อ่านการ์ตูน อ่านมังงะ เรื่อง Super God Gene – ตอนที่ 568 การต่อสู้ของสปิริต
แปลไทย ตอนล่าสุด อ่านฟรี manga มังงะญี่ปุ่น manhwa มังงะเกาหลี manhua มังงะจีน อัพเดทล่าสุดก่อนใคร มีให้เลือกอ่านฟรีมากมาย ทั้งบนแอพมือถือ แอนดรอย ios
ในตอนที่หานเซิ่นเดินออกจากร้านขายวิญญาณอสูร เขาเดินออกมาพร้อมกับดาบที่เขาต้องการ และยังได้วิญญาณอสูรชุดเกราะเลือดศักดิ์สิทธิเพิ่มมาอีกดวง
ทั้ง 2 ดวงล้วนแต่เป็นวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิชั้นเยี่ยม โดยเฉพาะดาบวิญญาณอสูรมาสคอท มันเป็นหนึ่งในดาบที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่มนุษย์จะหาได้แล้ว ซึ่งหลังจากที่หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรโคไฟนรกแลกมา เขาก็ยังสามารถเอามันไปอัพเกรดให้เป็นวิญญาณอสูรเบอร์เซิร์กทีหลังได้ งานนี้หานเซิ่นมีแต่คุ้มกับคุ้ม หานเซิ่นมีความสุขมาก หลังจากการแลกเปลี่ยนสำเร็จ
ตอนแรกหานเซิ่นเตรียมใจไว้แล้วว่าถึงจะขาดทุนก็คงต้องยอม เพื่อให้ได้ดาบวิญญาณอสูรที่เขาต้องการ เขาไม่ได้หวังว่าจะได้กำไรแบบนี้
“น้องชาย สนใจไปดินเนอร์ด้วยกันไหม? พวกเรา 2 คนจะได้ทำความรู้จักกัน” หลังจากออกจากร้านชายคนนั้นก็เดินตามหานเซิ่นมา และชวนเขาไปกินดินเนอร์
“แน่นอน” หานเซิ่นตอบตกลง ถ้าไม่ใช่เพราะเขา หานเซิ่นก็อาจจะไม่ได้ดาบที่เขาต้องการมา ตอนนี้ไม่เพียงแค่เขาจะได้ดาบ แต่เขายังได้วิญญาณอสูรเพิ่มอีก ยังไงก็ต้องขอบคุณคนคนนี้ที่ทำให้การต่อรองง่ายขึ้น
เขาพาหานเซิ่นไปที่ภัตตาคาร จากนั้นเขาก็รีบสั่งเมนูเด็ดมา 2 จาน และเริ่มคุยกับหานเซิ่นทันที
ชายคนนี้มีชื่อว่าจางเซี่ยง เขาบอกว่าเขาเป็นผู้จัดการสนามประลองที่ถูกออกแบบมาเพื่อสัตว์เลี้ยงและสปิริตเท่านั้น เขามอบนามบัตรให้หานเซิ่น และเขายังบอกอีกว่าถ้าหานเซิ่นมีสัตว์เลี้ยงหรือสปิริตที่อยากจะเอามาลงสนามประลองให้ติดต่อเขาได้
“คุณได้กำไรจากการขายตั๋วใช่ไหม?” หานเซิ่นถาม
จางเซี่ยงยิ้ม “นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่หลักๆมาจากการเดิมพันมากกว่า เวลาที่มีการประลองระหว่างสัตว์เลี้ยงหรือสปิริต พวกเราจะจัดให้มีการลงพนันกัน”
ขอสงสัยของหานเซิ่นนั้นไม่ผิด เขาพอจะเดาออกว่าจางเซี่ยงคงจะสร้างสนามประลองมาเพื่อเป็นแหล่งเล่นการพนัน ซึ่งมันก็คือรายได้หลักของเขา
“ถ้าน้องชายมีเวลาก็ลองมาลงแข่งได้ และถ้าสัตว์เลี้ยงหรือสปิริตของน้องชายสามารถชนะในการประลอง น้องชายก็จะได้เงินและชื่อเสียง และถ้าสัตว์เลี้ยงหรือสปิริตของน้องชายโด่งดังเมื่อไหร่ การลงสู้แต่ละแมทจะมีค่าตัวที่แพงมาก” จางเซี่ยงพูด
หลังจากฟังแล้ว หานเซิ่นรู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก เขากำลังมองหาสถานที่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ที่ที่เขาจะสามารถเอาสปิริตและสัตว์เลี้ยงมาลงสู้ได้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ระดับของพวกมัน เขารู้ดีว่ายังไงในอนาคตเขาก็คงมีสปิริตเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าเขาต้องการขายพวกมันในราคาสูง เขาก็ต้องหาทางทำให้พวกมันได้แสดงฝีมือก่อน
จางเซี่ยงพาหานเซิ่นไปที่สนามประลอง ซึ่งมันมีขนาดใหญ่กว่าที่หานเซิ่นคิดไว้มาก มันเป็นสนามที่มีนั่งชมมากกว่า 100000 ที่นั่ง
สนามประลองของที่นี่ถูกแบ่งออกเป็นหลายๆสนาม แต่ละลานประลองก็จะมีสัตว์เลี้ยงหรือสปิริตต่อสู้กันอยู่ แต่ส่วนมากก็คือพวกสัตว์เลี้ยง สปิริตนั้นมีอยู่แค่ 2-3 คู่เท่านั้น แต่กระนั้นก็ยังมีคนเข้าชมการต่อสู้มากกว่า 1 หมื่นคน
หานเซิ่นสังเกตเห็นเซินเทียนจื่อนั่งอยู่ตรงที่นั่งระดับ vip ซึ่งมีสาวงามล้อมรอบตัวเขาอยู่ เขากำลังดูการประลองระหว่างสปิริตที่ลานประลองตรงกลาง
ตอนนี้ในสนามประลองเหลือแค่สปิริตคู่นี้ที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ส่วนที่เหลือเป็นการต่อสู้ของสัตว์เลี้ยงทั้งหมด
หานเซิ่นมองดู และพบว่าสปิริตทั้ง 2 เป็นสปิริตชายทั้งคู่ ฝ่ายหนึ่งคือยักษ์ตาเดียว ส่วนอีกฝ่ายก็คือนักรบที่สวมชุดเกราะหนัก ทั้งคู่ดูแข็งแกร่งและน่าเกรงขามมาก แต่ทั้งคู่ก็เป็นแค่สปิริตระดับอัศวินเท่านั้น
“ทำไมถึงมีแค่สปิริตระดับอัศวินมาต่อสู้กัน? ที่นี่ไม่มีสปิริตระดับขุนนางสู้กันบ้างหรอ?” หานเซิ่นถาม
“น้องชายต้องล้อเล่นแน่ๆ! สปิริตไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น โดยเฉพาะสปิริตระดับสูง ยากมากที่พวกสปิริตจะยอมภักดีกับมนุษย์”
จางเซี่ยงอธิบาย “ทั้งสนามประลองของเรา มีสปิริตขุนนางแค่ 1 ตนเท่านั้น และมันก็ยังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันมันเลย พวกเราก็พยายามจะหาสปิริตขุนนางมาเป็นคู่ต่อสู้ให้มันอยู่ พวกเราเลยตั้งรางวัลล่อเอาไว้ ใครก็ตามที่หาสปิริตขุนนางมาสู้กับมันและเอาชนะได้ จะได้รับวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิไปแบบฟรีๆ แต่ผ่านมานานแล้วก็ยังไม่มีใครพาสปิริตขุนนางมาสู้เลย”
“รางวัลวิญญาณอสูรแบบไหนหรอ?” หานเซิ่นสนใจ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องปฏิเสธวิญญาณอสูรที่มีโอกาสได้มาฟรีๆ
“น้องหาน พอจะรู้จักคนที่มีสปิริตขุนนางใช่ไหม?” ตาของจางเซี่ยงเป็นประกายขึ้นมา
“ผมมีสปิริตขุนนางอยู่” หานเซิ่นพูด
“เป็นสปิริตระดับไหน? ให้พวกเราพาสปิริตของน้องชายไปทดสอบระดับพลังก่อนได้ไหม?” จางเซี่ยงพูดอย่างตื่นเต้น
“ผมต้องขอดูวิญญาณอสูรที่เป็นรางวัลก่อน” หานเซิ่นพูด
“มันคือวิญญาณอสูรที่หายากมาก มันคือวิญญาณอสูรสัตว์ขี่ที่สามารถบินได้” หลังจากที่หานเซิ่นได้ยิน เขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
“น้องหาน ฉันขอดูสปิริตของน้องชายหน่อยได้ไหม?” จางเซี่ยงเอามือถูกกันด้วยความตื่นเต้น
“แน่นอน” หานเซิ่นเรียกหิมะเจ้าเสน่ห์ออกมา
จางเซี่ยงมองหิมะเจ้าเสน่ห์จนตาเกือบจะหลุดออกจากเบ้า เขากรีดร้อง “สปิริตขุนนางหญิง!”
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ยังดีที่พวกเขาอยู่ในห้องส่วนตัว ไม่งั้นเสียงร้องของจางเซี่ยงอาจจะทำให้คนอื่นๆสนใจเป็นจำนวนมาก
“น้องหาน ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าน้องชายต้องเป็นคนที่พิเศษแน่ๆ! ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าน้องชายจะมีสปิริตขุนนางที่สวยขนาดนี้ มันล้ำค่ามากจริงๆ น้องชายสนใจจะขายมันไหม?” จางเซี่ยงแทบจะกระโดดด้วยความตื่นเต้น เขาไม่สามารถละสายตาจากหิมะเจ้าเสน่ห์ได้ ราวกับว่าเธอสามารถแช่แข็งเขาได้
“ไม่” หานเซิ่นตอบแบบไม่ต้องคิด สำหรับเขาแล้วสปิริตพวกนี้ยังพึ่งพาได้มากกว่ามนุษย์ซะอีก ที่สำคัญตอนนี้หานเซิ่นก็เป็นคนที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องขายเธอ
จางเซี่ยงดูจะผิดหวัง แต่กระนั้นเขาก็ยังมีความสุขที่จะได้จัดการแข่งขันให้กับหิมะเจ้าเสน่ห์
ไม่นานสปิริต 2 ตนที่สู้กันอยู่ก็รู้ผลแพ้ชนะ จากนั้นพิธีกรประจำลานประลองก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น “ตอนนี้สนามประลองของเมืองเดม่อนกำลังร้อนระอุ เพราะพวกเรากำลังจะจัดการประลองระหว่างสปิริตระดับขุนนางขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่รอกันมานาน ในที่สุดวันนี้ก็มีสปิริตขุนนางมาท้าชิง!”
หลังจากที่ได้ยินผู้ชมจำนวนมากในสนามประลองก็เริ่มพูดคุยกันทันที
“พวกเขาหาสปิริตขุนนางได้แล้วหรอ?”
“จริงหรอเนี่ย? สปิริตอีกตน?”
“ฉันอยากรู้มากว่าจะเป็นสปิริตแบบไหน ฉันหวังว่าจะมันเป็นสปิริตสาวสวย ถ้าเป็นแบบนั้นก็วิเศษจริงๆ!”
“อืมม ดูจากรายชื่อที่ประกาศ เหมือนมันจะชื่อว่า ‘หิมะเจ้าเสน่ห์’ ฟังดูก็เหมือนกับชื่อผู้หญิงอยู่นะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นผู้หญิงจริงๆรึเปล่า ได้แต่หวังว่าคงไม่เป็นยักษ์หน้าตาน่าเกียจอีกก็พอ!”
“ใช่ แค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าจะต้องเป็นสปิริตขุนนางสาวสวยแน่”
“แบบนี้จะวางเดิมพันข้างไหนดี พวกนายคิดว่าใครจะชนะ?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นเดม่อนอยู่แล้ว แค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าฝ่ายไหนแข็งแกร่งกว่า”
…
หลังจากที่เซินเทียนจื่อได้ยินที่พิธีกรประกาศ ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ‘สปิริตขุนนางผู้หญิงงั้นหรอ? อืมม แต่ยังไงก็ไม่น่ามีปัญหา เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเอาชนะเดม่อนของเราได้’
สปิริตเดม่อนเป็นของเซินเทียนจื่อ และสนามประลองแห่งนี้ก็เป็นของเขาด้วย
เดม่อนไม่ได้เป็นสปิริตที่ปกครองเมืองเดม่อนมาก่อนแต่อย่างใด มันเป็นสปิริตที่เซินเทียนจื่อใช้เงินมหาศาลซื้อมา จากนั้นเขาก็เปลี่ยนชื่อมันให้เข้ากับชื่อเมือง
เซินเทียนจื่อไม่ได้กังวลเลยว่าเดม่อนจะแพ้ เพราะเขามั่นใจว่าเดม่อนคือสปิริตขุนนางระดับท็อป นอกจากนั้นเขายังโอนวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธ์ให้มันหลายดวง เขาไม่เชื่อว่าจะมีสปิริตตนไหนเอาชนะมันได้
นี่มันไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างสปิริต แต่มันเป็นตัวแทนของพลังอำนาจและความมั่งคั่งด้วย สปิริตสามารถใช้วิญญาณอสูรได้ มันก็เหมือนกับเป็นตัวแทนของเจ้านาย เซินเทียนจื่อไม่เชื่อว่าจะมีใครหาวิญญาณอสูรจำนวนมากมาให้สปิริตใช้ได้เหมือนกับเขา
คอมเม้นต์