัตย์ต่อเขาอยู่ ถ้าเขายังทำตัวแบบนี้ต่อไป หานเซิ่นก็ยินดีที่จะให้เขาอยู่ในกลุ่มเทพธิดาต่อไป   “ผมมีอะไรจะเสนอให้ลูกพี่ แต่ไม่รู้ว่าลูกพี่จะสนใจมันรึเปล่า” จูถิงหยิบของออกมาโชว์ให้หานเซิ่นดูอย่างระมัดระวัง  

Super God Gene – ตอนที่ 553 สังหารแม่ทัพ
Super God Gene – ตอนที่ 553 สังหารแม่ทัพ

  หานเซิ่นที่กำลังล่วงลงมาจากอากาศ แต่เขากลับสามารถกระโดดขึ้นไปอีกครั้ง ราวกับเขาเหยียบบันไดที่มองไม่เห็น เขาสลัดการติดตามทั้งหมด และพุ่งตรงไปหาแบล็คก็อต   ทุกคนอึ้ง ความสามารถในการเหยียบอากาศสำหรับคนปรกติธรรมดาแล้วมันเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติ พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง   เหยียบเมฆาของตระกูลเฉิน ถึงมันจะไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับเซเว่นทวิสต์ที่สามารถเหยียบอากาศได้ถึง 7 ครั้ง แต่แค่ครั้งเดียวมันก็เพียงพอที่จะทำให้หานเซิ่นไปถึงตัวแบล็คก็อตได้   เเบล็คก็อตยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นหานเซิ่นพุ่งเข้ามา เขารู้ว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะหนี เขายังคงส่งเสียงตะโกนเหมือนกับลิงป่า   “ฆ่ามัน!” แบล็คก็อตกรีดร้องออกมา ดาบยาวของเขาหายไปในอากาศด้วยความเร็วแสง จากนั้นมันก็ไปปรากฏอีกทีบริเวณใบหน้าของหานเซิ่น   เขาใช้มีดทอร์นาโดได้อย่างเฉียบขาด ถึงเขาจะยังรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ก็ตาม พลังที่เขาใส่ไปในการโจมตีครั้งนี้สูงอย่างไม่น่าเชื่อ ดาบของเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงเกินกว่าที่ตาของมนุษย์จะมองเห็น   หลังจากที่เห็นว่าดาบของเขาปรากฏใกล้ใบหน้าของหานเซิ่น อยู่ๆแขนของเขาก็ชาไปในทันที มันทำให้เขาแทบจะถือดาบไม่ได้อีกต่อ ในเวลาเดียวกันเขาก็เห็นเลือดจำนวนมากพุ่งออกมา เส้นผมสีทองของหานเซิ่นที่ถูกตัดขาดปลิวไสวในอากาศ   หานเซิ่นใช้หมัดป้องกันดาบของแบล็คก็อต แต่แทบจะไม่มีใครดูทันเลยเนื่องจากทุกอย่างมันเกินขึ้นเร็วมาก ในเวลาเดียวกันมืออีกข้างที่คมเหมือนกับมีดของหานเซิ่นก็ฟันไปที่คอของเเบล็คก็อต   แบล็คก็อตต้องการจะโจมตีอีกครั้ง แต่ร่างกายของเขาไม่ยอมขยับตาม ไม่เพียงแค่นั้นเขายังสังเกตเห็นว่าภาพที่เขามองเห็นมันเริ่มเบลอๆแล้ว   ใบหน้าของหานเซิ่นเหมือนกับว่าอยู่ไกลออกไป แบล็คก็อตรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังบินอยู่ในอากาศ   มันแปลกมากสำหรับแบล็คก็อต เพราะตอนนี้เขามองเห็นร่างกายที่คุ้นเคยในชุดเกราะสีดำกำลังนั่งอยู่บนหลังหมาป่า แต่ไม่มีหัว มีเลือดพุ่งออกมาจากคอราวกับน้ำพุ่ง เเบล็คก็อตช็อค ตาของเขาเบิกกว้างจนแทบจะหลุดออกจากเบ้า   ทั่วทั้งสนามรบเงียบกริบ สายตาทุกคนกำลังจ้องมองหัวที่กำลังล่วงลงมาบนพื้น พวกเขาช็อคมาก ไม่มีใครอยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น   ผู้ครองเมืองแบล็คก็อต ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในทุ่งน้ำแข็ง นักสู้ที่เป็นเจ้าของวิชามีดปีศาจล่องหน หัวของเขาถูกตัดด้วยฝ่ามือของคนคนเดียว ท่ามกลางกองทัพของเขาเอง ทุกคนเบิกตากว้าง ตัวของพวกเขาเหมือนกับถูกแช่แข็ง ทุกคนมองไปที่ชายหนุ่มผมบลอนด์ที่ดูเหมือนกับเทพพระเจ้าเป็นสายตาเดียว   การบุกเดี่ยวเข้าไปฆ่าแบล็คก็อตท่ามกลางนักรบที่คุ้มกันนับ 100 อย่างง่ายดาย แค่นี้มันก็เพียงพอที่จะมอบความกลัวให้กับคนอื่นๆ ตอนนี้หานเซิ่นดูเหมือนกับเทพไม่ก็ปีศาจ พวกเขาหมดหนทางสู้   “บ้า..น่าา” จูถิงอ้าปากกว้างจนพอจะยัดไข่ไก่เข้าไปได้ทั้งฟอง   ผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 6 คนและผู้วิวัฒนาการที่ระดับความแข็งแกร่งเกิน 60 อีก 237 คนไม่มีใครหยุดหานเซิ่นได้เลย ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถต่อต้านอะไรได้ พวกเขาค่อยๆถูกตัดหัวไปทีละคนทีละคนด้วยมือเปล่าๆ หัวนับ 100 ร่วงเกลื่อนพื้นไปหมด ไม่มีใครอยากเชื่อสิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่ตอนนี้   ใบหน้าของหยางม่านลี่แดงด้วยความช็อคและตื่นเต้น หัวใจของเธอเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ แม้แต่เธอที่เห็นพัฒนาการของหานเซิ่นมาตลอด ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเขาจะฆ่าแบล็คก็อตได้ ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแบบนี้ ถึงจะต้องเจอกับค่ายกล แต่มันก็ไร้ความหมายต่อเขา แค่กวัดแกว่งมือเปล่าๆเขาก็สามารถตัดหัวของคนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย   “เป็นพลังที่มหัศจรรย์จริงๆ ตอนนี้ก็รู้กันชัดๆแล้วว่าเขาคือทาญาติของหานจิงจือแน่นอน” ลุงชิงพึมพำ   พวกคนที่ต้องการจะเปิดประตูตอนแรกต่างก็ช็อค บางคนถึงกับเข่าทรุด พวกเขาไม่อยากเชื่อว่าหานเซิ่นจะสามารถลุยเดี่ยวเข้าไปฆ่าแม่ทัพของศัตรูได้อย่างง่ายดาย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นใน 2-3 นาทีเท่านั้น   ตอนนี้พวกเขาหน้าซีด และมีเหงื่อไหลออกมา ถ้าหานเซิ่นกลับเข้าเมืองมาเมื่อไหร่ และถ้าหานเซิ่นรู้ว่าพวกเขาทำอะไรลงไป พวกเขาก็อาจจะหัวหลุดจากบ่าได้ง่ายๆ   หลายคนหันหลังและวิ่งหนีตรงไปที่เครื่องเทเลพอร์ต เพราะตอนนี้หานเซิ่นกำลังไล่ตัดหัวคนอื่นๆที่อยู่นอกเมือง จนเหมือนกับเป็นแค่เกมเท่านั้น แล้วพวกเขาจะเหลืออะไรถ้าหานเซิ่นกลับมา   คนจำนวนมากแย่งกันเข้าเครื่องเทเลพอร์ต มันเป็นภาพที่เหมือนกับฝูงควายอพยพ พวกเขาพยายามแย่งกันเข้าเครื่องเทเลพอร์ตด้วยความสิ้นหวัง   มันคงจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่พวกเขาจะกล้าโผล่หน้ากลับมาที่เมืองอีกครั้ง และไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงไม่มีใครกล้าหือกับหานเซิ่นอีกแน่นอน   ที่นอกเมืองผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ทั้ง 6 คนยืนแข็งทื่อ พวกเขาเคยเห็นคนที่แข็งแกร่งมามาก แต่พวกเขายังไม่เคยเห็นปีศาจแบบนี้มาก่อน   หัวใจของพวกเขาแทบจะหยุดเต้น พวกเขาเลิกคิดที่จะสู้แล้ว พวกเขาทำตามคำสั่งของแบล็คก็อตเพียงเพราะพวกเขาหวังจะอยู่สุขสบายที่ก็อตเเซงชัวรี่ พวกเขายังไม่อยากจะตาย   ในเมื่อหัวหน้าของเขาหัวขาดไปแล้ว มันก็ไม่มีแรงจูงใจหรือเหตุผลที่จะต้องสู้อีกต่อไป ในหัวของพวกเขาเอาแต่คิดถึงภาพที่หานเซิ่นหลบการโจมตีของพวกเขาได้ทั้งหมดและเข้าไปฆ่าแบล็คก็อต มันเป็นภาพที่ฝังอยู่ในใจของพวกเขา   ตอนนี้พวกเขาทั้ง 6 คนวางอาวุธและอยู่นิ่งๆ คนอื่นๆที่เหลือเองก็หยุดนิ่งเช่นกัน พวกเขาไม่มีใจจะต่อสู้อีกต่อไป   “หานเซิ่น ที่พวกเราทำไปก็เพราะพวกเราทำตามคำสั่งของเเบล็คก็อต” ผู้วิวัฒนาการคนหนึ่งพูด ท่ามกลางความเงียบสงัด “พวกเราทำตามความต้องการส่วนตัวของเขา นี่มันไม่ใช่ความตั้งใจจริงๆของพวกเรา พวกเราไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งหรือบาดหมางอะไรกับนาย ตอนนี้แบล็คก็อตก็ตายไปแล้ว สู้ต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร พวกเราจะสงบศึกกันดีไหม?”   “ใครก็ตามที่คิดมาโจมตีเมืองของฉันก็คือศัตรู ฉันจะทำยังไงกับศัตรูมันก็เรื่องของฉัน” หานเซิ่นพูดอย่างเยือกเย็น   “ถ้าพวกเราสู้ตายเพื่อดิ้นร่นเอาชีวิตรอดกันจริงๆ นายก็ต้องเหนื่อยอีกมาก” ผู้วิวัฒนาการอีกคนพูดขึ้นมาด้วยเสียงสั่นๆ เห็นได้ชัดว่าจริงๆแล้วเขาอยากจะหนีมากกว่าที่จะสู้ตายกับหานเซิ่น   “ไหนๆพวกนายก็มาอยู่ที่นี่แล้ว พวกนายก็ต้องเลือกแล้วว่าจะสู้ตายกับฉันจนกว่าจะเหลือคนสุดท้ายหรือว่าจะยอมมาติดตามฉัน พวกนายจะต้องตามฉันกลับไปยึดเมืองแบล็คก็อต ซึ่งนี่ก็เท่ากับว่าพวกนายทุกคนจะต้องมาเป็นทหารของเมืองเทพธิดา” หานเซิ่นพูด   “เอ่อ..” พวกเขารู้สึกลังเล ข้อเสนอของหานเซิ่นมันดูเกินไปจริงๆ แต่พวกเขาก็กลัวจนไม่กล้าสู้กับหานเซิ่นเช่นกัน ถึงตอนนี่พวกเขาจะมีกันเป็น 100 คน พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ   แต่การยอมแพ้และกลับไปยึดเมืองเเบล็คก็อต มันเท่ากับเป็นการทรยศ แบล็คก็อตมีเส้นสายอยู่ที่สหพันธ์ดวงดาว ถ้าพวกเขาทรยศถึงขั้นนั้น พวกเขากลัวว่าถ้ากลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว พวกเขาน่าจะรอดยาก   “ฉันรู้จักคนที่ให้การสนับสนุนเเบล็คก็อตดี หลังจากที่พวกนายกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว พวกนายไม่ต้องกลัว เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะจัดการให้เอง” หานเซิ่นรู้เบื้องหลังของแบล็คก็อตมาจากถังเตียงลิ่ว ถังเตียงลิ่วบอกว่าเขาจะเป็นคนจัดการปัญหา หลังจากที่ฆ่าแบล็คก็อตให้เอง   หลังจากที่ได้ยินพวกเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ไม่ว่าที่หานเซิ่นพูดมาจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม แต่อย่างน้อยๆหานเซิ่นก็หาเหตุผลที่จะไม่ต้องสู้กันให้แล้ว   “พวกเรายินดีจะเข้ากับเมืองเทพธิดา และจะติดตามคุณในฐานะหัวหน้าของเรา” พวกเขาหลายๆคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน   คนในเมืองเทพธิดาต่างก็ตกตะลึง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อไม่กี่นาทีก่อนพวกเขายังสู้กันแบบเอาเป็นเอาตายอยู่เลย แต่ตอนนี้พวกเขากับมาอยู่ใต้คำสั่งของหานเซิ่นแล้ว   ในสายตาของพวกเขา ยังไงกองทัพของแบล็คก็อตที่หลืออยู่ก็ยังทรงพลังมาก แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่ตอบโต้ แต่กลับยอมแพ้ง่ายๆแบบนั้น?     Facebook Page : SSG ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 1587 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 552 หวาดกลัว
Super God Gene – ตอนที่ 552 หวาดกลัว

  ตั้งแต่ที่เขาเริ่มฝึกศาสตร์ตงเสวียนอย่างจริงจัง ประสาทการรับรู้ของหานเซิ่นก็สูงขึ้นมาก และเมื่อเขาเข้าสู่โหมดการหายใจขั้นสูงสุด เซลล์ในร่างกายของหานเซิ่นสามารถหายใจได้อย่างอิสระ ซึ่งเขาไม่ต้องพึ่งพาจมูกและปอดอีกต่อไป   ที่ผ่านมา หานเซิ่นจะต้องควบคุมจังหวะการหายใจ เพราะมันมีผลต่อการให้พลังงาน แต่ตอนนี้หานเซิ่นสามารถลืมเรื่องนี้ไปได้เลย เขาสามารถใช้พลังงานหรือเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ   เนื่องจากประสาทสัมผัสที่พัฒนาขึ้นจากการฝึกศาสตร์ตงเสวียน ทำให้หานเซิ่นสามารถรับรู้ทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้นในสนามรบแห่งนี้   ไม่มีแม้แต่การเคลื่อนไหวเดียวที่รอดพ้นจากการรับรู้ของหานเซิ่นไปได้ เขาแทบจะไม่ต้องหันไปมอง   ด้วยฟุตเวิร์คอันเหนือชั้น ถึงเขาจะถูกล้อมด้วยคนจำนวนมาก เขาก็สามารถหลบหลีกได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ละก้าวของเขาถูกกำหนดมาแล้ว เขาใช้จุดบอดของแต่ละคนเพื่อหลบเลี่ยง   มันดูน่าเหลือเชื่อมากที่หานเซิ่นสามารถทำแบบนี้ได้ ด้วยความสามารถในการรับรู้ระดับนี้ มันราวกับว่าเขากำลังมองดูสนามรบจากที่ที่อยู่สูงขึ้นไป   ทั้งสนามรบเหมือนกับกระดานหมากรุกสำหรับหานเซิ่น เขาสามารถควบคุมมันได้ดั่งใจ   ตอนนี้ผู้วิวัฒนาการทั้ง 6 คนรู้สึกหัวเสียมาก พวกเขาพยายามจะหยุดหานเซิ่นให้ได้ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะก้าวไปทางไหนก็จะกลายเป็นจุดอับทันที เมื่อพวกเขาคิดได้ว่าควรจะไปทางไหน เพื่อนๆของเขาก็คิดเช่นเดียวกัน ทำให้พวกเขามาขวางทางกันเอง การที่มีคนมากกับกลายเป็นอุปสรรคของพวกเขาไป   มันเป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อมาก ราวกับว่าผู้วิวัฒนาการที่ระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ทั้ง 6 คนกลายเป็นผู้ช่วยของหานเซิ่นไปเลย   แม้หานเซิ่นจะเข้าใจเทคนิคการไคท์ติ้งอย่างลึกซึ้ง แต่การที่เขาทำได้ถึงขนาดนี้ก็เป็นเพราะประโยชน์จากการฝึกศาสตร์ตงเสวียน ทุกสิ่งทุกอย่างใสราวกับแก้ว หานเซิ่นสามารถอ่านสถานการณ์ออกทั้งหมด วิชานี้มันมอบพลังของเทพและปีศาจให้กับใครก็ตามที่สามารถฝึกและเข้าใจมัน   แม้หานเซิ่นยังไม่ถึงขั้นผู้เป็นเลิศที่สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้ แต่แค่ตอนนี้มันก็เพียงพอแล้วที่เขาจะต่อสู้กับคู่ต่อสู้ระดับแค่นี้ คู่ต่อสู้อ่อนเกินไปสำหรับเขา เขาสามารถอ่านใจทุกคนได้อย่างทะลุปุโปร่ง ทำให้ไม่มีใครหยุดเขาได้   เมื่อเห็นว่าไม่มีใครหยุดหานเซิ่นได้ แบล็คก็อตก็หน้าซีดทันที เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหานเซิ่นจะเป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาเคยสู้ด้วยเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้เขาเริ่มปิดกั้นความกลัวเอาไว้ไม่อยู่แล้ว   “ฆ่ามัน!” แบล็คก็อตตะโกนอย่างตื่นตระหนก ขณะที่ถอยหนีไปด้วย เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี คู่ต่อสู้มีเพียงแค่คนเดียว แต่ก็ไม่มีใครหยุดเขาได้ ตอนนี้คู่ต่อสู้ที่เหมือนกับปีศาจกำลังล็อคเป้ามาที่เขา เขารู้สึกกลัวมากจนต้องถอยหนีออกมา เขาไม่กล้าที่จะเข้าไปสู้ตัวต่อตัวกับหานเซิ่นอีกแล้ว   ผู้วิวัฒนาการทั้ง 237 คนพยายามอย่างหนักที่จะสกัดหานเซิ่นเอาไว้ พวกเขาใช้หอกสร้างเป็นกำแพงหอกขึ้นมา เพื่อสกัดการเคลื่อนไหวของหานเซิ่นเอาไว้ หอกของพวกเขาผสานกันเหมือนกับตระข่าย และเคลื่อนไหวขึ้นลงเหมือนกับคลื่นทะเล   คนในเมืองเทพธิดาช็อค กองทัพของแบล็คก็อตเต็มไปด้วยคนที่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ และยังรู้จักค่ายกล พวกเขาไม่ใช่กลุ่มคนธรรมดาๆ แต่เหมือนจะเป็นนักรบที่ถูกฝึกมาอย่างดี การโจมตีผสานหรือการใช้ค่ายกลแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาๆจะทำได้ เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาจะต้องฝึกซ้อมมาอย่างหนัก   สมาชิกกลุ่มเทพธิดาทุกคนมองไปยังสนามรบด้วยความกังวล ตอนนี้ชะตาของทุกคนขึ้นอยู่กับหานเซิ่นคนเดียว แต่กระนั้นกองทัพของศัตรูก็ดูจะทรงพลังจริงๆ   หานเซิ่นจะต้องต่อสู้กับกองทัพที่มีประสิทธิภาพขนาดนี้ มันยากมากที่เขาจะเอาชนะได้ ถ้าหากเขาไม่มีพลังมากพอที่จะทำลายค่ายกลนี้ได้   กองทัพของแบล็คก็อตมีระดับความแข็งแกร่งที่น่าประทับมาก และยังมีการผสานงานที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ พวกเขาดูเหมือนกับเครื่องจักรที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ถ้าความเร็วและพลังของหานเซิ่นไม่มากพอ ก็คงไม่มีทางหยุดเครื่องจักรนี้ได้   ถ้าหากหานเซิ่นต้องการจะเข้าไปฆ่าพวกเขาสัก 2-3 คน ก็อาจจะถูกคนอื่นๆในค่ายกลนั้นฆ่าตายได้ และที่สำคัญหานเซิ่นก็ไม่ได้สวมชุดเกราะอะไรเลย ร่างกายของเขาไม่น่าจะทนการโจมตีจากอาวุธวิญญาณอสูรได้เลย ถ้าเขาพลาดถูกโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว สถานการณ์ก็จะวิกฤติทันที   หานเซิ่นสวมเพียงแค่ชุดต่อสู้แบบมาตรฐานของสหพันธ์ดวงดาว แต่ทันใดนั้นชุดของเขาก็เปลี่ยนเป็นชุดเกราะสีแดง ผมของเขายาวขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีบลอนด์ ตาของเขามีสีทองเป็นประกาย และบนหัวของเขาก็มีมงกุฎปรากฏขึ้นมา   หลังจากที่เขาเปลี่ยนเป็นแฟรี่ควีน ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกก็ดูช้าลงไปในทันที หอกที่ตรงเข้ามาดูเหมือนกับภาพสโลโมชั่นสำหรับเขา   เขาดูเหมือนกับผีเสื้อเต้นระบำ ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก เขาใช้ช่องว่างระหว่างหอกแต่ละอันให้เป็นประโยชน์ หลังจากที่เขาสามารถผ่านค่ายกลมาได้ เขาก็วิ่งตรงเข้าไปหาแบล็คก็อตทันที   ผู้วิวัฒนาการทุกคนที่ถูกหานเซิ่นผ่านไปได้ต่างก็อึ้ง พวกเขารู้สึกสับสนจากก้นบึ้งของหัวใจ ทิศทางที่หานเซิ่นเลือกใช้ผ่านออกไปมันแปลกสำหรับพวกเขามาก มันดูเหมือนกับว่าเขาต้องการไปในอีกทิศทางหนึ่ง แต่แล้วอยู่ๆเขาก็เปลี่ยนทิศทางทันที มันดูเหมือนกับพวกเขาเห็นภาพลวงตา และเมื่อพวกเขารู้ตัวอีกทีหานเซิ่นก็ฝ่าออกไปได้เรียบร้อยแล้ว   ทุกคนในสนามรบรู้สึกเหมือนโดนปั่นหัว พวกเขารู้สึกสิ้นหวังที่จะหยุดหานเซิ่น   แบล็คก็อตหน้าซีดเผือก เขาไม่อยากเชื่อว่าค่ายกลของผู้วิวัฒนาการ 200 คนจะไม่สามารถสกัดหานเซิ่นได้่ มันทำให้เขากลัวมาก   ความแข็งแกร่งของหานเซิ่นตอนนี้มันเกินคำว่าแข็งแกร่งไปแล้ว เขาดูเหมือนกับไม่ใช่มนุษย์แล้ว   “ฆ่ามัน!” เเบล็คก็อตกรีดร้องออกมา ขณะที่เขากำลังถอยหนี หัวใจของเขาเหมือนกับถูกแทงด้วยแทงน้ำแข็ง หานเซิ่นคือคู่ต่อสู้ที่เขารู้สึกสิ้นหวังที่จะสู้ด้วย   ผู้วิวัฒนาการที่ระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ทั้ง 6 คนกำลังวิ่งไล่ตามหานเซิ่นสุดฝีเท้า พวกเขาต้องหยุดหานเซิ่นที่กำลังเข้าไปหาแบล็คก็อตให้ได้   ตอนนี้เหลือแนวต้านอีกแนวเดียว พวกเขามีกันประมาน 20 คนที่กำลังขวางทางหานเซิ่นอยู่ พวกเขารู้ดีว่ายังไงก็จะต้องหยุดศัตรูคนนี้ให้ได้   ไม่ว่าหานเซิ่นจะแข็งแกร่้งยังไง เขาก็มีแค่ตัวคนเดียว พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้หานเซิ่นไปถึงแบล็คก็อตได้ ถ้าหานเซิ่นเข้าไปถึงเเบล็คก็อตและฆ่าเขาได้ กองทัพก็จะแตกทันที พวกเขาจะสิ้นหวังถ้าไม่มีผู้นำ   หานเซิ่นกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า มีปีกที่เหมือนกับของปีศาจปรากฏขึ้นมาบนหลังของเขา เขาบินข้ามหอกและพุ่งเข้าไปหาเเบล็คก็อค   “ฆ่ามัน!” แบล็คก็อตรู้สึกกลัวจนทำอะไรไม่ถูก สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือตะโกนว่า ‘ฆ่ามัน’   ผู้วิวัฒนาการทั้ง 6 ยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นอยู่บนอากาศ เพราะถ้าอยู่บนอากาศ หานเซิ่นก็ยากที่จะหลบอาวุธวิญญาณอสูรของพวกเขาที่มาจากทั้ง 6 ทิศทางได้   หานเซิ่นเลือกที่จะเก็บปีก และก็ล่อนลงไปตรงที่แบล็คก็อตอยู่   เมื่อเห็นหานเซิ่นกำลังลงมาบนพื้น ผู้วิวัฒนาการทั้ง 6 คนก็วิ่งเข้าไปเตรียมที่จะสับหานเซิ่นเป็นชิ้นๆในตอนที่เขาลงมาถึงพื้น  

Super God Gene – ตอนที่ 551 มือสังหารลุกเดียว
Super God Gene – ตอนที่ 551 มือสังหารลุกเดียว

  หยางม่านลี่รู้สึกเสียขวัญมาก กองทัพของแบล็คก็อตแข็งแกร่งมาก พวกเขามีคนที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ถึง 7 คน ยังไม่ต้องเอ่ยถึงคนอื่นๆที่เขาพามาด้วยอีก 200 คน พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นนักสู้ฝีมือดี พวกเขาส่งคนมามากเกินไปด้วยซ้ำสำหรับมาตีเมืองอย่างเมืองเทพธิดา   ถ้าหานเซิ่นตั้งใจจะไปยอมจำนน หยางม่านลี่ก็ไม่ว่ารู้เธอควรจะทำยังไงดี เธอทำตัวไม่ถูก   ลุงชิงรู้สึกสับสน ขณะที่เขามองดูหานเซิ่นเดินเข้าไปหาศัตรูด้วยตัวคนเดียว ตอนนี้เขากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก   จูถิงขยับถอยหลังออกมา ถ้าเห็นท่าไม่ดี เขาพร้อมที่จะวิ่งหนีตลอดเวลา จูถิงคิด ‘หานเซิ่น ไม่ใช่เพราะฉันไม่ภัคดีหรอกนะ แต่เพราะศัตรูมีกำลังเยอะเกินไป ฉันจึงจำเป็นต้องหนี เพื่อที่วันข้างหน้าฉันจะได้กลับมาแก้แค้นให้นายได้”   หานเซิ่นกำลังยืนอยู่ห่างจากแบล็คก็อตประมาน 10 เขาพูด “เเบล็คก็อต นายกล้าดียังไงถึงโผล่หน้ามาให้ฉันอีก? ลืมไปแล้วหรอว่านายแพ้ฉันอย่างหมดรูปแค่ไหนในการต่อสู้ครั้งก่อน?”   “การแพ้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย คนที่ชนะคนสุดท้ายถึงจะมีสิทธิได้หัวเราะ” แบล็คก็อตยิ้มเยาะ “ฉันยอมรับว่านายมีฝีมือสูง แต่นี่มันไม่ใช่การดวลแบบตัวต่อตัวอีกแล้ว ถ้านายยอมจำนนตอนนี้ ฉันก็อาจจะไว้ชีวิตนาย แต่ถ้านายไม่คิดจะยอมแพ้ จุดจบของนายก็จะมีแค่ความตายเท่านั้น และคนที่ติดตามนายทั้งหมดก็จะถูกฆ่าด้วย”   “งั้นนายก็คิดจะพึ่งพากำลังของคนที่อยู่ข้างหลังนายอย่างงั้นใช่ไหม?” หานเซิ่นมองไปที่คนจำนวนมากที่อยู่ข้างหลังแบล็คก็อต “ใช่ ฉันมีคนที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ถึง 6 คน และนักสู้ฝีมือดีอีก 237 คน พวกเขาล้วนแต่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 60 ยังไงพวกเราก็สามารถกวาดล้างเมืองของนายได้อย่างง่ายดาย” เเบล็คก็อตพูด   หลังจากที่ได้ยิน ก็เกิดเสียงซุบซิบกันภายในเมืองเทพธิดาทันที ลุงชิง หยางม่านลี่และจูถิงต่างก็หน้าซีดทันที ในเมืองตอนนี้นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีใครเลยที่พอจะสู้กับคนที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 60 ได้   ในเมืองเทพธิดา คนที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 60 มีไม่ถึง 10 คน ส่วนคนที่ระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 มีหานเซิ่นคนเดียว   “มีทางเดียวก็คือต้องสู้กันใช่ไหม?” หานเซิ่นพูด   “มาคุกเข่าต่อหน้าฉัน และก็ยอมยกเมืองให้ฉันแต่โดยดี ถ้าทำแบบนั้นฉันจะไว้ชีวิตนาย” เเบล็คก็อตยิ้มขณะพูด   เขาคิดจะไว้ชีวิตหานเซิ่นก่อน เขาต้องการให้หานเซิ่นยอมยกเมืองให้เขาโดยสมัครใจ เพื่อที่เขาจะได้เข้าไปควบคุมเมืองอย่างราบลื่น หลังจากนั้นเขาค่อยฆ่าหานเซิ่นทีหลังก็ยังได้   หานเซิ่นหัวเราะ “ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็น่าเสียดาย”   “น่าเสียดายอะไร?” เเบล็คก็อตถาม   “อีกไม่นานนายก็จะรู้เองว่าคนที่นายหวังพึ่งมันไร้ประโยชน์แค่ไหน มันน่าเสียดายที่นายจะไม่มีโอกาสได้หัวเราะอีกแล้ว” ขณะที่พูด หานเซิ่นก็วิ่งเข้าไปหาแบล็คก็อตทันที   “เขาบ้าไปแล้วหรอ?” คนในเมืองกรีดร้องออกมา ไม่มีใครคาดคิดว่าหานเซิ่นจะวิ่งเข้าไปลุยเดียวกับกองทัพของแบล็คก็อต   อีกฝ่ายมีผู้ที่ระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ถึง 7 คน และระดับความแข็งแกร่งเกิน 60 อีก 237 คน ตอนนี้พวกเขาตั้งรูปขบวนตามหลักพิชัยสงคราม การที่หานเซิ่นวิ่งเข้าไปลุยเดียว มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย   “กล้าดียังไง!” แบล็คก็อตตะโกน เขายกดาบยาวสีดำขึ้นมาเป็นสัญญาณให้คนของเขาเข้าไปฆ่าหานเซิ่นทันที   ในความคิดของแบล็คก็อต สิ่งที่หานเซิ่นทำมันคือการฆ่าตัวตายดีๆนี่เอง เขารู้ดีว่าหานเซิ่นนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ถ้าต้องมาเจอกับกองทัพแบบนี้ ยังไงเขาก็ไม่มีทางสู้ได้   ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ถ้ามาอยู่ในสนามรบขนาดใหญ่ ยังไงก็ต้องแพ้จำนวน หานเซิ่นก็แค่คนคนเดียว แบล็คก็อตเชื่อว่าวันนี้เป็นวันตายของหานเซิ่นแน่   เมื่อเห็นหานเซิ่นวิ่งเข้าไปลุยกับกองทัพของศัตรูเพียงคนเดียว ไม่ใช่แค่แบล็คก็อตเท่านั้นที่คิดว่าหานเซิ่นต้องการฆ่าตัวตาย แต่คนอื่นๆก็คิดเช่นเดียวกัน “บ้าไปแล้ว ผู้ชายคนนี้ต้องบ้าแน่ๆ!” “พวกเราควรจะรีบไปเปิดประตู และเตรียมปูพรมแดงให้กับพวกแบล็คก็อต หานเซิ่นไม่รอดแน่” “ใช่ ไปเปิดประตูกันเถอะ ให้พวกเขาเข้ามา!”   พวกคนในเมืองบางกลุ่มเดินตรงเข้ามาที่ประตูเมือง และพยายามจะเปิดประตู “ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ประตู ได้ยินไหม?!” หยางม่านลี่มองลงมายังพวกที่เข้ามากใกล้ประตู   พวกสมาชิกกลุ่มเทพธิดาที่เฝ้าอยู่หลังประตูหันหลังกลับมา พร้อมกับยกอาวุธของตัวเองขึ้นเตรียมที่จะโจมตีใครก็ตามที่กล้าเข้ามาใกล้ประตู หลังจากเห็นเช่นนั้น พวกคนที่คิดจะเข้ามาเปิดประตูก็เริ่มกลัว พวกเขาหยุด และค่อยๆถอยออกไป   “รองหัวหน้าหยาง! หานเซิ่นกำลังวิ่งเข้าไปสู้กับกองทัพที่มีอาวุธครบมือ ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องไปตายกับเขา พวกเราควรจะเปิดประตูเพื่อที่พวกเขาจะได้ไว้ชีวิตพวกเรา” “ใช่แล้ว หานเซิ่นไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ แต่พวกเราต้องการ” “หัวหน้าหานคนเดียวทำอะไรไม่ได้หรอก รองหัวหน้าหยางได้โปรดเปิดประตู” … แม้พวกเขาจะไม่กล้าเข้ามาใกล้ประตู แต่พวกเขาก็ยังตะโกนมาที่หยางม่านลี่   “แทนที่จะมากังวลเรื่องงี่เง่าแบบนั้น ทุกคนควรจะกังวลว่าหานเซิ่นจะทำยังไงเกี่ยวกับการกระทำที่สิ้นคิดของพวกนาย หลังจากที่เขาเอาชนะพวกแบล็คก็อตได้แล้ว” หยางม่านลี่พูด   หลังจากที่ได้ยิน พวกเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที แต่ก็ยังมีคนที่กล้าพูด “รองหัวหน้าหยาง คุณอาจจะตั้งความหวังมากเกินไป กองทัพของแบล็คก็อตแข็งแกร่งมาก คุณคิดว่าเขามีโอกาสชนะงั้นหรอ? คุณกำลังฝันกลางวันอยู่รึไง?”   “ใช่แล้ว คุณจะต้องฝันอยู่แน่ๆ” หลายๆคนเห็นด้วย ส่วนมากก็เป็นพวกที่เคยอยู่ในกลุ่มเทพธิดา แต่ติดสินใจออกจากลุ่มก่อนที่จะเข้าตีเมือง พวกเขาต่างก็ยังเคืองหานเซิ่นอยู่   ที่นอกเมือง หานเซิ่นกำลังวิ่งเข้าไปหากองทัพของแบล็คก็อตด้วยมือเปล่า เขายังไม่ได้เรียกอาวุธวิญญาณอสูรออกมาสักอัน เขาไม่แม้แต่จะสวมชุดเกราะ   ผู้วิวัฒนาการ 6 คนควบสัตว์ขี่เข้ามาต่อสู้กับหานเซิ่นทันที พวกเขาเรียกอาวุธวิญญาณอสูรออกมา และปลดปล่อยพลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับหานเซิ่น   แต่หานเซิ่นก็เคลื่อนไหวว่องไวมาก เขาเคลื่อนไหวไปทางซ้าย เพื่อหลบ 2 คนที่อยู่ข้างหน้าเขา หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว   ผู้วิวัฒนาการอีก 4 คนตื่นตระหนกทันที เมื่อเห็นหานเซิ่นวิ่งเข้ามา พวกเขาพยายามกวัดแกว่งอาวุธของตัวเอง   แต่หานเซิ่นก็รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ความเร็วของเขาเหมือนกับเวทย์มนตร์ ไม่มีใครตามความเร็วของหานเซิ่นทัน ในชั่วพริบตาเขาก็สามารถผ่านพวกเขา 4 คนไปได้ ไม่มีใครคิดว่าหานเซิ่นจะรวดเร็วขนาดนั้น   ผู้วิวัฒนาการที่ระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ถึง 6 คน ไม่มีใครเลยที่หยุดหานเซิ่นได้ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะหยุดหานเซิ่นในโหมดมือสังหารได้   “เป็นไปไม่ได้!” เเบล็คก็อตช็อค นี่มันเพิ่งจะผ่านไปไม่นาน หลังจากที่พวกเขาสู้กันครั้งก่อน แต่พลังของหานเซิ่นกับเพิ่มขึ้นมาก  

Super God Gene – ตอนที่ 550 ยึดเมืองด้วยกำลังที่เหนือกว่า
Super God Gene – ตอนที่ 550 ยึดเมืองด้วยกำลังที่เหนือกว่า

  เเบล็คก็อตพาผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ไปกับเขาอีก 6 คน ไม่เพียงแค่นั้นเขายังพานักสู้ฝีมือดีจากเมืองแบล็คก็อตไปอีก 200 คน   จากข้อมูลที่พวกเขาได้มา การที่พวกเขานำคนไปขนาดนี้ ถือว่าเป็นกำลังรบที่มากกว่าของเมืองเทพธิดาเป็นสิบเท่า พวกเขาน่าจะกวาดล้างเมืองเทพธิดาได้อย่างสบาย   แบล็คก็อตพาคนของเขาใช้เส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด พวกเขาหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ต้องผ่านภูเขา พวกเขาเดินทางกันทั้งวันทั้งคืนเพื่อเร่งไปให้ถึงเมืองเทพธิดา   หลังจากเดินอ้อมภูเขาอยู่นาน ในที่สุดแบล็คก็อตและคนของเขาก็มองเห็นปราสาทสีขาวที่อยู่บนยอดภูเขาหิมะ มันดูเหมือนกับปราสาทในเทพนิยาย   ‘ดูแล้วมันน่าจะเป็นเมืองสปิริตขุนนางจริงๆ’ แบล็คก็อตพูด ขณะที่กำลังนำทัพเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เมืองเทพธิดา   พวกเขาดูรีบร้อนกันมาก เหตุผลก็อาจจะมาจากความแค้นของเเบล็คก็อตที่มีหานเซิ่น แถมที่นี่ยังมีคนมีฝีมือไม่มาก ถึงมันจะมีทำเลที่ดีซึ่งอยู่บนยอดเขา แต่มันก็ไม่ยากที่แบล็คก็อตจะยึดเมืองนี้ เขาจะไม่ปล่อยให้หานเซิ่นรอดได้   แต่กระนั้นเขาก็ยังกังวลอยู่ว่าหานเซิ่นอาจจะไปขอความช่วยเหลือจากหลี่ซิงหลุน ซึ่งจะทำให้กำลังรบของเมืองเทพธิดาเพิ่มสูงขึ้น   แม้จากคำบอกเล่าของคนในเมือง หานเซิ่นเป็นคนเดียวที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 แต่แบล็คก็อตก็ยังกลัวความสามารถของหานเซิ่นอยู่ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องพาผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 มาถึง 6 คน นอกจากนี้ยังมีนักสู้ฝีมือดีมาด้วยอีก 200 คน เขาต้องการจะบดขยี้เมืองเทพธิดาให้ย่อยยับ และยิ่งหานเซิ่นอยู่ที่เมืองด้วยก็ยิ่งดี เขาจะได้ฆ่าหานเซิ่นไปด้วยเลย   เเบล็คก็อตต้องการทำให้ศึกนี้จบให้เร็วที่สุด เขารู้ดีว่าหานเซิ่นอาจจะรู้ข่าวเรื่องการเคลื่อนทัพของเขาแล้ว แต่ยังไงหานเซิ่นก็ไม่มีทางที่จะมีกำลังพอป้องกันเมืองได้ เขาแค่ต้องรีบยึดเมืองเทพธิดาให้ได้ก่อนที่กำลังเสริมจากหลี่ซิงหลุนจะมาก็พอ   หลังจากที่หานเซิ่นตื่นขึ้นมา เขาก็ได้รับข้อความจากหยางม่านลี่ทันที หลังจากที่เขาได้รับข่าว เขาก็วิ่งเข้าไปในเครื่องเทเลพอร์ตทันที   ช่วง 2-3 วันมานี้ เขาไม่ได้ทำอะไรเลย เขาแค่รอให้แบล็คก็อตยกทัพมา เขารู้ดีว่าเมื่อแบล็คก็อตรู้เรื่องเมืองเทพธิดา แบล็คก็อตจะไม่มีทางปล่อยให้โอกาสที่จะยึดเมืองของเทพธิดาหลุดลอยไปอย่างแน่นอน   ตอนนี้ทั้งเมืองเทพธิดารู้ตัวแล้วว่ากำลังจะถูกโจมตี หยางม่านลี่ประกาศให้กำลังของเมืองเทพธิดาเตรียมตัวพร้อมรบ พวกพ่อค้าแม่และประชาชนทั่วไปก็สังเกตเห็นความผิดปรกติแล้ว   ไม่ว่าพวกเขาจะประสาทช้ายังไง พวกเขาก็รู้ว่าคงจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับเมืองเทพธิดาแน่   ขณะที่หานเซิ่นมาถึงหอคอยสังเกตการณ์หน้าประตูทางเข้าเมือง เเบล็คก็อตเเละกองทัพของเขาก็มาถึงที่ราบของภูเขาแล้ว อีกแค่อึดใจพวกเขาก็จะมาถึงกำแพงเมืองเทพธิดาแล้ว   พวกที่แบล็คก็อตพามากำลังขี่สัตว์ขี่ที่มีลักษณะเหมือนกับหมาป่า พวกเขาตั้งรูปขบวน โดยผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 อยู่หัวขบวน พวกเขาพร้อมที่จะบุกเข้าโจมตีเมืองทุกเมื่อ   “คนพวกนั้นมาจากไหนกันเนี่ย? พวกเขามาจากเมืองอื่นที่อยู่ใกล้ๆงั้นหรอ?” “น่าจะใช่ เมืองเทพธิดาของเราไม่มีนักสู้ฝีมือดีเลย แถมพวกเขายังพาคนมาตั้ง 200 คน แต่ละคนมีสัตว์ขี่กันหมด ดูท่าพวกเราคงแย่แน่” “ดูขบวนของพวกเขาสิ ดูเหมือนพวกเขาตั้งใจจะโจมตีเมืองของพวกเรานะ” “บางทีมันอาจจะดีกว่าก็ได้ ถ้าพวกเขายึดเมืองเราได้ หานเซิ่นขูดรีดค่าธรรมเนียมและค่าเช่าจากพวกเรามามากแล้ว ฉันคิดว่าผู้ปกครองคนใหม่คงจะไม่ปล้นเงินพวกเราเหมือนกับหานเซิ่นแน่” “ดูแล้วเมืองเทพธิดาคงไม่มีทางต้านพวกเขาได้แน่ พวกนายคิดว่าหานเซิ่นจะยอมจำนนรึเปล่า?” …   ตอนนี้คนในเมืองเทพธิดาเริ่มซุบซิบกันแล้ว พวกเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นหมดแล้ว   เเบล็คก็อตขี่หมาป่าสีดำ สัตว์ขี่ของเขาก้าวออกมา 2 ก้าว จากนั้นเขาก็ชัดดาบยาวสีดำออกมา และชี้ไปที่หานเซิ่น พร้อมกับตะโกนเสียงดัง “ฉันเเบล็คก็อต! คือผู้นำของกองทัพนี้ หานเซิ่นมันไร้ยางอายและสกปรกติที่สุด มันกล้ามาลอบสังหารฉันด้วยพิษ จนฉันเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อแก้แค้น นี่เป็นเรื่องบาดหมางระหว่างฉันกับหานเซิ่น คนอื่นๆที่เหลือวางอาวุธลงและฉันจะไว้ชีวิต ใครก็ตามที่ช่วยหานเซิ่น ฉันจะไม่ปราณีคนคนนั้น” หลังจากที่พูดจบ เเบล็คก็อตก็ใช้ดาบยาวในมือฟันลงมาที่พื้นน้ำแข็งที่อยู่ด้านหน้า ความแข็งแกร่งของเขา ทำให้คนในเมืองเทพธิดารู้สึกกลัว นักสู้ทั้ง 200 คนที่แบล็คก็อตพามาด้วยเริ่มส่งเสียงตะโกนเพื่อข่มขวัญคนในเมือง   “เขาแข็งแกร่งมาก เเบล็คก็อตคนนี้จะต้องมีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 แน่ ส่วนคนที่ติดตามเขามา ดูแล้วก็น่าจะแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน ด้วยกำลังอันน้อยนิดของเมืองเทพธิดา พวกเขามีหวังที่จะเอาชนะพวกเขาได้หรอ?” “ให้พวกเขาเข้ามาเลย คนอย่างหานเซิ่นสมควรตายอยู่แล้ว” “ใช่แล้ว ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ หานเซิ่นมันไม่รู้จักประเมินตัวเอง เดี๋ยวนี้มันชักจะได้ใจเกินไปแล้วถึงกับไปลอบสังหารคนอื่นด้วยพิษ” “หวังว่าเขาคงจะไม่หนีกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาวหรอกนะ” “ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบหานเซิ่น แต่อย่างเขาไม่ยอมหนีไปไหนแน่” “พวกนายไม่เห็น 6 คนที่แบล็คก็อตพามาหรอ พวกเขาดูเหมือนกับเสือหรือไม่ก็หมาป่า พวกเขาดูแข็งแกร่งมาก! บางทีพวกเขาก็น่าจะเป็นคนที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 เหมือนกัน ในกลุ่มเทพธิดานอกจากหานเซิ่นแล้วก็ไม่มีใครเลยที่เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้” “ถ้าหานเซิ่นเลือกที่จะหนี มันจะดีมาก จำนวนเงินที่เราต้องจ่ายให้กับมันในแต่ละเดือนนั้นสูงมาก สมควรแล้วที่จะต้องเจอแบบนี้!”   คนในกลุ่มเทพธิดาต่างก็ได้รับสิทธิพิเศษต่างๆมากมาย ทำให้พวกเขาพร้อมที่จะสู้ไปกับหานเซิ่น แต่คนอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม พวกเขาจะต้องเจอกับค่าเช่าและค่าคุ้มครองมหาโหด เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกไม่ชอบหานเซิ่น พวกเขาอยากจะเห็นหานเซิ่นทุกข์ทรมาณ   แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าถ้าหานเซิ่นไม่ยึดเมืองเทพธิดามา ชีวิตของพวกเขาจะลำบากกว่านี้มาก   แต่นี่ก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ ถึงสิ่งที่เราทำจะเป็นเรื่องดี แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจพวกเขาต้องการ ก็ยากที่พวกเขาจะเห็นความดี พวกเขาจะจดจำเฉพาะด้านแย่ๆเท่านั้น   ส่วนพวกพ่อค้าแม่ค้าในเมืองก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลย พวกเขาไม่สนว่าใครจะเป็นผู้ครองเมือง ขอแค่พวกเขาหาช่องทางทำกำไรได้ก็พอ พวกเขาไม่สนว่าผู้ครองเมืองคนใหม่จะเก็บค่าเช่าแพงขึ้นหรือถูกลง   ทุกคนในกลุ่มเทพธิดาหน้าซีด แค่เห็นพวกเขาก็รู้แล้วว่าแบล็คก็อตแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขารู้ดีไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่น่าจะป้องกันเมืองไว้ได้   “หัวหน้า พวกเราควรจะถอยก่อนดีไหม?” ลุงชิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว เขารู้ดีว่ายังไงกลุ่มเทพธิดาก็ไม่มีกำลังพอจะต่อต้านได้ เขาจึงเสนอความคิดที่จะสละเมือง   “ไม่ ทุกคนรออยู่ที่นี่” หานเซิ่นพูดอย่างสงบ เขาจ้องมองไปที่กองทัพของแบล็คก็อต   หานเซิ่นกระโดดลงจากหอคอบสังเกตการณ์ เขาลงไปอยู่บนพื้นบริเวณหน้าประตูเมือง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหากองทัพของแบล็คก็อตทันที   แบล็คก็อตยกมือขึ้นบอกให้คนของเขาอยู่นิ่งๆไว้ก่อน เขายิ้มขณะที่มองดูหานเซิ่นกำลังเดินเข้ามา “หานเซิ่นจะลุยคนเดียวเลยหรอ?” “โง่น่า ดูยังไงเขาก็คงจะเดินไปก้มหัวขอยอมแพ้ มันเป็นทางเดียวที่เขาจะมีโอกาสรอดได้” “ฮาฮา ในที่สุดหานเซิ่นมันก็มีวันนี้” “เขาสมควรแล้ว” เห็นชัดว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีกำลังแตกต่างกันมากเกินไป ทุกคนต่างก็คิดว่าหานเซิ่นคงจะยอมจำนน  

Super God Gene – ตอนที่ 549 เมืองถูกพบ
Super God Gene – ตอนที่ 549 เมืองถูกพบ

  หานเซิ่นออกจากเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่ได้ฝึกกับ Ms. Perfume วิชาดาบของเขาก็พัฒนาไปมาก   หานเซิ่นเข้าไปอาบน้ำพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย เมื่อเขาอาบน้ำเสร็จ เขาก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่คอมของเขาดังขึ้นมา เขารีบดูว่าใครโทรมา และพบว่าคนโทรมาคือซินเสวียน   “คุณซิน ดึกขนาดนี้แต่คุณยังมีเวลามาโทรหาผม ผมเดาว่าตอนนี้คุณยังไม่มีแฟนแน่นอน” หานเซิ่นพูดหยอกล้อเธอ   หลังจากที่เข้ากองทัพ พวกเขาทั้ง 2 คนก็แทบไม่ได้ติดต่อกันเลย พวกเขาไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้วด้วย แต่หานเซิ่นก็ยังนับถือเธอในฐานะอดีตหัวหน้า   “ฉันก็ไปเข้าพิธีดูตัวบ่อยๆ แต่ฉันยังไม่เจอคนที่ถูกใจ” ซินเสวียนไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ เธอพูดต่อ “ฉันได้ยินมาจากม่านลี่แล้ว ดูเหมือนนายจะทำได้ไม่เลวเลย เธอชื่นชมนายซะจนฉันคิดว่านั่นอาจจะเป็นหยางม่านลี่ตัวปลอม”   “แต่การที่คุณมาชมผมอีกคนนี่มันเริ่มทำให้ผมรู้สึกว่าที่พยายามมาทั้งหมดไม่สูญเปล่าจริงๆ” หานเซิ่นหัวเราะ เขาแค่ต้องการเปลี่ยนประเด็นคุย   ซินเสวียนเข้าใจดี เธอไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อ เธอกระพริบตาและพูด “นายเคยเข้าไปสู้ในเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพบ้างไหม?”   “เคย” หานเซิ่นกำลังจะบอกชื่อไอดีที่เขาใช้ แต่ซินเสวียนชิงพูดก่อน “เมื่อไม่นานมานี้ฉันไปเจอยอดฝีมือในนั้นเข้า และฉันก็ได้เรียนรู้อะไรจากเขาหลายอย่าง”   “เขาเป็นยอดฝีมือแบบไหนงั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม   “ถ้าให้ฉันเดานะ เขาน่าจะเป็นระดับนายพลในกองทัพแน่นอน หรืออาจจะถึงขั้นผู้เป็นเลิศระดับท็อปเลยก็ได้ เขาเป็นยอดฝีมือด้านศิลปะการต่อสู้จริงๆ เขาถึงขั้นดัดแปลงวิชาระดับSให้มาเป็นวิชาที่เหมาะกับเขาได้” ซินเสวียนพูดอย่างตื่นเต้น   หลังจากที่ได้ยินที่เธอพูด หานเซิ่นก็เริ่มคิดว่ามันมีบางอย่างทะแม่งๆ เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “ยอดฝีมือคนนั้นใช้ชื่อไอดีว่าอะไร?”   “ชื่อของเขาคือ ‘ทหารคนหนึ่งบนยานรับ’ นายเคยเจอเขามาก่อนไหม?” ซินเสวียนถาม   “ไม่.. ไม่เคย” หานเซิ่นช็อค เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่า Ms. Perfume ก็คือซินเสวียน   “ถ้านายไม่เคยก็ไม่เป็นไร ไม่เห็นจะต้องกังวลขนาดนั้นเลย” ซินเสวียนมองหานเซิ่นด้วยสายตาแปลกๆ “ถ้าเกิดนายไปเจอเขาเข้าในอนาคต จำไว้ว่าขอให้เขาช่วยสอนนายด้วยก็ดี เขาเป็นยอดฝีมือที่มีวิชานับไม่ถ้วน ฉันมั่นใจเลยว่านายจะได้รับประโยชน์จากการสอนของเขาแน่นอน”   “ผมจะจำเอาไว้” หานเซิ่นตอบอย่างใจเย็น   “แล้วชื่อไอดีของนายคืออะไร?” ซินเสวียนถาม   “ผมก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน ผมไม่ได้เข้าไปใช้นานแล้ว บอกชื่อไอดีของคุณมา ไว้ถ้ามีโอกาสได้เข้าไปใช้ เดี๋ยวผมจะแอดคุณไปเอง” หานเซิ่นพูด   “โอเค ชื่อไอดีของฉันคือ Ms. Perfume” ซินเสวียนพูด   “Ms. Perfume? นั่นเป็นฉายาของมเหสีคนหนึ่งในสมัยโบราณใช่ไหม? แล้วใครคือจักรพรรดิ?” หลังจากที่รู้ว่าซินเสวียนคือ Ms. Perfume เขาก็หัวเราะออกมา   “ตอนนี้ยังไม่มีใครดีพอจะมาเป็นจักรพรรดิของฉัน” ซินเสวียนบุ้ยปากปากขณะที่พูด   “สมัยเรียนผมได้ฉายาว่าจักรพรรดิหมัดดำ คุณอยากจะมาร่วมทีมกับผมไหม เพราะผมเป็นจักรพรรดิ?”   “แน่นอน งั้นนายก็รีบมาเลย” ซินเสวียนยิ้ม   หานเซิ่นรู้สึกว่าเขาทำตัวไม่ค่อยถูก เมื่อเห็นรอยยิ้มแบบนั้น เขาพูด “บางทีไม่ดีกว่า ถึงผมจะเป็นจักรพรรดิ ผมก็คงจะรับมือคุณไม่ไหวแน่ๆ”   “นายช่างพูดจริงๆ ระวังฉันจะไปบอกจีเหยียนหรัน ฉันอยากจะเห็นว่านายจะโดนอะไรบ้าง” ซินเสวียนสูดลมหายใจลึกและพูด “ฉันแค่อยากชวนนายมาฝึกวิชาดาบที่ฉันพึ่งจะเรียนมาจากยอดฝีมือ แต่ไม่เป็นไร ถ้านายไม่ว่างเข้ามาในเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพ งั้นฉันจะไปอายน้ำนอนละ”   หลังจากที่ซินเสวียนวางสายไป “มันจะบังเอิญไปไหม? ที่ Ms. Perfume คือซินเสวียน” หานเซิ่นเลียริมฝีกปาก เขาสงสัยจริงๆว่าถ้าเธอรู้เรื่องที่ยอดฝีมือที่เธอชื่อชมนักหนา จริงๆแล้วคือเขาเอง เธอจะรู้สึกยังไง   “ไม่อยากเชื่อว่าซินเสวียนจะคิดว่าเราคือยอดฝีมือจริงๆ” หานเซิ่นกำลังคิดหาวิธีแกล้งเธอ มันถือเป็นการแก้แค้นที่เธอเคยแกล้งเขามาก่อนในอดีต   แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะคิดหาวิธีดีๆได้ คอมของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นหยางม่านลี่   ตอนนี้สมาชิกของหน่วยพิเศษที่อยู่ในเมืองเทพธิดามีแค่พวกเขา 2 คน พวกเขายังไม่สามารถหาสมาชิกใหม่ได้ และก็ยังไม่มีคนที่มีคุณสมบัติดีๆเข้ามาในเมืองเทพธิดาเลย เนื่องจากเมืองเทพธิดาอยู่ห่างไกลจากเมืองอื่นๆมากเกินไป คนที่เดินทางมาที่เมืองจึงมีน้อยมาก   หลังจากที่เขารับสายหยางม่านลี่แล้ว เขาก็เห็นว่าเธออยู่ในชุดนอนกางเกงขาสั้น เผยให้เห็นขาที่ขาวเหมือนกับหิมะของเธอ หานเซิ่นคิด ‘แม้เธอจะดูเย็นชาไปหน่อย แต่ขาคู่นั้นสุดยอดไปเลย ฉันอยากจะเล่นกับขาสวยๆแบบนี้จังเลย’   หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆ ปรกติหยางม่านลี่จะเป็นคนที่จริงจังมาก เขาแทบไม่เคยเห็นเธอสวมชุดอื่น นอกจากชุดทหารหรือชุดสำหรับต่อสู้เลย มันต้องมีเรื่องด่วนอะไร เธอถึงยังไม่ยอมเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยก่อนที่จะโทรมาหาเขา?   “มีเรื่องผิดปรกติเกิดขึ้น” สีหน้าของหยางม่านลี่ดูไม่ดีเลย และดูเหมือนว่าเธอจะพูดแบบร้อนร่น   “เกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว ถ้าหยางท่านลี่รีบร้อนแบบนี้จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเมืองเทพธิดาแน่   “มีกลุ่มคนนอกมาพบเมืองเราแล้ว พวกเขามีกันประมาน 10 กว่าคน ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นพวกคนที่นายเคยพูดถึง ที่อยู่ทุ่งน้ำแข็ง” หยางม่านลี่พูด   “เธอรู้ไหมว่าพวกเขามาจากเมืองไหน?” ตอนนี้หานเซิ่นก็ดูจะเครียดเหมือนกับหยางม่านลี่แล้ว   “มีคนถามพวกเขา และพวกเขาก็บอกว่าพวกเขามาจากเมืองเเบล็คก็อต แต่ก่อนที่ฉันจะไปถึง พวกเขาก็ออกจากเมืองไปเรียบร้อยแล้ว” หยางท่านลี่ดูกังวลมาก เธอพูดต่อ “หวังว่าพวกเขาจะไม่มีแผนร้ายอะไร”   “มีโอกาส 90% ที่พวกเขาจะมีแผนร้าย บริเวณทุ่งน้ำแข็งมีทรัพยากรจำกัดมาก ดังนั้นพวกเขาจะต้องมายึดเมืองเทพธิดาแน่” หานเซิ่นพูด   “แล้วพวกเราควรทำยังไงดี?” เมืองเทพธิดาไม่มีกำลังพอจะต่อต้านได้เลย ถ้าเกิดมีสงครามระหว่างเมืองเกิดขึ้นจริงๆ   นอกเหนือจากหานเซิ่นแล้ว ไม่มีใครในเมืองเทพธิดาเลยที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100   “พวกเราทำอะไรไม่ได้ ถ้าพวกเขากล้ามา ก็ปล่อยให้พวกเขามา เธอควรจะส่งคนไปเฝ้าระวังบนภูเขาหิมะ จับตาดูทุกความเคลื่อนไหว ถ้าได้ข่าวอะไรใหม่ๆมา ให้รีบติดต่อฉันทันที ถ้าพวกเขาไม่มาก็ไม่เป็นไร เพราะฉันจะฆ่าทุกคนที่เข้ามาใกล้เมืองของเรา” หานเซิ่นพูด   ตอนนี้คนระดับสูงของเมืองแบล็คก็อตกำลังประชุมกัน สีหน้าของหลายๆคนดูจะตื่นเต้นมาก พวกเขาได้ส่งคนไปสำรวจแถวๆภูเขาหิมะ และเจอกับเมืองสปิริตขุนนางที่ถูกมนุษย์ยึดครองเข้า พวกเขาได้ยินว่าในเมืองมีแค่ผู้ครองเมืองคนเดียวเท่านั้นที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับพวกเขา   “ผู้ครองเมืองคือหานเซิ่นใช่ไหม?” สายตาของแบล็คก็อตดูเยือกเย็น เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้ฉีกเนื้อของหานเซิ่นเป็นชิ้นๆ มีเพียงแค่หานเซิ่นคนเดียวที่สร้างปัญหาให้เขาได้ มันเป็นข่าวดีมากที่เขาพบเมืองที่หานเซิ่นเป็นคนปกครองอยู่   “หัวหน้า ไม่มีทางที่ข้อมูลที่เราได้มาจะผิดพลาด เมืองนั้นจะต้องเป็นเมืองของหานเซิ่นไม่ผิดแน่ จากคำบอกเล่าของคนในเมือง มันตรงกับหานเซิ่นที่เรารู้จักจริงๆ” ชายคนหนึ่งพูด   “งั้นก็ดี จัดเตรียมกองทัพ ฉันจะไปยึดเมืองนั้นด้วยตัวเอง!” สายตาของแบล็คก็อตเต็มไปด้วยความอาฆาต  

Super God Gene – ตอนที่ 548 เผาเมือง
Super God Gene – ตอนที่ 548 เผาเมือง

  “เกิดอะไรขึ้น? อย่าบอกนะว่าม้าน้ำมันเผาเมืองสปิริตไปแล้ว” หานเซิ่นมองดูเมืองสปิริตที่กำลังลุกไหม้ด้วยความช็อค   เปลวไฟสีฟ้ากำลังลุกไหม้ในรัศมี 10 ไมล์ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งเมือง ดูแล้วยังไงไม่ว่าจะเป็นสปิริตหรือมอนสเตอร์ก็ไม่น่าจะหนีออกมาจากเมืองได้   ตอนนี้พื้นที่โดยรอบเมืองเงียบสงัด สิ่งที่เดียวที่หานเซิ่นมองเห็นได้ก็คือเปลวไฟสีฟ้าที่กำลังลุกไหม้ มันดูเหมือนกับขุมนรก มันสว่างจนทำให้หานเซิ่นสามารถมองเห็นทุกอย่างใต้ทะเลอันมืดมิดได้อย่างสบายๆ   เปลวไฟสีฟ้าลุกไหม้เมืองสปิริตเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง หลังจากทุกอย่างดับลง น้ำทะเลบริเวณนี้ก็ดูหมองลงไปทันที เพราะมันเต็มไปด้วยเถ้าถ่านของเมืองสปิริต ตอนนี้เมืองทั้งเมืองไม่มีอะไรเหลือนอกจากเถ้าถ่าน หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ เมืองหายไปเหมือนกับว่ามันไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก   เมื่อเห็นว่าม้าน้ำว่ายน้ำหายลับไปจากสายตา หานเซิ่นก็ให้ปราสาทคริสตัลเข้าไปใกล้ๆจุดที่เมืองสปิริตตั้งอยู่   แม้แต่ก้นทะเลในระยะเป็นสิบๆไมล์ก็กลายเป็นสีดำ ส่วนตัวเมืองนั้นไม่มีอะไรเหลือเลย ทุกอย่างถูกลบหายไปจนหมด   หานเซิ่นตัวสั่น หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความกลัว เขาไม่คาดคิดเลยว่าม้าน้ำตัวนั้นจะมีพลังถึงขนาดนี้ การจะทำให้เมืองทั้งเมืองหายไปได้ มันจะต้องมีพลังมากขนาดไหนกัน   ‘ถ้ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดทุกตัวทรงพลังเหมือนกับม้าน้ำตัวนั้น ถึงเราจะเก็บจีโนพ้อยเต็มทั้ง 4 ชนิด เราก็ไม่น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกมันได้ เราต้องทำยังไงถึงจะสามารถทนเปลวไฟสีฟ้านั่นได้?’ หานเซิ่นรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที ดูเหมือนการเก็บจีโนพ้อยขั้นสุดยอดในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 จะไม่ง่ายเหมือนที่เขาคิดไว้ และตอนนี้เขาก็กลัวว่าม้าน้ำจะกลับมาด้วย หานเซิ่นจึงสั่งให้เจ้าหญิงเงือกขับปราสาทคริสตัลออกไปให้ห่างจากบริเวณนี้   หลังจากออกจากบริเวณนั้นแล้ว หานเซิ่นก็เริ่มกลับมาสงบเยือกเย็นอีกครั้ง แต่ภาพที่เมืองถูกเผาก็ยังติดตาตึงใจของเขา ส่วนทิศทางที่ม้าน้ำตรงไป หานเซิ่นไม่กล้าจะไปบริเวณนั้นอีกเลย สำหรับเขาแล้วมันน่ากลัวราวกับเส้นทางสู่ขุมนรก แม้เขาจะเริ่มใจเย็นลงแล้ว แต่เมื่อมองไปทิศทางนั้นเขาก็ยังตัวสั่นอยู่   เนื้อของกระทิงวารีน่าจะพอให้เขากินได้ 1 เดือน หลังจากที่ได้เห็นม้าน้ำ ความฮึกเหิมที่จะล่ามอนสเตอร์ใต้ทะเลของเขามันก็หายไปทันที   “เราจะฆ่าม้าน้ำตัวนั้นได้ยังไง มันจะเป็นไปได้หรอ? แต่ถ้าเราได้วิญญาณอสูรของมันมา พลังของมันก็ยากที่จะจินตนาการ” ตอนนี้ในหัวของหานเซิ่นมีแต่เรื่องของม้าน้ำ เขาทั้งตื่นเต้นและกลัว   ตอนที่อยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 มันก็ยากมากๆแล้วกว่าที่เขาจะสามารถฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ กว่าที่เขาจะล่ามันได้จริงจังก็ตอนที่สัตว์เลี้ยงของเขาวิวัฒนาการเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดแล้ว   ส่วนมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 มันน่ากลัวกว่ามาก หานเซิ่นยังไม่รู้เลยว่าทำยังไงถึงจะมีโอกาสฆ่ามันได้ ถึงเขาจะเก็บจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิได้เต็มก็ตาม ทางเดียวเขาจะต้องพึ่งพาวิชาไฮเปอร์จีโน   แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถเร่งลัดฝึกศาสตร์ตงเสวียนได้ และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าเมื่อไหร่เขาถึงจะสามารถปลดล็อคยีนขั้นแรกได้   ตอนนี้หานเซิ่นคิดว่าควรจะกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาวก่อน หานเซิ่นมีแผนที่จะเข้าไปต่อสู้ในเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพ เพื่อฝึกวิชาดาบคู่ต่อ ตอนนี้เขาจะต้องลืมเรื่องมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดไปก่อน เพราะมันยังห่างไกลเกินไป ตอนนี้เขาจะต้องตั้งเป้าหมายทีละขั้น ตอนนี้เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือต้องได้สปิริต 2 พี่น้องมาก่อน   การได้สปิริตราชวงศ์มาเป็นสิ่งที่ดีเสมอ เหมือนเจ้าหญิงเงือกที่มีประโยชน์กับเขามาก สปิริต 2 พี่น้องเองก็เช่นเดียวกัน พวกเธอเป็นสายต่อสู้ ถ้าเขาได้พวกเธอมา เขาจะกลายเป็นใหญ่ในเขตทุ่งน้ำแข็ง   เดิมทีหานเซิ่นคิดว่าหลังจากได้พวกเธอมาแล้ว เขาจะสามารถใช้พวกเธอช่วยสู้กับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้ แต่หลังจากที่เห็นม้าน้ำแล้ว เขาก็ต้องคิดใหม่ สิ่งที่ช่วยเขาล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอดไม่ใช่สปิริต แต่เป็นพลังของตัวเขาเอง ตอนนี้เขาจะต้องเร่งฝึกวิชา   หลังจากที่เข้ามาในเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพ หานเซิ่นก็ถูกชวนให้ต่อสู้ทันที มันคือคำชวนจากMs. Perfume หานเซิ่นกดตกลง และก็เข้ามาในห้องที่Ms. Perfume สร้าง   “โค้ช คุณพอจะมีเวลาไหม?” ซินเสวียนมองหานเซิ่นด้วยความคาดหวัง   “วันนี้ผมจะไม่สอนอะไร แต่ผมพึ่งสร้างวิชาดาบใหม่ขึ้นมา คุณอยากจะมาเป็นคู่ซ่อมให้ผมไหม?” หานเซิ่นถาม เขาไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้คนนี้คือซินเสวียน เขารู้แค่ว่าMs. Perfumeเป็นคู่ซ้อมที่มีฝีมือหาตัวจับยากคนหนึ่ง ดังนั้นการได้ฝึกกับเธอถือเป็นเรื่องที่ดี   “วิชาดาบใหม่หรอคะ?” ซินเสวียนเบิกตากว้าง วิชาดาบที่ยอดฝีมือเป็นคนคิดค้นขึ้นมาจะต้องไม่ธรรมดาแน่ ทำให้เธออยากจะเห็นมันมาก   หานเซิ่นเลือกใช้ดาบยาว และเริ่มต่อสู้กับเธอ วิชาของหานเซิ่นดัดแปลงมาจากต้นฉบับ ถึงมันจะยังไม่สมบูรณ์ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนกับเป็นคนละวิชากับดูโอ้เลย   ซินเสวียนเลือกที่จะใช้มีด ตอนแรกเธอคิดว่าเธอคงจะโดนกระหน่ำโจมตีราวกับพายุแน่นอน แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น แม้การโจมตีของหานเซิ่นจะยอดเยี่ยมมาก แต่มันก็ไม่ได้ทรงพลังอย่างที่เธอคิดไว้ตอนแรก   นี่ทำให้ซินเสวียนเริ่มสับสน ทำไมยอดฝีมืออย่างหานเซิ่นจะต้องมาฝึกวิชาที่ดูไม่ได้ทรงพลังแบบนี้ด้วย?   ที่เธอคิดแบบนี้ก็เพราะเธอคิดว่าหานเซิ่นคือยอดฝีมือของกองทัพ เธอไม่คิดว่าคนคนนี้จะเป็นหานเซิ่น เธอไม่ได้สงสัยในการตัดสินใจของเขา แต่เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำเขาถึงได้คิดค้นวิชาแบบนี้ขึ้นมา   ด้วยพรสวรรค์ของเธอ ไม่นานซินเสวียนก็สังเกตเห็นจุดอ่อนและข้อบกพร่องของวิชาที่หานเซิ่นใช้ และเธอก็แทบจะจดจำเพลงดาบของหานเซิ่นได้หมด   เธอคิด ‘นี่มันแปลกมาก เหมือนกับว่ามันเป็นวิชาที่ออกแบบมันใช้สำหรับคน 2 คนงั้นแหละ หรือว่าเขากำลังใช้วิชาที่ออกแบบมาสำหรับ 2 คน? เขาดัดแปลงมันมาเป็นวิชาสำหรับใช้คนเดียวหรอเนี่ย?’ ไม่นานซินเสวียนก็พอจะเข้าใจสิ่งที่หานเซิ่นต้องการแล้ว ซึ่งมันทำให้เธอประหลาดใจ   การจะดัดแปลงวิชาไฮเปอร์จีโนระดับSให้เป็นวิชาใหม่ได้คนคนนั้นจะต้องเป็นยอดฝีมือที่มุ่งมั่นอยู่กับวิชาการต่อสู้จริงๆ ไม่งั้นเขาจะมั่วมาเสียเวลากับการดัดแปลงวิชาแบบนี้?   โดยเฉพาะการดัดแปลงวิชาสำหรับ 2 คน มาเป็นวิชาสำหรับ 1 คน นั่นไม่เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์งั้นหรอ? ถ้าเขามีเวลาว่างขนาดนั้น ทำไมเขาถึงไม่ไปฝึกวิชาอื่น?   การเอาวิชามาทำเรื่องแบบนี้แสดงว่าเขาอาจจะเบื่อจริงๆ หรือไม่ก็มีเหตุผลบางอย่าง   ซินเสวียนไม่กล้าที่จะออมมือ เธอสู้กับหานเซิ่นด้วยความสามารถทั้งหมด มันไม่ใช่แค่เพื่อที่ตัวเธอจะได้พัฒนา แต่เพื่อให้วิชาของหานเซิ่นสมบูรณ์ขึ้นด้วย   ด้วยพรสวรรค์ของเธอ ซินเสวียนเห็นจุดอ่อนจำนวนมากในวิชาที่หานเซิ่นดัดแปลงมา ดังนั้นเธอเลยเล็งโจมตีไปที่จุดๆนั้นเพื่อให้หานเซิ่นรู้ว่ามันคือจุดอ่อน   หลังจากที่ซินเสวียนฝึกกับหานเซิ่นอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เธอก็พบว่าวิชาของเขาพัฒนาขึ้นอย่างน่าตกใจ ตอนนี้มันเริ่มมีประสิทธิภาพขึ้นเรื่อยๆ   ยิ่งสู้กันนานเท่าไหร่ ซินเสวียนก็ยิ่งคิดว่าหานเซิ่นจะต้องเป็นยอดฝีมือมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าเธอจะหาจุดอ่อนได้กี่จุดก็ตาม เขาก็จะรีบแก้มันทันที และจุดอ่อนนั้นจะไม่ปรากฏออกมาอีกเลย   ด้วยการช่วยเหลือจากซินเสวียน ทำให้วิชาดาบของเขาใกล้จะสมบูรณ์เต็มทีแล้ว   ซินเสวียนได้เห็นการดัดแปลงวิชากับตาตัวเอง ตอนนี้วิชาสำหรับใช้ 2 คนได้กลายเป็นวิชาสำหรับใช้คนเดียวโดยสมบูรณ์ 90% แล้ว มันทำให้เธอประหลาดใจมาก ความสามารถในการควบคุมมือทั้ง 2 ข้างของหานเซิ่นสมบูรณ์แบบมาก ทั้ง 2 มือเขาสามารถใช้วิชาดาบคนละวิชากันได้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับกำลังต่อสู้กับคน 2 คนจริงๆ   ‘เขาคงจะเบื่อกับการฝึกแบบเดิมๆแน่เลย เขาถึงได้ดัดแปลงวิชาดูโอ้ของสถาบันเซนท์ ตอนนี้มันได้กลายเป็นวิชาดาบที่มหัศจรรย์ไปแล้ว’ ซินเสวียนรู้สึกชื่นชมหานเซิ่นจากใจ หลังจากได้เห็นหานเซิ่นดัดแปลงวิชาดาบกับตา มันทำให้เธอมีแรงบันดาลใจในการฝึกวิชาของตัวเอง  

Super God Gene – ตอนที่ 547 มอนสเตอร์ประหลาด
Super God Gene – ตอนที่ 547 มอนสเตอร์ประหลาด

  หานเซิ่นกำลังตื่นเต้น เขาเตรียมที่จะหามอนสเตอร์ระดับสูงตัวอื่นๆ แต่อยู่ๆเขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา อารมณ์ที่ร่าเริงของเขาจางหายไปในชั่วพริบตา ตอนนี้เขารู้สึกสังหรณ์ไม่ดี   “หยุดก่อน อย่าขยับไปไหน!” หานเซิ่นสั่งเจ้าหญิงเงือกให้หยุดปราสาทคริสตัล พร้อมกับสั่งให้อาร์คเเองเจิลและเหมียวหยุดสิ่งที่ทำอยู่ ตอนนี้ทุกคนบนเรือหยุดนิ่งโดยสมบูรณ์   ตามที่เจ้าหญิงเงือกบอกมาปราสาทคริสตัลไม่สามารถถูกทำลายได้ ดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปรกติ เขารู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องที่น่ากลัวเกิดขึ้น เนื่องจากเขากังวลทำให้ร่างกายของเขาเริ่มมีเหงื่อไหลออกมา   ตั้งแต่ที่เขาฝึกกายหยกประสาทสัมผัสและการรับรู้ของหานเซิ่นก็สูงขึ้นมาก หานเซิ่นมักจะสัมผัสและรับรู้สิ่งน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ   เขาไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียว เขาแอบดูผ่านหน้าต่างของปราสาทคริสตัล เขามองไปที่ใต้ทะเลลึก แต่ก็ยังไม่อะไรแปลกๆเกิดขึ้น เขามองเห็นพวกปลากำลังว่ายน้ำไปมาอย่างมีความสุข   หลังจากกวาดสายตามองรอบๆ เขาก็เห็นสิ่งมีชีวิตในทะเลตัวอื่นๆอยู่กันอย่างมีชีวิตชีวาเป็นปรกติ มันดูราวกับว่าไม่น่าจะมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น ถึงจะเห็นแบบนั้นหานเซิ่นก็ยังรู้สึกกังวล เขารู้ว่ามันจะต้องมีบางอย่างที่ผิดปรกติ ตอนนี้ตัวของเขาเริ่มสั่น   ทันใดนั้นอยู่ๆก็มีมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ปรากฏออกมา มันคือปลาฉลามสีเงินที่มีความยาวกว่า 30 เมตร ตัวของมันดูราวกับหุ้มด้วยเหล็ก ขณะที่มันว่ายน้ำก็ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่   ฉลามสีเงินตัวนี้ดูน่ากลัวมากก็จริง แต่หลังจากที่หานเซิ่นมองดูมัน เขาก็ตระหนักว่ามันไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขารู้สึกกังวลอยู่ เขาไม่ได้กลัวมัน   ฉลามสีเงินอ้าปากกว้าง และเขมือบปลาเข้าไปจำนวนมาก หลังจากที่มันปรากฏตัว พวกปลาตัวอื่นๆก็รู้สึกถึงอันตรายทันที พวกมันเริ่มว่ายน้ำหนีอย่างตื่นตระหนก ไม่นานทุกอย่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล   ขณะที่ฉลามสีเงินกำลังไล่ล่ามอนสเตอร์ใต้ทะเลตัวอื่นๆ หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่ามีอะไรบางอย่างสีฟ้าเล็กๆจากระยะไกล เริ่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนในที่สุดหานเซิ่นก็เห็นลักษณะของมัน   มันคือม้าน้ำที่มีความสูงกว่า 3 เมตร ตัวของมันกำลังส่องแสงสีฟ้าออกมา ราวกับว่ามันถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟสีฟ้าไม่มีผิด   ม้าน้ำมีขนาดใหญ่ ผิวหนังของมันมีสีฟ้าซีดๆ ดูคล้ายกับเปลือกไม้แก่ๆ ดวงตาของมันมีสีฟ้าเหมือนกับไพลิน แค่มองตามันก็ทำให้รู้สึกว่าตัวเองจมลงไปในก้นทะเลลึก   เหงื่อบนหน้าผากของหานเซิ่นหยดลงมาอย่างต่อเนื่อง เหงื่อของเขาไหลมาจนถึงแก้ม ขณะที่เขามองดูม้าน้ำตัวนั้น เขาก็ไม่กล้าที่จะขยับตัวเลย เขารู้สึกว่าหลังจากที่มันปรากฏตัว บรรยากาศก็ดูน่ากลัวขึ้นทันที   ในขณะที่ม้าน้ำเข้ามาใกล้ๆ ฉลามสีเงินก็ยังคงว่ายน้ำอยู่แถวนั้น แต่เมื่อมันเห็นม้าน้ำ ตัวของมันก็เริ่มสั่นทันที ราวกับว่ามันเจอบางสิ่งที่น่ากลัวมากๆ   ม้าน้ำไม่ได้เคลื่อนไหวรวดเร็วอะไร มันค่อยๆเคลื่อนที่ตรงไปที่ฉลามสีเงิน ฉลามยิ่งสั่นหนักกว่าเก่า ตอนนี้มันเหมือนกับถูกล็อคอยู่กับที่ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้   ในที่สุดม้าน้ำก็มาจนถึงฉลามสีเงิน ถึงม้าน้ำจะตัวใหญ่พอสมควร แต่เมื่อเทียบกับฉลามสีเงินตัวนี้ ตัวมันดูเล็กไปเลย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ตัวเล็กๆแบบนั้น ฉลามสีเงินก็ตัวสั่นด้วยความกลัวทันที   ม้าน้ำมองไปที่ฉลามสีเงิน จากนั้นมันก็อ้าปากปล่อยเปลวไฟสีฟ้าออกมา เปลวไฟที่ถูกปล่อยออกมามีขนาดเท่ากับกำปั้นเท่านั้น แต่เมื่อมันไปติดที่ตัวของฉลาม มันก็ทำให้ฉลามสีเงินลุกไหม้ทั้งตัว   เปลวไฟลุกไหม้อย่างเกี้ยวกราดในน้ำทะเล ฉลามสีเงินดิ้นด้วยความทรมาน ตอนนี้เหมือนมันเริ่มขยับได้บ้างแล้ว มันพยายามที่จะหนี แต่เนื่องจากมันได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก ไม่นานมันก็ไม่สามารถทนได้   ในชั่วอึดใจฉลามสีเงินขนาดใหญ่ก็กลายเป็นเถ้าถ่าน ภายในทะเลลึกแห่งนี้ มันถูกเผาจนแทบจะกลายเป็นฝุ่นผงเลยก็ว่าได้ จากนั้นฝุ่นผงของมันก็กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณนี้   หานเซิ่นได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวนี้ มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะคิด ‘มอนสเตอร์ขั้นสุดยอด นี่จะต้องเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 แน่’   ถึงเขาจะยังเคยไม่เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของม้าน้ำตัวนี้ แต่แค่ได้เห็นอนุภาพของเปลวไฟสีฟ้า มันก็พอจะบอกได้แล้ว   ขณะที่หานเซิ่นยังยืนนิ่งด้วยความกลัว ม้าน้ำก็หันหน้ามาทางปราสาทคริสตัล ตัวหานเซิ่นแข็งทื่อทันที ตอนนี้หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น   แต่ม้าน้ำก็แค่จ้องมองเพียงอย่างเดียว หลังจากนั้นมันก็ว่ายน้ำจากไป   เมื่อมันไปแล้ว หานเซิ่นก็ทรุดลงกับพื้น ตอนนี้ขาของเขาอ่อนแรง เสื้อผ้าของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ   “มันน่ากลัวจริงๆ มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดมันจะมีระดับความแข็งแกร่งสักเท่าไหร่? แค่จ้องมองมันก็ทำให้เรากลัวจะแย่อยู่แล้ว” เสียงของหานเซิ่นยังสั่นอยู่ในขณะที่พูด   เปลวไฟเพียงแค่น้อยนิดของมันกลับสามารถเผามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่ใหญ่ขนาดนั้นเป็นฝุ่นผงได้ มันเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินบรรยาย   เมื่อเห็นว่าทิศทางที่ม้าน้ำตรงก็คือเมืองสปิริตใต้ทะล หานเซิ่นก็ต้องเสียวสันหลังอีกครั้ง “หรือว่ามันจะมาจากเมืองสปิริต งั้นเมืองสปิริตใต้ทะเลเมืองนี้ก็อาจจะเป็นของสปิริตที่เหนือกว่าราชวงศ์?”   ขณะที่หานเซิ่นกำลังรู้สึกกลัว เขาก็เห็นเปลวไฟสีฟ้ากำลังลุกไหม้จากระยะไกล ครั้งนี้มอนสเตอร์ตัวไหนจะโชคร้ายตกเป็นเหยื่อของม้าน้ำอีก?   หานเซิ่นกัดฟันแล้วสั่งให้เจ้าหญิงเงือกบังคับปราสาทคริสตัลให้ตรงไปทางที่ม้าน้ำหายไปอย่างช้าๆ เขาไม่กล้าที่จะไปเร็วเกิน เขาจับตามองที่เปลวไฟสีฟ้าตลอดเวลา   หานเซิ่นรู้สึกว่าเขาไม่สบายใจ ถ้าเขายังไม่รู้ว่าม้าน้ำเป็นมอนสเตอร์ของเมืองนั้นจริงรึเปล่า เขาจะต้องไปดูให้แน่ใจ   แต่ไม่นานหานเซิ่นก็ต้องผิดหวัง ตอนนี้ปราสาทคริสตัลเคลื่อนที่มาบริเวณที่ไม่ไกลจากเมืองสปิริตใต้ทะเลมาก เขาเห็นมอนสเตอร์จำนวนมากกำลังหนีออกมาจากเมืองปสิริตใต้ทะเล แต่เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น   ตอนนี้มันเกินระยะที่หานเซิ่นสามารถมองเห็นเมืองสปิริตใต้ทะเลได้แล้ว หานเซิ่นสั่งให้เจ้าหญิงเงือกหันหัวเรือ และหนีออกจากบริเวณนี้ทันที   ปราสาทคริสตัลหันหัวกลับไป หานเซิ่นเห็นเปลวไฟสีฟ้ากำลังลุกไหม้ทั่วท้องทะเล น้ำรอบๆปราสาทคริสตัลตอนนี้สว่างๆเหมือนกับแสงอาทิตย์ในตอนกลางวัน   สีหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาหันกลับไปมองเมืองสปิริต ตอนนี้มันเหมือนกับขุมนรกสีฟ้า เปลวไฟสีฟ้ากำลังลุกไหม้อย่างเกรี้ยวกราด     Facebook Page : SSG ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 1573 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 546 ฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ใต้ทะเล
Super God Gene – ตอนที่ 546 ฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ใต้ทะเล

  “มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์” หานเซิ่นไม่ได้ตื่นตระหนก แต่เขากลับรู้สึกดีแทน เนื่องจากเขากำลังมองหามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์เพื่อทดสอบความสามารถในการต่อสู้ใต้น้ำอยู่พอดี   หานเซิ่นไม่รอช้า หลังจากเห็นมันปรากฏตัว เขาก็รีบว่ายเข้าไปหามัน แต่ทว่าอยู่ๆตัวของมันก็หดย่อลง พร้อมกับมีของเหลวสีม่วงไหลออกมาจากหนามของมัน ไม่นานน้ำที่อยู่รอบๆตัวมันก็เปลี่ยนเป็นของเหลวสีม่วงสุกสว่าง   เมื่อชุดเกราะทองของหานเซิ่นสัมผัสกับของเหลวสีม่วง ก็มีฟองเดือดปุดๆออกมา ชุดเกราะของเขาถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นสีขาว อีกไม่นานมันก็จะถูกย่อยสลายไป   พวกหนามพิษทะเลระดับกลายพันธ์เข้ามาล้อมรอบตัวหนามพิษทะเลเลือดศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนพวกมันจะชื่นชอบของเหลวสีม่วงๆที่ตัวเลือดศักดิ์สิทธิ์ปล่อยออกมา พวกมันดูดกลืนของเหลวสีม่วงเข้าไป และตัวของพวกมันก็เริ่มส่องแสงออกมา ตอนนี้พวกมันดูเหมือนกับดวงดาวที่กำลังส่องสว่างอยู่เต็มท้องฟ้า   หานเซิ่นหันหลังและหนีทันที ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่สามารถไล่ฆ่าพวกมอนสเตอร์กลายพันธ์ได้ตามใจชอบอีก เขาต้องรีบหนีออกจากของเหลวสีม่วง   พวกหนามพิษทะเลไม่ได้ไล่ตามหานเซิ่น พวกมันเลือกที่จะอยู่กับที่และปล่อยพิษออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากผ่านไปสักพักน้ำทะเลโดยรอบก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีม่วง   หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรซิลเวอร์อีลออกมา จากนั้นเขาก็รีบกลับไปที่ปราสาทคริสตัลทันที มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้มันเกินกำลังของเขา   เมื่อเห็นหานเซิ่นกลับเข้าไปในปราสาทคริสตัล ฝูงหนามพิษทะเลก็พุ่งเข้าโจมตีปราสาทคริสตัลทันที แต่หลังจากที่พยายามอยู่สักพัก พวกมันก็ตระหนักว่าไม่มีทางทำลายปราสาทคริสตัลได้ ทำให้พวกมันยอมแพ้และล่าถอยไปในที่สุด   เมื่อเห็นว่าน้ำทะเลแถวนี้เปลี่ยนเป็นสีม่วงหมดแล้ว หานเซิ่นจึงสั่งให้เจ้าหญิงเงือกรีบขับปราสาทคริสตัลหนีออกไปทันที หานเซิ่นรู้ว่าตอนนี้เขายังมีพลังไม่พอที่จะสู้กับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้   “ทำไมมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ในทะเล ถึงได้มีแต่มอนสเตอร์แปลกๆ?” หานเซิ่นรู้สึกเซง ถึงเขาจะเจอมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ในทะเลบ่อย แต่พวกมันก็ล้วนแล้วแต่มีความสามารถแปลกๆ อย่างเช่นแมงกะพรุน และก็หนามพิษทะเลตัวนี้อีก   เห็นได้ชัดเลยว่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ในทะเลจะแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์บนบกโดยทั่วไป   แต่หานเซิ่นก็ไม่ถึงกับรู้สึกแย่ ยังไงเขาก็ฆ่าหนามพิษทะเลกลายพันธ์ไปกว่า 30 ตัว และเขายังได้วิญญาณอสูรมาด้วย   วิญญาณอสูรหนามพิษทะเลระดับกลายพันธ์ : โล่   หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรดวงใหม่ออกมา มันเป็นโล่กลมๆที่มีหนามติดอยู่เป็นจำนวนมาก โล่อันนี้มีขนาดพอๆกับกระทะ มันเหมาะที่จะเอามาติดเป็นโล่แขน   หนามสีม่วงของมันเห็นได้ชัดว่ามีพิษ แม้เขารู้ว่ามันมีความสามารถในการย่อยสลายโลหะหรือชุดเกราะ แต่หานเซิ่นก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะมีผลต่อร่างกายของพวกมอนสเตอร์รึเปล่า   ขณะที่หานเซิ่นเตรียมจะนำพวกหนามพิษทะเลมาทำเป็นอาหาร เขาก็สังเกตเห็นว่าซากของหนาวพิษทะเลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว หลังจากที่เขาลองเอานิ้วไปแตะมันดู เขาก็รู้สึกเหมือนนิ้วของเขาถูกเผา ดูเหมือนเนื้อของพวกมันจะกินไม่ได้แล้ว   หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังมาก เขาไม่กล้าเสี่ยงที่จะกินเนื้อแบบนี้เข้าไป ใครจะรู้ว่ามันอาจจะไปกรดกร่อนกระเพาะของเขาก็ได้ ถ้ากินมันเข้าไป   เนื่องจากไม่มีเนื้อให้กิน ทำให้หานเซิ่นรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เขาสั่งให้เจ้าหญิงเงือกนำปราสาทคริสตัลดำไปใต้ทะเลต่อไป อย่างน้อยๆเขาจะต้องล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ให้ได้   ปราสาทคริสตัลแล่นอยู่ใต้ท้องทะเลเป็นเวลากว่า 2 วัน ในช่วงนี้หานเซิ่นสามารถล่ามอนสเตอร์กลายพันธ์ที่อยู่ตัวเดียวมาได้ แต่เขายังไม่เจอมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ที่เหมาะแก่การล่าเลยสักตัว   เหตุผลหลักก็คือ มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ใต้ทะเลจะมีขนาดตัวที่ใหญ่มาก หานเซิ่นรู้ว่าถึงล่าพวกมันไปก็ไม่มีประโยชน์   ระหว่างที่ปราสาทคริสตัลกำลังแล่นต่อไป อยู่ๆก็มีมอนสเตอร์ตัวหนึ่งเตะตาของหานเซิ่นมาก มันเป็นมอนสเตอร์ที่มีลักษะเหมือนกับวัวกระทิง ตัวของมันมีสีดำสนิท และก็มีเกล็ดเหมือนกับสัตว์เลื้อยคลาน   มอนสเตอร์ตัวนี้อยู่ตัวเดียวด้วย บริเวณใกล้ๆมันไม่มีมอนสเตอร์ตัวอื่นอยู่เลย และขนาดของมันยังพอเหมาะต่อการล่าด้วย เมื่อเห็นเช่นนี้หานเซิ่นก็ไม่รอช้า เขาเรียกวิญญาณอสูรร็อคเวิร์มออกมาอีกครั้ง   เมื่อมันเห็นร็อคเวิร์มกำลังเข้าไปใกล้ มันก็เปลี่ยนเป็นวัวกระทิงที่บ้าคลังทันที มันพุ่งเข้าชนร็อคเวิร์มอย่างรุนแรง ร็อคเวิร์มถูกชนจนกระเด็นไปเป็นไมล์ แม้แต่ชุดเกราะขั้นสุดยอดเบอร์เซิร์กก็เกือบจะแหลก ร็อคเวิร์มเกือบจะถูกฆ่าด้วยการโจมตีครั้งเดียว   หานเซิ่นไม่ได้ประหลาดใจเท่าไหร่ เขารีบเรียกร็อคเวิร์มกลับทันที ด้วยพลังระดับนี้มันจะต้องเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน   เมื่อเห็นว่ามันเป็นมอนสเตอร์ที่โดดเด่นด้านกำลัง หานเซิ่นจึงคิดว่ามันไม่มีน่าจะความสามารถแปลกๆเหมือนกับพวกมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ที่ผ่านมา   หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรเกราะและกรีฟออกมา จากนั้นเขาก็ว่ายน้ำตรงเข้าไปหามอนสเตอร์ที่เหมือนกับวัวกระทิงทันที   หลังจากที่เห็นหานเซิ่นกำลังว่ายเข้ามา มันก็พุ่งเข้าใส่เขาทันที เนื่องจากมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงมาก น้ำรอบๆตัวมันแทบจะแหวกให้มันวิ่ง ดูแล้วมันเป็นมอนสเตอร์ที่ทรงพลังมาก   หานเซิ่นรีบหลบออกจากเส้นทางที่มันพุ่งมาทันที หลังจากที่เขาหลบการโจมตีที่ดูน่ากลัวของมันได้แล้ว วัวกระทิงคำรามออกมา จากนั้นมันก็หันกลับมาหาหานเซิ่น และพยายามจะพุ่งชนเขาอีกครั้ง   “จังหวะดีจริงๆ” หานเซิ่นบอกกับตัวเอง เขากำลังใช้วิชาไทด์เพื่อสู้กับวัวกระทิง   หานเซิ่นใช้เวลาในการฝึกวิชานี้นานพอสมควรแล้ว เนื่องจากเขามีข้อได้เปรียบเรื่องที่ไม่ต้องหายใจในน้ำ ทำให้หลังจากที่เขาใช้วิชาไทด์แล้ว เขาก็สามารถต่อสู้ในน้ำได้อย่างอิสระราวกับมนุษย์เงือก เขาสามารถสู้กับวัวกระทิงตัวนี้โดยไม่เป็นรอง   หานเซิ่นใช้กรงเล็บเฟอเรทโกสพาวฟันไปที่วัวกระทิง แต่ทั้งหมดที่ทำได้ก็แค่รอยขีดข่วนบนเกล็ดของมันเท่านั้น มันไม่ได้ฟันเข้าไปในเนื้ออย่างที่หานเซิ่นหวังเอาไว้   “เกล็ดของมันแข็งจริงๆ!” หานเซิ่นประหลาดใจ เขารีบว่ายน้ำหลบออกจากเส้นทางการชนของวัวกระทิงทันที   การต่อสู้ดำเนินไปกว่าครึ่งชั่วโมง หานเซิ่นหาจังหวะเหมาะๆโจมตีมันได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ว่าหานเซิ่นจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถทำให้มันบาดเจ็บได้เลย เกล็ดของมันแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ   ในที่สุดหานเซิ่นก็เก็บกรงเล็บและเริ่มใช้ศาสตร์ตงเสวียน เขาใช้หมัดพลังหยินชกไปที่วัวกระทิง   โม! วัวกระทิงส่งเสียงร้องออกมา พร้อมกับมีเลือดไหลออกจากปากของมัน แต่วัวกระทิงตัวนี้ก็อึดมาก ถึงจะถูกหมัดพลังหยินเข้าไปเต็มๆ มันก็ยังไม่กระเด็นถอยหลัง มันคำรามออกมาด้วยเสียงที่ดังราวกับฟ้าผ่า และก็พุ่งตรงเข้ามาชนหานเซิ่นอย่างบ้าคลั่ง   หานเซิ่นไม่ได้เกรงกลัวมอนสเตอร์ประเภทที่มีแต่กำลังแบบนี้แม้แต่น้อย แต่กระนั้นเขาก็ต้องพยายามทรงตัวให้อยู่ เพราะการเคลื่อนที่อย่างรุนแรงของวัวกระทิง ทำให้น้ำสะเทือน เขาต้องหมุนและเคลื่อนไหวไปตามกระแสน้ำ เขาหาโอกาสเหมาะๆได้ และชกไปที่วัวกระทิงอย่างรุนแรงอีกครั้ง   พลังหยินเจาะทะลุร่างของวัวกระทิง มีเลือดจำนวนมากไหลออกมาจากปากของมัน   ปัง ปัง ปัง! หานเซิ่นกระหน่ำชกใส่มัน เขาอัดพลังหยินอันมหาศาลเข้าไปในร่างของวัวกระทิง ไม่ว่าร่างกายของมันจะแข็งแกร่งขนาดไหน มันก็ไม่มีทางต้านพลังหยินได้ ตอนนี้มีเลือดไหลออกมาจากหู ตา จมูกและปากของมัน อวัยวะภายในของมันได้รับความเสียหายทั้งหมด   ตอนนี้สายเกินไปแล้วที่วัวกระทิงจะตัดสินใจหนี มันโดนหมัดพลังหยินของหานเซิ่นเข้าไป 10 กว่าครั้ง ตอนนี้หัวใจของมันได้แหลกไปเรียบร้อยแล้ว   “กระทิงวารีเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ์”   ในที่สุดหานเซิ่นก็ได้เฮจริงๆสักที ตอนนี้เขามีความสามารถในการต่อสู้กับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใต้น้ำแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำก็คือการหามอนสเตอร์เหมาะๆและเข้าไปสู้กับมัน ตอนนี้ปัญหาการเก็บจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็หมดไป   ‘หวังว่าเราจะเก็บจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ์ได้เต็มในอนาคตอันใกล้’ หานเซิ่นคิด  

Super God Gene – ตอนที่ 545 หนามพิษทะเล
Super God Gene – ตอนที่ 545 หนามพิษทะเล

  หานเซิ่นต้องการวิชาไฮเปอร์จีโนที่เอาไว้สำหรับสู้ในน้ำมาก การต่อสู้ในน้ำนั้นจะแตกต่างจากการต่อสู้บนบกโดยสิ้นเชิง แรงกดอากาศและแรงต้านของกระแสน้ำจะถูกนำมาคำนวณด้วยทั้งหมด วิชาที่ร้ายกาจตอนอยู่บนบก เวลามาอยู่ในน้ำอาจจะกลายเป็นวิชาไร้ประโยชน์ไปเลยก็ได้   หานเซิ่นมีใบอนุญาตระดับSของสถาบันเซนท์อยู่หลายใบ ดังนั้นการจะเอาออกมาใช้สักใบ 2 ใบ สำหรับหานเซิ่นมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดมาก   สำหรับมนุษย์แล้วการต่อสู้ใต้น้ำเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นวิชาไฮเปอร์จีโนสำหรับการต่อสู้ใต้น้ำจึงมีอยู่อย่างจำกัดมาก   วิชาไฮเปอร์จีโนสำหรับสู้ใต้น้ำมีเพียง 8 วิชา หานเซิ่นเลือกวิชาที่เป็นระดับS เขาแทบไม่ได้ดูข้อมูลเบื้องต้นของวิชาเลย หลังจากที่เขาเห็นว่ามันเป็นระดับS เขาก็ซื้อทันที   หานเซิ่นเลือกวิชาไฮเปอร์จีโนระดับSที่เรียกว่าไทด์ ซึ่งมันเป็นวิชาที่ทำให้ผู้ใช้สามารถดึงพลังจากน้ำที่อยู่รอบๆตัวมาเพิ่มพลังได้   แม้มันเป็นวิชาไฮเปอร์จีโนที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรที่พิเศษ แต่พลังที่เพิ่มขึ้นมานั้นไม่ได้น้อยเลย   หลังจากที่หานเซิ่นดื่มยาปรับปรุงพันธุกรรมเข้าไป เขาก็กลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ และก็ดำน้ำลงไปที่ปราสาทคริสตัลทันที เพื่อที่เขาจะได้เริ่มฝึกวิชาใหม่   หานเซิ่นใช้เวลาเกือบทั้งวันในการฝึกวิชาไทด์ แต่สำหรับศาสตร์ตงเสวียนในแต่ละวันหานเซิ่นจะฝึกเพียงรอบเดียวเท่านั้น ซึ่งการฝึกแต่ละครั้งจะกินเวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น   มันไม่ใช่เพราะว่าหานเซิ่นไม่ต้องการจะฝึกต่อ แต่มันเป็นเพราะหลังจากฝึกไป 1 รอบแล้ว ร่างกายของเขาก็จะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ซึ่งถึงจะฝึกต่อไป มันก็จะไม่ได้ประโยชน์มากกว่านี้แล้ว   หานเซิ่นคิดว่าอาจจะเป็นเพราะร่างกายของเขายังไม่ถึงขั้นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ ดังนั้นระดับในการรับพลังจึงมีจำกัด   แต่การที่เขาฝึกศาสตร์ตงเสวียน มันก็มีประโยชน์สำหรับเขาในตอนที่ฝึกวิชาไทด์ ผู้วิวัฒนาการทั่วๆไปจะไม่สามารถหายใจในน้ำได้ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานานๆ ซึ่งมันจะทำให้การฝึกไม่ต่อเนื่อง   แต่ตอนนี้หานเซิ่นสามารถอยู่ในน้ำได้อย่างอิสระ เขาจะไปในทะเลลึกแค่ไหนก็ได้ตามที่เขาต้องการ ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกว่าตัวเขาก็ไม่ได้ต่างจากกึ่งเทพที่สามารถฉีกทะเลได้ เขาสามารถว่ายน้ำได้เร็วและยังมีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ ไม่ว่าจะเจอมอนสเตอร์แบบไหนเขาก็สามารถสู้ได้หมด   “ไม่เลวเลย ถึงเราจะยังฝึกมันได้ไม่ถึงขั้น แต่ความสามารถตอนที่สู้อยู่ในน้ำก็เทียบเท่ากับ 80% ของตอนที่สู้บนบกแล้ว ตอนนี้เราน่าจะสามารถสู้กับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิได้แล้ว” หานเซิ่นตื่นเต้นกับการพัฒนามาก ศาสตร์ตงเสวียนกับวิชาไทด์ทำให้เขามีความมั่นใจในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ใต้ทะเล   ระดับพลังของหานเซิ่นตอนอยู่ในน้ำ หลังจากฝึกวิชาไทด์ มันสูงกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเขาฝึกศาสตร์ตงเสวียนด้วยรึเปล่า แต่ตอนอยู่ในน้ำเขาไม่รู้สึกถึงแรงต้านเลย ตอนนี้เขาเหมือนกับภูติวารีที่เคลื่อนไหวในน้ำได้อย่างอิสระ   “คงต้องหามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิในทะเลให้เจอซะแล้ว เราจะได้ทดสอบความแข็งแกร่ง” ตอนนี้หานเซิ่นมีความฮึกเหิมมาก ช่วงนี้เขากินเนื้อของมอนสเตอร์กลายพันธ์ไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้จีโนพ้อยกลายพันธ์ของเขาเพิ่มขึ้นมาก แต่จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิของเขายังไม่ขยับไปไหน   หานเซิ่นให้เจ้าหญิงเงือกนำปราสาทคริสตัลลงไปในทะเลลึก เขาหวังจะพบมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ ซึ่งมันจะต้องเป็นตัวที่ไม่ใหญ่มากจนเกินไป เพื่อที่เขาจะได้กินมันง่ายๆ   “ทำไมพวกมอนสเตอร์ในทะเลถึงได้ตัวใหญ่เกือบทุกตัวเลยนะ?” หานเซิ่นรู้สึกเซง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่มอนสเตอร์ตัวใหญ่ๆ บางตัวมีความยาวเป็น 100 เมตร แค่มันว่ายเข้ามาใกล้ปราสาทคริสตัลก็ทำให้หานเซิ่นกลัวแล้ว   “มอนสเตอร์ตัวเล็กนั่นคืออะไร?” หานเซิ่นมองดูมอนสเตอร์ที่เหมือนกับแมลง ซึ่งมันมีขนาดพอๆกับลูกฟุตบอล   แต่พอดูดีๆแล้วมันเหมือนกับเม่นมากกว่า ตัวของมันกลมๆและมีหนามจำนวนมาก ซึ่งมันกำลังส่งแสงออกมาค่อนข้างสวยเลยทีเดียว   แต่หลังจากเหตุการณ์แมงกะพรุน หานเซิ่นก็กล้าไม่ประมาทพวกมอนสเตอร์ใต้ทะเลอีกต่อไป มอนสเตอร์ใต้ทะเลมีอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเขายังไม่แน่ใจว่ามันมีพลังหรือความสามารถในการต่อสู้แบบไหน เขาจะไม่เข้าไปโจมตีมันแบบสุ่มสี่สุ่มห้า   เขาเรียกร็อคเวิร์มออกมา พร้อมกับใส่ชุดเกราะบลัดสเนลให้มัน ตอนนี้พลังป้องกันของร็อคเวิร์มที่สวมชุดเกราะเกือบจะเท่ากับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 แล้ว มันจึงเป็นตัวที่ใช้ทดสอบชั้นดี   แม้จะไปเจอมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ ร็อคเวิร์มก็มีพลังป้องกันสูงพอที่จะไม่ถูกฆ่าเร็วเกินไป ยังไงหานเซิ่นก็สามารถเรียกมันกลับมาได้ทัน ร็อคเวิร์มที่เปลี่ยนเป็นโหมดต่อสู้ว่ายไปในทะเลอันมืดมิด   ก่อนที่มันจะเข้าไปใกล้ มอนสเตอร์ที่เหมือนเม่นก็รู้ตัวก่อนแล้ว หนามของมันส่องแสงสีม่วงออกมา ทันใดนั้นน้ำรอบๆตัวมันก็เปลี่ยนเป็นน้ำเหนียวๆสีม่วงทันที   เมื่อร็อคเวิร์มไปสัมผัสกับของเหลวสีม่วงนั้น ชุดเกราะขั้นสุดยอดก็ถูกย่อยสลายไปในทันที หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หานเซิ่นก็เรียกร็อคเวิร์มกลับทันที   “โว้ มอนสเตอร์ตัวนี้ทรงพลังจริงๆ!” หานเซิ่นเรียกชุดเกราะและกรีฟออกมา จากนั้นเขาก็ลองสัมผัสของเหลวสีม่วงบนตัวร็อคเวิร์ม โชคดีที่ชุดเกราะของเขาไมได้ย่อยสลายไปเหมือนกับชุดเกราะบลัดสเนล   หานเซิ่นกระโดดไปในน้ำโดยไม่ลังเล เขาว่ายน้ำตรงไปทางมอนสเตอร์ตัวนั้นทันที เขาว่ายฝ่าของเหลวสีม่วงไปด้วยไม่สนใจ   เมื่อเห็นหานเซิ่นว่ายตรงมา มอนสเตอร์ตัวนั้นก็ปล่อยพิษสีม่วงออกมามากขึ้น น้ำรอบๆตัวมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง และไม่นานก็เปลี่ยนเป็นสีดำไปแล้ว ตอนนี้หานเซิ่นแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย   แต่โชคดีที่มอนสเตอร์ตัวนั้นไม่ได้ว่ายหนีไปไหน ทำให้หานเซิ่นว่ายมั่วๆไปหาได้ เขากวัดแกว่งกรงเล็บเพื่อพยายามจะฆ่ามันให้ได้   “หนามพิษทะเลกลายพันธ์ถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยกลายพันธ์”   หานเซิ่นช็อค ถ้ามอนสเตอร์ตัวนี้เป็นมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์ งั้นทุกตัวที่อยู่บริเวณนี้ ซึ่งมีเป็นพันๆตัวก็น่าจะเป็นมอนสเตอร์กลายพันธ์ทั้งหมดเลย   มันยากมากที่จะเจอมอนสเตอร์กลายพันธ์ที่อยู่รวมกันมากมายขนาดนี้บนบก การที่เขาลงมาล่าในทะเลเป็นทางเลือกที่ถูกจริงๆ ถึงมันจะยากกว่า แต่ผลตอบแทนก็ดีกว่าเช่นกัน   ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อเห็นมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์จำนวนมากอยู่ข้างหน้า เขาคิดว่ายังไงก็ต้องได้วิญญาณอสูรของมันแน่ๆ ถ้าฆ่าพวกมันเป็นร้อยเป็นพัน   หานเซิ่นว่ายน้ำออกไป และเริ่มไล่ฆ่าพวกหนามพิษทะเลให้มากที่สุด ตอนนี้หานเซิ่นสามารถว่ายน้ำได้อย่างอิสระ สิ่งที่พวกหนามพิษทะเลทำได้ก็คือการปล่อยพิษออกมา แต่ถ้าหานเซิ่นเข้าไปใกล้ๆ พวกมันก็พยายามจะใช้หนามแทงเขา แต่ในเมื่อต้องมาเจอกับพลังป้องกันของวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กถึง 2 ดวง ทำให้พวกหนามพิษทะเลไม่มีโอกาสจะทำอะไรเขาได้เลย พิษไร้ผลกับหานเซิ่นโดยสิ้นเชิง หานเซิ่นไล่ฆ่าพวกมันอย่างสบายๆ   แต่เหมือนพวกหนามพิษทะเลก็ยังมีความฉลาดอยู่บ้าง หลังจากที่พวกมันถูกฆ่าไปหลายตัว พวกมันก็รู้ว่าไม่สามารถสู้กับหานเซิ่นได้ พวกมันเลยเริ่มที่จะว่ายน้ำหนีแทน ตอนนี้พวกมันแยกย้ายกันหนีอย่างตื่นตระหนัก พวกมันพยายามออกห่างจากหานเซิ่นให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้   หานเซิ่นยังไม่ได้วิญญาณอสูรเลยสักดวง ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะยอมให้พวกมันหนีไปได้ง่ายๆ เขาไล่ตามพวกมัน และกวัดแกว่งกรงเล็บเฟอรเทโกสพาวไปอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงที่รอคอย   “หนามพิษทะเลกลายพันธ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยกลายพันธ์”   แม้จะเป็นแค่วิญญาณอสูรระดับกลายพันธ์ แต่หานเซิ่นก็ยังดีใจที่ได้วิญญาณอสูรใหม่ ตอนนี้เขาพยายามใช้โชคของเขา และไล่ฆ่าพวกหนามพิษทะเลต่อ เพื่อรวบรวมวิญญาณอสูร แต่อยู่ๆในขณะที่กำลังล่าพวกมัน เขาก็แหลบไปเห็นว่ามีหนามพิษทะเลขนาดใหญ่ๆกำลังมุ่งหน้ามาทางที่เขาอยู่   หนามพิษทะเลตัวนี้เหมือนกับลูกบอลลูน มันส่องแสงท่ามกลางทะเลที่มืดมิด มันสว่างซะจนหานเซิ่นแทบจะมือตาไม่ขึ้นเลย