Archive for Uncategorized

Super God Gene – ตอนที่ 524 เนื้อและวิญญาณอสูรจำนวนมาก
Super God Gene – ตอนที่ 524 เนื้อและวิญญาณอสูรจำนวนมาก

  บทความเรื่อง ‘ดอลลาร์ปรากฏตัวบนหาดทรายเหลือง’ ไม่นานก็ได้รับความสนใจจากคนจำนวนมาก   บทความนั้นกล่าวว่า ดอลลาร์ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เขากวาดล้างเม่นทุกตัว และก็ได้รับความภักดีจากสปิริต จากนั้นเขาก็ฆ่าหมีตัวใหญ่ในหมัดเดียว เขาช่วยคนไม่ให้ถูกสปิริตกวาดล้าง และยังช่วยให้พวกเขายึดเมืองได้สำเร็จ ในตอนจบดอลลาร์หายตัวไปอย่างลึกลับโดยไม่ได้อยู่รับคำชื่นชมใดๆ   ถ้าหานเซิ่นได้อ่านบทความนี้ล่ะก็ เขาคงจะต้องรู้สึกประหลาดใจบ้างไม่มากก็น้อย เขาไม่ได้จะเข้าไปช่วยชีวิตทุกคนหรือทำตัวเป็นฮีโร่ จริงๆแล้วเขาแค่ต้องการแย่งสปิริตเท่านั้น แต่ทว่าเนื่องจากเขาสวมใส่ชุดเกราะสีทอง ทำให้คนไปนึกถึงดอลลาร์   คนส่วนมากยังไม่รู้ว่าหานเซิ่นขายชุดเกราะด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิไปแล้ว พวกเขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับดอลลาร์เลย พวกเขาตัดสินว่าคนคนนั้นเป็นดอลลาร์โดยดูจากแค่ชุดเกราะ   “ถ้าใครก็ตามที่สวมชุดเกราะสีทองเป็นดอลลาร์ งั้นในก็อตแซงชัวรี่ก็คงมีดอลลาร์เป็นร้อยเป็นพัน” “แต่คนนี้อาจจะเป็นตัวจริงก็ได้ เขาทั้งหยิ่งทะนงและแข็งแกร่ง” “เขาสวมชุดเกราะอยู่แล้วรู้ได้ไงว่าเขาหยิ่งทะนง?” “แฟนพันธ์แท้ดอลลาร์อย่างฉัน แค่ดูจากความสามารถในการต่อสู้ ฉันก็รู้แล้ว แม้เขาจะสวมชุดเกราะหนากี่นิ้วก็ตาม มันก็ไม่มีทางรอดพ้นจากสายตาของฉัน” “ฉันก็อยู่ที่นั้นด้วย เขาคือดอลลาร์ 100% เขาแข็งแกร่งมาก เขาฆ่าหมีตายในหมัดเดียว” “เท่าที่ฉันรู้มานะ ดอลลาร์เขาขายชุดเกราะสีทองไปนานแล้ว คนที่พวกนายพบต้องเป็นตัวปลอมแน่ๆ” “ตัวจริงแน่นอน ฉันรู้สึกได้เลยว่ายังไงเขาก็ต้องเป็นดอลลาร์แน่ เขามองมาที่ฉันด้วย ดูเหมือนเขาอาจจะตกหลุมรักฉัน..” “ตื่นๆ!” …   คนจำนวนมากกำลังถกเถียงกันว่าเขาใช่ดอลลาร์ตัวจริงหรือไม่ บางคนเชื่อว่าใช่ แต่บางคนก็บอกว่าไม่ พวกเขาแบ่งออกไป 2 ฝ่ายชัดเจน และยังไม่มีฝ่ายไหนยอมกัน ไม่นานคงได้เกิดสงครามคีย์บอร์ดอย่างแน่นอน   ในเวลาเดียวกัน หานเซิ่นนั่งอยู่บนปราสาทคริสตัล และกำลังเช็คดูสปิริตใหม่ที่เขาพึ่งจะได้มา   เหมือนกับที่เขาคาดเอาไว้ นี่คือสปิริตระดับขุนนางที่สูงมากกว่า 9 ฟุต ทั้งตัวของมันห่อหุ้มด้วยชุดเกราะเหล็กสีดำ ด้วยโล่สีเหลี่ยมขนาดใหญ่ และขวาน 2 คม ทำให้มันดูเหมือนกับเทพในตำนาน   หมอนี่มีคำว่าโล่รวมอยู่ในชื่อด้วย ดังนั้นหานเซิ่นจึงเชื่อว่าโล่คงจะต้องแข็งแกร่งมาก หานเซิ่นลองใช้กรงเล็บโจมตีไปที่โล่ ซึ่งเขาทำได้แค่ทิ้งรอยบากลึกประมาน 3 นิ้วไว้ ถ้าวัดกันที่พลังป้องกัน โล่คลั่งมีพลังป้องกันพอๆกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ   ถ้ากรงเล็บเฟอเรทโกสพาวของเขาไม่ใช่เบอร์เซิร์ก แต่เป็นวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิธรรมดา มันก็อาจจะทำอะไรโล่คลั่งไม่ได้เลย   “น่าเสียดายที่โล่คลั่งไม่ใช่สปิริตสาวสวย” หานเซิ่นรู้สึกเสียดาย เดิมทีเขาต้องการจะก่อตั้งกลุ่มสปิริตสาวขึ้นมา แต่อย่างไรก็ดีสปิริตหาได้ยากมาก ช่วงแรกๆก็คงต้องรับสปิริตชายมาใช้งานก่อน   ในอนาคตปราสาทคริสตัลยังต้องการผู้ช่วยบนเรืออีกมาก เพื่อที่จะได้ล่ามอนสเตอร์จำนวนมหาศาลที่อยู่ใต้ทะเล เนื่องจากหานเซิ่นไม่ต้องการรับมนุษย์เข้ามามากนัก ทำให้มีแค่สปิริตที่เขาจะพึ่งพาได้   หลังจากพักผ่อนเป็นเวลาครึ่งวัน หานเซิ่นก็ขึ้นไปที่ฝั่งอีกครั้ง เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่แถบนี้   ทะเลแถบนี้ถูกเรียกว่าทะเลเหลือง ถัดจากชายฝั่งไปไม่ไกลก็จะมีเขตที่เป็นป่า ในเขตป่ามีเมืองของมนุษย์อยู่หลายเมือง แต่กระนั้นก็มีเมืองที่ถูกสปิริตครอบครองอยู่เช่นกัน ทั้งสปิริตและมนุษย์กำลังต่อสู้กันอย่างหนัก   ‘ต้องแบบนี้สิ ถึงจะเป็นที่ที่เหมาะต่อการพัฒนา บนทุ่งน้ำแข็งมีทรัพยากรน้อยเกินไป แม้แต่สปิริตระดับอัศวิน เราก็ยังไม่เคยเห็นเลย’ หานเซิ่นคิด   ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะทำยังไงถึงจะขยายอิทธิพลมาบริเวณนี้ได้ อยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงปริแตกภายในจิตของเขา ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นมีความสุขมาก เมื่อดูภายในจิตใจ เขาก็เห็นรังไหมที่ห่อหุ้มโกลเด้นโกรวเลอร์เริ่มแตกออก ไม่นานสิงโตสีทองอร่ามก็เดินออกมาจากรังไหม มันดูเหมือนกับรูปปั้นทองเกะสลัก ร่างกายของมันเหมือนกับทำมาจากทองจริงๆ   วิญญาณโกลเด้นโกรวเลอร์อสูรขั้นสุดยอดเบอร์เซิร์ก : สัตว์ขี่   เบอร์เซิร์กโกลเด้นโกรวเลอร์พัฒนาทั้งในด้านความแข็งแกร่งและความเร็ว มันสามารถเทียบชั้นได้กับวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 เลยทีเดียว ที่สำคัญมันยังสามารถขยายหรือย่อขนาดได้ ซึ่งเป็นความสามารถที่สัตว์ขี่ปรกติๆจะไม่มี   หานเซิ่นให้หมาป่าน้ำแข็งใช้คริสตัลสีดำต่อ จากนั้นวิญญาณอสูรหมาป่าน้ำแข็งก็เปลี่ยนเป็นเบอร์เซิร์ก หลังจากภายไปแค่ 1 วัน   ขณะที่เขาใช้คริสตัลสีดำกับวิญญาณอสูรของเขา หานเซิ่นก็สั่งให้เจ้าหญิงเงือกเอาปราสาทคริสตัลกลับไปที่ดินแดนน้ำแข็ง   เนื่องจากมีทรัพยากรอยู่เป็นจำนวนมากในบริเวณใกล้ๆทะเลเหลือง วิญญาณอสูรอสูรของที่นั่นจึงมีราคาที่ถูก ถ้าเขาต้องการจะขายวิญญาณอสูร เขาก็ควรจะกลับไปขายที่ดินแดนน้ำแข็ง เพื่อที่จะได้ราคาที่สูง   เมื่อเขากลับมา หานเซิ่นก็ลองให้เจ้าหญิงเงือกขับปราสาทคริสตัลมุ่งตรงไปยังทะเลที่อยู่ใกล้ๆกับเมืองเทพธิดา ซึ่งการเดินทางของเขาก็ค่อนข้างราบลื่น   เมืองเทพธิดาถูกล้อมรอบด้วยทะเลทั้ง 3 ด้าน ดังนั้นมันจึงไม่ยากที่จะนำเรือไปจอดใกล้ๆกับเมือง เขาไม่เจอเมืองใต้ทะเลเมืองอื่นเลย ซึ่งการเดินทางใต้ทะเล ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยกว่าการเดินทางบนภูเขามาก   ในระหว่างทางกลับ หานเซิ่นล่ามอนสเตอร์ระดับโบราณและกลายพันธ์อีกเป็นจำนวนมาก เขาขึ้นไปบนหลังโกลเด้นโกรวเลอร์ และก็เอาทุกอย่างที่เขาล่ามาได้ไว้บนหลังของมัน จากนั้นเขาก็เดินทางกลับไปที่เมืองเทพธิดา   เมื่อคนในเมืองเห็นโกลเด้นโกรวเลอร์และกองภูเขาเนื้อ พวกเขาต่างก็ประหลาดใจ เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ไม่ค่อยมีมอนสเตอร์ให้ล่า พวกเขาจึงไม่คาดคิดเลยว่าจะเห็นเนื้อมากมายขนาดนี้   เมื่อได้ยินข่าว หยางม่านลี่ก็ออกมาดูเช่นกัน เมื่อเธอเห็นกองซากมอนสเตอร์ เธอก็ต้องอ้าปากค้าง   “ม่านลี่ นับจำนวนเนื้อ และเธอก็ตัดสินใจได้เลยว่าจะเอามันไปขายยังไง” หานเซิ่นโอนวิญญาณอสูรระดับโบราณและกลายพันธ์เกือบทั้งหมดให้หยางม่านลี่ และบอกให้เธอเอาพวกมันไปขาย   หยางม่านลี่เห็นวิญญาณอสูรจำนวนมากที่หานเซิ่นโอนมา ไม่ใช่แค่วิญญาณอสูรกลายพันธ์ แม้แต่วิญญาณอสูรกลายพันธ์เบอร์เซิร์กก็มี ซึ่งมันทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อ   “นายไปเอาเนื้อและวิญญาณอสูรพวกนี้มาจากที่ไหน?” หยางม่านลี่มองหานเซิ่นด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน   “ฉันไปล่าพวกมันจากในทะเล” หานเซิ่นรู้ดีว่าแค่ดูก็รู้ว่ามอนสเตอร์พวกนี้เป็นมอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในน้ำ ยังไงเขาก็ไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้ได้   “ทะเล?” หยางม่านลี่ช็อคยิ่งกว่าเดิม ใครๆก็รู้ว่าการล่าในทะเลนั้นยากกว่าบนบกมาก   “ฉันเป็นผู้ชายที่สามารถฆ่าเสือบนภูเขาหรือมังกรในทะเลได้ แค่นี้เธอไม่คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องธรรมดาสำหรับฉันงั้นหรอ? ไม่เห็นจะต้องมองฉันแบบนั้นเลย” หานเซิ่นยิ้ม   แม้หานเซิ่นจะเล่นมุข แต่หยางม่านลี่ก็ไม่ได้ยิ้มออกมาเลย เธอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่งานที่ทำได้ง่ายๆ งานยากระดับนี้ไม่ใช่เรื่องตลก   ‘เขาทำแบบนั้นได้ยังไง?’ ยิ่งรู้จักหานเซิ่นมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเข้าใจหานเซิ่นได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่อยู่ก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ถึงหานเซิ่นจะเก่งมาก แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าเขายังด้อยกว่าดอลลาร์ แต่ตอนนี้เธอกับรู้สึกว่าหานเซิ่นนั้นไร้เทียมทาน เขามักจะทำในสิ่งที่ทำให้เธอต้องประหลาดใจเสมอ  

Super God Gene – ตอนที่ 523 ขโมยสปิริต
Super God Gene – ตอนที่ 523 ขโมยสปิริต

  ด้านหน้าของฝูงเม่นมียักษ์ที่สวมชุดเกราะเหล็กสีดำ ซึ่งมีความสูงกว่า 9 ฟุตกำลังควบหมีตัวใหญ่ตรงเข้าใส่กองทัพของมนุษย์ มันถือโล่ขนาดใหญ่ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างถือขวานที่มีคมทั้ง 2 ด้าน ไม่มีมนุษย์คนไหนที่มีพลังพอจะต่อต้านมันได้เลย   มนุษย์ที่ดูแล้วน่าจะแข็งแกร่งทีเดียว ระดับความแข็งแกร่งของเขาคงจะไม่ต่ำกว่า 100 เขาใช้ดาบยาวของเขาฟันไปที่ยักษ์ตัวนั้น แต่ทว่าการโจมตีของเขาก็ถูกโล่ของยักษ์ตัวนั้นป้องกันไว้ด้วยหมด   เมื่อมันอยู่บนหลังหมีขนาดใหญ่แล้ว ก็ไม่มีใครสามารถหยุดขวานของมันได้เลย   หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจ ดูเหมือนนี่จะเป็นเมืองสปิริตขุนนาง ดังนั้นยักษ์สูง 9 ฟุตก็น่าจะเป็นสปิริตขุนนาง ซึ่งระดับความแข็งแกร่งควรจะเท่าๆกับมอนสเตอร์กลายพันธ์   แต่กระนั้นดูเหมือนพลังป้องกันของชุดเกราะและโล่ของมันจะสูงมาก แม้แต่มนุษย์ที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ก็ยังไม่สามารถทลายโล่ได้   พวกเม่นยังคงปล่อยหนามใส่กองทัพของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ทำให้มนุษย์ไม่สามารถบุกเข้าไปในเมืองได้ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีโอกาสเข้าไปทำลายสปิริตสโตนเลย   “เป็นสปิริตที่มีพลังป้องกันสูงจริงๆ ฉันจะพลาดไม่ได้” หานเซิ่นตื่นเต้นมาก เมื่อเขาเห็นสปิริตที่ทรงพลัง แถมยังมีทั้งโล่และเกราะ ทำให้พลังป้องกันของมันสูงมาก แม้มันจะเป็นแค่สปิริตขุนนาง แต่ถ้าวัดที่พลังป้องกันอย่างเดียว มันก็อาจจะสู่สีกับสปิริตขุนนางเลย   ถ้าเขาสามารถเอาสปิริตตัวนี้มาครองได้ มันจะง่ายขึ้นมาก เมื่อเขาต้องไปล่ามอนสเตอร์ที่มีความอันตราย เพราะเขาจะสามารถให้มันเข้าไปรับการโจมตีแทนเขาได้   หานเซิ่นเรียกชุดเกราะสีทองออกมา และเขาก็เดินตรงไปที่เมืองสปิริตทันที เขาไม่ได้ต้องการเข้าไปสู้กับสปิริต เป้าหมายของเขาคือการเข้าไปเอาสปิรตสโตนออกมาให้ไวที่สุด   ตอนนี้กองทัพของฝ่ายมนุษย์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ขณะที่พวกเขากำลังลังเลอยู่ว่าจะถอยหรือจะสู้ต่อไปดี อยู่ๆพวกเขาก็เห็นคนสวมชุดเกราะทองวิ่งเข้าไปในเมืองสปิริตด้วยความเร็วที่สูงมาก   ฝูงเม่นแตกตื่นทันที พวกมันรีบปล่อยหนามไปใส่คนที่สวมชุดเกราะสีทอง หนามจำนวนมากบินตรงไปที่เขาราวกับห่าฝน   แค่มองดู คนจำนวนมากก็รู้สึกเจ็บปวดแทนเขาแล้ว พวกเขาเองก็ถูกหนามแทงเข้าไปหลายครั้ง ทำให้พวกเขารู้ดีว่าหนามพวกนั้นมันร้ายกาจแค่ไหน แม้แต่ชุดเกราะระดับกลายพันธ์ก็ยังไม่สามารถป้องกันมันได้แบบ 100%   มีหนามอย่างน้อยๆก็ 1000 อันพุ่งตรงไปที่คนที่สวมชุดเกราะสีทอง แต่ทว่าคนที่สวมชุดเกราะสีทองก็ยังไม่หยุด เขายังคงวิ่งเข้าใส่หนามพวกนั้น หนามจำนวนมากปะทะกับชุดเกราะของเขา ทำให้เกิดเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนามทุกอันที่ปะทะกับชุดเกราะจะเด้งออกไปไม่ก็หัก คนที่สวมชุดเกราะสีทองดูจะไม่เป็นอะไรเลย เขายังคงวิ่งตรงเข้าไปในเมืองสปิริตด้วยความเร็วสูง   คนสวมชุดเกราะสีทองวิ่งเข้าไปยังจุดที่พวกเม่นตั้งแถวป้องกันอยู่ ขณะที่เขาเคลื่อนที่ เขาก็ฆ่าพวกเม่นไปหลายตัว   ตอนนี้พวกเม่นที่ทำหน้าที่ป้องกันประตูเมืองตกอยู่ในความโกลาหล ส่วนคนที่สวมชุดเกราะสีทองก็ฝ่าเข้าไปในเมืองเรียบร้อยแล้ว   ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ในตอนที่คนที่สวมชุดเกราะสีทองหายเข้าไปในเมือง มนุษย์คนอื่นๆก็เริ่มตระหนักว่ามันเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่พวกเม่นมันตกอยู่ในความโกลาหล พวกเขาก็รีบพุ่งเข้าใส่พวกมันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี   หลังจากที่เห็นคนสวมชุดเกราะสิ่งทองวิ่งหายเข้าไปในเมือง สปิริตขุนนางก็รีบควบหมีตามเข้าไปทันที หลังจากที่สปิริตเข้าไปในเมืองแล้ว พวกเม่นก็ดูไร้ระเบียบมาก ไม่นานมนุษย์ก็ฝ่าแนวป้องกันเข้าเมืองไปได้   เมื่อเข้าไปในเมือง พวกเขาก็เห็นซากศพของมอนสเตอร์นอนตายเกลื่อน คนสวมชุดเกราะทองวิ่งเข้าไปในเมืองโดยไม่หยุดพัก แม้แต่ฝูงของมอนสเตอร์ก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ ถึงจะไม่ได้ใช้อาวุธ เขาก็สามารถฆ่ามอนสเตอร์ทุกตัวที่มาขวางหน้าเขาได้ ไม่นานเขาก็เข้าไปถึงห้องโถง   สปิริตขุนนางไล่ตามคนสวมชุดเกราะสีทองไปอย่างบ้าคลั่ง แต่ดูเหมือนจะสายเกินไปแล้ว เมื่อสปิริตมาถึงห้องโถง คนสวมชุดเกราะสีทองก็เดินออกมาจากห้องโถงเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับสปิริตสโตนในมือ   เมื่อสปิริตเดินเข้าไปหาคนสวมชุดเกราะสีทอง มันกับไม่ได้โจมตีคนคนนั้นเหมือนกับที่ทุกคนคิดเอาไว้ มันคุกเข่าลงต่อหน้าเขา ซึ่งมันทำให้ทุกคนประหลาดใจมาก   “โล่คลั่งขอมอบวิญญาณอันบริสุทธิ์ให้กับนายท่าน และจะติดตามนายท่านจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต”   ทุกคนตกตะลึง เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น มันยากมากที่สปิริตจะมอบความภักดีให้กับมนุษย์ ที่สำคัญการจะให้มันภักดี มนุษย์ก็ต้องเอาชนะมันให้ได้ก่อน   แต่คนที่สวมชุดเกราะทองยังไม่ได้สู้กับสปิริตเลยด้วยซ้ำ แต่สปิริตกับมอบความภักดีให้แล้ว โอกาสแบบนี้มันน้อยยิ่งกว่า 1 ใน 10000   เมื่อเห็นคนที่สวมชุดเกราะทองเอาสปิริตสโตนวางบนหัวของสปิริตขุนนาง พวกเขาก็แทบจะลืมตาไม่ขึ้น เนื่องจากแสงสว่างมาก ไม่นานทั้งสปิริตสโตนและสปิริตขุนนางก็หายไป เห็นได้ชัดว่ามันเข้าไปอยู่ในจิตของเจ้านายมันแล้ว   หลังจากที่สปิริตหายไปแล้ว มอนสเตอร์ภายในเมืองก็โกลาหลทันที หมีตัวใหญ่ที่เป็นพานหะของสปิรตคำรามออกมา และก็พุ่งเข้าใส่คนที่สวมชุดเกราะสีทอง แต่ทว่าคนสวมชุดเกราะสีทองกับไม่คิดที่จะหลบมันเลย   เมื่อหมีมาถึงหน้าของเขา หมัดที่ห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีทองก็ชกเข้าที่หน้าของหมี   เมื่อเผชิญหน้ากับหมีที่ตัวใหญ่เหมือนกับรถถัง คนสวมชุดเกราะสีทองกับชกมันแบบชิวๆ หลังจากถูกชกก็มีเลือดไหลออกมาจากใบหน้าของมัน และมันก็ล้มลงนอนต่อหน้าคนสวมชุดเกราะสีทองทันที   “แข็งแกร่งมาก เขาแข็งแกร่งเกินไปแล้ว..” ทุกคนอ้าปากค้าง ในตอนที่พวกเขาสู้กันอยู่ข้างนอก พวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของหมีตัวนั้นแล้ว ถึงจะเป็นผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งสูงกว่า 100 ก็ยังสู้กับมันลำบาก แต่คนที่สวมชุดเกราะสีทองกับฆ่ามันด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว   “ดอลลาร์ เขาต้องเป็นดอลลาร์แน่ๆ ดอลลาร์อยู่ในกลุ่มของพวกเขาด้วยงั้นหรอ?” อยู่ๆก็มีใครบางคนตระโกนขึ้นมาทันที ซึ่งทำให้คนอื่นๆช็อค   “ใช่แน่นอน ชุดเกราะสีทอง ความแข็งแกร่งระดับนั้นจะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่ดอลลาร์?” “บ้าเอ้ย! ดอลลาร์มาปรากฏตัวที่นี่หรอเนี่ย” “ดอลลาร์ไร้เทียมทานจริงๆ แม้แต่ในก็อตเเซงชัววรี่เขต 2” “ดอลลาร์ ฉันรักคุณ” “ถ้ามีดอลลาร์อยู่ที่นี่ พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวมอนสเตอร์ตัวไหนแล้ว” “หมัดนั้นสุดยอดไปเลย” …   หานเซิ่นไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อ หลังจากล้มหมีได้แล้ว เขาก็หนีออกจากเมืองทันที ยังไงสิ่งที่เขาทำมันก็เหมือนการมาขโมยสปิริต ทำให้เขาคิดว่าควรจะรีบหนีไปดีกว่า  

Super God Gene – ตอนที่ 522 ขุมทรัพย์ใต้ทะเล
Super God Gene – ตอนที่ 522 ขุมทรัพย์ใต้ทะเล

  ใบเรือทั้ง 3 ใบกลางออกในเวลาเดียวกัน จากนั้นเรือคริสตัลก็ค่อยๆขึ้นจากก้นทะเลสาบ ราวกับเรือเวทย์มนตร์   “มุ่งหน้าไปที่มหาสมุทร” หานเซิ่นสั่งการด้วยความตื่นเต้น เรือคริสตัลลำนี้ดีกว่าเรือดำน้ำซะอีก มันเหมือนกับยานอวกาศใต้น้ำไม่มีผิด   “นายท่านต้องการจะไปบนผิวน้ำไหม?” เจ้าหญิงเงือกถาม   “ไม่ ดำไปใต้ทะเลนี่แหละ” เป็นเรื่องธรรมดาที่หานเซิ่นไม่อยากให้เรือขึ้นไปบนผิวน้ำ เพราะมันสะดุดตาผู้คนมาก   “ค่ะ นายท่าน” เจ้าหญิงเงือกตอบ และส่งพลังไปที่คริสตัล เรือคริสตัลลำใหญ่มุ่งหน้าตรงไปทางช่องแคบระหว่างทะเลสาบกับมหาสมุทร   ทิวทัศน์ใต้ทะเลเป็นอะไรที่งดงามมาก หานเซิ่นเห็นหอยทะเลที่กองรวมกันเป็นกลุ่มเหมือนกับภูเขาลูกย่อมๆ ซึ่งอยู่ไกลออกไปประมาน 100 ไมล์   ฝูงปลานับพันกำลังว่ายน้ำเล่นอย่างมีความสุข มอนสเตอร์ขนาดใหญ่ดูเหมือนกับมังกรว่ายผ่านไป   โชคดีที่ปราสาทคริสตัลไม่มีอะไรจะมาทำลายมันได้ ไม่งั้นถ้าถูกมอนสเตอร์ขนาดใหญ่แบบนั้นชน มันก็อาจจะล่มได้เลย   ปัง! ปัง! เต่า 2 หัวที่ตัวใหญ่ราวกับภูเขากำลังชนปราสาทคริสตัลอยู่ มันชนอยู่หลายครั้ง ก่อนที่มันจะถอยหนีออกไปในที่สุด   จำนวนของมอนสเตอร์ที่อยู่ใต้ทะเล มันเหนือกว่าที่หานเซิ่นจินตนาการไว้ แต่กระนั้นเขาก็ไม่รู้ว่ามอนสเตอร์พวกนี้อยู่ระดับไหน ทำให้เขาไม่สามารถล่าได้ตามที่ใจต้องการ หานเซิ่นตัดสินใจสำรวจใต้ทะเลดูก่อนว่ามีอะไรอยู่บ้าง   จากระยะไกลเหมือนเขาจะเห็นแม่น้ำสีแดงกำลังไหลอยู่ใต้ทะเล แต่กระนั้นเมื่อเข้าไปใกล้ๆ เขาก็พบว่ามันคือฝูงกุ้งจำนวนมาก แต่ละตัวมีขนาดพอๆกับรถมอเตอร์ไซค์ พวกมันกำลังว่ายน้ำหาสาหร่ายกินเป็นอาหาร จากที่มอง หานเซิ่นไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของฝูงมันได้ เขาไม่รู้ว่ามันมีจำนวนเท่าไหร่   หานเซิ่นสั่งให้เจ้าหญิงเงือกหยุดเรือไว้ก่อน จากนั้นเขาก็ปิดฟังก์ชั่นที่ค่อยป้องกันไม่ให้น้ำเข้ามาในเรือ หลังจากที่น้ำไหลเข้ามาในเรือ เขาก็ว่ายน้ำออกไป เมื่อเห็นกุ้งสีแดงว่ายเข้ามาใกล้ หานเซิ่นก็ใช้พลังหยินโจมตีไปที่หัวของมัน   “กุ้งเพลิงโบราณถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 จีโนพ้อยโบราณ”   หานเซิ่นเอากุ้งกลับมา หลังจากที่เขาปลอกเปลือกของมัน เขาก็เห็นเนื้อที่นุ่มเหมือนกับเยลลี่ หานเซิ่นตัดเนื้อของมันเป็นชิ้นๆ และหยดด้วยซอส หลังจากกินเข้าไปคำแรก เขาก็รู้สึกว่ามันทั้งหวานและอร่อยมาก   “นี่มันสวรรค์ชัดๆ แค่นี่เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่ล่าไม่พอเพียงอีกแล้ว” หานเซิ่นมีความสุขมาก เขาสั่งให้เจ้าหญิงเงือกบังคับให้ปราสาทคริสตัลมุ่งหน้าต่อไป   มอนสเตอร์ที่อยู่ใต้ทะเลมีจำนวนมากเกินกว่าที่หานเซิ่นคิดไว้มาก ซึ่งมีมอนสเตอร์จำนวนไม่น้อยที่หานเซิ่นไม่เคยเห็นมาก่อน   มนุษย์ยังไม่มีความสามารถที่จะมาล่าในมหาสมุทร นี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยที่มนุษย์ลงมาล่าใต้ทะเลลึกขนาดนี้   แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมอนสเตอร์ในทะเลล้วนแต่มีขนาดใหญ่โต หานเซิ่นเลยยังไม่ได้รีบออกไปล่า เป้าหมายของเขาก็คือการสำรวจพื้นที่ เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าตรงไหนมีมอนสเตอร์ที่เหมาะจะล่าบ้าง ถ้ายังไม่มี เขาก็จะหาต่อไปโดยไม่ได้รีบร้อน   ความเร็วของปราสาทคริสตัลถือความค่อนข้างสูงทีเดียว เมื่ออยู่ใต้น้ำแค่ 5-6 วัน มันก็สามารถเดินทางออกมาจากเขตพื้นที่ที่เป็นน้ำแข็งได้แล้ว น้ำเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ และชนิดของมอนสเตอร์ก็แตกต่างจากก่อนหน้านี้   หานเซิ่นเห็นลูกบอลสีฟ้ากำลังส่องแสงอยู่ที่ก้นทะเล เมื่อเข้าไปใกล้ๆ เขาก็เห็นว่ามันคือแมงกะพรุนขนาดใหญ่ที่กำลังเต้นระบำอยู่ใต้น้ำ   ปลาหลากสีกำลังว่ายน้ำอยู่กันเป็นฝูง มีหอยทะเลเรียงรายอยู่ที่ก้นทะเล หานเซิ่นเห็นไข่มุกกำลังส่องประกายอยู่ภายในหอยแครงที่มีขนาดใหญ่พอๆกับชามข้าว เขารู้สึกว่ามันน่าสนใจ หานเซิ่นว่ายน้ำออกมาจากปราสาทคริสตัล และพยายามที่จะหยิบไข่มุกมา แต่ทว่าหอยแครงก็ปิดปากอย่างรวดเร็ว มันพยายามที่จะงับมือของหานเซิ่นให้แหลก   แต่โชคดีที่หานเซิ่นดึงมือกลับมาไวพอ จากนั้นเขาก็เอาหอยแครงที่ปิดอยู่กลับมาที่ปราสาทคริสตัลด้วย   เขาวางหอยแครงลงบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ชกมันด้วยพลังหยินรัวๆ ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียง   “หอยแครงขุมทรัพย์กลายพันธ์ถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 จีโนพ้อยกลายพันธ์”   หานเซิ่นมีความสุขมาก เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นมอนสเตอร์กลายพันธ์ เท่าที่ดูเนื้อที่อยู่ภายในน่าจะมีไม่มากด้วย ดังนั้นเขาน่าจะกินมันหมดได้ในมื้อเดียว ซึ่งมันน่าจะให้จีโนพ้อยกลายพันธ์ประมาน 7-8 จีโนพ้อย   หานเซิ่นเปิดเปลือกหอย และก็เอาไข่มุกออกมา ไข่มุกมีทั้งหมด 3 เม็ด แต่ละเม็ดดูสวยและเปล่งประกาย ไข่มุกที่งามขนาดนี้แม้แต่ในสหพันธ์ดวงดาวก็ยังหาได้ยาก   ‘นี่ถือเป็นเกียร์ด้วยรึเปล่า?’ หานเซิ่นยังไม่แน่ใจว่าไข่มุกนับว่าเป็นเกียร์รึเปล่า   หานเซิ่นออกไปเอาหอยแครงขุมทรัพย์เพิ่ม หลังจากฆ่าพวกมัน เขาก็พบว่าไม่ใช่ทุกตัวที่เป็นมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์ พวกมันส่วนมากจะเป็นมอนสเตอร์โบราณเท่านั้น มีเพียงแค่หอยที่มีไข่มุกอยู่ภายใน ถึงจะเป็นมอนสเตอร์กลายพันธ์   ในพื้นที่แถบนี้มีหอยแครงขุมทรัพย์อยู่ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นตัว หานเซิ่นเอามันกลับมาบนเรือแค่ 10 กว่าตัว จากนั้นเขาก็เอามันไปทำเป็นอาหาร และสั่งให้เจ้าหญิงเงือกควบคุมปราสาทคริสตัลมุ่งหน้าต่อไป   “เมืองใต้ทะเล!” หานเซิ่นเห็นมันจากระยะไกล เขาสั่งให้เจ้าหญิงเงือกเปลี่ยนทิศทางทันที เขายังไม่กล้าเข้าไปใกล้เมือง   ดูจากขนาดของเมืองแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะเป็นเมืองสปิริตราชวงศ์ ตอนนี้หานเซิ่นตัวคนเดียว แถมยังอยู่ใต้น้ำด้วย ไม่มีทางที่เขาจะยึดเมืองสปิริตราชวงศ์ได้   เนื่องจากมีเมืองสปิริตราชวงศ์ขวางทางอยู่ ทำให้หานเซิ่นต้องเปลี่ยนทิศทาง หลังจากมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ เขาก็บนว่าน้ำมันเริ่มตื้นขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดเขาก็มาจนถึงชายฝั่ง   หานเซิ่นมองไปที่ชายฝั่ง และเห็นมนุษย์จำนวนมากจากระยะไกล หานเซิ่นไม่คิดว่าจะมาเจอปราสาทที่อยู่ใกล้ชายฝั่ง ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นเมืองของมนุษย์ หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้นมาก   พื้นที่ที่เป็นทุ่งน้ำแข็งถูกล้อมด้วยทะเลทุกด้าน และทางเดียวที่จะออกไปได้ก็ถูกเมืองสปิริตราชวงศ์ขวางเอาไว้ ไม่มีทางเลยที่จะติดต่อกับมนุษย์คนอื่นๆที่อยู่ภายนอกได้ แต่ทว่าตอนนี้หานเซิ่นสามารถใช้ปราสาทคริสตัลเดินทางมาจากใต้ทะเลได้ นี่เป็นเส้นทางที่เขาสามารถใช้มันทำกำไรได้มหาศาลในอนาคต   เขาสั่งให้เจ้าหญิงเงือกเอาปราสาทคริสตัลไปจอดไว้ที่ก้นทะเล และเขาขี่ก็ซิลเวอร์อีลไปที่ชายฝั่งไป หานเซิ่นตั้งใจว่าจะถามคนแถวนี่ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ทว่าหลังจากที่เขาเข้าไปใกล้ชายฝั่ง เขาก็พบว่ามันต่างจากที่เขาจินตนาการไว้ตอนแรก หานเซิ่นเห็นคนจำนวนมากกำลังพยายามยึดเมืองที่อยู่ใกล้ชายฝั่ง   ที่หน้าเมืองมีมอนสเตอร์ที่มีลักษณะเหมือนเม่นจำนวนมากป้องกันเมืองอยู่   พวกมันสามารถปล่อยหนามออกไปเหมือนกับลูกธนู มนุษย์พยายามที่จะบุกเข้าไป แต่พวกเขาก็ไม่สามารถฝ่าหนามจำนวนมากไปได้ คนจำนวนมากต่างก็ได้รับบาดเจ็บ  

Super God Gene – ตอนที่ 521 ฆ่าปูสีทอง
Super God Gene – ตอนที่ 521 ฆ่าปูสีทอง

  ที่ก้นทะเลสาบ หานเซิ่นสามารถฆ่ามอนสเตอร์ได้อย่างดาย “ฉันต้องยึดปราสาทคริสตัลมาให้ได้ ขอแค่มีมันก็เท่ากับว่าทั้งมหาสมุทรเป็นของฉัน” หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขมาก   เขาเรียกหิมะเจ้าเสน่ห์ออกมา และสั่งให้เธอใช้หอกแทงปลาที่กำลังว่ายอยู่ในน้ำ หลังจากนั้นเขาก็ทำอาหารกินแบบสบายๆ   “เนื้อของโกลเด้นแอนโชวี่ถูกกิน คุณได้รับ 1 จีโนพ้อยโบราณ”   “หิมะเจ้าเสน่ห์สังหารโกลเด้นแอนโชวี่โบราณ คุณได้รับวิญญาณอสูรแอนโชวี่ เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0 -10 จีโนพ้อยโบราณ” ..   ตอนนี้หานเซิ่นไม่ต้องกระดิกนิ้วเลย ขณะที่เขากำลังอ่านหนังสือ หิมะเจ้าเสน่ห์จะเป็นคนล่าปลามา ในขณะที่เจ้าหญิงเงือกจะเป็นคนทำอาหาร ไม่เพียงแค่นั้นเขายังให้เธอเอาอาหารมาป้อนด้วย สิ่งที่เขาต้องทำก็คือแค่ขยับปากอย่างเดียว   “สวรรค์ชัดๆ นี่สิถึงจะคุ้มกับที่เราลงทุนลงแรงมาทั้งหมด” หานเซิ่นรู้สึกดีมาก เขาได้จีโนพ้อย ถึงเขาจะแค่นอนเฉยๆ   ‘ถ้าเราได้สปิริตผมสีเงินมาด้วย มันก็จะยิ่งดีกว่านี้อีก’ หานเซิ่นคิด   ที่ใต้ทะเลสาบมีมอนสเตอร์หลายชนิดมาก ซึ่งบางชนิดหานเซิ่นก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน หอยที่มีขนาดใหญ่เท่าบ้าน กุ้งล็อบสเตอร์ที่ใหญ่พอๆกับรถมอเตอร์ไซค์ และก็มีสิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกๆอีกมากมาย   มีมอนสเตอร์กลายพันธ์อยู่จำนวนมาก แต่เนื่องจากปราสาทคริสตัลขยับไม่ได้ หานเซิ่นจึงทำได้แค่รอให้พวกมันเข้ามาใกล้ๆ ถ้าเขาออกไปในน้ำเพื่อสู้กับมันล่ะก็ มันจะเสี่ยงมาก   นี่เป็นเหตุผลที่หานเซิ่นยิ่งอยากได้ปราสาทคริสตัลมากกว่าเดิม ถ้าปราสาทสามารถขยับได้ตามที่เขาต้องการ เขาจะสามารถล่ามอนสเตอร์เท่าไหร่ก็ได้   แม้กระนั้นในตอนนี้หานเซิ่นก็ได้จีโนพ้อยมาจำนวนมาก หลังจากใช้เวลาไปประมาน 10 กว่าวัน เขาก็เก็บจีโนพ้อยโบราณได้เต็ม และยังได้จีโนพ้อยกลายพันธ์มาอีก 17 จีโนพ้อย   นอกเหนือจากจีโนพ้อยแล้ว เขายังได้รับวิญญาณอสูรระดับโบราณและกลายพันธ์มาอีกจำนวนมาก แค่ 10 วันนี้เขาก็ได้จีโนพ้อยมากกว่าช่วงที่ผ่านๆมาทั้งหมด ตั้งแต่เข้ามาในก็อตแซงขัวรี่เขต 2   เรื่องเดียวที่น่าเสียดายก็คือเขายังไม่ได้ล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิแม้แต่ตัวเดียว มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่อาศัยอยู่บริเวณนี้เหมือนจะมีแค่ปูสีทองกับซิลเวอร์อีล   ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา หิมะเจ้าเสน่ห์ล่ามอนสเตอร์โบราณมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหานเซิ่นไม่สามารถกินมันได้หมด เขาจึงกองร่างของพวกมันเอาไว้ เขาต้องการจะเอาพวกมันไปขาย หลังจากกลับไปที่เมืองเทพธิดา   แต่ใครจะไปคิดว่าปูสีทองจะหน้าด้านถึงขนาดแอบมาขโมยมันไปทุกวัน มันทำราวกับพวกหานเซิ่นเป็นแค่คนที่มีหน้าที่เตรียมอาหารให้มัน   “ไอ้ปูนรก วันนี้แหละ ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้” หานเซิ่นสุดจะทนกับพฤติกรรมของปูในช่วงหลายวันที่ผ่านมา และในตอนนี้เขารู้สึกว่าระดับความแข็งแกร่งของเขาสามารถสู้กับปูตัวนี้ได้แล้ว เขาต้องการจะฆ่ามัน และยึดปราสาทคริสตัล   เหมือนกับทุกๆวัน วันนี้ปูสีทองก็ออกมาขโมยเนื้อของหานเซิ่นอีก เมื่อมันหันหลัง และเตรียมจะเอาเนื้อกลับไปกิน หานเซิ่นก็ใช้กรงเล็บฟันเข้าไปที่กระดองของมันทันที   เคร๊ง! ก้ามกับกรงเล็บปะทะกัน หานเซิ่นถอยหลังกลับมา 3 ก้าว ก่อนที่จะทรงตัวได้ ปูสีทองเองก็กระเด็นไปข้างหลังเช่นเดียวกัน ดูเหมือนครั้งนี้ระดับความแข็งแกร่งของทั้ง 2 ฝ่ายจะพอๆกัน   เมื่อเห็นระดับความแข็งของตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าปู หานเซิ่นก็รู้สึกมีความสุขมาก เขากวัดแกว่งกรงเล็บของเขาอีกครั้ง   แต่ทว่าครั้งนี้ หานเซิ่นไม่ได้โจมตีไปที่หัวของปูเหมือนกับทุกที เขาเดินไปรอบๆตัวมัน พร้อมกับใช้เทคนิคไคท์ติ้ง   ไม่นานหานเซิ่นก็หาโอกาสโจมตีไปที่กระดองของมันได้ แต่กรงเล็บก็ทำได้แค่ทิ้งรอยข่วนตื้นๆไว้บนกระดองของมันเท่านั้น เขายังไม่สามารถทำลายมันได้ “แข็งจริงๆ!” หลังจากที่สู้กันมามากกว่าครึ่งชั่วโมง หานเซิ่นโจมตีโดนตัวมันตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็ทำได้แค่ฝากรอยข่วนไว้ ซึ่งปูดูไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย   หานเซิ่นเรียกกรงเล็บกลับ และก็ตัดสินใจว่าจะใช้หมัดต่อสู้กับปูสีทอง โดยใส่พลังหยินเข้าไปด้วย   อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพลังหยินมีความสามารถในการทะลุทะลวงแค่ 3-4 นิ้ว หานเซิ่นจะไม่สามารถทำให้มันบาดเจ็บได้ ถ้าหากโจมตีผิดจุด   ตูม! หานเซิ่นหาโอกาสที่จะชกไปที่หัวของปูสีทองได้ หลังจากโดนเข้าไป เขาก็เห็นปูเดินโซเซเหมือนกับคนเมาทันที   เมื่อหานเซิ่นเห็นว่าการโจมตีเริ่มได้ผล เขาก็ยิ่งชกไปที่หัวของมันแรงขึ้นเรื่อยๆ   ปูสีทองเหมือนจะมึนไปเลยหลังจากที่โดนชก การโจมตีของมันดูไม่มีความรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา แถมยังสะเปะสะปะมาก   หานเซิ่นชกไปที่หัวของปูรัวๆ ปูยิ่งมึนขึ้นเรื่อยๆ มันไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป และในที่สุดมันก็ล้มลงไปบนพื้น   หานเซิ่นกระหน่ำชกไปที่ปูอย่างบ้าคลั่ง ด้วยหมัดที่เปี่ยมไปด้วยพลังหยิน เขาชกไปที่หัวของมันนับครั้งไม่ถ้วน และในที่สุดมันก็หยุดเคลื่อนไหว   “ราชาปูทองเลือดศักดิ์สิทธิถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรราชาปูทอง เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ”   เมื่อได้ยินเสียงที่ดังในหัว หานเซิ่นก็รู้สึกดีมาก เขารีบเช็คดูประเภทของวิญญาณอสูรราชาปูทองทันที   ประเภทของวิญญาณอสูรราชาปูทอง : ชุดเกราะ   หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรราชาปูทองออกมา และชุดเกราะสีทองก็ออกมาห่อหุ้มตัวของเขาไว้ทันที มันปกปิดทุกส่วนของร่างกายไปจนถึงหัวด้วย   มองแวบแรก ชุดเกราะนี้จะดูคล้ายๆกับชุดเกราะด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิมาก พวกมันทั้ง 2 อันต่างก็เป็นชุดเกราะประเภทที่ปกปิดทุกส่วนเหมือนกัน แต่รูปทรงของพวกมันแตกต่างกันเล็กน้อย ถ้ามองดูหมวกของชุดเกราะราชาปูทองก็จะเห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นเกราะปู   “ในที่สุดฉันก็ได้วิญญาณอสูรชุดเกราะเลือดศักดิ์สิทธิแล้ว เราจะต้องรีบใช้คริสตัลสีดำเพื่อเปลี่ยนให้มันกลายเป็นเบอร์เซิร์ก หลังจากเปลี่ยนเป็นเบอร์เซิร์กแล้ว แม้แต่อาวุธเลือดศักดิ์สิทธิก็ไม่น่าจะทำอะไรเราได้” หานเซิ่นรู้สึกมีความสุขมาก   หานเซิ่นมักจะใส่ชุดเกราะอยู่ตลอดเวลาในสมัยอยู่ก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ซึ่งตั้งแต่มาก็อตแซงชัวรี่เขต 2 เขาก็ต้องการชุดเกราะมาตลอด และครั้งเขาก็ได้มันมาสมใจสักที   หลังจากสวมชุดเกราะแล้ว หานเซิ่นก็เดินเข้าไปในห้องโดยสารอย่างช้าๆ   หลังจากผ่านห้องโถงไปก็จะมีทางเดินและห้องอยู่ภายในจำนวนมาก เขาไม่พบว่ามีมอนสเตอร์ตัวอื่นอยู่เลย แต่กระนั้นเขาก็ยังหาห้องที่เอาไว้ควบคุมเรือไม่เจอ หานเซิ่นเรียกเจ้าหญิงเงือกออกมา   เจ้าหญิงเงือกนำทางหานเซิ่นไป และไม่นานพวกเขาก็เจอห้องควบคุม ซึ่งอยู่ที่ชั้นบนสุดของบริเวณที่พักโดยสาร   เมื่อเห็นคริสตัล เจ้าหญิงเงือกก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เธอรีบจับมันทันที ซึ่งทันทีที่เธอจับคริสตัลที่เป็นตัวควบคุม หานเซิ่นก็รู้สึกว่าประสาทคริสตัลสั่นสะเทือน   เมื่อมองดูจากหน้าต่างที่อยู่ข้างหน้า เขาก็เห็นว่าบรรยากาศรอบๆตัวเริ่มเปลี่ยนไป ปราสาทคริสตัลกำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปข้างบนอย่างช้าๆ   “นายท่านที่รักของข้า พวกเราจะไปที่ไหนกันดี?” เจ้าหญิงเงือกมองหานเซิ่นด้วยความตื่นเต้น     Facebook Page : SSG ตอนนี้กลุ่มลับถึงตอน 1509 แล้วครับ

Super God Gene – ตอนที่ 520 ออกล่าที่ก้นทะเล
Super God Gene – ตอนที่ 520 ออกล่าที่ก้นทะเล

  “นายกล้าสู้กับฉันจริงๆหรอ?” แอนนี่อึ้ง เธอไม่อยากจะเชื่อว่าหานเซิ่นจะกล้าสู้กับเธอ ถ้าวัดกันที่ความสามารถในการต่อสู้จริงๆแล้ว หานเซิ่นถือว่าอ่อนแอมากเมื่อเทียบกับเธอ   “ใช่ แต่พวกเราจะสู้โดยใช้มืออย่างเดียว” หานเซิ่นยิ้ม   หานเซิ่นอธิบายวิธีการสู้ แต่สิ่งที่หานเซิ่นอธิบายไปก็คือการเล่นเกมมือแดง ซึ่งหลังจากที่ฟังแล้วแอนนี่ก็เชื่อว่าเธอเอาชนะได้แน่ หานเซิ่นอาจจะมือหักเลยด้วยซ้ำ ถ้าโดนเธอตบสัก 1-2 ที   “ตกลง” หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของหานเซิ่น แอนนี่ก็ตอบโดยไม่ลังเล   ก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งและความเร็วของเธอได้ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก แม้การเล่นเกมมือแดงจะมีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่ยังไงเธอก็สามารถใช้ความแข็งแกร่งและความเร็วของเธอได้   “ครั้งก่อนเธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแล้ว งั้นครั้งนี้เป็นตาที่ฉันจะเริ่มก่อนบ้าง” หานเซิ่นพูด   แอนนี่ไม่พูดอะไร แต่เธอก็วางมือของเธอเหนือมือของหานเซิ่น เธอไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะตีมือของเธอโดนด้วยความเร็วของเขา   “เธอรู้ไหมว่าทำไมที่ผ่านมาเธอถึงได้แพ้?” อยู่ๆหานเซิ่นก็ถามขึ้นมา “ทำไม..”   เพียะ! แอนนี่ยังคงสับสนเกี่ยวกับความจริงที่เธอแพ้หานเซิ่น เมื่อหานเซิ่นเอ่ยถึงมัน เธอก็เสียสมาธิทันที ในตอนที่เธอพูดว่าทำไม หานเซิ่นก็ตีมือของเธอเรียบร้อยแล้ว   “นายมันไร้ยางอาย…” แอนนี่กัดฟัน เธออยากจะฆ่าหานเซิ่นทิ้งซะเดี๋ยวนี้   “การเล่นเกม มันก็ต้องมีทริคกันบ้าง ถ้าห้ามใช้ทริค เธอก็ควรบอกก่อนว่าไม่อนุญาตให้ใช้ทริค” หานเซิ่นพูด พร้อมกับยิ้ม   “อยากจะทำอะไรก็…” เพียะ! แอนนี่ยังพูดไม่ทันจบประโยค เธอก็ถูกหานเซิ่นตีมืออีกครั้ง   แอนนี่โกรธมาก เธอเกือบจะกระอักเลือดออกมา เธอจ้องหานเซิ่นด้วยดวงตาที่อาฆาต เหมือนกับเสือที่กำลังจ้องเหยื่อ เธอพร้อมที่จะเขมือบหานเซิ่นตลอดเวลา   จริงๆแม้หานเซิ่นจะถนัดเกมมือแดงมากแค่ไหน มันก็ยากมากที่เขาจะเอาชนะเธอได้ ถึงจะใช้วิธีการลอบเล่นงานก็ไม่น่าจะได้ผล เพราะความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนองของเธออยู่ในระดับผู้เป็นเลิศ   แต่ทว่าก่อนหน้านี้หานเซิ่นได้ทำให้ความสงบในจิตใจของเธอหายไปหมดแล้ว เธอไม่สามารถมีสมาธิเล่นเกมได้อีกต่อไป ในตอนนี้แค่หานเซิ่นพูดนิดเดียว เธอก็สติหลุดในทันที การเอาชนะเธอในตอนนี้ไม่ใช่เรืองยาก   ตอนนี้จิตใจของแอนนี่ยุ่งเหยิงมาก เธอระวังหานเซิ่นตลอดเวลา แต่ถึงเธอจะระวังมากแค่ไหน เธอก็โดนตีได้ง่ายๆอยู่ดี   เพียะ! เพียะ! เพียะ! เธอเบิกตากว้าง และจ้องมองหานเซิ่นราวกับจ้องมองภูตผี เธอทั้งขมขื่นและโกรธ ไม่มีทางที่เธอจะเข้าใจได้เลยว่าทำไมเธอถึงแพ้ ทำไมเธอถึงไม่สามารถหลบการโจมตีของหานเซิ่นได้ ทั้งๆเธอมีความเร็วสูงกว่า   แอนนี่เกลียดความไร้ยางอายและวิธีการเล่นสกปรกของหานเซิ่นมาก ซึ่งมันทำให้จิตใจของเธอไม่มีสมาธิ และไม่สามารถหลบหานเซิ่นได้   แม้แอนนี่จะรู้ดีว่าเธอต้องสงบสติอารมณ์จากการยั่วยุของหานเซิ่นให้ได้ แต่ในตอนนี้เธอหัวร้อนมาก แค่รอยยิ้มของหานเซิ่นก็ทำให้เธอสติแตกแล้ว เธอไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้   เพียะ! เพียะ! เพียะ! แอนนี่ถูกตีครั้งแล้วครั้งเล่า เธอไม่สามารถทนต่อคำพูดยั่วยุของหานเซิ่นได้อีกต่อไป   ตูม! อยู่ๆกระแสไฟฟ้าก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของแอนนี่ ตอนนี้ร่างกายของเธอมีกระแสไฟฟ้าห่อหุ้มทั่วทั้งร่าง เธอทุบโต๊ะด้วยฝ่ามือของเธอ ทำให้โต๊ะกลายเป็นเถ้าถ่านทันที   หานเซิ่นยืนอึ้งไปชั่วขณะ ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกกลัวมาก ความแข็งแกร่งของผู้เป็นเลิศมันน่ากลัวจริงๆ นี้มันเกินกว่าที่เขาจินตนาการ ถ้าที่โดนทุบไม่ใช่โต๊ะแต่เป็นตัวเขาละก็ หานเซิ่นคิดว่าเขาก็อาจจะกลายเป็นเถ้าถ่านเหมือนกัน   โชคดีที่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสหพันธ์ดวงดาว ดังนั้นแอนนี่คงไม่กล้าฆ่าเขา ไม่ว่าเธอจะโกรธแค่ไหนก็ตาม   เมื่อมองดูแอนนี่ที่กำลังโกรธจัด หานเซิ่นก็พูด “เธอต้องการจะฆ่าฉันเพราะว่าเธอแพ้งั้นหรอ?”   เธอจ้องมองหานเซิ่นอยู่สักพัก ก่อนที่กระแสไฟฟ้าจะสลายไป แอนนี่หันหลังและเดินออกไปจากห้องฝึกโดยไม่พูดอะไร เธอกลัวว่าถ้าอยู่นานกว่านี้เธออาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้   “ไอ้สารเลว.. ไอ้คนไร้ยางอาย..” แอนนี่ไม่ได้กลับไปที่ห้องพักของเธอ แต่เธอเข้าไปต่อสู้ในเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพ เพื่อระบายอารมณ์   เมื่อเห็นโต๊ะที่ทำจากโลหะอัลลอยกลายเป็นเถ้าถ่าน หานเซิ่นก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ไปยั่วยุแอนนี่อีก ถ้าเธอไม่สนใจอะไร และต้องการจะเล่นงานเขาให้ได้จริงๆ หานเซิ่นก็คงจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของเธอได้   “ผู้เป็นเลิศนี่น่ากลัวจริงๆ พวกนี่มันไม่ใช่คนแล้ว” แม้หานเซิ่นจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็ยิ่งอยากจะเป็นผู้เป็นเลิศมากยิ่งขึ้น   หลังจากกินปลาอสรพิษเลือดศักดิ์สิทธิทั้งตัว หานเซิ่นก็ได้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิมาอีก 9 จีโนพ้อย ในตอนนี้เขามี 21 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิแล้ว   หลังจากกลับมาที่ก็อตแซงชัวรี่ หานเซิ่นก็พยายามตามหาอีตงมู่ เพื่อจะไปล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิด้วยกัน แต่เขาก็หาอีตงมู่ไม่เจอ   เนื่องจากไม่รู้ว่าจะไปล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่ไหน หานเซิ่นก็นึกถึงปูสีทองขึ้นมา ถึงกระดองของมันจะแข็งมาก แต่หานเซิ่นก็ฝึกพลังหยินมา เขาคิดว่าอาจจะสามารถใส่พลังทะลุกระดองของมันได้ บางทีเขาอาจจะสามารถฆ่ามันได้   สิ่งสำคัญที่สุดคือพลังของเขา หานเซิ่นยังไม่รู้ว่ามันพอที่จะฆ่าปูรึเปล่า แต่ถึงจะฆ่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หานเซิ่นตัดสินใจว่าจะลงไปที่ประสาทคริสตัลก่อน เขาสามารถล่ามอนสเตอร์ระดับโบราณที่อยู่ใต้ทะเล เพื่อเก็บจีโนพ้อยโบราณให้เต็มได้   การล่าปลาที่อยู่ใต้ทะเลสาบง่ายกว่าการตกปลามาก หานเซิ่นกลับไปที่ก้นของทะเลสาบน้ำแข็งอีกครั้ง ด้วยการที่เขามีซิลเวอร์อีล ทำให้เขาไปถึงปราสาทคริสตัลได้อย่างง่ายดาย   ปูสีทองออกมาทันทีหลังจากที่มันได้ยินเสียง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นหานเซิ่น มันก็รีบกลับไปที่ห้องโดยสารทันที โดยไม่ได้สนใจว่าหานเซิ่นจะทำอะไรอยู่ข้างนอก   หานเซิ่นยังไม่ได้เข้าไปยั่วยุปู ตอนนี้เขากำลังว่ายน้ำอยู่ก้นทะเลสาบ เขาคิด ‘ถ้าเราสามารถยึดปราสาทคริสตัลได้ เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ล่าไม่เพียงพออีกต่อไป เราสามารถไปล่าในทะเลลึกแค่ไหนก็ได้’   เนื่องจากเจ้าหญิงเงือกบอกว่าปราสาทคริสตัลไม่มีอะไรสามารถทำลายมันได้ หานเซิ่นจึงไม่กลัวว่าจะไปเจอกับมอนสเตอร์ระดับสูงที่ก้นทะเล เพราะเขาสามารถซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสารของเรือได้   ที่สำคัญถ้าเขาสามารถควบคุมปราสาทคริสตัลได้ เขาก็จะไปที่ไหนก็ได้ตามต้องการ   ตอนนี้หานเซิ่นกำลังยืนอยู่บนเรือ เขารู้สึกเหมือนกับอยู่ในอควาเรี่ยม เหนือหัวของเขามีปลานานาชนิดกำลังว่ายน้ำอยู่ แต่มันต่างตรงที่ที่นี่ไม่มีกระจก เขาสามารถยื่นมือออกไปในน้ำ และสัมผัสกับพวกมันได้   หลังจากรออยู่สักพัก เขาก็เห็นมอนสเตอร์ที่มีลักษณะเหมือนแอนโชวี่สีทองกำลังว่ายมาใกล้ๆ หานเซิ่นยื่นมือไปคว้ามันมาทันที   หลังจากมันเข้ามาในชั้นบรรยากาศของปราสาทคริสตัล มันก็ตกลงไปบนพื้นทันที เมื่อไม่มีน้ำ มันก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ สิ่งที่มันสามารถทำได้ก็คือพยายามกระโดดกลับไปที่น้ำให้ได้   แต่หานเซิ่นไม่ยอมให้มันทำแบบนั้น เขาเหยียบมันจนตาย “โกลเด้นแอนโชวี่ระดับโบราณถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรโกลเด้นแอนโชวี่ เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยโบราณ”  

Super God Gene – ตอนที่ 519 รังแกแอนนี่
Super God Gene – ตอนที่ 519 รังแกแอนนี่

  “นายต้องการอะไร?” แอนนี่คิดว่าหานเซิ่นต้องการให้เธอกดระดับความแข็งแกร่งให้พอๆกับเขา แล้วต่อสู้กัน   ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น เธอก็คิดว่าไม่น่านะมีปัญหาอะไร ถึงเธอจะต้องกดระดับความแข็งแกร่งให้เท่าหานเซิ่น เธอก็คิดว่าเธอสามารถเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน   “ไปห้องฝึกซ้อมตอนนี้เลย” หานเซิ่นพูดและเดินไปที่ห้องฝึก   “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา” แอนนี่ไม่ขยับตัว   “อะไร? เธอกลัวงั้นหรอ?” หานเซิ่นมองแอนนี่ด้วยสายตาดูถูก   แอนนี่ไม่สนใจ “ตอนนี้ฉันยังอยู่ในเวลางาน อีก 3 ชั่วโมงฉันจะไปเจอนายที่ห้องฝึก”   “ตกลง ฉันจะรอ” หานเซิ่นประทับใจในความตั้งใจทำงานของแอนนี่มาก เธอทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของจีเหยียนหรันอีกต่อไป   หานเซิ่นกลับไปที่ห้องก่อนเพื่อรอให้ถึงเวลานั้น เขาจับด้วงที่กำลังเดินไปทั่วห้องขึ้นมาดู มันไม่ได้กินหรือดื่มน้ำเลย แต่มันกับสามารถมีชีวิตอยู่ได้   หานเซิ่นลองพยายามป้อนอาหารหลายๆอย่างแล้ว แต่มันก็ไม่สนใจเลย หานเซิ่นสงสัยมากว่ามันมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ในเมื่อไม่กินอะไร   เมื่อหานเซิ่นไปถึงห้องฝึก เขาก็เห็นแอนนี่เปลี่ยนจากชุดเครื่องแบบทหารเป็นชุดสูทสำหรับต่อสู้แล้ว   “มาเริ่มกันเลย” แอนนี่พูดแบบไร้อารมณ์ความรู้สึก เมื่อเห็นหานเซิ่นกำลังจะเดินเข้ามา   “เธอคิดจะทำอะไร?” หานเซิ่นยังคงยืนอยู่ข้างนอก   “นายไม่ได้ต้องการให้ฉันกดระดับความแข็งแกร่งแล้วต่อสู้กับนายงั้นหรอ? หรือว่าตอนนี้นายปอดแหกซะแล้ว?” แอนนี่พูดอย่างดูถูก   “พี่สาว ฉันยังไม่เคยพูดแบบนั้นเลยนะ ถึงเธอจะกดระดับความแข็งแกร่งของตัวเองลง แต่ยังไงประสิทธิภาพของสายตา และปฏิกิริยาการตอบสนองก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถลดหรือเพิ่มได้ ฉันคงไม่โง่ถึงขนาดสู้กับเธอทั้งๆแบบนั้นหรอก” หานเซิ่นพูด   “แล้วตกลงนายจะเอายังไง?” แอนนี่ขมวดคิ้ว   “ตอนอยู่ในกองทัพ เธอได้เรียนมวยทหารมาบ้างไหม?” หานเซิ่นพูด   “ถ้าฉันเรียนมาแล้วมันจะมีอะไร?” แอนนี่ถาม   “ถ้าเธอเรียนมา มันก็ง่ายที่พวกเราจะสู้กันแบบปัญญาชน ฉันจะพูดว่าจะเคลื่อนไหวยังไง และเธอเองก็สามารถพูดการเคลื่อนไหวของเธอเช่นเดียวกัน พวกเขาจะใช้เทคนิคจากมวยทหารเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะ แบบนี้ฟังยุติธรรมดีใช่ไหม?” หานเซิ่นพูด   “การต่อสู้ควรจะเน้นไปที่ปฏิกิริยาการตอบสนองหรือความยืดหยุ่น ถ้าพวกเราแค่พูดเฉยๆ แล้วพวกเราจะหาผู้ชนะได้ยังไง? แค่ขยับปากมันไม่สนุกหรอก” แอนนี่ขมวดคิ้ว   “งั้นก็แค่บอกมาว่าเธอไม่กล้ามาดวลกับฉัน ถ้าเธอไม่กล้าก็กลับไปได้เลย แล้วต่อไปอย่ามาขว้างทางฉันอีก” หานเซิ่นพูด   “ตกลง ฉันจะรอดูว่านายมีลูกไม้อะไร” แอนนี่ไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะมีเทคนิคมากกว่าเธอ   “สุภาพสตรีเชิญก่อนเลย” หานเซิ่้นดูผ่อนคลายมาก เขามีความมั่นใจเต็มเปลี่ยน   แค่พูดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวอย่างเดียว เขาคิดว่าเขาชนะแน่นอน ถ้าตัดปัจจัยอื่นทิ้งทั้งหมด และเหลือแค่การเคลื่อนไหว มันก็เหมือนกับการเล่นหมากล้อม ถึงแต่ละคนจะลงได้ตาละ 1 เม็ดเหมือนกัน แต่กลยุทธ์และการคำนวณมันไร้ขีดจำกัด   การจะเอาชนะให้ได้ กลยุทธ์คือหัวใจสำคัญ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่หานเซิ่นถนัด การแข่งแบบนี้ความแข็งแกร่ง ความเร็ว และปฏิกิริยาจะไม่มีความสำคัญ   แม้แอนนี่จะเป็นผู้เป็นเลิศ แต่การต่อสู้โดยใช้จินตนาการแบบนี้ จะจำกัดข้อได้เปรียบของเธอทั้งหมด ส่วนหานเซิ่นที่ถนัดการวางแผน และการคำนวณจะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบกว่า   “ชกไปที่ใบหน้า!” แอนนี่คิดและก็พูด   “ชกไปที่ด้านซ้ายของชายโครง” หานเซิ่นตอบอย่างรวดเร็ว   “ศอกกลับ หันตัวหลบไปด้านซ้ายเพื่อโจมตีที่คอ” แอนนี่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอไม่เคยต่อสู้โดยใช้จินตนาการมาก่อน เธอต้องใช้เวลาคิดอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะพูดออกมา   พวกเขาทั้ง 2 คนผลัดกันพูดไป 30 ครั้งแล้ว และแล้วแอนนี่ก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปรกติไป เธอรู้สึกว่าเธอตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย   แม้พวกเขาจะผลัดกันพูดการเคลื่อนไหว แต่แอนนี่กับรู้สึกว่ามันยากมากที่เธอจะโจมตี หลังจากนั้นในการเคลื่อนไหวครั้งที่ 44 เธอก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะหลบการโจมตีของหานเซิ่นยังไง   “เธอแพ้แล้ว” หานเซิ่นพูด   “นั่นมันก็แค่การพูด ถ้าต่อสู้กันจริงๆ นายไม่มีทางทำแบบนั้นได้” แอนนี่พูด เธอยังไม่ยอมรับความผิดพลาดของเธอ   “ไม่มีปัญหา งั้นเรามาทำเหมือนกับที่พวกเราพูดเมื่อกี้ แต่พวกเราจะไม่ใช้แรง แค่ขยับให้เหมือนกับที่พูดก็พอ” หานเซิ่นเดินเข้าไปหาแอนนี่   “ตกลง” แอนนี่ไม่เชื่อว่าถ้าสู้จริงเธอจะแพ้   แต่ทว่าหลังจากที่พวกเขา 2 คนต่อสู้กัน มันก็เหมือนกับที่หานเซิ่นพูด แอนนี่ไม่มีโอกาสที่จะหลบ เมื่อถึงการเคลื่อนไหวครั้งที่ 44 ถ้าเธอไม่ใช้ความแข็งแกร่งและความเร็วที่เหนือกว่า ยังไงเธอก็แพ้แน่นอน   “เป็นไงล่ะ? ที่นี่เธอเข้าใจรึยัง?” หานเซิ่นจ้องมองแอนนี่และพูด   “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันสู้ด้วยวิธีนี้ ฉันไม่ใช่คนที่พูดเก่งเหมือนนาย” แอนนี่ยังไม่ยอมรับ เธอไม่เชื่อว่าเธอจะด้อยกว่าหานเซิ่น   “ไม่มีปัญหา พวกเราสามารถลองอีกครั้งได้ เอาจนกว่าเธอจะยอมรับความจริง” หานเซิ่นเบ้ปาก   “ตกลง แต่ครั้งนี้พวกเขาจะพูด และก็ขยับตัวตามไปด้วย” แอนนี่คิดว่าที่เธอแพ้ก็เพราะเธอเป็นคนที่จินตนาการไม่เก่ง   “ตกลง” หานเซิ่นยิ้ม การขยับตัวตามไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ ขอแค่ไม่เอาความแข็งแกร่งมาเกี่ยวข้อง แอนนี่ไม่มีวันเอาชนะเขาได้   ทุกคนย่อมมีจุดเด่นและจุดด้อย หานเซิ่นเป็นประเภทที่ใช้การคำนวณและสมองในการต่อสู้ค่อนข้างมาก ในขณะที่แอนนี่จะเป็นประเภทที่ใช้ความรุนแรงเข้าสู้ และเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยพลังที่เหนือกว่า   หลังจากที่สู้กันอีกครั้ง ผลลัพธ์ก็ไม่ได้แตกต่างจากครั้งแรก ครั้งนี้เธอแพ้เร็วกว่าครั้งที่แล้วซะอีก เมื่อถึงการเคลื่อนไหวที่ 35 เธอก็ไปต่อไม่ได้แล้ว   “จะยอมรับรึยัง?” หานเซิ่นถามอีกครั้ง   “ไม่…” แอนนี่กัดริมฝีปากของตัวเอง เธอไม่สามารถยอมรับความจริงได้ว่าเธอด้อยกว่าหานเซิ่น ถึงจะเป็นด้านที่เธอไม่ถนัดก็ตาม แต่การมาแพ้คนที่เกาะผู้หญิงจนได้ดีแบบนี้ เธอยอมรับไม่ได้   “งั้นมาลองอีกครั้ง” หานเซิ่นยิ้ม แอนนี่มองเขาในแง่ร้ายมาก ดังนั้นไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องยั้งมือให้เธอ   แอนนี่พ่ายแพ้ยับเยิน พวกเขาต่อสู้กัน 30 กว่าครั้ง และเธอไม่สามารถเอาชนะได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว   แม้เธอจะไม่ได้ใช้แรงในการต่อสู้ แต่แอนนี่เริ่มหน้าซีด และมีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้แพ้หมดรูปแบบนั้น ทั้งๆที่ต่างฝ่ายก็เคลื่อนไหวได้คนละจังหวะเหมือนกัน ตอนแรกเธอคิดว่าขอแค่ทำความคุ้นเคยกับการสู้แบบนี้ เธอก็จะเอาชนะได้ แต่ผลลัพธ์กลับแย่ยิ่งกว่าเดิม ยิ่งเธอสู้ต่อไปเธอก็แพ้ย่อยยับยิ่งกว่าเดิม   แอนนี่พบว่าเธอด้อยกว่าหานเซิ่นมาก ถ้าวัดกันที่ศิลปะการต่อสู้อย่างเดียว ผู้ชายคนที่ดูถูกเหมือนจะเก่งกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้ ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าในด้านเทคนิคการต่อสู้ เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหานเซิ่น   “ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันแพ้ แต่มันก็เพราะนายคงจะเรียนมาแค่เทคนิคและทฤษฎี ถ้าพวกเราต่อสู้กันจริงๆ ไม่มีทางที่นายจะชนะฉันได้” แอนนี่รู้ว่าเธอแพ้ แต่เธอก็ไม่อยากจะยอมรับมัน   “งั้นก็มาสู้กันจริงๆเลยดีกว่า” หานเซิ่นพูด  

Super God Gene – ตอนที่ 518 ทหารที่น่าอับอาย
Super God Gene – ตอนที่ 518 ทหารที่น่าอับอาย

  อีตงมู่ยืนมองอาร์คแองเจิลกินซากของไทรเซอราทอปส์ สำหรับเขามันยากที่จะจินตนาการว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆแค่นี้จะกินไทรเซอราทอปส์หมดไปกว่าครึ่งแล้วในเวลาไม่นาน   อีตงมู่หันกลับไปมองหานเซิ่นที่กำลังกินบาร์บีคิวอยู่ ด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน   ในฐานะหลานของนักการเมืองที่กึ่งเทพ เขาเคยเห็นคนเก่งๆมาเยอะ แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่เคยเห็นใครมีสัตว์เลี้ยงที่รูปร่างเหมือนมนุษย์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิมาก่อนเลย และที่สำคัญเขาก็ยังไม่เคยเห็นใครเอาเนื้อเลือดศักดิ์สิทธิให้สัตว์เลี้ยงกินมาก่อน   ทรัพยากรบนทุ่งน้ำแข็งมีอยู่อย่างจำกัดมาก ถึงมอนสเตอร์ตัวนี้จะมีขนาดใหญ่มาก แต่ยังไงมันก็เป็นมอสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ การให้สัตว์เลี้ยงกินเป็นเรื่องที่เกินไปสำหรับอีตงมู่   อีตงมู่ต้องประเมินหานเซิ่นใหม่ ในสายตาของเขา หานเซิ่นทั้งแข็งแกร่ง แถมยังทำตัวชิวๆได้ในสถานการณ์แบบนี้ ทำให้อีตงมู่สงสัยเกี่ยวกับเบื้องหลังของหานเซิ่น   “มันใกล้ได้เวลาที่ฉันจะต้องกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาวแล้ว ไว้เจอกันวันหลัง” หลังจากที่อาร์คแองเจิลกินเสร็จ หานเซิ่นก็บอกลาทันที   แม้ตราบใดที่จีเหยียนหรันยังไม่ได้เรียกตัว เขาก็ถือว่ามีเวลาว่างไม่จำกัด แต่ยังไงเขาก็ต้องกลับไปหาเธออยู่บ่อยๆ เพื่อไม่ให้เธอเป็นกังวล   “ฉันก็จะกลับเหมือนกัน งั้นพวกเราไปพร้อมกันเลย” แม้จริงๆแล้วอีตงมู่จะไม่ได้ต้องการกลับตอนนี้ แต่เขาต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับเบื้องหลังของหานเซิ่น เขาอยากรู้ว่าหานเซิ่นเป็นใครกันแน่   ทั้ง 2 คนเทเลพอร์ตกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว ด้วยเครื่องเทเลพอร์ตของเมืองสตาร์วีล หลังจากกลับมา อีตงมู่ก็สืบข้อมูลเกี่ยวกับหานเซิ่นทันที ข้อมูลที่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของอีตงมู่   หลังจากดูข้อมูลต่างๆของหานเซิ่นแล้ว อีตงมู่รู้สึกว่ามันแปลกๆ   ถ้าดูจากฐานะทางครอบครัวของหานเซิ่น เขาก็ถือว่าเป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่น่าจะไปได้ไกลถึงขนาดนั้น   จากข้อมูลที่ได้มา สิ่งที่น่าจะมีผลบวกต่อเขามากที่สุดก็คือแฟนของเขา จีเหยียนหรัน   อย่างไรก็ตาม แม้ตระกูลจีจะเป็นตระกูลที่ใหญ่และมีอิทธิพล แต่หานเซิ่นก็พึ่งจะมารู้จักจีเหยียนหรันตอนที่อยู่โรงเรียนทหาร ก่อนหน้านั้นเขาก็ไม่น่าจะได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลจี   แม้แต่ตอนนี้ก็ตาม ตระกูลจีก็ไม่น่าจะให้ความช่วยหานเซิ่นมาก เพราะเขาและจีเหยียนหรันยังไม่ได้แต่งงานกัน กับแค่เด็กหนุ่มแบบนี้ไม่มีค่าพอที่จะให้ตระกูลจีสนับสนุน   ถึงจีเหยียนหรันจะยอมแต่งงานกับหานเซิ่น แต่หานเซิ่นจะได้รับการสนับสนุนรึเปล่าก็ยังไม่รู้ ยิ่งอ่านข้อมูลที่ได้มามากเท่าไหร่ อีตงมู่ก็ยิ่งสงสัยเกี่ยวกับหานเซิ่น เขาลองคิดดูถ้าตัวเขาเป็นหานเซิ่น เขาคงไม่มีทางมาได้ไกลถึงขนาดนี้   ที่สำคัญตามข้อมูลที่เขาได้รับมา หานเซิ่นพึ่งจะเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ได้ไม่ถึงปี การที่เขามีระดับความแข็งแกร่งขนาดนั้นในพื้นที่ที่มีทรัพยากรจำกัดอย่างทุ่งน้ำแข็งได้ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสำหรับอีตงมู่   “เขาทำได้ยังไง?” อีตงมู่ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้   หานเซิ่นกลับไปที่ยานแดฟเน่ เขาพยายามจะเข้าไปหาจีเหยียนหรัน แต่ทว่าประตูทางเข้าถูกแอนนี่ยืนขวางอยู่   “พวกเราทั้งคู่ต่างก็เป็นบอดี้การ์ดเหมือนกัน ทำไมเธอถึงได้มาขวางทางฉัน?” หานเซิ่นหัวร้อนขึ้นมาทันที เพราะตั้งแต่แอนนี่มาถึงที่นี่ เขาก็มีเวลาอยู่กับจีเหยียนหรันน้อยมาก   “ก็เพราะฉันบอกว่าไม่” แอนนี่พูดอย่างเยือกเย็น   “แล้วถ้าฉันจะเข้าไปให้ได้ล่ะ จะเป็นยังไง?” หานเซิ่นเริ่มหมดความอดทนกับผู้หญิงคนนี้แล้ว   “นายก็ลองดูสิ” แอนนี่มองหานเซิ่นด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกราวกับมองซากศพเท่านั้น   ในตอนนี้หานเซิ่นต้องการจะเข้าไปข้างในให้ได้แม้จะต้องใช้กำลัง ที่แอนนี่หยิ่งขนาดนี้ก็เป็นเพราะเธอคือผู้เป็นเลิศ ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกโกรธมาก   แต่อยู่ๆประตูห้องของจีเหยียนหรันเปิดออก และจีเหยียนหรันก็เดินออกมา เธอจับมือของหานเซิ่น และก็พูดกับแอนนี่ “พันเอกแอนนี่ เขาก็เป็นบอดี้การ์ดของฉันเหมือนกัน เขามีสิทธิจะมาพบฉันได้ตลอดเวลา”   “ดิฉันต้องขอโทษคุณจี เพื่อที่ดิฉันจะสามารถปกป้องคุณให้ปลอดภัยได้ 100% ฉันต้องสกัดกั้นสิ่งที่ดูไม่น่าไว้ใจทุกอย่าง” แอนนี่พูด   “ได้โปรดพันเอก ที่นี่คือยานรบของกองทัพ และหานเซิ่นก็ไม่ใช่คนที่ไม่น่าไว้ใจ” จีเหยียนหรันพูด   แอนนี่ไม่พูดอะไรอีก แต่ท่าทีของเธอไม่ได้ดูเปลี่ยนไปเลย ราวกับว่าคำพูดของจีเหยีนหรันไม่มีผลกับเธอ   “ฉันบอกแล้วว่าอย่าไปมีเรื่องกับหล่อน หล่อนอาจจะฆ่านายก็ได้ เข้าใจไหม?” จีเหยียนหรันย้ำเตือนหานเซิ่น   “เป็นแค่บอดี้การ์ดมีสิทธิอะไร? ดูแล้วหล่อนเหมือนจะไม่ได้เคารพคำพูดเธอเลยด้วยซ้ำ” หานเซิ่นพูด   “ในทางเทคนิค หล่อนก็คือบอดี้การ์ดของฉัน แต่อย่างไรก็ตามตำแหน่งของฉันในตอนนี้ยังไม่คู่ควรที่จะได้บอดี้การ์ดระดับนี้ ที่หล่อนมาเป็นบอดี้การ์ดของฉันก็เพราะครอบครัวของฉันเป็นคนจัดการ เพราะฉะนั้นหล่อนคงจะไม่ฟังคำพูดของฉันเท่าไหร่หรอก” จีเหยียนหรันพูด ขณะเอนตัวพิงหานเซิ่น “ยังไงก็แล้วแต่ หล่อนกำลังทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้ฉัน นายอย่าไปยั่วยุเธออีกก็แล้วกัน”   หานเซิ่นพยักหน้า เขารู้ดีว่าความปลอดภัยของจีเหยียนหรันขึ้นอยู่กับแอนนี่ เนื่องจากเขามักจะเขาไปในก็อตแซงชัวรี่อยู่บ่อยๆ ทำให้เขามีเวลาคุ้มกันเธอน้อยมาก ในตอนที่หานเซิ่นออกมาจากห้องของจีเหยียนหรัน มันก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว แต่แอนนี่ก็ยังคงยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ดูจากท่าทางของเธอแล้ว เธอคงไม่ได้ขยับตัวเลยในช่วงหลายชั่วโมงที่ผ่านมา   “ผู้ชายอย่างนาย เป็นที่น่าอับอายในหมู่ทหาร” เมื่อหานเซิ่นก้าวออกมาจากห้อง เขาก็ได้ยินเสียงแอนนี่พูดทันที   “เธอกำลังพูดถึงฉันงั้นหรอ?” หานเซินหันไปทันที เขามองหน้าแอนนี่และถาม   “ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงคือพวกที่ทุเรศที่สุด” แอนนี่พูด   หานเซิ่นมองแอนนี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เขาไม่ได้พูดอะไร “นายมองหาอะไร?” แอนนี่รู้สึกอึดอัด เมื่อหานเซิ่นมายืนมอง   “ถึงฉันจะอยู่โดยเกาะผู้หญิง มันก็น่าจะดีกว่าเธอที่ไม่มีผู้ชายให้เกาะ ฉันคิดว่าเธอคงจะอยู่เป็นโสดแบบนี้ไปจนตาย” หานเซิ่นพูดอย่างจริงจัง   “นาย..” แอนนี่ตัวสั่นด้วยความโกรธ   “เธอคิดว่าเธอสูงส่งกว่าฉันแค่เพราะเธอเป็นผู้เป็นเลิศงั้นหรอ? ถ้าฉันเป็นผู้เป็นเลิศ ฉันสามารถฆ่าเธอได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว” หานเซิ่นเบ้ปาก   “ฉันจะรอวันที่นายเป็นผู้เป็นเลิศ และมาดูกันว่านายจะมีปัญญาฆ่าฉันได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียวรึเปล่า?” ใบหน้าแอนนี่เริ่มมืดม่น ดูเหมือนเธอจะไม่ใช่คนที่โต้เถียงได้เก่ง เธอโกรธมาก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะโต้เถียงกับหานเซิ่นยังไงดี   ความจริงเหตุผลที่แอนนี่เกลียดหานเซิ่นก็เพราะพ่อของเธอด่วนชีวิตเร็วเกินไป ทำให้เธอต้องอยู่กับแม่ 2 คน   หลังจากนั้นแม่ของเธอก็หาสามีใหม่ได้ ในตอนแรกๆเขาก็ปฏิบัติกับเธอและแม่อย่างดี เขาเป็นคนที่ขยันทำงาน แม้ตอนนั้นแอนนี่จะยังเล็ก แต่เธอก็คิดว่าเขาเป็นคนดี   แต่ใครจะรู้ว่าเขาไม่เพียงแค่เจ้าชู้ แต่เขายังเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวงด้วย ไม่กี่วันก่อนที่เขาจะแต่งงานกับแม่ของแอนนี่ เขาก็ได้ขโมยของมีค่าไปจนหมด ทำให้แม่ของเธอไม่เหลืออะไรเลย ชีวิตของเธอและแม่ต้องก็ลำบากมากหลังจากนั้น   เมื่อโตขึ้นมา เธอก็เกลียดผู้ชายประเภทนี้มาก ยิ่งเธอรู้ว่าหานเซิ่นมาที่ยานแดฟเน่ได้ก็เพราะจีเหยียนหรีนด้วยแล้ว มันก็ยิ่งทำให้เธอมีอคติกับหานเซิ่น   “ไม่เห็นจะต้องรอให้ถึงตอนนั้นเลย ถ้าเธอกล้าก็ลองมาดวลกัน ฉันจะพิสูจน์ให้เธอดูว่าเธออ่อนแอแค่ไหน ถ้าพวกเรามีเงื่อนไขที่เท่าเทียมกัน” หานเซิ่นพูด  

Super God Gene – ตอนที่ 517 ฆ่าด้วยการโจมตีครั้งเดียว
Super God Gene – ตอนที่ 517 ฆ่าด้วยการโจมตีครั้งเดียว

  เหมียวที่กำลังกิน อยู่ๆตื่นตัวขึ้นมาทันที มันแยกเขี้ยวไปทางที่เสียงนั้นดังมา   หานเซิ่นจ้องไปที่ภูเขา และไม่นานเขาก็เห็นมอนสเตอร์ที่มีลักษณะเหมือนกับไทรเซอราทอปส์(ไดโนเสาร์ประเภท 3 เขา) กำลังวิ่งออกมาจากด้านหลังของภูเขาลูกนั้น   เขาของมันดูเหมือนกับสว่าน และผิวหนังของมันดูเหมือนกับเหล็ก ในตอนที่ไทรเซอราทอปส์ออกมา หานเซิ่นก็ต้องอึ้งทันที   หานเซิ่นสงสัยว่าอีตงมู่โง่รึเปล่า มอนสเตอร์ตัวใหญ่ขนาดนี้ อย่างน้อยๆมันก็ต้องหนักเป็นตันแน่ กว่าจะกินหมดก็คงต้องใช้เวลาเป็นปี ถ้าฆ่ามันไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร?   แต่เมื่อคิดดีๆหานเซิ่นคิดว่าอีตงมู่อาจจะต้องการวิญญาณอสูรก็ได้ เนื้ออาจจะไม่มีความสำคัญสำหรับเขาในตอนนี้   ถึงหานเซิ่นจะรู้สึกเซ็งๆ แต่ยังไงเนื้อพวกนี้ก็คงจะไม่ได้สูญเปล่า ถึงจะกินเองไม่ได้ เขาก็จะให้อาร์คแองเจิลเป็นคนกิน   หานเซิ่นเรียกเหมียวกลับ ครั้งนี้เขาไม่ต้องลงมือเองเลย แถมยังได้เนื้อ 20% ให้ัอาร์คแองเจิลกิน เขาคิดว่ามันคุ้มค่าอยู่   ไทรเซอราทอปส์วิ่งตรงเข้ามาที่ซากของมอนสเตอร์กลายพันธ์ทันที แต่หลังจากมันมาถึงแล้ว มันก็ยังไม่หยุด มันเลือกที่จะวิ่งตามหานเซิ่นต่อ   อีตงมู่ที่ซ่อนตัวอยู่ในหิมะปรากฏตัวออกมาทันที และใช้มีดแทงไปที่ท้องของไทรเซอราทอปส์   ผิวหนังของไทรเซอราทอปส์แข็งกว่ามอนสเตอร์กลายพันธ์ มีดของอีตงมู่หายไปในผิวหนังของไทรเซอราทอปส์ ไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว มีเพียงแค่หนังสีดำ และก็ไขมันสีขาวที่เผยให้เห็นตรงแผลที่ถูกแทง   ไทรเซอราทอปส์พยายามจะสะบัดให้อีตงมู่ออกจากใต้ท้องของมัน แต่ทว่าอีตงมู่ก็ปีนขึ้นไปบนตัวของมันเหมือนกับลิง จากนั้นเขาก็ใช้มีดแทงไปที่หลังของมัน   ไทรเซอราทอปส์คำราม และกระทืบพื้นอย่างบ้าคลั่ง มันพยายามจะสะบัดให้อีตงมู่ลงมา แต่อีตงมู่ก็เกาะหลังของมันแน่นมาก ไม่ว่ามันจะสะบัดแรงแค่ไหน เขาก็ไม่หล่นลงมา   หานเซิ่นออกมาห่างๆ และก็เรียกเหมียวออกมา จากนั้นเขาก็สนุกกับการกินบาร์บีคิวต่อ ในขณะที่ดูการต่อสู้ของอีตงมู่ไปด้วย   “เยี่ยมมาก ท่าเมื่อกี้ฉันให้ 9.9 คะแนน” เมื่อเห็นการโจมตีและการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยม หานเซิ่นก็รู้สึกประทับใจในฟอร์มของอีตงมู่มาก   แต่ตอนนี้เหมือนอีตงมู่จะเริ่มหัวร้อนแล้ว ผิวหนังของไทรเซอราทอปส์หนาและแข็งมาก หลังจากแทงไปหลายครั้ง แต่ก็มีเลือดไหลออกมาแค่เล็กน้อยเท่านั้น   ไทรเซอราทอปส์ดูเหมือนจะมีพละกำลังเหลือล้นจริงๆ มันทั้งกระโดดและสะบัดตัวจนเกือบจะทำให้อีตงมู่ตกลงมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้อีตงมู่ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างเกาะมันไว้แน่น ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้โจมตีมันเลย   แต่อย่างไรก็ตาม หานเซิ่นก็กำลังสนุกสนานกับการได้ดูการต่อสู้ครั้งนี้ เขาจะปรบมือออกมาเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวเด็ดๆ ซึ่งมันทำให้อีตงมู่อยากจะบ้า   “อย่ามัวแต่นั่งดู มาช่วยฉันหน่อย!” ในที่สุดอีตงมู่ก็ทนไม่ไหว เขาตะโกนเรียกหานเซิ่น   “แบบนั้นไม่ได้ พวกเราตกลงกันแล้วนะว่านายจะให้เนื้อฉัน 20% โดยฉันทำหน้าที่แค่ล่อมันออกมา ซึ่งฉันก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ครบถ้วนแล้ว” หานเซิ่นสายหัวและพูด   “ถ้ามอนสเตอร์ตัวนี้หนีไปได้ นายก็จะไม่ได้อะไรเลย” อีตงมู่ตะโกนอีกครั้ง   “นายต้องการให้ฉันช่วยสู้ ฉันก็ช่วยได้ แต่แบบนั้นพวกเราต้องแบ่งเนื้อกันใหม่ ฉันขอเนื้อ 60% โดย 20% จะเป็นส่วนที่ฉันล่อมันมา ส่วนอีก 40% เป็นส่วนที่ฉันเข้าไปช่วยนายสู้ตกลงไหม?” หานเซิ่นพูด   “ก็ได้ นายเอาไป 60% รีบมาช่วยกันฆ่ามันเร็ว” อีตงมู่ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมาต่อรองกับหานเซิ่น ยังไงเป้าหมายหลักของเขาก็คือวิญญาณอสูร ส่วนเนื้อเขาไม่คอยสนเท่าไหร่   “โอเค” หานเซิ่นยืนขึ้น เขาเรียกวิญญาณอสูรเฟอเรทโกสพาวออกมา และเดินตรงไปที่ไทรเซอราทอปส์   “มาช่วยฉัน หลอกล่อมันจากด้านนี้..” เมื่อเห็นหานเซิ่นเข้ามา อีตงมู่ก็รีบพูด   แต่เหมือนหานเซิ่นจะไม่สนใจที่เขาพูด เขาเดินไปเผชิญหน้ากับไทรเซอราทอปส์ เมื่อไทรเซอราทอปส์สังเกตเห็นหานเซิ่น มันก็พุ่งเข้าใส่เขาทันที   หานเซิ่นยังคงเดินเข้าไปหาไทรเซอราทอปส์ด้วยความเร็วปรกติ ในตอนที่เขาเกือบจะชนกับไทรเซอราทอปส์ หานเซิ่นก็เอียงตัวไปข้างหลัง   หานเซิ่นกำลังนอนอยู่ตรงช่องว่างระหว่างขาของมัน หลังจากที่ไทรเซอราทอปส์พุ่งผ่านหานเซิ่นไป หานเซิ่นก็ลุกขึ้นมายืนและปัดฝุ่นบนตัวของเขาออก ไม่นานไทรเซอราทอปส์ก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา พร้อมๆกับมีเลือดไหลออกมาจากใต้ท้องของมัน   อีตงมู่กระโดดออกจากหลังของไทรเซอราทอปส์ เขาสังเกตมอนสเตอร์ที่กำลังตะเกียกตะกายอย่างละเอียด และเห็นบาดแผล 3 รอยใต้ท้องของมัน มันเป็นรอยแผลที่ยาวพอๆกับตัวของมันเลย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นฝีมือของหานเซิ่น   อีตงมู่จ้องมองหานเซิ่นอยู่ชั่วขณะ เขาไม่คาดคิดว่าคนแปลกหน้าที่เขาบังเอิญเจอจะมีฝีมือสูงขนาดนี้   ในตอนที่เจอกันในทุ่งน้ำแข็ง เขาไม่ได้สนใจอะไรหานเซิ่นมาก แต่ทว่าการโจมตีเมื่อกี้ ทำให้อีตงมู่รู้สึกประหลาดใจมาก   “ถ้านายไม่รีบลงมือ เดี๋ยวมันก็ตายก่อนหรอก” หานเซิ่นเตือนอีตงมู่   เขาตกลงกับอีตงมู่ว่าเขาจะได้เนื้อ 60% ถ้าเขาช่วยอีตงมู่ฆ่า แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาไม่อยากจะเอาเปรียบถึงขนาดเอาวิญญาณอสูรด้วย   อีตงมู่ไม่พูดอะไร เขาใช้มีดแทงไปที่ขากรรไกรของไทรเซอราทอปส์ และก็จบชีวิตของมันได้ หลังจากที่โจมตีไปหลายครั้ง   ไม่รู้ว่าเขาได้วิญญาณอสูรรึเปล่า แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจกับการฆ่ามอนสเตอร์ได้ในครั้งนี้ เขาเดินเข้ามาหาหานเซิ่นและพูด “ฝีมือนายไม่เลวเลย”   “ธรรมดา ฉันเพิ่งจะมีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100” หานเซิ่นพูด   “เยี่ยม ฉันรู้ทำเลแถวนี้ดี ฉันรู้ว่ามีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอยู่ตรงไหนบ้าง ในอนาคตนายอยากจะมาร่วมมือกันไหม?” อีตงมู่พูดอย่างจริงจัง   “โอเค แต่ถ้าพวกเราจะร่วมมือกันแบบระยะยาว พวกเขาคงจะแบ่งเนื้อกันแบบนี้ไม่ได้” หานเซิ่นยิ้มและพูด   “พวกเราจะแบ่งกัน 50/50 ส่วนวิญญาณอสูรใครฆ่าได้ก็เอาไป” ที่อีตงมู่พูดแบบนี้ออกมาก็เพราะเขาคิดว่าหานเซิ่นแข็งแกร่งกว่า ไม่งั้นคนที่เป็นคนบอกตำแหน่งของมอนสเตอร์ก็ควรจะได้ส่วนแบ่งเยอะกว่า   “ตกลง” หานเซิ่นเห็นด้วย การที่เขาจะตามหามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิแบบเดินสุ่มไปเรื่อยๆ มันค่อนข้างใช้เวลา และเขายังไม่มั่นใจด้วยถ้าต้องฆ่ามันคนเดียว   อีตงมู่จะเป็นคนบอกตำแหน่งของมอนสเตอร์ และเขาก็ยังได้ส่วนแบ่งอีก 50% ข้อตกลงนี้เป็นอะไรที่น่าพอใจทั้ง 2 ฝ่าย   “งั้นมาแบ่งเนื้อกันก่อนดีกว่า” หานเซิ่นชี้ไปที่ร่างของไทรเซอราทอปส์   “นายจะเอาไปหมดเลยก็ได้ อาวุธของนายมันมีพิษ ดังนั้นเนื้อพวกนี้ก็น่าจะติดพิษเรียบร้อยแล้ว ถึงฉันอยากจะกิน แต่ก็ไม่อยากจะเสี่ยง” อีตงมู่พูด   “งั้นก็ขอบคุณ” หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรอาร์คแองเจิลออกมา และบอกให้เธอกินเนื้อไทรเซอราทอปส์   “สัตว์เลี้ยงรูปร่างมนุษย์งั้นหรอ? มันอยู่ระดับไหน?” อีตงมู่จ้องอาร์คแองเจิลตาไม่กระพริบ ขนาดเขาเป็นหลานกึ่งเทพ เขายังไม่มีโอกาสได้สัตว์เลี้ยงรูปร่างมนุษย์เลย   “เลือดศักดิ์สิทธิ” หานเซิ่นพูด  

Super God Gene – ตอนที่ 516 ดอลลาร์ดีกว่านี้
Super God Gene – ตอนที่ 516 ดอลลาร์ดีกว่านี้

  “ช่วงนี้นายได้ออกไปที่สหพันธ์ดวงดาวบ้างไหม?” อีตงมู่ถามหานเซิ่น   “ฉันพึ่งเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่เมื่อไม่กี่วันก่อน” หานเซิ่นพูด   “ช่วงนี้นายได้ยินข่าวเกี่ยวกับดอลลาร์บ้างไหม?” เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้วที่อีตงมู่ยังไม่ได้ออกไปจากก็อตแซงชัวรี่เลย เขาออกล่าคนเดียว ทำให้เขาไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับโลกภายนอกเลย   หานเซิ่นอึ้ง เขาไม่คิดว่าอยู่ๆอีตงมู่จะถามแบบนี้ หานเซิ่นคิดอยู่ชั่วครู่และพูด “ฉันได้ยินว่ามีใครบางคนใช้ชื่อว่า สังหารดอลลาร์ ในแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการ หลายคนบอกว่าเขาคือดอลลาร์ตัวจริง และฉันเองก็คิดว่าน่าจะใช่เหมือนกัน”   “เล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อย” อีตงมู่รีบพูดทันที   ขณะที่เขากำลังกินเนื้อกลายพันธ์ที่ได้มาจากอีตงมู่ หานเซิ่นก็เล่ารายละเอียดแบบย่อๆให้อีตงมู่ฟัง และตอนสุดท้ายเขาก็พูดไปว่า “ที่ฉันพอจะเล่าได้ก็มีแค่นี้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะใช่ดอลลาร์ตัวจริงรึเปล่า”   “มันจะต้องเป็นเขาแน่ ถ้าไม่ใช่ก็คงไม่มีใครทำได้ถึงขนาดนั้น” อีตงมู่พูดอย่างมั่นใจ   หานเซิ่นรู้สึกเขินเมื่อได้ยิน จริงๆแล้วยังมีผู้วิวัฒนาการที่เก่งกว่าหานเซิ่นอีกเยอะ แต่ดูเหมือนอีตงมู่จะคิดว่าดอลลาร์เก่งที่สุดในหมู่ผู้วิวัฒนาการ   “ฉันจะไปล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ และต้องการผู้ช่วย มากับฉันแล้วฉันจะแบ่งส่วนแบ่งให้ 10% ถ้าล่าสำเร็จ” อีตงมู่พูด   “20%” หานเซิ่นกระพริบตาและพูด   “งั้นไปกันเลย” อีตงมู่ไม่ได้ต่อรองอะไร เขาขอให้หานเซิ่นตามเขาไปทันที   หานเซิ่นชอบคนแบบนี้มาก อีตงมู่เป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว และเป็นคนที่พูดเข้าใจง่ายโดยไม่ต้องอธิบายอะไรเยอะ   หานเซิ่นตามอีตงมู่ไปทางตะวันออกของทุ่งน้ำแข็ง ในเวลาไม่ถึง 2 วัน พวกเขาเดินทางมาถึงภูเขาที่มีหิมะปกคลุม ถ้าหานเซิ่นต้องการจะกลับเมืองเทพธิดา เขาก็สามารถใช้เส้นทางนี้กลับไปได้เช่นเดียวกัน   แต่อย่างไรก็ตาม ภูมิประเทศของพื้นที่แถบนี้ไม่ง่ายเลยที่จะผ่านไปได้ ที่สำคัญถ้าไปเจอกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิบนภูเขาก็จะยิ่งอันตรายมาก เพราะถ้าไม่ระวังก็จะตกภูเขาได้ง่ายๆ   เหตุผลที่หลี่ซิงหลุนและเเบล็คก็อตพยายามจะยึดครองเมืองสปิริตราชวงศ์ให้ได้ก็เพราะมันจะทำให้พวกเขาสามารถขยายอาณาเขตมายังพื้นที่แถบนี้ได้ง่ายขึ้น   “อย่าบอกนะว่านายจะมาล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิในภูเขา?” หานเซิ่นถามอีตงมู่ด้วยความประหลาดใจ   “ไม่ต้องห่วง มันไม่เสี่ยงหรอกน่า ฉันแค่ต้องการให้นายไปล่อมอนสเตอร์ออกมา และเดี๋ยวที่เหลือฉันจะเป็นคนจัดการเอง มอนสเตอร์ตัวนั้นมันถูกฉันเล่นง่ายไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นถ้าฉันไปเองมันก็คงไม่ยอมปรากฏตัวออกมา” อีตงมู่พูด   หานเซิ่นไม่พูดอะไรอีก เขาตามอีตงมู่เข้าไปในภูเขาที่มีหิมะปกคลุม เหมือนกับที่อีตงมู่บอกเอาไว้ เขาไม่ได้เข้าไปลึกมาก เขาหยุดหลังจากที่ปีนภูเขาได้ 1 ลูก   “เดินนำหน้าไป ถ้ามอนสเตอร์มันออกมาเมื่อไหร่ ก็รีบวิ่งมาหาฉันเลย” อีตงมู่ขุดหลุม และก็ลงไปนอนเพื่อพรางตัว เขาขอให้หานเซิ่นไปล่อมันมาตรงจุดที่เขาดักซุ่มอยู่   หานเซิ่นเข้าใจสิ่งที่อีตงมู่ทำดี อีตงมู่ก็เป็นมือสังหารเหมือนกับหานเซิ่น หานเซิ่นค่อยๆเดินเข้าไปในหุบเขาที่อยู่ข้างหน้า   เมื่อมองไปรอบๆหานเซิ่นก็สังเกตเห็นแค่ภูเขาหิมะ ไม่ต้องพูดถึงมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิเลย แค่มอนสเตอร์สักตัวก็ยังไม่เห็นมี   “มอนสเตอร์ที่อยู่ที่นี่มันจะเป็นแบบไหนกันนะ?” หานเซิ่นเดินหาอยู่สักพัก แต่เขาก็ยังไม่เจอมอนสเตอร์เลยสักตัว   ในขณะที่หานเซิ่นเริ่มหมดความอดทน อยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงกีบเท้าดังมาจากระยะไกล เขาเห็นมอนสเตอร์ที่มีลักษณะเหมือนลา กำลังวิ่งตรงเข้ามา   “มีมอนสเตอร์อยู่จริงๆด้วย!” หานเซิ่นไม่รู้ว่ามอนสเตอร์ตัวนี้จะใช่ตัวเดียวกับที่อีตงมู่บอกรึเปล่า แต่หานเซิ่นก็วิ่งไปทางที่อีตงมู่ซ่อนตัวอยู่ทันที   มอนสเตอร์ตัวนี้ดูเหมือนจะบินได้ด้วย แถมมันยังวิ่งบนหิมะได้เร็วมาก โชคดีที่หานเซิ่นอยู่ไม่ไกลจากจุดที่อีตงมู่อยู่มาก ไม่นานเขาก็วิ่งมาถึง   มอนสเตอร์ตัวนี้วิ่งตามหานเซิ่นมาอย่างรวดเร็ว อีตงมู่ปรากฏตัวออกมาจากใต้หิมะ เขาแทงเข้าที่ใต้ท้องของมอนสเตอร์ตัวนั้น ทำให้มันเกิดบาดแผลยาวๆขึ้น   มีเลือดจำนวนมากไหลออกมาจากท้องของมัน มันเลิกสนใจหานเซิ่น และเริ่มวิ่งหนีทันที   แต่ทว่าอีตงมู่ก็ไม่ยอมให้มันหนีไปได้ เขาไล่ตามมันไป และก็ใช้มีดฟันมันนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดมอนสเตอร์ตัวนั้นก็ล้มลงบนพื้น   “ฝีมือดีมาก ฟุตเวิร์คก็ยอดเยี่ยม” เมื่อเห็นฝีมือของอีตงมู่ หานเซิ่นก็เอ่ยชมออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอีตงมู่ดูจะพัฒนาไปมากจริงๆ ถึงจะถูกส่งมาอยู่ในที่แย่ๆแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเก็บจีโนพ้อยได้เยอะแล้ว   “ถ้าเป็นดอลลาร์ เขาคงจะฆ่ามันได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ฉันยังทำได้ไม่ดีพอ” อีตงมู่พูดอย่างจริงจัง   หานเซิ่นรู้สึกเขิน ดูเหมือนอีตงมู่จะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของดอลลาร์มาก   หลายปีมาแล้วตั้งแต่ที่อีตงมู่สู้กับเขา ดังนั้นมันไม่มีทางเลยที่อีตงมู่จะรู้ระดับฝีมือของเขาตอนนี้ สิ่งที่อยู่ในหัวของอีตงมู่ เขาคงจะมโนไปเอง   “นี่คือมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่นายพูดถึงงั้นหรอ?” หานเซิ่นเดินเข้าไปใกล้ซากของมอนสเตอร์ตัวนั้น และถามด้วยความสงสัย   ถึงมันจะวิ่งเร็วก็จริง แต่ถ้าดูจากระดับความแข็งแกร่ง มันยังดูไม่เหมือนมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ   อีตงมู่ส่ายหัว “ไม่ใช่ตัวนี้ นี่แค่มอนสเตอร์กลายพันธ์”   อีตงมู่หยุดชั่วครู่และพูดต่อ “แต่นี่ก็ดีเหมือนกัน พวกเราจะได้ใช้มันเป็นตัวล่อให้มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิออกมา ถ้ามันได้กลิ่นเลือด เดี๋ยวมันก็คงจะออกมา นายอยู่ตรงนี้ และเอามันย่างบาร์บีคิวกินได้เลย” หลังพูดจบอีตงมู่ก็ขุดหลุมอีกหลุม และก็ลงไปซ่อนตัวทันที   “เพื่อน นายจะจริงจังไปไหม มานั่งกินกันก่อนก็ได้แล้วค่อยทำงานต่อ” หานเซิ่นถาม   “ไม่จำเป็น ถ้าเป็นดอลลาร์ เขาก็คงไม่หยุดพัก เขาต้องทำได้ดีกว่านี้แน่” อีตงมู่พูดอย่างจริงจัง และเร่งให้หานเซิ่นเอาหิมะฝังตัวเขาไว้   หานเซิ่นไม่รู้จะพูดยังไงดี ถึงเขาจะรู้สึกเขิน แต่เขาก็รู้ว่าเขาไม่ได้เก่งเหมือนกับที่อีตงมู่กำลังคิด   หานเซิ่นเอาหิมะฝังอีตงมู่เอาไว้ เขาเริ่มชำแหละเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์ หานเซิ่นรู้สึกว่าขนาดของมันใหญ่เกินกว่าที่จะกินคนเดียวหมด หานเซิ่นเลยเรียกเหมียวออกมา และก็แบ่งเนื้อให้มันกิน   เหมียวจ้องเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์ด้วยความตื่นเต้น ส่วนอาร์คแองเจิล หล่อนคงไม่สนใจเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์อยู่แล้ว หานเซิ่นเลยไม่ได้เรียกออกมา   หานเซิ่นเอาเนื้อปลาอสรพิษออกมากินต่อ และเขาก็ได้ยินเสียงที่บอกว่าเขาได้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ   เมื่อเห็นหานเซิ่นให้สัตว์เลี้ยงกินเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์ อีตงมู่ก็ต้องขมวดคิ้ว พฤติกรรมของหานเซิ่นมันแปลกเกินไป แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เคยคิดจะทำแบบนั้น   เนื่องจากทรัพยากรบนทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้มีอยู่อย่างจำกัด คงไม่มีใครเอาเนื้อให้สัตว์เลี้ยงกินแน่ๆ   หลังจากที่หานเซิ่นกินไปได้ไม่กี่คำ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากในภูเขาอีกครั้ง  

Super God Gene – ตอนที่ 515 ขโมย
Super God Gene – ตอนที่ 515 ขโมย

  “ลูกพี่…ระวัง…” เมื่อเห็นเเบล็คก็อตกำลังจะถูกโจมตี ลูกน้องของเขาก็ตะโกนเตือนทันที   แจบล็คก็อตเป็นคนที่ฝีมือสูง แจละยังมีปฏิกิริยาที่ไว ทันทีที่เขาได้ยินเสียง เขาก็เคลื่อนไหวเพื่อหลบทันที   แจต่ทว่าดูเหมือนจะช้าเกินไป เขารู้สึกเจ็บบริเวณหลังของเขา เหมือนกับทั้งชุดเกราะแจละกล้ามเนื้อของเขาจะถูกอาวุธคมๆตัดขาด   หานเซิ่นรู้สึกเสียดายมาก แจบล็คก็อตแจละผู้ติดตามอยู่ห่างจากจากฝูงคนมากไปนิด ในตอนที่เขาลอบเข้าไปใกล้ เขาก็ถูกคนของแจบล็คก็อตเห็นซะก่อน ทำให้พวกเขาเตือนแจบล็คก็อตได้ทัน ถึงจะได้ใช้กรงเล็บฟันเข้าไปที่หลังของแบล็คก็อต แจต่ก็ยังไม่สามารถฆ่าแจบล็คก็อตได้   แจบล็คก็อตล้มลงไปบนพื้น แจละก็กลิ้งไปหลายตลบ เขาเอามือจับไปที่บาดแจผลบนหลังของเขา ส่วนผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแจข็งแจกร่งเกิน 100 ก็วิ่งเข้าใส่หานเซิ่นทันที   หานเซิ่นไม่รีรอ เนื่องจากเขาไม่สามารถฆ่าแจบล็คก็อตได้ แจต่เขาจะไม่ยอมเสียโอกาส เขารีบวิ่งไปฟันปลาเลือดศักดิ์สิทธิทันที โดยใช้กรงเล็บตัดหัวของมัน จากนั้นเขาก็หยิบเอาส่วนลำตัวของมัน แจละก็รีบวิ่งตรงไปที่มหาสมุทรทันที   “ปลาอสรพิษเลือดศักดิ์สิทธิถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ”   ผู้ติดตามเเบล็คก็อตพยายามจะหยุดหานเซิ่นเอาไว้ แจต่หานเซิ่นก็ซิกแจซกผ่าน 3 คนที่อยู่ข้างหน้าไปในชั่วพริบตา ในตอนที่เเบล็คก็อตลุกขึ้นมา หานเซิ่นก็วิ่งหนีไปได้ไกลแจล้ว   “ไอ้เวรนั่นยังไม่ตายหรอ? ตามไปฆ่ามันเร็ว” เมื่อเเบล็คก็อตเห็นว่าคนที่มาลอบสังหารคือหานเซิ่น เขาก็ตะโกนสั่งผู้ติดตามด้วยความโกรธแจละประหลาดใจ   ผู้ติดตามของแจบล็คก็อตรีบวิ่งไล่ตามหานเซิ่นไป แจต่ทว่าหานเซิ่นก็กระโดดลงไปในมหาสมุทร จากนั้นปลาไหลสีเงินก็ปรากฏตัวออกมาที่ใต้เท้าของเขา แจค่ชั่วพริบตาปลาไหลสีเงินก็ไปได้ไกลกว่า 100 ฟุต ทำให้เเบล็คก็อตแจละพรรคพวกได้แจต่ยืนอึ้งอยู่บนชายหาดน้ำแจข็ง   “แจบล็คก็อต วันนี้ฉันแจค่มาทักทาย ครั้งหน้าถ้าฉันเจอแจกอีก ฉันจะฆ่าแจก” หานเซิ่นตะโกน ขณะที่ขี่ปลาไหลหนีไป   “แจกนั่นแจหละที่ต้องตาย… ฉันจะฆ่าแจกแจน่นอน…. ฉันจะต้องฆ่าแจก…” เเบล็คก็อตแจค้นมาก เขาตะโกนด่าไปทางที่หานเซิ่นหนีไปอยู่พักใหญ่   เมื่อได้ยินคำพูดของหานเซิ่น เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าบาดแจผลบนหลังเจ็บมากขึ้น ตอนนี้ใบหน้าของเขาเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด   เเบล็คก็อตโกรธแจค้นมาก มันไม่ใช่แจค่เขาถูกลอบสังหารเท่านั้น แจต่เขายังถูกแจย่งปลาเลือดศักดิ์สิทธิไปด้วย   ตั้งแจต่เข้ามาในก็อตแจซงชัวรี่เขต 2 แจบล็คก็อตยังไม่เคยเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อน ซึ่งมันทำให้เขาโกรธจนแจทบกระอักเลือดออกมา   หานเซิ่นไม่ได้สนใจที่แจบล็คก็อตพูด เขาขี่ซิลเวอร์อีลไปยังชายหาดที่อยู่ไกลออกไป เขาเรียกเหมียวออกมา แจละก็ขี่มันหนีออกไปจากเขตแจดนของเมืองแจบล็คก็อต   “ลา ลา ลา…ลา ลา ลา… ฉันคือเจ้าแจห่งบาร์บีคิว..” หานเซิ่นกำลังใช้เนื้อของปลาอสรพิษเลือดศักดิ์สิทธิทำบาร์บีคิว ในขณะที่ร้องเพลงอย่างมีความสุข   การจะได้มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่กินได้ง่ายๆแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ด้วยขนาดของปลาอสรพิษ เขาสามารถกินมันหมดได้ในมื้อเดียว แจละอย่างน้อยๆเขาก็น่าจะได้ 8-9 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ   ที่สำคัญมอนสเตอร์ตัวนี้เป็นสิ่งที่เขาแจย่งมาจากแจบล็คก็อต ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกว่ามันอร่อยมากเป็นพิเศษ แจค่ได้กลิ่นหอมๆของมัน น้ำลายของเขาก็ไหลออกมาไม่หยุดแจล้ว   ‘น่าเสียดายที่พวกมันจะขึ้นมาบนชายหาดแค่จปีละครั้ง ไม่งั้นเราคงจะเก็บจีโนพ้อยได้ง่ายๆ แจค่ยึดพื้นที่แจถวนั้น’ หานเซิ่นคิด ขณะที่กำลังย่างบาร์บีคิว   ก่อนที่เขาจะย่างบาร์บีคิวเสร็จ หานเซิ่นก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังตรงมาจุดที่เขาอยู่ “มาไกลขนาดนี้ยังเจอคนของเเบล็คก็อตอีกหรอเนี่ย?” หานเซิ่นประหลาดใจ เขามองไปที่ทางนั้น แจต่พอดูดีๆเหมือนว่าจะไม่ใช่คนของแจบล็คก็อต ถ้าเป็นคนของแจบล็คก็อตจริงก็น่าจะมามากกว่า 1 คน   คนคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ หลังจากดูหน้าเขาชัดๆ หานเซิ่นก็ต้องประหลาดใจ ครั้งนี้เขามาเจอคนที่ไม่คาดคิด แจม้พวกเขาจะไม่ได้เป็นคนคุ้นเคยกัน แจต่หานเซิ่นก็เคยเจอคนคนนี้มาแจล้ว แจละยังเคยดูวิดีโอของเขามาหลายครั้ง   เขาคือหลานของวุฒิสมาชิก อีตงมู่ ในตอนที่หานเซิ่นเข้าร่วมศึกชิงตำแจหน่งผู้ถูกเลือกในฐานะดอลลาร์ เขาสามารถเอาชนะอีตงมู่ได้ ทำให้เขากลายเป็นผู้ถูกเลือก   หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับอีตงมู่อีกเลย หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะมาเจอเขาที่นี่   อีตงมู่เดินเข้ามาใกล้ๆหานเซิ่น เขามองที่บาร์บีคิวที่กำลังถูกย่าง จากนั้นเขาก็วางมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนกับหมาจิ้งจอก เขาชี้นิ้วไปที่บาร์บีคิวแจละถาม “ฉันต้องการแจลกมอนสเตอร์กลายพันธ์ตัวนี้กับบาร์บีคิวของนาย นายต้องการแจลกไหม?”   “ไม่” หานเซิ่นปฏิเสธทันที เขาคิด ‘บ้าหรอ ใครมันจะเอาเนื้อมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิไปแจลกกับเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์?’   อีตงมู่ขมวดคิ้ว เขามองหานเซิ่นตรงแจต่หัวจรดเท้า เนื่องจากเขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน แจละเขาก็เบื่อการที่ต้องกินเนื้อแบบดิบๆแจล้ว เขาเลยอยากจะแจลกมันกับบาร์บีคิว แต่เขาไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธแจบบนี้   “งั้นขอยืมเตาถ่านหน่อยได้ไหม บอกราคามาว่าต้องการเท่าไหร่?” อีตงมู่ชี้ไปที่เตาถ่านของหานเซิ่นแจละพูด   “นี่มันแค่เตาถูกๆ อยากจะใช้ก็ใช้ได้เลย” หานเซิ่นยิ้ม   อีตงมู่ไม่พูดอะไรอีก เขาเรียกวิญญาณอสูรที่เป็นมีดออกมาชำแจหละซากของหมาจิ้งจอกทันที จากนั้นเขาก็เอามันมาย่างบาร์บีคิว   พวกเขาทั้ง 2 คนไม่พูดอะไรกันเลยต่างคนต่างย่างบาร์บีคิวของตัวเอง เมื่อบาร์บีคิวของหานเซิ่นสุกได้ที่แจล้ว เขาก็กัดมันทันที เขารู้สึกว่ามันอร่อยมากๆ เนื้อของมันละลายในปากทันที   “เยี่ยมจริงๆ” หานเซิ่นใส่เครื่องปรุงลงไปก่อนจะกินด้วย ทำให้รสชาติของมันดียิ่งขึ้น   อีตงมู่อึ้งไปชั่วขณะ ในพื้นที่แจถบนี้เขายังไม่เคยเห็นใครออกล่าแจบบชิวๆเหมือนหานเซิ่นเลย หานเซิ่นไม่เพียงแจค่เอาเตามาด้วย แจต่เขายังเอาเครื่องปรุงรสมาอีก   หลังย่างเสร็จ อีตงมุ่ก็กินบาร์บีคิวของตัวเอง แจต่ทว่าบาร์บีคิวของหานเซิ่นส่งกลิ่นหอมน่ากินมาก ทำให้อีตงมู่ต้องน้ำลายไหล   ตอนนี้อีตงมู่กำลังฝึกฝนอย่างหนัก เขาต้องการกู้ชื่อที่แจพ้ให้กับดอลลาร์ เขาใช้เวลาอยู่ในก็อตแจซงชัวรี่นานมาก บางครั้งเขาก็เข้ามาอยู่นานกว่าครึ่งปี ซึ่งปรกติแจล้วในทุ่งน้ำแจข็ง เขาจะได้กินเพียงแจค่เนื้อดิบๆ ถึงเขาจะอดทนแจค่ไหน แจต่หลังจากกินมันไปทุกๆวัน เขาก็รู้สึกเบื่อจนอยากจะอ้วก   “นายอยากจะขายเครื่องปรุงให้ฉันไหม?” ในที่สุดอีตงมู่ก็ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยถาม   “เครื่องปรุงพวกนี้ค่อนข้างแจพง” หานเซิ่นกระพริบตาแจละพูด แจค่เขายอมให้อีตงมู่ใช้เตา เขาก็รู้สึกว่าใจดีมากพอแจล้ว คงยากที่เขาจะยอมให้เครื่องปรุงไปอีก เครื่องปรุงพวกนี้เขาหาซื้อมาจากสหพันธ์ดวงดาว   “บอกราคามา” อีตงมู่ถาม   “แจบ่งเนื้อของนายให้ฉันครึ่งหนึ่ง แจละนายอยากจะใช้เครื่องปรุงเท่าไหร่ก็ได้” แจม้เครื่องปรุงจะราคาแจพง แจต่ยังไงมันก็เทียบไม่ได้กับเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์ แจต่เนื่องจากมันหาได้ยากที่จะมีคนเอามันเข้ามาในก็อตแจซงชัวรี่ ทำให้มันค่อนข้างมีมูลค่า   อีตงมู่ส่งเนื้อครึ่งหนึ่งให้หานเซิ่นโดยไม่ลังเลแจละพูด “เอาเครื่องปรุงของนายมา”   “ฉันชอบคนที่เด็ดเดี่ยวแจบบนายจริงๆ” หานเซิ่นส่งเครื่องปรุงให้กับอีตงมู่ แจละก็รับเนื้อกลายพันธ์มาด้วยความยินดี