อ่านการ์ตูน อ่านมังงะ เรื่อง Super God Gene – ตอนที่ 539 คัมภีร์เหมันต์


แปลไทย ตอนล่าสุด อ่านฟรี manga มังงะญี่ปุ่น manhwa มังงะเกาหลี manhua มังงะจีน อัพเดทล่าสุดก่อนใคร มีให้เลือกอ่านฟรีมากมาย ทั้งบนแอพมือถือ แอนดรอย ios

 

งานแลกเปลี่ยนถูกจัดขึ้นที่หอประชุมขนาดใหญ่ ในตอนที่หานเซิ่นและจีเหยียนหรันมาถึง พวกคนหนุ่มสาวหลายคนก็มาถึงกันก่อนแล้ว

 

หานเซิ่นและจีเหยียนหรันไม่ได้เป็นที่สนใจเท่าไหร่นัก จีเหยียนหรันไม่ใช่ทาญาติตระกูจีคนเดียวที่มาร่วมงาน ยิ่งกว่านั้นเธอก็ไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงหรือพรสวรรค์ในตระกูล

 

คนจากตระกูลจีบางคนสังเกตเห็นเธอ แต่พวกเขาก็เพียงแค่พูดทักทาย ขณะที่พวกเขาทักทายจีเหยีนหรัน พวกเขาก็มองหานเซิ่นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

จีเหยียนหรันแนะนำหานเซิ่นให้พวกเขารู้จัก ถึงเธอจะยังไม่เคยประกาศเรื่องของหานเซิ่นให้ทุกคนในตระกูลรู้ แต่ครอบครัวของเธอก็รู้เรื่องของหานเซิ่นหมดแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่จีเหยียนหรันพาหานเซิ่นมางานนี้ด้วย

 

ตอนแรกหานเซิ่นคิดว่านี่คงจะเป็นแค่งานแลกเปลี่ยนที่จัดแบบเรียบง่าย ระหว่างตระกูลจี หลิน หวังและเสวีย ผู้เข้าร่วมก็ไม่น่าจะเกิน 100-200 คน แต่ทว่าผู้คนที่อยู่ในงาน มันเหนือความคาดหมายของเขาหานเซิ่น เพราะตอนนี้มีผู้เข้าร่วมงานเป็นพันๆคน

 

“จี หลิน หวังเป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่และมีสมาชิกมากที่สุด นายสามารถเจอพวกเขาได้ทุกซอกทุกมุมของสหพันธ์ดวงดาว ถึงจะเอาแค่คนที่อายุน้อยกว่า 40 มาร่วมงาน แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าหอประชุมแห่งนี้จะพอจุทุกคนรึเปล่า” จีเหยียนหรันเห็นว่าหานเซิ่นกำลังช็อคกับจำนวนคน เธอเลยระบาย

 

“แล้วเสวียไม่นับว่าเป็นตระกูลใหญ่ด้วยหรอ?” หัวใจของหานเซิ่นเต้นไม่เป็นจังหวะในตอนที่เขาถามคำถาม

 

“ตระกูลเสวียอยู่กันอย่างสันโดษ พวกเขามีคนไม่มาก และพวกเขาก็ไม่รับลูกศิษย์เข้าตระกูลด้วย วิชาชี่กงที่ตระกูลเสวียสืบทอดนั้นร้ายกาจที่สุดในบรรดา 4 ตระกูล”

 

หานเซิ่นต้องการจะถามเกี่ยวกับตระกูลเสวียเพิ่มเติม แต่ก่อนที่เขาจะได้ถามต่อก็มีใครบางคนมาพูดกับจีเหยียนหรันซะก่อน

 

หานเซิ่นมองไปรอบๆ และเห็นว่าที่โต๊ะข้างๆเวทีมีจำนวนมากเริ่มไปนั่งจับจองกันแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีหลินเฟิงรวมอยู่ด้วย

 

“เหยียนหรัน คนนี้จะต้องเป็นแฟนของเธอใช่ไหม?” ผู้หญิงอายุพอๆกับจีเหยียนหรันเดินเข้ามา เธอมองมาที่หานเซิ่นขณะพูด

 

ดูเหมือนว่ายีนของตระกูลจีจะยอดเยี่ยมจริงๆ แทบทุกคนในตระกูลจะมีรูปร่างหน้าตาดี ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น จริงๆแล้วเธอค่อนข้างสวย แต่เธอก็ไม่ได้ดูมีออร่าเท่ากับจีเหยียนหรัน

 

ผู้หญิงคนนี่ควงชายหนุ่มอีกคนมาด้วย ดูเหมือนจะเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเธอ

 

“ใช่ ชิงชิว” จีเหยียนหรันพูดความจริงไป การที่เธอพาหานเซิ่นมาที่นี่ก็เพื่อเปิดตัวให้คนอื่นได้รู้จักอยู่แล้ว

 

ดูเหมือนว่าจีชิงชิวจะแค่ถามตามมารยาท เธอไม่ได้สนใจหานเซิ่นเลย ก่อนที่จีเหยียนหรันจะได้แนะนำหานเซิ่น เธอก็ชิงแนะนำชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเธอเสียก่อน “เหยียนหรัน นี่เป็นแฟนหนุ่มของฉันเอง เสวียอี้หยาง วันนี้เขามาอยู่ที่นี่ในฐานะตัวแทนตระกูลเสวีย”

 

ขณะที่จีชิงชิวพูด ทั้งคิ้วและใบหน้าของเธอก็เชิดขึ้น ดูเหมือนเธอจะเข้ามาทักจีเหยียนหรันก็เพื่อโอ้อวดแฟนหนุ่มของเธอ

 

จีเหยียนหรันทักทายเสวียอี้หยางอย่างสุภาพ ขณะที่ตอนนี้หัวใจของหานเซิ่นเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อเห็นเสวียอี้หยาง หานเซิ่นก็สังเกตเขาอย่างละเอียด และพยายามเปลี่ยนเทียบเขากับเสวียหลงเหยียน

 

ไม่นานหานเซิ่นก็ต้องผิดหวัง แม้พวกเขาจะมาจากตระกูลเดียวกัน แต่พวกเขาก็ดูไม่คล้ายกันเลย ยิ่งเวลาผ่านมานาน หานเซิ่นก็เริ่มจะลืมใบหน้าของเสวียหลงเหยียนไปแล้ว

 

จีเหยียนหรันพูดกับจีชิงชิวอยู่สักพัก ซึ่งจีชิงชิวเอาแต่พูดถึงแฟนของตัวเองให้จีเหยียนหรันฟัง โดยไม่ได้สนใจหานเซิ่นเลย จีเหยียนหรันรู้สึกไม่ชอบใจพฤติกรรมของจีชิงชิว เธอเลยหาข้ออ้างแยกตัวออกมา

 

“ลูกพี่ลูกน้องฉัน เหมือนพยายามจะเอาชนะฉันให้ได้ทุกเรื่องเลย ตอนนี้เธอก็พาแฟนหนุ่มจากตระกูลเสวียมา ดูเธอจะภูมิใจมาก” จีเหยียนหรันพูดกับหานเซิ่น

 

“เรื่องแบบนั้นมีอะไรน่าภูมิใจด้วยหรอ?” หานเซิ่นถาม

 

จีเหยียนหรันเบ้ปาก “จริงๆฉันก็ไม่คิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าภูมิใจหรอกนะ แต่ถ้าหนุ่มคนนั้นได้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อพูดเกี่ยวกับวิชาชี่กงของตระกูล เขาก็จะถูกจับตามองว่าเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของ 4 ตระกูลแน่”

 

หลังจากนั้นจีเหยียนหรันก็พูดเกี่ยวกับพวกคนที่จะขึ้นไปพูดบนเวทีให้กับหานเซิ่นฟัง “ทุกครั้งที่งานแลกเปลี่ยนนี้จัดขึ้น แต่ละตระกูลจะเลือกคนมา 2-3 คนเพื่อขึ้นไปพูดบนเวที ใครก็ตามที่ถูกเลือกให้ขึ้นไปพูด พวกเขาจะต้องเป็นหนึ่งในความหวังของแต่ละตระกูล นายเข้าใจใช่ไหม?”

 

“งั้นเธอก็ควรขึ้นไปบ้างนะ” หานเซิ่นหัวเราะ

 

จีเหยียนหรันมองหานเซิ่นด้วยแววตาไม่พอใจ เพราะหานเซิ่นทำเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ “ตอนพ่อของฉันยังหนุ่มๆ เขาก็มักจะถูกเลือกให้ขึ้นไปพูดอยู่บ่อยๆ แต่ฉันไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ของตระกูล ระดับของฉันยังไม่ถึงขั้นที่จะรับเลือกให้ขึ้นไปพูดหรอก”

 

“ใครพูดแบบนั้นกัน? ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะบอกทุกคนเลยว่าเธอเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะได้ขึ้นไป เมื่อเธอขึ้นไปอยู่บนเวที เธอก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เธอแค่นั่งเฉยๆก็พอ คนอื่นๆจะได้ชมความงามที่แท้จริง แล้วพวกเขาก็จะเข้าใจทุกอย่าง นี่มันน่าจะดีกว่าการขึ้นไปพูดเรื่องน่าเบื่อๆตั้งเยอะจริงไหม” ดูเหมือนว่าเทคนิคการพูดเอาใจของหานเซิ่นจะเริ่มพัฒนาขึ้น

 

จีเหยียนหรันหยิกเอวของหานเซิ่นทันที แต่ดูเหมือนเธอจะเขินจนตัวลอย

 

จีชิงชิวกับเสวียอี้หยางเดินไปเดินมาแถวนี้อยู่สักพักแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้ามาหาจีเหยีนหรัน จีชิงชิวหัวเราะและพูด

“เหยียนหรัน พวกเราจะไปนั่งตรงนั้นกัน เธออยากจะมานั่งกับพวกเราไหม?”

 

“พวกเธอไปกัน 2 คนเถอะ ฉันกับหานเซิ่นขออยู่ตรงนี้ดีกว่า” จีเหยียนหรันยิ้ม

 

“จริงๆที่นั่งตรงนี้มันก็ดีนะ แต่อย่างๆน้อยพวกเราจะต้องหาที่นั่งที่มันลุกได้ง่ายๆ ที่นี่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะจะลุกจะนั่งก็ไม่สะดวก ถ้าไม่ใช่เพราะเสวียอี้หยางต้องขึ้นไปพูด ฉันก็อยากจะนั่งตรงนี้กับเธอ” จีชิงชิวพูด แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะฟังดูไม่น่ารื่นรมย์เท่าไหร่

 

หลัวจากนั้นจีชิงชิวก็หันมามองหานเซิ่นและถาม “โอ้ใช่ ฉันลืมถามไปเลย แฟนของเธอมาจากตระกูลไหนงั้นหรอ?”

 

“หานเซิ่นไม่ได้มาจากตระกูลที่สืบทอดชี่กง” จีเหยียนหรันตอบ

 

“โอ้” จีชิงชิวหันหน้าไปมองที่อื่น เธอเลิกสนใจหานเซิ่นในทันที จากนั้นเธอก็พูดกับจีเยียนหรันอีกสักพัก ก่อนจะควงแขนกับเสวียอี้หยางเดินไปหาที่นั่งใกล้ๆเวที

 

“คนเรานี่ดูกันแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ จีชิงชิวก็เป็นผู้หญิงที่สวยดีหรอก แต่นิสัยของเธอนี่ไม่ไหวจริงๆ” หานเซิ่นพูด

 

จีเหยียนหรันหัวเราะ “นายจะไปว่าเธอแบบนั้นก็ไม่ได้ เรื่องมันตั้งแต่สมัยที่พวกเรายังเด็กๆ เธอต้องการจะแข่งกับฉันในทุกๆเรื่อง การจะหาแฟนที่ดีเลิศขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันไม่ได้โง่ถึงขนาดที่ดูไม่ออกว่าเธอต้องการจะอวดแฟนตัวเอง”

 

“พูดแบบนั้นแปลว่าฉันไม่ได้ดีเลิศงั้นหรอ?” หานเซิ่นพูด

 

“ในความคิดฉัน นายไม่ใช่แค่ดีเลิศ แต่นายคือคนที่ดีที่สุดในบรรดาทุกคนที่อยู่ที่นี่แล้ว แต่กระนั้นการถูกเลือกให้ขึ้นไปพูดบนเวทีก็เป็นเรื่องที่มีเกียรติสำหรับพวกเขามาก”

จีเหยียนหรันหัวเราะและพูดต่อ “ฉันจะบอกให้นะ จริงๆแล้วพวกตระกูลเสวียจะคิดว่าตัวเองดีเลิศกว่าตระกูลอื่นๆ นายไม่เห็นสายตาของเสวียอี้หยางตอนมองคนอื่นๆหรอ?”

 

“เนื่องจากพวกเราทั้ง 4 ตระกูลมีต้นกำเนิดมาจากสายเลือดเดียวกัน ก่อนจะแยกตัวออกมา ตระกูลเสวียทำเหมือนกับว่าพวกเขาคือตระกูลชี่กงสายดั่งเดิม พวกเขาเป็นตระกูลที่สืบทอดวิชาลับที่สุด พวกเขาเลยคิดว่าสายเลือของตัวเองวิเศษที่สุด” จีเหยียนหรันอธิบาย

 

“พวกเขามีวิชาลับอะไร?” หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว

 

“พวกได้รับสืบทอดคัมภีร์น้ำแข็ง” จีเหยียนหรันตอบ

 

หานเซิ่นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าจีเหยียนหรันจะพูดว่ากายหยกซะอีก

 

จีเหยียนหรันพูดต่อ “แต่คัมภีร์น้ำแข็งไม่ใช่ฝึกกันได้ง่ายๆ ตามประวัติศาสตร์มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ฝึกมันสำเร็จได้ ตอนนี้ตระกูลเสวียกำลังพยายามเปลี่ยนมันให้เป็นวิชาไฮเปอร์จีโน เพื่อที่ทุกคนในตระกูลจะได้สามารถฝึกได้ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาทำสำเร็จเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขาดัดแปลงมันจนกลายเป็นวิชาไฮเปอร์จีโนที่เรียกว่ากายหยก แต่นั่นก็เป็นแค่คำบอกเล่าเท่านั้น ยังไม่มีใครเคยเห็นคนของตระกูลเสวียใช้มันมาก่อน”

 

หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัวอีกครั้ง เขาคิด ‘งั้นเสวียหลงเหยียนก็เป็นทาญาติของตระกูลที่สืบทอดวิชาชี่กงจริงๆสินะ’

 

คอมเม้นต์

Chapter List