อ่านการ์ตูน อ่านมังงะ เรื่อง Super God Gene – ตอนที่ 599 การปลดล็อคยีน
แปลไทย ตอนล่าสุด อ่านฟรี manga มังงะญี่ปุ่น manhwa มังงะเกาหลี manhua มังงะจีน อัพเดทล่าสุดก่อนใคร มีให้เลือกอ่านฟรีมากมาย ทั้งบนแอพมือถือ แอนดรอย ios
ที่อีกฝากหนึ่งของเมืองเทพธิดามีภูเขาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งเลยภูเขาลูกนี้ไปจะเป็นดินแดนที่ไม่ค่อนมีหิมะมาก และมีเมืองราชวงศ์อีกเมืองที่ถูกครอบครองโดยมนุษย์ตั้งอยู่
ส่วนภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆเมืองถูกเรียกว่า ‘ภูเขาปีศาจ’ ซึ่งเต็มไปด้วยมอนสเตอร์จำนวนมาก ภูเขาลูกนี้ทั้งชันและขรุขระ ทำให้มนุษย์ต่อสู้ที่นี่ได้อย่างยากลำบาก มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกไปล่าที่นั่น แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าไปล่าในภูเขาลึก
ในตอนที่อสูรอัสนีเดินทางผ่านภูเขาลูกนี้มา เขาก็ยังเลือกที่จะเดินทางหลีกเลียงพื้นที่ที่เป็นอันตราย
ตามที่ชีซิวเหวินบอก ผู้ครองเมืองสปิริตใกล้ๆภูเขาปีศาจชื่อว่า หลูฮุย เขาคือหัวหน้ากองกำลังสำรองของหน่วยพิเศษบลูบลัด เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก ถึงพวกเขาจะปลดล็อคยีนได้เหมือนกัน แต่เขาก็มีพลังเหนือชั้นกว่าอสูรอัสนีมาก
ตอนนี้หานเซิ่นยังไม่มีคนใต้บังคับบัญชามากตามที่เขาต้องการ เขาต้องพยายามอย่างมากที่จะดูแลรักษาและบริหารจัดการเมืองเทพธิดา ตอนนี้เขายังขาดแคลนกำลังคนอีกมาก
ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากที่สุดในทุ่งน้ำแข็งแล้ว ด้านหลังของเมืองเทพธิดา(เมืองราชวงศ์)มีภูเขาปีศาจขวางกั้นเอาไว้ ทำให้ยากที่จะบุกมาทางนี่ ตอนนี้เขาแทบจะเรียกได้ว่าเป็นราชาของทุ่งน้ำแข็ง ถ้าเขาสามารถรักษาอิทธิบริเวณทุ่งน้ำแข็งได้ เขาก็จะได้เงินมหาศาล
หานเซิ่น : ร่างกายขั้นสุดยอด คิงสปิริต
สถานะ: ผู้วิวัฒนาการ
อายุขัย : 300
จีพ้อยที่ได้รับ : 100 จีโนพ้อยสามัญ 100 จีโนพ้อยโบราณ 100 จีโนพ้อยกลายพันธ์ 39 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ (ต้องการ 100 จีโนพ้อยเพื่อวิวัฒนาการ)
หานเซิ่นได้ผลประโยชน์มหาศาลจากการยึดเมืองราชวงศ์ และตอนนี้จีโนพ้อยกลายพันธ์ของเขาก็เต็มแล้ว ส่วนจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิของเขาก็เพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มี 39 จีโนพ้อยแล้ว
ตอนนี้ระดับความแข็งแกร่งของเขาน่าจะอยู่แถว 150 แต่เขาก็ยังไม่เคยไปทดสอบดูเพื่อยืนยันตัวเลข นี่เป็นแค่การประเมินคร่าวๆ
ตัวเลขนี้ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของผู้วิวัฒนาการแล้ว ถ้าหานเซิ่นวิวัฒนาการกลายเป็นผู้เป็นเลิศ เขาก็จะสามารถไปถึงระดับความแข็งแกร่ง 300 และเป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิได้
แต่จีเหยียนหรันบอกเขาไว้ว่าก่อนที่จะกลายเป็นผู้เป็นเลิศ เขาต้องทำให้ระดับความแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ไม่จำเป็นต้องรีบวิวัฒนาการ
ตอนนี้เป็นหมายอันดับแรกของหานเซิ่นก็คือการปลดล็อคยีนให้ได้ ถ้าเขาทำไม่ได้ ไม่ว่าระดับความแข็งแกร่งของเขาจะสูงขนาดไหน เขาก็จะไม่สามารถต่อกรกับผู้ที่ปลดล็อคยีนแล้วได้
“เรายังไม่สามารถสำเร็จขั้นแรกของศาสตร์ตงเสวียนได้ แม้จะทุ่มเทเวลาให้กับมันมากแล้วก็ตาม บางทีเราอาจจะต้องหันกลับไปหากายหยกก่อน หวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรระหว่างฝึก” หานเซิ่นตัดสินใจกลับไปฝึกกายหยกอีกครั้ง
ในตอนที่เขาสำเร็จขั้นแรกของกายหยก เขาคิดว่าตัวเขาอีกปลดล็อคยีนได้แล้ว แต่ผลปรากฏว่ามันไม่เป็นความจริง เมื่อเห็นพลังของเสวียอี้ขวง ซึ่งเหนือชั้นกว่าเขามาก
หานเซิ่นก็รู้ว่าวิชากายหยกมีปัญหาอะไรบางอย่าง ตั้งแต่ตอนที่เขาดูดซับพลังน้ำแข็งของเสวียอี้ขวง กายหยกของเขาก็มีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ถึงเขาจะมั่นใจมากว่าถ้าฝึกต่อไปอีกนิดก็จะปลดล็อคยีนได้แน่ๆ แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะฝึกมันต่อ
สิ่งที่หานเซิ่นกำลังกังวลอยู่ก็คือผลข้างเคียงของการฝึกกายหยก เขากลัวว่าจะต้องมีจิตใจที่โหดร้ายป่าเถื่อนเหมือนกับคนตระกูลเสวีย
แต่ถ้าเขาต้องการจะสู้กับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด เขาจำเป็นจะต้องปลดล็อคยีนเท่านั้น ตอนนี้เขามีศาสตร์ตงเสวียน หานเซิ่นไม่กลัวที่จะฝึกกายหยก หลังจากกลับมาที่สหพันธ์ดวงดาว หานเซิ่นก็เข้าไปในห้องฝึกซ้อมและเริ่มฝึกทันที
เมื่อเขาใช้วิชากายหยก ไอเย็นก็ถูกปล่อยออกมาจากเซลล์ในร่างกายของเขา พลังไอเย็นกำลังไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขา หานเซิ่นรู้สึกว่าร่างกายของเขาบริสุทธิ์ขึ้น
ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกว่าประสาทสัมผัสทั้ง 6 ของเขาเฉียบคมขึ้น ราวกับว่าเขาสามารถรับรู้หรือมองเห็นโลกได้ต่างไปจากเดิม
อารมณ์ของหานเซิ่นที่เคยถูกครอบงำโดยความโลภ ความอิจฉา กิเลส ตัณหา แต่ภายใต้ผลของการหยก อารมณ์ของเขาก็แตกต่างไปจากเดิม อารมณ์ที่เคยส่งผลด้านลบต่อจิตใจของเขาได้หายไป ตอนนี้จิตใจของเขาเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ แต่มันกับทำให้หานเซิ่นรู้สึกกระตือรือร้น กระปรี้กระเปร่าอย่างบอกไม่ถูก
การมองเห็น การได้กลิ่น การลิ้มรสและการได้ยินของเขามีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย แต่แค่นั้นยังเทียบไม่ได้กับการเพิ่มขึ้นของสัมผัสที่ 6 ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นต้องประหลาดใจ
ตอนนี้หานเซิ่นได้ยินเสียงจากห้องฝึกซ้อมที่อยู่ข้างๆ ซึ่งปรกติเขาไม่เคยได้ยินมันมาก่อน
แม้เขาจะไม่ได้รู้สึกหนาว แต่ร่างกายของเขามีอุณหภูมิที่ต่ำมาก แต่ที่เย็นมากกว่าร่างกายก็คือจิตใจของเขา อารมณ์ความรู้สึกของเขาได้จางหายไปแล้ว ตอนนี้เขาแทบจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์
เซลล์ในร่างกายของเขากำลังดิ้นร่น พวกมันกำลังส่งเสียงร้องครวญครางออกมา ราวกับพวกมันถูกล่ามโซ่ไว้ หานเซิ่นไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ร่างกายของเขาเหมือนกับถูกจำกัดอิสรภาพ ร่างกายของเขาเริ่มตื่นตระหนก และต้องการจะทำลายโซ่ที่พันธนาการตัวเขาอยู่
หานเซิ่นรู้สึกว่าตอนนี้ใกล้ปลดล็อคยีนขั้นแรกได้แล้ว ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาการหยกของเขาแตกต่างไปจากเดิม ไม่ว่าในอดีตเขาจะฝึกมันหนักแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
หานเซิ่นเชื่อว่าถ้าเขายังฝึกต่อไป เขาจะปลดล็อคยีนขั้นแรกได้ แต่ถ้าเขาไปไกลกว่านี้ อารมณ์ของเขาอาจจะหายไป เขากลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นเหมือนกับหุ่นยนตร์ที่ไร้อารมณ์
เขากลัวว่าถ้าปลดล็อคยีนได้แล้ว เขาจะสูญเสียความเป็นตัวเองไป เขาอาจจะไม่รู้สึกว่าเป็นมนุษย์อีกแล้ว เขาอาจจะแย่ยิ่งกว่าคนตระกูลเสวีย
อย่างน้อยๆคนตระกูลเสวียก็ยังมีอารมณ์ความรู้สึกหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ตอนนี้หานเซิ่นไม่รู้สึกอะไรเลย เขาไม่มีความสุข ไม่โกรธ ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ถ้าเขายังใช้กายหยกปลดล็อคยีน มีความเป็นไปได้ที่เขาจะไม่มีอารมณ์อีกต่อไป
‘ครั้งสุดท้ายที่เราลองฝึกกายหยก ศาสตร์ตงเสวียนได้ปลุกให้เราตื่นขึ้นมา แต่ตอนนี้ศาสตร์ตงเสวียนไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร หมายถึงว่าครั้งนี้ไม่ได้มีอันตรายงั้นหรอ? บางทีเราควรจะฝึกมันต่อไป ครั้งนี้เราต้องฝึกจนกว่าจะปลดล็อคยีนได้จริงๆ’
ภายใต้สภาวะที่มีสัมผัสเหนือมนุษย์ หานเซิ่นเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการปลดล็อคยีนแล้ว
ตอนนี้เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเขาเริ่มอาละวาด ร่างกายของเขาร้อนเหมือนกับถูกไฟเผา เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเหมือนกับมีพลังที่มองไม่เห็นบีบอัดร่างกายของเขาอยู่ หานเซิ่นกัดฟัน ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังสั่นอย่างหนัก
แม้เซลล์ในร่างกายของเขากำลังอาละวาดอย่างหนัก แต่จิตของเขากลับสงบเยือกเย็นมาก เขานั่งอยู่กับที่โดยไม่ขยับเลยสักนิด
สัมผัสที่ 6 ของเขาเฉียบคมขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันในจิตของเขาก็มีภาพแปลกๆปรากฏขึ้นมา หานเซิ่นรู้สึกว่าเขามองเห็นคนที่อยู่ห้องข้างๆ
หานเซิ่นรู้ว่านี่ไม่ใช่เพราะสายตาของเขาพัฒนาจนถึงขั้นมองทะลุทะลวงได้ แต่มันเป็นเพราะสัมผัสที่ 7 ของเขากำลังพัฒนาขึ้น หลังจากได้ยินเสียง ภาพก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของหานเซิ่นโดยอัตโนมัติ เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆภายในห้องข้างๆ
นี่เป็นธรรมชาติของสัมผัสที่ 7 มันทำให้ผู้คนสามารถวิเคราะห์และหยั่งรู้เกี่ยวกับกาลเวลาและอวกาศได้ สัมผัสที่ 7 ของเขาแข็งแกร่งเหนือกว่ามนุษย์ปรกติ ตอนนี้มันกำลังพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด มันเฉียบคมเหมือนกับใบมีด
จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างแตกหัก จากนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายได้รับแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งร่าง เขารู้สึกได้ว่ามีอะไรภายในร่างกายถูกทำลายไป ซึ่งมันก็คือโซ่ตรวนที่พันธนาการร่างกายของเขาเอาไว้ ตอนนี้เขาเป็นอิสระแล้ว เขารู้สึกราวกับว่าสามารถบินบนฟ้าได้
คอมเม้นต์