อ่านการ์ตูน อ่านมังงะ เรื่อง Super God Gene – ตอนที่ 541 พี่เวยเวย
แปลไทย ตอนล่าสุด อ่านฟรี manga มังงะญี่ปุ่น manhwa มังงะเกาหลี manhua มังงะจีน อัพเดทล่าสุดก่อนใคร มีให้เลือกอ่านฟรีมากมาย ทั้งบนแอพมือถือ แอนดรอย ios
หานเซิ่นทนไม่ไหวจนต้องเริ่มฝึกศาสตร์ตงเสวียนซะตอนนี้ เลือดในร่างกายของเขากำลังไหลเวียนไปทั่วร่าง หลังจากที่เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างได้ 36 รอบ หานเซิ่นก็รู้สึกว่าน้ำหนักตัวของเขาก็แทบจะหายไปเลย ตอนนี้ตัวของเขาเบาราวกับขนนก หานเซิ่นรู้สึกว่าจิตใจของเขาสงบแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้สึกว่าเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเขาดูมีชีวิตชีวามาก การเผาผลาญพลังงานในร่างกายของเขาดีขึ้น ตอนนี้ร่างกายของเขามีกลิ่นหอมสดชื่อ เหมือนกับกลิ่นของหญ้าอ่อนที่ลอยไปตามลม
“เฮ้ นายใช้น้ำหอมด้วยหรอ?” จีเหยียนหรันที่นั่งข้างๆหันมามองหานเซิ่น เธอลองสูดดมกลิ่นใกล้ๆตัวหานเซิ่นดู ดังนั้นเธอจึงมั่นใจว่ามันเป็นกลิ่นจากตัวเขาแน่
“นี่มันเป็นที่สาธารณะ! รอให้พวกเรากลับไปถึงห้องก่อน จากนั้นเธอจะทำอะไรก็ไม่มีใครว่า” เมื่อเห็นจีเหยียนหรันเข้าดมใกล้ๆ ทำให้หานเซิ่นต้องรีบพูด
“ไปตายซะ” จีเหยียนหรันหน้าเเดง เธอหยิกเอวของหานเซิ่น แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่สามารถปิดกั้นความสงสัยได้ เธอยังคงดมกลิ่นต่อไป “น้ำหอมนี่กลิ่นหอมดีมาก นายใช้ยี่ห้ออะไร? ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อน?”
“ฉันไม่ได้ใช้น้ำหอม” หานเซิ่นพอจะเข้าใจเรื่องราวแล้ว เนื่องจากเขาฝึกศาสตร์ตงเสวียนอยู่ ทำให้เซลล์ในร่างกายมีชีวิตชีวามากจนส่งกลิ่นหอมสดชื่นออกมา
“เป็นไปไม่ได้! จมูกของฉันไม่เคยพลาด นายต้องใช้น้ำหอมแน่!” จีเหยียนหรันไม่เชื่อ
“มันไม่ใช่น้ำหอม แต่มันเป็นกลิ่นธรรมชาติของฉัน” หานเซิ่นกระพริบตาขณะพูด
“นายเป็นผู้ชาย ทำไมถึงได้ใช้น้ำหอมหรูหราแบบนี้? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่านายใช้ยี่ห้อไหน?” จีเหยียนหรันยังไงก็ไม่เชื่อหานเซิ่น
“มันไม่ใช่น้ำหอมจริงๆ นี่เป็นกลิ่นจากตัวฉันเอง ถ้าเธอไม่เชื่อคืนนี้ก็ลองมาที่ห้องฉันดู..” ก่อนที่หานเซิ่นจะพูดจบประโยค จีเหยียนหรันก็หยิกเขาอีกครั้ง
หลังจากการบรรยายจบลง ทุกคนในหอประชุมต่างก็ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน เลยไม่มีใครสังเกตเห็นหานเซิ่นกับจีเหยียนหรัน
“หลินเฟิงมานั่งกับพวกเราสิ” เสวียอี้หยางยิ้ม พร้อมกับเรียกหลินเฟิงมานั่งร่วมโต๊ะ
เมื่อการบรรยายจบลง ทุกคนก็จะมีนั่งแลกเปลี่ยนความรู้กันต่อ แต่เนื่องจากที่นี่มีคนจำนวนมากเกินไป ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่คนทุกคนจะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันได้ โดยปรกติคนที่อยู่ในระดับเดียวกันก็มักจะจับกลุ่มพูดคุยกัน
แม้ตระกูลเสวียจะเป็นตระกูลที่มีความเชื่อมั่นใจตัวเอง และไม่ค่อยให้ความสำคัญกับคนนอก แต่หลินเฟิงถือว่าเป็นหนึ่งในคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในรุ่นเดียวกัน วิชาชี่กงที่หลินเฟิงขึ้นไปพูดนั้นได้รับคำชมมากที่สุด แม้แต่เสวียอี้หยางที่มักจะดูถูกคนอื่น ยังเห็นความสำคัญในตัวเขา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้ชวนหลินเฟิงมานั่งด้วย
“ใช่หลินเฟิง นายมานั่งกับพวกเราดีกว่า” จีชิงชิวควงแขนกับเสวียอี้หยาง ขณะที่พูด
โดยปรกติแล้วคนอย่างจีชิงชิวนั้นยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้ามานั่งร่วมวงกับคนที่ได้ขึ้นไปพูดบนเวที แต่ในงานนี้ไม่ได้มีกฎที่เคร่งครัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเธอก็เป็นแฟนของเสวียอี้หยาง ทำให้เธอสามารถเข้าร่วมได้
จีชิงชิวรู้สึกมีความสุขมากที่จะได้แลกเปลี่ยนความรู้กับคนหลักของ 4 ตระกูลที่จะมีแต่คนหนุ่มสาวที่มีอนาคตสดใส
“ฉันต้องขอโทษด้วย เพื่อนเก่าฉันกำลังรออยู่ ฉันคงจะต้องเข้าไปทักทายเขาหน่อย เอาไว้โอกาสหน้า” หลินเฟิงปฏิเสธเสวียอี้หยางและจีชิงชิว
สีหน้าของเสวียอี้หยางเปลี่ยนไปทันที ตระกูลเสวียเป็นตระกูลที่ภูมิใจในตัวเองสูง เขาอุส่าชวนด้วยตัวเองแต่กับถูกหลินเฟิงปฏิเสธ มันทำให้เขารู้สึกเสียหน้ามาก
หลินเฟิงไม่ได้สนใจท่าทีของเสวียอี้หยาง เขาหันไปและเดินทางอื่นทันที
ตอนนี้หลายๆคนกำลังจับตามองหลินเฟิงกันอยู่ พวกเขาต่างก็อยากจะเข้าไปร่วมวงกับหลินเฟิงกันทั้งนั้น ฝีมือของหลินเฟิงถือว่าโดดเด่น แถมของยังเคยเป็นผู้ถูกเลือกอันดับ 1 เขาคือหนึ่งในคนที่น่าจับตามองที่สุดในบรรดา 4 ตระกูล แม้แต่เสวียอี้หยางก็ยังไม่สามารถเทียบกับเขาได้
หลายคนประหลาดใจที่เห็นว่าหลินเฟิงไม่ได้เข้าร่วมวงกับเสวียอี้หยาง และไม่นานพวกเขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะเขาไม่ได้เข้าร่วมกับวงไหนเลย
ภายใต้สายตาที่อยากรู้อยากเห็นของทุกๆคน หลินเฟิงกำลังเดินไปนั่งข้างๆชายหนุ่มที่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกเขา พวกเขา 2 คนพูดคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติ พวกเขาแทบไม่ต้องเสียเวลาทักทายกันเลย เหมือนกับว่าพวกเขาจะค่อนข้างสนิทกัน ทำให้ใครหลายๆคนต้องช็อค ไม่มีใครรู้ว่าคนที่นั่งคุยกับหลินเฟิงอยู่เป็นใคร
เสวียอี้หยางและจีชิงชิวเองก็เห็นเช่นเดียวกัน พวกเขามองไป และพบว่าคนที่นั่งคุยอยู่กับหลินเฟิงก็คือ หานเซิ่น
ในตอนนั้นทั่วทั้งหอประชุมก็เริ่มส่งเสียงซุบซิบกันเกี่ยวกับผู้ชายอีกคนที่กำลังนั่งคุยกับหลินเฟิง แต่มีหลายๆคนจำจีเหยียนหรันได้ แม้เธอจะไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ของตระกูล แต่เนื่องจากเธออยู่ในตระกูลใหญ่ ทำให้เธอได้เข้าร่วมงานประเภทนี้ค่อนข้างบ่อย ทุกคนเลยจำเธอได้
แต่เท่าที่ดูเหมือนว่าหลินเฟิงจะไม่ได้ไปเพื่อคุยกับจีเหยียนหรัน แต่เป็นคนที่อยู่ข้างๆจีเหยียนหรัน ซึ่งทุกคนไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
หลังจากซุบซิบกันอยู่สักพัก พวกเขาก็รู้ว่าคนนั้นก็คือแฟนของจีเหยียนหรัน แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังของเขา
“ฉันไม่คิดว่าจะมาเจอนายที่นี่” หลินเฟิงยิ้ม เขาสังเกตเห็นหานเซิ่นมานานแล้ว แต่เขาต้องรอจนกระทั่งการบรรยายจบลง เขาจึงเดินมาทักทายหานเซิ่น
“ฉันก็เหมือนกัน” หานเซิ่นรินไวน์ให้กับหลินเฟิง การรินไวน์ของหานเซิ่นเป็นการรินแบบธรรมดาๆ ซึ่งโดยปรกติจะต้องมีเทคนิคในการริน
หลินเฟิงไม่ได้สนใจเรื่องเล็กแค่นี้ เขารับแก้วไวน์มา จากนั้นเขาก็จิบมันทันที พวกเขาทั้ง 2 คนเริ่มพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง
แม้แต่จีเหยียนหรันก็ยังประหลาดใจที่เห็นหานเซิ่นดูสนิทกับหลินเฟิงมาก เธอไม่รู้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันยังไง เธอคิดว่าเขาจะรู้จักแค่หวังเหมียนเหมียนซะอีก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้มาร่วมงาน
หลินเฟิงและหานเซิ่นคุยกันอยู่สักพัก แต่ไม่นานเท่าไหร่ เสวียอี้หยางและจีชิงชิวก็เดินเข้ามา จีชิงชิวยิ้มและถาม “เหยียนหรัน เธอไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าพวกเราจะมาร่วมวงด้วย?”
“ชิงชิว เธอมานั่งตรงนี้เลยก็ได้” แม้จีเหยียนหรันจะไม่ค่อยชอบใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกพี่ลูกน้องเธอ แต่เธอก็ไม่อยากจะปฏิเสธ
พวกเขาทั้ง 2 คนนั่งลง ม่านตาสีดำของเสวียอี้หยางเปล่งประกาย เขามองที่หานเซิ่น จากนั้นเขาก็พูด “หลินเฟิง นี่เป็นเพื่อนเก่าที่นายพูดถึงหรอ?”
หลินเฟิงพยักหน้า แต่เขาไม่ได้ตอบอะไร
“เฟิงเฟิงน้อย คนพวกนี้เป็นเพื่อนของนายหรอ?” มีคนอีกคนปรากฏตัวมาโดยไม่ได้รับเชิญ เธอเดินมานั่งข้างๆหลินเฟิง จากนั้นเธอก็เอาแขนมากอดคอของหลินเฟิง
หานเซิ่นมองคนที่เรียกหลินเฟิงว่า “เฟิงเฟิงน้อย ” และพบว่าคนคนนั้นก็คือ หลินเวยเวย คนที่บรรยายเกี่ยวกับวิชาโลกที่ 3
หลินเวยเวยเป็นคนที่สง่างามอย่างไม่น่าเชื่อ เธอดูมีออร่ามาก แม้เธอจะจงใจกดมันไว้ก็ตาม แต่หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงพลังที่ยิ่งใหญ่จากตัวของเธอ
หลินเฟิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ “พี่ครับ นี่เพื่อนของผมเอง หานเซิ่น”
เธอไม่รอให้หลินเฟิงแนะนำหานเซิ่น เธอยื่นมือไปหาหานเซิ่นพร้อมกับพูด “ฉันคือพี่สาวคนโตของหลินเฟิง หลินเวยเวย นายจะเรียนฉันว่าพี่เวยเวยก็ได้”
หานเซิ่นเห็นสีหน้าของหลินเฟิงดูจะเซงๆ หลังจากพี่ของเขาปรากฏตัว แต่หานเซิ่นก็ยังยื่นมือออกไปจับมือทักทายกับหลินเวยเวย พร้อมกับพูด “สวัสดีครับ พี่เวยเวย”
ตอนนี้หน้าผากของหลินเฟิงเต็มไปด้วยรอยย่น แต่หลินเวยเวยกับดูจะมีความสุขมากที่ได้เห็นเขาในสภาพนั้น เธอพูด “เฟิงเฟิงน้อย เพื่อนของนายดูน่าสนใจกว่านายตั้งเยอะ”
“พี่เวยเวยครับ นี่แฟนของผมเอง จีเหยียนหรัน เหยียนหรันรีบมาทักทายพี่เวยเวย” หานเซิ่นยังไม่เคยเห็นหลินเฟิงในสภาพนี่มาก่อน ทำให้เขารู้สึกนึกสนุกขึ้นมา
คอมเม้นต์