อ่านการ์ตูน อ่านมังงะ เรื่อง Super God Gene – ตอนที่ 483 เฟอเรทสีม่วง
แปลไทย ตอนล่าสุด อ่านฟรี manga มังงะญี่ปุ่น manhwa มังงะเกาหลี manhua มังงะจีน อัพเดทล่าสุดก่อนใคร มีให้เลือกอ่านฟรีมากมาย ทั้งบนแอพมือถือ แอนดรอย ios
“ดูเหมือนจะเป็นคู่ต่อสู้สุดหินเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสชนะเขาเลย” หานเซิ่นครุ่นคิดและพูด “การต่อสู้จะเริ่มเมื่อไหร่”
“มันไม่ใช่การต่อสู้กันตรงๆ แต่ทั้ง 4 คนจะต้องเข้าร่วมการต่อสู้ประจำปีของกองทัพ ใครก็ตามที่ได้อันดับดีที่สุดจะได้เป็นบอดี้การ์ดของฉัน โชคร้ายที่ในการแข่งขันระดับนี้ พวกเราไม่สามารถเล่นตุกติกได้ ดังนั้นนายคงต้องพึ่งความสามารถของตัวเอง” จีเหยียนหรันพูด
ถ้าเธอทำได้แม้จะใช้เส้นสายหรือเล่นตุกติก จีเหยียนหรันก็จะทำเพื่อให้หานเซิ่นชนะ แต่ดูเหมือนการแข่งขันครั้งนี้ เธอจะทำอะไรไม่ได้จริงๆ
“แค่นั้นก็ดีพอแล้ว ฉันยังมีเวลาเตรียมตัวอีกมากกว่าจะถึงตอนนี้” หานเซิ่นยิ้มและพูด
ตอนนี้หานเซิ่นกำลังคิดอยู่ว่าเขาจะเอาชนะได้ยังไง
หลี่หมิงถังเคยบอกไว้ว่าต้องมีระดับความแข็งแกร่งอย่างน้อย 120 ขึ้นไปถึงจะสามารถทำให้คนที่ใช้วิชาซุปเปอร์ไดม่อนบาดเจ็บได้ อย่างไรก็ตามถึงหานเซิ่นจะใช้ทุกอย่างที่เขามี เขาก็ทำได้แค่เข้าใกล้ 100 เท่านั้น ซึ่งยังห่างไกล 120 อยู่มาก
ยิ่งกว่านั้นหานเซิ่นยังไม่มีวิญญาณอสูรของก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ดีๆเลย ดังนั้นเขาจะพึ่งพาอาวุธก็ไม่ได้ ที่สำคัญเขายังถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าในก็อตแซงชัวรี่ ดังนั้นการจะเพิ่มความแข็งด้วยจีโนพ้อยก็เป็นไปไม่ได้
หานเซิ่นใช้ความคิดอย่างหนัก ซึ่งมีทางเดียวที่เขาจะสามารถทำให้คนที่ใช้ซุปเปอร์ไดมอนบาดเจ็บได้ภายในเวลาที่กำหนด หานเซิ่นไม่เชื่อว่าคนที่ฝึกซุปเปอร์ไดมอนสำเร็จจะสามารถทำให้อวัยวะภายในของตัวเองแข็งแกร่งได้เหมือนกับกล้ามเนื้อของพวกเขา ขอแค่เขาสามารถส่งพลังเข้าไปที่อวัยวะภายในได้ตรงๆ เขาก็จะสามารถทำให้คนที่ใช้ซุปเปอร์ไดมอนบาดเจ็บได้
หานเซิ่นเชี่ยวชาญการใช้พลังประเภทนี้ดี พลังหยินของคลื่นหยินหยางสามารถทำแบบนั้นได้ เพื่อจะทำให้มั่นใจยิ่งขึ้น หานเซิ่นตัดสินใจจะใช้เวลาในการฝึกวิชาคลื่นหยินหยาง โดยจะเน้นพลังหยินที่มีพลังทะลุทะลวงสูง
ในตอนนี้ เมื่อหานเซิ่นใช้หลังหยิน เขาสามารถเจาะแผ่นเหล็กที่หนา 3 นิ้วได้ และส่งพลัง 60% ไปที่วัตถุที่อยู่ข้างหลังมันได้
นี่ก็หมายความว่าหานเซิ่นสามารถทรงพลังเข้าไปที่อวัยวะภายในของมนุษย์ได้โดยตรง แต่อย่างไรก็ตามการส่งพลังได้ 60% ยังเป็นอัตราที่ต่ำอยู่ หานเซิ่นอยากจะเพิ่มให้มันไปอยู่ที่ 90-95% ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่ม
ไม่งั้นแล้วหานเซิ่นที่มีระดับความแข็งแกร่งน้อยกว่า 100 ถึงเขาจะใช้พลังหยิน เขาก็อาจจะไม่สามารถทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บได้ เนื่องจากคู่ต่อสู้เป็นคนที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100
การฝึกพลังหยินนั้นจริงๆแล้วยากกว่าพลังหยาง เพราะในยานแทบไม่มีอุปกรณ์อะไรที่จะช่วยการฝึกพลังหยินได้เลย หานเซิ่นจึงใช้เวลาส่วนมากไปกับการฝึกพลังสมอง
แม้หานเซิ่นจะไม่ได้ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับมันก็ตาม แต่การที่เขาฝึกพลังหยินมาหลายปีแล้ว แต่เขาก็ยังส่งหลังทะลุทะลวงได้แค่ 60% นั่นก็บอกได้แล้วว่าการฝึกพลังหยินมันยากขนาดไหน
ระหว่างที่ยานแดฟเน่เดินทางกลับ หานเซิ่นใช้เวลาฝึกพลังหยินตลอดเวลา เขาไม่ได้ล็อคอินเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์จำลองการต่อสู้ของกองทัพเลย ซินเสวียนล็อคอินเข้ามาบ่อยๆ เธออยากที่จะเจอหานเซิ่นอีกครั้ง แต่เธอก็ต้องผิดหวังทุกครั้ง
ก่อนที่ยานแดฟเน่จะถึงท่ายานอวกาศก็มียานรบที่สหพันธ์ส่งมา เพื่อตรวจสอบทุกคนอย่างละเอียด
ครั้งนี้แดฟเน่ได้รับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับคริสตัลไลเซอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่ง และนักวิจัยอีกหลายๆคนที่ตายบนดาวดวงนั้น มันถือเป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่จริงๆ
โชคดีที่คริสตัลล้ำค่าที่หานเซิ่นเอามาได้ 2 อันก็พอจะช่วยกู้หน้าให้จีเหยียนหรันได้บ้าง ไม่งั้นเธอคงจะถูกสอบสวน และถูกลงโทษ การได้คริสตัลมา บวกกับอิทธิพลของครอบครัวเธอ ทำให้เธอไม่ถูกลงโทษในครั้งนี้
หลังจากเทียบท่าแล้ว ในที่สุดทหารบนยานแดฟเน่ก็ได้รับอิสระ แม้พวกเขายังต้องทำหน้าที่บนยานต่อ ถ้าเกิดมีภารกิจต่อไป แต่การที่พวกเขาได้หยุดพักก็ถือเป็นข่าวดีมาก
ยังเหลือเวลาอีก 1 เดือนกว่าการแข่งขันจะเริ่ม หานเซิ่นวางแผนที่จะใช้เวลาช่วงนี้เพิ่มจีโนพ้อยให้มากที่สุด เขาจะได้มีโอกาสชนะมากยิ่งขึ้น
หลังจากกลับมาที่เมืองเทพธิดาอีกครั้ง หานเซิ่นก็พบว่าหยางม่านลี่ทำหน้าที่บริหารจัดการเมืองได้ดีมาก คนจำนวนมากเข้ามาอยู่ในเมืองกันหมดแล้ว ซึ่งทำให้หานเซิ่นได้เงินจำนวนมากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก แต่ละเดือนเขาจะมีรายได้มากกว่า 10 ล้าน พื้นที่แถบนี้ไม่ได้มีประชากรมนุษย์มากนัก ดังนั้นพื้นที่ภายในเมืองยังสามารถรองรับคนได้อีกมาก
จูถิงยังติดวิชาเหยียบเมฆาหานเซิ่นอยู่ เนื่องจากหานเซิ่นหายไปนาน ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสให้ยาปรับปรุงพันธุกรรมกับหานเซิ่น
หลังจากได้รับยาปรับปรุงพันธุกรรมมาแล้ว หานเซิ่นก็ไปออกล่าทันที เขายังขอให้ซีโร่อยู่ในเมืองเทพธิดา เนื่องจากเธอไม่สามารถเพิ่มจีโนพ้อยจากการกินเนื้อ และยังไม่สามารถใช้วิญญาณอสูรได้ จึงไม่มีความจำเป็นที่เธอจะต้องออกไปล่า ซึ่งถ้าเธออยู่ในเมือง เธอสามารถป้องกันเมืองได้ถ้ามีมอนสเตอร์บุกมา
หานเซิ่นเดินลึกเข้าในภูเขาหิมะคนเดียว ตลอดเส้นทางหานเซิ่นเกือบจะเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด เขาข้ามมอนสเตอร์ทุกตัวที่เขาเห็น เขาต้องการฆ่าแค่มอนสเตอร์ตัวเล็กๆเท่านั้น เพราะเขาจะสามารถกินมันได้ง่ายและได้จีโนพ้อยไว
แต่อย่างไรก็ตามพื้นที่แถบนี้มีมอนสเตอร์ตัวเล็กๆอยู่ไม่กี่ชนิด หานเซิ่นเดินทางมา 2-3 วัน เขาผ่านทั้งทุ่งน้ำแข็งและภูเขาหิมะ ในที่สุดหานเซิ่นก็เจอมอนสเตอร์ตัวเล็กที่เขายังไม่เคยกินมาก่อน
มอนสเตอร์ตัวนี้มีขนาดเท่ากับแมว มันดูเหมือนกับพวกกระรอก ที่มีขนสีม่วงเป็นประกาย มันกำลังกินผลไม้สีแดงอยู่บริเวณตีนภูเขาหิมะ
เนื่องจากเขายังไม่เคยเห็นมอนสเตอร์ชนิดนี้มาก่อน เขาจึงไม่กล้าประมาท เขาดูให้แน่ใจว่าไม่มีมอนสเตอร์ตัวอื่นอยู่ใกล้ๆ จากนั้นเขาก็ค่อยๆย่องเข้าไปหากระรอกสีม่วงอย่างเงียบๆ
แต่ทว่าเมื่อหานเซิ่นเข้าไปใกล้มันในระยะ 100 ฟุต มันก็สังเกตเห็นเขาทันที มันจ้องมองเขาด้วยดวงตาสีม่วงของมัน และมันก็วิ่งตรงเข้ามาหาหานเซิ่นโดยไม่ได้เกรงกลัวเลย
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว ความเร็วของกระรอกตัวนี้สูงมาก มันมาถึงหน้าเขาในชั่วพริบตา
“มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ!” หานเซิ่นทั้งดีใจและประหลาดใจ ความเร็วของมอนสเตอร์ตัวนี้สูงยิ่งกว่าเขาซะอีก ดังนั้นมันจะต้องเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยการใช้ทั้งมนตรานอกรีตและโอเวอร์โหลด เขาขยับหลบ ทำให้การโจมตีของกระจอกเฉี่ยวปลายผมของเขาไป ในเวลาเดียวกันเขาก็ชกไปที่ลำตัวของกระรอกสีม่วง
กระรอกหมุนตัวในมุมกลางอากาศเพื่อหลบหมัดของหานเซิ่น และมันก็ตะปบสวนกลับมาที่หานเซิ่น
หานเซิ่นไม่มีเวลาพอที่จะหลบ ทำให้เขาถูกกระรอกตะปบเข้าที่ลำตัว เนื่องจากชุดเกราะแฟรี่ควีนไม่แข็งพอที่จะต้านการโจมตีของกระรอกได้ ทำให้หานเซิ่นได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของกระรอก
การบาดเจ็บแค่นี้ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หานเซิ่นตื่นตระหนกได้ เขายังสงบและเยือกเย็นมาก เขาใช้ฟุตเวิร์คของเขาเพื่อต่อสู้กับกระรอก
ความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ตัวนี้เหนือกว่าที่หานเซิ่นจินตนาการไว้มาก ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าบาดแผลมีเลือดสีม่วงๆไหลออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาถูกพิษเข้าให้แล้ว
คอมเม้นต์