อ่านการ์ตูน อ่านมังงะ เรื่อง Super God Gene – ตอนที่ 459 บุกเมืองสปิริต
แปลไทย ตอนล่าสุด อ่านฟรี manga มังงะญี่ปุ่น manhwa มังงะเกาหลี manhua มังงะจีน อัพเดทล่าสุดก่อนใคร มีให้เลือกอ่านฟรีมากมาย ทั้งบนแอพมือถือ แอนดรอย ios
หลี่หมิงถังครุ่นคิดและพูด “พวกเราทุกคนบนยานต่างก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน ไม่เห็นจำเป็นต้องคิดจริงจังกับเรื่องแค่นี้เลย”
ถังซินไม่ต้องการปล่อยให้เรื่องนี้จบง่ายๆ “ศาสตราจารย์ คุณเองก็จบมาจากโรงเรียนทหารส่วนกลาง ผมทนไม่ได้ที่มีคนมาดูถูกโรงเรียนเก่าของผม”
หลังจากที่เขาพูด ถังซินก็หันไปจ้องมองหานเซิ่นด้วนสายตาอาฆาต ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจหานเซิ่นเอามากๆ
“นักวิจัยถังซิน ที่คุณพูดมามันก็ไม่ถูก คุณมีโรงเรียนเก่าแล้วพวกเราไม่มีรึไง? คุณเป็นคนดูถูกโรงเรียนเก่าของหานเซิ่นก่อน..” หัวหน้าห้องครัวทนฟังอยู่เฉยๆไม่ได้อีกต่อไป
“ฉันแค่พูดความจริงเท่านั้น นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูถูก” ถังซินพูด
“ขอแค่ศาสตราจารย์หลี่ดูให้ พวกเราก็จะรู้ว่าใครที่พูดความจริง และใครที่พูดดูถูก”
หัวหน้าห้องครัวเริ่มหงุดหงิด “งั้นดูตอนนี้เลย! ฉันก็เชื่อว่าหานเซิ่นไม่มีทางโกหก ศาสตราจารย์ โปรดดูให้พวกเรา พวกเราจะได้รู้ชัดกันไปเลย”
เนื่องจากหัวหน้าห้องครัวเองก็พูดมาแบบนั้น หลี่หมิงถังเลยใช้คอมของเขาเชื่อมต่อเน็ต และเขาก็ค้นหาการแข่งขันที่หานเซิ่นเคยเข้าร่วม
แค่ค้นหาไม่นานข้อมูลจำนวนมากก็ปรากฏออกมา นักวิจัยและทหารในห้องครัวทุกคนต่างก็มองมาที่จอ
ไม่นานใบหน้าของพวกนักวิจัยก็ต้องบึ้งตึง ในเวลานั้นสื่อเกือบทุกสำนักรายงานข่าวเกี่ยวกับการแข่งขันธนูระหว่างปีศาจกับจักรพรรดิ แค่นี้ก็พอจะรู้ว่ามันเป็นการแข่งที่สุดยอดขนาดไหน
เกมนั้นจบด้วยความพ่ายแพ้ของจิงจี้อู่ที่ไร้เทียมทานมาหลายปี ชื่อเล่นของหานเซิ่น จักรพรรดิถูกเผยแพร่โดยสื่อเกือบทุกสำนัก จนเป็นที่รู้กันทั่วในหมู่นักเรียนทหารตอนนั้น
สื่อเกือบทุกสำนักยังบรรยายเกี่ยวกับการแข่งนั้นอย่างละเอียด พวกเขาพูดถึงฟอร์มของหานเซิ่น และบอกว่าหานเซิ่นเป็นสุดยอดนักธนูที่เหมือนกับเทพส่งมา
แม้มันอาจจะฟังดูเวอร์เกินไปบ้าง แต่มันก็ไม่มีข้อสงสัยว่าหานเซิ่นนำเหยี่ยวดำเอาชนะโรงเรียนทหารส่วนกลางได้ เหมือนกับที่หานเซิ่นพูดไว้ เหยี่ยวดำเป็นฝ่ายชนะ
พวกนักวิจัยเริ่มเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหานเซิ่น ในบรรดาทหารในห้องครัวของยานแดฟเน่ ไม่มีใครเลยที่เป็นนักสู้ที่ดี ไม่งั้นพวกเขาก็คงไม่ต้องมาทำงานในครัว
พวกเขาเลยไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นที่เป็นทหารจบใหม่จะมีอดีตที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น
การถูกเรียกว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่นักเรียนทหารของสหพันธ์ดวงดาว เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ในหมู่นักวิจัยบนยานลำนี้ ไม่มีใครเลยที่ทำได้ใกล้เคียงกับเขา รวมถึงถังซินด้วย
ในสมัยที่พวกเขาเรียนอยู่ พวกเขาเป็นไม่ได้แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในหน่วย
“หานเซิ่น ฉันไม่เคยคิดเลยว่านายจะเก่งขนาดนั้น” หัวหน้าห้องครัวมีความสุขมาก เขาตบไหล่ของหานเซิ่น
พวกนักวิจัยบางคนมักจะดูถูกพวกทหารธรรมดาๆ และถังซินก็คือคนที่แย่ที่สุดในบรรดาพวกเขา หัวหน้าห้องครัวรู้สึกสะใจมากที่เขาถูกหานเซิ่นตบหน้าอย่างแรง
“ผมไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น แค่คู่ต่อสู้อ่อนเกินไปก็เท่านั้น” หานเซิ่นขยี้เข้าไปอีก เนื่องจากถังซินพยายามจะยั่วยุเข้าก่อน เขาเลยสวนกลับอย่างเจ็บแสบ
ใบหน้าของถังซินเกือบจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง มุมปากของเขากระตุก แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาหยุดกินอาหาร และเดินออกไปจากห้องอาหารทันที
“ทำดีมากหานเซิ่น ไอ้ถังซินนั่นเป็นเสี้ยนหนามของพวกเรามานานแล้ว มันชอบดูถูกพวกเราตลอด ฉันเหม็นขี้หน้ามันมาก แต่ฉันเองก็ไม่คิดเลยว่าตอนเรียนอยู่นายจะสุดยอดขนาดนั้น” เมื่อหานเซิ่นกลับไปที่ห้องครัวแล้ว รองหัวหน้าห้องครัวพูด
“เอาน่า เราหยุดพูดเรื่องนี้กันดีกว่า” หัวหน้าห้องครัวปิดประตูห้องครัว และพูดกับหานเซิ่นอย่างเคร่งขรึม “หานเซิ่น ต่อไปนี้นายต้องระวังตัวให้มาก ถังซินมันเป็นคนที่น่ารังเกลียด ตอนนี้นายอาจจะมีชื่ออยู่ในศัตรูของมันแล้วก็ได้”
“ผมเป็นทหารในห้องครัว และเขาก็เป็นนักวิชาการ เขาจะมาทำอะไรผมได้?” หานเซิ่นถามพร้อมกับยิ้ม
“ถึงเขาจะทำอะไรนายบนยานไมได้ก็จริง แต่เมื่อไปถึงซากโบราณสถานแล้ว เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ถ้าเขาต้องการเล่นนาย นายก็จะป้องกันตัวลำบากหน่อย ถ้าไปถึงซากโบราณสถาน นายต้องจำไว้ว่าอย่าไปไหนคนเดียว” หัวหน้าห้องครัวเตือนหานเซิ่น
คนอื่นๆเองก็ช่วยกันเตือนหานเซิ่นด้วยเช่นกัน เนื่องจากหานเซิ่นไม่ต้องการทำให้พวกเขากังวล หานเซิ่นเลยพยักหน้ารับทราบอย่างเดียว
“เอ่อ แต่ว่าเนื่องจากนายเป็นนักเรียนดีเด่น และยังจบด้วยยศพันตรี แล้วทำไมนายถึงถูกส่งมาทำงานในห้องครัวได้ล่ะ?” หลี่หมิงถังถามอย่างอดไม่ได้
“จริงๆแล้วผมฝันอยากจะเป็นทหารบนยานมานานแล้ว ถึงจะเป็นแค่ทหารในครัวก็ไม่เป็นไร นั่นเป็นเหตุผมว่าทำผมถึงได้มาที่นี่..” หานเซิ่นพูดความจริงไปแค่บางส่วนเท่านั้น เขาต้องการเป็นทหารบนยานก็เพราะจีเหยียนหรันอยู่บนยาน
…
เมื่อหานเซิ่นกลับมาที่ก็อตแซงชัวรี่อีกครั้ง ในที่สุดเขาก็เห็นใบหน้าที่น่ารักของซีโร่
“เหมือนได้เวลาที่เราต้องไปยึดเมืองสปริตแล้ว” หานเซิ่นไปพบหยางม่านลี่ และขอให้เธอเรียกทุกคนในกลุ่มเทพธิดามารวมตัวกัน
“ทุกคน ฉันตัดสินใจว่าจะบุกเข้ายึดเมืองสปิริตในวันพรุ่งนี้ ถ้าใครต้องการออกจากกลุ่ม ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะ ฉันจะไม่บังคับให้ใครไปกับฉัน ถ้าใครต้องการออก ฉันก็จะไม่ห้าม” หานเซิ่นกวาดสายตามองดูคนที่มารวมตัวกัน
“หัวหน้า มันไม่เร็วเกินไปรึที่เราจะบุกยึดเมืองสปิริต? ในเมืองมีสปิริตขุนนาง และมอนสเตอร์กลายพันธ์อีกจำนวนมาก พวกเรายังไม่มีกำลังมากพอ ผมคิดว่าพวกเราควรจะพัฒนาตัวเองก่อนอีกสักระยะ เมื่อพวกเรามีจีโนพ้อยสามัญและโบราณเต็มกันแล้วค่อยบุกไป ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราจะมีโอกาสมากกว่า”
“ใช่หัวหน้า ตอนนี้พวกเราควรจะเน้นฝึกฝน และเพิ่มระดับความแข็งแกร่งก่อน”
“พวกเราไม่รู้ว่าในเมืองจะมีมอนสเตอร์กลายพันธ์อยู่เท่าไร นี่มันไม่เสี่ยงเกินไปหน่อยหรอที่จะบุกไปตอนนี้?”
หานเซิ่นมองไปที่พวกพูดแย้ง และพูดอย่างใจเย็น “ที่ฉันเรียกทุกคนมาวันนี้ก็เพราะฉันตัดสินใจแน่แล้ว ดังนั้นทุกคนต้องเลือกเองว่าจะเข้าร่วมหรือออกจากลุ่มไป ฉันจะไม่ฟังความเห็นของใครทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตามมีเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องบอกทุกคนให้รู้ว่าตั้งแต่ตอนนี้ กลุ่มเทพธิดาจะไม่ต้อนรับคนที่ถอนตัวไปในวันนี้ และแน่นอนว่าหลังจากที่เรายึดเมืองได้แล้ว พวกเราก็จะไม่รับคนที่ถอนตัวกลับเข้ากลุ่มเช่นกัน”
คำพูดของหานเซิ่นทำให้ความเงียบเข้าปกคลุม ไม่นานก็มีใครบางคนยืนขึ้นมา เขากัดฟันและพูดกับหานเซิ่น “ขอโทษด้วยหัวหน้า พวกเราไม่มีกำลังพอจะยึดเมืองสปิริตได้ เพราะฉะนั้นฉันจะไม่เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง”
“เอาสัญญาของเขามาให้ฉัน” หานเซิ่นไม่ตอบ แต่เขาขอให้หยางม่านลี่เอาสัญญาของชายคนนั้นมาให้เขา และเขาก็ทำลายมัน
คอมเม้นต์