อ่านการ์ตูน อ่านมังงะ เรื่อง Super God Gene – ตอนที่ 482 โค้ช
แปลไทย ตอนล่าสุด อ่านฟรี manga มังงะญี่ปุ่น manhwa มังงะเกาหลี manhua มังงะจีน อัพเดทล่าสุดก่อนใคร มีให้เลือกอ่านฟรีมากมาย ทั้งบนแอพมือถือ แอนดรอย ios
ซินเสวียนส่งวิดีโอสอนวิชามีดสายฟ้าให้หานเซิ่น และหานเซิ่นก็เริ่มสอนเธอทันที
ครึ่งชั่วโมงเป็นเวลาที่สั้นมาก หลังจากที่อธิบายเทคนิค พร้อมกับสาธิต หานเซิ่นก็ขอให้ซินเสวียนเลียนแบบเขา จากนั้นเวลาครึ่งชั่วโมงก็หมดลง
“ฉันควรจะเรียกคุณว่าอะไรดี?” หลังจากจบคลาส ซินเสวียนก็รู้สึกเคารพ และชื่นชมหานเซิ่นมากขึ้น สิ่งที่เขาพูดทำให้เธอรู้สึกมีแรงบรรดาใจ เธอยิ่งมั่นใจมากว่าเขาต้องเป็นระดับแถวหน้าในกองทัพอย่างแน่นอน เธอคิดว่าเขาน่าจะเป็นพลเอกคนใดคนหนึ่ง แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นคนไหน
“เรียกผมว่าทหาร” หานเซิ่นตอบ เขาไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลตัวเองให้คนอื่นรู้ และเขาก็ไม่สนใจด้วยว่าเธอเป็นใคร ในสายตาของหานเซิ่นนี่เป็นแค่การแลกเปลี่ยนธรรมดาๆ
“งั้นฉันขอเรียกคุณว่าโค้ชได้ไหม?” ซินเสวียนเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาคือระดับสูงในกองทัพ เขาจึงจำเป็นต้องปิดบังข้อมูลส่วนตัว
“เรียกตามที่คุณต้องการได้เลย” หานเซิ่นแอดชื่อเพื่อนซินเสวียนไป และเขาก็ออกจากเซิร์ฟเวอร์ของกองทัพ ตอนนี้เขายังต้องทำความเข้าใจกับวิชาใหม่ และต้องกลับไปฝึกทบทวนด้วยตัวเองอีกครั้ง
หลังจากที่หานเซิ่นออกไปแล้ว ซินเสวียนก็นึกทบทวนทุกรายละเอียดที่หานเซิ่นสอน และเริ่มฝึกซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งชื่นชมหานเซิ่นมากยิ่งขึ้น แค่เทคนิคง่ายๆก็สามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย
การใช้วิชามีดอัสนีแลกกับการได้เรียนแค่ครึ่งชั่วโมง เธอยังรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก
ยิ่งกว่านั้นซินเสวียนยังคิดว่ายอดฝีมือคนนั้นตั้งใจมาเพื่อฝึกให้กับเธอโดยเฉพาะ ไม่งั้นแล้วเธอจะได้เรียนกับสุดยอดฝีมือระดับนั้นได้ด้วยวิชามีดอัสนีงั้นหรอ?
ไม่มีทางที่ซินเสวียนจะจินตนาการได้เลยว่ายอดฝีมือจริงๆแล้วก็คือหานเซิ่น คนที่เป็นอดีตลูกน้องของเธอ และยังเคยโดนเธอรังแกมาก่อน
สิ่งที่หานเซิ่นสอนเธอไปเป็นแค่เทคนิคส่วนเล็กๆในคัมภีร์ตงเสวียน ซึ่งตัวหานเซิ่นเองก็ยังเข้าใจมันแค่ผิวเผินเท่านั้น และสิ่งที่เขาสอนเธอไปมันก็ยิ่งน้อยลงไปอีก
“หานเซิ่น ช่วงนี้นายฝึกหนักเป็นพิเศษเลยนะ” หัวหน้าห้องครัวพูด พร้อมกับยิ้ม เมื่อเห็นหานเซิ่นพึ่งจะกลับมาจากโรงฝึก
“คนหนุ่มอย่างผม ยิ่งฝึกหนักเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี” หานเซิ่นพูด
“หานเซิ่น นายจะศึกษาภาษาโบราณไปทำอะไรงั้นหรอ ถ้านายไม่มัวอ่านหนังสือพวกนี้ ฉันคิดว่านายน่าจะมีเวลาฝึกมากกว่านี้นะ” รองหัวหน้าห้องครัว หลิวหมิงเลียงชี้ไปที่กองหนังสือภาษาโบราณบนโต๊ะของหานเซิ่น
หานเซิ่นเสียเงินจำนวนมาก เพื่อซื้อหนังสือพวกนี้มาก่อนที่เขาจะเดินทางมาที่ยานแดฟเน่ ซึ่งหนังสือส่วนมากไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วๆไป
“วิชาโฮเปอร์จีโนส่วนมากก็ดัดแปลงมาจากวิชาโบราณ ผมว่าศึกษาภาษาโบราณไว้ก็ไม่เสียหาย” หานเซิ่นตอบ
หลิวหมิงเลียงเปลี่ยนประเด็น “หานเซิ่น เนื่องจากนายจบมาด้วยยศพันตรี งั้นนายคงจะเป็นผู้วิวัฒนาการเลือดศักดิ์สิทธิใช่ไหม?”
“ใช่ ผมจำได้ว่าผมเคยบอกทุกคนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วนะ” หานเซิ่นมองที่หลิวหมิงเลียง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลิวหมิงเลียงถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“งั้นนี่อาจจะเป็นโอกาสของนาย” หลิวหมิงเลียงพูด และถอนหายใจ
“สหายของพวกเราตายกันไปหลายคนระหว่างปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ แม้แต่หัวหน้าทหารรักษายานหรือหัวหน้าหน่วยวอเฟรมก็เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เมื่อพวกเรากลับไป พวกนายทหารหลายๆคนน่าจะได้เลื่อนขั้นอย่างแน่นอน ถึงนายจะพึ่งเข้ากองทัพ แต่นายก็จบมาจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียง และยังเป็นผู้มีเกียรติเลือดศักดิ์สิทธิ นายมีโอกาสสูงที่จะได้เลื่อนขั้น แม้พวกเราจะเป็นทหารมานาน และก็ยศนายพันเหมือนกัน แต่พวกเราก็ไม่ได้มีสถานะเหมือนกับนาย การที่พวกเราจะได้เลื่อนขั้นจึงยากกว่า”
หานเซิ่นรู้สึกดี หลังจากที่ได้ฟังหลิวหมิงเลียงพูด ครั้งนี้ยานแดฟเน่เสียลูกเรือไปจำนวนมาก แม้เบื้องบนอยากจะหาคนมาแทน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรับคนจำนวนมากได้ในทันที พวกเขาต้องตรวจสอบ และพิจารณานานกว่าจะเลือกคนมาทำงานบนแดฟเน่ได้
มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกเรือที่ทำงานอยู่บนแดฟเน่อยู่แล้วจะมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง ซึ่งมันคือโอกาสของหานเซิ่นจริงๆ
ถ้าเขาสามารถขึ้นไปเป็นหัวหน้าหน่วยที่ไม่ค่อยมีงานยุ่งอย่างหน่วยวอเฟรม เขาก็จะมีเวลาเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่มากขึ้น
ในมุมเงียบๆ หานเซิ่นเรียกจีเหยียนหรันมา และปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้กับเธอ
“เรื่องนั้นเป็นความจริง เบื้องบนจะแต่งตั้งคนที่อยู่บนยานแดฟเเน่ก่อนคนอื่นๆ แต่ฉันไม่ต้องการให้นายไปเป็นหัวหน้าของหน่วย ฉันอยากให้นายมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันมากกว่า” จีเหยียนหรันพูด
“บอดี้การ์ดงั้นหรอ? แบบนั้นก็ดีสิ ฉันจะได้ตามเธอไปทุกที่”
หานเซิ่นรู้สึกดีมาก ถ้าเขาได้เป็นบอดี้การ์ดของจีเหยียนหรันจริงๆ เขาก็จะมีเวลาอยู่กับเธอมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นถ้าเธออนุญาตก็เท่ากับว่าเขามีเวลาอย่างไม่จำกัดที่จะเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ มันดีกว่าการเป็นหัวหน้าหน่วยเป็นไหนๆ
จีเหยียนหรันหน้าแดงและพูด “ในหัวนายมันมีความคิดสกปรก”
หานเซิ่นจ้องมองผิวเนียนๆของจีเหยียนหรัน ตอนนี้เขารู้สึกว่าอยากจะพาเธอไปที่เตียงซะเดี๋ยวนี้
จีเหยียนหรันมองหานเซิ่นด้วยสายตาแปลกๆ จากนั้นเธอก็พูดอย่างจริงจัง “ถึงฉันจะอยากให้นายมาเป็นบอดี้การ์ด แต่ฉันไม่สามารถเลือกได้ด้วยตัวเอง ฉันสามารถเสนอชื่อนายได้ นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันทำได้ ที่เหลือมันต้องขึ้นอยู่กับตัวนายเอง ฉันรู้สึกว่าโอกาสมันไม่ได้มากนัก แต่มันก็คุ้มที่จะลองดู ถ้าไม่สำเร็จ ฉันจะลองเสนอชื่อนายเป็นหัวหน้าหน่วยวอเฟรม”
“อธิบายให้ละเอียดหน่อย” หานเซิ่นพูด
“พวกเขาจะเพิ่มตำแหน่งบอดี้การ์ดของฉัน 2 ตำแหน่ง หนึ่งในนั้นถูกคัดเลือกไปเรียบร้อยแล้ว และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ส่วนบอดี้การ์ดอีกคน ตอนนี้รายชื่อผู้ที่ชิงตำแหน่งมีอยู่ 4 คน รวมนายด้วย ฉันไม่สามารถเลือกให้คนไหนมาเป็นบอดี้การ์ดได้ ดังนั้นนายจะต้องสู้เพื่อแย่งตำแหน่งเอง” จีเหยียนหรันพูด
“คู่ต่อสู้เป็นพวกผู้เป็นเลิศรึเปล่า?” หานเซิ่นถาม
“ไม่ใช่หรอก พวกเขาทุกคนเป็นผู้วิวัฒนาการ แต่หนึ่งในนั้นมีคนที่เก่งมากๆอยู่” จีเหยียนหรันพูด พร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น
“เขาเก่งยังไง?” หานเซิ่นขมวดคิ้วและถาม
“เขาเป็นพันตรีเหมือนกับนาย แต่เขาอายุ 40 แล้ว เขาเป็นทหารที่อยู่ในกองทัพมากว่า 20 ปี”
จีเหยียนหรันหยุดชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ “นายน่าจะเคยเห็นวิชาที่หลี่หมิงถังใช้แล้วนะ มันเป็นวิชาที่ต้องใช้เวลาฝึกถึง 60 ปีกว่าจะสำเร็จ คู่ต่อสู้ของนายเองก็ฝึกวิชาซุปเปอร์ไดม่อนสำเร็จแล้วเช่นกัน เขายังเป็นทหารที่อยู่ในหน่วยพิเศษบลูบลัด และถูกเรียกว่าทหารเสือแห่งบลูบลัด”
“แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้มีแค่วิชาซุปเปอร์ไดมอน เขาเป็นคนที่อยู่ในระดับท็อป 3 ในหมู่ผู้วิวัฒนาการของกองทัพ ขณะที่หวังโฮว่ยังไม่ติดหนึ่งใน 100 ด้วยซ้ำ” จีเหยียนหรันพูดอย่างหมดหวัง
คอมเม้นต์