อ่านการ์ตูน อ่านมังงะ เรื่อง Super God Gene – ตอนที่ 537 ชูร่า


แปลไทย ตอนล่าสุด อ่านฟรี manga มังงะญี่ปุ่น manhwa มังงะเกาหลี manhua มังงะจีน อัพเดทล่าสุดก่อนใคร มีให้เลือกอ่านฟรีมากมาย ทั้งบนแอพมือถือ แอนดรอย ios

 

“บ้าอะไรวะเนี่ย?” หานเซิ่นช็อค เขาพยายามดิ้นร่นออกจากหนวดของแมงกะพรุน จากนั้นเขาก็เรียกวิญญาณอสูรเฟอเรทโกสพาวออกมา และก็ใช้มันฟันไปที่แมงกะพรุน

 

แต่ทว่ากรงเล็บเฟอเรทโกสพาวก็เข้าไปติดอยู่ด้านในตัวแมงกะพรุนเช่นเดียวกัน

 

หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรเฟอเรทโกสพาวกลับ แมงกะพรุนตัวนี้เหมือนกับโคลน ไม่ว่าจะฟันหรือชกไปที่มันก็ไร้ผลโดยสิ้นเชิง

 

หลังจากที่หานเซิ่นเกะหนวดของแมงกะพรุนได้สำเร็จ เขาก็พยายามว่ายหนีกลับไปที่ปราสาทคริสตัลให้เร็วที่สุด แต่แมงกะพรุนก็ยังไล่ตามเขามาติดๆ ไม่นานร่างกายของหานเซิ่นก็ถูกแมงกะพรุนพันไว้หมดแล้ว มันกำลังจะเขมือบเขาเข้าไป

 

นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นรู้สึกสิ้นหวังและกลัวตายจริงๆ หัวใจของเขาเต้นรัว เขาพยายามคิดหาทางหนีออกไป แต่ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นเงาใครบางคนว่ายน้ำตรงมาที่เขา

 

หานเซิ่นหันไปมอง และก็เห็นซีโร่กำลังว่ายน้ำมาทางนี้ หานเซิ่นประหลาดใจมาก เขาต้องการจะตะโกนบอกให้ซีโร่หนีไป แม้แต่เขาก็ยังสู้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นซีโร่ไม่มีทางเอาชนะมันได้

 

ซีโร่ว่ายน้ำตรงมาหาหานเซิ่นอย่างรวดเร็ว เธอยื่นมือออกมาพยายามที่จะดันแมงกะพรุนออกไปจากตัวของหานเซิ่น

 

“ไม่!” หานเซิ่นกรีดร้องออกมา แต่ก็ไม่ทันแล้ว ตอนนี้ซีโร่ถูกแมงกะพรุนจับตัวไว้แล้ว

 

กระแสไฟฟ้าจำนวนมากไหลเข้าสู่ร่างกายของหานเซิ่น ตอนนี้เขารู้สึกว่าอีกไม่นานคงจะกลายเป็นถ่านแน่

 

หานเซิ่นพยายามทนความเจ็บปวด เขากำลังคิดหาวิธีที่หนีออกไปและช่วยซีโร่ แต่อยู่ๆเขาก็สังเกตเห็นว่าม่านตาของซีโร่มีแสงสีม่วงแปลกๆ

 

ม่านตาสีดำของเขาเธอส่องแสงสีม่วงออกมา จากนั้นเส้นผมสีดำของเธอก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง เขาสีม่วงเล็กๆปรากฏขึ้นมาบนหัวของซีโร่ ทันใดนั้นเธอก็กลายเป็นชูร่าราชวงศ์เหมือนกับตอนที่หานเซิ่นเจอเธอครั้งแรก

 

ซีโร่ที่กลายเป็นชูร่าใช้มือของเธอฉีกแมงกะพรุนเป็นชิ้นๆ มอนสเตอร์ที่มีลักษณะเหมือนโคลนยังต้องพ่ายแพ้ให้กับพลังอันมหาศาลของซีโร่ในร่างชูร่า

 

หานเซิ่นช็อค เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น เมื่อซีโร่อยู่ในร่างนี้ ดูเหมือนเธอจะมีพลังมหาศาลจนยากที่เขาจะประเมินได้ แม้แต่แมงกะพรุนที่หานเซิ่นหมดปัญญาจะต่อต้านยังถูกมือเล็กๆของซีโร่ฉีกแบบง่ายๆ

 

ตาของซีโร่ยังคงส่องแสงสีม่วงอยู่ มือของเธอกำลังสั่น ในชั่วพริบตาเธอเอาพวกหนวดที่พันตัวหานเซิ่นอยู่ออก จากนั้นเธอก็รีบลากหานเซิ่นกลับไปที่ปราสาทคริสตัลทันที

 

พวกเขาทั้ง 2 คนกลับมาที่ชั้นบรรยากาศของปราสาทคริสตัลอีกครั้ง หลังจากที่ขึ้นมาได้ ซีโร่ก็นอนลงบนพื้นทันที เส้นผมสีม่วงเริ่มจางลง และค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ ส่วนเขาของเธอได้หายไปเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เธอกลับมาอยู่ในร่างของมนุษย์อีกครั้ง

 

หานเซิ่นเข้าไปดูอาการของซีโร่ทันที เขาพบว่าเธอแค่หมดสติไป หลังจากดูจนแน่ใจแล้วว่าซีโร่ไม่ได้เป็นอะไร หานเซิ่นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

ซีโร่หมดสติไป 2 วันเต็มๆ เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ร่างกายของเธอก็อ่อนแอกว่าปรกติ เธอไม่อยากจะกินอะไรอีก 3-4 วัน

 

‘เธอเป็นมนุษย์หรือว่าชูร่ากันแน่?’ หานเซิ่นคิด ซีโร่ดูแปลกมาก เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน จนถึงตอนนี้เขายังไม่แน่ใจเลยว่าเธอเป็นอะไรกันแน่

 

แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดก็คือร่างกายของซีโร่ เขาไม่แน่ใจว่าการที่เธอเปลี่ยนเป็นชูร่าจะทำให้ร่างกายของเธอได้รับความเสียหายรึเปล่า เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอดูอ่อนแอมาก เธอดูเหมือนกับคนที่พึ่งหายจากอาการป่วย

 

แต่โชคดีที่อาการของเธอไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง หานเซิ่นเอายาบำรุงให้เธอดื่ม มันเป็นยาบำรุงที่ออกแบบมาเพื่อซ่อมแซมร่างกาย มันเป็นยาบำรุงของกองทัพ ซึ่งมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก

 

หลังจากเหตุการณ์แมงกะพรุน หานเซิ่นก็ไม่กล้าไปล่าในทะเลลึกคนเดียวอีก เมื่อเขาชำแหละซากของแมงกะพรุน และนำมันไปทำอาหาร เขาก็พอที่จะเข้าใจเรื่องราว

 

แมงกะพรุนที่หานเซิ่นคิดว่าเป็นมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์ จริงๆแล้วมันคือมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ หลังจากที่กินมันหานเซิ่นก็ได้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิอีก 8 จีโนพ้อย

 

หลังจากกลับไปที่สหพันธ์ดวงดาว หานเซิ่นก็ค้นหาข้อมูลอย่างหนัก เขาต้องการจะไขปริศนาเรื่องของซีโร่ให้ได้ แต่เขาก็ไม่พบข้อมูลอะไรเลย

 

มนุษย์ก็คือมนุษย์ ส่วนชูร่าก็คือชูร่า แม้ลักษณะภายนอกจะดูคล้ายๆกัน แต่ทั้ง 2 ก็เป็นคนละเผ่าพันธุ์กัน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนเกิดขึ้นมาเป็นทั้งชูร่าและมนุษย์

 

หานเซิ่นหาข้อมูลลึกไปทางชีววิทยาของทั้ง 2 เผ่าพันธุ์ นักชีววิทยาพิสูจน์แล้วว่าทั้งชูร่าและมนุษย์มียีนที่แตกต่างกัน มันแตกต่างกันเกินกว่าที่จะเข้ากันได้

 

แม้จะพยายามทำให้ 2 เผ่าพันธุ์ผสมพันธุ์กันได้ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้กำเนิดครึ่งมนุษย์ครึ่งชูร่าออกมา

 

‘งั้นมันหมายความว่ายังไงกัน ตกลงซีโร่เป็นอะไรกันแน่?’ หานเซิ่นหาข้อมูลมาจำนวนมาก แต่เขาก็ยังไม่ได้ข้อสรุป และหานเซิ่นยังสงสัยเรื่องรอยสักแมว 9 ชีวิตบนหลังของซีโร่ด้วย

 

“เซิ่น นายมากับฉันหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นหมกมุ่นอยู่กับการหาข้อมูล จนกระทั่งจีเหยียนหรันมาเคาะประตู และก็เข้ามาห้องของเขา

 

“แน่นอน แต่ว่าเราจะไปที่ไหนล่ะ?” หานเซิ่นมองไปที่จีเหยียนหรันด้วยความประหลาดใจ ปรกติจีเหยียนหรันจะติดต่อหานเซิ่นผ่านทางคอม มันยากมากที่เธอจะเข้ามาในห้องของเขา

 

ถ้าจีเหยียนหรันมาหาเขาที่ห้องโดยตรง มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้ถามเหตุผลที่เธอมา แต่เขาถามไปทันทีว่าจะให้ไปที่ไหน

 

จีเหยียนหรันพยายามจะพูดบางอย่าง แต่เธอก็หยุดไปก่อน

“มีเรื่องที่พวกเราแก้ปัญหาไม่ได้ด้วยหรอ? มีอะไรก็ลองพูดมาก่อน” หานเซิ่นกระพริบตาและถาม

 

จีเหยียนหรันถอนหายใจออกมา “พรุ่งนี้ฉันจะต้องไปงานพบปะสังสรรค์ของตระกูล ฉันอยากให้นายไปกับฉันด้วย”

 

“งานพบปะสังสรรค์แบบไหนหรอ?” หานเซิ่นมองจีเหยียนหรันด้วยความสับสน หานเซิ่นเริ่มกังวลนิดๆ เหมือนว่าเธออยากจะให้เขาไปพบกับครอบครัวของเธอ แต่เขาไม่ได้คิดมาก่อนว่าเธอจะต้องการให้เขาไปงานแบบนี้

 

“มันก็อธิบายยากนะ… มันก็กึ่งๆเป็นงานพบปะสังสรรค์ ในงานนี้จะจัดให้พวกคนวัยหนุ่มสาวเหมือนกับพวกเรามาพบกัน” จีเหยียนหรันพูดอย่างช้าๆ

 

“มันก็เหมือนกับงานออกเดทธรรมดาใช้ไหม?” หานเซิ่นถาม

 

จีเหยียนหรันดูจะเคลียดกว่าปรกติ “ใช้หัวคิดหน่อย! มันใช่ไม่งานอะไรแบบนั้น! นี่เป็นงานแลกเปลี่ยน นายก็น่าจะรู้ว่าคนที่ไปอยู่ในงานจะต้องเป็น ‘บุคคลพิเศษ’ และแน่นอนว่าถ้านายไปทำความรู้จักกับพวกเขา มันก็จะเป็นผลดีในอนาคต ฉันหวังว่านายจะไปกับฉันด้วย”

 

“เธอจะไม่บอกฉันหน่อยหรอว่ามันเป็นแบบไหน?” หานเซิ่นถาม

 

จีเหยียนหรันลังเล แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจบอก “นายคงจะรู้นะว่ามนุษย์อย่างพวกเราจะมีสถานะที่เรียกว่าผู้เป็นเลิศอยู่ และนั่นคือจุดเริ่มต้นจริงๆของการวิวัฒนาการ”

 

หานเซิ่นพยักหน้า “ฉันเคยเรียนมาบ้างตอนสมัยอยู่โรงเรียน ผู้เป็นเลิศสามารถทำเรื่องที่เหนือขีดจำกัดของมนุษย์ทั่วๆไปได้ สถานะผู้เป็นเลิศเป็นจุดเริ่มต้นของการวิวัฒนาการทางพันธุกรรม”

 

“’งานแลกเปลี่ยนที่จัดขึ้นก็คืองานที่พวกเขาจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องการวิวัฒนาการทางพันธุกรรมของพวกเขา” จีเหยียนหรันพูด

 

หานเซิ่นมองที่จีเหยียนหรัน เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าเธอหมายความว่ายังไง ถ้าผู้เป็นเลิศคือจุดเริ่มต้นของการวิวัฒนาการของมนุษย์ในขั้นถัดไป งั้นคนที่ไปเข้าร่วมงานก็ควรจะต้องเป็นผู้เป็นเลิศเท่านั้น จีเหยียนหรันเป็นแค่ผู้วิวัฒนาการ แล้วเธอจะไปทำอะไรที่นั่น?

 

เหมือนจีเหยียนหรันจะรู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไรอยู่ เธอเริ่มอธิบายแบบร่ายยาว “ตามหลักแล้วมนุษย์จะต้องไปถึงระดับผู้เป็นเลิศก่อน ถึงจะพัฒนายีนในร่างกายได้ แต่ก็มีข้อยกเว้น คนมีพรสวรรค์สูงบางคนสามารถพัฒนายีนของพวกเขาได้ก่อนที่เป็นผู้เป็นเลิศ งานแลกเปลี่ยนที่จัดขึ้นก็จะโฟกัสเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

คอมเม้นต์

Chapter List